'โครม' รถเสียหลักชนต้นไม้ข้างทาง ปัง ๆ เสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด ฝั่งที่นั่งคู่คนขับ เฉินหลิงรีบเปิดที่พักแขนข้างคนขับ หญิงสาวหยิบปืนออกมา หมับ! เฉินหมิงคว้าจับมือน้องสาวคนเล็กเอาไว้ได้ทัน เป็นจังหวะเดียวกันกับเฉินหนิง เอื้อมจับข้อมือของน้องสาวเอาไว้เหมือนกัน เฉินหลิงน้ำตาคลอหน่วย มือที่กำด้ามปืนเอาไว้สั่นระริก เมื่อสบเข้ากับสายตาคัดค้านของพี่ชายและพี่สาว สองพี่น้องสบตากับน้องสาวคนเล็ก ก่อนจะส่ายหน้าน้อย ๆ เป็นการห้าม เสียงของพ่อกับแม่ดังก้องเข้ามาในหู ทว่ามันเริ่มห่างไกลจากทั้งคู่เข้าไปทุกที เฉินหลิงวางปืนในมือเอาไว้ที่เดิม “ทำไม! ทำไมกัน ฮือ ๆ” เฉินหลิงกรีดร้องออกมาด้วยความเสียใจ หญิงสาวเปิดประตูรถออก ก่อนจะรีบไปเปิดประตูข้างคู่คนขับ เพื่อพาพี่สาวออกจากตัวรถ ทว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด ทางด้านคุณนายเฉินยังคงช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอค่อย ๆ ลงจากรถ แล้วเดินมาไปหาบุตรสาวคนเล็ก ใบหน้าของคนเป็นแม่ในตอนนี้ขาวซีดราวกระดาษ คุณนายเฉินทรุดลงนั่งกับพื้นสะอื้นจนตัวโยน ภาพของลูกชายหญิง มีเลือดท่วมตัว ทำให้เธอไม่อาจทนรับกับความเจ็บปวดนี้ได้ ร่างสั่นเทาค่อย ๆ คลานเข้าไปหาลูกสาวคนรอง มื
มิติคู่ขนาน กระท่อมชายป่า เมืองชีเป่ย “อาหนิง”เฉินหนิงได้ยินเสียงเรียกแว่ว ๆ อยู่ข้างหู ก่อนจะค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นช้า ๆ หญิงสาวกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อให้คุ้นชินกับแสง เธอยังไม่ตายอย่างนั้นเหรอ ถูกยิงหลายนัดขนาดนั้น รอดมาได้ถือว่าปาฏิหาริย์มากทีเดียว"ปวดหัวจังเลย"หญิงสาวคิดจะยกมือขึ้นคลึงขมับ เพื่อคลายอาการปวดสักหน่อย แต่ก็ต้องตกใจสุดขีด เพราะมือของเธอทำไมมันเหมือนเด็กขาดสารอาหารแบบนี้ เฉินหนิงค่อย ๆ ไล่มองตามนิ้วมือเรียวเล็กไปจนถึงแขนที่ไม่ใช่ของเธอ ชายแขนเสื้อไม่เหมือนที่เธอคุ้นเคย‘นี่มันอะไรกัน!’อาการปวดหัวเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น พร้อมกับเรื่องราวของใครบ้างคนหลั่งไหลเข้ามาในหัว เฉินหนิงทั้งเจ็บปวดและต้องข่มกลั้นก้อนสะอื้นลงไปในอก เพราะภาพที่ฉายวนอยู่ในหัวเธอตอนนี้ มันหาคำว่าความสุขไม่ได้เลยหญิงสาวปล่อยให้ทุกอย่างไหลเข้ามาให้เต็มที่ เพราะยิ่งเธอฝืนไม่อยากที่จะรับ หัวของเธอเหมือนจะระเบิดให้ได้ น้ำใส ๆ ค่อย ๆ ไหลออกจากหางตา ความรู้สึกทั้งหมดของเด็กหญิงวัยเพียงสิบสี่ปี มันอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวด จนอยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เฉินหนิงลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยความตกใจ เพราะเธอรู้
หลังจากรถม้าลับสายตาไปแล้ว หรงจิ่งวางลูกชายคนเล็กลงกับพื้น ก่อนจะหันกลับมาหาภรรยา ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มเปลี่ยนไปในทันที สายตาที่เขามองสี่แม่ลูก ไม่ต่างจากเศษขยะริมทาง “กลับไปอยู่ที่กระท่อมได้แล้ว และอย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าขัดคำสั่ง ส่งข่าวให้พ่อแม่เจ้า จำเอาไว้ให้ดีว่าหน้าที่ของภรรยาคือเชื่อฟังสามี เจ้าก้าวออกจากสกุลจางเพื่อมาเป็นคนสกุลหรง ไม่ว่าอยู่หรือตายเจ้าก็คือคนสกุลหรง เรื่องนี้คงไม่ต้องให้ข้าต้องสอนเจ้าเป็นครั้งที่สองหรอกนะ” “เจ้าค่ะ” หญิงสาวพาลูกชายหญิงเดินออกจากจวนไป พร้อมน้ำตาอาบแก้ม นางเป็นแค่ดอกไม้ประดับของสามี และเขามีนางไว้เพื่อให้สกุลจางคอยสนับสนุนเขา ครอบครัวของนางมิใช่คนเมืองหลวง จึงไร้ญาติพี่น้องที่จะพึ่งพา ถึงมีก็ช่วยอะไรนางไม่ได้ เพราะนางเป็นคนของสกุลหรง จะอยู่จะตายก็คือคนของสามี สงสารก็เพียงลูก ๆ ที่พลอยต้องมาลำบากไปด้วย “คุณหนู เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ไยจึงไม่กลับไปเสิ่นโจวกับนายท่านเล่าเจ้าคะ” “ท่านป้าก็รู้ดีมิใช่หรือ หากหย่าขาดจากเขา ไปได้เพียงตัวข้าคนเดียว แล้วลูก ๆ ของข้าเล่าจะอยู่อย่างไร พวกเขาคือคนสกุลหรง หากหรงจิ่งไม่ยินยอม ต่อให้ท่านพ่อท่านแม่ร้องเรียน ก็
หกเดือนต่อมาสองพี่น้องยืนมองไปยังแปลกผัก ที่มีน้องชายคนเล็กกำลังพรวนดินอย่างสนุกสนาน“คุณชายขอรับ ทุกอย่างเรียบร้อยตามคำสั่งแล้วขอรับ”ลุงสือเดินเข้ามารายงานผู้เป็นนายเบา ๆ ด้วยเกรงว่าสตรีทั้งสามคนด้านในกระท่อมจะได้ยิน“เรื่องนี้ไม่ต้องบอกท่านแม่หรอก ทำตามที่ข้าบอกก็พอ ไปกันเถอะ! วันนี้ข้าอยากทำไก่ต้มน้ำแกง สำหรับพวกเราทุกคน”หยางเจี่ยนที่ตอนนี้ร่างกายนับว่าใกล้จะหายดีแล้ว เดินนำลุงสือไปยังทิศทางป่า โดยทิ้งให้น้องสาวดูแลหยางไท้เพียงลำพังแม้ว่าการเข้าป่าล่าสัตว์ของเขา ผู้เป็นแม่จะไม่เห็นด้วย แต่จะให้เขาทนเห็นทุกคน กินเพียงหมั่นโถวไร้รสชาติทุกมื้อได้อย่างไรกัน เพราะแบบนี้อย่างไรเล่า ร่างกายถึงได้ไร้กำลังวังชาลุงสือไม่ได้ชำนาญการล่าสัตว์ เขาก็ไม่มีกำลังพอเช่นกัน แต่เขาทำกับดักได้ ซึ่งตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะต้องเข้าไปดู ว่ามีสัตว์น้อยใหญ่ตัวไหนบ้าง ที่หลงมาติดกับดักของเขานับว่าเขาโชคดีที่ชีวิตเก่า เขาเกิดเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทยา เพราะตั้งแต่จำความได้ เขากับน้อง ๆ ต้องท่องจำสรรพคุณของสมุนไพรแทบจะทุกชนิดได้จนขึ้นใจเพราะร้านค้าแรกๆของตระกูลเฉิน คือร้านยาสมุนไพรและรักษาแบบจีนโบราณมาก่อน ด
“ท่านแม่หาได้เป็นเช่นนั้นสักนิดเจ้าค่ะ หากท่านแม่อ่อนแอ ย่อมเห็นแก่ตัวทิ้งเราสามพี่น้องไปนานแล้ว การที่ท่านแม่ยังอยู่นั่นเพราะรักและเข้มแข็งมากแล้วเจ้าค่ะ ผู้ใดจะมองว่าท่านแม่โง่เขลา ช่างเขาปะไรเจ้าค่ะเพราะสำหรับข้าสามพี่น้อง ท่านแม่นั้นคือผู้เสียสละอย่างแท้จริง”“วันนี้ข้าจะทำหมูย่างให้ท่านแม่กินนะขอรับ”หยางเจี่ยนเดินเข้ามาบอกกับมารดา โดยมีน้องชายที่กอดห่อขนมเอาไว้แน่น หยางไท้ไม่ยอมกินขนมเหล่านั้น แม้จะอยากกินมากเพียงใดก็ตาม เด็กชายบอกเพียงว่าจะรอกินพร้อมกันกับทุกคน“เจ้าเหนื่อยมากแล้ว ไปอาบน้ำนอนพักผ่อนเสียก่อน ทางนี้แม่ทำเอง”“ท่านแม่นั่นล่ะขอรับที่ควรพักผ่อน เรื่องแค่นี้เราสามคนพี่น้องจัดการได้สบาย ท่านด้วยป้าโจว ลุงสือไปพักกันได้แล้ว ให้พี่เสี่ยวเตี๋ยช่วยเราสามคนก็พอขอรับ”“แต่ว่า...”“อย่าดื้อสิขอรับ วันนี้ข้ามีแรงมากพอที่จะดูแลทุกคน อย่าได้ทำลายน้ำใจนี้ของข้าเลยนะขอรับท่านแม่ หากวันใดข้าเหนื่อยข้าจะบอกท่านแม่เป็นคนแรกนะขอรับ”หยางเจี่ยนเริ่มใช้ทั้งความเป็นชายหนุ่ม ปนกับความเป็นเด็กของร่างนี้กับมารดา ทำให้เหลียนฮวา ที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของมารดาเบะปากใส่พี่ชาย ทำให้หยางไท้หัวเราะค
“ข้ามิใช่เด็กแล้วนะขอรับท่านพ่อ ย่อมรู้สิ่งใดควรมิควร”“เจ้าค่อยติดตามไปภายหลัง เอาเวลานี้สร้างฐานกำลังที่มั่นคงให้ฝาแฝดมิดีกว่าหรือ ที่เหลียงเจ้าอาจเหนือผู้อื่น แต่นี่แคว้นอู๋เป่ยถึงจะมีเงินมากแค่ไหน ก็ต้องรู้จักการถนอมชีวิต อย่าเร่งวิ่งเข้าไปตายให้เร็วนัก เราแค่นิ่งรอให้เหยื่อตายใจ แล้ววิ่งเข้ากับดักของเราเอง เจ้านี่นะ! พ่อสอนกี่ครั้งแล้วมิรู้จักจดจำ”“ใครว่าข้าจะรีบวิ่งไปตายเล่าขอรับ ข้าแค่อยากให้หลาน ๆ เติบโตขึ้นมาในสายตาของข้าก็เท่านั้น”“ยังจะเถียงอีก น้องสาวเจ้าได้สอนพวกเขามากพอแล้ว”“อย่างไรขอรับ”“ความอดทนอย่างไรเล่า นางแค่ทนรอให้ลูกของนางเติบโต เพื่อที่วันหนึ่งไร้นางหรือใคร ๆ เด็ก ๆ จะสามารถดูแลตัวเองได้ ถึงกระนั้นนางก็คือสตรีที่ถูกอบรมมาดี จึงยังยึดมั่นในคำสอนของชนรุ่นหลังอยู่”“เช่นนั้นข้าจะไม่ยินยอมให้เหลียนฮวา ต้องเป็นอย่างฮุ้ยเหมยเด็ดขาด”“หึ ๆ เจ้านี่น่า! จนป่านนี้ยังมองไม่ออกอีกหรือ ว่าหลานสาวของเจ้าจะแตกต่างกับแม่ของนาง คนละขั้วเลยทีเดียว”จางหลี่ชางหัวเราะในลำคอ แม้ในจดหมายไม่ได้บอกถึงรายละเอียดอะไรมากมาย แต่จากที่เขาจับใจความได้นั้น สองแฝดต้องการที่จะเรียนวิชาการต่
“ข้ามิใช่เด็กแล้วนะขอรับท่านพ่อ ย่อมรู้สิ่งใดควรมิควร”“เจ้าค่อยติดตามไปภายหลัง เอาเวลานี้สร้างฐานกำลังที่มั่นคงให้ฝาแฝดมิดีกว่าหรือ ที่เหลียงเจ้าอาจเหนือผู้อื่น แต่นี่แคว้นอู๋เป่ยถึงจะมีเงินมากแค่ไหน ก็ต้องรู้จักการถนอมชีวิต อย่าเร่งวิ่งเข้าไปตายให้เร็วนัก เราแค่นิ่งรอให้เหยื่อตายใจ แล้ววิ่งเข้ากับดักของเราเอง เจ้านี่นะ! พ่อสอนกี่ครั้งแล้วมิรู้จักจดจำ”“ใครว่าข้าจะรีบวิ่งไปตายเล่าขอรับ ข้าแค่อยากให้หลาน ๆ เติบโตขึ้นมาในสายตาของข้าก็เท่านั้น”“ยังจะเถียงอีก น้องสาวเจ้าได้สอนพวกเขามากพอแล้ว”“อย่างไรขอรับ”“ความอดทนอย่างไรเล่า นางแค่ทนรอให้ลูกของนางเติบโต เพื่อที่วันหนึ่งไร้นางหรือใคร ๆ เด็ก ๆ จะสามารถดูแลตัวเองได้ ถึงกระนั้นนางก็คือสตรีที่ถูกอบรมมาดี จึงยังยึดมั่นในคำสอนของชนรุ่นหลังอยู่”“เช่นนั้นข้าจะไม่ยินยอมให้เหลียนฮวา ต้องเป็นอย่างฮุ้ยเหมยเด็ดขาด”“หึ ๆ เจ้านี่น่า! จนป่านนี้ยังมองไม่ออกอีกหรือ ว่าหลานสาวของเจ้าจะแตกต่างกับแม่ของนาง คนละขั้วเลยทีเดียว”จางหลี่ชางหัวเราะในลำคอ แม้ในจดหมายไม่ได้บอกถึงรายละเอียดอะไรมากมาย แต่จากที่เขาจับใจความได้นั้น สองแฝดต้องการที่จะเรียนวิชาการต่
“ท่านแม่หาได้เป็นเช่นนั้นสักนิดเจ้าค่ะ หากท่านแม่อ่อนแอ ย่อมเห็นแก่ตัวทิ้งเราสามพี่น้องไปนานแล้ว การที่ท่านแม่ยังอยู่นั่นเพราะรักและเข้มแข็งมากแล้วเจ้าค่ะ ผู้ใดจะมองว่าท่านแม่โง่เขลา ช่างเขาปะไรเจ้าค่ะเพราะสำหรับข้าสามพี่น้อง ท่านแม่นั้นคือผู้เสียสละอย่างแท้จริง”“วันนี้ข้าจะทำหมูย่างให้ท่านแม่กินนะขอรับ”หยางเจี่ยนเดินเข้ามาบอกกับมารดา โดยมีน้องชายที่กอดห่อขนมเอาไว้แน่น หยางไท้ไม่ยอมกินขนมเหล่านั้น แม้จะอยากกินมากเพียงใดก็ตาม เด็กชายบอกเพียงว่าจะรอกินพร้อมกันกับทุกคน“เจ้าเหนื่อยมากแล้ว ไปอาบน้ำนอนพักผ่อนเสียก่อน ทางนี้แม่ทำเอง”“ท่านแม่นั่นล่ะขอรับที่ควรพักผ่อน เรื่องแค่นี้เราสามคนพี่น้องจัดการได้สบาย ท่านด้วยป้าโจว ลุงสือไปพักกันได้แล้ว ให้พี่เสี่ยวเตี๋ยช่วยเราสามคนก็พอขอรับ”“แต่ว่า...”“อย่าดื้อสิขอรับ วันนี้ข้ามีแรงมากพอที่จะดูแลทุกคน อย่าได้ทำลายน้ำใจนี้ของข้าเลยนะขอรับท่านแม่ หากวันใดข้าเหนื่อยข้าจะบอกท่านแม่เป็นคนแรกนะขอรับ”หยางเจี่ยนเริ่มใช้ทั้งความเป็นชายหนุ่ม ปนกับความเป็นเด็กของร่างนี้กับมารดา ทำให้เหลียนฮวา ที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของมารดาเบะปากใส่พี่ชาย ทำให้หยางไท้หัวเราะค
หกเดือนต่อมาสองพี่น้องยืนมองไปยังแปลกผัก ที่มีน้องชายคนเล็กกำลังพรวนดินอย่างสนุกสนาน“คุณชายขอรับ ทุกอย่างเรียบร้อยตามคำสั่งแล้วขอรับ”ลุงสือเดินเข้ามารายงานผู้เป็นนายเบา ๆ ด้วยเกรงว่าสตรีทั้งสามคนด้านในกระท่อมจะได้ยิน“เรื่องนี้ไม่ต้องบอกท่านแม่หรอก ทำตามที่ข้าบอกก็พอ ไปกันเถอะ! วันนี้ข้าอยากทำไก่ต้มน้ำแกง สำหรับพวกเราทุกคน”หยางเจี่ยนที่ตอนนี้ร่างกายนับว่าใกล้จะหายดีแล้ว เดินนำลุงสือไปยังทิศทางป่า โดยทิ้งให้น้องสาวดูแลหยางไท้เพียงลำพังแม้ว่าการเข้าป่าล่าสัตว์ของเขา ผู้เป็นแม่จะไม่เห็นด้วย แต่จะให้เขาทนเห็นทุกคน กินเพียงหมั่นโถวไร้รสชาติทุกมื้อได้อย่างไรกัน เพราะแบบนี้อย่างไรเล่า ร่างกายถึงได้ไร้กำลังวังชาลุงสือไม่ได้ชำนาญการล่าสัตว์ เขาก็ไม่มีกำลังพอเช่นกัน แต่เขาทำกับดักได้ ซึ่งตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะต้องเข้าไปดู ว่ามีสัตว์น้อยใหญ่ตัวไหนบ้าง ที่หลงมาติดกับดักของเขานับว่าเขาโชคดีที่ชีวิตเก่า เขาเกิดเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทยา เพราะตั้งแต่จำความได้ เขากับน้อง ๆ ต้องท่องจำสรรพคุณของสมุนไพรแทบจะทุกชนิดได้จนขึ้นใจเพราะร้านค้าแรกๆของตระกูลเฉิน คือร้านยาสมุนไพรและรักษาแบบจีนโบราณมาก่อน ด
หลังจากรถม้าลับสายตาไปแล้ว หรงจิ่งวางลูกชายคนเล็กลงกับพื้น ก่อนจะหันกลับมาหาภรรยา ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มเปลี่ยนไปในทันที สายตาที่เขามองสี่แม่ลูก ไม่ต่างจากเศษขยะริมทาง “กลับไปอยู่ที่กระท่อมได้แล้ว และอย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าขัดคำสั่ง ส่งข่าวให้พ่อแม่เจ้า จำเอาไว้ให้ดีว่าหน้าที่ของภรรยาคือเชื่อฟังสามี เจ้าก้าวออกจากสกุลจางเพื่อมาเป็นคนสกุลหรง ไม่ว่าอยู่หรือตายเจ้าก็คือคนสกุลหรง เรื่องนี้คงไม่ต้องให้ข้าต้องสอนเจ้าเป็นครั้งที่สองหรอกนะ” “เจ้าค่ะ” หญิงสาวพาลูกชายหญิงเดินออกจากจวนไป พร้อมน้ำตาอาบแก้ม นางเป็นแค่ดอกไม้ประดับของสามี และเขามีนางไว้เพื่อให้สกุลจางคอยสนับสนุนเขา ครอบครัวของนางมิใช่คนเมืองหลวง จึงไร้ญาติพี่น้องที่จะพึ่งพา ถึงมีก็ช่วยอะไรนางไม่ได้ เพราะนางเป็นคนของสกุลหรง จะอยู่จะตายก็คือคนของสามี สงสารก็เพียงลูก ๆ ที่พลอยต้องมาลำบากไปด้วย “คุณหนู เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ไยจึงไม่กลับไปเสิ่นโจวกับนายท่านเล่าเจ้าคะ” “ท่านป้าก็รู้ดีมิใช่หรือ หากหย่าขาดจากเขา ไปได้เพียงตัวข้าคนเดียว แล้วลูก ๆ ของข้าเล่าจะอยู่อย่างไร พวกเขาคือคนสกุลหรง หากหรงจิ่งไม่ยินยอม ต่อให้ท่านพ่อท่านแม่ร้องเรียน ก็
มิติคู่ขนาน กระท่อมชายป่า เมืองชีเป่ย “อาหนิง”เฉินหนิงได้ยินเสียงเรียกแว่ว ๆ อยู่ข้างหู ก่อนจะค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นช้า ๆ หญิงสาวกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อให้คุ้นชินกับแสง เธอยังไม่ตายอย่างนั้นเหรอ ถูกยิงหลายนัดขนาดนั้น รอดมาได้ถือว่าปาฏิหาริย์มากทีเดียว"ปวดหัวจังเลย"หญิงสาวคิดจะยกมือขึ้นคลึงขมับ เพื่อคลายอาการปวดสักหน่อย แต่ก็ต้องตกใจสุดขีด เพราะมือของเธอทำไมมันเหมือนเด็กขาดสารอาหารแบบนี้ เฉินหนิงค่อย ๆ ไล่มองตามนิ้วมือเรียวเล็กไปจนถึงแขนที่ไม่ใช่ของเธอ ชายแขนเสื้อไม่เหมือนที่เธอคุ้นเคย‘นี่มันอะไรกัน!’อาการปวดหัวเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น พร้อมกับเรื่องราวของใครบ้างคนหลั่งไหลเข้ามาในหัว เฉินหนิงทั้งเจ็บปวดและต้องข่มกลั้นก้อนสะอื้นลงไปในอก เพราะภาพที่ฉายวนอยู่ในหัวเธอตอนนี้ มันหาคำว่าความสุขไม่ได้เลยหญิงสาวปล่อยให้ทุกอย่างไหลเข้ามาให้เต็มที่ เพราะยิ่งเธอฝืนไม่อยากที่จะรับ หัวของเธอเหมือนจะระเบิดให้ได้ น้ำใส ๆ ค่อย ๆ ไหลออกจากหางตา ความรู้สึกทั้งหมดของเด็กหญิงวัยเพียงสิบสี่ปี มันอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวด จนอยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เฉินหนิงลืมตาขึ้นอีกครั้งด้วยความตกใจ เพราะเธอรู้
'โครม' รถเสียหลักชนต้นไม้ข้างทาง ปัง ๆ เสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด ฝั่งที่นั่งคู่คนขับ เฉินหลิงรีบเปิดที่พักแขนข้างคนขับ หญิงสาวหยิบปืนออกมา หมับ! เฉินหมิงคว้าจับมือน้องสาวคนเล็กเอาไว้ได้ทัน เป็นจังหวะเดียวกันกับเฉินหนิง เอื้อมจับข้อมือของน้องสาวเอาไว้เหมือนกัน เฉินหลิงน้ำตาคลอหน่วย มือที่กำด้ามปืนเอาไว้สั่นระริก เมื่อสบเข้ากับสายตาคัดค้านของพี่ชายและพี่สาว สองพี่น้องสบตากับน้องสาวคนเล็ก ก่อนจะส่ายหน้าน้อย ๆ เป็นการห้าม เสียงของพ่อกับแม่ดังก้องเข้ามาในหู ทว่ามันเริ่มห่างไกลจากทั้งคู่เข้าไปทุกที เฉินหลิงวางปืนในมือเอาไว้ที่เดิม “ทำไม! ทำไมกัน ฮือ ๆ” เฉินหลิงกรีดร้องออกมาด้วยความเสียใจ หญิงสาวเปิดประตูรถออก ก่อนจะรีบไปเปิดประตูข้างคู่คนขับ เพื่อพาพี่สาวออกจากตัวรถ ทว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด ทางด้านคุณนายเฉินยังคงช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอค่อย ๆ ลงจากรถ แล้วเดินมาไปหาบุตรสาวคนเล็ก ใบหน้าของคนเป็นแม่ในตอนนี้ขาวซีดราวกระดาษ คุณนายเฉินทรุดลงนั่งกับพื้นสะอื้นจนตัวโยน ภาพของลูกชายหญิง มีเลือดท่วมตัว ทำให้เธอไม่อาจทนรับกับความเจ็บปวดนี้ได้ ร่างสั่นเทาค่อย ๆ คลานเข้าไปหาลูกสาวคนรอง มื
คฤหาสน์ตระกูลเฉิน ร่างสูงก้าวเข้ามาภายในห้องโถง เคียงคู่กับหญิงสาวที่หน้าตาละม้ายคล้ายกัน แม้แต่ความสูงยังแทบจะเท่ากันเลยด้วยซ้ำ สองหนุ่มสาวในชุดลำลองสบาย ๆ เดินตรงไปยังห้องนั่งเล่น ซึ่งมีท่านเจ้าสัวเฉินกำลังหัวเราะร่าอยู่กับภรรยา เฉินหมิงมองไปยังน้องสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนสองพี่น้องจะเบะปากให้กันเป็นเชิงหยอกล้อ วันนี้เป็นการลาพักร้อนที่ตรงกันในรอบหลายปีของเขาสองคนพี่น้อง เฉินเปียวแกล้งมองผ่านลูกชายหญิง ก่อนจะชำเลืองมองอยู่ในที เขาอยากได้ยินข่าวดี ว่าทั้งสองลาออกจากกองทัพเสียที งานที่ลูก ๆ ทำมันอันตรายเกินกว่าเขาจะรับได้ แรก ๆ แค่ทหารยศธรรมดา พอนานวันเข้ากลายเป็นหน่วยรบพิเศษไปซะงั้น “บ้านเราก็ออกจะร่ำรวย ทำไมใครบางคนต้องอยากเอาชีวิตไปทิ้งให้กับคนอื่นด้วยนะ” เจ้าสัวเฉินแสร้งประชดลูก ๆ ก่อนจะทำท่าทางฮึดฮัด เมื่อลูกสาวคนรองเฉินหนิงก้าวเข้าไปนั่งข้าง ๆ พร้อมสวมกอดผู้เป็นพ่อ คุณนายเฉินได้แต่หัวเราะกับท่าทางของสามี ก่อนจะกวักมือเรียกลูกชายคนโต เฉินหมิงก้าวยาว ๆ เข้าไปสวมกอดผู้เป็นแม่ ก่อนจะพูดจาออดอ้อนเสียจนน่าหมั่นไส้ “ขอเวลาเราสองคนอีกนิดนะคะป๊า แล้วเราจะกลับมาอยู่บ้านจนป๊ากับม๊าเ