แชร์

บทที่7 ความเจ็บปวดในอดีต

ผู้เขียน: ไห่ถาง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-06 20:15:43

“ข้ามิใช่เด็กแล้วนะขอรับท่านพ่อ ย่อมรู้สิ่งใดควรมิควร”

“เจ้าค่อยติดตามไปภายหลัง เอาเวลานี้สร้างฐานกำลังที่มั่นคงให้ฝาแฝดมิดีกว่าหรือ ที่เหลียงเจ้าอาจเหนือผู้อื่น แต่นี่แคว้นอู๋เป่ยถึงจะมีเงินมากแค่ไหน ก็ต้องรู้จักการถนอมชีวิต อย่าเร่งวิ่งเข้าไปตายให้เร็วนัก เราแค่นิ่งรอให้เหยื่อตายใจ แล้ววิ่งเข้ากับดักของเราเอง เจ้านี่นะ! พ่อสอนกี่ครั้งแล้วมิรู้จักจดจำ”

“ใครว่าข้าจะรีบวิ่งไปตายเล่าขอรับ ข้าแค่อยากให้หลาน ๆ เติบโตขึ้นมาในสายตาของข้าก็เท่านั้น”

“ยังจะเถียงอีก น้องสาวเจ้าได้สอนพวกเขามากพอแล้ว”

“อย่างไรขอรับ”

“ความอดทนอย่างไรเล่า นางแค่ทนรอให้ลูกของนางเติบโต เพื่อที่วันหนึ่งไร้นางหรือใคร ๆ เด็ก ๆ จะสามารถดูแลตัวเองได้ ถึงกระนั้นนางก็คือสตรีที่ถูกอบรมมาดี จึงยังยึดมั่นในคำสอนของชนรุ่นหลังอยู่”

“เช่นนั้นข้าจะไม่ยินยอมให้เหลียนฮวา ต้องเป็นอย่างฮุ้ยเหมยเด็ดขาด”

“หึ ๆ เจ้านี่น่า! จนป่านนี้ยังมองไม่ออกอีกหรือ ว่าหลานสาวของเจ้าจะแตกต่างกับแม่ของนาง คนละขั้วเลยทีเดียว”

จางหลี่ชางหัวเราะในลำคอ แม้ในจดหมายไม่ได้บอกถึงรายละเอียดอะไรมากมาย แต่จากที่เขาจับใจความได้นั้น สองแฝดต้องการที่จะเรียนวิชาการต่อสู้ ต่างจากลูกสาวของเขา ที่เป็นกุลสตรีทุกระเบียดนิ้ว

“ไม่รู้ล่ะ! อย่างไรเสีย ข้าจะบอกนางมิให้สนใจกับคำสอน ที่งมงายพวกนั้น”

จางหย่งสือตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่จะไม่ยินยอมให้หรงเหลียนฮวา หลานสาวเพียงคนเดียว จะต้องพบเจอเรื่องเจ็บปวด เช่นที่น้องสาวของเขาต้องประสบอยู่ในตอนนี้

"ฟง! เข้ามาหาข้าสักหน่อยได้หรือไม่"

สิ้นเสียงของหลี่ชาง ประตูเปิดออกในทันที ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลาก้าวเข้ามาในห้อง เขาคือฟงเด็กกำพร้าที่ชายชราฟูมฟักเลี้ยงดูมาตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดขวบ

เขารักชายหนุ่มเหมือนลูกชายอีกคน ฟงเป็นที่รักของทุกคนในบ้าน ตั้งแต่เล็กจนโต ชายหนุ่มเชื่อฟังและขยันเรียนรู้ทุกอย่าง ตอนนี้ฝีมือของชายหนุ่ม จัดได้ว่าอยู่ในขั้นสูงสุดในระดับพลังขั้นสีม่วง

แน่นอนว่าเขาก็คาดหวังที่จะเห็นหลาน ๆ แตกฉานด้านพลังแต่ละแขนงเช่นกัน การเดินทางของฟงในครั้งนี้ คงเต็มไปด้วยอันตรายและความท้าทายอีกมาก

"คารวะนายท่าน คุณชายใหญ่"

หลี่ชางมองดูชายหนุ่มที่เอาแต่ก้มหน้า แล้วได้แต่ทอดถอนใจ เขารู้ว่าฟงได้ยินทุกอย่าง และจากการหลบหน้าก้มต่ำในตอนนี้ คือชายหนุ่มกำลังควบคุมโทสะมิให้ระเบิดออกมา

ฟงรักและเคารพบุตรชายหญิงของเขายิ่งกว่าชีวิต แค่เพียงรอยแมวข่วนก็ทำให้ฟงเป็นเดือดเป็นร้อนแล้ว ชายหนุ่มมีนิสัยเช่นไร ไยเขาจะไม่รู้

"เจ้าคัดเลือกเงาสักแปดคน แล้วไปที่ชายป่าตะวันออกของเมืองชีเป่ย เพื่อพบกับหลานชายของเจ้า จำไว้ว่าอย่าให้พี่สาวของเจ้าเห็นหรือรู้ว่าเจ้าอยู่ที่นั่นเป็นอันขาด คุ้มครองและเป็นอาจารย์ของเขา ส่วนสิ่งของอื่นใดที่จำเป็น พี่ชายของเจ้าจะจัดเตรียมให้เอง พรุ่งนี้ออกเดินทางก่อนรุ่งสาง อีกเรื่องอย่าให้จางฮูหยินรู้เรื่องนี้"

หลี่ชางบอกถึงจุดประสงค์ที่เขาต้องการ ฟงเงยหน้าขึ้นสบตากับบิดาบุญธรรม ก่อนจะก้มต่ำอีกครั้ง ความรู้สึกของชายหนุ่มในตอนนี้ ยิ่งกว่าภูเขาไฟที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา

“ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ นายท่าน”

“เมื่อไหร่เจ้าจะเรียกข้าว่าพ่อ หืม!”

“นั่นสิ! ข้าไม่คู่ควรเป็นพี่ชายเจ้าหรืออย่างไร มันน่านักเจ้าน้องชายคนนี่”

จางหย่งสือ พยายามเปลี่ยนบรรยากาศให้ผ่อนคลายลง เขากลัวใจของน้องชายบุญธรรม ว่าจะทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อตัวเอง หากจะว่าเขามุทะลุแล้ว ฟงนั้นมักจะไม่พูดแต่ลงมือทันที

“ข้าน้อยมิกล้าคิดเช่นนั้นขอรับ”

“เอาล่ะ! ข้าไม่อยากเถียงกับเจ้าเรื่องนี้แล้ว เจ้าออกไปคัดคนเถอะ เดียวข้าจะไปเตรียมของสำคัญให้ อ่อ! ให้มีผู้หญิงไปด้วยสักสองคน เผื่อจะได้ไม่ทำให้ฮวาเอ๋อร์รู้สึกกระดากใจ หากจะมีแต่ผู้ชายทั้งหมด”

“รับทราบขอรับ”

ฟงลุกขึ้นก่อนจะก้าวออกจากห้องไปเงียบ ๆ สองพ่อลูกหันมาสบตากัน ก่อนที่หย่งสือจะทันได้เอ่ยอะไรออกมา เสียงทหารด้านนอกเอ่ยชื่อของผู้ที่กำลังมาหาพวกเขาในตอนนี้ ทุกอย่างจึงเปลี่ยนไปในฉับพลัน เพื่อมิให้จางฮูหยิน ผู้เป็นใหญ่อย่างแท้จริงเกิดสงสัย

ก่อนรุ่งสาง สองพ่อลูกได้ออกมาส่งฟง และเงาทั้งแปดนอกจวนอย่างลับ ๆ

"หย่งสือ ตั๋วเงินและป้ายทองของร้านตระกูลจางครบหรือไม่"

หลี่ชางจะเป็นกองหนุนที่ดีของหลาน ๆ นอกจากส่งมือดีไปเป็นอาจารย์แก่ทั้งสามแล้ว แน่นอนว่าอำนาจและทรัพย์สินจะต้องมีพร้อมเช่นกัน

ในเมื่อหรงจิ่งหวังเพียงผลประโยชน์ เขาก็จะมอบทั้งหมดให้หลานชายเป็นผู้รับไปเสีย อยากรู้นักว่าวันที่สกุลหรง ไม่หลงเหลือเงินแม้แต่อีแปะเดียว มันจะเป็นเช่นไร

"มีหรือข้าจะลืม ฟงเจ้าบอกหลาน ๆ ของเราว่าใช้ให้เต็มที่ ส่วนเจ้าก็อย่าได้ตระหนี่จนไม่กินไม่ใช้นะ เจินจู! เรื่องการกินอยู่ของพวกเจ้าทั้งเก้าคน ข้าให้เจ้ารับผิดชอบ นี่ตั๋วเงินสำหรับการเดินทาง ถ้าเอาไว้ที่หัวหน้าของเจ้า คงได้กินแค่ข้าวต้มกับเกลือเป็นแน่ เห็นไหมว่าข้าไม่เคยตระหนี่แบบใคร ๆ ว่า จริงไหมขอรับท่านพ่อ"

จางหย่งสือมอบตั๋วเงินปึกใหญ่ให้กับหญิงสาว ที่เป็นหนึ่งในเงามือดีของสกุลจาง ก่อนจะหันไปยิ้มแต้ให้แก่บิดา พร้อมคำถามที่ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบ จางหลี่ชางกระพริบตาปริบ ๆ เพราะคำว่าไม่ตระหนี่นั้น คงน้อยเกินไปกับคนเช่นหย่งสือ

ทะเลที่ว่าเค็มคงไม่สู้ความงกของบุตรชายเขาได้ ทำการค้าสำหรับจางหย่งสือ จะต้องไม่มีคำว่าขาดทุน หากคิดจะคดโกงเขาแม้เพียงอีแปะเดียว คนที่ทำคือดวงถึงฆาตแล้วจริง ๆ

แต่สำหรับคนในครอบครัว และผู้ติดตาม คนงานในร้าน หย่งสือจะไม่มีคำว่าหวงเงิน เขาจะทุ่มทุกอย่างให้แก่ทุกคนเต็มที่เสมอ การทำงานหนักย่อมต้องได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า นั่นคือคติประจำตัวของจางหย่งสือ

“เช่นนั้นพวกข้าขอลานายท่าน กับคุณชายใหญ่นะขอรับ หากมีสิ่งใดคืบหน้าข้าจะรีบส่งข่าวทันทีขอรับ”

ทั้งเก้าคนทำความเคารพผู้เป็นนาย ก่อนจะพากันเหวี่ยงกายขึ้นบนหลังม้า ควบหายไปในความมืด ทิ้งให้คนด้านหลังมองตามด้วยความเป็นกังวลอยู่ลึก ๆ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่8 การมาของเงา

    ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อปรับอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นให้สงบลง เพราะนับตั้งแต่เขาได้รับรู้เรื่องอันเลวร้าย ที่เกิดกับพี่สาวบุญธรรม เมื่อสามเดือนก่อน จนถึงวันนี้ ความโกระแค้นที่เขามีต่อหรงจิ่ง หาได้ลดน้อยลงไม่ฟงทอดสายตามองไปที่กระท่อม ด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย จนแสงเทียนส่องสว่างได้ดับลง ชายหนุ่มจึงได้ก้าวเข้าไปในบริเวณกระท่อม ก่อนจะนั่งลงยังท่อไม้ที่พิงอยู่ข้างเสาเรือนชายหนุ่มสะบัดผ้าคลุมห่มกาย ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้า ๆ ทว่าประสาทสัมผัสทั้งหมดยังคงเปิดรับทุกความเคลื่อนไหว‘ได้อยู่ใกล้เท่านี้ ข้าก็ดีใจมากแล้ว’ยามเช้า ณ กระท่อมชายป่าเมืองชีเป่ยหยางเจี่ยนยืนมองคนจากจวนของบิดา ที่นำยามาส่งให้แก่มารดา สายตาที่คนพวกนั้นที่มองไปรอบบริเวณกระท่อม เหมือนกำลังหาพวกเขาพี่น้องอยู่ เด็กหนุ่มหันไปสบตากับน้องสาวฝาแฝด ก่อนจะหันกลับไปหาลุงสือที่เพิ่งเดินมาถึง“ท่านฟงมาถึงแล้วขอรับ”“เร็วดีนี่! พบกันที่น้ำตก ขอข้าดูคนพวกนี้อีกสักหน่อย”หยางเจี่ยนมองกลับไปที่ลานกระท่อม สิ่งที่เห็นคือบ่าวรับใช้จากจวนสกุลหรงหาได้ยำเกรงต่อมารดาของเขาแม้แต่น้อย ในเมื่อยุคนี้ยึดคนมีอำนาจและฐานะ เขาก็จะใช้มันให้คุ้มค่า“จะไห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-07
  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่9 อสรพิษตรงหน้า

    “ท่านน้าฟงต่อจากนี้ คงต้องรบกวนพวกท่านแล้ว”หยางเจี่ยน เรียกฟงตามเนื้อความในจดหมาย ทำให้ฟงตกใจกับคำเรียกขานของผู้เป็นอยู่ไม่น้อย"มิได้ขอรับ ข้าเป็นเพียงข้ารับใช้ ไม่อาจเสมอนายขอรับ"ฟงกล่าวปฏิเสธทันที พรางคิดหาคำตอบ ว่าไยคุณชายถึงเรียกตนเช่นนั้น"ไม่ผิดหรอก ท่านน้าเรียกท่านแม่ของข้าว่าพี่สาว ท่านตาเรียกท่านว่าลูกบุญธรรม ข้าผู้เป็นหลานจะหาญกล้าเรียกท่านน้า เสมือนผู้รับใช้ได้อย่างไรเล่าขอรับ ดังนั้นข้าเรียกท่านน้าแบบนี้ถูกแล้วขอรับ"ชายหนุ่มจนด้วยคำพูด เมื่อหลานชายยกบิดาบุญธรรมกับพี่สาวบุญธรรมมากล่าวอ้าง เพื่อให้เขายอมจำนน หากจะว่าคุณชายจางหย่งสือมากด้วยเล่ห์กล จนหาผู้ใดเปรียบมิได้ เขาว่าตอนนี้น่าจะเป็นคุณชายใหญ่หรงหยางเจี่ยนนี่กระมัง ที่กำลังจะเป็นตัวแทนของพี่ชายบุญธรรมของเขา "ฮวาเอ๋อ ไท้เอ๋อร์ พวกเจ้าขึ้นมาข้างบนได้แล้ว เล่นน้ำกันนานเกินไปแล้วนะ"หยางเจี่ยนเรียกน้อง ๆ ที่เล่นน้ำอยู่ที่แอ่งน้ำตกเบื้องล่าง ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบรับจากทั้งสองคน หรือแม้แต่เสียงหยอกล้อให้ได้ยิน หยางเจี่ยนขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย ว่าเหตุใดจึงไร้การตอบรับจากทั้งคู่ เพราะก่อนหน้านี้เขามั่นใจยิ่งนัก ว่ายัง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-08
  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่10 กลบเกลื่อน

    “อะ...แฮ่ม! ฮวาเอ๋อร์ ไท้เอ๋อร์ ผู้นี้คือท่านน้าฟง เป็นน้องชายบุญธรรมของท่านแม่ และจะมาเป็นอาจารย์ของพวกเราอีกด้วย ส่วนด้านหลังคือเงาปีศาจ ผู้คุ้มกันที่ท่านตากับท่านลุงมอบให้แก่เราสามคน”หยางเจี่ยนกระแอมไอ เพื่อเรียกสติของน้องสาว นับตั้งแต่ไม่ต้องจับปืนไล่ล่าคนร้าย ดูเหมือนน้องสาวของเขา จะมีความเป็นผู้หญิงและเด็กมากขึ้น จนเรียกว่าล้นเหลือเลยทีเดียว“ฮวาเอ๋อร์ คารวะท่านน้าฟงเจ้าค่ะ”“ไท้เอ๋อร์ คารวะท่านน้าฟงขอรับ”“ข้ามิอาจเอื้อมขอรับ”“ไม่มีสิ่งใดผิดหรอกเจ้าค่ะ เราคือผู้อ่อนวัย เคารพผู้มากวัยกว่านั้นย่อมถูกต้อง ศีรษะเราก้มให้ผู้ที่ควรก้ม นั้นไม่มีสิ่งใดมิควรเลยเจ้าค่ะ”ฟงและเงาปีศาจต่างรู้สึกปีติอยู่ภายในใจ คุณหนูจางฮุ้ยเหมยช่างสอนสั่งบุตรธิดาได้ดีเยี่ยมนัก ฉลาดรู้พูดมิไร้ความคิด สมแล้วที่เป็นสายเลือดสกุลจาง“ขอรับ”ฟงได้แต่ตอบรับอย่างจำยอม สมแล้วที่เป็นแฝด ไม่มีความต่างกันสักนิดเลย“มาเถอะเจ้าค่ะ จะเที่ยงแล้วข้ารู้สึกหิว เรามาย่างปลากินกัน พี่ใหญ่ท่านว่างูตัวนั้น ถ้านำมาต้มจะอร่อยแค่ไหนนะ”“ลองดูก็ไมเสียหายนี่ แต่เจ้าคือคนแรกที่ต้องชิมนะ”“อย่าเลยขอรับพี่ใหญ่ พี่รอง ข้าว่าป่านนี้พิษค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-09
  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่11 วันเวลาที่ผ่านไป

    เวลาผ่านไปจากเดือนเป็นปี จนล่วงเลยมากว่าสามปีแล้ว จางฮุ้ยเหมยนั่งยิ้มอย่างสุขใจ เมื่อบุตรชายหญิงมีร่างกายที่เปลี่ยนไป รูปร่างของฝาแฝดสูงใหญ่ขึ้นมาก ในวัยสิบเจ็ดซึ่งเติบโตเกินกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันเลยก็ว่าได้ ส่วนหยางไท้เองใช่จะน้อยหน้า โตกว่าคนวัยเดียวกันจนเรียกว่าผิดหูผิดตาที่ยังคงไม่เปลี่ยนคือทั้งสามยังชอบอ้อนนาง เหมือนเด็กมิรู้โตเช่นเดิม หญิงสาวมองลูก ๆ ที่ช่วยกันรดน้ำผัก ก่อนที่สองฝาแฝดจะพาน้องชายออกไปทำงาน ยังบ้านคหบดีเฉินซึ่งได้มาทำการค้าที่เมืองชีเป่ยทั้งเสื้อผ้าอาหารนั้น นายท่านสกุลเฉินมอบแก่นางและลูก ๆ จนเรียกว่าไม่อดอยากเช่นในอดีต ที่นางยินยอมให้ลูก ๆ ไปช่วยงานที่บ้านสกุลเฉินนั้น เพราะไม่อยากให้พวกเขาเข้าป่าล่าสัตว์อีก“ท่านแม่ขอรับ พวกเราจะไปแล้วนะขอรับ” หยางเจี่ยนเดินเข้ามาบอกผู้เป็นแม่เช่นในทุกวัน“เอานี่จ๊ะ! ผ้าปักที่แม่ทำเสร็จแล้ว”จางฮุ้ยเหมยส่งห่อผ้าที่ปักเสร็จให้แก่บุตรชาย ก่อนที่นางจะทำงานให้ร้านผ้าสกุลเฉินนั้น นางได้ปักผ้าขายให้กับร้านค้าในตลาด แต่มักจะถูกสกุลหรงคอยกลั่นแกล้ง จนไม่มีผู้ใดจ้างงานนางอีก หยางเจี่ยนเปิดห่อผ้าออกดู ลวดลายที่เขาต้องการปรากฏแก่สายตา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-10
  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่12 มารดาขอโทษ

    ส่วนเขายังอยู่ที่สีม่วงขั้นเจ็ด เช่นเดียวกันกับน้องสาว ส่วนหยางไท้นั้นอยู่ที่สีทองขั้นห้า ส่วนเงาทั้งหมดคือสีม่วงขั้นเก้า แม้เขาจะงงอยู่บ้างในช่วงแรกของการฝึก แต่เมื่อเวลาผ่านมาจนถึงวันนี้ เขาถือเสียว่าตนเองถูกกฎของเวลาดึงมาอยู่ในอีกคู่ขนานกับโลกเดิม ทุกอย่างย่อมเกิดขึ้นได้ นี่คือวิถีชีวิตและความเป็นจริงของคนที่นี่ เขาแค่นำสิ่งเดิม ๆ มาเสริมให้มันดีขึ้นก็เท่านั้น และที่เขาเองก็แปลกใจไม่ต่างจากทุกคน นั่นคือร่างกายของฝาแฝดมีพลังแฝงที่น่ากลัว เขาไม่แน่ใจว่าไปทำอะไรกับร่างกายนี้ หรือพิษที่พวกเขาได้รับมาตลอดหลายปี ไปเปิดจุดชีพจรบางเส้น ที่ถูกทำให้ไม่อาจฝึกฝนพลังได้ให้มันกลับมาปกติหรืออย่างไร เขาก็ไม่อาจบอกได้เช่นกัน แต่ที่แน่ ๆ คือพวกเขาใช้เวลาน้อยกว่าหลายคน ในการฝึกสำเร็จจนถึงระดับสีม่วง หยางเจี่ยนมองดูน้องสาวกับแส้คู่ใจของนาง ที่กำลังกวัดแกว่งอยู่กลางลานฝึก เพื่อทดสอบการเลื่อนขั้นพลัง ทุกอย่างดูจะง่ายไปหมดสำหรับเหลียนฮวา นั้นเพียงการมองหากสังเกตดี ๆ นางกำลังต่อสู้สุดชีวิต เพื่อไม่ให้ธาตุไฟแตกซ่าน เวลาผ่านไปกว่าสองชั่วยาม การทดสอบได้เสร็จสิ้นลง พร้อมสภา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-11
  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่13 สิ้นสามีเชื่อฟังบุตร

    “ท่านแม่ดีที่สุดในสายตาของพวกเรานะขอรับ หากท่านแม่อ่อนแออย่างที่พูด ป่านนี้เราคงมิได้อยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้ หากท่านแม่เลือกเพียงความสุขสบาย แล้วก้าวออกจากสกุลหรง เราสามคนพี่น้องก็คงเป็นเพียงลูกกำพร้า ที่ไร้มารดาปกป้อง แต่ท่านแม่ยอมที่จะอยู่อย่างลำเค็ญ เพียงเพื่อได้อยู่โอบกอดเราสามพี่น้อง นี่คือความเข้มแข็งที่สุดของคำว่าแม่แล้วมิใช่หรือขอรับ”จางฮุ้ยเหมยถึงกับน้ำตาซึมด้วยความตื้นตันใจ กับคำพูดของลูกชาย นางนึกโทษตัวเองเสมอ ที่ไม่กล้าจะเปลี่ยนแปลง เพียงเพราะคำว่าหน้าที่ขอและกฎบัญญัติของภรรยา ที่นางยึดมั่นมาโดยตลอดนับตั้งแต่แต่งงาน“ ‘สิ้นสามีเชื่อฟังบุตร’ คำกล่าวนี้ ท่านแม่ใช้มันได้แล้วนะเจ้าคะ ทุกวันนี้ท่านแม่ก็เหมือนไร้สามีอยู่แล้ว เมื่อจะยึดมั่นคำกล่าวของชนรุ่นเก่า ท่านแม่ก็นำคำนี้มาใช้ก็ย่อมไม่ผิดเจ้าค่ะ”จางฮุ้ยเหมยหัวเราะน้อย ๆ เมื่อตอนนี้นางกำลังถูกลูก ๆ ให้เหตุผลสำหรับการเปลี่ยนแปลง ที่มิผิดต่อคำสอนของคนโบราณ“เช่นนั้นก็ได้ นับตั้งแต่พรุ่งนี้แม่จะเริ่มสอนเจ้าดีดพิณ”จางฮุ้ยเหมยลูบศีรษะของบุตรสาวเบา ๆ ก่อนจะให้ลูก ๆ พากันไปอาบน้ำ เพื่อเตรียมกินมื้อค่ำกันได้แล้ว เสียงหัวเราะดังจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-12
  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่14 สกุลเฉิน

    จวนสกุลเฉิน ณ เมืองชีเป่ยภายในห้องหนังสือ ฟงกำลังนั่งรอฟังการตัดสินใจของศิษย์เอก อย่างคุณชายหรงหยางเจี่ยนอย่างสงบหยางเจี่ยนอ่านเนื้อความสั้น ๆ ทว่าได้ใจความในสาสน์ด่วนจากเมืองหลวง เด็กหนุ่มยังคงไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา ก่อนจะเงยหน้ามองผู้เป็นอาจารย์ และน้อง ๆ“เมื่อเราเลี่ยงไม่ได้ ก็จำต้องตั้งรับเท่านั้นขอรับท่านน้าฟง”“เราในตอนนี้จะไหวหรือพี่ใหญ่”“ไหวหรือไม่เราจะทำอะไรได้ หนีเช่นนั้นรึ หากเราหลบหนีหนึ่งครั้ง ย่อมต่อมีครั้งต่อ ๆ ไป แต่หากเราสู้มิว่าอยู่หรือตาย นั่นถือว่าเราทำเต็มที่แล้ว หากเป็นเช่นนี้แล้วเจ้าจะเลือกเส้นทางใด”“ย่อมต้องไม่หนี แต่การถอยเพื่อตั้งหลักมันก็มิเสียหลาย”เหลียนฮวาลองเสนอทางแยกให้แก่พี่ชาย ซึ่งหากถามนางในตอนนี้ ก็ไม่คิดที่จะถอยเพื่อตั้งหลักสักนิด เพราะกว่าสามปีมานี่ พวกนางถอยตั้งหลักกันมามากพอแล้วการฝึกฝนอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ทำอะไรโดยไม่อาจเปิดเผยได้ มาเป็นเวลาขนาดนี้ เรียกได้ว่าพวกนางถอยให้จนเกินพอแล้ว สำหรับศัตรูที่มองเห็นอยู่ในทุกขณะลมหายใจ“ที่ผ่านมา เราถอยไม่มากพอหรือ”“หึ ๆ ข้าก็แค่อยากให้แน่ใจ ว่าพี่ใหญ่จะลงสนามปะลองกับศัตรูจริงแท้หรือไม่เท่านั้นเจ้าค่ะ”“เจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-13
  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่15 ค่ำคืนอันงดงาม

    รุ่งสางสามพี่น้อง ได้ลุกขึ้นมาจัดเตรียมทุกอย่างให้แก่มารดา และทุกคนในบ้านเพื่อนำติดตัวไปที่อารามหมิงอี้ อาหารเช้าของวันนี้เป็นเหลียนฮวากับหยางไท้ เป็นผู้ลงมือทำด้วยตนเองหลังมื้อเช้าจบลง จางฮุ้ยเหมยได้โอบกอดลูก ๆ ทีละคน ก่อนจะขึ้นรถม้าไปพร้อมกับป้าโจวและเสี่ยวเตี๋ย ส่วนเจินจูกับชิงหลิงได้ขี่ม้าติดตามไปในขบวน แม้ว่าจะได้รับสายตาแคลงใจจากผู้เป็นแม่ หยางเจียนก็ยังคงมีคำพูด ที่ทำให้ทุกอย่างคลายลงอย่างละม่อมเช่นเดิม“ไปกันเถอะ!”หยางเจี่ยนก้าวนำน้อง ๆ ไปยังทิศทางของจวนเฉิน ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน เขาก็พร้อมแล้วสำหรับการโต้ตอบกับสตรีของบิดา “ข้าฝากท่านแม่กับทุกคนด้วยนะขอรับ ท่านน้าฟง” หยางเจี่ยนยืนส่งผู้เป็นอาจารย์ ที่กำลังจะติดตามไปคุ้มครองมารดาของเขาที่อารามหมิงอี้ “เจ้าเองก็ต้องระวังตัวให้มาก หากเหนือกว่ากำลังอย่าได้ฝืน เข้าใจหรือไม่” “ข้าทราบแล้วขอรับ” “ทางนี้ข้าคงต้องฝากพวกเจ้าดูแล” ฟงหันไปเอ่ยกับเงาที่เหลือ เขาจะมีเพียงเจินจูกับชิงหลิงเท่านั้น ที่คอยเป็นผู้ช่วย ซึ่งไม่น่าจะเหนือกว่ากำลังของเขาเท่าใดนัก สำหรับเขาแล้ว ศัตรูคือสิ่งที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-14

บทล่าสุด

  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่57 สามพี่น้อง

    สามพี่น้องคลี่ยิ้มกับแขกในงานตามมารยาท หลายสกุลเริ่มค้นหาตัวตนของทั้งสาม เพราะข่าวที่ได้ยินมานั้นคุณชายใหญ่ในท่านเสนาบดี ทำตัวราวอันธพาล น้องสาวฝาแฝดมากด้วยตัณหาทำตัวเหลวแหลกกับบุรุษมากหน้า บุตรชายคนเล็กในฮูหยินใหญ่สติปัญญามิเต็มเท่าใดนักทว่าในเวลานี้สามพี่น้องไร้ซึ่งลักษณ์ที่ถูกกล่าวอ้าง ทั้งยังไร้วี่แววของสติปัญญาอันอ่อนด้อยอย่างที่เป็นข่าวแผ่กระจาย ตรงกันข้ามทั้งสามดูสูงค่าสมสายเลือดของบิดามารดายิ่งนัก“ยินดีกับท่านราชครูขอรับ ที่คุณชายคุณหนูทั้งสามกลับสู่เมืองหลวงแล้ว ช่างเป็นนิมิตรหมายอันดียิ่งนักขอรับ”หนึ่งในขุนนางอาวุโสได้ลุกขึ้นเอ่ยขึ้นเสียงดัง คล้ายดังหมัดมือชกสามพี่น้องอยู่ในที ซึ่งทั้งสามยังคงความสงบนิ่งเอาไว้ได้เป็นอย่างดี“ย่อมต้องเป็นวันดีสิท่านเจ้ากรม หลาน ๆ ของข้าที่ติดตามสะใภ้ข้าไปรักษาตัวนานหลายปีกลับมาทั้งที คืนนี้เรามาร่วมฉลองกันเต็มที่ เชิญทุกท่านดื่ม”สาวใช้ได้ยกถาดใส่จอกสุรายื่นส่งให้สามพี่น้อง เพื่อร่วมดื่มอวยพร ตามคำเชื้อเชิญของเจ้าบ้าน หยางเจี่ยนรับมาอย่างว่าง่าย ก่อนจะช้อนสายตามองน้องสาวและน้องชายกลิ่นที่เจือจางอาจไม่สร้างความแคลงใจต่อผู้อื่น แต่มิใช่เขาส

  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่56 หลานปู่

    เมื่อหนุ่มสาวอีกสามคน ได้ก้าวมายืนอยู่สองข้างชายหญิงผู้มาเยือน โดยเฉพาะเจ้าของงานและบุตรชาย ที่แทบเหมือนถูกฟ้าฝ่าลงมากลางแสกหน้าทำได้เพียงยิ้มแกน ๆ ก้าวออกไปต้อนรับแขกใบหน้าที่แทบจะเหมือนกับท่านเสนาบดีหรงจิ่ง ไม่ต้องให้ผู้ใดมาบอกว่าทั้งสามคนคือใคร สกุลหรงทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าทั้งสามคือทายาทสายตรง ที่พวกเขาคิดว่าตายไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนเจียงชูเหนียงถึงกับเซถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อเห็นชัดตาว่าใครที่ติดตามจางหย่งสือมาร่วมงาน ทุกปีสกุลจางเพียงแค่ส่งตัวแทนมาเท่านั้นทว่าปีนี้คุณชายใหญ่สกุลจางมาด้วยตนเอง ไม่ต้องคาดเดาถึงเหตุผลของการมาร่วมอวยพรในครานี้เลย หากไม่เพราะสามพี่น้องที่ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วจะมีสิ่งใดจูงใจคนหยิ่งผยองเช่นจางหย่งสือให้มาเหยียบสกุลหรงได้เล่า“คุณชายจาง เอ่อ...”ท่านราชครูหรงแสร้งไม่รู้ว่าหนุ่มสาวด้านข้างของจางหย่งสือคือผู้ใด แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แก่ใจแล้วก็ตามที รอยยิ้มที่คล้ายจริงใจของเจ้าบ้าน ทำให้สามพี่น้องแอบแอบเยาะหยันเจ้าของงานอยู่ภายในใจ“นี่คือคุณหนูฟางจื่อเยว่ คู่หมั้นของข้า”“จื่อเยว่ข้าคารวะท่านราชครู”จื่อเยว่ย่อกายงดงามราวสตรีในรั้ววัง ทำให้บุรุษหลาย

  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่55 งานเลี้ยง

    “อื้อ!” จางหย่งสือกดจูบหนัก ๆ ลงไปอีกครั้ง ก่อนจะถอนใบหน้าออกอย่างรวดเร็ว“ข้ามัดจำเอาไว้ก่อน หลังแต่งงานข้าจะไม่ปล่อยเจ้าให้รอดไปเป็นครั้งที่สอง”จื่อเว่ยทำได้เพียงก้มหน้างุด นางช่างไร้ยางอายนัก กล้าทำเรื่องบัดสีนี้ได้อย่างไรกัน“อย่าได้แม้แต่จะคิดหนีข้าไปอีกเข้าใจหรือไม่ เพราะสิ่งที่เจ้าทำข้าเสียหาย ช่วยรับผิดต่อข้าด้วย”“บ้าไปแล้ว!”จื่อเว่ยไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งใดได้มากกว่านี้ เพราะรอยยิ้มและแววตาหวานเชื่อมของจางหย่งสือ ทำให้นางแทบละลายกองอยู่เสียตรงนี้เลยทีเดียว“ไปกันได้แล้ว มัวเล่นอันใดกันอยู่”เอ่ยจบมือหนาได้กระชากเอวขอดให้ชิดกาย ก่อนจะพาหญิงสาวเดินออกจากตรงนั้นเพื่อไปขึ้นรถม้า แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าหลาน ๆ และผู้ติดตามล้วนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่หยางเจี่ยนหันกลับไปยิ้มให้กับทุกคน เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นลุง แม้ว่าในชีวิตเก่าเขาจะผ่านอะไรมาไม่น้อย แต่เรื่องความรักประสบการณ์ของเขานับว่าเป็นศูนย์ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ นอกจากจะเหนือความคาดหมาย ยังเป็นการบอกรักที่หลายคนคงลุ้นจนตัวโก่งมิแพ้คู่รักหมาด ๆ อย่างแน่นอน ว่าจะมีสิ่งใดพลิกผันอีกหรือไม่หยางเจี่ยนพยักหน้าน้อย ๆ พร้

  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่54 อ้อยอิ่ง

    ค่ำคืนในวันถัดมา ณ จวนสกุลหรง คืนนี้เป็นงานฉลองวันเกิดของท่านราชครูหรงอู่ฉี เหล่าขุนนางต่างก็ต้องประชันอวดความมั่งคั่งของตน เพื่อข่มกันในงานอยู่เนือง ๆ แน่นอนว่าหลานสาวคนโปรดเช่นหรงเหมยเหนียงย่อมต้องทำทุกวิถีทางให้ตนเองโดดเด่น และเหนือกว่าบุตรสาวสกุลอื่น หรงเหมยเหนียงกำลังพิศมองตนเองในคันช่องบนโต๊ะ ชุดสีหวานพลิ้วไหวดั่งต้องมนต์ของนาง งดงามสมกับเป็นช่างมือดีจากร้านผ้าสกุลเฉิน ใบหน้าในวัยแรกแย้มเติมแต่งได้อย่าลงตัวที่สำคัญไปกว่านั้น คืนนี้มารดาของนางจะขยับฐานะจากภรรยารอง ก้าวสู่การเป็นภรรยาเอก นางจะไม่ต้องทนกล้ำให้ใครมองว่าเป็นรองพี่สาวต่างมารดาอีกต่อไป“เรียนคุณหนู นายท่านกับฮูหยินพร้อมคุณชาย ได้รออยู่หน้าจวนแล้วเจ้าค่ะ”“อืม! ไปสิ!”ร่างงามก้าวออกจากเรือนด้วยท่วงท่าราวนางหงส์ คำตราหน้าที่นางแบกรับมาทั้งชีวิต กำลังจะได้รับการปลดปล่อยแล้วในวันนี้ บางครั้งความรักหาใช่สิ่งที่คู่ควรต่ออนาคตเบื้องหน้าเมื่อนึกถึงเรื่องหัวใจ ใบหน้าของใครบางคนได้ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัวราวกลองศึก เมื่อรอยยิ้มของชายหนุ่มผู้อยู่บนหลังอาชาสีดำทมิฬเมื่อหลายวันก่อน ได้ทำให้เรีย

  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่53 ผ่อนคลาย

    ถนนห่างจากจวนแม่ทัพ คนชุดดำทั้งหกยืนหอบหายใจแรง ๆ ทุกคนล้วนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนจะพากันหลบหนีออกมา หลังจากฉินชี ซึ่งได้เป็นคนเข้าไปช่วยคุณหนูให้พ้นมือของท่านแม่ทัพจ้าวหมิงเยี่ย“เกือบไปแล้วไหมเล่า ฮ่า ๆ”ตัวตนเหตุยังมีหน้ามาหัวเราะร่า เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เป็นเรื่องธรรมดาเสียอย่างนั้น“พี่รองมิกลัวท่านแม่ทัพจะติดตามมาหรือขอรับ”หยางไท้ยังคงหันกลับไปมองทิศทางที่เพิ่งจากมา เขาเองก็ตกใจไม่น้อยในตอนที่เห็นพี่สาวถูกจับได้...ข้างกำแพงจวนแม่ทัพก่อนหน้า หมับ! ติ้งรีบคว้าร่างของคุณชายน้อยเอาไว้ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะพุ่งลงจากกำแพง เพื่อที่จะไปช่วยคุณหนูใหญ่ ซึ่งกำลังต่อสู้โรมรันอยู่กับคนในจวนแม่ทัพ“มิได้ขอรับ หากคุณชายเข้าไปอาจเกิดอันตรายนะขอรับ”“แต่พี่สาวของข้าเล่า”“เป็นหน้าที่ขอข้าน้อยเองขอรับ”ติ้งเป็นคนเสนอตัวไปแทนคุณชายน้อย เพราะหากบุกกันเข้าไปหมด จากเรื่องเล็กน้อยจะกลายเป็นใหญ่โตขึ้นมาทันทีอย่างแน่นอนกึก! ติ้งจำต้องหยุดกายในทันที เมื่อมีเงาร่างของใครอีกคนพุ่งออกจากความมืด ตรงไปยังผู้เป็นนายและคนในจวนแม่ทัพ เมื่อเห็นว่าคุณหนูได้ถูกพาตัวออกจากการการต่อสู้ เขาจึงได้พ

  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่52 ความบ้าบิ่น

    ‘คงมีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะ ที่จะออกไปให้เจ้าบั่นคอ’ เหลียนฮวาเริ่มมองหาทางหนี ขืนนางยังรั้งอยู่ต่อมีหวังคงไม่พ้นต้องปะทะกันเป็นแน่ ต่อให้นางมากด้วยฝีมือ แต่หากเทียบกับจ้าวหมิงเยี่ยนางยังอ่อนหัดนัก หมับ! ในจังหวะที่หญิงสาวกำลังจะหนีไป มือหนาคว้าไหล่ผู้บุกรุกเอาไว้ได้ทัน เหลียนฮวารีบหมุนตัวพร้อมคว้าจับข้อมือแกร่งเอาไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพลิกข้อมือของแม่ทัพหนุ่มในทันที เพื่อมิให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวทันปึก! หญิงสาวกระแทกกำปั้นเข้าท้องแขนของแม่ทัพหนุ่ม เพื่อผลักอีกฝ่ายให้ออกห่าง พอที่จะทำให้นางหาจังหวะหลบหนี อ๊ะ! แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อมือหยาบของแม่ทัพหนุ่ม กลายเป็นตีนตุ๊กแกไปเสียอย่างนั้น ยิ่งพยายามผลักอีกฝ่ายยิ่งติดหนึบราวกาวดักหนูหญิงสาวได้แต่ด่าทอตนเองอยู่ภายในใจ สลับกับการสรรหาคำมาเปรียบเทียบจ้าวหมิงเยี่ยกับสิ่งต่าง ๆ ยิ่งเสียงหัวเราะในลำคอของเขาเล็ดลอดออกมาให้นางได้ยิน มันเสมือนเขากำลังลงมือกลั่นแกล้งเด็กน้อยอย่างไรอย่างนั้นแม่ทัพหนุ่มได้นึกสนุก ลงมือเย้าแขกที่เขามิได้เชิญสักหน่อย เหลียนฮวาเม้มริมฝีปากแน่น นางรู้ได้ไม่ยากว่าเขาไม่ได้จริงจังกับการต่อสู้ คน

  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่51 นายน้อยทั้งสอง

    “ขอรับท่านป้า ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่ฉินชีจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะแต่ละคนใช่ธรรมดาที่ไหนกัน” หยางเจี่ยนตอบรับคำของผู้เป็นป้า“คนเราต้องรู้จักโลกภายนอก”จางหย่งสือรีบออกตัวแทนสองหลานรัก มีหรือเขาจะไม่รู้วีรกรรมของหลานชายหญิงที่กำลังออกท่องราตรี ใช่เขารักหลานลำเอียง แต่เพราะเขารู้ดีว่าภายหน้าหยางเจี่ยนต้องยืนในจุดใดและนี่คือความภูมิใจอีกหนึ่งอย่างของเขา ที่หลานชายคนโตสุขุมรอบคอบ สมกับตำแหน่งที่เขาจะส่งมอบให้ในอนาคต ส่วนสองแสบนั้นเขาให้สิทธิ์ในการเลือกทางเดินตามใจชอบ แต่ต้องอยู่ในสายตาของเขามิห่างไปไหนหยางเจี่ยนหันไปส่งยิ้มอย่างรู้กันกับผู้เป็นป้า ชายหนุ่มไม่เคยที่จะต้องเสียเวลาคาดเดา กับคำพูดของผู้เป็นลุงเกี่ยวกับน้อง ๆ เขาไม่เคยริษยาที่ทั้งคู่ได้อิสระในการเที่ยวเล่นในโลกใบเดิมนั้น น้องสาวของเขาแทบไม่มีช่วงเวลาของวัยหนุ่มสาว ส่วนหยางไท้ยังเด็กนักหากเทียบกับเด็กหนุ่มในโลกเก่า ฉะนั้นเขาจึงไม่คิดที่จะใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย ที่ทั้งคู่สรรหาพาผู้ติดตามไปเที่ยวเล่นขอแค่ไม่มีใครเดือดร้อนและตนเองไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย จะเที่ยวเล่นแค่ไหนเขาก็ไม่ติดขัดอันใด เพราะอีกไม่นานความเป็นเด็กของพวกเขาก็จะสิ้

  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่50 เทพเซียนปั้นแต่ง

    “เวลาคนเรามีไม่เท่ากันนะขอรับ เมื่อรู้สึกตรงกันก็อย่าได้ปิดโอกาสเสียล่ะขอรับ”หยางเจี่ยนเอ่ยขึ้นในขณะที่ฉินชีก้าวห่างออกไปไม่มากนัก ชายหนุ่มอาจเป็นเพียงหนุ่มน้อยในโลกนี้ แต่ชีวิตเก่านั้นเขามีวัยใกล้เคียงกับฉินชี มีหรือจะมองไม่ออกถึงสายตาแบบชายหญิงเพราะเขาไม่มีโอกาสได้รักใครในชีวิตเก่า เขาเลยไม่อยากให้ใครต้องพลาดการมีความรักสักครั้งในชีวิต มีโอกาสก็ควรรีบคว้าไว้ เพราะคนเราบอกไม่ได้จะอยู่หรือตายตอนไหนฉินชีไม่คิดว่านี้คือการล้อเลียน แต่มันคือความหวังดีของผู้เป็นนาย ซึ่งเขาเองใช่ว่าไม่อยากให้โอกาสตนเอง แต่เพราะชีวิตที่อยู่กับความเสี่ยง เขาจึงไม่อยากดึงใครสักคนมาอยู่ในวงล้อมของอันตรายด้วยก็เท่านั้น เช่นเดียวกับที่ท่านหย่งสือเลือกมองท่านจื่อเว่ยอยู่ห่าง ๆ แทนการเดินเคียงข้างนาง“ไม่ตามไปดูว่าที่น้องเขยสักหน่อยหรือเจี่ยนเอ๋อร์”จางหย่งสือก้าวมายืนเคียงข้างหลานชาย ก่อนจะหัวเราะในลำคอ เขากับหยางเจี่ยนรู้เป้าหมายของสองแสบโดยบังเอิญ และแน่นอนว่างานหนักย่อมตกเป็นของฉินชี“เรายังมีเรื่องต้องทำอีกมิใช่หรือขอรับ อย่าได้ห่วงเจ้าสองแสบเลยขอรับ มีทั้งพี่หลงพี่ฉินชีติดตามไป คนที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นเป

  • แฝดสะท้านภพ(ดวงใจจอมทัพ)   บทที่49 เคียงข้าง

    และทุกหน้าที่ผู้ชายคนนี้ทำได้ดีไม่มีที่ติ ขอแค่นายเอ่ยปากเขาจะไม่มีคำว่าไม่สำเร็จ ไม่แปลกที่ท่านลุงวางใจให้เขาเคียงข้างนางสามพี่น้อง ฉินชีเหมือนพี่ชายใหญ่ที่คอยดูแลพวกนางที่เสมือนปูไม่อยู่นิ่งฉินชีแสร้งไม่รับรู้ถึงสายตาจากคนเบื้องหลัง ทั้งยังคำพดที่ดูจะตดขัดของผู้เป็นนาย เขาเป็นบุรุษผู้หนึ่งย่อมต้องมีหวั่นไหวบ้า ในยามที่มีใครสักคนกล้าที่จะเผยความในใจ จะต่อหน้าหรือลับหลัง หากรู้ขนาดนี้แล้วเขาก็ต้องรู้สึกบ้างปึก! เจินจูกระพริบตาปริบ ๆ เมื่ออยู่ ๆ คนด้านหน้าหยุดลงกะทันหัน จนทำให้นางชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างเต็มแรง ฉินชีสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะหันกลับไปหาผู้เป็นนายกับเงาสาว“เชิญด้านในขอรับคุณหนู”ฉินชีผายมือให้แก่ผู้เป็นนายสาว ก่อนที่ตัวเขาจะขยับหลีกทางให้ เหลียนฮวาคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการขอบคุณก่อนจะเดินตรงเข้าไปยังศาลาพักผ่อน ซึ่งครอบครัวของนางนั่งอยู่ส่วนสองหนุ่มสาวที่ต้องรั้งรออยู่ด้านนอก ต่างพากันเบนใบหน้าไปคนละทิศทาง มิใช่รังเกียจแต่มันคือความเก้อเขิน เจินจูถึงกับมือชื้นเหงื่อ เมื่อได้ลมหายใจที่ชายหนุ่มพยายามควบคุมให้มันสงบนิ่ง ดังชัดอยู่ข้างกาย“ท่านลุง ท่านป้า

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status