Share

บทที่ 13

Author: สั่งไม่หยุด
นางคิดว่าตนเองไม่ได้เป็นคนอ่อนแอ แต่ตอนนี้ไม่คิดว่าเพราะความอบอุ่นนี้ เกือบจะทำให้น้ำตาไหล

มองออกว่าอารมณ์ของหลานสาวผิดปกติ นายหญิงผู้เฒ่าหรงรีบถาม “เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?”

หรงจือจือจับชีพจรของท่านย่าโดยไม่ตั้งใจ สังเกตเห็นถึงการเต้นหัวใจของอีกฝ่าย เป็นเพราะตึงเครียดจึงเริ่มเต้นเร็วขึ้น

จึงรีบกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่แต่งออกไป ยังจะได้มาหาท่านย่าเพื่อออดอ้อนอีก ได้ฟังท่านย่าชมข้าเช่นนี้ก็พอแล้ว!”

นายหญิงผู้เฒ่าหรงสบายใจขึ้น กล่าวพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย “เจ้าเด็กคนนี้ ข้ายังคิดว่าเจ้าได้รับความไม่ยุติธรรมอะไรเสียอีก! ชมเจ้า เป็นเพราะเจ้าสมควรได้รับจริง ๆ”

“เจ้าลองคิดดูตั้งแต่เด็ก เจ้าเรียนรู้อะไรแล้วทำไม่ได้บ้าง? พิณ หมากรุก เขียนหนังสือ วาดรูป ดูแลกิจการร้านค้าอยู่เบื้องหลัง ดูแลบ้าน ขอเพียงเจ้ายื่นมือ ทุกอย่างล้วนเป็นที่หนึ่ง ฝีมือการเย็บปักถักร้อยก็หาได้ยากในเมืองหลวง แม้แต่เรียนวิชาแพทย์หมอเทวดายังพูดว่าเจ้ามีพรสวรรค์ รับเจ้าเป็นทายาทผู้สืบทอดเพียงคนเดียว”

“บัดนี้ข้ายังไม่อยากจะเชื่อว่า ท่านแม่สติเลอะเลือนคนนั้นของเจ้า จะให้กำเนิดลูกที่โดดเด่นเช่นเจ้าได้

“ตามความเห็นของข้า หากเจ้าเป็นลูกชาย เกรงว่าจะไม่ด้อยไปกว่าท่านพ่อของเจ้า เขาหัวโบราณและรักหน้าตามากเกินไป บางครั้งยังสู้เจ้าไม่ได้!”

ถึงแม้จะไม่ควรพูดต่อหน้าหลานสาว เพราะอย่างไรเสียการว่าท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่ใช่เรื่องดี แต่ทุกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องที่พวกเขาพยายามจะให้หรงจือจือแต่งงานกับฉีจื่อฟู่ นายหญิงใหญ่ก็เกิดโทสะขึ้น

โชคดีที่ตอนนี้หลานสาวมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ยอมอย่างแน่นอน จะต้องทะเลาะกับบุตรชายจนเรื่องราวใหญ่โตเป็นแน่

เมื่อได้ยินคำชมของท่านย่า อารมณ์ที่มัวหมองมาหลายวันของหรงจือจือ ในที่สุดก็ดีขึ้นมากแล้ว

เมื่อจับชีพจรของท่านย่า สังเกตเห็นว่าค่อย ๆ คงที่ จึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ที่จริงเป็นเพราะท่านย่าสั่งสอนมาดี หากไม่ใช่เพราะมีท่านย่าคอยอบรมสั่งสอน หลานจะมีความสามารถเช่นนี้ได้อย่างไร!”

คำพูดนี้ทำให้นายหญิงผู้เฒ่าหรงใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เพียงแต่นางถอนหายใจเช่นกัน “ตอนนั้นท่านพ่อของเจ้าสอบคัดเลือกขุนนาง อดีตอัครมหาเสนาบดีหวังเป็นหัวหน้าผู้คุมสอบ ท่านพ่อของเจ้าก็นับว่าเป็นลูกศิษย์ของเขา เขาอยากจะให้บุตรสาวแต่งงานกับท่านพ่อเจ้า แม้ว่าข้ากับท่านพ่อเจ้าจะไม่ชอบนางหวัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้”

“หลังจากที่นางหวังแต่งเข้ามา เคารพและเชื่อฟัง รักใคร่กันดีกับท่านพ่อเจ้า เดิมคิดว่าคงจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปชั่วชีวิต แต่คิดไม่ถึงว่านางกลับทำตัวสติเลอะเลือนในเรื่องของเจ้า มักจะไม่ชอบใจเจ้า ท่านพ่อของเจ้าก็ทำตัวห่างเหินและเย็นชาต่อลูกจนเกินไป”

“ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องพวกนี้ ต่อให้ข้าป่วยหนักแค่ไหน ก็นอนตายตาหลับไม่ได้ เกรงว่าหากข้าเป็นอะไรไป ในภายภาคหน้าจะไม่มีใครคอยหนุนหลังหลานสาวคนดีของข้าอีกแล้ว !”

หรงจือจือได้ยิน ก็กล่าวพร้อมน้ำตา “ท่านย่าอย่าพูดจาเช่นนี้อีก ท่านจะต้องอายุยืนร้อยปีแน่นอน!”

นายหญิงผู้เฒ่าหรงยิ้ม รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย “เจ้าไม่ต้องปลอบใจข้า ถึงอย่างไรวันนั้นก็ต้องมาถึง สุขภาพของข้าไม่ดีมาตลอด มีชีวิตอยู่ให้พ้นไปแต่ละวันเท่านั้น”

“หลานเขยเพิ่งกลับมา ตอนนี้เจ้าไม่ควรอยู่ที่บ้านของท่านพ่อท่านแม่ บอกหลานเขยว่าหากมีเวลาว่าง ก็มาเยี่ยมข้า จะได้ทำให้ข้าสบายใจขึ้นมาบ้าง!”

วันนี้ฉีจื่อฟู่ไม่ได้กลับมาเยี่ยมตนพร้อมกับจือจือ นายหญิงใหญ่เกิดความสงสัยขึ้นในใจเล็กน้อย

หรงจือจือรีบกล่าว “เขาไม่รู้ว่าท่านย่าไม่สบาย ประกอบกับเพิ่งกลับมายังเมืองหลวง งานราชการค่อนข้างยุ่ง ถึงไม่ได้มาด้วย หากเขามีเวลาว่าง หลานจะพาเขามาเยี่ยมท่านแน่นอน!”

นายหญิงผู้เฒ่าหรงพยักหน้า “ดีดีดี! ข้าอยากจะพักผ่อนต่ออีกสักหน่อย เจ้าก็รีบกลับไปที่สกุลฉีเถอะ เจ้ากับหลานเขยใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถึงจะดีต่อสุขภาพของข้าที่สุด!”

หรงจือจือ “หลานเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

ท่านย่าสุขภาพไม่ดี ประกอบกับโรคกำเริบ จึงนอนมาก หรงจือจือเฝ้านาง เมื่อท่านย่าหลับสนิทแล้ว สาวใช้จึงมากระซิบที่ข้างหูนาง “คุณหนู นายท่านเรียกท่านออกไป”

หรงจือจือลุกขึ้น เกรงว่าจะทำให้ท่านย่าตื่น จึงเดินออกไปเบา ๆ

เมื่อเห็นท่านพ่อ นางยังไม่ทันได้เอ่ยปากว่าจะขออยู่เฝ้าท่านย่าสักสองสามวัน

มหาราชครูหรงก็คาดเดาได้ว่านางอยากจะพูดอะไร “กลับไปเถอะ ข้างกายท่านย่าเจ้ามีข้าคอยดูแล บัดนี้จิตใจของฉีจื่อฟู่ไม่ได้อยู่ที่เจ้า เจ้าเฝ้าไข้อยู่ที่นี่ กลับไม่เห็นหลานเขยมารับเจ้า ท่านย่าจะเกิดความสงสัยเอาได้”

“มิสู้กลับไปจัดการสินเดิมของเจ้าให้เรียบร้อย การหย่าร้างเป็นความคิดของเจ้า ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ควรจะเก็บสิ่งของให้เรียบร้อยตั้งแต่เนิ่น ๆ อีกสองสามวันตอนข้าไปรับเจ้า ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้านนอกจวนเพื่อรอเจ้าตัดขาด ท่านย่าของเจ้าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลอยู่ที่บ้าน”

หรงจือจือรู้ว่าคำพูดของท่านพ่อมีเหตุผล จึงเรียกให้เจาซีนำขนมอบที่ตนซื้อทิ้งไว้ให้ท่านย่า เอ่ยสั่งกับบ่าวรับใช้ “ตอนกลางคืนท่านย่าชอบกินของหวาน ถึงตอนนั้นก็ให้ท่านย่ากินสักหน่อย”

จะว่าไป หากไม่ใช่เป็นเพราะตอนที่ซื้อขนมอบให้ท่านย่า หรงจือจือก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงถือโอกาสซื้อเผื่ออตนเองอีกนิดหน่อย วันนี้ก็คงต้องหิวโซไปแล้ว

จากนั้นจึงคำนับมหาราชครูหรงแล้วกล่าว “เช่นนั้นลูกขอตัวลาก่อน หากท่านย่าต้องการลูก ท่านพ่อจะต้องส่งคนไปแจ้งลูกนะเจ้าคะ”

มหาราชครูหรงพยักหน้า “อืม เจ้าไปเถอะ

เดิมทีหรงจือจือใช้ชีวิตเช่นนี้อยู่ในบ้านสามี แม้ปากของมหาราชครูหรงจะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ในใจกลับไม่พอใจมาก แต่เมื่อเห็นนางเป็นห่วงทุกเรื่องของนายหญิงใหญ่ เขาก็ต่อว่าไม่ลงอีก บอกให้คนส่งนางออกไป

ทันทีที่หรงจือจือกลับไป นางหวังก็เดินพุ่งเข้ามาด้วยความโมโห พลางเอ่ยถาม “ท่านพี่ จือจือล่ะ?”

มหาราชครูหรงขมวดคิ้ว “กลับไปแล้ว ทำไมหรือ?”

เมื่อได้ยินว่ากลับไปแล้ว นางหวังทำได้เพียงกัดฟันอย่างเคียดแค้น เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ไม่มีอะไร แค่ถามเท่านั้น!”

คนกลับไปแล้ว จะจับตัวกลับมาจัดการก็เป็นไปได้ยาก ทำได้เพียงครั้งหน้าค่อยว่ากัน

ลูกสาวตัวดี ไม่คิดเลยว่าจะทำให้หมัวมัวคนสนิทของตนโมโหจนหมดสติ นี่ไม่ใช่เป็นการหักหน้าตนหรอกหรือ? นางคิดว่าตนเองเก่งกล้าจริง ๆ คิดว่าตนจัดการกับนางไม่ได้ใช่หรือไม่?

...

ระหว่างทางกลับ

เมื่อเห็นว่าอากาศหนาวเกินไป หรงจือจือจึงให้เจาซีมานั่งด้วยกันบนรถม้า แม่นางน้อยจะได้ไม่แข็งตาย

เจาซีรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหลพราก คิดว่าวันข้างหน้าจะอุทิศตนให้กับคุณหนูมากกว่าเดิม

กล่าวขึ้นว่า “คุณหนู พวกเรากลับมาแบบนี้ ไม่แน่สกุลฉีอาจจะคิดว่า เป็นเพราะนายท่านบอกให้ท่านอดทน ใช้ชีวิตกับลูกเขยให้มีความสุขก็ได้นะเจ้าคะ!”

หรงจือจือยิ้มบาง ๆ “พวกเขาอยากจะคิดอย่างไร ก็ปล่อยให้คิดแบบนั้นเถอะ”

ถึงอย่างไรตนก็ใกล้จะหลุดพ้นจากกรงขังแล้ว ปล่อยให้พวกเขาได้ดีใจอีกไม่กี่วัน ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะยิ่งอับอายมากกว่าเดิมไม่ใช่หรือ?

คำพูดของท่านพ่อก็ได้เตือนสตินางเช่นกัน สินเดิมของนาง ทั้งหมดท่านย่าให้มา ก็ควรจะจัดเก็บให้เรียบร้อยแล้วนำกลับไปจริง ๆ ไม่ควรให้สกุลฉีเอาเปรียบได้แม้แต่นิดเดียว

เมื่อรถม้ากลับมาถึงจวนซิ่นหยางโหว

หรงจือจือก็พาคนกลับไปที่เรือนของตน ทันทีที่ถอดเสื้อขนสุนัขจิ้งจอกออก ถ่านไม้ภายในห้องก็ถูกจุดขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่น ทุกคนเพิ่งจะนั่งลง ฉีอวี่เยียนก็กระโดดโลดเต้นเข้ามา

นางเป็นน้องสาวของฉีจื่อฟู่ น้องสามีของหรงจือจือ เนื่องจากฉีอวี่เยียนใจดีกับนางมาตลอด ไม่เหมือนกับหรงเจียวเจียวผู้เป็นน้องสาวที่ชอบใส่ร้ายป้ายสีและเยาะเย้ย หลายปีมานี้หรงจือจือรักและเอ็นดูเหมือนอีกฝ่ายเป็นน้องสาวแท้ ๆ ด้วยใจจริง

บัดนี้นางจะหย่าร้างกับฉีจื่อฟู่ หรงจือจือยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์อีกฝ่ายอยู่

เพียงแค่มองรอยยิ้มบนใบหน้าของอีกฝ่าย หรงจือจือก็สะอึกในใจทีหนึ่ง รู้สึกไม่สบายเล็กน้อย นางไม่รู้เรื่องของตนกับพี่ชายของนางอย่างนั้นหรือ? เหตุใดจึงยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้?

ฉีอวี่เยียนกล่าวด้วยความยิ้มแย้ม “พี่สะใภ้!”

หรงจือจือนั่งลง ถามนางอย่างระวัง “วันนี้มาหาข้า มีธุระอันใด?”

ฉีอวี่เยียนประคองหน้า กล่าวอย่างออดอ้อน “พี่สะใภ้ ใกล้วันแต่งงานของข้าแล้ว วันพรุ่งนี้ทั้งสองตระกูลจะหารือกันเรื่องสินสอดและสินเดิมแล้ว”

“ท่านแม่กับท่านพี่ให้ข้ามาที่นี่ ให้พี่สะใภ้นำสินเดิมของท่าน มาเติมสินเดิมให้ข้าสักสองสามกล่อง”

“มงกุฎทองหลากสี ไข่มุกเรืองแสงแห่งทะเลจีนใต้ของท่าน แล้วก็ยังมีปะการังยักษ์ต้นนั้นด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นของหายากในโลก มิสู้เติมเข้าไปทั้งหมดก็แล้วกัน !”

หรงจือจือฟังจบก็แสดงสีหน้าจริงจัง คิดไม่ถึงว่าครอบครัวของเขาจะหน้าไม่อายขนาดนี้ ตอนนี้ยังวางแผนจะเอาสินเดิมของนางอีก!
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
ลักษิกา
บ้านนี้มีแต่คนหน้าด้าน
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 14

    เมื่อเห็นว่าหรงจือจือไม่พูดจาฉีอวี่เยียนจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “พี่สะใภ้ ท่านเป็นพี่สะใภ้แท้ ๆ ของข้า ข้าออกเรือนทั้งที หากท่านไม่เติมสินเดิม ก็ดูจะใช้ไม่ได้สักเท่าไหร่นะ!”“อีกอย่าง การแต่งงานของข้า พี่สะใภ้ยังเป็นคนช่วยข้าพูดจนสำเร็จ หากท่านไม่เติมสินเดิม ทางด้านจวนอ๋องเฉียน ก็คงจะพูดลำบากเช่นกันมิใช่หรือ?”ว่ากันตามเหตุผล จวนอ๋องเฉียนสมรส ก่อนหน้านี้ไม่มีทางถูกใจครอบครัวที่มีแต่เปลือกนอกอย่างซิ่นหยางโหวง่าย ๆ แน่ความจริงคือหรงจือจือมีชื่อเสียงด้านคุณธรรมเป็นที่ประจักษ์ ชายาผู้เฒ่าอ๋องเฉียนมักจะชมนางไม่หยุดปาก บอกว่านางเป็นสตรีที่น่ารัก มีความชอบธรรม ทั้งยังกตัญญู น่าเสียดายที่ไม่ใช่หลานสะใภ้ของตนเองดังนั้นเมื่อเห็นหรงจือจือเป็นผู้มาคุยเรื่องการแต่งงานให้น้องสาวสามีด้วยตนเอง พระชายาอ๋องเฉียนถึงได้ตกปากรับคำเพื่อหลานชายของตนเองถึงแม้จะไม่ใช่หลานคนโตของภรรยาเอก แต่ฉีอวี่เยียนก็คู่ควรที่จะแต่งงานกับหลานชายคนรองของภรรยาเอก จึงเป็นที่อิจฉาของใครหลายคนหรงจือจือมองฉีอวี่เยียน ถามอย่างพินิจพิจารณา “อวี่เยียน พี่ใหญ่ของเจ้าต้องการให้ข้าเป็นอนุเพื่อองค์หญิงม่านหวานั่น เจ้ารู้เ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 15

    มองรอยยิ้มที่ซ่อนเอาไว้ไม่มิดในดวงตาของฉีอวี่เยียน หรงจือจือรู้สึกว่า ความดีที่ตนมีต่อนางตลอดหลายปีมานี้ ล้วนเป็นการให้อาหารสุนัข ไม่สิ หากเป็นการให้อาหารสุนัข สุนัขก็ยังกระดิกหางให้นางบ้างจะเหมือนกับคนเนรคุณตรงหน้าที่ไหนกัน? ไม่มีความซาบซึ้งในบุญคุณแม้แต่น้อยก็มากเกินพอแล้ว แต่เมื่อมองดูท่าทางนี้ ยังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอีก!รู้สึกโมโหที่คิดว่าตนเองนั้นฉลาด เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงมองโฉมหน้าที่แท้จริงของนางไม่ออก? ซ้ำยังทำดีกับนางแบบนั้นอีก!ฉีอวี่เยียนยังดึงแขนของหรงจือจือ กล่าวอย่างออดอ้อนต่อ “พี่สะใภ้ ท่านก็รับปากข้าเถอะนะ! ชั่วชีวิตนี้ของข้าก็มีวันมงคล เพียงครั้งเดียว หากข้ามีสินเดิมมากมาย ท่านก็ได้หน้าได้ตาไปด้วยไม่ใช่หรือ?”หรงจือจือ “...”เหอะ ๆ เอาสินเดิมของข้า ไปสร้างหน้าสร้างตาให้ครอบครัวเจ้ามากกว่า?เมื่อเห็นว่าหรงจือจือไม่มีทีท่าว่าจะเอ่ยปาก ฉีอวี่เยียนก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที กล่าวข่มขู่ “หากพี่สะใภ้ไม่ให้ ส่งผลกระทบต่อการแต่งงานของข้า เกรงว่าท่านแม่กับท่านพี่จะยิ่งไม่ชอบใจพี่สะใภ้มากกว่าเดิมนะ”“หากเป็นเช่นนั้น องค์หญิงม่านหวาแต่งเข้ามาแล้ว พี่สะใภ้คงจะต้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 16

    หรงจือจือกล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “นางพูดไม่ใช่หรือว่า พี่ชายของนางรับปากข้าเอาไว้มากมาย แต่ไม่ได้เขียนหนังสือข้อตกลง ไม่มีหลักฐาน ข้าไม่สามารถร้องเรียนเขาได้?”“เรื่องที่ข้ารับปากนางเมื่อครู่นี้ ก็ไม่ได้เขียนหนังสือข้อตกลงเช่นกัน ถึงเวลานางให้นางไปร้องเรียนข้าเถอะ! วันนี้พวกเจ้า ได้ยินข้ารับปากอะไรนางหรือไม่?”นางไม่เคยใช้วิธีการที่หน้าไม่อายไปจัดการใคร เนื่องจากไม่อยากให้ตนต้องกลายเป็นคนที่น่ารังเกียจเหมือนกับคนอื่นแต่บางครั้ง การเผชิญหน้ากับคนที่ไร้ยางอายเกินไป ก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับวิธีการมากนัก หากยังคงวางมาด จมไม่ลง ผู้อื่นก็จะปฏิบัติกับตนด้วยวิธีการที่สกปรกและน่าขยะแขยงครั้งแล้วครั้งเล่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางเองก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับวิธีการเช่นกันท้ายที่สุดแล้วคนที่ซื่อสัตย์อย่างแท้จริง ไม่เพียงต้องมีคุณธรรมสูงส่ง ยังต้องสามารถปกป้องตนเองให้ดี ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคนชั่วข้างในเรือนนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นสาวใช้ของหรงจือจือเอง ท่านย่าได้จัดเตรียมเอาไว้ให้นางก่อนจะออกเรือน สัญญาขายตัวของทุกคนอยู่ในมือของนาง เนื่องจากนางปกครองบ่าวรับใช้ด้วยความยุติธรรม บร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 17

    เจาซีตะลึงไปทันที ในใจมีความสงสัยเล็กน้อย ว่าเหตุใดคุณหนูถึงได้มั่นใจเช่นนี้แต่เมื่อลองคิดดูคุณหนูก็ประสบความสำเร็จมาตลอด คิดว่าไม่น่าจะคำนวณผิดพลาด จึงวางใจได้ชั่วขณะ......สวนฉางโซ่วของนางถานฉีอวี่เยียนกลับมาด้วยความดีใจ เล่าเรื่องที่หรงจือจือรับปากตนเองให้ฟังยังรินน้ำชาให้ตนอีกถ้วยด้วย พลางดื่มพลางกล่าวด้วยท่าทางมีความสุข “เป็นตามที่ท่านแม่คาดคะเน มหาราชครูหรงไม่สนใจนาง นางจึงตื่นตระหนก ต่อไป สิ่งของทั้งหมดของนางหรง ก็จะตกเป็นของครอบครัวเราแล้ว!”“ทันทีที่อ้าปากก็ตอบตกลงว่าจะให้สิ่งของมากมายขนาดนี้ ท่านแม่ ผ้าไหมสามพับนั่นที่ท่านตั้งใจจะให้ข้าเป็นสินสมรสติดตัวไป ก็เก็บเอาไว้เองเถอะ บัดนี้ข้ามีสิ่งของที่นางหรงมอบให้ ก็ไม่ได้ขาดแคลนของเล็กน้อยนั่นแล้ว”เมื่อฉีจื่อฟู่ได้ฟังถึงตรงนี้ ก็วางใจขึ้นแตกต่างกับท่านแม่และน้องสาว ทั้งสองคนเต็มไปด้วยความอยากได้สินเดิมของหรงจือจือ ดังนั้นจึงเอ่ยข้อเรียกร้องเช่นนี้ออกมาแต่ฉีจื่อฟู่เพียงแค่อยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อดูท่าทีของหรงจือจือ หากหรงจือจือปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เหมือนกับเมื่อคืนนี้ที่ปฏิเสธการร่วมหลับนอนกับตน คิดว่าเป็นเพราะมหาราชครู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 18

    เมื่อนางถานนึกถึงความเย็นชาเหล่านั้นที่ตนได้รับวันนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ก็โมโหขึ้นมา แทบอยากจะกลืนหรงจือจือทั้งเป็น เมื่อเห็นบุตรชายถูกตนโน้มน้าวได้สำเร็จนางถานจึงพยายามต่อไป กล่าวขึ้นอีกว่า “ดังนั้นไม่เพียงเรื่องสินเดิม เจ้าห้ามปกป้องนาง เจ้าต้องคิดหาหนทาง เพื่อตั้งกฎให้นาง”“ทำให้นางรู้ว่า ตั้งแต่ไหนแต่ไรเจ้าไม่ใช่ว่าอะไรก็นึกถึงแต่นาง คนที่เจ้ารักที่สุดในใจก็ไม่ใช่นางเช่นกัน องค์หญิงม่านหวากับลูกในท้องของนาง เจ้าต้องวางไว้เป็นอันดับหนึ่ง”“ทำเช่นนี้หรงจือจือถึงจะรู้สึกถึงความลนลาน ถึงจะระมัดระวังตัว พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อเอาชนะใจเจ้า”ฉีจื่อฟู่แค่นหัวเราะ “เรื่องแค่นี้ลูกเข้าใจ! ก่อนหน้านี้ให้นางเป็นอนุ นางก็อยากจะหย่าร้าง เห็นได้ชัดว่าหัวแข็งเกินไป เมื่อก่อนลูกดีกับนางเกินไปหน่อย”“หากนางรักข้าจริง ก็ต้องยินดีที่เป็นอนุ จะไม่ยอมร่วมหลับนอนได้อย่างไร? ท่านแม่วางใจ ลูกจะสั่งสอนนางให้ดี ทำแบบนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น!”หรงจือจือดีงามเกินไปแล้ว ตอนนั้นตอนที่เขายังนอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียง ทุกคนมาเยี่ยมเขา มักจะพูดถึงหรงจือจือ กล่าวว่าตนเองมีวาสนาราวกับว่าผู้ชายอกสามศอกอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 19

    ก่อนหน้านี้เป็นเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง นางถานจึงได้มอบหน้าที่หุงหาอาหารในบ้านให้หรงจือจือทำมานานแล้ว วันนี้อยากจะต้อนรับขับสู้ด้วยตนเอง เพื่อแสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญกับนางเซี่ยหรงจือจือเพิ่งได้รับอิสระ แต่นางก็ไม่ได้ทำตัวว่าง ส่งคนไปสืบข่าวคราวที่เรือนด้านหน้า แล้วก็กำลังจัดการใบรายการสินเดิมของตนเองเพียงแต่ถึงแม้นางถานจะสติเลอะเลือน แต่กลับปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างรอบคอบยิ่ง ให้คนรับใช้คนสนิทของตนเฝ้าเรือนอย่างเข้มงวด สาวใช้ของหรงจือจือจึงไม่สามารถสืบรายละเอียดที่คุยกันได้หลังจากได้ยินรายงานของเจาซี “คุณหนู หลังจากที่พระชายาซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องกลับไปแล้ว ฮูหยินก็โมโหมาก ขว้างปาข้าวของในห้องหลายอย่างเลยเจ้าค่ะ!”หรงจือจือเลิกคิ้ว “อย่างนั้นหรือ?”หรือที่ไม่อยากให้ตนไปพูดอะไรกับจวนอ๋องเฉียน เป็นเพราะการแต่งงานได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว?ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอย่างละเอียดสาวใช้เฉินคนสนิทของนางถาน ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ จ้องหรงจือจือกล่าว “ฮูหยินซื่อจื่อ ฮูหยินใช้ให้บ่าวรับใช้มาตามท่านให้ไปพบเจ้าค่ะ!”หรงจือจือก็อยากจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเช่นกัน จึงไม่รอช้า รีบลุกขึ้นทันทีเจา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 20

    เมื่อเจาซีฟังจบก็สีหน้าไม่พอใจทันที กำหมัดแน่น รู้สึกไม่พอใจแทนคุณหนูของตนมาก อยากจะด่าแม่สามีที่ไม่มีเหตุผลอย่างนางถานสักยกจริง ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ด่าไม่ได้ จึงทำได้เพียงอดทนหรงจือจือดูสงบยิ่งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด “ท่านแม่อยากจะตำหนิข้าอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นอย่างน้อยลูกก็ควรได้รู้ว่า ตนทำผิดอะไรใช่หรือไม่? ท่านแม่โปรดบอกด้วย”นางถานกำลังจับมือสาวใช้เฉิน มองหรงจือจือด้วยสีหน้าขึงขัง “เจ้าทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ? ดี ข้าจะให้เจ้าได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง! ป้าเฉิน เจ้าบอกนางไปซิ”สาวใช้เฉินก้าวออกมา พูดเหตุผลออกมาแทนเจ้านายของตนเอง “เมื่อครู่นี้นางเซี่ยพระชายาซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องเฉียนมาที่นี่เพื่อหารือเรื่องสินสอด ไม่คิดว่าจะสะเพร่าถึงขนาดนี้ ให้สินสอดเพียงสามสิบลัง นี่ไม่ใช่เรื่องที่จวนอ๋องจะทำอย่างแน่นอน”“นางเซี่ยกล่าวว่า เป็นเพราะเรื่องที่ซื่อจื่อจะให้ซื่อจื่อฮูหยินเป็นอนุ ตอนนี้ด้านนอกลือกันอย่างหนาหู ในครอบครัวต่างกำลังพูดกันว่าครอบครัวของเราไม่ดี นางไม่ยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ ก็นับว่าไว้หน้าจวนโหวแล้ว”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่ยินยอมที่จะให้สินสอดไปมากกว่านี้แล้ว ให้เพียงแค่สาม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 21

    สิ่งนี้ทำให้นางถานไม่พอใจเป็นอย่างมากทว่าในจังหวะนี้เองฉีจื่อฟู่ก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก “จือจือ ท่านแม่ถูกเจ้ายั่วโมโหจนร้องไห้ แต่เจ้ากลับไม่สำนึกผิดเลยสักนิด คุณธรรมกับความกตัญญูของเจ้าล่ะ?”ครั้นหรงจือจือได้ยินคำพูดกลับขาวเป็นดำของคนในตระกูลเขา ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าในใจของนางจะสงบลงแล้วนางเพียงทอดตามองเขาชืด ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเตือนว่า “ท่านพี่กล่าวเรื่องตลกแล้ว ผู้ที่ถูกสามีลดขั้นให้เป็นอนุเช่นข้าจะมีคุณธรรมอะไรกัน?”“แทนที่ท่านพี่จะมาถามหาความกตัญญูจากข้า ไม่สู้ถามตัวท่านเองเถิด? หากไม่ใช่เพราะท่านคบชู้ร่วมประเวณีโดยมิชอบ และประกาศว่าจะลดตำแหน่งภรรยาเอกเป็นอนุในงานเลี้ยงละก็ เรื่องการแต่งงานของอวี่เยียนจะพลอยถูกท่านทำให้ติดร่างแหไปด้วยหรือ?”“ท่านแม่เอาแต่โทษข้า แต่ผู้ที่มีปัญญาก็รู้กันทั้งนั้นว่า อันที่จริงแล้วเรื่องมันเกิดมาจากท่านทั้งนั้น ฉะนั้นผู้ที่ทำให้ท่านแม่ต้องเดือดดาลจนเป็นเช่นนี้ไม่ใช่ข้า แต่เป็นผู้ที่เริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมดอย่างท่านต่างหาก!”ฉีจื่อฟู่จ้องมองนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง “จือจือ เจ้าดูสภาพของเจ้าตอนนี้สิ ข้

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 280

    หรงจือจือมองเจาซีแวบหนึ่ง เพื่อส่งสัญญาณให้นางว่าอย่าใจร้อนตามหลักแล้ว องครักษ์หลงสิงไม่มีทางสงสัยว่านางสบคบกับศัตรู เพราะการจับกุมอวี้ม่านหวา นางก็มีส่วนช่วยอยู่ไม่น้อยคนเฝ้าประตูกล่าว “บ่าวก็ไม่ทราบเหตุผลเช่นกันขอรับ แต่ตอนนี้นายท่าน กำลังพูดคุยกับผู้บัญชาการอวี่เหวินอยู่ด้านหน้าเรือนแล้ว”หรงจือจือพยักหน้า ก็เดินมุ่งหน้าไปด้านหน้าเรือนทันทีในเมื่อท่านพ่อยังสามารถพูดคุยกับอีกฝ่ายได้ แทนที่จะเผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียด คิดดูแล้วคงไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรเมื่ออวี่เหวินจ้านเห็นหรงจือจือ ก็รีบทำความเคารพ “ข้าน้อยคารวะท่านหญิง!”หรงจือจือ “ผู้บัญชาการอวี่เหวินไม่ต้องมากพิธี ไม่ทราบว่าผู้บัญชาการมาหาข้า มีธุระอันใดหรือ?”อวี่เหวินจ้านกล่าวด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ขอพูดตรง ๆ เลยแล้วกัน ข้าน้อยมาขอร้องให้ท่านหญิงช่วยขอรับ”“ท่านหญิง อวี้ฉือท่านอ๋องรองของแคว้นเจาเสียชีวิตแล้ว แต่พวกข้ายังตรวจสอบพบอีกว่า พวกเขายังมีทหารแฝงตัวอยู่ห้าสิบกว่าคนที่ยังไม่ถูกจับกุม”“อวี้ม่านหวากับซี่อวี่ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมรับสารภาพ แต่วันนี้ อวี้ม่านหวาจู่ ๆ ก็พูดว่าขอแค่พบหน้าท่านตามลำพัง นางก็จะบอกข้าน้อ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 279

    ต่อมาก็มองไปทางฝานซิง พลางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “นำปะการังชิ้นนี้ไปวางในที่ที่มองเห็นชัดเจนที่สุดในห้องของข้า!”“หรงจือจือสามารถควบคุมปะการังได้ ข้าไม่เชื่อว่าข้าหรงเจียวเจียวจะควบคุมไม่ได้! ขัดขวางข้างั้นหรือ? เช่นนั้นก็ลองขัดขวางข้าดู!”ฝานซิง “คุณหนู อย่าโมโหไปเลย คุณหนูใหญ่คงไม่อยากให้ปะการังแก่ท่าน ถึงจงใจพูดจาที่ทำให้ท่านไม่มีความสุข หากท่านโมโห ก็จะเป็นไปตามทางของนางนะเจ้าค่ะ”หรงเจียวเจียวฟังจบ ก็รู้สึกมีเหตุผลอยู่หลายส่วนนางส่งเสียงฮึเบา ๆ “เจ้าพูดถูก! ข้าคือคนที่ได้รับปะการังจะโมโหทำไม? ให้นางทรมานเพราะสูญเสียปะการังไปคนเดียวเถอะ”......หลังหรงจือจือออกจากเรือนเฮ่าเย่ว์ ก็ยังไม่รีบกลับจวนแต่ไปยังเรือนของนางหวังแทนนางหวังได้ยินว่านางส่งปะการังไปให้หรงเจียวเจียวแล้ว และกำลังรอขอพบอยู่ด้านนอก นางก็กล่าวด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจว่า “ในเมื่อนางรู้ความ ก็ให้นางเข้ามาเถอะ” หรงจือจือเข้ามา ก็กล่าวเสียงเบา “ฮูหยินหรง ข้ามาที่นี่ เพราะต้องการพูดกับท่านอยู่สองเรื่องเจ้าค่ะ”นางหวังขมวดคิ้ว นี่มันท่าทีอะไรของนางกัน?เหตุใดฟังดูแล้ว เหมือนจะไม่มีความเคารพต่อตนเองเลยแม้แต่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 278

    หญิงรับใช้แซ่หลี่ “นี่มัน...ฮูหยิน คุณหนูใหญ่จะเห็นด้วยหรือเจ้าคะ? สิ่งของของฮูหยินผู้เฒ่า เป็นสิ่งล่ำค่าที่สุดของนางมาโดยตลอด”นางหวัง “ในเมื่อนางอยากจะเอาใจข้า ย่อมเห็นด้วยเป็นแน่ เจ้าไม่ต้องคิดมากถึงเพียงนั้น แค่ตรงเข้าไปเลยก็พอแล้ว!”หญิงรับใช้แซ่หลี่ “เจ้าค่ะ!”……หลังได้ยินหญิงรับใช้แซ่หลี่ชี้แจงที่มา หรงจือจือก็ขำเบา ๆ “สิ่งของที่ท่านย่าให้มา ตามหลักแล้วข้าจะไม่ส่งให้ผู้ใด แต่ในเมื่อผู้ที่มาคือหลี่หมัวมัว ข้าย่อมให้เกียรติเจ้าอยู่แล้ว”หญิงรับใช้แซ่หลี่ “...”ข้ามีเกียรติเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? นางไม่เคยลืม เรื่องที่ครั้งก่อนฮูหยินสั่งตนเองไม่ต้องให้หรงจือจือรับประทานอาหาร สุดท้ายอีกฝ่ายกลับหยิบขนมขึ้นมา จนตนเองแทบจะสิ้นสติไป“หลี่หมัวมัวกลับไปก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปหาปะการังชิ้นนั้นออกมา แล้วเช็ดให้สะอาด จากนั้นก็จะส่งไปยังห้องน้องสามด้วยตนเอง”หญิงรับใช้แซ่หลี่เต็มไปด้วยความสงสัย และออกจากที่แห่งนั้นด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งรอให้หญิงรับใช้แซ่หลี่จากไปแล้ว หรงจือจือจึงสั่งเจาซีว่า “ไปหาของออกมา”เจาซีกล่าวด้วยความโกรธจัด “คุณหนู ท่านคิดจะนำปะการังนี่ ส่งไปย

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 277

    เสิ่นเยี่ยนซูถามเสียบเรียบ “รู้หรือไม่ว่าเหตุใดสวีชิงชิงถึงทำเช่นนี้?”เซินเฮ่อ “ตอนแรกลูกศิษย์ก็ไม่ทราบ แต่พี่สาวกลับพูดจนทำให้หลุดจากฝัน นางบอกว่า...เป็นไปได้มากว่าคือความอิจฉา”“เมื่อก่อนคุณหนูใหญ่สกุลหรงเพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง และยังโดดเด่นเป็นที่หนึ่งในทุกเรื่องของเมืองหลวง แถมเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์เช่นเดียวกันอีก สวีชิงชิงจะอิจฉาก็เป็นเรื่องปกติ”“ภายหลังลูกศิษย์สืบดูอีกหน่อย ถึงได้รู้ว่า เมื่อก่อนสวีชิงชิงติดตามคุณหนูใหญ่หรง ก็มักจะพูดจาเหน็บแนมอยู่เสมอ”“ความอิจฉานั้น แทบจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยขอรับ!”เมื่อเสิ่นเยี่ยนซูได้ยิน ดวงตาก็เย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง เป็นสตรีเหมือนกัน แต่สวีชิงชิงเพียงเพราะอิจฉา จึงใช้วิธีอันชั่วร้ายเช่นนี้ออกมาทำให้ชื่อเสียงของหรงจือจือเดิมก็ถูกคนวิพากษ์วิจารณ์เพราะหย่าร้าง เปลี่ยนเป็นยิ่งแย่ลงไปอีกจิตใจชั่วร้ายเช่นนี้ ช่างน่ารังเกียจยิ่งนักเซินเฮ่อถามอย่างระมัดระวัง “ท่านเสนาบดี ท่านคิดว่า เรื่องนี้ควรจะจัดการอย่างไรดีขอรับ?”เสิ่นเยี่ยนซูกล่าวเสียงเรียบ “ไปสืบความลับส่วนตัวทั้งหมดของจวนเฉิงหยางโหว รวมทั้งเรื่องแย่ ๆ ที่สวีชิงชิงเคยทำตั้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 276

    “ความจริงก่อนที่เจ้าจะไป นางคงคิดไว้แล้ว ว่าจะเป็นฝ่ายแบ่งยามาให้ข้าส่วนหนึ่งกระมัง?”เมื่อก่อนหรงจือจือมีของดีอะไร ก็มักจะนึกถึงน้องชายอย่างตนเองคนนี้อยู่เสมอ และไม่ว่าตนเองจะต้องการหรือไม่ นางล้วนหยิบยื่น แล้วถือมันออกมาไว้ด้านหน้าตนเองแต่ก็เพราะเหตุผลนี้ เขาจึงเกลียดนางมากยิ่งขึ้นอวี้เล่อ “คุณชายรอง เช่นนั้นรอคุณหนูสามกลับมาก่อน แล้วข้าน้อยจะเล่าให้ฟังเป็นการส่วนตัวดีหรือไม่ขอรับ?”บุรุษล้วนต้องการรักษาหน้า เขาเชื่อว่าคุณชายรองในฐานะพี่ชาย คงไม่อยากขายหน้าต่อหน้าคุณหนูสาม อย่างไรก็ตามหรงซื่อเจ๋อกลับขมวดคิ้วแน่น “เจียวเจียวเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของข้า มีคำพูดใดที่ต้องหลบเลี่ยงนางด้วยหรือ? เจ้าพูดมาตรง ๆ เลยจะดีกว่า!”อวี้เล่อกัดฟัน และทำได้เพียงบอกหรงซื่อเจ๋อทุกอย่าง ถึงสิ่งที่หรงจือจือเพิ่งพูดออกมาหลังหรงซื่อเจ๋อฟังจบ ก็โกรธมากแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่!เขากล่าวด้วยสีหน้าทมึงทึงว่า “ที่เจ้าเล่ามาทั้งหมด หรงจือจือเป็นคนพูดหรือ?”อวี้เล่อกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “จริงแท้แน่นอนขอรับ หรือว่าบ่าวยังจะกล้าโกหกท่านอีกหรือ? ตอนนั้นคุณหนูใหญ่บอกว่าท่านทำเรื่องน่าอายแต่ก็ยังหยิ่งยโส จ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 275

    อวี้หมัวมัวอยู่ข้างกายหรงจือจือมาหลายปี นางเคยช่วยเหลือคนไม่น้อย แต่พวกที่ไร้ความสำนึกอย่างสาวใช้จ้าว แถมยังกล้าตะโกนโวยวาย นับว่าพบเจอได้น้อยเต็มทีหรงจือจือหัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไร ข้าคาดไว้อยู่แล้วว่านางต้องเป็นเช่นนี้ นางไม่เพียงแค่ทำเช่นนี้หรอก ข้าว่านางคงจะเอาเรื่องนี้ไปบอกฮูหยินหรง เพื่อแสดงความจงรักภักดีด้วยเป็นแน่”เจาซีร้อนใจ “คุณหนู เช่นนั้นพวกเราจะไม่ทำงานเสียแรงเปล่าหรือเจ้าคะ?”หรงจือจือยิ้มบาง “ทำไมถึงคิดเช่นนั้น?”นางไม่ได้อธิบายอะไรมาก เพียงแค่สั่งอวี้หมัวมัว “ไปหาคนสักสองสามคน ไปสร้างปัญหาให้พี่ชายของสาวใช้จ้าวสักหน่อย ให้เขาไปทวงเงินจากนางสองสามรอบ”อวี้หมัวมัวพยักหน้ารับคำสั่ง “เจ้าค่ะ”......ในเรือนของหรงซื่อเจ๋อ เวลานี้ใบหน้าของหรงเจียวเจียวเต็มไปด้วยความคาดหวังและกังวล “พี่ใหญ่ ท่านว่าหรงจือจือจะยอมให้ยากับพวกเราหรือไม่?”นางให้ฝานซิงไปสืบเรื่องนี้มา พอรู้ความก็มาหาหรงซื่อเจ๋อทันที ขอให้เขาช่วยไปขอยาจากหรงจือจือให้ตนหรงซื่อเจ๋อแค่นเสียงเย็นชา “วางใจเถอะ ในเมื่อข้าเป็นคนเอ่ยปาก นางย่อมต้องให้”หรงเจียวเจียวยิ้มกว้างจนเต็มหน้า “พี่ใหญ่ช่างดีกับข้าจริงๆ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 274

    หรงจือจือเลิกคิ้ว คาดไม่ถึงว่าพ่อบุญธรรมเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน ก็ถูกพวกเขาหมายตายาเสียแล้วอวี้เล่อเห็นนางยังนิ่งเฉย จึงรีบเร่งเร้าอีกครั้ง “คุณหนูใหญ่ ท่านรีบหน่อยเถิด คุณชายรองกับคุณหนูสามยังรออยู่”“หากคุณชายรองรอจนหงุดหงิดขึ้นมา ก็ยิ่งจะไม่เห็นหัวพี่สาวอย่างท่านเข้าไปใหญ่ ท่านอย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน”หรงจือจือฟังจบ ก็หัวเราะเย็นชา “พูดจบแล้วหรือยัง?”อวี้เล่อมองใบหน้านิ่งสงบของนาง ไม่เห็นแม้แต่เงาของความกังวล รู้สึกแปลกใจไม่น้อย “คุณหนูใหญ่ ท่านไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”หรงจือจือยิ้มบาง “ได้ยินชัดเจนดี กลับไปบอกเจ้านายของเจ้าว่า ยานี่เป็นของพ่อบุญธรรมที่ให้ข้า ข้าไม่คิดที่จะแบ่งให้พวกเขา”อวี้เล่ออึ้งไปครู่หนึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ “คุณหนูใหญ่ ท่านพูดจริงหรือ? คุณชายรองแทบไม่เคยสนใจสิ่งใดจากท่านเลยนะ ครั้งนี้เขายอมเอ่ยปากขอด้วยตัวเอง ท่านกลับไม่ยอมคว้าโอกาสนี้ไว้หรือ?”ก่อนหน้านี้ตอนขอชุดผีเสื้อ ก็เป็นเพราะคุณหนูสามอยากได้ แต่ครั้งนี้คุณชายรองเอ่ยเองแท้ๆ ทำไมคุณหนูใหญ่ยังทำท่าทีแบบเดิม?หรงจือจือ นึกไม่ออกจริงๆ ว่าท่าทางวางอำนาจของอวี้เล่อนั้นมาจากไหนอ้อ... ห

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 273

    ฮ่องเต้หย่งอัน “เจ้าจะรีบร้อนไปใย? ข้ายังพูดไม่ทันจบ! หากนางไม่ดีต่อท่านอัครเสนาบดี ข้าจะเรียกนางเข้าวังทุกวัน ให้มานั่งฟังเราพร่ำเพ้อถึงความดีงามของท่านอัครเสนาบดีสักชั่วยาม!”“ข้าจะทำให้นางเบื่อหน่ายจนทนไม่ไหว! ไม่ช้าก็เร็ว นางจะต้องรู้ตัวว่าคิดผิด!”เขาไม่ได้โง่เขลา เห็นอยู่ว่าท่านอัครเสนาบดี ปักใจรักมั่นเพียงนาง หากยังไปรังควานหรงจือจืออีก นั่นไม่เท่ากับทำลายความสัมพันธ์พ่อลูกกับท่านอัครเสนาบดีหรือ?ขันทีอาวุโสหยาง “...”ฝ่าบาท ช่างไม่เสียทีที่เป็นท่าน คิดแผนข่มขู่ได้ร้ายกาจและรุนแรงถึงเพียงนี้!......นางกำนัลเฉินพำนักอยู่ที่จวนตระกูลหรงได้หลายวันแล้ว ฝ่ายนางหวังและหรงเจียวเจียวต่างเฝ้ารอข่าวดีว่าหรงจือจือจะถูกลงทัณฑ์ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไร้วี่แววกลับกลายเป็นว่ามีข่าวหมอเทวดาเดินทางมาเยือนถึงจวน เพื่อขอพบหรงจือจือหรงเจียวเจียวจึงรีบส่งฝานซิงไปสืบข่าวทันทีหรงจือจือไปยังโถงด้านหน้า เมื่อพบหน้าหมอเทวดา ก็ทำความเคารพพลางเอ่ยถาม “ท่านพ่อบุญธรรม ช่วงนี้ท่านสบายดีหรือไม่?"หมอเทวดายิ้มรับ “ได้ยินว่านางถานตายแล้ว ตระกูลฉีก็ล่มสลายไม่เหลือชิ้นดี เช่นนี้แล้วข้าจะมีเรื่องอะไรให้ไ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 272

    ฮ่องเต้หย่งอันตรัสต่อ “คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหรง ก็งามล่มเมืองสมคำร่ำลือ คิดไม่ถึงว่าท่านอัครมหาเสนาบดี ผู้เคร่งขรึม ก็ยังมิอาจผ่านด่านความงามของสตรีไปได้เฮอะ ทีตัวเองยังห้ามไม่ให้ข้าอ่านนิยายรัก แต่ในสมองของท่านอัครมหาเสนาบดีเองก็มีแต่เรื่องรักใคร่ไม่ต่างกัน วันนี้ขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นท่านหญิง พรุ่งนี้ยอมเอาตัวรับดาบแทน มะรืนนี้นอนป่วยจนลุกไม่ขึ้น แต่ก็ยังไม่วายเรียกข้าไปช่วยหนุนหลังให้หรงจือจืออีก ท่านอัครมหาเสนาบดี นี่ช่างลำบากจริงๆ“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไมท่านอัครมหาเสนาบดี ถึงพร่ำสอนข้าอยู่เสมอ ให้ข้าเตรียมตัวว่าราชการเองโดยเร็ว ให้ข้ามุ่งมั่นกับกิจการบ้านเมืองเป็นหลัก”“ที่แท้ก็เพราะเขารู้ตัวว่าหัวสมองของตัวเองถูกความรักครอบงำไปหมดแล้ว จึงคิดว่าต้าฉี่ยังต้องพึ่งพาข้าอยู่”ก่อนหน้านี้ ตอนที่เห็นอัครเสนาบดีร้องขอให้พระราชทานบรรดาศักดิ์ท่านหญิง เขาก็พอสงสัยอยู่แล้วว่า พวงมาลัยดอกไม้ที่ท่านอัครเสนาบดีนำมา คงเตรียมไว้สำหรับหรงจือจือโดยเฉพาะ มีแต่สีสุภาพเรียบง่าย เหมาะเจาะกับฐานะของหรงจือจือที่กำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์อย่างพอดิบพอดีวันนี้ ฮ่องเต้ทรงแน่พระทัยแล้วว่า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status