เจาซีตะลึงไปทันที ในใจมีความสงสัยเล็กน้อย ว่าเหตุใดคุณหนูถึงได้มั่นใจเช่นนี้แต่เมื่อลองคิดดูคุณหนูก็ประสบความสำเร็จมาตลอด คิดว่าไม่น่าจะคำนวณผิดพลาด จึงวางใจได้ชั่วขณะ......สวนฉางโซ่วของนางถานฉีอวี่เยียนกลับมาด้วยความดีใจ เล่าเรื่องที่หรงจือจือรับปากตนเองให้ฟังยังรินน้ำชาให้ตนอีกถ้วยด้วย พลางดื่มพลางกล่าวด้วยท่าทางมีความสุข “เป็นตามที่ท่านแม่คาดคะเน มหาราชครูหรงไม่สนใจนาง นางจึงตื่นตระหนก ต่อไป สิ่งของทั้งหมดของนางหรง ก็จะตกเป็นของครอบครัวเราแล้ว!”“ทันทีที่อ้าปากก็ตอบตกลงว่าจะให้สิ่งของมากมายขนาดนี้ ท่านแม่ ผ้าไหมสามพับนั่นที่ท่านตั้งใจจะให้ข้าเป็นสินสมรสติดตัวไป ก็เก็บเอาไว้เองเถอะ บัดนี้ข้ามีสิ่งของที่นางหรงมอบให้ ก็ไม่ได้ขาดแคลนของเล็กน้อยนั่นแล้ว”เมื่อฉีจื่อฟู่ได้ฟังถึงตรงนี้ ก็วางใจขึ้นแตกต่างกับท่านแม่และน้องสาว ทั้งสองคนเต็มไปด้วยความอยากได้สินเดิมของหรงจือจือ ดังนั้นจึงเอ่ยข้อเรียกร้องเช่นนี้ออกมาแต่ฉีจื่อฟู่เพียงแค่อยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อดูท่าทีของหรงจือจือ หากหรงจือจือปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เหมือนกับเมื่อคืนนี้ที่ปฏิเสธการร่วมหลับนอนกับตน คิดว่าเป็นเพราะมหาราชครู
เมื่อนางถานนึกถึงความเย็นชาเหล่านั้นที่ตนได้รับวันนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ก็โมโหขึ้นมา แทบอยากจะกลืนหรงจือจือทั้งเป็น เมื่อเห็นบุตรชายถูกตนโน้มน้าวได้สำเร็จนางถานจึงพยายามต่อไป กล่าวขึ้นอีกว่า “ดังนั้นไม่เพียงเรื่องสินเดิม เจ้าห้ามปกป้องนาง เจ้าต้องคิดหาหนทาง เพื่อตั้งกฎให้นาง”“ทำให้นางรู้ว่า ตั้งแต่ไหนแต่ไรเจ้าไม่ใช่ว่าอะไรก็นึกถึงแต่นาง คนที่เจ้ารักที่สุดในใจก็ไม่ใช่นางเช่นกัน องค์หญิงม่านหวากับลูกในท้องของนาง เจ้าต้องวางไว้เป็นอันดับหนึ่ง”“ทำเช่นนี้หรงจือจือถึงจะรู้สึกถึงความลนลาน ถึงจะระมัดระวังตัว พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อเอาชนะใจเจ้า”ฉีจื่อฟู่แค่นหัวเราะ “เรื่องแค่นี้ลูกเข้าใจ! ก่อนหน้านี้ให้นางเป็นอนุ นางก็อยากจะหย่าร้าง เห็นได้ชัดว่าหัวแข็งเกินไป เมื่อก่อนลูกดีกับนางเกินไปหน่อย”“หากนางรักข้าจริง ก็ต้องยินดีที่เป็นอนุ จะไม่ยอมร่วมหลับนอนได้อย่างไร? ท่านแม่วางใจ ลูกจะสั่งสอนนางให้ดี ทำแบบนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น!”หรงจือจือดีงามเกินไปแล้ว ตอนนั้นตอนที่เขายังนอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียง ทุกคนมาเยี่ยมเขา มักจะพูดถึงหรงจือจือ กล่าวว่าตนเองมีวาสนาราวกับว่าผู้ชายอกสามศอกอ
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะสุขภาพไม่แข็งแรง นางถานจึงได้มอบหน้าที่หุงหาอาหารในบ้านให้หรงจือจือทำมานานแล้ว วันนี้อยากจะต้อนรับขับสู้ด้วยตนเอง เพื่อแสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญกับนางเซี่ยหรงจือจือเพิ่งได้รับอิสระ แต่นางก็ไม่ได้ทำตัวว่าง ส่งคนไปสืบข่าวคราวที่เรือนด้านหน้า แล้วก็กำลังจัดการใบรายการสินเดิมของตนเองเพียงแต่ถึงแม้นางถานจะสติเลอะเลือน แต่กลับปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างรอบคอบยิ่ง ให้คนรับใช้คนสนิทของตนเฝ้าเรือนอย่างเข้มงวด สาวใช้ของหรงจือจือจึงไม่สามารถสืบรายละเอียดที่คุยกันได้หลังจากได้ยินรายงานของเจาซี “คุณหนู หลังจากที่พระชายาซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องกลับไปแล้ว ฮูหยินก็โมโหมาก ขว้างปาข้าวของในห้องหลายอย่างเลยเจ้าค่ะ!”หรงจือจือเลิกคิ้ว “อย่างนั้นหรือ?”หรือที่ไม่อยากให้ตนไปพูดอะไรกับจวนอ๋องเฉียน เป็นเพราะการแต่งงานได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว?ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอย่างละเอียดสาวใช้เฉินคนสนิทของนางถาน ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ จ้องหรงจือจือกล่าว “ฮูหยินซื่อจื่อ ฮูหยินใช้ให้บ่าวรับใช้มาตามท่านให้ไปพบเจ้าค่ะ!”หรงจือจือก็อยากจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเช่นกัน จึงไม่รอช้า รีบลุกขึ้นทันทีเจา
เมื่อเจาซีฟังจบก็สีหน้าไม่พอใจทันที กำหมัดแน่น รู้สึกไม่พอใจแทนคุณหนูของตนมาก อยากจะด่าแม่สามีที่ไม่มีเหตุผลอย่างนางถานสักยกจริง ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ด่าไม่ได้ จึงทำได้เพียงอดทนหรงจือจือดูสงบยิ่งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด “ท่านแม่อยากจะตำหนิข้าอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นอย่างน้อยลูกก็ควรได้รู้ว่า ตนทำผิดอะไรใช่หรือไม่? ท่านแม่โปรดบอกด้วย”นางถานกำลังจับมือสาวใช้เฉิน มองหรงจือจือด้วยสีหน้าขึงขัง “เจ้าทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ? ดี ข้าจะให้เจ้าได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง! ป้าเฉิน เจ้าบอกนางไปซิ”สาวใช้เฉินก้าวออกมา พูดเหตุผลออกมาแทนเจ้านายของตนเอง “เมื่อครู่นี้นางเซี่ยพระชายาซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องเฉียนมาที่นี่เพื่อหารือเรื่องสินสอด ไม่คิดว่าจะสะเพร่าถึงขนาดนี้ ให้สินสอดเพียงสามสิบลัง นี่ไม่ใช่เรื่องที่จวนอ๋องจะทำอย่างแน่นอน”“นางเซี่ยกล่าวว่า เป็นเพราะเรื่องที่ซื่อจื่อจะให้ซื่อจื่อฮูหยินเป็นอนุ ตอนนี้ด้านนอกลือกันอย่างหนาหู ในครอบครัวต่างกำลังพูดกันว่าครอบครัวของเราไม่ดี นางไม่ยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ ก็นับว่าไว้หน้าจวนโหวแล้ว”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงไม่ยินยอมที่จะให้สินสอดไปมากกว่านี้แล้ว ให้เพียงแค่สาม
สิ่งนี้ทำให้นางถานไม่พอใจเป็นอย่างมากทว่าในจังหวะนี้เองฉีจื่อฟู่ก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก “จือจือ ท่านแม่ถูกเจ้ายั่วโมโหจนร้องไห้ แต่เจ้ากลับไม่สำนึกผิดเลยสักนิด คุณธรรมกับความกตัญญูของเจ้าล่ะ?”ครั้นหรงจือจือได้ยินคำพูดกลับขาวเป็นดำของคนในตระกูลเขา ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าในใจของนางจะสงบลงแล้วนางเพียงทอดตามองเขาชืด ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเตือนว่า “ท่านพี่กล่าวเรื่องตลกแล้ว ผู้ที่ถูกสามีลดขั้นให้เป็นอนุเช่นข้าจะมีคุณธรรมอะไรกัน?”“แทนที่ท่านพี่จะมาถามหาความกตัญญูจากข้า ไม่สู้ถามตัวท่านเองเถิด? หากไม่ใช่เพราะท่านคบชู้ร่วมประเวณีโดยมิชอบ และประกาศว่าจะลดตำแหน่งภรรยาเอกเป็นอนุในงานเลี้ยงละก็ เรื่องการแต่งงานของอวี่เยียนจะพลอยถูกท่านทำให้ติดร่างแหไปด้วยหรือ?”“ท่านแม่เอาแต่โทษข้า แต่ผู้ที่มีปัญญาก็รู้กันทั้งนั้นว่า อันที่จริงแล้วเรื่องมันเกิดมาจากท่านทั้งนั้น ฉะนั้นผู้ที่ทำให้ท่านแม่ต้องเดือดดาลจนเป็นเช่นนี้ไม่ใช่ข้า แต่เป็นผู้ที่เริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมดอย่างท่านต่างหาก!”ฉีจื่อฟู่จ้องมองนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง “จือจือ เจ้าดูสภาพของเจ้าตอนนี้สิ ข้
หรงจือจือได้ยินดังนั้นก็แทบจะหลุดขำออกมา นางถานทำดีกับนาง?เห็น ๆ กันอยู่ว่าเป็นยายเฒ่าเจ้าเล่ห์ปากหวานก้นเปรี้ยว อยู่ข้างนอกแสร้งทำเป็นชอบพอในตัวนาง ทว่าเมื่อกลับถึงจวนกลับเปลี่ยนลูกไม้ใช้ให้ตนไปปรนนิบัติ ตั้งกฎเกณฑ์ให้นาง ราวกับหากได้บดขยี้นางแล้ว ยายเฒ่าเจ้าเล่ห์ก็จะได้อยู่สูงกว่าผู้อื่นเนื่องจากแม่แท้ ๆ ของหรงจือจือเองก็ไม่เคยทำดีกับนาง ฉะนั้นนางจึงไม่เคยเรียกร้องอะไรมากมายกับนางถานเช่นกัน คิดเพียงแค่ว่าใช้ชีวิตผ่านไปได้ก็พอแล้วไม่รู้เลยว่า ฉีจื่อฟู่พูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?นางเองก็คร้านจะพูดมาก จึงได้แต่มองฉีจื่อฟู่แล้วเอ่ยว่า “ท่านพี่ไม่ต้องมาชี้หน้าข้าพูดเรื่องกฎเกณฑ์ด้วยโทสะหรอก ข้าอยู่เรือนไม่รู้จักกฎเกณฑ์เป็นเรื่องเล็ก แต่ท่านพี่อยู่ในราชสำนักไม่รู้จักกฎมณเฑียรบาลเป็นเรื่องใหญ่”“เดี๋ยวข้าจะให้คนเอากฎมณเทียณบาลของราชสำนักเรามาให้ท่านพี่เช่นกัน ท่านพี่ก็ศึกษาอยู่ในห้องหนังสือดี ๆ ล่ะ”“หวังว่าหลังจากนี้ท่านพี่จะไม่ไปโวยวายพูดเรื่องกบฏฝ่าฝืนกฎมณเฑียรบาล ลดภรรยาเอกเป็นอนุต่อหน้าธารกำนัล จนถูกผู้ตรวจการจางชี้หน้า บอกว่าควรสั่งเฆี่ยนท่านพี่เท่าไรอีก”“หากมีอีกครา อย่าว่
“ไม่แน่ว่าเมื่อรับม่านหวากลับมาแล้ว ทั้งจวนจะได้รอลูกคนแรกของข้าคลอดออกมาด้วยกัน!”“พูดไปพูดมา ทั้งหมดก็เป็นเพราะเจ้าเอะอะก่อเรื่อง ไม่เข้าใจกระทั่งหลักหลังออกเรือนเชื่อฟังสามี ไม่รู้เลยว่าชื่อเสียงดี ๆ ของเจ้าได้มาได้อย่างไร”หรงจือจือคิดว่าตนเองคงชินกับความไร้ยางอายของครอบครัวเขาไปแล้ว อารมณ์จึงสงบไม่ไหวติงใด ๆทว่าในตอนนี้ กลับทำให้ฉีจื่อฟู่กลับเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟสุด ๆฉีอวี่เยียนที่หน้าคล้ำดำเขียวเงียบไปอยู่นานสองนาน ก็พูดแทรกขึ้นมาในตอนนี้ “ใช่ พี่สะใภ้ ก็แค่เพิ่มอีกสามสิบหาบเท่านั้น!”“ตอนที่ท่านแต่งงานเข้ามา สินเดิมมีตั้งหนึ่งร้อยยี่สิบหกหาบไม่ใช่หรือ? แบ่งให้ข้าสักหน่อยจะเป็นอะไรไป? หากของแค่นี้ท่านยังตัดใจไม่ได้ คนในบ้านใครจะเข้าข้างท่าน?”หรงจือจือกล่าวอยู่ในใจว่าต่อให้ตนผ่าหัวใจให้คนในครอบครัวนี้ พวกเขาก็ไม่มีวันเข้าข้างตนหรอกเมื่อเห็นพวกเขาเป็นเช่นนี้ นางก็ฉีกยิ้มชืด ๆ ออกมา “เพิ่มให้อีกสามสิบหาบอย่างนั้นหรือ? เพิ่งจะเท่าไรกันเชียว? รวมกับยี่สิบหาบก่อนหน้านี้ ข้าเพิ่มให้อีกหกสิบแปดหาบเลย รวมเพิ่มให้อวี่เยียนทั้งหมดหกสิบแปดหาบ คิดว่าเช่นนี้ท่านแม่กับท่านพี่คงจะพอใจ
นางถานได้ยินดังนั้นก็เดือดจนควันออกหู นางอยากให้หรงจือจือใจกว้างยกสินเดิมให้ตระกูลพวกเขา ทว่าก็ไม่ได้ให้ใช้วิธีที่ใจกว้างเช่นนี้เสียหน่อยนางรีบส่งสายตาไม่ให้หรงจือจือปริปากอีกทันที จากนั้นก็เอ่ยกับฉีอวี่เยียนว่า “พี่สะใภ้ของเจ้าเอาใจเจ้าเช่นนี้ ถึงขั้นยอมยกสินเดิมให้เจ้ามากมายขนาดนั้น เจ้าเองก็ควรนึกถึงพี่สะใภ้บ้างสิถึงจะถูก”“เจ้าจะเห็นแก่ตัวเช่นนี้ได้อย่างไร เอาของดีมากมายขนาดนั้นไปคนเดียว ไม่คิดถึงอนาคตของพี่ชายกับพี่สะใภ้เจ้าบ้างหรือ?”หรงจือจือได้ยินดังนั้นก็นึกอยากขำ เยี่ยมไปเลย ตอนนี้เริ่มกล่าวโทษว่าฉีอวี่เยียนเห็นแก่ตัวแล้ว หากทำไม่ถูกใจนางถาน ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็เห็นแก่ตัวทั้งนั้นฉีอวี่เยียนถลึงตาโต “ท่านแม่ ท่านพี่กับพี่สะใภ้มีอะไรให้ข้าต้องคิดเผื่อเล่า? วันหน้าจวนโหวนี่ท่านพี่ก็ได้เป็นผู้สืบทอด”นางถานเอ่ยถามด้วยสีหน้าปั้นยาก “ใช่ว่าเจ้าไม่รู้เสียหน่อยว่า ตอนนี้สถานการณ์ของจวนโหวเป็นเช่นไร...”ฉีอวี่เยียน “ข้ารู้ว่าจวนโหวไม่ได้มีเงินมากมาย แต่ก่อนหน้านี้ท่านแม่บอกว่ารวมยี่สิบหาบนั่นของพี่สะใภ้แล้ว จะให้สินเดิมข้าทั้งหมดหกสิบหกหาบ ท่านแม่ออกเองสี่สิบหกหาบ”“แต่
หรงจือจือมองเจาซีแวบหนึ่ง เพื่อส่งสัญญาณให้นางว่าอย่าใจร้อนตามหลักแล้ว องครักษ์หลงสิงไม่มีทางสงสัยว่านางสบคบกับศัตรู เพราะการจับกุมอวี้ม่านหวา นางก็มีส่วนช่วยอยู่ไม่น้อยคนเฝ้าประตูกล่าว “บ่าวก็ไม่ทราบเหตุผลเช่นกันขอรับ แต่ตอนนี้นายท่าน กำลังพูดคุยกับผู้บัญชาการอวี่เหวินอยู่ด้านหน้าเรือนแล้ว”หรงจือจือพยักหน้า ก็เดินมุ่งหน้าไปด้านหน้าเรือนทันทีในเมื่อท่านพ่อยังสามารถพูดคุยกับอีกฝ่ายได้ แทนที่จะเผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียด คิดดูแล้วคงไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรเมื่ออวี่เหวินจ้านเห็นหรงจือจือ ก็รีบทำความเคารพ “ข้าน้อยคารวะท่านหญิง!”หรงจือจือ “ผู้บัญชาการอวี่เหวินไม่ต้องมากพิธี ไม่ทราบว่าผู้บัญชาการมาหาข้า มีธุระอันใดหรือ?”อวี่เหวินจ้านกล่าวด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ขอพูดตรง ๆ เลยแล้วกัน ข้าน้อยมาขอร้องให้ท่านหญิงช่วยขอรับ”“ท่านหญิง อวี้ฉือท่านอ๋องรองของแคว้นเจาเสียชีวิตแล้ว แต่พวกข้ายังตรวจสอบพบอีกว่า พวกเขายังมีทหารแฝงตัวอยู่ห้าสิบกว่าคนที่ยังไม่ถูกจับกุม”“อวี้ม่านหวากับซี่อวี่ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมรับสารภาพ แต่วันนี้ อวี้ม่านหวาจู่ ๆ ก็พูดว่าขอแค่พบหน้าท่านตามลำพัง นางก็จะบอกข้าน้อ
ต่อมาก็มองไปทางฝานซิง พลางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “นำปะการังชิ้นนี้ไปวางในที่ที่มองเห็นชัดเจนที่สุดในห้องของข้า!”“หรงจือจือสามารถควบคุมปะการังได้ ข้าไม่เชื่อว่าข้าหรงเจียวเจียวจะควบคุมไม่ได้! ขัดขวางข้างั้นหรือ? เช่นนั้นก็ลองขัดขวางข้าดู!”ฝานซิง “คุณหนู อย่าโมโหไปเลย คุณหนูใหญ่คงไม่อยากให้ปะการังแก่ท่าน ถึงจงใจพูดจาที่ทำให้ท่านไม่มีความสุข หากท่านโมโห ก็จะเป็นไปตามทางของนางนะเจ้าค่ะ”หรงเจียวเจียวฟังจบ ก็รู้สึกมีเหตุผลอยู่หลายส่วนนางส่งเสียงฮึเบา ๆ “เจ้าพูดถูก! ข้าคือคนที่ได้รับปะการังจะโมโหทำไม? ให้นางทรมานเพราะสูญเสียปะการังไปคนเดียวเถอะ”......หลังหรงจือจือออกจากเรือนเฮ่าเย่ว์ ก็ยังไม่รีบกลับจวนแต่ไปยังเรือนของนางหวังแทนนางหวังได้ยินว่านางส่งปะการังไปให้หรงเจียวเจียวแล้ว และกำลังรอขอพบอยู่ด้านนอก นางก็กล่าวด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจว่า “ในเมื่อนางรู้ความ ก็ให้นางเข้ามาเถอะ” หรงจือจือเข้ามา ก็กล่าวเสียงเบา “ฮูหยินหรง ข้ามาที่นี่ เพราะต้องการพูดกับท่านอยู่สองเรื่องเจ้าค่ะ”นางหวังขมวดคิ้ว นี่มันท่าทีอะไรของนางกัน?เหตุใดฟังดูแล้ว เหมือนจะไม่มีความเคารพต่อตนเองเลยแม้แต่
หญิงรับใช้แซ่หลี่ “นี่มัน...ฮูหยิน คุณหนูใหญ่จะเห็นด้วยหรือเจ้าคะ? สิ่งของของฮูหยินผู้เฒ่า เป็นสิ่งล่ำค่าที่สุดของนางมาโดยตลอด”นางหวัง “ในเมื่อนางอยากจะเอาใจข้า ย่อมเห็นด้วยเป็นแน่ เจ้าไม่ต้องคิดมากถึงเพียงนั้น แค่ตรงเข้าไปเลยก็พอแล้ว!”หญิงรับใช้แซ่หลี่ “เจ้าค่ะ!”……หลังได้ยินหญิงรับใช้แซ่หลี่ชี้แจงที่มา หรงจือจือก็ขำเบา ๆ “สิ่งของที่ท่านย่าให้มา ตามหลักแล้วข้าจะไม่ส่งให้ผู้ใด แต่ในเมื่อผู้ที่มาคือหลี่หมัวมัว ข้าย่อมให้เกียรติเจ้าอยู่แล้ว”หญิงรับใช้แซ่หลี่ “...”ข้ามีเกียรติเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? นางไม่เคยลืม เรื่องที่ครั้งก่อนฮูหยินสั่งตนเองไม่ต้องให้หรงจือจือรับประทานอาหาร สุดท้ายอีกฝ่ายกลับหยิบขนมขึ้นมา จนตนเองแทบจะสิ้นสติไป“หลี่หมัวมัวกลับไปก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปหาปะการังชิ้นนั้นออกมา แล้วเช็ดให้สะอาด จากนั้นก็จะส่งไปยังห้องน้องสามด้วยตนเอง”หญิงรับใช้แซ่หลี่เต็มไปด้วยความสงสัย และออกจากที่แห่งนั้นด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งรอให้หญิงรับใช้แซ่หลี่จากไปแล้ว หรงจือจือจึงสั่งเจาซีว่า “ไปหาของออกมา”เจาซีกล่าวด้วยความโกรธจัด “คุณหนู ท่านคิดจะนำปะการังนี่ ส่งไปย
เสิ่นเยี่ยนซูถามเสียบเรียบ “รู้หรือไม่ว่าเหตุใดสวีชิงชิงถึงทำเช่นนี้?”เซินเฮ่อ “ตอนแรกลูกศิษย์ก็ไม่ทราบ แต่พี่สาวกลับพูดจนทำให้หลุดจากฝัน นางบอกว่า...เป็นไปได้มากว่าคือความอิจฉา”“เมื่อก่อนคุณหนูใหญ่สกุลหรงเพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง และยังโดดเด่นเป็นที่หนึ่งในทุกเรื่องของเมืองหลวง แถมเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์เช่นเดียวกันอีก สวีชิงชิงจะอิจฉาก็เป็นเรื่องปกติ”“ภายหลังลูกศิษย์สืบดูอีกหน่อย ถึงได้รู้ว่า เมื่อก่อนสวีชิงชิงติดตามคุณหนูใหญ่หรง ก็มักจะพูดจาเหน็บแนมอยู่เสมอ”“ความอิจฉานั้น แทบจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยขอรับ!”เมื่อเสิ่นเยี่ยนซูได้ยิน ดวงตาก็เย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง เป็นสตรีเหมือนกัน แต่สวีชิงชิงเพียงเพราะอิจฉา จึงใช้วิธีอันชั่วร้ายเช่นนี้ออกมาทำให้ชื่อเสียงของหรงจือจือเดิมก็ถูกคนวิพากษ์วิจารณ์เพราะหย่าร้าง เปลี่ยนเป็นยิ่งแย่ลงไปอีกจิตใจชั่วร้ายเช่นนี้ ช่างน่ารังเกียจยิ่งนักเซินเฮ่อถามอย่างระมัดระวัง “ท่านเสนาบดี ท่านคิดว่า เรื่องนี้ควรจะจัดการอย่างไรดีขอรับ?”เสิ่นเยี่ยนซูกล่าวเสียงเรียบ “ไปสืบความลับส่วนตัวทั้งหมดของจวนเฉิงหยางโหว รวมทั้งเรื่องแย่ ๆ ที่สวีชิงชิงเคยทำตั้
“ความจริงก่อนที่เจ้าจะไป นางคงคิดไว้แล้ว ว่าจะเป็นฝ่ายแบ่งยามาให้ข้าส่วนหนึ่งกระมัง?”เมื่อก่อนหรงจือจือมีของดีอะไร ก็มักจะนึกถึงน้องชายอย่างตนเองคนนี้อยู่เสมอ และไม่ว่าตนเองจะต้องการหรือไม่ นางล้วนหยิบยื่น แล้วถือมันออกมาไว้ด้านหน้าตนเองแต่ก็เพราะเหตุผลนี้ เขาจึงเกลียดนางมากยิ่งขึ้นอวี้เล่อ “คุณชายรอง เช่นนั้นรอคุณหนูสามกลับมาก่อน แล้วข้าน้อยจะเล่าให้ฟังเป็นการส่วนตัวดีหรือไม่ขอรับ?”บุรุษล้วนต้องการรักษาหน้า เขาเชื่อว่าคุณชายรองในฐานะพี่ชาย คงไม่อยากขายหน้าต่อหน้าคุณหนูสาม อย่างไรก็ตามหรงซื่อเจ๋อกลับขมวดคิ้วแน่น “เจียวเจียวเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของข้า มีคำพูดใดที่ต้องหลบเลี่ยงนางด้วยหรือ? เจ้าพูดมาตรง ๆ เลยจะดีกว่า!”อวี้เล่อกัดฟัน และทำได้เพียงบอกหรงซื่อเจ๋อทุกอย่าง ถึงสิ่งที่หรงจือจือเพิ่งพูดออกมาหลังหรงซื่อเจ๋อฟังจบ ก็โกรธมากแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่!เขากล่าวด้วยสีหน้าทมึงทึงว่า “ที่เจ้าเล่ามาทั้งหมด หรงจือจือเป็นคนพูดหรือ?”อวี้เล่อกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “จริงแท้แน่นอนขอรับ หรือว่าบ่าวยังจะกล้าโกหกท่านอีกหรือ? ตอนนั้นคุณหนูใหญ่บอกว่าท่านทำเรื่องน่าอายแต่ก็ยังหยิ่งยโส จ
อวี้หมัวมัวอยู่ข้างกายหรงจือจือมาหลายปี นางเคยช่วยเหลือคนไม่น้อย แต่พวกที่ไร้ความสำนึกอย่างสาวใช้จ้าว แถมยังกล้าตะโกนโวยวาย นับว่าพบเจอได้น้อยเต็มทีหรงจือจือหัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไร ข้าคาดไว้อยู่แล้วว่านางต้องเป็นเช่นนี้ นางไม่เพียงแค่ทำเช่นนี้หรอก ข้าว่านางคงจะเอาเรื่องนี้ไปบอกฮูหยินหรง เพื่อแสดงความจงรักภักดีด้วยเป็นแน่”เจาซีร้อนใจ “คุณหนู เช่นนั้นพวกเราจะไม่ทำงานเสียแรงเปล่าหรือเจ้าคะ?”หรงจือจือยิ้มบาง “ทำไมถึงคิดเช่นนั้น?”นางไม่ได้อธิบายอะไรมาก เพียงแค่สั่งอวี้หมัวมัว “ไปหาคนสักสองสามคน ไปสร้างปัญหาให้พี่ชายของสาวใช้จ้าวสักหน่อย ให้เขาไปทวงเงินจากนางสองสามรอบ”อวี้หมัวมัวพยักหน้ารับคำสั่ง “เจ้าค่ะ”......ในเรือนของหรงซื่อเจ๋อ เวลานี้ใบหน้าของหรงเจียวเจียวเต็มไปด้วยความคาดหวังและกังวล “พี่ใหญ่ ท่านว่าหรงจือจือจะยอมให้ยากับพวกเราหรือไม่?”นางให้ฝานซิงไปสืบเรื่องนี้มา พอรู้ความก็มาหาหรงซื่อเจ๋อทันที ขอให้เขาช่วยไปขอยาจากหรงจือจือให้ตนหรงซื่อเจ๋อแค่นเสียงเย็นชา “วางใจเถอะ ในเมื่อข้าเป็นคนเอ่ยปาก นางย่อมต้องให้”หรงเจียวเจียวยิ้มกว้างจนเต็มหน้า “พี่ใหญ่ช่างดีกับข้าจริงๆ
หรงจือจือเลิกคิ้ว คาดไม่ถึงว่าพ่อบุญธรรมเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน ก็ถูกพวกเขาหมายตายาเสียแล้วอวี้เล่อเห็นนางยังนิ่งเฉย จึงรีบเร่งเร้าอีกครั้ง “คุณหนูใหญ่ ท่านรีบหน่อยเถิด คุณชายรองกับคุณหนูสามยังรออยู่”“หากคุณชายรองรอจนหงุดหงิดขึ้นมา ก็ยิ่งจะไม่เห็นหัวพี่สาวอย่างท่านเข้าไปใหญ่ ท่านอย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน”หรงจือจือฟังจบ ก็หัวเราะเย็นชา “พูดจบแล้วหรือยัง?”อวี้เล่อมองใบหน้านิ่งสงบของนาง ไม่เห็นแม้แต่เงาของความกังวล รู้สึกแปลกใจไม่น้อย “คุณหนูใหญ่ ท่านไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”หรงจือจือยิ้มบาง “ได้ยินชัดเจนดี กลับไปบอกเจ้านายของเจ้าว่า ยานี่เป็นของพ่อบุญธรรมที่ให้ข้า ข้าไม่คิดที่จะแบ่งให้พวกเขา”อวี้เล่ออึ้งไปครู่หนึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ “คุณหนูใหญ่ ท่านพูดจริงหรือ? คุณชายรองแทบไม่เคยสนใจสิ่งใดจากท่านเลยนะ ครั้งนี้เขายอมเอ่ยปากขอด้วยตัวเอง ท่านกลับไม่ยอมคว้าโอกาสนี้ไว้หรือ?”ก่อนหน้านี้ตอนขอชุดผีเสื้อ ก็เป็นเพราะคุณหนูสามอยากได้ แต่ครั้งนี้คุณชายรองเอ่ยเองแท้ๆ ทำไมคุณหนูใหญ่ยังทำท่าทีแบบเดิม?หรงจือจือ นึกไม่ออกจริงๆ ว่าท่าทางวางอำนาจของอวี้เล่อนั้นมาจากไหนอ้อ... ห
ฮ่องเต้หย่งอัน “เจ้าจะรีบร้อนไปใย? ข้ายังพูดไม่ทันจบ! หากนางไม่ดีต่อท่านอัครเสนาบดี ข้าจะเรียกนางเข้าวังทุกวัน ให้มานั่งฟังเราพร่ำเพ้อถึงความดีงามของท่านอัครเสนาบดีสักชั่วยาม!”“ข้าจะทำให้นางเบื่อหน่ายจนทนไม่ไหว! ไม่ช้าก็เร็ว นางจะต้องรู้ตัวว่าคิดผิด!”เขาไม่ได้โง่เขลา เห็นอยู่ว่าท่านอัครเสนาบดี ปักใจรักมั่นเพียงนาง หากยังไปรังควานหรงจือจืออีก นั่นไม่เท่ากับทำลายความสัมพันธ์พ่อลูกกับท่านอัครเสนาบดีหรือ?ขันทีอาวุโสหยาง “...”ฝ่าบาท ช่างไม่เสียทีที่เป็นท่าน คิดแผนข่มขู่ได้ร้ายกาจและรุนแรงถึงเพียงนี้!......นางกำนัลเฉินพำนักอยู่ที่จวนตระกูลหรงได้หลายวันแล้ว ฝ่ายนางหวังและหรงเจียวเจียวต่างเฝ้ารอข่าวดีว่าหรงจือจือจะถูกลงทัณฑ์ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไร้วี่แววกลับกลายเป็นว่ามีข่าวหมอเทวดาเดินทางมาเยือนถึงจวน เพื่อขอพบหรงจือจือหรงเจียวเจียวจึงรีบส่งฝานซิงไปสืบข่าวทันทีหรงจือจือไปยังโถงด้านหน้า เมื่อพบหน้าหมอเทวดา ก็ทำความเคารพพลางเอ่ยถาม “ท่านพ่อบุญธรรม ช่วงนี้ท่านสบายดีหรือไม่?"หมอเทวดายิ้มรับ “ได้ยินว่านางถานตายแล้ว ตระกูลฉีก็ล่มสลายไม่เหลือชิ้นดี เช่นนี้แล้วข้าจะมีเรื่องอะไรให้ไ
ฮ่องเต้หย่งอันตรัสต่อ “คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหรง ก็งามล่มเมืองสมคำร่ำลือ คิดไม่ถึงว่าท่านอัครมหาเสนาบดี ผู้เคร่งขรึม ก็ยังมิอาจผ่านด่านความงามของสตรีไปได้เฮอะ ทีตัวเองยังห้ามไม่ให้ข้าอ่านนิยายรัก แต่ในสมองของท่านอัครมหาเสนาบดีเองก็มีแต่เรื่องรักใคร่ไม่ต่างกัน วันนี้ขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นท่านหญิง พรุ่งนี้ยอมเอาตัวรับดาบแทน มะรืนนี้นอนป่วยจนลุกไม่ขึ้น แต่ก็ยังไม่วายเรียกข้าไปช่วยหนุนหลังให้หรงจือจืออีก ท่านอัครมหาเสนาบดี นี่ช่างลำบากจริงๆ“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไมท่านอัครมหาเสนาบดี ถึงพร่ำสอนข้าอยู่เสมอ ให้ข้าเตรียมตัวว่าราชการเองโดยเร็ว ให้ข้ามุ่งมั่นกับกิจการบ้านเมืองเป็นหลัก”“ที่แท้ก็เพราะเขารู้ตัวว่าหัวสมองของตัวเองถูกความรักครอบงำไปหมดแล้ว จึงคิดว่าต้าฉี่ยังต้องพึ่งพาข้าอยู่”ก่อนหน้านี้ ตอนที่เห็นอัครเสนาบดีร้องขอให้พระราชทานบรรดาศักดิ์ท่านหญิง เขาก็พอสงสัยอยู่แล้วว่า พวงมาลัยดอกไม้ที่ท่านอัครเสนาบดีนำมา คงเตรียมไว้สำหรับหรงจือจือโดยเฉพาะ มีแต่สีสุภาพเรียบง่าย เหมาะเจาะกับฐานะของหรงจือจือที่กำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์อย่างพอดิบพอดีวันนี้ ฮ่องเต้ทรงแน่พระทัยแล้วว่า