แชร์

บทที่ 9  

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
หรงจือจือได้ยินถ้อยคำเหล่านี้แล้ว ก็มีแต่จะรู้สึกว่าน่าขัน เมื่อปีก่อนนั้นท่านย่ายังเคยท้วงว่าฉีจื่อฟู่เป็นเจ้าขี้โรค มีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงแค่ไม่กี่วันแล้ว จะให้ตนเองแต่งเข้าไปได้อย่างไร?

แต่เพราะท่านพ่อไม่ยอมให้ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของสกุลหรง ต้องกระทบกระเทือนเพราะทิ้งสัญญาหมั้นหมาย และท่านแม่เองก็ร้องไห้โวยวายว่าหากตนเองเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นแล้ว คนนอกคงไม่มีผู้ใดกล้ามาขอหมั้นหมายกับคุณหนูคนอื่นในสกุลหรงอีกแล้ว

เพื่อวงศ์ตระกูล เพื่อบุพการีและบรรดาน้องหญิงทั้งหลายแล้ว นางจำต้องข่มความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ในใจ และเกลี้ยกล่อมให้ท่านย่ายอมให้ตนเป็นสะใภ้สกุลฉี

บัดนี้บ้านสามีข่มเหงรังแกนางเพียงนี้ ท่านแม่มิเพียงไร้ซึ่งความเป็นห่วงเป็นใยนาง กลับบอกให้นางไปผูกคอตายด้วย

ก่อนหน้านี้ความสุขชั่วชีวิตของนาง ยังไม่สำคัญเท่าพิธีสมรสของน้องหญิง บัดนี้แม้กระทั่งชีวิตของนาง ยังมิอาจยกมาเทียบเคียงกับพิธีสมรสของน้องหญิงได้อีกเหมือนเคย

บัดนี้นางกลับรู้สึกไม่คุ้มค่าเลย ที่ไม่เคยให้คุณค่าตนเอง

ภายใต้ความเหนื่อยล้า นางคร้านจะเอ่ยวาจาใดอีกแล้ว จึงพูดเพียงว่า “ท่านแม่พูดถูกทุกประการ เป็นลูกที่อกตัญญู กลับยังกล้ามีชีวิตอยู่แบบนี้ ทำให้ท่านแม่ผิดหวังแล้วจริง ๆ”

นางหวัง : “เจ้า…เจ้าพูดออกมาได้อย่างไร?”

ถ้อยคำนี้กลับสะท้อนให้มารดาอย่างนาง ดูไร้ซึ่งความเมตตาได้อย่างถึงที่สุด

หรงเจียวเจียวรีบเอ่ยขึ้นทันที “ท่านแม่ โปรดระงับโทสะเจ้าค่ะ! พี่หญิงนางก็โตมาด้วยการเลี้ยงดูของท่านย่า ไม่ให้ความเคารพท่าน นั่นก็เป็นเพราะมีท่านย่าคอยหนุนหลัง ท่านโกรธไปจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาหรือเจ้าค่ะ?”

“ท่านแม่ ท่านต้องเป็นห่วงตนเองด้วยสิเจ้าค่ะ อย่าให้ความโกรธไร้สาระนี้ทำให้ร่างกายของตัวท่านเองทรุดลงเลยเจ้าค่ะ ต่อให้พี่หญิงไม่สงสารท่าน แต่ลูกสงสารและรักท่านสุดดวงใจเจ้าค่ะ”

นางหวังจงเกลียดจงชังหรงจือจืออยู่เป็นทุนเดิม กอปรกับการยุยงบ่อยครั้งของหรงเจียวเจียวในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ทำให้ความรู้สึกเกลียดชังเหล่านั้นนับวันยิ่งทวีคูณ

นางหวังฟังจบแล้ว ก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นเยียบออกมา ถลึงตาจ้องหรงจือจือพลางตะคอกใส่ “ใช่สิ! อย่างข้าจะจัดการเจ้าไหวที่ไหน เจ้ามีนายหญิงใหญ่คอยหนุนหลังอยู่แล้วนี่ ในสายตาของเจ้าไม่เคยมีมารดาอย่างข้าคนนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว!”

หรงจือจือไม่ส่งเสียง

ในสายตาของนางไม่เคยมีมารดาอยู่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรหรือ? ไม่ใช่เลย แต่กลับกันต่างหาก ตั้งแต่เล็กจนโต นางคิดหาหนทางนับไม่ถ้วน เพื่อจะเอาอกเอาใจทำให้ท่านแม่มีความสุข

ทว่าสายตาที่ท่านแม่มองนางกลับมีแต่ความจงเกลียดจงชัง จะบอกว่าเหมือนมองศัตรูก็มิได้เกินไปเลย

แต่ไหนแต่ไรมาไม่ว่าตนจะพูดอะไร ท่านแม่ก็ไม่เคยเชื่อ ทว่าในตอนที่น้องหญิงพูดกลับดำเป็นขาว ขยับปากพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ท่านแม่กลับเชื่ออย่างสุดหัวใจแล้ว

หลายปีที่ผ่านมานางต้องทนกล้ำกลืนกับความไม่เป็นธรรมไปแล้วไม่รู้กี่มากน้อย ถูกตบหน้าอย่างไร้เหตุผลไปไม่รู้กี่ครั้งกี่หน

จนสุดท้ายก็เป็นท่านย่าที่เข้ามาปลอบโยนนาง บอกว่าบางคนเกิดมามีวาสนากับมารดาผู้ให้กำเนิดเพียงเบาบาง เรื่องนี้จะฝืนบังคับกันก็ไม่ได้ หลังจากนางสะอึกสะอื้นร่ำไห้ในอ้อมอกของท่านย่าแล้ว จากนั้นก็ไม่พยายามเข้าใกล้ท่านแม่อีก ถึงขั้นเดินเลี่ยงท่านแม่กับน้องหญิงด้วยซ้ำไป

เพื่อไม่ให้ตนเองถูกตบหน้าอย่างไร้เหตุผลตามอำเภอใจอีก

และแม้ว่าจะออกเรือนแล้วสามปี แต่กลับมาวันนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเช่นเคย ใช่หรือที่ในสายตาของนางไม่เคยมีท่านแม่อยู่? แต่เป็นท่านแม่ต่างหากที่ไม่เคยจะยอมรับนางเลย

นางหวังเห็นว่าตนเองพูดจบแล้ว แต่หรงจือจือยังไม่ลุกขึ้นมาขอโทษทันที มิหนำซ้ำยังไม่พยายามหาคำพูดมาปลอบใจตนเองสักคำ โทสะในใจของนางบัดนี้เดือดระอุถึงขีดสุดแล้ว หมายความว่าอะไร? หรือนี่คือการยอมรับโดยปริยายแล้วว่านางไม่เคยเห็นตนเองมีความสำคัญจริง ๆ?

นางจวนจะบันดาลโทสะออกมาแล้ว

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าแว่วดังมาจากด้านนอก เป็นท่านมหาราชครูหรงที่สืบเท้ายาว ๆ เดินเข้ามา

นางหวังร้องทักทันที “ท่านพี่!”

หรงจือจือและหรงเจียวเจียวเองก็ยอบกายคารวะเช่นกัน “คารวะท่านพ่อ!”

มหาราชครูหรงบัดนี้ใกล้วัยสี่สิบแล้ว ทว่ามองไปแล้วลักษณะคล้ายคนวัยเพียงสามสิบเท่านั้น หล่อเหลาคมคายถึงที่สุด เมื่อยี่สิบปีก่อนยังได้รับยกย่องว่าเป็นบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง นางหวังเป็นพวกคลั่งไคล้รูปโฉมหน้าตาที่สุด ตั้งแต่แรกพบก็หลงรักมหาราชครูหรงจนแทบเป็นแทบตายให้ได้

ในปีนั้น นางเจียงเองก็ชมชอบมหาราชครูหรงเช่นกัน อีกฝ่ายเป็นถึงพระธิดาขององค์หญิงใหญ่อวี๋หยาง นางหวังด้วยความกลัวว่าจะเสียมหาราชครูหรงไป จึงหยิบมีดแทงอีกฝ่าย โดยไม่สนแม้กระทั่งชื่อเสียงของตนเอง

พร้อมประกาศศักดาว่าหากตนเองไม่ตาย นางเจียงก็ต้องตาย จนนางเจียงคิดว่านางคลุ้มคลั่งเสียสติไปแล้ว

อัครมหาเสนาบดีหวังที่บัดนี้ปลดเกษียณราชการไปแล้ว ทว่าเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนยังมีอิทธิพลอำนาจอย่างมากในราชสำนัก และนางหวังก็เป็นบุตรีเพียงคนเดียวของเขา ในตอนนั้นนางเจียงก็ไม่สามารถสังหารนางหวังได้ด้วย

จริงดังคำกล่าวที่ว่า ไม่กลัวโจรขโมย ก็ต้องกลัวโจรจ้องคิดถึง เมื่อได้ลองใคร่ครวญแล้วก็บอกแน่ชัดไม่ได้ว่าจะถูกนางหวังแทงเมื่อใด ดังนั้นนางเจียงจึงรีบออกเรือนกับเสนาบดีกรมพิธีการคนปัจจุบันแทน

ระหว่างชีวิตกับคู่ครองเข้าพิธีวิวาห์ สิ่งใดสำคัญกว่า นางเจียงย่อมแยกแยะได้ชัดเจน ทว่านางเจียงและนางหวังก็ไม่ลงรอยกันนานหลายปีด้วยเหตุผลประการนี้

ส่วนนางหวังที่แย่งสามีมาได้สำเร็จ ก็คอยเอาอกเอาใจมหาราชครูหรงไม่รู้หน่าย หนนี้ก็รีบรินน้ำชาส่งให้เขาพลางเอ่ยว่า “ท่านพี่ วันนี้อากาศหนาวมาก ท่านอบอุ่นร่างกายก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”

มหาราชครูหรงรับถ้วยน้ำชามาก็จิบน้ำชาหนึ่งคำ “ขอบใจฮูหยินยิ่งนัก ต้องลำบากฮูหยินแล้ว!”

เรื่องที่ฮูหยินคนนี้ของเขา ไม่สนชื่อเสียงเกียรติยศของดรุณีผู้สูงศักดิ์ หยิบมีดไปข่มขู่ผู้อื่นในตอนนั้น ทำให้มหาราชครูหรงที่ยึดถือกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดมาตลอดไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าหลังจากที่อีกฝ่ายแต่งกับตนเองแล้ว ก็คอยเอาอกเอาใจดูแลตนเองอย่างดีที่สุด ไม่รังเกียจที่ตนเองในตอนนั้นยากจนข้นแค้น และต้องสมรสกับตนเองที่มีฐานะต่ำต้อยกว่า ฉะนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองสามีภรรยา ก็นับว่าต่างฝ่ายต่างเอื้อเฟื้อให้เกียรติกันและกันอย่างดี

ในตอนนี้เองหรงเจียวเจียวก็เอ่ยปากขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านยังทราบว่าท่านแม่ต้องลำบาก ผิดกับพี่หญิง แม้แต่ใจที่จะกตัญญูยังไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว!”

“แค่นางกลับมาถึง ก็ทำให้ท่านแม่โกรธจนเจ็บปวดหัวใจแล้ว ท่านแม่พร่ำพูดพร่ำบอกเท่าใดนางก็ไม่รับฟัง ด่าแล้วด่าอีกอย่างไรนางก็ไม่สะทกสะท้าน นางเอาแต่ยกท่านย่ามาข่มขู่ท่านแม่ไม่หยุดเจ้าค่ะ!”

“นางก็แค่เห็นท่านแม่กตัญญูรู้คุณผู้อาวุโส ถึงได้กล้าขู่เข็ญท่านแม่! ท่านต้องอบรมสั่งสอนพี่หญิงบ้าง ให้ท่านแม่ได้เบาใจคลายโทสะบ้างถึงจะถูก!”

มหาราชครูหรงได้ยินดังนั้น ก็มองหรงจือจือที่กำลังยืนก้มหน้าก้มตาอยู่อีกด้านหนึ่ง “เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”

นางหวังเอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิด “ไม่ใช่แค่นั้น! นางยังบอกว่าจะไปอาละวาดก่อความวุ่นวายด้านนอกด้วย เพื่อทำลายพิธีสมรสของน้องหญิงของนาง และคุณหนูคนอื่นในสกุลหรงให้ย่อยยับด้วยเจ้าค่ะ จือจือถูกท่านแม่อบรมสั่งสอนมาตลอด จึงไม่เคยมีข้าอยู่ในใจ แต่กระนั้นย่อมให้อภัยกันได้ เพียงแต่ท่านพี่…”

ทว่าในตอนนี้ มหาราชครูหรงมองเห็นรอยฝ่ามือที่ประทับอยู่บนใบหน้าของหรงจือจือแล้ว

เขาตัดบทนางหวังทันที เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “รอยฝ่ามือบนใบหน้าเจ้ามันเรื่องอะไรกัน? หรือเจ้าเด็กสกุลฉีนั่น ยังกล้าลงไม้ลงมือกับเจ้าด้วย?”

มหาราชครูหรงยอมรับไม่ได้เด็ดขาด มิใช่การที่หรงจือจือถูกสกุลฉีตบตีทำร้าย ทว่าสิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้ คือการที่บุตรีของเขาหรงม่อชิงถูกคนนอกตบตีทำร้ายต่างหาก!

แบบนี้ใช่ตบหน้านางที่ไหน แต่กำลังตบหน้าหยามเกียรติตนเองอยู่ต่างหาก!

นางหวังได้ยินวาจานี้ ก็เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน : “คือว่า ท่านพี่…เมื่อครู่เพราะนางพูดจาต่ำช้าหยาบคาย ข้าจึงบันดาลโทสะตบสั่งสอนนางไปเจ้าค่ะ!”

ได้ยินนางหวังเอ่ยเช่นนี้ ไฟโทสะของมหาราชครูหรงค่อยสงบลงมาเล็กน้อย

กระนั้นแล้วเขาก็ยังผินศีรษะไป จ้องมองนางหวังอย่างไม่สบอารมณ์สุดขีด “เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าท่านแม่กำลังป่วย?”

“แต่ไหนแต่ไรท่านแม่ทั้งรักและเอ็นดูหลานสาวคนนี้มากที่สุด ประเดี๋ยวหากให้นางแบกรอยฝ่ามือนี้เข้าไปด้วย จะไม่ทำให้ท่านแม่เสียใจแย่หรือ แบบนี้อาการป่วยของท่านแม่จะดีขึ้นได้อย่างไร?”

“เจ้าก็อายุตั้งเท่าไรแล้ว เหตุใดถึงได้ทำอะไรสะเพร่าตลอด ไม่รู้จักสงสารท่านแม่บ้างเลยหรืออย่างไร! หรือเพราะนางคือมารดาของข้า ไม่ใช่มารดาของเจ้า?”

นางหวังทั้งอึดอัดทั้งอับอาย รีบแก้ต่างทันที “ท่านพี่ ท่านเข้าใจข้าผิดไปแล้ว เหตุใดข้าจะไม่นับถือมารดาของท่านเสมือนมารดาตนเองเจ้าคะ ข้าแค่วู่วามไปชั่วขณะเท่านั้น! ทั้งหมดเป็นเพราะจือจือพูดจาไม่รู้ความ ข้าถึงได้…เฮ้อ…”

ความจริงภายในใจนางก็กำลังโกรธแค้นมากเหมือนกัน เหตุใดยายแก่ใกล้ตายถึงไม่ชอบเจียวเจียวเด็กที่มีทั้งความร่าเริงสดใสและน่ารัก แต่กลับโปรดปราดหรงจือจือเจ้าเด็กไร้ไหวพริบไม่รู้สถานการณ์คนนั้น ทำให้ท่านพี่ต้องพาลไม่ชอบตนเองตามนายหญิงใหญ่ไปด้วย

กลับเป็นหรงจือจือที่ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้เข้าก็ร้อนใจขึ้นมา รีบถามไถ่ทันที : “ท่านพ่อ ท่านย่าเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ?”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 10  

    บนดวงหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์มาตลอด บัดนี้เต็มไปด้วยความร้อนรนกังวลใจ หรงจือจือจ้องมองมหาราชครูหรงไม่วางตา ท่านพ่อสนใจแต่ขนบธรรมเนียมและชื่อเสียงเกียรติยศในตระกูลมาตลอด ส่วนในใจของท่านแม่ก็มีเพียงน้องชายและน้องหญิงเท่านั้น มีเพียงท่านย่าคนเดียวเท่านั้นที่เป็นคนที่รักตนเอง และเป็นคนที่ตนเองรัก ในวันที่นางเกิดมา หากมิใช่เพราะท่านย่าเป็นคนไปแย่งนางกลับมา นางคงตายด้วยน้ำมือของท่านแม่ไปแล้ว บัดนี้ได้ยินว่าท่านย่าป่วย นางย่อมร้อนรุ่มกังวลใจขึ้นมาทันที มหาราชครูหรงฟังน้ำเสียงของนาง สีหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “เจ้ารู้จักอ่อนน้อมกตัญญูต่อท่านย่าของเจ้า ไม่เสียแรงที่นางรักและเอ็นดูเจ้ามาหลายปี! ท่านย่าของเจ้าปลอดภัยดี เพียงแค่โรคเก่ากลับมากำเริบอีกครั้งเท่านั้น หมอเทวดามารักษาแล้ว ข้าเองก็อยู่เฝ้าไข้ดูแลนางทั้งคืน ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว” ว่าตามหลักแล้วหากนายหญิงใหญ่ป่วยไข้ไม่สบาย ควรเป็นนางหวังที่เข้าไปเฝ้าไข้ปรนนิบัติ ทว่ามหาราชครูหรงมีความกตัญญูอย่างสูงส่ง กอปรกับทราบว่ามารดาไม่ถูกชะตาภรรยาของตน ฉะนั้นเขาจึงไปอยู่เฝ้ามารดาด้วยตนเองตลอดทั้งคืน หรงจือจือฟังมาถึงตรงนี้ ก็วางใจ ท่านย่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 11

    มหาราชครูหรงกลับประหลาดใจ มองบุตรสาวของตนอย่างพินิจพิเคราะห์ “เจ้าอยากหย่าร้างอย่างนั้นหรือ? ไม่อาลัยอาวรณ์ฉีจื่อฟู่เลยแม้แต่น้อยอย่างนั้นหรือ?”หรงจือจือกล่าวเบา ๆ “ท่านพ่อ ตอนนั้นเหตุใดลูกจึงต้องแต่งงานกับเขา ท่านรู้ดีอยู่แก่ใจ ตั้งแต่ต้นจนจบ ลูกไม่ได้แต่งเพื่อตัวลูกเอง แต่แต่งเพื่อสกุลหรง”“บัดนี้ ลูกไม่ได้หย่าร้างเพื่อตัวของลูกเองเลย ลูกทำเพื่อสกุลหรงเช่นเดียวกัน”“ท่านพ่อน่าจะรู้ดี อวี้ม่านหวานั่นแท้ที่จริงเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเจา ตามประเพณีที่สืบทอดกันมาของราชวงศ์เราจะต้องปฏิบัติต่อประเทศที่สูญเสียเอกราชด้วยความกรุณา ไม่มีทางให้นางเป็นอนุอย่างเด็ดขาด อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของแคว้นเจาไม่มีทางตอบตกลงเช่นกัน”“แต่หากข้าเป็นบุตรสาวแห่งสกุลหรง ถูกลดตำแหน่งให้เป็นอนุ จะต้องอดทนอยู่อย่างเงียบ ๆ ชื่อเสียงขุนนางของท่านพ่อกับชื่อเสียงอันดีงามของสกุลหรง ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้นลูกจึงคิดว่า การหย่าร้างคือวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในตอนนี้”หรงจือจือภายใต้การเลี้ยงดูของท่านย่า มักจะเป็นคนสุขุมและเฉลียวฉลาด นางเข้าใจดีว่า ยิ่งอยากทำการอันใดให้สำเร็จ ก็ยิ่งต้องสงบนิ่ง สมองต้องคิดอย่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 12

    หรงจือจือฟังคำพูดของสาวใช้จ้าว มุมปากปรากฏรอยยิ้มถากถาง เมื่อรู้ว่าที่ท่านแม่มีคำสั่งเช่นนี้ นางไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเลยสักนิดสาวใช้จ้าวมองรอยยิ้มถากถางของนาง เกิดความไม่พอใจขึ้น “คุณหนูใหญ่ สีหน้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ? ไม่พอใจต่อการจัดการของฮูหยินหรือเจ้าคะ?”“เช่นนั้นบ่าวอยากจะขอเตือนท่าน กิจภายในจวนตอนนี้ ฮูหยินเป็นผู้ตัดสินใจเจ้าค่ะ ฮูหยินบอกว่าไม่ให้ข้าวเที่ยงท่าน แม้ท่านจะไม่พอใจ ก็ทำได้เพียงอดทนเจ้าค่ะ”หรงจือจือกล่าวอย่างอ่อนโยน “ไม่อนุญาตให้ข้ากิน หรือไม่ให้อาหารข้า?”สาวใช้จ้าวเกิดความสงสัยขึ้นในใจ ทั้งสองคำถามนี้มีอะไรแตกต่างกันหรือ?นางยิ้มอย่างเยาะเย้ย กล่าว “หากคุณหนูใหญ่อยากกินจริง ๆ ก็ไม่ยากเจ้าค่ะ หากท่านมีความสามารถ ทำให้บรรดาบ่าวรับใช้ในจวนยอมให้ท่านกินข้าวได้ บ่าวก็คงเข้าไปยุ่งไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ หรือว่าคุณหนูใหญ่มีความสามารถ เสกของกินออกมาเองได้ คิดว่าทางฝั่งฮูหยินเอง ก็คงจะไม่พูดอะไรมากหรอกเจ้าค่ะ”ฮูหยินจัดการบ่าวรับใช้ในจวนจนเชื่อง รู้ดีอยู่แก่ใจว่าหากฮูหยินไม่อนุญาต จะมีใครกล้าไม่ลืมหูลืมตา โง่จนถึงขนาดเอาของกินให้คุณหนูใหญ่กัน?ดังนั้นที่สา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 13

    นางคิดว่าตนเองไม่ได้เป็นคนอ่อนแอ แต่ตอนนี้ไม่คิดว่าเพราะความอบอุ่นนี้ เกือบจะทำให้น้ำตาไหลมองออกว่าอารมณ์ของหลานสาวผิดปกติ นายหญิงผู้เฒ่าหรงรีบถาม “เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?”หรงจือจือจับชีพจรของท่านย่าโดยไม่ตั้งใจ สังเกตเห็นถึงการเต้นหัวใจของอีกฝ่าย เป็นเพราะตึงเครียดจึงเริ่มเต้นเร็วขึ้นจึงรีบกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่แต่งออกไป ยังจะได้มาหาท่านย่าเพื่อออดอ้อนอีก ได้ฟังท่านย่าชมข้าเช่นนี้ก็พอแล้ว!”นายหญิงผู้เฒ่าหรงสบายใจขึ้น กล่าวพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย “เจ้าเด็กคนนี้ ข้ายังคิดว่าเจ้าได้รับความไม่ยุติธรรมอะไรเสียอีก! ชมเจ้า เป็นเพราะเจ้าสมควรได้รับจริง ๆ”“เจ้าลองคิดดูตั้งแต่เด็ก เจ้าเรียนรู้อะไรแล้วทำไม่ได้บ้าง? พิณ หมากรุก เขียนหนังสือ วาดรูป ดูแลกิจการร้านค้าอยู่เบื้องหลัง ดูแลบ้าน ขอเพียงเจ้ายื่นมือ ทุกอย่างล้วนเป็นที่หนึ่ง ฝีมือการเย็บปักถักร้อยก็หาได้ยากในเมืองหลวง แม้แต่เรียนวิชาแพทย์หมอเทวดายังพูดว่าเจ้ามีพรสวรรค์ รับเจ้าเป็นทายาทผู้สืบทอดเพียงคนเดียว”“บัดนี้ข้ายังไม่อยากจะเชื่อว่า ท่านแม่สติเลอะเลือนคนนั้นของเจ้า จะให้กำเนิดลูกที่โดด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 14

    เมื่อเห็นว่าหรงจือจือไม่พูดจาฉีอวี่เยียนจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “พี่สะใภ้ ท่านเป็นพี่สะใภ้แท้ ๆ ของข้า ข้าออกเรือนทั้งที หากท่านไม่เติมสินเดิม ก็ดูจะใช้ไม่ได้สักเท่าไหร่นะ!”“อีกอย่าง การแต่งงานของข้า พี่สะใภ้ยังเป็นคนช่วยข้าพูดจนสำเร็จ หากท่านไม่เติมสินเดิม ทางด้านจวนอ๋องเฉียน ก็คงจะพูดลำบากเช่นกันมิใช่หรือ?”ว่ากันตามเหตุผล จวนอ๋องเฉียนสมรส ก่อนหน้านี้ไม่มีทางถูกใจครอบครัวที่มีแต่เปลือกนอกอย่างซิ่นหยางโหวง่าย ๆ แน่ความจริงคือหรงจือจือมีชื่อเสียงด้านคุณธรรมเป็นที่ประจักษ์ ชายาผู้เฒ่าอ๋องเฉียนมักจะชมนางไม่หยุดปาก บอกว่านางเป็นสตรีที่น่ารัก มีความชอบธรรม ทั้งยังกตัญญู น่าเสียดายที่ไม่ใช่หลานสะใภ้ของตนเองดังนั้นเมื่อเห็นหรงจือจือเป็นผู้มาคุยเรื่องการแต่งงานให้น้องสาวสามีด้วยตนเอง พระชายาอ๋องเฉียนถึงได้ตกปากรับคำเพื่อหลานชายของตนเองถึงแม้จะไม่ใช่หลานคนโตของภรรยาเอก แต่ฉีอวี่เยียนก็คู่ควรที่จะแต่งงานกับหลานชายคนรองของภรรยาเอก จึงเป็นที่อิจฉาของใครหลายคนหรงจือจือมองฉีอวี่เยียน ถามอย่างพินิจพิจารณา “อวี่เยียน พี่ใหญ่ของเจ้าต้องการให้ข้าเป็นอนุเพื่อองค์หญิงม่านหวานั่น เจ้ารู้เ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 15

    มองรอยยิ้มที่ซ่อนเอาไว้ไม่มิดในดวงตาของฉีอวี่เยียน หรงจือจือรู้สึกว่า ความดีที่ตนมีต่อนางตลอดหลายปีมานี้ ล้วนเป็นการให้อาหารสุนัข ไม่สิ หากเป็นการให้อาหารสุนัข สุนัขก็ยังกระดิกหางให้นางบ้างจะเหมือนกับคนเนรคุณตรงหน้าที่ไหนกัน? ไม่มีความซาบซึ้งในบุญคุณแม้แต่น้อยก็มากเกินพอแล้ว แต่เมื่อมองดูท่าทางนี้ ยังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอีก!รู้สึกโมโหที่คิดว่าตนเองนั้นฉลาด เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงมองโฉมหน้าที่แท้จริงของนางไม่ออก? ซ้ำยังทำดีกับนางแบบนั้นอีก!ฉีอวี่เยียนยังดึงแขนของหรงจือจือ กล่าวอย่างออดอ้อนต่อ “พี่สะใภ้ ท่านก็รับปากข้าเถอะนะ! ชั่วชีวิตนี้ของข้าก็มีวันมงคล เพียงครั้งเดียว หากข้ามีสินเดิมมากมาย ท่านก็ได้หน้าได้ตาไปด้วยไม่ใช่หรือ?”หรงจือจือ “...”เหอะ ๆ เอาสินเดิมของข้า ไปสร้างหน้าสร้างตาให้ครอบครัวเจ้ามากกว่า?เมื่อเห็นว่าหรงจือจือไม่มีทีท่าว่าจะเอ่ยปาก ฉีอวี่เยียนก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที กล่าวข่มขู่ “หากพี่สะใภ้ไม่ให้ ส่งผลกระทบต่อการแต่งงานของข้า เกรงว่าท่านแม่กับท่านพี่จะยิ่งไม่ชอบใจพี่สะใภ้มากกว่าเดิมนะ”“หากเป็นเช่นนั้น องค์หญิงม่านหวาแต่งเข้ามาแล้ว พี่สะใภ้คงจะต้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 16

    หรงจือจือกล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “นางพูดไม่ใช่หรือว่า พี่ชายของนางรับปากข้าเอาไว้มากมาย แต่ไม่ได้เขียนหนังสือข้อตกลง ไม่มีหลักฐาน ข้าไม่สามารถร้องเรียนเขาได้?”“เรื่องที่ข้ารับปากนางเมื่อครู่นี้ ก็ไม่ได้เขียนหนังสือข้อตกลงเช่นกัน ถึงเวลานางให้นางไปร้องเรียนข้าเถอะ! วันนี้พวกเจ้า ได้ยินข้ารับปากอะไรนางหรือไม่?”นางไม่เคยใช้วิธีการที่หน้าไม่อายไปจัดการใคร เนื่องจากไม่อยากให้ตนต้องกลายเป็นคนที่น่ารังเกียจเหมือนกับคนอื่นแต่บางครั้ง การเผชิญหน้ากับคนที่ไร้ยางอายเกินไป ก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับวิธีการมากนัก หากยังคงวางมาด จมไม่ลง ผู้อื่นก็จะปฏิบัติกับตนด้วยวิธีการที่สกปรกและน่าขยะแขยงครั้งแล้วครั้งเล่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางเองก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับวิธีการเช่นกันท้ายที่สุดแล้วคนที่ซื่อสัตย์อย่างแท้จริง ไม่เพียงต้องมีคุณธรรมสูงส่ง ยังต้องสามารถปกป้องตนเองให้ดี ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคนชั่วข้างในเรือนนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นสาวใช้ของหรงจือจือเอง ท่านย่าได้จัดเตรียมเอาไว้ให้นางก่อนจะออกเรือน สัญญาขายตัวของทุกคนอยู่ในมือของนาง เนื่องจากนางปกครองบ่าวรับใช้ด้วยความยุติธรรม บร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 17

    เจาซีตะลึงไปทันที ในใจมีความสงสัยเล็กน้อย ว่าเหตุใดคุณหนูถึงได้มั่นใจเช่นนี้แต่เมื่อลองคิดดูคุณหนูก็ประสบความสำเร็จมาตลอด คิดว่าไม่น่าจะคำนวณผิดพลาด จึงวางใจได้ชั่วขณะ......สวนฉางโซ่วของนางถานฉีอวี่เยียนกลับมาด้วยความดีใจ เล่าเรื่องที่หรงจือจือรับปากตนเองให้ฟังยังรินน้ำชาให้ตนอีกถ้วยด้วย พลางดื่มพลางกล่าวด้วยท่าทางมีความสุข “เป็นตามที่ท่านแม่คาดคะเน มหาราชครูหรงไม่สนใจนาง นางจึงตื่นตระหนก ต่อไป สิ่งของทั้งหมดของนางหรง ก็จะตกเป็นของครอบครัวเราแล้ว!”“ทันทีที่อ้าปากก็ตอบตกลงว่าจะให้สิ่งของมากมายขนาดนี้ ท่านแม่ ผ้าไหมสามพับนั่นที่ท่านตั้งใจจะให้ข้าเป็นสินสมรสติดตัวไป ก็เก็บเอาไว้เองเถอะ บัดนี้ข้ามีสิ่งของที่นางหรงมอบให้ ก็ไม่ได้ขาดแคลนของเล็กน้อยนั่นแล้ว”เมื่อฉีจื่อฟู่ได้ฟังถึงตรงนี้ ก็วางใจขึ้นแตกต่างกับท่านแม่และน้องสาว ทั้งสองคนเต็มไปด้วยความอยากได้สินเดิมของหรงจือจือ ดังนั้นจึงเอ่ยข้อเรียกร้องเช่นนี้ออกมาแต่ฉีจื่อฟู่เพียงแค่อยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อดูท่าทีของหรงจือจือ หากหรงจือจือปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เหมือนกับเมื่อคืนนี้ที่ปฏิเสธการร่วมหลับนอนกับตน คิดว่าเป็นเพราะมหาราชครู

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 276

    “ความจริงก่อนที่เจ้าจะไป นางคงคิดไว้แล้ว ว่าจะเป็นฝ่ายแบ่งยามาให้ข้าส่วนหนึ่งกระมัง?”เมื่อก่อนหรงจือจือมีของดีอะไร ก็มักจะนึกถึงน้องชายอย่างตนเองคนนี้อยู่เสมอ และไม่ว่าตนเองจะต้องการหรือไม่ นางล้วนหยิบยื่น แล้วถือมันออกมาไว้ด้านหน้าตนเองแต่ก็เพราะเหตุผลนี้ เขาจึงเกลียดนางมากยิ่งขึ้นอวี้เล่อ “คุณชายรอง เช่นนั้นรอคุณหนูสามกลับมาก่อน แล้วข้าน้อยจะเล่าให้ฟังเป็นการส่วนตัวดีหรือไม่ขอรับ?”บุรุษล้วนต้องการรักษาหน้า เขาเชื่อว่าคุณชายรองในฐานะพี่ชาย คงไม่อยากขายหน้าต่อหน้าคุณหนูสาม อย่างไรก็ตามหรงซื่อเจ๋อกลับขมวดคิ้วแน่น “เจียวเจียวเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของข้า มีคำพูดใดที่ต้องหลบเลี่ยงนางด้วยหรือ? เจ้าพูดมาตรง ๆ เลยจะดีกว่า!”อวี้เล่อกัดฟัน และทำได้เพียงบอกหรงซื่อเจ๋อทุกอย่าง ถึงสิ่งที่หรงจือจือเพิ่งพูดออกมาหลังหรงซื่อเจ๋อฟังจบ ก็โกรธมากแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่!เขากล่าวด้วยสีหน้าทมึงทึงว่า “ที่เจ้าเล่ามาทั้งหมด หรงจือจือเป็นคนพูดหรือ?”อวี้เล่อกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “จริงแท้แน่นอนขอรับ หรือว่าบ่าวยังจะกล้าโกหกท่านอีกหรือ? ตอนนั้นคุณหนูใหญ่บอกว่าท่านทำเรื่องน่าอายแต่ก็ยังหยิ่งยโส จ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 275

    อวี้หมัวมัวอยู่ข้างกายหรงจือจือมาหลายปี นางเคยช่วยเหลือคนไม่น้อย แต่พวกที่ไร้ความสำนึกอย่างสาวใช้จ้าว แถมยังกล้าตะโกนโวยวาย นับว่าพบเจอได้น้อยเต็มทีหรงจือจือหัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไร ข้าคาดไว้อยู่แล้วว่านางต้องเป็นเช่นนี้ นางไม่เพียงแค่ทำเช่นนี้หรอก ข้าว่านางคงจะเอาเรื่องนี้ไปบอกฮูหยินหรง เพื่อแสดงความจงรักภักดีด้วยเป็นแน่”เจาซีร้อนใจ “คุณหนู เช่นนั้นพวกเราจะไม่ทำงานเสียแรงเปล่าหรือเจ้าคะ?”หรงจือจือยิ้มบาง “ทำไมถึงคิดเช่นนั้น?”นางไม่ได้อธิบายอะไรมาก เพียงแค่สั่งอวี้หมัวมัว “ไปหาคนสักสองสามคน ไปสร้างปัญหาให้พี่ชายของสาวใช้จ้าวสักหน่อย ให้เขาไปทวงเงินจากนางสองสามรอบ”อวี้หมัวมัวพยักหน้ารับคำสั่ง “เจ้าค่ะ”......ในเรือนของหรงซื่อเจ๋อ เวลานี้ใบหน้าของหรงเจียวเจียวเต็มไปด้วยความคาดหวังและกังวล “พี่ใหญ่ ท่านว่าหรงจือจือจะยอมให้ยากับพวกเราหรือไม่?”นางให้ฝานซิงไปสืบเรื่องนี้มา พอรู้ความก็มาหาหรงซื่อเจ๋อทันที ขอให้เขาช่วยไปขอยาจากหรงจือจือให้ตนหรงซื่อเจ๋อแค่นเสียงเย็นชา “วางใจเถอะ ในเมื่อข้าเป็นคนเอ่ยปาก นางย่อมต้องให้”หรงเจียวเจียวยิ้มกว้างจนเต็มหน้า “พี่ใหญ่ช่างดีกับข้าจริงๆ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 274

    หรงจือจือเลิกคิ้ว คาดไม่ถึงว่าพ่อบุญธรรมเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน ก็ถูกพวกเขาหมายตายาเสียแล้วอวี้เล่อเห็นนางยังนิ่งเฉย จึงรีบเร่งเร้าอีกครั้ง “คุณหนูใหญ่ ท่านรีบหน่อยเถิด คุณชายรองกับคุณหนูสามยังรออยู่”“หากคุณชายรองรอจนหงุดหงิดขึ้นมา ก็ยิ่งจะไม่เห็นหัวพี่สาวอย่างท่านเข้าไปใหญ่ ท่านอย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน”หรงจือจือฟังจบ ก็หัวเราะเย็นชา “พูดจบแล้วหรือยัง?”อวี้เล่อมองใบหน้านิ่งสงบของนาง ไม่เห็นแม้แต่เงาของความกังวล รู้สึกแปลกใจไม่น้อย “คุณหนูใหญ่ ท่านไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”หรงจือจือยิ้มบาง “ได้ยินชัดเจนดี กลับไปบอกเจ้านายของเจ้าว่า ยานี่เป็นของพ่อบุญธรรมที่ให้ข้า ข้าไม่คิดที่จะแบ่งให้พวกเขา”อวี้เล่ออึ้งไปครู่หนึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ “คุณหนูใหญ่ ท่านพูดจริงหรือ? คุณชายรองแทบไม่เคยสนใจสิ่งใดจากท่านเลยนะ ครั้งนี้เขายอมเอ่ยปากขอด้วยตัวเอง ท่านกลับไม่ยอมคว้าโอกาสนี้ไว้หรือ?”ก่อนหน้านี้ตอนขอชุดผีเสื้อ ก็เป็นเพราะคุณหนูสามอยากได้ แต่ครั้งนี้คุณชายรองเอ่ยเองแท้ๆ ทำไมคุณหนูใหญ่ยังทำท่าทีแบบเดิม?หรงจือจือ นึกไม่ออกจริงๆ ว่าท่าทางวางอำนาจของอวี้เล่อนั้นมาจากไหนอ้อ... ห

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 273

    ฮ่องเต้หย่งอัน “เจ้าจะรีบร้อนไปใย? ข้ายังพูดไม่ทันจบ! หากนางไม่ดีต่อท่านอัครเสนาบดี ข้าจะเรียกนางเข้าวังทุกวัน ให้มานั่งฟังเราพร่ำเพ้อถึงความดีงามของท่านอัครเสนาบดีสักชั่วยาม!”“ข้าจะทำให้นางเบื่อหน่ายจนทนไม่ไหว! ไม่ช้าก็เร็ว นางจะต้องรู้ตัวว่าคิดผิด!”เขาไม่ได้โง่เขลา เห็นอยู่ว่าท่านอัครเสนาบดี ปักใจรักมั่นเพียงนาง หากยังไปรังควานหรงจือจืออีก นั่นไม่เท่ากับทำลายความสัมพันธ์พ่อลูกกับท่านอัครเสนาบดีหรือ?ขันทีอาวุโสหยาง “...”ฝ่าบาท ช่างไม่เสียทีที่เป็นท่าน คิดแผนข่มขู่ได้ร้ายกาจและรุนแรงถึงเพียงนี้!......นางกำนัลเฉินพำนักอยู่ที่จวนตระกูลหรงได้หลายวันแล้ว ฝ่ายนางหวังและหรงเจียวเจียวต่างเฝ้ารอข่าวดีว่าหรงจือจือจะถูกลงทัณฑ์ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไร้วี่แววกลับกลายเป็นว่ามีข่าวหมอเทวดาเดินทางมาเยือนถึงจวน เพื่อขอพบหรงจือจือหรงเจียวเจียวจึงรีบส่งฝานซิงไปสืบข่าวทันทีหรงจือจือไปยังโถงด้านหน้า เมื่อพบหน้าหมอเทวดา ก็ทำความเคารพพลางเอ่ยถาม “ท่านพ่อบุญธรรม ช่วงนี้ท่านสบายดีหรือไม่?"หมอเทวดายิ้มรับ “ได้ยินว่านางถานตายแล้ว ตระกูลฉีก็ล่มสลายไม่เหลือชิ้นดี เช่นนี้แล้วข้าจะมีเรื่องอะไรให้ไ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 272

    ฮ่องเต้หย่งอันตรัสต่อ “คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหรง ก็งามล่มเมืองสมคำร่ำลือ คิดไม่ถึงว่าท่านอัครมหาเสนาบดี ผู้เคร่งขรึม ก็ยังมิอาจผ่านด่านความงามของสตรีไปได้เฮอะ ทีตัวเองยังห้ามไม่ให้ข้าอ่านนิยายรัก แต่ในสมองของท่านอัครมหาเสนาบดีเองก็มีแต่เรื่องรักใคร่ไม่ต่างกัน วันนี้ขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นท่านหญิง พรุ่งนี้ยอมเอาตัวรับดาบแทน มะรืนนี้นอนป่วยจนลุกไม่ขึ้น แต่ก็ยังไม่วายเรียกข้าไปช่วยหนุนหลังให้หรงจือจืออีก ท่านอัครมหาเสนาบดี นี่ช่างลำบากจริงๆ“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไมท่านอัครมหาเสนาบดี ถึงพร่ำสอนข้าอยู่เสมอ ให้ข้าเตรียมตัวว่าราชการเองโดยเร็ว ให้ข้ามุ่งมั่นกับกิจการบ้านเมืองเป็นหลัก”“ที่แท้ก็เพราะเขารู้ตัวว่าหัวสมองของตัวเองถูกความรักครอบงำไปหมดแล้ว จึงคิดว่าต้าฉี่ยังต้องพึ่งพาข้าอยู่”ก่อนหน้านี้ ตอนที่เห็นอัครเสนาบดีร้องขอให้พระราชทานบรรดาศักดิ์ท่านหญิง เขาก็พอสงสัยอยู่แล้วว่า พวงมาลัยดอกไม้ที่ท่านอัครเสนาบดีนำมา คงเตรียมไว้สำหรับหรงจือจือโดยเฉพาะ มีแต่สีสุภาพเรียบง่าย เหมาะเจาะกับฐานะของหรงจือจือที่กำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์อย่างพอดิบพอดีวันนี้ ฮ่องเต้ทรงแน่พระทัยแล้วว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 271

    “หากหรงจือจือทำอะไรไม่เหมาะสมขึ้นมา ก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องถูกตบสักสองสามฉาด ไม่ต้องให้พวกเราลงมือด้วยซ้ำ ข้าว่าแค่รอให้คนอื่นลงมือ หน้าของนางก็คงบวมจนเหมือนหัวหมูแล้ว!”นางหวังเคยคิดอยู่เหมือนกันว่า นางกำนัลเฉินอาจจะออกหน้าปกป้องหรงจือจือ แต่พอมาคิดอีกที อีกฝ่ายมีเหตุผลอะไรถึงต้องออกตัวเพื่อหรงจือจือด้วยเล่า?หรงจือจือแทบไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับไทเฮาหรือฝ่าบาทเลยดังนั้น นางกำนัลเฉินคนนั้น ก็คงเป็นแค่พวกหัวโบราณที่เคร่งกฎเกณฑ์ไปเองเท่านั้นหรงเจียวเจียวได้ยินดังนั้น ก็เผยสีหน้าตื่นเต้นยินดี “ข้ารู้อยู่แล้วว่าหรงจือจือไม่มีทางตั้งตัวในวงสังคมได้ นางไม่คู่ควรกับตำแหน่งท่านหญิง ไทเฮาเองก็คงคิดเช่นเดียวกัน ถึงได้ส่งคนมาขัดเกลานางเช่นนี้!”“เดี๋ยวนะ! บางทีท่านอัครมหาเสนาบดี อาจจะรู้เรื่องที่นางเคยหยามข้าที่หน้าประตูเมื่อวันก่อน บังคับให้ข้าไปเป็นภรรยารองของตระกูลฉี เพื่อช่วยข้าระบายความแค้น ท่านพ่อถึงได้ส่งนางกำนัลเฉินมาจัดการนาง!”นางหวังได้ยินแล้วก็ถึงกับตาโต ทำสีหน้าราวกับเพิ่งเข้าใจทุกอย่าง “หากเจ้าพูดเช่นนี้ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”หรงเจียวเจียวแค่นเสียงเยาะเย้ย “หึ! คิดจะเป็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 270

    ครั้นนางกำนัลเฉินได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มอ่อน ๆ พลางมองไปที่นางหวัง “ไม่ทราบว่าฮูหยินเป็นฮูหยินตราตั้งขั้นสูงขั้นไหนหรือเจ้าคะ?”นางหวังอึ้งไปครู่หนึ่ง รู้สึกขวยเขินอยู่เล็กน้อย “เพราะท่านพี่เขากตัญญูกตเวที ก่อนหน้านี้เคยมีโอกาสขอพระราชทานแต่งตั้งฮูหยินตราตั้งขั้นสูงคราหนึ่ง แต่ว่าท่านพี่ให้ท่านแม่สามีไป”“แต่คิดว่ารอท่านพี่กลับราชสำนักแล้ว มีโอกาสต้องขอพระราชทานแต่งตั้งให้ข้าแน่...”ที่นางกล่าวเช่นนี้ ย่อมเพื่อกู้หน้าตัวเองกลับมาอยู่แล้วทว่านางกำนัลเฉินกลับจี้จุดสำคัญออกมา “พูดเช่นนี้ ฮูหยินไม่มีตำแหน่งฮูหยินตราตั้งขั้นสูงแล้ว?”นางหวังกัดฟัน ก่อนจะตอบกลับอย่างอิหลักอิเหลื่อ “ตอนนี้ไม่มีจริง ๆ”นางกำนัลเฉินสีหน้าราบเรียบ กล่าวว่า “ในเมื่อฮูหยินมิได้มีฐานะอะไร แล้วมีคุณสมบัติอะไรมาตบปากท่านหญิงของเราจนบวมหรือ?”นางหวัง “ข้า...ข้าเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของนาง ตบตีนางไม่ได้หรือ?”สีหน้าของนางกำนัลเฉินเคร่งขรึม “ฮูหยินเจ้าคะ ที่เรียกว่าภักดีกตัญญูมีมารยาท เหตุใดความภักดีถึงมาก่อนความกตัญญูกันเล่า? ย่อมเป็นเพราะภักดีต่อฝ่าบาทรักชาติ สำคัญกว่าความกตัญญูอย่างไรล่ะ”“ฝ่าบาทเป็นผู้แต่งตั้งตำ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 269

    นางเองก็เริ่มครุ่นคิดเช่นกัน นางกำนัลเฉินหมายความว่าอย่างไร? ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ตนไม่ได้ตอบตกลงที่จะอยู่กับชายาผู้เฒ่าอ๋องเฉียนและจีอู๋เหิง นางเซี่ยก็ไม่น่าจะไปขอให้ไทเฮาล้างแค้นตนสิถึงจะถูกฉะนั้นวันนี้มาจากไหนกัน?นางกำนัลเฉินกล่าวต่อ “ตอนนี้ฐานะของท่านหญิงสูงศักดิ์ ไม่ใช่คุณหนูที่ยังครองโสดธรรมดา ๆ แล้ว การกระทำของท่าน ล้วนต้องให้ความสำคัญกับหน้าตาของตำแหน่งท่านหญิง จะทำให้ต้าฉีของเราขายขี้หน้าไม่ได้”หรงจือจือ “นี่ย่อมแน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ!”นางหวังได้ยินหรงจือจือถูกอบรมสั่งสอน ก็สบายใจขึ้นมาเปลาะหนึ่ง นังคนชั้นต่ำผู้นี้ ปกติตอนที่ตนด่านาง มักจะชอบโต้เถียง วันนี้ในที่สุดก็นับว่ามีคนที่พูดแทนแล้ว นางคงเถียงไม่ออกแล้วสิ?นางกำนัลเฉิน “ในเมื่อท่านหญิงรู้แล้ว ก็ห้ามให้ผู้ใดก็ได้มาเต้นเร่า ๆ อยู่ตรงหน้าท่านเป็นอันขาด”“บางคนไม่รู้จักเคารพท่าน ควรตบตีก็ตบตี ควรด่าก็ด่า แม้จะเป็นคนในครอบครัว ก็ห้ามปล่อยไปตามอำเภอใจเด็ดขาด!”นางหวัง “?”เหตุใดประโยคนี้ฟังดูแล้วทะแม่ง ๆ อยู่หน่อย ๆ นะ?หรงจือจือตอบสนองอะไรบางอย่างกลับมา นางฉีกยิ้มพลางกล่าว “นางกำนัลเฉินพูดถูกเจ้าค่ะ”นางกำนัลเฉิน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 268

    ไม่ว่าเขาจะมาทำไม ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางหวังเมินเฉยได้นางรีบลุกขึ้นเดินออกไป พร้อมกับพูดทิ้งท้ายกับหรงเจียวเจียวว่า “เจ้ารักษาแผลดี ๆ ไป ทำใจกว้าง ๆ หน่อย ยังเป็นเช่นนั้น หรงจือจือได้ใจไม่ได้กี่วันหรอก”พูดจบก็เดินออกไปหรงเจียวเจียวครุ่นคิด ก่อนจะกล่าวกับสาวใช้ข้างกายตนว่า “ฝานซิง เจ้าออกไปดูหน่อย ดูว่าคนในวังมาทำไม จะแต่งตั้งข้าเป็นท่านหญิงใช่หรือไม่”ไม่แน่ว่าท้ายที่สุดท่านเสนาบดีจะคิดได้แล้วว่า การที่พี่หญิงเป็นท่านหญิง คอยกดหัวตน ไม่ดีกับตนจริง ๆ จะทำให้ตนไม่มีหน้ามีตาฉะนั้นจึงขอพระราชทานแต่งตั้งให้ตนเป็นท่านหญิง หากเขาตามีแววเช่นนี้จริง ๆ ตนก็จะให้อภัยเรื่องที่ก่อนหน้านี้เขาคิดไม่รอบคอบ แต่งตั้งตำแหน่งให้หรงจือจือ!ฝานซิงรีบตอบกลับ “บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ คุณหนูอย่าเพิ่งร้อนใจไปนะเจ้าคะ เป็นของของคุณหนู อย่างไรก็หนีไม่พ้น! ไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้เป็นท่านหญิงหรือไม่ วันข้างหน้าคุณหนูก็จะแต่งงานกับท่านเสนาบดีแล้ว ไม่แน่ว่าฝ่าบาทจะแต่งตั้งให้คุณหนูเป็นฮูหยินแห่งแคว้นขั้นหนึ่ง ขอให้คุณหนูได้เป็นเช่นมารดาบุญธรรม”หรงเจียวเจียวเขินอายจนหน้าแดงไปหมดฝานซิงรีบออกไปในตอนนี้ มหาราช

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status