แม้แต่หรงจือจือก็ยังรู้สึกประหลาดใจ นางถามเสียงเรียบ “พูดถึงว่าอย่างไรบ้างหรือ?”อย่างไรจวนเฉิงหยางโหวก็เป็นถึงจวนโหว ทั้งยังไม่ได้หย่าร้างแล้วยกขบวนกลับบ้านอย่างยิ่งใหญ่เหมือนนาง ตามหลักแล้วไม่น่าจะถูกนินทาอะไรได้ ทั้งยังเป็นที่รับรู้ทั่วทั้งเมืองหลวงแบบนี้เจาซีตอบ “เฮ้อ! พูดถึงทุกรูปแบบเลยเจ้าค่ะ บ้างก็บอกว่าฮูหยินโหวสังหารอนุไปหลายคน อนุบางคนกำลังตั้งท้องอยู่”“บ้างก็บอกว่าเฉิงหยางโหวหมายปองลูกสะใภ้ของตัวเอง ทำให้บุตรชายกับลูกสะใภ้กลัวจนต้องแยกบ้านไปอยู่ที่อื่น พูดกันไปเป็นตุเป็นตะ แต่เรื่องที่บุตรชายเขาแยกออกไปอยู่ที่อื่นก็เป็นความจริง”“บ้างก็บอกว่าสวีชิงชิงผู้เป็นบุตรสาวของเฉิงหยางโหวอิจฉาน้องสาวต่างมารดาของตัวเองที่มีหน้าตาสะสวยกว่า ด้วยเหตุนี้จึงทำการผลักน้องสาวต่างมารดาลงแม่น้ำ เกือบทำให้น้องสาวต้องตาย”“อ้อ แล้วก็ยังมีอีกเรื่องเจ้าค่ะ มีคนพูดว่าสวีชิงชิงมีใจให้แก่จีอู๋เหิงผู้เป็นคุณชายใหญ่ของจวนอ๋องเฉียน ลงมือทำอาหารส่งไปให้หลายครั้งแต่ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้งไป”หรงจือจือตะลึงงันหลังจากได้ฟังตามหลักแล้วพวกนี้ถือเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ มันถูกขุดออกมาได้อย่างไร?เจาซีพูดต่อ
ที่ผ่านมามักจะจ้องมองหรงจือจืออย่างเย็นชา ทว่าวันนี้สีหน้ากลับมีความหวาดกลัวเผยออกมาภาพนี้ทำให้หรงจือจือสับสนงุนงงกว่าเดิมปากพูดทักทายอย่างสุภาพ “ฮูหยินเฉิงหยางโหว วันนี้มีเวลาว่างมาที่นี่ได้อย่างไร?”นางเซี่ยฝืนยิ้มว่า “จริงๆ แล้วข้ามาเพราะมีธุระต้องมา บัดนี้ชื่อเสียงของจวนเฉิงหยางโหวย่ำแย่เช่นนี้ ข้าเองก็รู้สึกละอายใจมากเช่นกันที่มาพบโดยไม่แจ้งล่วงหน้า”นางว่าจบก็ผลักสวีชิงชิงไปด้านหน้า “ยังไม่ทำความเคารพท่านหญิงอีก”ยากมากที่สวีชิงชิงจะยอมก้มหัวให้แบบวันนี้ ทำความเคารพหรงจือจืออย่างสุภาพ “สวีชิงชิงคารวะท่านหญิงหนานหยาง”หรงจือจือรู้สึกว่าแม่ลูกคู่นี้แปลกประหลาดมากแต่ตราบใดที่อีกฝ่ายยังไม่บอกเจตนาในการมา นางก็จะไม่แสดงท่าทีแม้แต่น้อย เพียงแต่พูดอย่างเรียบนิ่งว่า “ไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่งเถอะ!”ฮูหยินเฉิงหยางโหวรีบส่ายมือ “ข้าจะกล้านั่งได้อย่างไร เชิญท่านหญิงนั่งเถิด!”ท่าทีร้อนรนกระวนกระวายของนางทำให้หรงจือจือประหลาดใจมากตอนนี้เจาซียกน้ำชาออกมาแล้วเช่นกัน ถึงแม้จะไม่ชอบครอบครัวนี้มากเพียงใดแต่ก็ห้ามเสียมารยาทหรงจือจือ “หากฮูหยินซึ่งเป็นแขกไม่นั่งลง ตัวข้าที่เป็นเจ้าบ้า
หรงจือจือเลิกคิ้วขึ้น “น้องหญิงของข้าหรือ?”สวีชิงชิงมีอาการโมโหทันทีที่พูดถึงหรงเจียวเจียว “ถูกต้อง นางบอกว่า หากข้าไปบอกให้นักเล่านิทานพูดถึงท่านในทางเสียหาย คุณชายอู๋เหิงได้ยินแล้วก็จะไม่ชื่นชอบท่านอีกต่อไป”“แต่ผู้ใดจะไปคิด ทั้งที่คิดจะอวดฉลาดแต่กลับกลายเป็นแสดงความโง่ หลังจากที่ข้าทำแบบนี้ เขาก็เริ่มพูดแก้ตัวแทนท่าน ตอนนั้นข้ารู้สึกนึกย้อนเสียใจมากจริงๆ”“บัดนี้ครอบครัวข้าถูกข่าวลือรุมเร้า ครั้นได้เผชิญเรื่องนี้กับตัวเอง ข้าถึงได้เข้าใจว่าข่าวลือเหล่านั้นสร้างผลเสียต่อหญิงสาวได้มากเพียงใด”“ตัวข้าชั่วร้ายอย่างที่ข่าวลือภายนอกพูดถึงที่ใดกัน? น้องสาวต่างมารดาของข้ากระโดดลงไปในน้ำเองเพื่อกล่าวหาข้า แต่แล้วบัดนี้ภายนอกกลับลือกันว่าข้าเป็นคนผลักนางลงไป ข้าจะแก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นแล้ว”“วันนี้ข้ามารับผิดไม่ใช่แค่เพราะต้องการขอทางรอดให้กับจวนเฉิงหยางโหว แต่ยังเพราะสำนึกผิดแล้วจริงๆ”ครานี้หรงจือจือไม่รู้สึกประหลาดใจอีกต่อไป มิน่าเล่า สวีชิงชิงถึงได้คิดอุบายเช่นนี้ได้ ที่แท้หรงเจียวเจียวก็เป็นคนสอนสวีชิงชิง “บัดนี้ข้าได้รับบทลงโทษแล้ว ถูกผู้คนก่นด่ายิ่งกว่าท่านหญิง ท่านพ่อบอกว่
หรงจือจือตกใจผงะหลังจากที่เฉินเยี่ยนซูพูดจบ หูของเขาก็แดงจนไม่รู้จะแดงอย่างไร กระนั้นเขากลับพยายามสงบสติอารมณ์เขาถามต่อ “เจ้าทราบเรื่องที่บิดาของเจ้าอยากให้เจ้าแต่งงานกับลู่อวี๋ซินหรือไม่?”หรงจือจือคืนสติ “ย่อมทราบเป็นอย่างดี”สีหน้าของเฉินเยี่ยนซูดูราบเรียบไร้อารมณ์ แต่แท้จริงแล้วภายในใจเป็นกังวล “เช่นนั้นเจ้า…ตอบตกลงแล้วหรือไม่?”หรงจือจือตอบตามความจริง “ไม่ได้ตอบตกลง หลังจากหย่าขาดจากฉีจื่อฟู่ ข้าก็มีแต่จะอยากหนีห่างจากเรื่องแต่งงาน ด้วยเหตุนี้จึงบอกท่านพ่อว่าจะลองพิจารณาดูเพื่อถ่วงเวลาเรื่องนี้เอาไว้”เฉินเยี่ยนซูได้ยินว่านางไม่สนใจเรื่องแต่งงานก็คลายความกังวลในใจลงหลายส่วนและรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเขาพูดด้วยสุ้มเสียงเย็นชา “หมายความว่า มหาราชครูหรงจะหาคนมาแต่งงานกับเจ้าให้ได้อย่างนั้นหรือ?”หรงจือจือนิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ดูจากท่าทีของท่านพ่อแล้วก็เหมือนจะเป็นแบบนั้น”เฉินเยี่ยนซูเลิกคิ้วขึ้น “รู้หรือไม่ว่าลู่อวี๋ซินเป็นผู้ใด?”หรงจือจือช้อนตาขึ้นด้วยความประหลาดใจเซิ่งเฟิงรีบเล่าเรื่องของลู่อวี๋ซินกับเซียวจวิ้นอ๋องให้ฟังอย่างมีชีวิตชีวา นอกจากนี้ยังใส่สีตีไข่
“แม้นจะเคยช่วยท่านราชเลขาธิการ แต่การตอบแทนที่ท่านมอบให้ข้าในช่วงหลายวันมานี้ก็เกินกว่าบุญคุณอันน้อยนิดที่ข้ามีต่อท่านแล้ว”หากไม่ใช่เพราะวันนั้นเขาช่วยบังกระบี่ นางคงถูกอวี้ม่านหวาแทงเข้าที่หน้าอก บุญคุณที่ช่วยชีวิตถือว่าทดแทนแล้วนอกจากนี้ บัดนี้นางก็ได้เป็นท่านหญิงเพราะเขายังไม่พูดถึงว่า อีกฝ่ายยังช่วยนางสั่งสอนสวีชิงชิงอีกด้วยเฉินเยี่ยนซูรู้ว่าตัวเองพูดให้นางคล้อยตามได้แล้ว ส่วนเรื่องที่นางถามมา…ในหัวของเขานึกถึงยุทธการสามร้อยแบบที่เซินเฮ่อเขียนมาให้อย่างรวดเร็วหากคิดจะโน้มน้าวนางแล้วล่ะก็…เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คิดว่าท่านหญิงน่าจะทราบว่าสุขภาพข้าไม่ดี ข้ารู้ว่าท่านหญิงเรียนรู้วิชามาจากท่านหมอเทวดา แต่บัดนี้ท่านหมอเทวดาไปจากเมืองหลวงแล้ว”“ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน หากว่าข้าเอาแต่เชิญตัวท่านหญิงมาตรวจอาการ คงหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดจากผู้อื่นได้ยาก”“เช่นนี้แล้ว มันจะเป็นผลเสียต่อชื่อเสียงของเจ้าและข้า อีกทั้งมหาราชครูหรงก็จะห้ามปรามเช่นกัน เมื่อคิดแบบนี้ การที่พวกเราแต่งงานกันจึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด”หรงจือจือฟังจบก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก นางถามด้วยความสงสัย “แต่ห
เมื่อสบเข้ากับสายตาแปลกประหลาดของนาง เฉินเยี่ยนซูก็ต้องปกปิดความกระตือรือร้นทางสีหน้าเอาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเรียบ “กฎของสกุลเฉินก็คือ ต้องเชื่อฟังคำสั่งของฮูหยิน”“ในเมื่อมีความตั้งใจจะแต่งงานกับท่านหญิง ข้าย่อมต้องเชื่อฟังคำพูดเจ้าเป็นธรรมดา”หรงจือจือได้ยินดังนี้ก็รู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหน้า นางไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงได้ง่ายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต รีบย่อตัวคำนับเสมือนต้องการหนีออกจากสถานการณ์นี้ “ท่านราชเลขาธิการ ข้าขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะ”เฉินเยี่ยนซู “เชิญท่านหญิง”หลังจากที่หรงจือจือจากไป ในที่สุด เซิ่งเฟิงที่อดกลั้นมานานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป “ท่านราชเลขาธิการ เหตุใดเมื่อครู่ท่านจึงไม่บอกความรู้สึกกับท่านหญิงไปตรงๆ เหตุใดไม่บอกไปว่าท่านอยากแต่งงานกับนางเพราะชอบนาง?”เฉินเยี่ยนซู “หากพูดเช่นนั้น นางคงไม่ตอบตกลง ตอนนั้นฉีจื่อฟู่ก็คงจะเคยสัญญาว่าจะมอบสิ่งต่างๆ ให้นางเช่นกัน”เซิ่งเฟิงฟังดังนี้ก็เข้าใจ “ดังนั้น หากท่านบอกไปว่าชอบท่านหญิง นางอาจจะคิดได้ว่าท่านเป็นคนกะล่อน มองว่าความรู้สึกของบุรุษสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วพริบตาและเชื่อถือไม่ได้ มีแต่จะหวาดระแวงท่านและไม่กล้าตกลงหรื
“แต่ราชเลขาธิการเฉินผู้นี้ เขาเป็นคนประเภทที่ข้ารู้สึกชื่นชมตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน ข้ากลัวว่าหากแต่งงานกับเขาจริงๆ เมื่อได้ใช้เวลาร่วมกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ตัวข้าจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ควรมีต่อเขาได้”“ความจริงแล้วเขาเป็นตัวเลือกที่อันตรายสำหรับข้า”“หลังจากที่ท่านย่าจากไป ข้าก็ชอบคิดอยู่เสมอ หากข้าไม่สามารถปกป้องอะไรได้เลย แต่อย่างน้อยก็ต้องปกป้องหัวใจตัวเอง ห้ามให้ผู้ใดมีโอกาสกรีดแทงหัวใจข้าเด็ดขาด ข้าไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายไปกว่านี้”ในการพบกันเมื่อสี่ปีก่อน ความจริงแล้วหรงจือจือเคยตะลึงงันกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของเฉินเยี่ยนซู หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกันสองสามวัน บทสนทนาที่มีร่วมกับเขาก็ทำให้นางประทับใจเช่นกันแต่ตอนนั้นนางรู้ตัวว่าตัวเองมีการหมั้นหมาย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใดนอกเหนือจากนี้ทว่าบัดนี้นางเป็นอิสระแล้ว ส่วนเขาก็มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่อก่อน มีบางครั้งที่นางเผลอมองนานเกินไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนวันนี้ก็มีอาการหน้าแดง จะไม่ให้เป็นกังวลได้อย่างไร?เคราะห์ดีที่เฉินเยี่ยนซูต้องการแต่งงานกับนางเพื่อให้ช่วยดูแลอาการป่วย ไม่ใช่เพราะพึงใจในตัวนาง มิเช่นนั้น นาง
หรงจือจือสะกดกลั้นความโมโหในใจ ตอนนี้นางได้ลิ้มรสความรู้สึกที่มีเพียงคนตรงไปตรงมาแบบเจาซีที่จะมีได้!หากไม่ใช่เพราะยังมีสติสัมปชัญญะอยู่ มันก็มีอยู่ชั่วพริบตาหนึ่งที่นางอยากไปที่จวนราชเลขาธิการเดี๋ยวนี้ ไปบอกว่าตัวเองยินดีแต่งงานกับเฉินเยี่ยนซู หรงเจียวเจียวจะได้เลิกเห่าเสียทีนางยกยิ้มมุมปากมองหรงเจียวเจียว “ได้ เช่นนั้นข้าจะรอดูวันที่เจ้าได้แต่งเข้าจวนราชเลขาธิการ น้องสามต้องพยายามเข้าล่ะ อย่าได้พลาดเด็ดขาด”นางอยากรู้เหมือนกันว่าหรงเจียวเจียวจะมีสีหน้าเช่นไรเมื่อทราบเรื่องราวทั้งหมดหรงเจียวเจียวแค่นเสียงเบาและวางท่ามั่นอกมั่นใจ “เช่นนั้นเชิญพี่หญิงเบิกตาดูให้ดีได้เลย!”“ถึงเวลานั้นก็อย่าอิจฉาจนร้องไห้ล่ะ ข้าได้ยินว่าบุรุษที่ท่านพ่อหาให้ท่านเป็นแค่เสมียนกรมเล็กๆ นี่ต่างหากที่น่าขัน!”หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “หวังว่าพรุ่งนี้ เจ้าจะยังยิ้มออกนะ”ฟังจากที่เฉินเยี่ยนซูพูด เขาจะมาคุยกับท่านพ่อให้ชัดเจนในวันพรุ่งนี้ หลังจากผ่านพรุ่งนี้ไป หรงเจียวเจียวคงทำหน้าเย่อหยิ่งเช่นนี้ไม่ได้อีกหรงเจียวเจียวมีหรือจะรู้ว่าหรงจือจือคิดอะไรอยู่?นางพูดด้วยความดูถูก “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้จะยิ
ทว่าฮูหยินหลี่กลับไม่รู้วิธีปฏิบัติและกฎของสกุลดังในเมืองหลวงเลย หนำซ้ำตอนนี้ยังคิดว่าตนจัดงานเลี้ยงได้ดีอย่างยิ่งอีกฉีกยิ้มพร้อมกล่าวกับหรงเจียวเจียวว่า “ข้ายังต้องออกไปรับแขก พวกเจ้าเข้าไปเล่นกันก่อน พวกฮูหยิน พวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ จากแต่ละจวนรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น พวกเจ้าไปสนุกกันเองเถอะ”ส่วนพวกผู้ใหญ่ พวกบัณฑิต ย่อมอ่านกวีแต่งบทกลอน พูดคุยเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองอยู่อีกที่หนึ่งอยู่แล้ว ไม่มีทางอยู่รวมกับพวกเด็ก ๆ เหล่านี้งานเลี้ยงเขียนกวีของแคว้นต้าฉี แต่ไหนแต่ไรมาก็จัดเช่นนี้หรงเจียวเจียวฉีกยิ้มหวานพลางตอบกลับ “ท่านป้าไปเถิด พวกข้าจะดูแลตัวเองให้ดีเจ้าค่ะ”ฮูหยินหลี่เรียกหลี่เซียงเหยาบุตรสาวของตนมา “เหยาเหยา เจ้าอยู่เป็นเพื่อนพี่หญิงสามของเจ้าให้ดี อย่าให้คนมาล่วงเกิน จำขึ้นใจหรือยัง?”หลี่เซียงเหยามองหรงจือจือทีหนึ่ง ในตอนนี้ถึงกล่าวว่า “จำเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่”ครั้นสิ้นเสียง ก็เดินฉีกยิ้มไปกอดแขนของหรงเจียวเจียว ทำทีท่าสนิทกันเป็นอย่างมากตอนหลี่เซียงเหยายังไม่มาเมืองหลวง ก็ได้ยินว่าพี่หญิงใหญ่ของตนโดดเด่นอย่างไร ในใจของนางโหยหาเป็นอย่างมากแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อตนมา
เหวินหมัวมัว “นี่...เจ้าค่ะ! บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”นางหวังยังรีบไปกำชับข้างหูนางอีกว่า “ถ้าไม่สะดวกจะเรียกกลับมา ก็อย่าให้พวกนางพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไปเป็นอันขาด”เหวินหมัวมัว “เจ้าค่ะ”นางลุกลี้ลุกลนออกไปจากจวน นางหวังร้อนใจกระวนกระวายดั่งด้ายพันกัน หากไม่ใช่เพราะนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังไว้ทุกข์อยู่ ไม่สะดวกจะไปงานเลี้ยงเขียนกวี นางแทบอยากจะรุดหน้าไปด้วยตัวเองแล้ว...ในขณะนี้ จวนสกุลหลี่จวนสกุลหลี่แม้จะเป็นจวนที่ซื้อมาใหม่ ทว่าในหลายวันนี้ก็ซ่อมแซมอย่างดีไปยกหนึ่ง ฮูหยินหลี่เสียแรงตกแต่งไปอย่างมากครั้นเห็นพวกเด็ก ๆ จากสกุลหรงมาถึงท่านลุง ท่านป้าสะใภ้สกุลหลี่ ก็ฉีกยิ้มออกมารับหน้า “ท่านพี่มีใจแล้วจริง ๆ ถึงให้พวกเจ้ามา นับเป็นเกียรติกับเราจริง ๆ”หรงจือจือในฐานะพี่สาวคนโต ย่อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เป็นสิ่งสมควรเจ้าค่ะ งานเลี้ยงเขียนกวีของจวนท่านป้าสะใภ้ ก็ต้องมาร่วมงานอยู่แล้ว”ฮูหยินหลี่มองนางทีหนึ่ง ทว่าในสายตากลับมีความไม่พอใจอยู่เล็กน้อยหากไม่ใช่เพราะนางหวังส่งจดหมายมา บอกให้นางให้ความร่วมมือพูดฉีกหน้าหรงจือจือสักครา ทำให้ต่อไปนางไม่กล้าทำตัวบ้าคลั่งต่อหน้า
“ครั้งนี้เจ้าจะได้พูดกับนางให้เข้าใจด้วยพอดี ให้นางพิจารณาตัวเองเสีย เหตุใดเป็นลูกสาวของข้าเช่นกัน พี่สาวนางแต่งงานครั้งที่สองแล้ว อัครมหาเสนาบดีเฉินมาสู่ขอแล้ว แต่นางกลับยังทำให้ข้าไม่รู้จะเอาหน้าเหี่ยว ๆ ไปซุกไว้ที่ไหน!”ครั้นนางหวังได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเพียงราวกับบนหน้าตนถูกคนฟาดสองฉาด เจ็บปวดแสบปวดร้อนไปหมดสิ่งเดียวที่เจียวเจียวกับจือจือแตกต่างกัน ก็คือคนหนึ่งตนอบรมสั่งสอนมาเองกับมือ ส่วนอีกคนฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนอบรมสั่งสอนมานี่ไม่เท่ากับกำลังว่าตนสั่งสอนลูกสาวได้ไม่ดีเท่ายายแก่ที่ตายไปแล้วนั่นหรอกหรือ?มหาราชครูหรงพูดจบ ก็ยังกล่าวต่อทั้งสายตาเคร่งขรึมว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าพูดถูก ในเมื่อจะแต่งงานกับท่านเสนาบดี สินเดิมจะน้อยไม่ได้ ไม่รวมกับสินติดตัวเจ้าสาวที่ท่านแม่ให้จือจือในก่อนหน้านี้ เจ้าก็เตรียมเพิ่มให้นางอีกหน่อยแล้วกัน”นางหวังเดือดดาลจนเสียงหาย “ท่านพี่! การแต่งงานดี ๆ ของเจียวเจียวถูกจือจือแย่งไป ท่านยังให้ข้าเตรียมสินเดิมให้จือจือเพิ่มอีก ท่านอยากบีบเจียวเจียวให้ตายหรืออย่างไร?”มหาราชครูหรง “พอได้แล้ว! พูดจาเพ้อเจ้อแย่งงานแต่งอะไรกัน เจ้าอย่าได้พูดอีกเชียวนะ ลูกสาวท
เห็นนางหวังดีอกดีใจ และพูดจามั่นอกมั่นใจเช่นนี้คำพูดที่มหาราชครูหรงอยากจะกล่าว แทบจะติดอยู่ที่คอหอยพูดไม่ออกนางหวังยังพูดเป็นต่อยหอย “ท่านพี่ ข้าว่า เราต้องให้สินเดิมเจียวเจียวเพิ่มอีกหน่อย จะให้น้อยกว่าจือจือไม่ได้ อย่างไรก็แต่งงานกับท่านเสนาบดี จะให้คนดูถูกได้อย่างไร...”มหาราชครูหรงอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ “พอได้แล้ว”นางหวังอึ้งไป ครั้นเห็นว่าสีหน้าของมหาราชครูหรงไม่ดีจริง ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “ท่านพี่ มีอะไรหรือ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”ในตอนนี้มหาราชครูหรงถึงตอบกลับว่า “จับคู่ผิดแล้ว! คนที่อัครมหาเสนาบดีเฉินอยากแต่งงานด้วย ไม่ใช่เจียวเจียว!”นางหวังฉงนไปเลย “ฮะ? ท่านพี่ ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร ไม่ใช่เจียวเจียวแล้วจะเป็นผู้ใดได้? หรือว่าในใต้หล้านี้ยังมีสตรีที่ดีกว่าเจียวเจียวของเราอีกหรือ?”นางหวังยิ่งกล่าว ก็ยิ่งคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ท้ายที่สุดก็คลี่ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ท่านพี่ ท่านพี่กำลังล้อข้าเล่นอยู่ใช่หรือไม่?”มหาราชครูหรงลูบหว่างคิ้วพลางตอบกลับ “ข้าไม่มีทางเอาเรื่องใหญ่เช่นนี้มาล้อเล่นเป็นอันขาด! คนที่ท่านเสนาบดีต้องการคือจือจือ ไม่
เฉินเยี่ยนซูแทบจะเดือดดาลจนโพล่งขำ “เช่นนั้นท่านมหาราชครูเคยคิดหรือไม่ เป็นบุตรสาวของท่านเหมือนกันแท้ ๆ เหตุใดคนหนึ่งไร้เดียงสาใสซื่อได้ แต่อีกคนกลับไม่เข้มแข็งไม่ได้?”“ท่านหญิงก็เป็นเพียงแม่นางน้อยอายุยี่สิบปีผู้หนึ่ง ผ่านการล้มลุกคลุกคลานมามากมายขนาดนี้ ลำบากมามากมายขนาดนี้ มหาราชครูยังคิดจะให้นางเข้มแข็งอย่างไร?”มหาราชครูหรงพูดไม่ออก ได้แต่เอ่ยขึ้นพร้อมเปลี่ยนเรื่องว่า “ที่จริงก็เป็นเพราะข้าหวังดีกับท่านเสนาบดี อย่างไรจือจือก็เคยผ่านการหย่ามาก่อน สู้สตรีบริสุทธิ์อย่างเจียวเจียวได้เสียที่ไหน? นี่ถึงได้...”เฉินเยี่ยนซูพูดแทรกขึ้นมา “ท่านมหาราชครู นายหญิงผู้เฒ่าหรงให้ท่านดูแลท่านหญิงให้ดี ข้าคิดว่าที่เรียกว่าดูแล นอกจากเป็นห่วงในด้านการใช้ชีวิตแล้ว ก็น่าจะมีเรื่องการเคารพในด้านตัวตนด้วย”“ในในของท่านดูถูกท่านหญิงแล้ว คิดว่านางสู้คุณหนูสามของจวนท่านไม่ได้ หรือว่านี่ไม่ใช่ความอัปยศอย่างหนึ่งสำหรับนาง?”“นางก็แค่แต่งงานผิดคน ไม่ได้ทำเรื่องผิดพลาดใหญ่หลวงอะไร ตามที่ข้ารู้ การแต่งงานในตอนแรกนั้นนางไม่ได้เป็นคนเลือกด้วยตัวเอง”“ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่นางเป็นเหยื่อ และยิ่งเป็นค
เฉินเยี่ยนซูราวกับเดือดดาลจนขำ เขาวางจอกชาในมือลง “เยี่ยมจริง ๆ มหาราชครูหรงยกบุตรสาวให้หมั้นหมายกับข้า แล้วก็คิดจะให้นางแต่งงานกับคนอื่นอีกด้วย”“ที่ข้ามาเพราะอยากขอคำอธิบาย มหาราชครูไม่มีเจตนาจะขอโทษไม่พูดถึง แต่ยังจะยัดเยียดบุตรสาวให้ข้าอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้เราไปตัดสินกันต่อหน้าฝ่าบาทเถอะ!”ครั้นมหาราชครูหรงได้ยินเช่นนั้น ก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “จะเรียกว่ายัดเยียดบุตรสาวตามอำเภอใจได้อย่างไร? หรือว่าหากเปลี่ยนเจียวเจียว ท่านเสนาบดีก็ไม่พอใจอีก?”เฉินเยี่ยนซูมองเขาทีหนึ่ง “คนที่ข้าอยากแต่งงานด้วย มีเพียงท่านหญิงแห่งหนานหยางผู้เดียวเท่านั้น”มหาราชครูหรงเริ่มรู้สึกว่า ตนถูกคำของนางหวังหลอกเข้าแล้ว บางทีผู้ที่เฉินเยี่ยนซูต้องการตั้งแต่ต้นจนจบ ล้วนเป็นสตรีที่เขาชื่นชม แต่มิใช่สตรีที่มุ่งแต่จะแต่งงานกับเขามหาราชครูหรงที่รู้สึกว่าตนคล้ายตัวตลก ฉีกยิ้มอย่างขมขื่นออกมาทีหนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว”เฉินเยี่ยนซูเอ่ยถามขึ้นว่า “ในเมื่อเข้าใจแล้ว คิดว่าท่านพ่อตาก็คงจะไม่ถอนหมั้นใช่หรือไม่?”การเรียกท่านพ่อตานี้ แสดงถึงความเคารพออกมาอีกสองสามส่วน ทำให้ในใจของมหาราช
เขาจงใจพูดไล่หลังหรงจือจือด้วยเสียงดังเพื่อให้นางได้ยินหรงเจียวเจียวหน้าแดงด้วยความเขินอายโดยพลัน นางกระทืบเท้าว่า “ท่านพี่!”แต่หรงจือจือราวกับไม่ได้ยินที่เขาพูด นางไม่แม้แต่จะหันมามองนี่ทำให้หรงซื่อเจ๋อโมโหหนักกว่าเดิม เขากัดฟันว่า “นางมีนิสัยแบบนี้ ไม่แปลกเลยที่สกุลฉีจะรังเกียจ! คงมีแต่ต้องแต่งงานไปอยู่ตระกูลเล็กๆ และพึ่งพาการปกป้องจากท่านพ่อไปจนตาย ข้ารู้สึกสงสารว่าที่พี่เขยในอนาคตด้วยซ้ำ!”แต่พูดถึงตรงนี้ หรงซื่อเจ๋อก็ต้องสำลักคำพูดตัวเองนั่นเพราะนึกถึงเรื่องที่หรงจือจือบอกให้เขาแต่งงานไปอยู่สกุลฉีเมื่อคราก่อน หากนางได้ยินว่าเขาสงสารฉีจื่อฟู่ เกรงว่าคงพูดแบบนั้นให้ตัวเองสะอิดสะเอียนอีก เขารีบปิดปากเงียบหรงเจียวเจียว “พอแล้วๆ ท่านรีบขึ้นรถม้าเถิด! หากไปสาย ท่านพ่อคงตำหนิว่าพวกเราไม่รู้กฎเกณฑ์”หรงซื่อเจ๋อจำใจต้องขึ้นรถม้าเป็นเพราะแผลที่หลังเขายังไม่หายดีและกลัวว่าท่านพ่อจะโบยตีอีกรอบหรอกนะ มิเช่นนั้นเขาจะด่าหรงจือจือชุดใหญ่……รถม้าของพวกเขาเพิ่งจะออกจากสกุลหรงได้ไม่นานรถม้าของจวนราชเลขาธิการก็มาถึงหน้าจวนสกุลหรง มหาราชครูหรงทราบเรื่องแล้วยังคงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอ
หรงจือจือสะกดกลั้นความโมโหในใจ ตอนนี้นางได้ลิ้มรสความรู้สึกที่มีเพียงคนตรงไปตรงมาแบบเจาซีที่จะมีได้!หากไม่ใช่เพราะยังมีสติสัมปชัญญะอยู่ มันก็มีอยู่ชั่วพริบตาหนึ่งที่นางอยากไปที่จวนราชเลขาธิการเดี๋ยวนี้ ไปบอกว่าตัวเองยินดีแต่งงานกับเฉินเยี่ยนซู หรงเจียวเจียวจะได้เลิกเห่าเสียทีนางยกยิ้มมุมปากมองหรงเจียวเจียว “ได้ เช่นนั้นข้าจะรอดูวันที่เจ้าได้แต่งเข้าจวนราชเลขาธิการ น้องสามต้องพยายามเข้าล่ะ อย่าได้พลาดเด็ดขาด”นางอยากรู้เหมือนกันว่าหรงเจียวเจียวจะมีสีหน้าเช่นไรเมื่อทราบเรื่องราวทั้งหมดหรงเจียวเจียวแค่นเสียงเบาและวางท่ามั่นอกมั่นใจ “เช่นนั้นเชิญพี่หญิงเบิกตาดูให้ดีได้เลย!”“ถึงเวลานั้นก็อย่าอิจฉาจนร้องไห้ล่ะ ข้าได้ยินว่าบุรุษที่ท่านพ่อหาให้ท่านเป็นแค่เสมียนกรมเล็กๆ นี่ต่างหากที่น่าขัน!”หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “หวังว่าพรุ่งนี้ เจ้าจะยังยิ้มออกนะ”ฟังจากที่เฉินเยี่ยนซูพูด เขาจะมาคุยกับท่านพ่อให้ชัดเจนในวันพรุ่งนี้ หลังจากผ่านพรุ่งนี้ไป หรงเจียวเจียวคงทำหน้าเย่อหยิ่งเช่นนี้ไม่ได้อีกหรงเจียวเจียวมีหรือจะรู้ว่าหรงจือจือคิดอะไรอยู่?นางพูดด้วยความดูถูก “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้จะยิ
“แต่ราชเลขาธิการเฉินผู้นี้ เขาเป็นคนประเภทที่ข้ารู้สึกชื่นชมตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน ข้ากลัวว่าหากแต่งงานกับเขาจริงๆ เมื่อได้ใช้เวลาร่วมกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ตัวข้าจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ควรมีต่อเขาได้”“ความจริงแล้วเขาเป็นตัวเลือกที่อันตรายสำหรับข้า”“หลังจากที่ท่านย่าจากไป ข้าก็ชอบคิดอยู่เสมอ หากข้าไม่สามารถปกป้องอะไรได้เลย แต่อย่างน้อยก็ต้องปกป้องหัวใจตัวเอง ห้ามให้ผู้ใดมีโอกาสกรีดแทงหัวใจข้าเด็ดขาด ข้าไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายไปกว่านี้”ในการพบกันเมื่อสี่ปีก่อน ความจริงแล้วหรงจือจือเคยตะลึงงันกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของเฉินเยี่ยนซู หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกันสองสามวัน บทสนทนาที่มีร่วมกับเขาก็ทำให้นางประทับใจเช่นกันแต่ตอนนั้นนางรู้ตัวว่าตัวเองมีการหมั้นหมาย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใดนอกเหนือจากนี้ทว่าบัดนี้นางเป็นอิสระแล้ว ส่วนเขาก็มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่อก่อน มีบางครั้งที่นางเผลอมองนานเกินไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนวันนี้ก็มีอาการหน้าแดง จะไม่ให้เป็นกังวลได้อย่างไร?เคราะห์ดีที่เฉินเยี่ยนซูต้องการแต่งงานกับนางเพื่อให้ช่วยดูแลอาการป่วย ไม่ใช่เพราะพึงใจในตัวนาง มิเช่นนั้น นาง