Share

บทที่ 10

Author: ฉินอันอัน
last update Last Updated: 2024-11-19 16:10:40
เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แม่นมจางกำลังจมดิ่งกับห้วงความคิดฟุ้งซ่าน กว่านางจะได้สติรู้ตัวอีกครั้ง ก็มาถึงจวนหย่งผิงโหวแล้ว

ชีเจิ้นเพราะเพิ่งพบเซียวอวิ๋นถิงที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงมาเมื่อสักครู่ ยามนี้ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่มีเวลามาสนใจสวี่อินอินเช่นกัน เพียงแต่เอ่ยปากออกคำสั่งอย่างส่งเดชไปว่า “ไปพบมารดาของเจ้าก่อนเถิด!”

เขาเอ่ยพลางเตรียมจะออกไป สวี่อินอินเองก็ไม่ได้สนใจนัก ยอบกายลง ทำความเคารพต่อชีเจิ้น

นางไม่ทำความเคารพยังดีเสียกว่า ครั้นยอบกายลงแล้ว ชีเจิ้นกลับชะงักฝีเท้าทันที

ไหนว่าอากัปกิริยาท่าทางการทำความเคารพของสวี่อินอินไม่ถูกต้องไม่สมควร

ปัญหาคือตรงนี้ มันถูกต้องตามระเบียบเกินไปแล้วต่างหาก

ท่วงท่าลีลาการยอบกายทำความเคารพของสวี่อินอิน ลื่นไหลดุจสายน้ำและเมฆา หาจุดบกพร่องไม่ได้แม้แต่จุดเดียว

เขาชะงักฝีเท้า “เจ้าเคยเรียนมารยาทมาก่อนหรือ?”

สวี่อินอินส่ายหน้าค่อยๆ ไม่ช้าไม่รีบร้อน เห็นชีเจิ้นขมวดคิ้ว ก็เม้มริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางดูคล้ายขลาดกลัว “ยายคนหนึ่งเคยสอนข้าเจ้าค่ะ”

ยาย?

ชีเจิ้นรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเก่า หมู่บ้านที่สวี่อินอินอาศัยอยู่ หลายปีที่ผ่านมานี้ แม้แต่บัณฑิตขั้นจิ้นซื่อสักคนยังไม่เคยมี ตระกูลใดจะมีความฟุ้งเฟ้อร่ำรวย จนต้องใช้มารยาทประเพณีเหล่านี้กัน?

เขาเกิดความคิดในใจ ก็ถามด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “เป็นยายจากที่ใดหรือ?”

มาแล้ว!

สวี่อินอินเอ่ยคำพูดแก้ต่างที่วนเวียนอยู่ในใจของตนนับไม่ถ้วนออกมา “ข้าต้องเดินทางหลายสิบลี้ไปตัดไม้ทำฟืนเสมอ ด้านบนของภูเขาลูกนั้นมีศาลเจ้าอยู่แห่งหนึ่ง ที่ศาลเจ้ามียายเฒ่าคนหนึ่งบอกว่าต้องชะตาข้ายิ่งนัก จึงสอนข้าอ่านตำราเขียนอักษร…”

บนภูเขา?

ด้านบนภูเขาลูกนั้นที่ห่างจากที่อาศัยของสวี่อินอินมีศาลเจ้าอยู่จริงๆ

หัวใจของชีเจิ้นพลันเต้นอย่างรุนแรง “ยายเฒ่าคนนั้น แซ่เจียงหรือไม่?”

สวี่อินอินเงยศีรษะขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ท่านรู้ได้อย่างไร?”

ชีเจิ้นสูดหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความตกใจ

พินิจมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง สีหน้ายิ่งปรากฏความประหลาดใจหนักขึ้นกว่าเก่า

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยพินิจพิเคราะห์เด็กสาวคนนี้อย่างตั้งใจเลยสักครั้ง กระทั่งยามนี้ได้จ้องมองอย่างละเอียดแล้ว ถึงค้นพบว่า แม้ใช้ชีวิตตรากตรำทำงานหนักในชนบท ทว่าเด็กสาวคนนี้กลับมีผิวผิวพรรณขาวผ่องนุ่มเนียน

คิ้วคางเครื่องหน้าเองก็งดงามละเอียดอ่อน สันจมูกสูงตรง นัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นเปล่งประกายดุจเกลียวคลื่น

แค่คิ้วคางใบหน้าเพียงอย่างเดียว เทียบกับชีจิ่นแล้วก็ไม่มีจุดใดด้อยกว่าเลย

ชีเจิ้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโพล่งขึ้นทันที “ไปกันเถิด ข้าจะไปที่เรือนหลังพร้อมเจ้า”

สวี่อินอินยิ้มเยาะอย่างเงียบเชียบในใจ

ก่อนหน้านี้ยังรีบร้อนจะออกไป บัดนี้กลับร้อนใจจะเดินไปส่งตนเองแล้ว

สิ่งนี้มิใช่เพราะมโนสำนึกของชีเจิ้นถูกค้นพบ มิใช่ความรักของผู้เป็นบิดาถูกกระตุ้น

แต่เป็นเพราะนางจงใจเอ่ยถึงแม่นมเจียงขึ้นมาก็เท่านั้น

นางย่อมรู้ดีว่าท่าทีของชีเจิ้นเปลี่ยนไปด้วยเหตุผลอะไร

เพราะคนที่แม่นมเจียงรับใช้คือองค์หญิงใหญ่ และคนที่กำลังบำเพ็ญเพียรรักษาความสงบในศาลเจ้าแห่งนั้น ก็คือองค์หญิงใหญ่เช่นกัน

เด็กสาวที่ได้รับคำชี้แนะจากคนข้างกายขององค์หญิงใหญ่ ยังไม่เรียกว่ามีคุณค่าอีกหรือ?

เมื่อคิดได้ดังนี้ นางจึงเหลือบสายตาพร้อมรอยยิ้มมองแม่นมจางที่อยู่ด้านหลังปราดหนึ่ง

แม่นมจางถูกสายตาของสวี่อินอินจ้องมองก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาแล้ว

ก่อนหน้านี้คุณหนูใหญ่แสดงท่าทีว่าอยากให้ตนไปพึ่งพิง ทว่าตนเองก็ยังไม่เต็มใจนัก

แต่กระนั้น คุณหนูใหญ่ท่านนี้ช่างสุขุมลุ่มลึกถึงที่สุดจริงๆ!

นางมีขุนเขาใหญ่ให้พึ่งพิงและมีโอกาสดีเช่นนี้ แต่กลับอดทนไม่แพร่งพรายความลับแม้เพียงเสี้ยวเดียวนี้ต่อหน้าพวกแม่นมฮวา

ราวกับว่าคาดคะเนไว้แม่นยำทุกย่างก้าว

โดยซ้อนกลอุบายกำจัดแม่นมฮวาทิ้งไปก่อน จากนั้นค่อยทำให้เป็นเรื่องใหญ่ หนำซ้ำยังบุกไปที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงด้วย…

พิจารณาจากมุมมองในยามนี้แล้ว ที่ไปศาลาว่าการเมืองต้าซิงก็มิใช่จับพลัดจับผลูไป แต่เพราะมั่นใจว่าหากไปที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงแล้ว เรื่องนี้จะไปถึงหูชีเจิ้นไวกว่า…

ชีเจิ้นนำทางสวี่อินอินตรงเข้าไปที่เรือนหลังแล้ว

นางหวังครั้นได้ยินว่าเรื่องนี้ลุกลามใหญ่โตไปถึงฝ่ายขุนนางแล้ว ก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนทุกเสี้ยวขณะ

และขณะเดียวกันภายในใจก็เกิดความไม่พอใจต่อสวี่อินอินขึ้นมาด้วยเช่นกัน

ถูกเลี้ยงมาในชนบทนั่นคือความเลวร้าย ไม่รู้ทั้งสถานการณ์ในราชสำนัก ซ้ำยังไม่รู้จักคำนึงถึงตระกูล

หนนี้ต้องให้ท่านโหวเดินทางไปรับคนกลับเรือนด้วยตนเอง ไม่รู้ว่าจะมีโทสะใดรอคอยอยู่

นางขมวดคิ้วด้วยความวิตกกังวลไม่เป็นสุข

ชีอวิ๋นถิงเบะปากอยู่ด้านข้าง “ท่านแม่ หากส่งนางกลับบ้านนอกไปตั้งแต่ต้น ก็ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวายเช่นนี้แล้ว!”

นางหวังมิได้เปล่งวาจา ทว่าในใจก็ความคิดแบบเดียวกัน

ยั่วโทสะท่านโหวแล้ว ตัวนางเองยังหยาบคายเต็มทน บางทีการส่งตัวนางไปอยู่ที่บ้านนอก นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วก็เป็นไปได้…

ในขณะที่ในใจกำลังครุ่นคิดว่าจะจัดการกับตัวปัญหาผู้นี้อย่างไรดี ผ้าม่านกั้นประตูพลันถูกเปิดออกกะทันหัน

ชีเจิ้นย่ำเท้าเข้ามาก่อนแล้ว

นางหวังและชีอวิ๋นถิงเห็นเขา ต่างพากันหยัดกายขึ้นยืนอย่างร้อนใจ

ยิ่งนางหวังยังคิดว่าชีเจิ้นคงบันดาลโทสะจนไม่พาสวี่อินอินกลับเรือนมาด้วยกันแล้ว

ก็โพล่งขึ้นทันที “ท่านโหว ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า หากรู้แต่แรกคงไม่มีความคิดจะรับนางกลับมา…”

ความจริงในตอนแรกคนทั้งตระกูลต่างเห็นแย้งกับการรับตัวสวี่อินอินกลับมา

นางหวังคิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นลูกแท้ๆ ของตนเอง ถึงได้ตัดสินใจสั่งให้คนไปรับกลับมาเลี้ยงดูก่อน

ใครเล่าจะรู้ว่าเรื่องเหล่านี้จะลุกลามใหญ่โต ความเกลียดชังของนางที่มีต่อเด็กคนนี้ได้ทะลุออกมาจากภายในใจแล้ว

เพียงอึดใจต่อมา สวี่อินอินกลับเดินตามชีเจิ้นเข้ามาจากด้านนอก เมื่อได้ยินวาจานี้ของนางหวังแล้ว ก็ก้มศีรษะลงหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม

คล้ายกับถูกแรงโจมตีมหาศาลปะทะเข้าอย่างจัง

ชีเจิ้นกระแอมออกมาในทันใด “พูดเรื่องอะไร? นางเป็นบุตรีที่เจ้าให้กำเนิด และเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนโหว การกลับมานั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้องสมควรแล้ว!”

......

ในใจนางหวังเกิดคลื่นยักษ์โถมกระหน่ำ

ด้วยความเข้าใจที่นางมีต่อสามี ย่อมรู้อุปนิสัยใจคอของสามีคนนี้ดีที่สุด

ชีเจิ้นถือผลประโยชน์ไว้เป็นสิ่งสูงสุดมาแต่ไหนแต่ไร หากขัดต่อผลประโยชน์ของจวนโหวแล้ว อย่าว่าแต่เจ้าดรุณีที่ไม่เคยเลี้ยงดูผูกพันคนนี้มาก่อนเลย ต่อให้เป็นบุตรชาย หากเขาสั่งลงโทษก็ต้องถูกลงโทษสถานเดียว

หนนี้สวี่อินอินก่อเรื่องโกลาหลวุ่นวายเพียงนี้ขึ้นมาแล้ว ซ้ำร้ายยังเอาเรื่องน่าอับอายไปขายให้เจ้านายสูงสุดของชีเจิ้นอีก

แต่เหตุใดชีเจิ้นถึงพาเด็กคนนี้กลับมาอีก?

มิหนำซ้ำยังยืนยันอย่างตรงไปตรงมาว่าสวี่อินอินมีฐานะเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนโหวด้วย?

สายตาของชีอวิ๋นถิงจ้องมองไปบนตัวสวี่อินอินแล้วพักหนึ่ง

เขาหรี่ตาอย่างจงเกลียดจงชัง เดินเข้าไปเพ่งมองสวี่อินอินพลางเอ่ยว่า “เจ้านี่เอง ทำให้เรื่องของบ่าวรับใช้ในเรือนลุกลามไปถึงฝ่ายขุนนาง คิดจะทำให้ท่านพ่อขายหน้าหรือ?”

สวี่อินอินเงยหน้าขึ้นมองชีอวิ๋นถิง

เกิดมาแล้วสองภพชาติ นางถึงจะมีโอกาสได้มองชีอวิ๋นถิงด้วยสายตาระดับเดียวกัน

และครั้งนี้ นางไร้ซึ่งความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า และตอบกลับอย่างเย็นชา “ใช่”

ชีอวิ๋นถิงหัวเราะเยาะออกมาโดยไม่ซ่อนเร้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอะไร? กลับมาวันเดียว ก็สร้างปัญหาให้ตระกูลแล้ว ทำให้บุพการีขายหน้า เจ้ามันเดนมนุษย์โง่เขลาอกตัญญู!”

ในความทรงจำ เมื่อใดที่ชีอวิ๋นถิงอยู่กับนาง อากัปกิริยาวาจาล้วนเป็นเช่นนี้มาตลอด

ไม่เคยพูดดี มีเพียงสีหน้าเยือกเย็นแข็งกระด้าง

คล้ายว่าหากพูดกับนางมากกว่านี้เพียงคำเดียว จะทำให้เสื่อมเสียเกียรติยศของคุณชายใหญ่แห่งจวนโหว

ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยมีครั้งหนึ่ง ชีจิ่นเคยจงใจพานางไปนั่งตรงที่นั่งประจำของชีอวิ๋นถิงในห้องหนังสือ ตอนนั้นชีอวิ๋นถิงไม่พูดพร่ำทำเพลงก็สั่งให้บ่าวรับใช้ยกเก้าอี้ตัวนั้นไปทิ้งทันที

มิหนำซ้ำยังสั่งให้คนจัดการไปยกน้ำมาราดทำความสะอาดตรงจุดที่นางเคยนั่งด้วย

นางเมื่อตอนอดีตชาติเพี้ยนไปแล้วจริงๆ ที่ปล่อยให้คนเหล่านี้มาย่ำยีศักดิ์ศรีไปมาอยู่ได้

ครั้งนี้ สวี่อินอินไม่ยอมโอนอ่อนตามเขาแล้ว เพียงแต่เหลือบสายตามองเขาด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นใคร?”

ชีอวิ๋นถิงมิเอ่ยวาจา แม่นมจางส่งเสียงเตือนอย่างอกสั่นขวัญแขวน “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ท่านผู้นี้คือคุณชายใหญ่เจ้าค่ะ…”

 

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 11

    สวี่อินอินพลันมุ่นหัวคิ้วและเอ่ยปากตำหนิทันใด “เหลวไหล! แม้ข้าไม่เคยอาศัยในเรือน แต่กระนั้นก็รู้ว่า คุณชายใหญ่ของจวนโหวคือพี่ชายแท้ๆ ของข้า” ชีอวิ๋นถิงชำเลืองสายลงมองนางอย่างเหยียดหยาม ขณะที่กำลังจะค่อนขอดดูแคลน ก็ได้ยินสวี่อินอินเอ่ยเนิบๆ ขึ้นว่า “คุณชายใหญ่จวนโหว หลังจากนี้จะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดมรดก เป็นความหวังของตระกูลในวันข้างหน้า เป็นที่พึ่งพิงของตระกูลในวันข้างหน้า” ชีอวิ๋นถิงผงะไป เด็กสาวบ้านนอกคนนี้ นางกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? มิได้มีเพียงเขาที่อึ้งงันไป แม้กระทั่งชีเจิ้นและนางหวังเองต่างก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าคนอย่างสวี่อินอินจะสามารถกล่าวถ้อยคำที่มีเหตุผลมีหลักการเช่นนี้ออกมาได้ ฉับพลันทันใดนั้น สวี่อินอินก็ไล่สายตาพินิจมองชีอวิ๋นถิงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ารอบหนึ่ง ความเกลียดชังและความดูหมิ่นดูแคลนในสายตานั้นไม่มีซ่อนเร้นเช่นเดียวกัน “เขาใจดำต่ำช้า ไร้ซึ่งกลิ่นอายของบุตรหลานชนชั้นสูงผู้ทรงเกียรติยศ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีจิตใจเมตตาของพี่ชายคนโต จะเป็นพี่ชายของข้าไปได้อย่างไร?” สามหาว! ชีอวิ๋นถิงสบถด่าในใจ ชี้ปลายจมูกของสวี่อิ

    Last Updated : 2024-11-19
  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 12

    ภายในหนึ่งวันมีร้อยพันเรื่องราวเกิดขึ้น สมองของนางหวังอื้ออึงด้วยเสียงหึ่งๆ แล้ว จนกระทั่งชีเจิ้นหันไปตำหนิชีอวิ๋นถิงอีกครั้ง บังคับให้เขาเอ่ยปากขอโทษสวี่อินอิน สีหน้าของนางหวังถึงจะฉายแววเคร่งขรึมขึ้นมา เป็นสามีภรรยากับชีเจิ้นมานานหลายปี นางย่อมรู้อุปนิสัยใจคอของสามีตนเองดี ถึงขึ้นออกปากปกป้องสวี่อินอินเพียงนี้ ก็ชัดเจนแล้วว่าบุตรีคนนี้ได้การยอมรับจากชีเจิ้นแล้ว ชีเจิ้นให้ความสำคัญ และนี่ยังเป็นบุตรีที่ตนเองให้กำเนิดด้วยแล้ว แม้ก่อนหน้านี้จะเป็นกังวลว่าเด็กสาวคนนี้มิใช่คนฉลาดเฉลียว แต่ยามนี้นางหวังก็ไม่รังเกียจเดียดฉันท์แล้ว นางมองสวี่อินอินอย่างอ่อนโยน “เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?” น่าขำสิ้นดี หากว่าตระกูลชีให้คุณค่านางบ้างสักเสี้ยวหนึ่ง หรือรู้สึกสงสารรู้สึกสำนึกผิดต่อนางบ้างสักเสี้ยวหนึ่ง อย่างน้อยก็คงไม่ถึงขั้นไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของนาง สวี่อินอินเงยหน้ามองนางหวัง และถามด้วยเสียงราบเรียบ “ในเมื่อข้าคือตัวจริง และคนก่อนหน้าคือตัวปลอม นางมีนามว่าอะไร ข้าก็ควรมีนามว่าแบบนั้น มิใช่หรอกหรือ?” นางหวังผงะไป ในใจพลันปรากฏความไม่พอใจขึ้นมาทันใด ยังรู้สึกลึกๆ ว่าสวี่อินอินไม่คู

    Last Updated : 2024-11-19
  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 13

    นางหวังยังคงประหลาดใจไม่หาย ก็ได้ยินชีเจิ้นเอ่ยกับนางอีกครั้งว่า “ยังมีอีกสิ่ง นางบ่าวรับใช้อวิ๋นเชวี่ยคนนั้น จัดการส่งตัวนางไปที่เหมืองถ่านหินทางเหนือเสีย” บทลงโทษของบ่าวรับใช้ในทุกตระกูล เบาสุดคือโบยด้วยไม้และหักเงินเดือน หนักกว่านั้นหน่อย ก็คือการขายทาสออกไป และที่หนักที่สุด หนีไม่พ้นถูกส่งตัวไปที่เหมืองถ่านหิน สตรีตัวคนเดียว ไหล่แบกไม่ไหวมือยกไม่ขึ้น ไปอยู่ที่นั่นแล้วจะทำอะไรได้ ไม่ต้องให้อธิบายก็เห็นภาพชัดเจนอยู่แล้ว นางหวังอึดอัดเกินทน “ท่านโหว พวกนางต้องเหิมเกริมกระทำผิดด้วยตนเองแน่นอนเจ้าค่ะ ไม่ใช่ความคิดของจิ่นเอ๋อร์อย่างเด็ดขาด ข้าเลี้ยงจิ่นเอ๋อร์มากับมือ ข้าเชื่อใจนาง” จะเชื่อใจหรือไม่เชื่อใจ ชีเจิ้นไม่สนใจแม้แต่น้อย ทำเพียงเอ่ยอย่างเยือกเย็นออกมา “ข้ามองเพียงผลลัพธ์ เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น เจ้านายหากควบคุมบ่าวรับใช้ไม่ได้ นั่นถือว่าไร้ความสามารถแล้ว” นางหวังพลันกัดริมฝีปากด้วยความตกใจ อีกด้านหนึ่งชีอวิ๋นถิงเดือดดาลมากถึงขั้นด่ากราดสาปแช่งคนทันทีเมื่อกลับถึงห้อง คนที่ถูกเขาด่ามากที่สุดยังคงเป็นชีหยวนเหมือนเดิม ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดอยากให้เจ้าเด็กเหลือขอคนนี

    Last Updated : 2024-11-19
  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 14

    บุตรีของแม่นมจางมีนามว่าผูเถา ปีนี้วัยเพิ่งครบสิบขวบเต็ม และเพิ่งเข้ามาทำงานรับใช้ในจวนเมื่อปีที่แล้ว เพราะอายุยังน้อย งานที่ต้องทำจึงน้อยตามไปด้วย แค่คอยปรนนิบัติรับใช้งานเบ็ดเตล็ดทั่วไปในเรือนเท่านั้น ได้ยินว่าชีอวิ๋นถิงใช้วาจาโหดเหี้ยมขู่กรรโชก ว่าจะทำให้ชีหยวนทนอยู่ที่เรือนแห่งนี้ต่อไม่ได้ นางรู้สึกไม่สบายใจทันที ชีอวิ๋นถิงเป็นใครหรือ? ก็เป็นคุณชายใหญ่ไงเล่า! และเป็นว่าที่เจ้าของจวนในอนาคต หากทำให้เขาไม่พอใจ สักวันต้องไม่เหลือที่ยืนในจวนแห่งนี้จริงๆ แน่ เดิมที เห็นชีหยวนเจ้าเล่ห์เก่งกาจเพียงนี้ แม่นมจางรู้สึกตื่นเต้นดีใจอยู่บ้าง คิดว่าชั่วดีอย่างไรท่านโหวก็เป็นคนมารับตัวนางกลับไปด้วยตนเอง และยังให้ความสำคัญกับนางมากถึงเพียงนี้ด้วย ไม่แน่ว่าคุณหนูใหญ่อาจจะยังพอมีที่ยืนอย่างมั่นคงในจวนนี้ได้จริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การไปทำงานเป็นแม่นมเคียงกายคุณหนูใหญ่ จริงๆ แล้วก็นับว่าเป็นหนทางที่ไม่เลวร้ายเลย แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่า ท่าทีโต้ตอบของชีอวิ๋นถิงจะรุนแรงเพียงนี้ แต่เมื่อพินิจพิจารณาให้ละเอียดแล้วนางก็เข้าใจ ความผูกพันระหว่างชีอวิ๋นถิงและชีจิ่นล้ำลึกแน่นแฟ้นมาตั้งแต่เยา

    Last Updated : 2024-11-19
  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 15

    ชีหยวนไม่คิดเข้าข้างตัวเองอยู่แล้วว่าแม่นมจางได้กลับไปทำความเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้วว่า เลือกอยู่ฝั่งตนเองจะมีอนาคตมากกว่า ถึงได้ตัดสินใจทิ้งความมืดมิดไปและหวนกลับสู่ความสว่างเช่นนี้นางคิดแต่เพียงว่า การที่ออกไปและกลับเข้ามาใหม่ด้วยความคิดที่เปลี่ยนไปแล้ว ต้องมีเหตุผลอื่นอยู่แน่ ภายในจวนนี้ ใครเล่าจะสามารถทำให้แม่นมจางเปลี่ยนความคิดได้ง่ายดายเพียงนี้ และยอมมาปรนนิบัติรับใช้เคียงกายนางด้วยความยินดีปรีดาเช่นนี้อีก? ชีเจิ้นไม่มีทางสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้เด็ดขาด นางหวังก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะสำหรับนางหวังแล้ว บุตรีอย่างนางมิได้ดำรงอยู่ในสายตามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เช่นนั้นแล้ว คนที่เหลืออยู่ นับด้วยนิ้วมือก็เหลือเฟือแล้ว ชีหยวนครุ่นคิดอะไรในใจอยู่เพลินๆ พลางมองแม่นมจางวางมาดจัดแจงเลือกบ่าวรับใช้อย่างเต็มที่ นางกวาดตามองปราดหนึ่งแล้ว บุคคลที่แม่นมจางเลือกมาล้วนแต่เป็นคนที่เขียนว่ามีความสามารถไว้บนหน้าทั้งสิ้น ส่วนคนที่เหลือ ย่อมไม่ต้องการแล้ว เด็กสาวคนหนึ่งอายุราวสิบสองปีรูปร่างผอมแห้งท่าทางน่าสงสาร เห็นว่าสิ้นสุดการคัดเลือกแล้วแต่ตนเองยังตกรอบเหมือนเคย น้ำตาก็ไหลพรากๆ ออ

    Last Updated : 2024-11-19
  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 16

    ไฟในจวนของนางหวังสว่างไสว และทุกที่ล้วนมีการจุดโคมไฟทั้งหมดแล้วแม่นมจางยกผ้าม่านขึ้นให้ชีหยวน แต่ยังไม่ได้อ้อมผ่านฉากกั้น ก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น “ท่านแม่ ผ้าปักซูซิ่ว[footnoteRef:1] เรียนยากจริง ๆ เลยนะเจ้าคะ นิ้วมือของข้าถลอกจนกลายเป็นแผลหมดแล้ว” [1: เป็นรูปแบบการปักผ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมณฑลเจียงซู] เสียงนี้หวานจนเลี่ยนเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของชีหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่ออ้อมผ่านฉากกั้นมา ก็เห็นนางหวังตอนนี้เอนตัวอยู่บนเตียงยาว และด้านข้างมีบุตรสาวที่สวมชุดผ้าโปร่งสีชมพูกำลังยกมือขึ้นให้นางดูอยู่นี่ก็คือชีจิ่นจิ่นที่แปลว่ายอดเยี่ยมงดงาม เมื่อได้ฟังชื่อนี้ ก็ทราบแล้วว่าจวนโหวรักและให้ความสำคัญต่อบุตรสาวคนนี้มากเพียงใดนางหวังยิ้มและมองนิ้วมือทั้งสิบของนางอย่างใจเย็น พลางเอื้อมมือไปจิ้มแก้มของนาง “ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปเป็นซิ่วเหนียง[footnoteRef:2]เสียหน่อย ลองเรียนดูก่อน จะได้รู้วิธีและจดจำไว้ก็พอแล้ว” [2: หญิงที่มีความสามารถด้านการเย็บปักถักร้อย หรือเป็นอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับงานฝีมือ] เมื่อเห็นชีหยวนมา นางหวังก็เก็บรอยยิ้มที่รักใคร่บนใบหน้าลงโดยไม่รู้ตัว และ

    Last Updated : 2024-11-19
  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 17

    ภายในห้องเงียบลง และทุกคนต่างก็ก้มหน้า เพราะกลัวว่าไฟจะลามมาถึงศีรษะของตนเองจู่ ๆ ชีหยวนก็รู้สึกว่าน่าตลกดี นางจึงถามเสียงเบา “ท่านแม่ แค่นี้น้องรองก็หวาดกลัวแล้วหรือเจ้าคะ?”นางหวังตะลึงงันเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”คงเป็นเพราะว่าช่างน่าตลกเหลือเกิน ชีหยวนจึงทนไม่ไหวและขำออกมานางเงยหน้ามองนางหวังช้า ๆ “น้องรองเพียงแค่ฟังเรื่องพวกนี้ ก็หวาดกลัวจนต้องร้องไห้ แต่ข้า ในคืนนั้นได้เห็นการตายของคนขายเนื้อสวี่ด้วยตาตนเอง แถมยังถูกแม่บุญธรรมคุกคามอีก ท่านแม่ ท่านคิดบ้างหรือไม่ ว่าข้าเคยใช้ชีวิตแบบใดมาเจ้าคะ?”นางหวังถูกถามเสียแล้วความจริงวันที่แม่นมจางกลับมา ก็เล่าเรื่องพ่อแม่บุญธรรมของชีหยวนให้ฟังแล้วแต่ตอนนั้น สิ่งที่นางหวังตกใจยิ่งกว่าคือแม่นมฮวาเสียชีวิตแล้ว แถมชีหยวนยังต้องการไปฟ้องร้องที่ศาลอีกกลับลืมเรื่องนี้ไปเลยต่อมาถึงจะนึกออก แต่สิ่งที่คิดมากยิ่งกว่านั้นก็คือ ชีหยวนอาศัยอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมแบบนี้ เกรงว่าอยู่ใกล้สิ่งแวดล้อมแบบใดก็จะเป็นแบบนั้น นิสัยก็อาจจะไม่ได้ดีมากนักส่วนชีหยวนจะใช้ชีวิตอย่างไรเมื่ออยู่ข้างกายสามีภรรยาคู่นั้นนางไม่เคยคิดถึงเลยจริง ๆ เวล

    Last Updated : 2024-11-19
  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 18

    ยัยเด็กบ้าคนนี้ เสแสร้งเก่งจริง ๆ ด้วย!ชีอวิ๋นถิงเหมือนกับวัวกระทิงที่ถูกกระตู้น เมื่อครู่ตอนที่ชีหยวนดึงแขนของเขาทีหนึ่งนั้นก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจถึงขีดสุดแล้วเขาชี้ไปทางชีหยวนพร้อมเอ่ยกับชีเจิ้น “ท่านพ่อ! ท่านควรตรวจสอบนางให้ดี ๆ นะขอรับ นางอยู่ด้านนอกมาสิบกว่าปี ใครจะรู้ว่านิสัยของนางเป็นอย่างไร และเคยคลุกคลีกับผู้ใดอีกบ้าง?”คำพูดนั้นฟังดูแย่มาก เหลือเพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาว่าชีหยวนไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นในทางที่ไม่ดี และสงสัยในสถานะของนางชีจิ่นสูดจมูกเบา ๆ อยู่ด้านข้าง และรับผิดชอบเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ “พี่หญิง ท่าน ท่านคงไม่ได้ต่อสู้เป็นหรอกใช่หรือไม่เจ้าคะ? เมื่อครู่ข้าเห็นแล้วว่าท่านดึงท่านพี่และผลักเขาล้มลงไป...”นางหวังกวาดสายตาด้วยสีหน้าซับซ้อนและสงสัยไปทางชีหยวน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมานี่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นางปลอบใจตนเอง อาจิ่นเป็นแก้วตาดวงใจที่นางเลี้ยงด้วยมือตนเอง ส่วนอวิ๋นถิงก็เป็นบุตรชายคนโตของนาง และเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของนางด้วยแม้ฝ่ามือและหลังมือจะเป็นเลือดเนื้อเหมือนกัน แต่เนื้อที่อยู่บนฝ่ามือและหลังมือก็ยังมีความหนาบางแตกต่างกันชีหยวน

    Last Updated : 2024-11-19

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 100

    ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เกาเจียก็รีบเร่งฝีเท้าเข้ามาปลอบประโลมนางหวัง “ฮูหยิน ไฟด้านหน้าถูกดับลงหมดแล้วเจ้าค่ะ ยามนี้ไม่มีปัญหาใดแล้วเจ้าค่ะ!”ขอบคุณฟ้าดิน!นางหวังพนมมือขึ้นท่องชื่อองค์พระอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็เชิญองค์หญิงใหญ่ให้ไปชมการแสดงงิ้วที่เรือนด้านหน้าองค์หญิงใหญ่มองชีหยวนอย่างอบอุ่น พลางตบหัวของชีหยวนเบาๆ “ช่างเถอะ ข้ามิได้ฟังงิ้วมานานหลายสิบปีแล้ว ยามนี้ ไม่มีความสนใจต่อสิ่งเหล่านั้นอีกแล้ว เมื่อมาเยือนและได้พบกับสาวน้อยผู้นี้แล้ว ก็ให้จบเพียงเท่านี้เถิดนี่หมายความว่าจะจากไปแล้วลู่ฮูหยินเม้มปาก รู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ช่างให้เกียรติยัยเด็กนี่เหลือเกิน ก็ไม่รู้ว่าที่แท้เด็กผู้นี้มีสิ่งใดพิเศษกันแน่หานเยว่เอ๋อร์กลับขมวดคิ้วเบาๆเพลิงไหม้ในครั้งนี้รุนแรงถึงเพียงนี้ องค์หญิงใหญ่กลับไม่ทรงรู้สึกว่า นี่เป็นความอัปมงคลที่ชีหยวนนำพามาเลยหรือ?ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ภรรยาของหลิวจงก็กลับมาจากด้านนอกอีกครั้ง นางกล่าวกับนางหวังเบาๆ ว่า “ฮูหยิน ท่านโหวให้เชิญคุณหนูใหญ่และคุณหนูหานไปทางนั้นสักรอบเจ้าค่ะ”อะไรนะ?นางหวังตกตะลึง มองไปที่หานเยว่เอ๋อร์อย่างไม่คาดคิดอยู่บ้าง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 99

    ไฟที่ไหม้อยู่ในศาลบรรพบุรุษ ทำให้แขกในเรือนส่วนหน้ากว่าครึ่งแสดงความเจตจำนงที่จะไปช่วยไปดับไฟเพราะไม่ว่าอย่างไร เมื่อมาเป็นแขกที่จวนของผู้อื่นแล้วพบเรื่องแบบนี้เข้า จะเอาแต่นั่งเป็นห่วงโดยไม่ทำสิ่งใด ก็ออกจะไม่เหมาะนักทว่า ท่านโหวผู้เฒ่ากับชีเจิ้น จะให้แขกเหรื่อทั้งหลายไปได้อย่างไร?ต่างพากันรีบหยุดพวกเขาไว้ บอกว่าคนจากกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครและหน่วยลาดตระเวนล้วนมากันแล้ว อีกไม่นานก็จะสามารถดับไฟได้แล้วและในความเป็นจริง สิ่งที่ท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นพูดก็ถูกต้องอย่างมาก เพราะหลังจากนั้นไม่นาน กองบัญชาการปัญจทิศรักษานครและหน่วยลาดตระเวน ก็ร่วมมือกันดับไฟลงได้จริงๆทั้งท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้น ล้วนพากันถอนใจอย่างโล่งอกโดยเฉพาะท่านผู้เฒ่าที่ถามออกมาทันทีว่า สถานการณ์เป็นเช่นใดแล้ว? ป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษไม่เป็นไรกระมัง?”หากเกิดสิ่งใดขึ้นมา นั่นก็จะเป็นเรื่องชวนให้หดหู่อย่างแท้จริงชีเจิ้นรีบเชิญผู้บัญชาการของกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครเข้ามา ผลคือ ทันทีที่ใต้เท้าหยวนเข้ามาก็กล่าวว่า “ท่านโหวเพลิงไหม้ของพวกในครั้งนี้ มิได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ”......หมายความว่าอย่างใดก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 98

    แขกคนอื่นๆ ก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไปมา คนละคำสองคำเช่นกัน“นั่นสิ กลับมาหาครอบครัว พิธีรับญาติยังไม่ทันเสร็จ ศาลบรรพบุรุษก็ไหม้ขึ้นมาแล้ว คุณหนูใหญ่ผู้นี้ คงมิใช่สิ่งอัปมงคลอะไรหรอกนะ?”“หรืออาจไปโดนของสกปรกอะไรเข้าก็เป็นได้ ไม่เช่นนั้น จะบังเอิญถึงขนาดนี้ได้อย่างไร”เสียงวิพากษ์วิจารณ์พวกนี้ล้วนเข้าไปถึงหูของนางหวังนางหวังโมโหจนปวดท้อง จึงหันไปถลึงตาใส่ชีหยวนอย่างไม่ปรานีผู้คนต่างกังวลใจ และมีความคิดเห็นมากมาย เวลานี้ สายตาที่สตรีบางคนในกลุ่มนี้มองชีหยวน เริ่มไม่ปกติขึ้นมาแล้วสายตาขององค์หญิงใหญ่ทอดลงบนตัวชีหยวน เมื่อเห็นนางสงบมั่นคง มิได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ก็อดชื่นชมอยู่ในใจก่อนมิได้เรื่องอื่นยังไม่พูดถึง การที่อายุเท่านี้ก็มีความสุขุมใจเย็นเช่นนี้ได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่งนางมองไปยังสาวน้อยที่อยู่เบื้องหน้า ถามนางเบาๆ ว่า “เจ้าไม่กลัวหรือ?”ชีหยวนเงยหน้าขึ้นมามองนางแล้วยิ้มออกมา ในตอนที่นางยิ้มออกมานั้น ดวงตาของนางสุกสกาวราวกับดวงดาว จากนั้น นางก็กะพริบตาอย่างเจ้าเล่ห์ “เมื่อไม่ได้ทำผิดอันใด ย่อมมิกลัวผีร้ายมาเคาะประตู หม่อมฉันไม่กลัวดอกเพคะ”แม่นมเจียงและอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 97

    เหลียนเอ๋อร์ที่เห็นว่าเปลือกหอยมุกที่ประดับอยู่บนหน้าผากของนางเบี้ยว ก็รีบยื่นมือไปจัดให้นาง และเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็หัวเราะตามไปด้วยว่า “คุณหนูท่านก็ช่างจริงๆ เลย คนเขาน่าเวทนาถึงเพียงนั้นแล้ว ท่านยังชมเรื่องสนุกอยู่อีก”หานเยว่เอ๋อร์เลิกคิ้ว “ข้าย่อมได้แต่ชมดูเรื่องสนุกอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นยังจะทำสิ่งใดได้? ในศาลบรรพบุรุษของตระกูลชี ยังมีเหล่าวีรชนที่ร่วมปราบพวกชาวหว่าล่า [1] กับองค์ฮ่องเต้เกาจู่อยู่ด้วย เหอะๆ ไฟกองนี้เมื่อไหม้ขึ้นมา…”ตัวชีอวิ๋นถิงในยามนี้กำลังเหงื่อออกเต็มศีรษะ เขาเพียงขยับบั้นท้ายของตนเล็กน้อย ก็อดไม่ได้ที่จะแยกเขี้ยวยิงฟันด้วยความเจ็บปวดสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติยกน้ำมาเพื่อใส่ยาให้เขาอย่างระมัดระวัง แต่กลับถูกเขายื่นมือไปปัดอ่างจนพลิกคว่ำ แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไสหัวออกไป!”ตอนนี้อารมณ์ของเขาแปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ดังนั้น ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้ายั่วยุเขา สาวใช้จึงรีบเก็บอ่างน้ำแล้วถอยออกไปทันทีชีอวิ๋นถิงสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง ยืนกรานที่จะลงจากเตียงและเขยื้อนกายไปริมหน้าต่าง เมื่อเห็นทางทิศของศาลบรรพบุรุษมีกลุ่มควันหนาทึบลอยขึ้นมา เวียนวนดำมืดอยู่กลางอากาศ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 96

    เดิมคิดว่านางได้ตัดขาดจากเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา [1] ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกียวิสัยแล้วแต่นี่มิใช่ ยังเลี้ยงบุตรสาวไว้อีกคนหนึ่งหรือ?!ชีหยวนไม่รู้ถึงอารมณ์ในตอนนี้ของลู่ฮูหยิน แต่ต่อให้รู้ นางก็ไม่มีทางสนใจนักเมื่อเห็นแม่นมเจียงที่อยู่ข้างกายองค์หญิงใหญ่ ก็บังเกิดความรู้สึกแสบจมูกอยากร้องไห้ขึ้นมา ทำให้นางเกือบอดกลั้นไว้ไม่อยู่แล้วนางคุกเข่าลงเบื้องหน้าองค์หญิงใหญ่ ทำการคารวะอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมสีหน้าขององค์หญิงใหญ่อ่อนโยนลง พยักหน้าพลางประคองนางขึ้นมา “เดิมยังคิดว่าเจ้าเป็นเพียงเด็กสาวชาวชนบทในหมู่บ้านคนหนึ่งจริงๆ คิดไม่ถึงว่า เจ้าจะยังมีโชคชะตาเช่นนี้”แม่นมเจียงที่ยืนอยู่ด้านข้าง กล่าวด้วยรอยยิ้มเอ็นดูและเมตตาว่า “แค่ดูก็รู้ว่าเป็นเด็กสาวที่มีวาสนาเพคะ”นางหวังเกร็งเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใดอยู่บ้างยังคงเป็นฮูหยินรองแห่งตระกูลผู้ที่อยู่ด้านข้าง ที่รีบรับคำว่า “แม้นางจะเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน ทว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคลิกหรือระเบียบมารยาทก็ล้วนไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย พวกเราก็มารู้ในภายหลังเช่นกันว่า นางถึงกับได้รับการแนะนำสั่งสอนจากท่านแม่นมเจียง”แม่นมเจียงอมยิ้ม “ไม่นั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 95

    ตอนนี้ สายตาที่เกาเจียมองชีหยวนล้วนแฝงไปด้วยความนับถือหลายส่วนนี่เป็นเรื่องที่ใครก็คาดไม่ถึงจริงๆ!เป็นความจริงที่ชีหยวนพูดมาตลอดว่า ตนได้รับการอบรมสั่งสอนเรื่องมารยาทจากแม่นมเจียง และยังรู้จักกับองค์หญิงใหญ่ด้วยทว่าในความเป็นจริงนั้น ก็ไม่มีผู้ใดถือเป็นจริงนักก่อนหน้านี้ ที่ลู่ฮูหยินประชดประชันถากถางอยู่ที่เรือนหน้า ก็เพราะคิดว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้และต่อให้สอนสิ่งใดให้ชีหยวนจริง นั่นก็คงเป็นเพราะอยู่ว่างจนเบื่อ ดังนั้นจึงให้คำแนะนำอย่างผิวเผินสองสามประโยค จะไปสั่งสอนชีหยวนจริงๆ ได้อย่างไรแล้วจะใส่ใจต่อชีหยวนจริงๆ ได้อย่างไร?ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการลงจากเขา เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงรับญาติที่ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรด้วยซ้ำด้วย!ในตอนที่เทียบเชิญฉบับนั้นถูกส่งออกไป แม้แต่ชีเจิ้นก็มิได้จริงจังกับมัน!ผู้ใดจะรู้ว่า คนเขาจะมาแล้วจริงๆ!ไม่เพียงสายตาที่เกาเจียมองชีหยวนเปลี่ยนไปในความเป็นจริง ในตอนที่ได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่เสด็จมาถึง แม้แต่ท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นที่กำลังต้อนรับแขกอยู่เรือนฝ่ายหน้าก็สบตากัน ต่างไม่อาจปิดบังความตื่นเต้นที่อยู่ภายในใจสีหน้าของบรรดาแขกเหรื่อ ก็เต็มไปด้

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 94

    แต่เมื่อได้ยินว่า แม้แต่การนอนก็ไม่อาจนอนดีๆ ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกตี นางก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “ใต้หล้าถึงกับมีพ่อแม่ที่ไม่เห็นลูกเป็นมนุษย์เช่นนี้! พวกเขาไม่คู่ควรจะเป็นคนจริงๆ!”ชีหยวนทำเพียงยิ้มเท่านั้น เพราะนางเห็นเหลียนเฉียวที่มีสีหน้าร้อนใจ กำลังชะโงกหัวผลุบโผล่เข้ามาจากนอกศาลาพอดีหัวใจของนางกระตุก เพราะเหลียนเฉียวไปสืบข่าวมา จึงหาข้ออ้างว่าจะไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า รีบออกจากศาลา แล้วถามเหลียนเฉียวว่า “เกิดสิ่งใดขึ้นกัน?”กล่าวจบก็เดินไปที่ทางเดินเส้นเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้าง เช่นนี้คนในศาลาก็จะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกนางพูด และสามารถมองเห็นได้เมื่อมีคนมาด้วยเหลียนเฉียวตื่นตระหนกจนน้ำเสียงสั่นสะท้านเล็กน้อย “คุณหนู คุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่เขาส่งชิงซงไป…”เมื่อเห็นเหลียนเฉียวตกใจจนใบหน้าซีดขาว สีหน้าของชีหยวนก็เคร่งขรึมลงเช่นกันนางยื่นมือไปกดหัวไหล่ของเหลียนเฉียวเบาๆ “เจ้าค่อยๆ พูด ไม่ต้องรีบร้อน”ไม่ง่ายเลย กว่าเหลียนเฉียวจะควบคุมอาการสั่นสะท้านของตนได้ นางเม้มริมฝีปากกระซิบว่า “คุณหนู คุณชายใหญ่เขาให้ชิงซงไปวางเพลิงศาลบรรพบุรุษเจ้าค่ะ!”เผาศาลบรรพบุรุษ?ในใจของชีหยวนเกิดความตกใจขึ้นมา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 93

    องค์หญิงใหญ่มีสถานะสูงส่ง เป็นพระเชษฐภคินีแท้ๆ ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทุกคนต่างรู้ดีว่า ทุกปีฮ่องเต้จะต้องเสด็จไปที่วัด มีอยู่ปีหนึ่งก่อนวันส่งท้ายปีเก่า ยิ่งเสด็จขึ้นเขาไปเชิญองค์หญิงใหญ่กลับวังเพื่อไปอยู่ร่วมกันพร้อมหน้าด้วยพระองค์เองแต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น องค์หญิงใหญ่ก็มิได้ทรงรับปากบุคคลที่ขนาดฮ่องเต้ก็เชิญไม่ได้ แต่บุตรสาวที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ภายนอกของตระกูลชีนับสิบปีกลับเชิญมาได้ แล้วผู้ใดจะเชื่อกัน?ดังนั้น นางย่อมต้องมาชมดูความครึกครื้นอย่างแน่นอนบัดนี้เมื่อได้พบชีหยวน นางยิ่งเลิกคิ้วถามชีหยวนอย่างไม่เกรงใจว่า “ก็อยากถามคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลชีว่า เจ้าขึ้นเขาไปอย่างไร และได้พบองค์หญิงได้อย่างไรกัน? เหตุใดพวกเราจึงไม่มีชะตาวาสนาเช่นนี้บ้าง”สตรีในครอบครัวของขุนนางราชสำนักที่คิดจะไปเสี่ยงโชคดูมีน้อยหรือ?แม้นยอดเขาป๋ายอวิ๋นซานจะไม่อนุญาตให้ขึ้น และอารามที่องค์หญิงใหญ่ทรงประทับอยู่ก็เข้าไปไม่ได้ ทว่าวัดวาอารามที่อยู่รายรอบนั้น ก็แทบจะฮูหยินผู้สูงศักดิ์เหล่านี้เหยียบย่ำจนทุกหนแห่งแล้วนั่นก็เพราะพวกนางอยากลองดูว่า จะหาทางเข้าหาองค์หญิงใหญ่ได้หรือไม่ความเป็นศัตรูของลู่ฮูหยินเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 92

    เหลียนเฉียวรีบรับคำทันทีชีหยวนปฏิบัติต่อข้ารับใช้แตกต่างจากผู้อื่น ดังนั้นตั้งแต่บนลงล่างล้วนเชื่อฟังนางโดยเฉพาะเหลียนเฉียวที่ถือกำเนิดจากบ่าวรับใช้ในตระกูล ยามสืบข่าวในจวน ก็ไม่มีผู้ใดหัวไวกว่านางแล้วแม่นมเสิ่นปรนนิบัติรับใช้ชีหยวนด้วยรอยยิ้ม ขณะเดินทางไปที่เรือนของนางหวังขณะนี้ นางหวังเริ่มรู้สึกประหม่ากังวลขึ้นมาบ้างแล้ว ดังนั้นหนนี้ นางจึงมีความอดทนเพิ่มเป็นพิเศษหลายส่วน นางมองชีหยวนพลางกำชับว่า “อีกครู่เมื่อแขกเหรื่อมาถึงแล้ว ข้าจะต้อนรับแขกสตรีพวกนั้น ส่วนบรรดาพี่น้องสตรีที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้า ก็ต้องให้เจ้าเป็นผู้พาไปเที่ยวเล่นในสวนดอกไม้แล้ว เข้าใจหรือไม่?”ผู้ที่มาร่วมงานเลี้ยงรับญาติ ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายที่มีไมตรีต่อกันดังนั้น ย่อมไม่อาจนั่งเฉย ชมพิธีรับญาติอย่างไร้รสชาติแน่นอนว่าต้องมีการดูงิ้ว รับประทานอาหาร จึงจะถือเป็นท่าทางของการเชิญแขกมางานรับญาติแม้นางหวังจะมิพึงใจในตัวชีหยวน แต่ก็เกรงว่าเรื่องนี้จะเกิดเหตุไม่คาดฝันใดขึ้นมาอีก ถึงเวลานั้น ก็ยากจะอธิบายต่อทางชีเจิ้น ท่านโหวผู้เฒ่า และฮูหยินผู้เฒ่าแล้วชีหยวนก็มิได้ขัดนางหวัง ครั้งนี้ นางรับปาก

DMCA.com Protection Status