ก่อนหน้านี้เป็นเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง นางถานจึงได้มอบหน้าที่หุงหาอาหารในบ้านให้หรงจือจือทำมานานแล้ว วันนี้อยากจะต้อนรับขับสู้ด้วยตนเอง เพื่อแสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญกับนางเซี่ยหรงจือจือเพิ่งได้รับอิสระ แต่นางก็ไม่ได้ทำตัวว่าง ส่งคนไปสืบข่าวคราวที่เรือนด้านหน้า แล้วก็กำลังจัดการใบรายการสินเดิมของตนเองเพียงแต่ถึงแม้นางถานจะสติเลอะเลือน แต่กลับปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างรอบคอบยิ่ง ให้คนรับใช้คนสนิทของตนเฝ้าเรือนอย่างเข้มงวด สาวใช้ของหรงจือจือจึงไม่สามารถสืบรายละเอียดที่คุยกันได้หลังจากได้ยินรายงานของเจาซี “คุณหนู หลังจากที่พระชายาซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องกลับไปแล้ว ฮูหยินก็โมโหมาก ขว้างปาข้าวของในห้องหลายอย่างเลยเจ้าค่ะ!”หรงจือจือเลิกคิ้ว “อย่างนั้นหรือ?”หรือที่ไม่อยากให้ตนไปพูดอะไรกับจวนอ๋องเฉียน เป็นเพราะการแต่งงานได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว?ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอย่างละเอียดสาวใช้เฉินคนสนิทของนางถาน ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ จ้องหรงจือจือกล่าว “ฮูหยินซื่อจื่อ ฮูหยินใช้ให้บ่าวรับใช้มาตามท่านให้ไปพบเจ้าค่ะ!”หรงจือจือก็อยากจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเช่นกัน จึงไม่รอช้า รีบลุกขึ้นทันทีเจา
เมื่อเจาซีฟังจบก็สีหน้าไม่พอใจทันที กำหมัดแน่น รู้สึกไม่พอใจแทนคุณหนูของตนมาก อยากจะด่าแม่สามีที่ไม่มีเหตุผลอย่างนางถานสักยกจริง ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ด่าไม่ได้ จึงทำได้เพียงอดทนหรงจือจือดูสงบยิ่งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด “ท่านแม่อยากจะตำหนิข้าอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นอย่างน้อยลูกก็ควรได้รู้ว่า ตนทำผิดอะไรใช่หรือไม่? ท่านแม่โปรดบอกด้วย”นางถานกำลังจับมือสาวใช้เฉิน มองหรงจือจือด้วยสีหน้าขึงขัง “เจ้าทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ? ดี ข้าจะให้เจ้าได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง! ป้าเฉิน เจ้าบอกนางไปซิ”สาวใช้เฉินก้าวออกมา พูดเหตุผลออกมาแทนเจ้านายของตนเอง “เมื่อครู่นี้นางเซี่ยพระชายาซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องเฉียนมาที่นี่เพื่อหารือเรื่องสินสอด ไม่คิดว่าจะสะเพร่าถึงขนาดนี้ ให้สินสอดเพียงสามสิบลัง นี่ไม่ใช่เรื่องที่จวนอ๋องจะทำอย่างแน่นอน”“นางเซี่ยกล่าวว่า เป็นเพราะเรื่องที่ซื่อจื่อจะให้ซื่อจื่อฮูหยินเป็นอนุ ตอนนี้ด้านนอกลือกันอย่างหนาหู ในครอบครัวต่างกำลังพูดกันว่าครอบครัวของเราไม่ดี นางไม่ยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ ก็นับว่าไว้หน้าจวนโหวแล้ว”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่ยินยอมที่จะให้สินสอดไปมากกว่านี้แล้ว ให้เพียงแค่สาม
สิ่งนี้ทำให้นางถานไม่พอใจเป็นอย่างมากทว่าในจังหวะนี้เองฉีจื่อฟู่ก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก “จือจือ ท่านแม่ถูกเจ้ายั่วโมโหจนร้องไห้ แต่เจ้ากลับไม่สำนึกผิดเลยสักนิด คุณธรรมกับความกตัญญูของเจ้าล่ะ?”ครั้นหรงจือจือได้ยินคำพูดกลับขาวเป็นดำของคนในตระกูลเขา ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าในใจของนางจะสงบลงแล้วนางเพียงทอดตามองเขาชืด ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเตือนว่า “ท่านพี่กล่าวเรื่องตลกแล้ว ผู้ที่ถูกสามีลดขั้นให้เป็นอนุเช่นข้าจะมีคุณธรรมอะไรกัน?”“แทนที่ท่านพี่จะมาถามหาความกตัญญูจากข้า ไม่สู้ถามตัวท่านเองเถิด? หากไม่ใช่เพราะท่านคบชู้ร่วมประเวณีโดยมิชอบ และประกาศว่าจะลดตำแหน่งภรรยาเอกเป็นอนุในงานเลี้ยงละก็ เรื่องการแต่งงานของอวี่เยียนจะพลอยถูกท่านทำให้ติดร่างแหไปด้วยหรือ?”“ท่านแม่เอาแต่โทษข้า แต่ผู้ที่มีปัญญาก็รู้กันทั้งนั้นว่า อันที่จริงแล้วเรื่องมันเกิดมาจากท่านทั้งนั้น ฉะนั้นผู้ที่ทำให้ท่านแม่ต้องเดือดดาลจนเป็นเช่นนี้ไม่ใช่ข้า แต่เป็นผู้ที่เริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมดอย่างท่านต่างหาก!”ฉีจื่อฟู่จ้องมองนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง “จือจือ เจ้าดูสภาพของเจ้าตอนนี้สิ ข้
หรงจือจือได้ยินดังนั้นก็แทบจะหลุดขำออกมา นางถานทำดีกับนาง?เห็น ๆ กันอยู่ว่าเป็นยายเฒ่าเจ้าเล่ห์ปากหวานก้นเปรี้ยว อยู่ข้างนอกแสร้งทำเป็นชอบพอในตัวนาง ทว่าเมื่อกลับถึงจวนกลับเปลี่ยนลูกไม้ใช้ให้ตนไปปรนนิบัติ ตั้งกฎเกณฑ์ให้นาง ราวกับหากได้บดขยี้นางแล้ว ยายเฒ่าเจ้าเล่ห์ก็จะได้อยู่สูงกว่าผู้อื่นเนื่องจากแม่แท้ ๆ ของหรงจือจือเองก็ไม่เคยทำดีกับนาง ฉะนั้นนางจึงไม่เคยเรียกร้องอะไรมากมายกับนางถานเช่นกัน คิดเพียงแค่ว่าใช้ชีวิตผ่านไปได้ก็พอแล้วไม่รู้เลยว่า ฉีจื่อฟู่พูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?นางเองก็คร้านจะพูดมาก จึงได้แต่มองฉีจื่อฟู่แล้วเอ่ยว่า “ท่านพี่ไม่ต้องมาชี้หน้าข้าพูดเรื่องกฎเกณฑ์ด้วยโทสะหรอก ข้าอยู่เรือนไม่รู้จักกฎเกณฑ์เป็นเรื่องเล็ก แต่ท่านพี่อยู่ในราชสำนักไม่รู้จักกฎมณเฑียรบาลเป็นเรื่องใหญ่”“เดี๋ยวข้าจะให้คนเอากฎมณเทียณบาลของราชสำนักเรามาให้ท่านพี่เช่นกัน ท่านพี่ก็ศึกษาอยู่ในห้องหนังสือดี ๆ ล่ะ”“หวังว่าหลังจากนี้ท่านพี่จะไม่ไปโวยวายพูดเรื่องกบฏฝ่าฝืนกฎมณเฑียรบาล ลดภรรยาเอกเป็นอนุต่อหน้าธารกำนัล จนถูกผู้ตรวจการจางชี้หน้า บอกว่าควรสั่งเฆี่ยนท่านพี่เท่าไรอีก”“หากมีอีกครา อย่าว่
“ไม่แน่ว่าเมื่อรับม่านหวากลับมาแล้ว ทั้งจวนจะได้รอลูกคนแรกของข้าคลอดออกมาด้วยกัน!”“พูดไปพูดมา ทั้งหมดก็เป็นเพราะเจ้าเอะอะก่อเรื่อง ไม่เข้าใจกระทั่งหลักหลังออกเรือนเชื่อฟังสามี ไม่รู้เลยว่าชื่อเสียงดี ๆ ของเจ้าได้มาได้อย่างไร”หรงจือจือคิดว่าตนเองคงชินกับความไร้ยางอายของครอบครัวเขาไปแล้ว อารมณ์จึงสงบไม่ไหวติงใด ๆทว่าในตอนนี้ กลับทำให้ฉีจื่อฟู่กลับเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟสุด ๆฉีอวี่เยียนที่หน้าคล้ำดำเขียวเงียบไปอยู่นานสองนาน ก็พูดแทรกขึ้นมาในตอนนี้ “ใช่ พี่สะใภ้ ก็แค่เพิ่มอีกสามสิบหาบเท่านั้น!”“ตอนที่ท่านแต่งงานเข้ามา สินเดิมมีตั้งหนึ่งร้อยยี่สิบหกหาบไม่ใช่หรือ? แบ่งให้ข้าสักหน่อยจะเป็นอะไรไป? หากของแค่นี้ท่านยังตัดใจไม่ได้ คนในบ้านใครจะเข้าข้างท่าน?”หรงจือจือกล่าวอยู่ในใจว่าต่อให้ตนผ่าหัวใจให้คนในครอบครัวนี้ พวกเขาก็ไม่มีวันเข้าข้างตนหรอกเมื่อเห็นพวกเขาเป็นเช่นนี้ นางก็ฉีกยิ้มชืด ๆ ออกมา “เพิ่มให้อีกสามสิบหาบอย่างนั้นหรือ? เพิ่งจะเท่าไรกันเชียว? รวมกับยี่สิบหาบก่อนหน้านี้ ข้าเพิ่มให้อีกหกสิบแปดหาบเลย รวมเพิ่มให้อวี่เยียนทั้งหมดหกสิบแปดหาบ คิดว่าเช่นนี้ท่านแม่กับท่านพี่คงจะพอใจ
นางถานได้ยินดังนั้นก็เดือดจนควันออกหู นางอยากให้หรงจือจือใจกว้างยกสินเดิมให้ตระกูลพวกเขา ทว่าก็ไม่ได้ให้ใช้วิธีที่ใจกว้างเช่นนี้เสียหน่อยนางรีบส่งสายตาไม่ให้หรงจือจือปริปากอีกทันที จากนั้นก็เอ่ยกับฉีอวี่เยียนว่า “พี่สะใภ้ของเจ้าเอาใจเจ้าเช่นนี้ ถึงขั้นยอมยกสินเดิมให้เจ้ามากมายขนาดนั้น เจ้าเองก็ควรนึกถึงพี่สะใภ้บ้างสิถึงจะถูก”“เจ้าจะเห็นแก่ตัวเช่นนี้ได้อย่างไร เอาของดีมากมายขนาดนั้นไปคนเดียว ไม่คิดถึงอนาคตของพี่ชายกับพี่สะใภ้เจ้าบ้างหรือ?”หรงจือจือได้ยินดังนั้นก็นึกอยากขำ เยี่ยมไปเลย ตอนนี้เริ่มกล่าวโทษว่าฉีอวี่เยียนเห็นแก่ตัวแล้ว หากทำไม่ถูกใจนางถาน ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็เห็นแก่ตัวทั้งนั้นฉีอวี่เยียนถลึงตาโต “ท่านแม่ ท่านพี่กับพี่สะใภ้มีอะไรให้ข้าต้องคิดเผื่อเล่า? วันหน้าจวนโหวนี่ท่านพี่ก็ได้เป็นผู้สืบทอด”นางถานเอ่ยถามด้วยสีหน้าปั้นยาก “ใช่ว่าเจ้าไม่รู้เสียหน่อยว่า ตอนนี้สถานการณ์ของจวนโหวเป็นเช่นไร...”ฉีอวี่เยียน “ข้ารู้ว่าจวนโหวไม่ได้มีเงินมากมาย แต่ก่อนหน้านี้ท่านแม่บอกว่ารวมยี่สิบหาบนั่นของพี่สะใภ้แล้ว จะให้สินเดิมข้าทั้งหมดหกสิบหกหาบ ท่านแม่ออกเองสี่สิบหกหาบ”“แต่
ฉีอวี่เยียนที่เดิมทีคิดจะทำตามการจัดเตรียมของมารดา เมื่อได้ยินประโยคนี้ ก็ถูกฉากแสนงดงามที่หรงจือจือพรรณนาทำให้หวั่นไหวเป็นอย่างมากผู้ที่มีสินเดิมสองร้อยหาบตอนออกเรือน มีเพียงท่านหญิงอันเหอลูกพี่ลูกน้องของฝ่าบาทเท่านั้น ! หากนางมีเยอะขนาดนั้นได้เช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรนางเซี่ยแม่สามีในอนาคต ก็จะต้องมองตนด้วยความชื่นชม!นางรีบคว้าแขนของนางถาง “ท่านแม่! ท่านแม่ดูสิพี่สะใภ้เอ่ยเช่นนี้แล้ว ไม่สู้จัดการตามที่พี่สะใภ้ว่าเถิด หรือว่าท่านแม่ผู้เป็นแม่จะรักข้าน้อยกว่าพี่สะใภ้?”หรงจือจือเอ่ยขึ้นด้วยคำพูดที่ฟังดูอบอุ่น “อวี่เยียนไม่ต้องกังวลไปนะ ท่านแม่รักเจ้าราวกับแก้วตาดวงใจมาตลอด คำของ่าย ๆ เช่นนี้ ท่านแม่ย่อมต้องยินยอมอยู่แล้ว! พี่สะใภ้อย่างข้ายังตัดใจให้หนึ่งร้อยหาบได้ หรือว่าท่านแม่ผู้เป็นแม่จะไม่ยอมเชียวหรือ?”นางถางถูกฉีอวี่เยียนอ้อนวอน มิหนำซ้ำยังถูกหรงจือจือยกยอปอปั้นขึ้นมาอีก ในฉับพลันก็ลำบากใจเป็นอย่างมากนางจ้องหรงจือจือ พลางตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าจะจัดเตรียมสินเดิมให้อวี่เยียนอย่างไร ต้องให้เจ้ามาสอดปากตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าของหรงจือจือแข็งทื่อ นางตอกกลับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้
หรงจือจือลอบคิดในใจ นับว่านางถานไม่โง่ทีเดียว ไม่คิดว่าจะมองออกแล้วเพียงแต่ปากนางจะยอมรับได้อย่างไร?นางมองนางถานราวกับยากจะเชื่อทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นพลางขมวดคิ้วว่า “ท่านแม่ ท่านพูดเช่นนี้ใส่ความข้าชัด ๆ! เสี้ยมเซิ้มอะไรกัน?”“ข้าแค่คิดว่าตอนนี้ท่านพี่ก็สร้างคุณูปการให้แก่ราชวงศ์แล้ว ต่อไปต้องมีอนาคตที่สดใสอย่างยิ่งแน่ เดี๋ยวก็ต้องทำเงินกลับมาได้ไม่น้อย อีกอย่างน้องชายสามีเองก็กราบอาจารย์ที่สำนักขงจื๊อแล้ว คิดว่าไม่ช้าก็เร็วคงจะสอบผ่านเข้ารอบ”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็มอบสินเดิมให้อวี่เยียนเพิ่มอีกหน่อย ให้แล้วก็ให้ไปเถิด เหล่าบุรุษในบ้านเก่งกาจค้ำจุนเรือนนี้ได้ จะให้อวี่เยียนที่อายุเพียงสิบกว่าปีต้องไปตกระกำลำบากอยู่ข้างนอกได้อย่างไร?”เมื่อพี่น้องตระกูลฉีได้ยินดังนั้น ในใจก็หวั่นไหวขึ้นมาโดยเฉพาะฉีจื่อฟู่ จ้องมองหรงจือจือด้วยดวงตาเปล่งประกาย ที่แท้นางก็มองตนเช่นนี้เองหรอกหรือ คิดว่าไม่นานตนก็จะมีอนาคตที่ดีเช่นนั้นหรือ?ใช่แล้ว เขาต้องมีแน่! ต้องมีสักวัน เขาจะทำให้ทุกคนในใต้หล้าเมื่อนึกถึงหรงจือจือ ก็จะคิดว่านางคือเครื่องประดับของตนแต่ไม่ใช่อย่างในงานเลี้ยงวันนั้น ทั้ง ๆ ที่
หรงจือจือคิดไม่ถึงว่าฉีจื่อฟู่จะมีความคิดที่จะทรมานนางเช่นกัน สายตานางจ้องมองไปที่ฉีจื่อฟู่พลางถามด้วยเสียงราบเรียบ “หมายความว่า ซื่อจื่อสำนึกและเสียใจกับสิ่งที่พูดกับข้าก่อนหน้านี้หรือ?”สีหน้าของฉีจื่อฟู่เปลี่ยนไป หากเขายอมรับว่าสำนึกและเสียใจกับคำพูดพวกนั้น ก็เท่ากับยอมรับว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอมไม่ใช่หรือไร?แม้ปากจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องให้หรงจือจือรักษา ทว่าแท้จริงแล้วภายในใจกลับให้ความสำคัญมากนี่ทำให้เขาหงุดหงิดหรงจือจือเล็กน้อย ในเมื่อรักเขาก็ไปคุกเข่าแทนเขาสิ จะถามเช่นนี้ให้มากความทำไม? นี่มันต่างอะไรกับการทำให้เขาผู้เป็นสามีต้องอับอาย?เขาพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “สิ่งใดที่ข้าพูดไปแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะต้องเสียใจ”“ข้าเพียงแต่คิดว่า เจ้าเห็นข้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่ว่าจะในฐานะฮูหยินซื่อจื่อ หรือในฐานะว่าที่โหวฮูหยินในอนาคต เจ้าก็คงไม่รู้สึกสบายใจนัก ด้วยเหตุนี้จึงได้ให้โอกาสเจ้าไปสวดภาวนาเพื่อข้าก็เท่านั้น”“เจ้าแต่งงานเข้ามาในครอบครัวนี้ คนในสกุลฉีล้วยแต่ดีกับเจ้าไม่น้อย เท่านี้ก็ถือเป็นวาสนาของเจ้าแล้ว”“หากข้าไม่เป็นห่วงอนาคตของเจ้า จะผิดคำพูดต่อหน้าสิ่งศักดิ์
หมอเทวดาเล่นตามน้ำว่า “ใช้ความรุนแรงให้น้อย โมโหให้น้อยก็พอ”หรงจือจือ “นี่ เฮ้อ…”เดิมทีสองพ่อลูกซิ่นหยางโหวยังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง เพราะฉีจื่อฟู่ไม่ได้ดีกับหรงจือจือ อีกทั้งหมอเทวดาก็ไม่ได้ตรวจโดยละเอียด แต่เมื่อเห็นหรงจือจือถามโดยละเอียดเช่นนี้ก็คลายความสงสัยเหล่านี้ลงก็จริง อย่างไรจื่อฟู่ก็เป็นสามีของหรงจือจือ นางจะไม่อยากให้เขาได้ดีได้อย่างไร?หมอเทวดาประสานมือพูดว่า “ไปเชิญคนอื่นมาตรวจเถิด! ข้าขอตัว!”หรงจือจือ “ข้าจะไปส่ง”นางเดินไปส่งหมอเทวดาออกจากจวนโหว หลังจากเดินห่างออกมาหลายก้าวเพื่อหลีกเลี่ยงคนในจวนหมอเทวดาถึงค่อยมองหรงจือจือด้วยความชื่นชม “เจ้าไม่ได้เลอะเลือน”ตอนที่ได้ยินว่าหรงจือจือกลับมาที่จวนซิ่งหยางโหวก่อนหน้านี้ ทั้งยังช่วยวางแผนให้ครอบครัวนี้ เขาก็โมโหแทบอกแตกตายครั้งนี้เขามาโดยอ้างว่ามาช่วยตรวจฉีจื่อฟู่ ทว่าความจริงแล้วต้องการมาด่าหรงจือจือต่างหากเคราะห์ดีที่เขาทำการจับชีพจรก่อน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้เข้าใจหรงจือจือผิดแต่ก็ไม่แปลก คนนอกอาจจะไม่รู้ถึงวิชาแพทย์ของจือจือ แต่เขากลับรู้ดีว่านางเก่งกาจกว่าเขาผู้เป็นอาจารย์เสียอีก หากคิดจะช่วยฉีจื่อฟู่จริงๆ ม
หนังหน้าเขาตึงเปรี๊ยะ คิดไม่ถึงว่าหมอเทวดาจะไม่ไว้หน้าขนาดนี้ และพูดจาขวานผ่าซากเช่นนี้ทว่าตอนนี้ยังต้องขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยบุตร จึงระเบิดอารมณ์ไม่ได้ ได้แต่กล่าวว่า “ขอท่านหมอเทวดาช่วยลูกข้าด้วย เขาคือซื่อจื่อแห่งจวนโหว เป็นสามีของจือจือ...”หมอเทวดาหยิบเข็มเงินออกมา แล้วแทงฉีจื่อฟู่ให้ตื่นอย่างไม่เกรงใจมิหนำซ้ำยังจงใจไม่ออมแรงอีกด้วย แทงจนเขามีเลือดออกมามากมายซิ่นหยางโหวที่เห็นดังนั้นขมวดคิ้วมุ่น แต่อย่างไรเขาก็ไม่เป็นวิชาแพทย์ และไม่มั่นใจว่าเลือดนี่ไม่ไหลไม่ได้หรือเปล่า จึงไม่กล้าพูดมากแต่อย่างใดทว่าหมอประจำจวนที่เข้าใจวิชาแพทย์ซึ่งดูอยู่ข้าง ๆ ยิ่งไม่กล้าพูดเข้าไปใหญ่ คิดเพียงว่าที่หมอเทวดาแทงเช่นนี้ ย่อมมีเหตุผลของหมอเทวดาเองหลังฉีจื่อฟู่ฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินหมอเทวดากล่าวว่า “พักผ่อนสักพัก ก็ลุกจากเตียงได้แล้ว เพียงแต่เมื่อเป็นเพราะโรคเก่ากำเริบ หลังจากนี้อาจจะอ่อนแอลงทุกวัน อาการกำเริบอยู่เป็นระยะ กลับไปเป็นอย่างแต่ก่อน กระทั่งถึงแก่ความตาย”คำพูดของพ่อบุญธรรม ย่อมอยู่ในการคาดคะเนของหรงจือจือเช่นกันเมื่อฉีจื่อฟู่อาการกำเริบครั้งแรก หลังจากนั้นก็จะถี่ขึ้นเรื่อย ๆ กระ
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ ครั้นซิ่นหยางโหวฟังการร่ำไห้ของอวี้ม่านหวาจบ สายตาที่ไม่สบอารมณ์ก็ตกไปบนหน้าของหรงจือจือ กำลังจะตำหนินางว่าเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ถึงกลับอาละวาดจนวุ่นวายไปหมดทั้งจวนทว่าหรงจือจือเอ่ยปากกับอวี้ม่านหวาก่อน “เจ้ารู้ว่าเจ้าไม่ดีก็ดี! ในจวนเตาอุ่นมือแบบไหนจะไม่มีเลยหรืออย่างไร?”“เป็นแค่อนุผู้หนึ่ง ดันจะยังยุยงให้ท่านพี่ไปแย่งของภรรยาเอก ก่อเรื่องจนวุ่นวายไปทั้งจวน ไม่รู้ว่าฮองเฮาของแคว้นเจาองค์ก่อน สั่งสอนเจ้ามาอย่างไร!”“น้องเสียนทนเห็นไม่ได้ จึงไปเอากลับมา ข้าโน้มน้าวอย่างก็โน้มน้าวไม่ได้ ช่างเถิด มาพูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ เจาซี เอาเทียบของข้ามา เชิญท่านพ่อบุญธรรมมาดูซื่อจื่อที่จวน!”เจาซี “เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”แน่นอนว่าพ่อบุญธรรมที่หรงจือจือกล่าวถึง หมายถึงหมอเทวดาลูกบุญธรรมของนายหญิงผู้เฒ่าหรงในตอนนี้ซิ่นหยางโหวกล้าด่านางเสียที่ไหน?กลับหันหน้าไปมองอวี้ม่านหวา และด่าอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ช่างเป็นตัวสร้างปัญหาจริง ๆ!”ฉีจื่อเสียนเองก็ยังไม่ลืมว่าตอนนั้น เหตุใดตนถึงต่อยตีกับพี่ชายขึ้นมา จึงเอ่ยขานรับ “ไม่ใช่เพร
อวี้ม่านหวาตกตะลึง “ท่านพี่ฟู่...”ฉีจื่อเสียนกลับไม่แยแสสถานการณ์ของฉีจื่อฟู่เลยแม้แต่น้อย คิดเพียงว่าที่อีกฝ่ายเป็นลมหมดสติไป เพราะตนกล้าหาญไร้ที่เปรียบ ทักษะการต่อสู้โดดเด่นเขายกเตาอุ่นมือของหรงจือจือขึ้นมา แล้วเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองอวี้ม่านหวารีบเอ่ยขึ้นว่า “เร็วเข้า รีบไปเชิญหมอประจำจวนมา!”...ก่อนที่ฉีจื่อเสียนจะกลับมา อวี้หมัวมัวได้บอกสถานการณ์ทางนั้นกับหรงจือจือเรียบร้อยแล้วไม่นานก็ได้ยินเสียงของฉีจื่อเสียน “ท่านพี่สะใภ้ ท่านดูสิข้าเอาอะไรกลับมาให้ท่าน”หรงจือจือกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย พลางมองเตาอุ่นมือที่หวนคืนสู่เจ้าเดิม ก่อนจะแสร้งเอ่ยขึ้นด้วยความตื้นตันใจ “ต้องขอบคุณน้องเสียนมาก ๆ น้องเสียนรู้เหตุรู้ผลอย่างที่คิดจริง ๆ”เจาซีรีบไปรับเตาอุ่นมือมาฉีจื่อเสียนเขียวช้ำไปทั้งหน้า เขามองหรงจือจือ “เช่นนั้น...เช่นนั้นเรื่องหาอาจารย์ใหม่ให้ข้า ที่ท่านพี่สะใภ้พูดก่อนหน้านี้...”หรงจือจือ “เจ้าวางใจ พรุ่งนี้ข้าจะไปจวนของท่านเจียงด้วยตัวเอง ขอร้องให้เขาช่วยแนะนำให้ ไม่รู้ว่าน้องเสียนมีอาจารย์ที่ดูไว้ในใจหรือไม่?”แววตาของฉีจื่อเสียนเปล่งประกาย “ย่อมมีอยู่แ
ฉีจื่อฟู่ถูกท้าทายความน่าเกรงขามในฐานะผู้เป็นพี่ ยอมให้เขาเอาไปเสียที่ไหน รีบยื่นมือออกไปขวางทันที “ในเมื่อข้าเอาเตาอุ่นมืออันนี้มาแล้ว ก็ต้องเป็นของม่านหวา!”ฉีจื่อเสียนถนัดเรื่องการพูดหาประโยชน์ใส่ตัวที่สุด “ท่านพี่ ของสิ่งนี้เป็นของใช้ส่วนตัวของท่านพี่สะใภ้ ท่านพี่เอาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่านพี่สะใภ้ เอาไปโดยไม่บอกกล่าวเช่นนี้ เรียกว่าขโมย! ท่านพี่มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่านี่เป็นของอนุอวี้?”ฉีจื่อฟู่ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ทั้งหน้าคล้ำดำเขียว “ฉีจื่อเสียน ข้าไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้า! เจ้ารีบออกไปเสีย!”ฉีจื่อเสียน “ข้าไม่ไป! ท่านพี่ ท่านพี่เลอะเลือนไปเอง ทิ้งอนาคตเพื่อปิศาจจิ้งจอกตัวเดียวก็ช่างเถอะ ท่านพี่ยังจะทำลายอนาคตข้าด้วยหรือ?”“ท่านพี่ก็คิดเสียว่าทำเพื่อข้า คืนของสิ่งนี้ให้ท่านพี่สะใภ้แล้วจะเป็นอะไรไป? เรื่องหาอาจารย์ยังต้องหวังพึ่งนาง ท่านพี่เป็นพี่แท้ ๆ ของข้าจริง ๆ หรือ?”ประโยคนี้ทำเอาฉีจื่อฟู่ลังเลไปครู่หนึ่งทว่าขณะนี้ ในใจของอวี้ม่านหวาเองก็เคียดแค้นฉีจื่อเสียนยิ่งนักนางพูดเสี้ยมด้วยท่าทางน่าสงสาร “ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง เป็นเพราะข้าชีวิตต่ำต้อย ไม่คู่คว
ในตอนนี้เจาซีถึงเข้าใจความคิดของคุณหนู นางพลันดีใจกระโดดโลดเต้น “คุณหนู สมแล้วที่เป็นคุณหนู! กะอีแค่เตาอุ่นมืออันเดียว ก็ทำให้พวกเขาทะเลาะกันรุนแรงได้!”แสดงละครตบตากับฉีจื่อเสียนอยู่นาน ท้ายที่สุดก็ปากแห้งคอแห้งหรงจือจือยกแก้วชาขึ้นมา แล้วจิบคำหนึ่ง “นี่เพิ่งจะเท่าไรเอง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างที่เจ้าคิด มีเรื่องสนุก ๆ รออยู่หลังจากนี้!”ช่วงนี้ฉีจื่อเสียนหุนหันพลันแล่นเป็นอย่างมาก อาจจะแลกหมัดกับพี่ชายเขาขึ้นมาก็เป็นได้ทว่าตอนนี้ร่างกายของฉีจื่อฟู่ ไม่สามารถต้านทานการต่อยตีได้...แต่เมื่อฉีจื่เสียนไปถึงห้องของฉีจื่อฟู่ กลับหาเขาไม่เจอ ครั้นถามบ่าวรับใช้ถึงได้รู้ว่า ฉีจื่อฟู่ไปเรือนจวี๋ ที่พักของอวี้ม่านหวาสีหน้าของฉีจื่อเสียนยิ่งคล้ำดำหมองเข้าไปใหญ่เขาไม่รู้เลยว่าพี่ชายของตนหลงผิดหรือเปล่า บุรุษแต่งภรรยา หรือว่าไม่ได้เพื่อช่วยตนเอง ช่วยยกระดับทั้งตระกูลตน?อวี้ม่านหวาผู้นั้นมีอะไรดีกันแน่ ถึงทำให้ท่านพี่ไม่ไว้หน้าหรงจือจือเและทำลายตนเช่นนี้!ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งเดือดดาลกระทั่งบุกเข้าไปในห้องของอวี้ม่านหวาเลยโดยไม่รอให้คนใช้ไปรายงานเช่นนี้ทำเอาสองคนนั้นตกตะลึงก
อนุส่วนใหญ่ได้รับความรักและความโปรดปรานของสามี จึงกระวนกระวายได้ง่าย สร้างปัญหาโดยไร้สาเหตุนางกระตุกรอยยิ้มเย็นเยือกมุมปาก “ฉีจื่อฟู่ทำเช่นนี้ ยิ่งเป็นการมอบหมากที่ดีแก่ข้าตัวหนึ่ง ข้าย่อมต้องยิ่งใช้มันให้ดี”หลังจากนั้นนางก็มองเจาอู้ “ไปห้องคุณชายสี่ บอกว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปหาอาจารย์ให้เขา เชิญเขามาหารือว่าจะเลือกใคร”เจาอู้ “เจ้าค่ะ!”เจาซีตามหรงจือจือกลับเรือนหลันด้วยความฉงน เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับคุณชายสี่อีก?ครั้นเห็นหรงจือจือกลับมา อวี้หมัวมัวก็รายงานอีกว่า “คุณหนู ทางสวนฉางโซ่วมีเรื่องขึ้นมาอีกแล้ว ฉีอวี่เยียนเอาเชิงเทียนไปทำให้ถานผิงถิงเสียโฉม หมอประจำจวนบอกว่าจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนหน้าแน่นอน”เจาซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูด “มีเรื่องดี ๆ เช่นนี้ด้วยหรือ?”จะว่าไปแล้ว หลังคุณหนูมาถึงจวนสกุลฉีแห่งนี้ ไป ๆ มา ๆ ไม่รู้ว่าถานผิงถิงนั่น หาเรื่องมาให้คุณหนูเท่าไรแล้ว ผ่านไปสามปี เรื่องกึ่งหนึ่งในบ้านก็เป็นเพราะนางคนชั้นต่ำนั่นยุแยงตะแคงรั่วตอนนี้ถือว่ากรรมตามสนองแล้วอวี้หมัวมัว “นั่นน่ะสิ ตอนนี้ถานผิงถิงกำลังร้องไห้โวยวายอยู่ที่สวนฉางโซ่ว บอกว่าจะจับตัวฉีอวี่เยียนส่งทางการ บ
คิ้วตาของอวี้หมัวมัวขยับเล็กน้อย ทว่าอย่างไรนางก็สุขุมกว่าเจาซีหน่อย ในฐานะบ่าวรับใช้ แม้จะไม่พอใจ ก็ไม่มีทางโวยวายกับเจ้านายง่าย ๆ หากยั่วจนฉีจื่อฟู่สั่งสอนตน จะเป็นการสร้างความลำบากให้คุณหนูโดยไม่มีสาเหตุเปล่า ๆจึงไม่ได้พูดอะไรมากความ นางเอ่ยเพียง “ท่านซื่อจื่อ เตาอุ่นมือนี้ ปกติฮูหยินซื่อจื่อโปรดปรานเป็นอย่างมาก”ฉีจื่อฟู่ “นั่นแล้วอย่างไร? หรือว่าความชอบเล็กน้อยนั่นของนาง มันสำคัญกว่าเด็กในท้องของม่านหวา?”พูดจบก็ไม่สนใจอวี้หมัวมัวอีก จากนั้นก็สาวเท้าก้าวยาวเดินออกไปอวี้หมัวมัวชะงักไป ก่อนจะมองเจาอู้ทีหนึ่ง “คิดว่าคุณหนูคงออกมาจากห้องท่านโหวแล้ว เจ้าไปบอกเรื่องนี้กับคุณหนูซะ”กะอีแค่เตาอุ่นมืออันเดียว อวี้หมัวมัวรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ที่จริงคุณหนูก็ไม่ได้ขาดแคลนเลยทว่าการกระทำของฉีจื่อฟู่ กลับทำคนสะอิดสะเอียนอย่างไร้สาเหตุเจาอู้ “เจ้าค่ะ!”…ในวินาทีนี้หรงจือจือออกมาจากห้องหนังสือของซิ่นหยางโหวพร้อมกับเจาซีแล้วจริง ๆครั้นเห็นว่ารอบข้างปลอดคน เจาซีก็กดเสียงต่ำเอ่ยขึ้นว่า “ภาพเหมือนที่คุณหนูให้พวกเรารวบรวมในก่อนหน้านี้พวกนั้น บ่าวยังรู้สึกข้องใจไม่หายเลยเจ้าค