Share

บทที่ 13

Author: สั่งไม่หยุด
นางคิดว่าตนเองไม่ได้เป็นคนอ่อนแอ แต่ตอนนี้ไม่คิดว่าเพราะความอบอุ่นนี้ เกือบจะทำให้น้ำตาไหล

มองออกว่าอารมณ์ของหลานสาวผิดปกติ นายหญิงผู้เฒ่าหรงรีบถาม “เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?”

หรงจือจือจับชีพจรของท่านย่าโดยไม่ตั้งใจ สังเกตเห็นถึงการเต้นหัวใจของอีกฝ่าย เป็นเพราะตึงเครียดจึงเริ่มเต้นเร็วขึ้น

จึงรีบกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่แต่งออกไป ยังจะได้มาหาท่านย่าเพื่อออดอ้อนอีก ได้ฟังท่านย่าชมข้าเช่นนี้ก็พอแล้ว!”

นายหญิงผู้เฒ่าหรงสบายใจขึ้น กล่าวพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย “เจ้าเด็กคนนี้ ข้ายังคิดว่าเจ้าได้รับความไม่ยุติธรรมอะไรเสียอีก! ชมเจ้า เป็นเพราะเจ้าสมควรได้รับจริง ๆ”

“เจ้าลองคิดดูตั้งแต่เด็ก เจ้าเรียนรู้อะไรแล้วทำไม่ได้บ้าง? พิณ หมากรุก เขียนหนังสือ วาดรูป ดูแลกิจการร้านค้าอยู่เบื้องหลัง ดูแลบ้าน ขอเพียงเจ้ายื่นมือ ทุกอย่างล้วนเป็นที่หนึ่ง ฝีมือการเย็บปักถักร้อยก็หาได้ยากในเมืองหลวง แม้แต่เรียนวิชาแพทย์หมอเทวดายังพูดว่าเจ้ามีพรสวรรค์ รับเจ้าเป็นทายาทผู้สืบทอดเพียงคนเดียว”

“บัดนี้ข้ายังไม่อยากจะเชื่อว่า ท่านแม่สติเลอะเลือนคนนั้นของเจ้า จะให้กำเนิดลูกที่โดดเด่นเช่นเจ้าได้

“ตามความเห็นของข้า หากเจ้าเป็นลูกชาย เกรงว่าจะไม่ด้อยไปกว่าท่านพ่อของเจ้า เขาหัวโบราณและรักหน้าตามากเกินไป บางครั้งยังสู้เจ้าไม่ได้!”

ถึงแม้จะไม่ควรพูดต่อหน้าหลานสาว เพราะอย่างไรเสียการว่าท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่ใช่เรื่องดี แต่ทุกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องที่พวกเขาพยายามจะให้หรงจือจือแต่งงานกับฉีจื่อฟู่ นายหญิงใหญ่ก็เกิดโทสะขึ้น

โชคดีที่ตอนนี้หลานสาวมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ยอมอย่างแน่นอน จะต้องทะเลาะกับบุตรชายจนเรื่องราวใหญ่โตเป็นแน่

เมื่อได้ยินคำชมของท่านย่า อารมณ์ที่มัวหมองมาหลายวันของหรงจือจือ ในที่สุดก็ดีขึ้นมากแล้ว

เมื่อจับชีพจรของท่านย่า สังเกตเห็นว่าค่อย ๆ คงที่ จึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ที่จริงเป็นเพราะท่านย่าสั่งสอนมาดี หากไม่ใช่เพราะมีท่านย่าคอยอบรมสั่งสอน หลานจะมีความสามารถเช่นนี้ได้อย่างไร!”

คำพูดนี้ทำให้นายหญิงผู้เฒ่าหรงใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เพียงแต่นางถอนหายใจเช่นกัน “ตอนนั้นท่านพ่อของเจ้าสอบคัดเลือกขุนนาง อดีตอัครมหาเสนาบดีหวังเป็นหัวหน้าผู้คุมสอบ ท่านพ่อของเจ้าก็นับว่าเป็นลูกศิษย์ของเขา เขาอยากจะให้บุตรสาวแต่งงานกับท่านพ่อเจ้า แม้ว่าข้ากับท่านพ่อเจ้าจะไม่ชอบนางหวัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้”

“หลังจากที่นางหวังแต่งเข้ามา เคารพและเชื่อฟัง รักใคร่กันดีกับท่านพ่อเจ้า เดิมคิดว่าคงจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปชั่วชีวิต แต่คิดไม่ถึงว่านางกลับทำตัวสติเลอะเลือนในเรื่องของเจ้า มักจะไม่ชอบใจเจ้า ท่านพ่อของเจ้าก็ทำตัวห่างเหินและเย็นชาต่อลูกจนเกินไป”

“ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องพวกนี้ ต่อให้ข้าป่วยหนักแค่ไหน ก็นอนตายตาหลับไม่ได้ เกรงว่าหากข้าเป็นอะไรไป ในภายภาคหน้าจะไม่มีใครคอยหนุนหลังหลานสาวคนดีของข้าอีกแล้ว !”

หรงจือจือได้ยิน ก็กล่าวพร้อมน้ำตา “ท่านย่าอย่าพูดจาเช่นนี้อีก ท่านจะต้องอายุยืนร้อยปีแน่นอน!”

นายหญิงผู้เฒ่าหรงยิ้ม รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย “เจ้าไม่ต้องปลอบใจข้า ถึงอย่างไรวันนั้นก็ต้องมาถึง สุขภาพของข้าไม่ดีมาตลอด มีชีวิตอยู่ให้พ้นไปแต่ละวันเท่านั้น”

“หลานเขยเพิ่งกลับมา ตอนนี้เจ้าไม่ควรอยู่ที่บ้านของท่านพ่อท่านแม่ บอกหลานเขยว่าหากมีเวลาว่าง ก็มาเยี่ยมข้า จะได้ทำให้ข้าสบายใจขึ้นมาบ้าง!”

วันนี้ฉีจื่อฟู่ไม่ได้กลับมาเยี่ยมตนพร้อมกับจือจือ นายหญิงใหญ่เกิดความสงสัยขึ้นในใจเล็กน้อย

หรงจือจือรีบกล่าว “เขาไม่รู้ว่าท่านย่าไม่สบาย ประกอบกับเพิ่งกลับมายังเมืองหลวง งานราชการค่อนข้างยุ่ง ถึงไม่ได้มาด้วย หากเขามีเวลาว่าง หลานจะพาเขามาเยี่ยมท่านแน่นอน!”

นายหญิงผู้เฒ่าหรงพยักหน้า “ดีดีดี! ข้าอยากจะพักผ่อนต่ออีกสักหน่อย เจ้าก็รีบกลับไปที่สกุลฉีเถอะ เจ้ากับหลานเขยใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถึงจะดีต่อสุขภาพของข้าที่สุด!”

หรงจือจือ “หลานเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

ท่านย่าสุขภาพไม่ดี ประกอบกับโรคกำเริบ จึงนอนมาก หรงจือจือเฝ้านาง เมื่อท่านย่าหลับสนิทแล้ว สาวใช้จึงมากระซิบที่ข้างหูนาง “คุณหนู นายท่านเรียกท่านออกไป”

หรงจือจือลุกขึ้น เกรงว่าจะทำให้ท่านย่าตื่น จึงเดินออกไปเบา ๆ

เมื่อเห็นท่านพ่อ นางยังไม่ทันได้เอ่ยปากว่าจะขออยู่เฝ้าท่านย่าสักสองสามวัน

มหาราชครูหรงก็คาดเดาได้ว่านางอยากจะพูดอะไร “กลับไปเถอะ ข้างกายท่านย่าเจ้ามีข้าคอยดูแล บัดนี้จิตใจของฉีจื่อฟู่ไม่ได้อยู่ที่เจ้า เจ้าเฝ้าไข้อยู่ที่นี่ กลับไม่เห็นหลานเขยมารับเจ้า ท่านย่าจะเกิดความสงสัยเอาได้”

“มิสู้กลับไปจัดการสินเดิมของเจ้าให้เรียบร้อย การหย่าร้างเป็นความคิดของเจ้า ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ควรจะเก็บสิ่งของให้เรียบร้อยตั้งแต่เนิ่น ๆ อีกสองสามวันตอนข้าไปรับเจ้า ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้านนอกจวนเพื่อรอเจ้าตัดขาด ท่านย่าของเจ้าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลอยู่ที่บ้าน”

หรงจือจือรู้ว่าคำพูดของท่านพ่อมีเหตุผล จึงเรียกให้เจาซีนำขนมอบที่ตนซื้อทิ้งไว้ให้ท่านย่า เอ่ยสั่งกับบ่าวรับใช้ “ตอนกลางคืนท่านย่าชอบกินของหวาน ถึงตอนนั้นก็ให้ท่านย่ากินสักหน่อย”

จะว่าไป หากไม่ใช่เป็นเพราะตอนที่ซื้อขนมอบให้ท่านย่า หรงจือจือก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงถือโอกาสซื้อเผื่ออตนเองอีกนิดหน่อย วันนี้ก็คงต้องหิวโซไปแล้ว

จากนั้นจึงคำนับมหาราชครูหรงแล้วกล่าว “เช่นนั้นลูกขอตัวลาก่อน หากท่านย่าต้องการลูก ท่านพ่อจะต้องส่งคนไปแจ้งลูกนะเจ้าคะ”

มหาราชครูหรงพยักหน้า “อืม เจ้าไปเถอะ

เดิมทีหรงจือจือใช้ชีวิตเช่นนี้อยู่ในบ้านสามี แม้ปากของมหาราชครูหรงจะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ในใจกลับไม่พอใจมาก แต่เมื่อเห็นนางเป็นห่วงทุกเรื่องของนายหญิงใหญ่ เขาก็ต่อว่าไม่ลงอีก บอกให้คนส่งนางออกไป

ทันทีที่หรงจือจือกลับไป นางหวังก็เดินพุ่งเข้ามาด้วยความโมโห พลางเอ่ยถาม “ท่านพี่ จือจือล่ะ?”

มหาราชครูหรงขมวดคิ้ว “กลับไปแล้ว ทำไมหรือ?”

เมื่อได้ยินว่ากลับไปแล้ว นางหวังทำได้เพียงกัดฟันอย่างเคียดแค้น เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ไม่มีอะไร แค่ถามเท่านั้น!”

คนกลับไปแล้ว จะจับตัวกลับมาจัดการก็เป็นไปได้ยาก ทำได้เพียงครั้งหน้าค่อยว่ากัน

ลูกสาวตัวดี ไม่คิดเลยว่าจะทำให้หมัวมัวคนสนิทของตนโมโหจนหมดสติ นี่ไม่ใช่เป็นการหักหน้าตนหรอกหรือ? นางคิดว่าตนเองเก่งกล้าจริง ๆ คิดว่าตนจัดการกับนางไม่ได้ใช่หรือไม่?

...

ระหว่างทางกลับ

เมื่อเห็นว่าอากาศหนาวเกินไป หรงจือจือจึงให้เจาซีมานั่งด้วยกันบนรถม้า แม่นางน้อยจะได้ไม่แข็งตาย

เจาซีรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหลพราก คิดว่าวันข้างหน้าจะอุทิศตนให้กับคุณหนูมากกว่าเดิม

กล่าวขึ้นว่า “คุณหนู พวกเรากลับมาแบบนี้ ไม่แน่สกุลฉีอาจจะคิดว่า เป็นเพราะนายท่านบอกให้ท่านอดทน ใช้ชีวิตกับลูกเขยให้มีความสุขก็ได้นะเจ้าคะ!”

หรงจือจือยิ้มบาง ๆ “พวกเขาอยากจะคิดอย่างไร ก็ปล่อยให้คิดแบบนั้นเถอะ”

ถึงอย่างไรตนก็ใกล้จะหลุดพ้นจากกรงขังแล้ว ปล่อยให้พวกเขาได้ดีใจอีกไม่กี่วัน ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะยิ่งอับอายมากกว่าเดิมไม่ใช่หรือ?

คำพูดของท่านพ่อก็ได้เตือนสตินางเช่นกัน สินเดิมของนาง ทั้งหมดท่านย่าให้มา ก็ควรจะจัดเก็บให้เรียบร้อยแล้วนำกลับไปจริง ๆ ไม่ควรให้สกุลฉีเอาเปรียบได้แม้แต่นิดเดียว

เมื่อรถม้ากลับมาถึงจวนซิ่นหยางโหว

หรงจือจือก็พาคนกลับไปที่เรือนของตน ทันทีที่ถอดเสื้อขนสุนัขจิ้งจอกออก ถ่านไม้ภายในห้องก็ถูกจุดขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่น ทุกคนเพิ่งจะนั่งลง ฉีอวี่เยียนก็กระโดดโลดเต้นเข้ามา

นางเป็นน้องสาวของฉีจื่อฟู่ น้องสามีของหรงจือจือ เนื่องจากฉีอวี่เยียนใจดีกับนางมาตลอด ไม่เหมือนกับหรงเจียวเจียวผู้เป็นน้องสาวที่ชอบใส่ร้ายป้ายสีและเยาะเย้ย หลายปีมานี้หรงจือจือรักและเอ็นดูเหมือนอีกฝ่ายเป็นน้องสาวแท้ ๆ ด้วยใจจริง

บัดนี้นางจะหย่าร้างกับฉีจื่อฟู่ หรงจือจือยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์อีกฝ่ายอยู่

เพียงแค่มองรอยยิ้มบนใบหน้าของอีกฝ่าย หรงจือจือก็สะอึกในใจทีหนึ่ง รู้สึกไม่สบายเล็กน้อย นางไม่รู้เรื่องของตนกับพี่ชายของนางอย่างนั้นหรือ? เหตุใดจึงยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้?

ฉีอวี่เยียนกล่าวด้วยความยิ้มแย้ม “พี่สะใภ้!”

หรงจือจือนั่งลง ถามนางอย่างระวัง “วันนี้มาหาข้า มีธุระอันใด?”

ฉีอวี่เยียนประคองหน้า กล่าวอย่างออดอ้อน “พี่สะใภ้ ใกล้วันแต่งงานของข้าแล้ว วันพรุ่งนี้ทั้งสองตระกูลจะหารือกันเรื่องสินสอดและสินเดิมแล้ว”

“ท่านแม่กับท่านพี่ให้ข้ามาที่นี่ ให้พี่สะใภ้นำสินเดิมของท่าน มาเติมสินเดิมให้ข้าสักสองสามกล่อง”

“มงกุฎทองหลากสี ไข่มุกเรืองแสงแห่งทะเลจีนใต้ของท่าน แล้วก็ยังมีปะการังยักษ์ต้นนั้นด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นของหายากในโลก มิสู้เติมเข้าไปทั้งหมดก็แล้วกัน !”

หรงจือจือฟังจบก็แสดงสีหน้าจริงจัง คิดไม่ถึงว่าครอบครัวของเขาจะหน้าไม่อายขนาดนี้ ตอนนี้ยังวางแผนจะเอาสินเดิมของนางอีก!
Comments (1)
goodnovel comment avatar
ลักษิกา
บ้านนี้มีแต่คนหน้าด้าน
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 14

    เมื่อเห็นว่าหรงจือจือไม่พูดจาฉีอวี่เยียนจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “พี่สะใภ้ ท่านเป็นพี่สะใภ้แท้ ๆ ของข้า ข้าออกเรือนทั้งที หากท่านไม่เติมสินเดิม ก็ดูจะใช้ไม่ได้สักเท่าไหร่นะ!”“อีกอย่าง การแต่งงานของข้า พี่สะใภ้ยังเป็นคนช่วยข้าพูดจนสำเร็จ หากท่านไม่เติมสินเดิม ทางด้านจวนอ๋องเฉียน ก็คงจะพูดลำบากเช่นกันมิใช่หรือ?”ว่ากันตามเหตุผล จวนอ๋องเฉียนสมรส ก่อนหน้านี้ไม่มีทางถูกใจครอบครัวที่มีแต่เปลือกนอกอย่างซิ่นหยางโหวง่าย ๆ แน่ความจริงคือหรงจือจือมีชื่อเสียงด้านคุณธรรมเป็นที่ประจักษ์ ชายาผู้เฒ่าอ๋องเฉียนมักจะชมนางไม่หยุดปาก บอกว่านางเป็นสตรีที่น่ารัก มีความชอบธรรม ทั้งยังกตัญญู น่าเสียดายที่ไม่ใช่หลานสะใภ้ของตนเองดังนั้นเมื่อเห็นหรงจือจือเป็นผู้มาคุยเรื่องการแต่งงานให้น้องสาวสามีด้วยตนเอง พระชายาอ๋องเฉียนถึงได้ตกปากรับคำเพื่อหลานชายของตนเองถึงแม้จะไม่ใช่หลานคนโตของภรรยาเอก แต่ฉีอวี่เยียนก็คู่ควรที่จะแต่งงานกับหลานชายคนรองของภรรยาเอก จึงเป็นที่อิจฉาของใครหลายคนหรงจือจือมองฉีอวี่เยียน ถามอย่างพินิจพิจารณา “อวี่เยียน พี่ใหญ่ของเจ้าต้องการให้ข้าเป็นอนุเพื่อองค์หญิงม่านหวานั่น เจ้ารู้เ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 15

    มองรอยยิ้มที่ซ่อนเอาไว้ไม่มิดในดวงตาของฉีอวี่เยียน หรงจือจือรู้สึกว่า ความดีที่ตนมีต่อนางตลอดหลายปีมานี้ ล้วนเป็นการให้อาหารสุนัข ไม่สิ หากเป็นการให้อาหารสุนัข สุนัขก็ยังกระดิกหางให้นางบ้างจะเหมือนกับคนเนรคุณตรงหน้าที่ไหนกัน? ไม่มีความซาบซึ้งในบุญคุณแม้แต่น้อยก็มากเกินพอแล้ว แต่เมื่อมองดูท่าทางนี้ ยังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอีก!รู้สึกโมโหที่คิดว่าตนเองนั้นฉลาด เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงมองโฉมหน้าที่แท้จริงของนางไม่ออก? ซ้ำยังทำดีกับนางแบบนั้นอีก!ฉีอวี่เยียนยังดึงแขนของหรงจือจือ กล่าวอย่างออดอ้อนต่อ “พี่สะใภ้ ท่านก็รับปากข้าเถอะนะ! ชั่วชีวิตนี้ของข้าก็มีวันมงคล เพียงครั้งเดียว หากข้ามีสินเดิมมากมาย ท่านก็ได้หน้าได้ตาไปด้วยไม่ใช่หรือ?”หรงจือจือ “...”เหอะ ๆ เอาสินเดิมของข้า ไปสร้างหน้าสร้างตาให้ครอบครัวเจ้ามากกว่า?เมื่อเห็นว่าหรงจือจือไม่มีทีท่าว่าจะเอ่ยปาก ฉีอวี่เยียนก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที กล่าวข่มขู่ “หากพี่สะใภ้ไม่ให้ ส่งผลกระทบต่อการแต่งงานของข้า เกรงว่าท่านแม่กับท่านพี่จะยิ่งไม่ชอบใจพี่สะใภ้มากกว่าเดิมนะ”“หากเป็นเช่นนั้น องค์หญิงม่านหวาแต่งเข้ามาแล้ว พี่สะใภ้คงจะต้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 16

    หรงจือจือกล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “นางพูดไม่ใช่หรือว่า พี่ชายของนางรับปากข้าเอาไว้มากมาย แต่ไม่ได้เขียนหนังสือข้อตกลง ไม่มีหลักฐาน ข้าไม่สามารถร้องเรียนเขาได้?”“เรื่องที่ข้ารับปากนางเมื่อครู่นี้ ก็ไม่ได้เขียนหนังสือข้อตกลงเช่นกัน ถึงเวลานางให้นางไปร้องเรียนข้าเถอะ! วันนี้พวกเจ้า ได้ยินข้ารับปากอะไรนางหรือไม่?”นางไม่เคยใช้วิธีการที่หน้าไม่อายไปจัดการใคร เนื่องจากไม่อยากให้ตนต้องกลายเป็นคนที่น่ารังเกียจเหมือนกับคนอื่นแต่บางครั้ง การเผชิญหน้ากับคนที่ไร้ยางอายเกินไป ก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับวิธีการมากนัก หากยังคงวางมาด จมไม่ลง ผู้อื่นก็จะปฏิบัติกับตนด้วยวิธีการที่สกปรกและน่าขยะแขยงครั้งแล้วครั้งเล่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางเองก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับวิธีการเช่นกันท้ายที่สุดแล้วคนที่ซื่อสัตย์อย่างแท้จริง ไม่เพียงต้องมีคุณธรรมสูงส่ง ยังต้องสามารถปกป้องตนเองให้ดี ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคนชั่วข้างในเรือนนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นสาวใช้ของหรงจือจือเอง ท่านย่าได้จัดเตรียมเอาไว้ให้นางก่อนจะออกเรือน สัญญาขายตัวของทุกคนอยู่ในมือของนาง เนื่องจากนางปกครองบ่าวรับใช้ด้วยความยุติธรรม บร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 17

    เจาซีตะลึงไปทันที ในใจมีความสงสัยเล็กน้อย ว่าเหตุใดคุณหนูถึงได้มั่นใจเช่นนี้แต่เมื่อลองคิดดูคุณหนูก็ประสบความสำเร็จมาตลอด คิดว่าไม่น่าจะคำนวณผิดพลาด จึงวางใจได้ชั่วขณะ......สวนฉางโซ่วของนางถานฉีอวี่เยียนกลับมาด้วยความดีใจ เล่าเรื่องที่หรงจือจือรับปากตนเองให้ฟังยังรินน้ำชาให้ตนอีกถ้วยด้วย พลางดื่มพลางกล่าวด้วยท่าทางมีความสุข “เป็นตามที่ท่านแม่คาดคะเน มหาราชครูหรงไม่สนใจนาง นางจึงตื่นตระหนก ต่อไป สิ่งของทั้งหมดของนางหรง ก็จะตกเป็นของครอบครัวเราแล้ว!”“ทันทีที่อ้าปากก็ตอบตกลงว่าจะให้สิ่งของมากมายขนาดนี้ ท่านแม่ ผ้าไหมสามพับนั่นที่ท่านตั้งใจจะให้ข้าเป็นสินสมรสติดตัวไป ก็เก็บเอาไว้เองเถอะ บัดนี้ข้ามีสิ่งของที่นางหรงมอบให้ ก็ไม่ได้ขาดแคลนของเล็กน้อยนั่นแล้ว”เมื่อฉีจื่อฟู่ได้ฟังถึงตรงนี้ ก็วางใจขึ้นแตกต่างกับท่านแม่และน้องสาว ทั้งสองคนเต็มไปด้วยความอยากได้สินเดิมของหรงจือจือ ดังนั้นจึงเอ่ยข้อเรียกร้องเช่นนี้ออกมาแต่ฉีจื่อฟู่เพียงแค่อยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อดูท่าทีของหรงจือจือ หากหรงจือจือปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เหมือนกับเมื่อคืนนี้ที่ปฏิเสธการร่วมหลับนอนกับตน คิดว่าเป็นเพราะมหาราชครู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 18

    เมื่อนางถานนึกถึงความเย็นชาเหล่านั้นที่ตนได้รับวันนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ก็โมโหขึ้นมา แทบอยากจะกลืนหรงจือจือทั้งเป็น เมื่อเห็นบุตรชายถูกตนโน้มน้าวได้สำเร็จนางถานจึงพยายามต่อไป กล่าวขึ้นอีกว่า “ดังนั้นไม่เพียงเรื่องสินเดิม เจ้าห้ามปกป้องนาง เจ้าต้องคิดหาหนทาง เพื่อตั้งกฎให้นาง”“ทำให้นางรู้ว่า ตั้งแต่ไหนแต่ไรเจ้าไม่ใช่ว่าอะไรก็นึกถึงแต่นาง คนที่เจ้ารักที่สุดในใจก็ไม่ใช่นางเช่นกัน องค์หญิงม่านหวากับลูกในท้องของนาง เจ้าต้องวางไว้เป็นอันดับหนึ่ง”“ทำเช่นนี้หรงจือจือถึงจะรู้สึกถึงความลนลาน ถึงจะระมัดระวังตัว พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อเอาชนะใจเจ้า”ฉีจื่อฟู่แค่นหัวเราะ “เรื่องแค่นี้ลูกเข้าใจ! ก่อนหน้านี้ให้นางเป็นอนุ นางก็อยากจะหย่าร้าง เห็นได้ชัดว่าหัวแข็งเกินไป เมื่อก่อนลูกดีกับนางเกินไปหน่อย”“หากนางรักข้าจริง ก็ต้องยินดีที่เป็นอนุ จะไม่ยอมร่วมหลับนอนได้อย่างไร? ท่านแม่วางใจ ลูกจะสั่งสอนนางให้ดี ทำแบบนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น!”หรงจือจือดีงามเกินไปแล้ว ตอนนั้นตอนที่เขายังนอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียง ทุกคนมาเยี่ยมเขา มักจะพูดถึงหรงจือจือ กล่าวว่าตนเองมีวาสนาราวกับว่าผู้ชายอกสามศอกอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 19

    ก่อนหน้านี้เป็นเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง นางถานจึงได้มอบหน้าที่หุงหาอาหารในบ้านให้หรงจือจือทำมานานแล้ว วันนี้อยากจะต้อนรับขับสู้ด้วยตนเอง เพื่อแสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญกับนางเซี่ยหรงจือจือเพิ่งได้รับอิสระ แต่นางก็ไม่ได้ทำตัวว่าง ส่งคนไปสืบข่าวคราวที่เรือนด้านหน้า แล้วก็กำลังจัดการใบรายการสินเดิมของตนเองเพียงแต่ถึงแม้นางถานจะสติเลอะเลือน แต่กลับปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างรอบคอบยิ่ง ให้คนรับใช้คนสนิทของตนเฝ้าเรือนอย่างเข้มงวด สาวใช้ของหรงจือจือจึงไม่สามารถสืบรายละเอียดที่คุยกันได้หลังจากได้ยินรายงานของเจาซี “คุณหนู หลังจากที่พระชายาซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องกลับไปแล้ว ฮูหยินก็โมโหมาก ขว้างปาข้าวของในห้องหลายอย่างเลยเจ้าค่ะ!”หรงจือจือเลิกคิ้ว “อย่างนั้นหรือ?”หรือที่ไม่อยากให้ตนไปพูดอะไรกับจวนอ๋องเฉียน เป็นเพราะการแต่งงานได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว?ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอย่างละเอียดสาวใช้เฉินคนสนิทของนางถาน ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ จ้องหรงจือจือกล่าว “ฮูหยินซื่อจื่อ ฮูหยินใช้ให้บ่าวรับใช้มาตามท่านให้ไปพบเจ้าค่ะ!”หรงจือจือก็อยากจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเช่นกัน จึงไม่รอช้า รีบลุกขึ้นทันทีเจา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 20

    เมื่อเจาซีฟังจบก็สีหน้าไม่พอใจทันที กำหมัดแน่น รู้สึกไม่พอใจแทนคุณหนูของตนมาก อยากจะด่าแม่สามีที่ไม่มีเหตุผลอย่างนางถานสักยกจริง ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ด่าไม่ได้ จึงทำได้เพียงอดทนหรงจือจือดูสงบยิ่งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด “ท่านแม่อยากจะตำหนิข้าอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นอย่างน้อยลูกก็ควรได้รู้ว่า ตนทำผิดอะไรใช่หรือไม่? ท่านแม่โปรดบอกด้วย”นางถานกำลังจับมือสาวใช้เฉิน มองหรงจือจือด้วยสีหน้าขึงขัง “เจ้าทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ? ดี ข้าจะให้เจ้าได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง! ป้าเฉิน เจ้าบอกนางไปซิ”สาวใช้เฉินก้าวออกมา พูดเหตุผลออกมาแทนเจ้านายของตนเอง “เมื่อครู่นี้นางเซี่ยพระชายาซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องเฉียนมาที่นี่เพื่อหารือเรื่องสินสอด ไม่คิดว่าจะสะเพร่าถึงขนาดนี้ ให้สินสอดเพียงสามสิบลัง นี่ไม่ใช่เรื่องที่จวนอ๋องจะทำอย่างแน่นอน”“นางเซี่ยกล่าวว่า เป็นเพราะเรื่องที่ซื่อจื่อจะให้ซื่อจื่อฮูหยินเป็นอนุ ตอนนี้ด้านนอกลือกันอย่างหนาหู ในครอบครัวต่างกำลังพูดกันว่าครอบครัวของเราไม่ดี นางไม่ยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ ก็นับว่าไว้หน้าจวนโหวแล้ว”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่ยินยอมที่จะให้สินสอดไปมากกว่านี้แล้ว ให้เพียงแค่สาม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 21

    สิ่งนี้ทำให้นางถานไม่พอใจเป็นอย่างมากทว่าในจังหวะนี้เองฉีจื่อฟู่ก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก “จือจือ ท่านแม่ถูกเจ้ายั่วโมโหจนร้องไห้ แต่เจ้ากลับไม่สำนึกผิดเลยสักนิด คุณธรรมกับความกตัญญูของเจ้าล่ะ?”ครั้นหรงจือจือได้ยินคำพูดกลับขาวเป็นดำของคนในตระกูลเขา ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าในใจของนางจะสงบลงแล้วนางเพียงทอดตามองเขาชืด ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเตือนว่า “ท่านพี่กล่าวเรื่องตลกแล้ว ผู้ที่ถูกสามีลดขั้นให้เป็นอนุเช่นข้าจะมีคุณธรรมอะไรกัน?”“แทนที่ท่านพี่จะมาถามหาความกตัญญูจากข้า ไม่สู้ถามตัวท่านเองเถิด? หากไม่ใช่เพราะท่านคบชู้ร่วมประเวณีโดยมิชอบ และประกาศว่าจะลดตำแหน่งภรรยาเอกเป็นอนุในงานเลี้ยงละก็ เรื่องการแต่งงานของอวี่เยียนจะพลอยถูกท่านทำให้ติดร่างแหไปด้วยหรือ?”“ท่านแม่เอาแต่โทษข้า แต่ผู้ที่มีปัญญาก็รู้กันทั้งนั้นว่า อันที่จริงแล้วเรื่องมันเกิดมาจากท่านทั้งนั้น ฉะนั้นผู้ที่ทำให้ท่านแม่ต้องเดือดดาลจนเป็นเช่นนี้ไม่ใช่ข้า แต่เป็นผู้ที่เริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมดอย่างท่านต่างหาก!”ฉีจื่อฟู่จ้องมองนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง “จือจือ เจ้าดูสภาพของเจ้าตอนนี้สิ ข้

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 128

    อวี้ม่านหวาตกตะลึง “ท่านพี่ฟู่...”ฉีจื่อเสียนกลับไม่แยแสสถานการณ์ของฉีจื่อฟู่เลยแม้แต่น้อย คิดเพียงว่าที่อีกฝ่ายเป็นลมหมดสติไป เพราะตนกล้าหาญไร้ที่เปรียบ ทักษะการต่อสู้โดดเด่นเขายกเตาอุ่นมือของหรงจือจือขึ้นมา แล้วเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองอวี้ม่านหวารีบเอ่ยขึ้นว่า “เร็วเข้า รีบไปเชิญหมอประจำจวนมา!”...ก่อนที่ฉีจื่อเสียนจะกลับมา อวี้หมัวมัวได้บอกสถานการณ์ทางนั้นกับหรงจือจือเรียบร้อยแล้วไม่นานก็ได้ยินเสียงของฉีจื่อเสียน “ท่านพี่สะใภ้ ท่านดูสิข้าเอาอะไรกลับมาให้ท่าน”หรงจือจือกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย พลางมองเตาอุ่นมือที่หวนคืนสู่เจ้าเดิม ก่อนจะแสร้งเอ่ยขึ้นด้วยความตื้นตันใจ “ต้องขอบคุณน้องเสียนมาก ๆ น้องเสียนรู้เหตุรู้ผลอย่างที่คิดจริง ๆ”เจาซีรีบไปรับเตาอุ่นมือมาฉีจื่อเสียนเขียวช้ำไปทั้งหน้า เขามองหรงจือจือ “เช่นนั้น...เช่นนั้นเรื่องหาอาจารย์ใหม่ให้ข้า ที่ท่านพี่สะใภ้พูดก่อนหน้านี้...”หรงจือจือ “เจ้าวางใจ พรุ่งนี้ข้าจะไปจวนของท่านเจียงด้วยตัวเอง ขอร้องให้เขาช่วยแนะนำให้ ไม่รู้ว่าน้องเสียนมีอาจารย์ที่ดูไว้ในใจหรือไม่?”แววตาของฉีจื่อเสียนเปล่งประกาย “ย่อมมีอยู่แ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 127

    ฉีจื่อฟู่ถูกท้าทายความน่าเกรงขามในฐานะผู้เป็นพี่ ยอมให้เขาเอาไปเสียที่ไหน รีบยื่นมือออกไปขวางทันที “ในเมื่อข้าเอาเตาอุ่นมืออันนี้มาแล้ว ก็ต้องเป็นของม่านหวา!”ฉีจื่อเสียนถนัดเรื่องการพูดหาประโยชน์ใส่ตัวที่สุด “ท่านพี่ ของสิ่งนี้เป็นของใช้ส่วนตัวของท่านพี่สะใภ้ ท่านพี่เอาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่านพี่สะใภ้ เอาไปโดยไม่บอกกล่าวเช่นนี้ เรียกว่าขโมย! ท่านพี่มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่านี่เป็นของอนุอวี้?”ฉีจื่อฟู่ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ทั้งหน้าคล้ำดำเขียว “ฉีจื่อเสียน ข้าไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้า! เจ้ารีบออกไปเสีย!”ฉีจื่อเสียน “ข้าไม่ไป! ท่านพี่ ท่านพี่เลอะเลือนไปเอง ทิ้งอนาคตเพื่อปิศาจจิ้งจอกตัวเดียวก็ช่างเถอะ ท่านพี่ยังจะทำลายอนาคตข้าด้วยหรือ?”“ท่านพี่ก็คิดเสียว่าทำเพื่อข้า คืนของสิ่งนี้ให้ท่านพี่สะใภ้แล้วจะเป็นอะไรไป? เรื่องหาอาจารย์ยังต้องหวังพึ่งนาง ท่านพี่เป็นพี่แท้ ๆ ของข้าจริง ๆ หรือ?”ประโยคนี้ทำเอาฉีจื่อฟู่ลังเลไปครู่หนึ่งทว่าขณะนี้ ในใจของอวี้ม่านหวาเองก็เคียดแค้นฉีจื่อเสียนยิ่งนักนางพูดเสี้ยมด้วยท่าทางน่าสงสาร “ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง เป็นเพราะข้าชีวิตต่ำต้อย ไม่คู่คว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 126

    ในตอนนี้เจาซีถึงเข้าใจความคิดของคุณหนู นางพลันดีใจกระโดดโลดเต้น “คุณหนู สมแล้วที่เป็นคุณหนู! กะอีแค่เตาอุ่นมืออันเดียว ก็ทำให้พวกเขาทะเลาะกันรุนแรงได้!”แสดงละครตบตากับฉีจื่อเสียนอยู่นาน ท้ายที่สุดก็ปากแห้งคอแห้งหรงจือจือยกแก้วชาขึ้นมา แล้วจิบคำหนึ่ง “นี่เพิ่งจะเท่าไรเอง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างที่เจ้าคิด มีเรื่องสนุก ๆ รออยู่หลังจากนี้!”ช่วงนี้ฉีจื่อเสียนหุนหันพลันแล่นเป็นอย่างมาก อาจจะแลกหมัดกับพี่ชายเขาขึ้นมาก็เป็นได้ทว่าตอนนี้ร่างกายของฉีจื่อฟู่ ไม่สามารถต้านทานการต่อยตีได้...แต่เมื่อฉีจื่เสียนไปถึงห้องของฉีจื่อฟู่ กลับหาเขาไม่เจอ ครั้นถามบ่าวรับใช้ถึงได้รู้ว่า ฉีจื่อฟู่ไปเรือนจวี๋ ที่พักของอวี้ม่านหวาสีหน้าของฉีจื่อเสียนยิ่งคล้ำดำหมองเข้าไปใหญ่เขาไม่รู้เลยว่าพี่ชายของตนหลงผิดหรือเปล่า บุรุษแต่งภรรยา หรือว่าไม่ได้เพื่อช่วยตนเอง ช่วยยกระดับทั้งตระกูลตน?อวี้ม่านหวาผู้นั้นมีอะไรดีกันแน่ ถึงทำให้ท่านพี่ไม่ไว้หน้าหรงจือจือเและทำลายตนเช่นนี้!ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งเดือดดาลกระทั่งบุกเข้าไปในห้องของอวี้ม่านหวาเลยโดยไม่รอให้คนใช้ไปรายงานเช่นนี้ทำเอาสองคนนั้นตกตะลึงก

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 125

    อนุส่วนใหญ่ได้รับความรักและความโปรดปรานของสามี จึงกระวนกระวายได้ง่าย สร้างปัญหาโดยไร้สาเหตุนางกระตุกรอยยิ้มเย็นเยือกมุมปาก “ฉีจื่อฟู่ทำเช่นนี้ ยิ่งเป็นการมอบหมากที่ดีแก่ข้าตัวหนึ่ง ข้าย่อมต้องยิ่งใช้มันให้ดี”หลังจากนั้นนางก็มองเจาอู้ “ไปห้องคุณชายสี่ บอกว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปหาอาจารย์ให้เขา เชิญเขามาหารือว่าจะเลือกใคร”เจาอู้ “เจ้าค่ะ!”เจาซีตามหรงจือจือกลับเรือนหลันด้วยความฉงน เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับคุณชายสี่อีก?ครั้นเห็นหรงจือจือกลับมา อวี้หมัวมัวก็รายงานอีกว่า “คุณหนู ทางสวนฉางโซ่วมีเรื่องขึ้นมาอีกแล้ว ฉีอวี่เยียนเอาเชิงเทียนไปทำให้ถานผิงถิงเสียโฉม หมอประจำจวนบอกว่าจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนหน้าแน่นอน”เจาซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูด “มีเรื่องดี ๆ เช่นนี้ด้วยหรือ?”จะว่าไปแล้ว หลังคุณหนูมาถึงจวนสกุลฉีแห่งนี้ ไป ๆ มา ๆ ไม่รู้ว่าถานผิงถิงนั่น หาเรื่องมาให้คุณหนูเท่าไรแล้ว ผ่านไปสามปี เรื่องกึ่งหนึ่งในบ้านก็เป็นเพราะนางคนชั้นต่ำนั่นยุแยงตะแคงรั่วตอนนี้ถือว่ากรรมตามสนองแล้วอวี้หมัวมัว “นั่นน่ะสิ ตอนนี้ถานผิงถิงกำลังร้องไห้โวยวายอยู่ที่สวนฉางโซ่ว บอกว่าจะจับตัวฉีอวี่เยียนส่งทางการ บ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 124

    คิ้วตาของอวี้หมัวมัวขยับเล็กน้อย ทว่าอย่างไรนางก็สุขุมกว่าเจาซีหน่อย ในฐานะบ่าวรับใช้ แม้จะไม่พอใจ ก็ไม่มีทางโวยวายกับเจ้านายง่าย ๆ หากยั่วจนฉีจื่อฟู่สั่งสอนตน จะเป็นการสร้างความลำบากให้คุณหนูโดยไม่มีสาเหตุเปล่า ๆจึงไม่ได้พูดอะไรมากความ นางเอ่ยเพียง “ท่านซื่อจื่อ เตาอุ่นมือนี้ ปกติฮูหยินซื่อจื่อโปรดปรานเป็นอย่างมาก”ฉีจื่อฟู่ “นั่นแล้วอย่างไร? หรือว่าความชอบเล็กน้อยนั่นของนาง มันสำคัญกว่าเด็กในท้องของม่านหวา?”พูดจบก็ไม่สนใจอวี้หมัวมัวอีก จากนั้นก็สาวเท้าก้าวยาวเดินออกไปอวี้หมัวมัวชะงักไป ก่อนจะมองเจาอู้ทีหนึ่ง “คิดว่าคุณหนูคงออกมาจากห้องท่านโหวแล้ว เจ้าไปบอกเรื่องนี้กับคุณหนูซะ”กะอีแค่เตาอุ่นมืออันเดียว อวี้หมัวมัวรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ที่จริงคุณหนูก็ไม่ได้ขาดแคลนเลยทว่าการกระทำของฉีจื่อฟู่ กลับทำคนสะอิดสะเอียนอย่างไร้สาเหตุเจาอู้ “เจ้าค่ะ!”…ในวินาทีนี้หรงจือจือออกมาจากห้องหนังสือของซิ่นหยางโหวพร้อมกับเจาซีแล้วจริง ๆครั้นเห็นว่ารอบข้างปลอดคน เจาซีก็กดเสียงต่ำเอ่ยขึ้นว่า “ภาพเหมือนที่คุณหนูให้พวกเรารวบรวมในก่อนหน้านี้พวกนั้น บ่าวยังรู้สึกข้องใจไม่หายเลยเจ้าค

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 123

    นางถาน “เจ้า...”ครั้นนางเห็นบุตรสาวดื้อด้านเช่นนี้ ก็เกิดมีน้ำโหเช่นกันเมื่อนางเบือนศีรษะก็เห็นถานผิงถิง จึงถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ผิงถิง ท่านโหวบอกว่าเจ้าก็ไปด้วย เหตุใดเจ้าถึงไม่ห้ามน้องของเจ้าล่ะ?”เมื่อนางกล่าวถึงถานผิงถิงสายตาเหี้ยมโหดของฉีอวี่เยียนก็ตกไปที่ถานผิงถิง “ทั้งหมดเป็นเพราะท่าน! หรงจือจือก็บอกแล้ว ที่จางหมัวมัวมาที่จวนไม่ได้มาพูดเรื่องหมั้นหมายใหม่อีกครั้ง!”“ท่านก็เอาแต่ยุแยงตะแคงรั่วอยู่ข้าง ๆ อยู่นั่น บอกว่าหรงจือจือดูถูกข้า จงใจปิดบังข้า เพราะไม่อยากให้ข้าแต่งงานเข้าจวนอ๋อง”“เพราะข้าฟังคำพูดซี้ซั้วของท่าน ถึงได้ไปโวยวาย! หากท่านไม่พูดเรื่องพวกนั้น ข้าจะเลอะเลือนเช่นนี้ได้อย่างไร?”คนอย่างฉีอวี่เยียน เห็นแก่ตัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทว่าหากมีอะไรต้องรับผิดชอบ เช่นนั้นก็เป็นคนข้างกายในวินาทีนี้ไหนเลยที่นางจะนึกคำพูดในตอนนั้นของถานผิงถิงไม่ออก?ครั้นเห็นสายตาเย็นเยียบของนางถานทอดมองมา ถานผิงถิงก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “น้องอวี่เยียน ตอนนั้นก็เป็นเพราะข้าหวังดีกับเจ้านะ! ข้าเพียงกลัวว่าสกุลหรงจะมีเจตนาไม่ดี ถึงได้คาดเดา...”ฉีอวี่เยียนกล่าวขึ้นอย่างโกรธแค้น “ท่านก็ไม่ไ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 122

    ฉีอวี่เยียนหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือด พยายามอยากจะฟัง ทว่าสัมผัสได้เพียงความเจ็บปวดที่หูซ้ายพร้อมกับเสียงอื้ออึง จากนั้นก็ค่อย ๆ ไม่ได้ยินกระทั่งเสียงอื้ออึงแล้ว ราวกับถูกฝ้ายอุดเอาไว้ก็มิปาน และยังปวดหัวอย่างรุนแรงตามมาด้วยส่วนซิ่นหยางโหวยังเดือดดาลขึ้นศีรษะครั้นเห็นชาวบ้านที่หัวเราะเยาะพูดคุยกันเป็นเรื่องตลกโดยรอบเหล่านั้น เพลิงโทสะชั่วร้ายก็ยิ่งพุ่งขึ้นยอดหัวกะโหลก เขาหวดแส้ไปที่ฉีอวี่เยียนทีหนึ่งจนต้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด!หลังจากนั้นก็กล่าวอย่างเดือดดาลว่า “ลากนางลูกไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวนี่กลับไปที่จวนโหวเสีย!”บรรดาบ่าวรับใช้ “ขอรับ”เจาซีมารายงานข่าวพวกนี้กับหรงจือจือ ในใจผุดความปลื้มปีติที่พูดออกมาไม่ได้ “ท่านโหวลากนางไปที่สวนฉางโซ่ว พร้อมด่านางถานไปด้วย บอกว่าเป็นเพราะลูกสาวตัวดีที่นางสั่งสอนมา!”“นางถานยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกท่านโหวฟาดฝ่ามือลงบนหน้าอีก ใบหน้าที่กว่าจะยุบอย่างยากเย็นแสนเข็ญในก่อนหน้านี้ กลับต้องบวมอีกครั้ง”“หลังจากนั้นเมื่อนางถานรู้ว่า ฉีอวี่เยียนไปสาบานร้ายแรง เขียนหนังสือเลือดตัดขาดกับนาง สีหน้าก็คล้ำดำเขียวครึ่งซีดเผือดครึ่ง แล้วก็ไม่แยแ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 121

    นางเซี่ย “ไม่ได้เข้าใจอะไรผิดทั้งนั้น ตราบใดที่เจ้ายังเป็นลูกสาวของนางถาน เจ้าก็ไม่มีทางได้แต่งงานกับลูกชายข้า! ข้าเกลียดแม่ของเจ้าเข้าไส้ ดูถูกไปทุกสิ่ง”นางยังจำได้ว่าตนรับปากอะไรกับหรงจือจือเอาไว้ ยังปัดความรับผิดชอบไปให้นางถานดังเดิมเมื่อนางเซี่ยกล่าวจบ ก็สาวเท้ามุ่งหน้าไปยังจวนอ๋องผู้ใดจะไปรู้ได้ว่าฉีอวี่เยียนจะตัดสินใจโหดเหี้ยม หยิบผ้าเช็ดหน้าของตนออกมา แล้วกัดนิ้วจนเลือดออกเสียตรงนั้นเลย “พระชายาซื่อจื่อ ข้าจะเขียนหนังสือเลือดตัดขาดกับท่านแม่ของข้าเสีย!”นางเซี่ยมีชีวิตอยู่มาจนอายุปูนนี้ เคยเห็นอะไรมามากมาย ทว่าไม่เคยเห็นผู้ใดทำอย่างฉีอวี่เยียนถานผิงถิงเองก็ตกตะลึง แม้นางจะคอยเสี้ยมมาโดยตลอด ทว่าคนที่นางชิงชังจริง ๆ มีเพียงหรงจือจือเท่านั้น นางยังคิดทำตัวเป็นคนดีต่อหน้าอาหญิงและฉีอวี่เยียน เช่นนี้ถึงจะพอมีหวังได้แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของตนหากฉีอวี่เยียนก่อเรื่องจนถึงขั้นนั้น กลับไปหากอาหญิงรู้ว่าตนกล่าวสิ่งใดออกไป ไม่ก่นด่าตนจนหูแตกสิถึงจะแปลกนางรีบเอ่ยปากขึ้นทันที “อวี่เยียน อย่าบุ่มบ่าม! อาหญิงคือแม่แท้ ๆ ของเจ้านะ...”ฉีอวี่เยียนกล่าวอย่างแน่วแน่ “ข้าไม่มีท่านแม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 120

    หรงจือจือเห็นฉีอวี่เยียนรีบร้อนจากไปจึงทำเป็นตะโกนอย่างร้อนรน “น้องเยียน เจ้าอย่าก่อเรื่องเป็นอันขาดนะ กลับมาเร็ว!”ทว่าตัวกลับไม่แยกออกจากเก้าอี้ ไม่มีท่าทางเหมือนจะไปรั้งคนด้วยตัวเองสักนิดส่วนฉีอวี่เยียนหลังจากได้ยินเสียงของหรงจือจือแล้วก็เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นอีก ราวกับกลัวจะถูกถ่วงอนาคตอันสวยงามของตัวเองหรงจือจือถอนหายใจทีหนึ่ง “เฮ้อ นี่จะทำอย่างไรดี...”การแสดงออกเช่นนี้ของนางกลับทำให้ถานผิงถิงตาค้างไปวันนี้หรงจือจือเป็นอันใดไป? เหตุใดจึงไม่คิดขัดขวางอย่างจริงจัง ไม่ให้ฉีอวี่เยียนออกไปจากบ้าน?ถึงตอนนั้นนางจะได้แอบเป่าหูฉีอวี่เยียนอีกที เช่นนั้นฉีอวี่เยียนจะมิเคียดแค้นหรงจือจือ ไม่พอใจพี่สะใภ้คนนี้มากขึ้นหรือ? ระหว่างที่นางนิ่งไป หรงจือจือยังปรายตามองนาง “น้องถิง เจ้าไม่ไปกับอวี่เยียนหรือ? ยังไม่รีบไปเป็นเพื่อนนางอีก?”หลังจากได้ยินการไล่แขกนี้แล้ว ถานผิงถิงก็จุกอกนางก็กลัวเหมือนกันว่าฉีอวี่เยียนจะไปก่อเรื่องจริง ๆ ถึงตอนนั้นหากอาหญิงรู้ว่านางยุแยงตะแคงรั่ว จะตำหนินางได้ จึงรีบหมุนตัวตามไปห้ามฉีอวี่เยียนทว่านางห้ามฉีอวี่เยียนในเวลานี้ได้ที่ไหน?หลังจากพวกนางพี่น้อง

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status