Share

บทที่ 11

Author: ฉินอันอัน
สวี่อินอินพลันมุ่นหัวคิ้วและเอ่ยปากตำหนิทันใด “เหลวไหล! แม้ข้าไม่เคยอาศัยในเรือน แต่กระนั้นก็รู้ว่า คุณชายใหญ่ของจวนโหวคือพี่ชายแท้ๆ ของข้า”

ชีอวิ๋นถิงชำเลืองสายลงมองนางอย่างเหยียดหยาม ขณะที่กำลังจะค่อนขอดดูแคลน

ก็ได้ยินสวี่อินอินเอ่ยเนิบๆ ขึ้นว่า “คุณชายใหญ่จวนโหว หลังจากนี้จะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดมรดก เป็นความหวังของตระกูลในวันข้างหน้า เป็นที่พึ่งพิงของตระกูลในวันข้างหน้า”

ชีอวิ๋นถิงผงะไป

เด็กสาวบ้านนอกคนนี้ นางกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร?

มิได้มีเพียงเขาที่อึ้งงันไป แม้กระทั่งชีเจิ้นและนางหวังเองต่างก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน

คิดไม่ถึงว่าคนอย่างสวี่อินอินจะสามารถกล่าวถ้อยคำที่มีเหตุผลมีหลักการเช่นนี้ออกมาได้

ฉับพลันทันใดนั้น สวี่อินอินก็ไล่สายตาพินิจมองชีอวิ๋นถิงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ารอบหนึ่ง ความเกลียดชังและความดูหมิ่นดูแคลนในสายตานั้นไม่มีซ่อนเร้นเช่นเดียวกัน “เขาใจดำต่ำช้า ไร้ซึ่งกลิ่นอายของบุตรหลานชนชั้นสูงผู้ทรงเกียรติยศ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีจิตใจเมตตาของพี่ชายคนโต จะเป็นพี่ชายของข้าไปได้อย่างไร?”

สามหาว! ชีอวิ๋นถิงสบถด่าในใจ ชี้ปลายจมูกของสวี่อินอินพลางแผดเสียงด่าทอออกมา “คิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ถึงบังอาจชี้นิ้ววิจารณ์ข้า?”

นางหวังตัวแข็งไปแล้ว

นางเคยจินตนาการถึงภาพเหตุการณ์เมื่อได้พบเจอบุตรีคนนี้แล้วนับครั้งไม่ถ้วน

เคยคิดว่าอาจจะเป็นเพราะความต่ำต้อย ขี้ขลาด ไม่เคยเจอโลกภายนอกมาก่อน

หรืออาจเป็นเพราะถูกเลี้ยงมาในชนบทขาดการอบรม นางถึงได้มีอุปนิสัยหยาบคายไร้มารยาท

และอาจเป็นไปได้ว่าเพราะความโกรธเกลียดเคียดแค้นในใจทำให้ประพฤติตนไม่ถูกต้องเหมาะสมออกมา

แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เคยคาดคิด นั่นคือบุตรีของตนเองสามารถวิจารณ์คนด้วยถ้อยคำยาวเหยียด ซ้ำร้ายยังรู้จักตอกกลับให้ชีอวิ๋นถิงเงียบปากเป็นใบ้ไปได้ด้วย!

นางดุออกมาด้วยสัญชาตญาณ “สำรวมมารยาทด้วย!”

สวี่อินอินถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เมื่อถอยหลังมาถึงข้างกายชีเจิ้นแล้ว ก็เงยหน้ามองเขาอย่างงุนงง “ท่านพ่อ สิ่งเหล่านี้แม่นมเจียงสอนข้าทั้งสิ้น นางสอนข้าผิดไปอย่างนั้นหรือ?”

อันที่จริงแล้วก่อนหน้านี้ ชีเจิ้นยังเคลือบแคลงว่าแม่นมเจียงคนที่ว่านี้ใช่แม่นมเจียงที่คอยปรนนิบัติรับใช้เคียงกายองค์หญิงใหญ่ท่านนั้นหรือไม่ ทว่ามาถึงยามนี้ ข้อสงสัยเหล่านั้นได้อันตรธานหายไปหมดแล้ว

พำนักอยู่ที่ศาลเจ้าบนภูเขา สามารถสั่งสอนให้สวี่อินอินอ่านตำรารู้อักษรได้แล้ว มิหนำซ้ำยังสั่งสอนให้นางเข้าใจความสัมพันธ์ของตระกูลชนชั้นสูงเหล่านี้ได้อีกด้วย

ที่ใดเล่าจะมีเรื่องบังเอิญเพียงนี้?

เขายิ่งรู้สึกมากขึ้นไปอีกว่าสวี่อินอินเป็นคนมีวาสนาล้ำลึก มีโชคดีมหาศาล

มิเช่นนั้นแล้ว มีหรือจะบังเอิญเช่นนี้? มีหรือที่นางจะได้รับความชมชอบจากแม่นมเจียง มีหรือที่จะทำให้แม่นมเจียงต้องชะตานางเพียงนี้?

และตอนที่บังเอิญเจอจิ้งอ๋องที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงก็ด้วย มีหรือที่นางจะเข้าตาจิ้งอ๋อง?

สวี่อินอินเห็นชีเจิ้นไม่เอ่ยวาจา ก็กัดริมฝีปากเอ่ยอีกครั้ง “แม่นมเจียงบอกข้าว่า เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้วอย่าคิดซ่อนมันไว้ เมื่อใดที่ท่านเห็นลำต้นของต้นไม้ต้นหนึ่งได้เน่าผุแล้ว รากของมันย่อมเปื่อยเน่าไปแล้วเช่นกัน…บ่าวรับใช้อย่างแม่นมฮวา มุ่งร้ายจ้องเอาชีวิตข้า ข้าเกรงว่านางคงมิได้มีใจประสงค์ร้ายแต่เพียงข้า แต่ร้ายแรงกว่านั้น ยังไม่พอใจต่อจวนโหวด้วย…”

นางกระตุกยิ้มหัวเราะยั่วโทสะใส่ชีอวิ๋นถิงอย่างเฉียบคม และเอ่ยต่อ “วันข้างหน้าท่านพี่จะต้องขึ้นเป็นผู้สืบทอดมรดกแล้ว เรื่องแค่นี้เหตุใดยังมองไม่ออก?”

ชีเจิ้นสะเทือนอย่างยิ่ง เขากำลังจะส่ายหน้า ทว่าชีอวิ๋นถิงกลับง้างมือขึ้นฉับพลัน “เจ้าสวะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”

สวี่อินอินเบิกตาโพลงเบี่ยงตัวไปหลบหลังชีเจิ้นทันใด

ชีเจิ้นขัดมือของชีอวิ๋นถิงไว้ทัน มิได้บันดาลโทสะแต่กลับน่าเกรงขาม “เจ้าคิดจะทำอะไร?!”

ชีอวิ๋นถิงโกรธจนคุมสติไม่อยู่แล้ว “ท่านพ่อ ท่านไม่ได้ยินหรือว่านางชั่วช้าสารเลวคนนี้พูดอะไรออกมา? นางกล้าเอ่ยปากตั้งคำถามเรื่องแต่งตั้งผู้สืบทอด ซ้ำยังกล้าวิจารณ์จับผิดข้าอีก! เป็นแค่พวกบ้านนอกเหลือขอ นางคิดว่าเก่งกล้ามาจากที่ใดกัน?”

นางหวังคิดว่าถ้อยคำนี้ไม่ถูกต้อง จึงรีบร้อนห้ามปรามทันที “อวิ๋นถิง สำรวมวาจา!”

แต่ก็สายไปเสียแล้ว

ชีเจิ้นตบหน้าชีอวิ๋นถิงไปฉาดหนึ่งด้วยความโหดเหี้ยมแล้ว

ต่อหน้าต่อตานางหวัง สวี่อินอิน และบ่าวรับใช้อีกหลายคน ชีอวิ๋นถิงที่ถูกตบหน้าเซถลาไปเล็กน้อย

เขากุมใบหน้าตนเองไว้พลางมองไปทางชีเจิ้นด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ “ท่านพ่อ?! ท่านตบข้า?”

นางหวังพุ่งตัวเข้าไปขวางชีเจิ้นอย่างร้อนใจ “ท่านโหว มีอะไรก็พูดกันดีๆ อย่าลงไม้ลงมือกันเลย!”

ชีเจิ้นชี้จมูกชีอวิ๋นถิง แทบจะถามทีละคำ “นางคือบุตรที่เกิดจากข้าและมารดาของเจ้า เกิดร่วมครรภ์มารดาเดียวกับเจ้า เป็นน้องสาวแท้ๆ ของเจ้า เจ้าเรียกนางว่าคนสารเลวชั้นต่ำ เช่นนั้นเจ้าเห็นข้ากับมารดาเจ้าเป็นตัวอะไร?”

สวี่อินอินยิ้มเยาะอย่างเงียบเชียบในใจ

ชีเจิ้นเดือดดาลยิ่งนัก

เขายอมให้บุตรชายบันดาลโทสะ แต่มิได้หมายความว่าเขาจะใส่ใจเป็นห่วงสวี่อินอินมากขึ้น

ความหมายของเขาก็คือ สวี่อินอินพูดถูกต้องแล้ว

คนที่วันข้างหน้าจะต้องเป็นผู้สืบทอดจวนโหว คนที่จะต้องรับสืบทอดจวนโหวแห่งนี้ จะไร้ซึ่งความมุ่งมั่นตั้งใจไม่ว่า แต่เขากลับไม่มีสมองด้วย!

ถ้อยคำเหล่านี้พูดออกมาได้เสียที่ไหน?

คนที่รังเกียจเดียดฉันท์น้องสาวแท้ๆ ของตนเองถึงเพียงนี้ วันข้างหน้าจะทำอะไรสำเร็จได้อย่างนั้นหรือ?

นางหวังเองก็ร้อนรนและโกรธเคือง ไม่คิดไม่ฝันแม้แต่น้อย ว่าสิ่งแรกที่สวี่อินอินกลับมาทำ คือทำให้พี่ชายตนเองถูกตบ

นางรู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้ว “ท่านโหว เป็นความผิดของอวิ๋นถิงจริงแท้เจ้าค่ะ…ท่านได้โปรดระงับโทสะ…”

ชีเจิ้นไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก “ต้องเป็นความผิดของเขาแน่! พวกเจ้าฟังข้าให้ดี! คุณหนูใหญ่ก็คือคุณหนูใหญ่ อีกสองสามวัน ข้าจะไปขอร้องให้ผู้อาวุโสประจำตระกูลเลือกวันมงคล เปิดศาลบรรพบุรุษ เติมชื่อของคุณหนูใหญ่เพิ่มบนผังวงศ์ตระกูล ให้นางรับบรรพบุรุษ กลับคืนสู่ตระกูลเดิม!”

เขาจ้องมองชีอวิ๋นถิงอย่างดุดัน “หลังจากนี้อย่าให้ข้าได้ยินอะไรไม่เข้าหูจากปากเจ้าอีก มิเช่นนั้น ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติของวิถีตระกูล!”

บรรพชนตระกูลชีสร้างฐานะขึ้นจากผลงานทางทหาร วิถีตระกูลของพวกเขานั่นคือการโบยด้วยไม้พลองทหาร มิใช่เรื่องเล่น

ชีอวิ๋นถิงอึ้งงันไป

ไม่เคยแม้แต่คิดฝันว่า ชีเจิ้นจะทุบตีตนเพียงเพื่อสวี่อินอินคนเดียว

และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ชีเจิ้นยังประสงค์จะเปิดศาลบรรพบุรุษให้สวี่อินอินรับบรรพบุรุษ หวนกลับสู่ตระกูลด้วย!

นี่ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?!

ชีเจิ้นกลับไม่มีเวลาว่างพอจะสนใจว่าชีอวิ๋นถิงคิดอย่างไร จ้องมองชีอวิ๋นถิงแล้ว ก็จ้องมองสวี่อินอินที่สุขุมเยือกเย็นและเด็ดขาดเคร่งครัดอีกครั้ง

โทสะในใจคลายลงบ้างแล้ว

เบือนศีรษะกำชับนางหวัง “อินอินกลับมาแล้ว เจ้าจงไปเปิดเรือนให้นาง แล้วค่อยคัดเลือกบ่าวรับใช้ที่เหมาะสมจำนวนหนึ่งส่งไปให้นาง ตอนเย็น ให้ทุกคนมาพร้อมหน้าสังสรรค์ ถือว่าเป็นงานเลี้ยงต้อนรับนางแล้วกัน”

แม้ไม่รู้ว่าชีเจิ้นมีเหตุผลใดถึงให้ความสำคัญกับสวี่อินอินมากเพียงนี้

แต่นางหวังเป็นภรรยาที่ดีและเป็นมารดาที่มีคุณธรรมเสมอมา ยกย่องสามีดุจผืนฟ้า

เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว ก็รับคำทันใด “ท่านโหวโปรดวางใจ สิ่งเหล่านี้ข้าได้ตระเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วเจ้าค่ะ”

นางชะงักไปเล็กน้อย และเหลือบสายตามองสวี่อินอินปราดหนึ่ง “ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่ออกมาจากท้องของข้า เป็นบุตรีที่ข้าให้กำเนิด ข้าจะไม่รักได้อย่างไร?”

ชีเจิ้นฟังพลาง ก็ผงกศีรษะ และเดินไปยังเบื้องหน้าสวี่อินอินอีกครั้ง “กลับเรือนเราแล้ว พำนักอาศัยได้เต็มที่ ขาดเหลือสิ่งใด จงไปหามารดาเจ้า!”

สวี่อินอินน้อมรับคำด้วยเสียงแผ่วเบา

นางทำแน่

ไม่ว่าจะเหลือสิ่งใดขาดสิ่งใด นางจะทวงทุกสิ่งจากนางหวัง ชีอวิ๋นถิง รวมถึงชีจิ่นที่เอาแต่หลบอยู่ด้านหลังมาตลอดคืนกลับมาแน่

แม่นมจางบัดนี้ตะลึงงันอ้าปากค้างไปแล้ว!

คุณหนูใหญ่ท่านนี้ นางช่างกล้าหาญและมีฝีมือมากจริงๆ!

กลับมาได้วันเดียวก็ทำให้ท่านโหวลงมือตบหน้าคุณชายใหญ่ได้แล้ว!

องค์ชายใหญ่เดือดดาลจนจะกลายร่างเป็นตัวอะไรไปแล้ว?

ชีอวิ๋นถิงโกรธจนคุมสติไม่อยู่แล้วจริงๆ เขาไม่เคยนึกไม่เคยฝัน ว่าตนเองจะถูกสวี่อินอินคนที่ตนเองดูหมิ่นดูแคลนมาตลอด ทำให้ขายหน้าได้ถึงเพียงนี้!

สวี่อินอินนางเด็กเหลือขอ!

สักวันเขาจะหาโอกาสสังหารเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ให้ได้ นางจะได้รับรู้ถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตของตนเอง!

ส่วนสวี่อินอินบัดนี้ นางกำลังยิ้มเยาะให้ชีอวิ๋นถิงอย่างเงียบเชียบ

 
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Waranya Chaiwan
สนุกมากๆๆๆๆๆฟฟฟฟๆ
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
อ่านไปอ่านมานึกว่า กำลังอ่านเรื่องเวินซื่อ เวินซื่อ=อินอิน
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 12

    ภายในหนึ่งวันมีร้อยพันเรื่องราวเกิดขึ้น สมองของนางหวังอื้ออึงด้วยเสียงหึ่งๆ แล้ว จนกระทั่งชีเจิ้นหันไปตำหนิชีอวิ๋นถิงอีกครั้ง บังคับให้เขาเอ่ยปากขอโทษสวี่อินอิน สีหน้าของนางหวังถึงจะฉายแววเคร่งขรึมขึ้นมา เป็นสามีภรรยากับชีเจิ้นมานานหลายปี นางย่อมรู้อุปนิสัยใจคอของสามีตนเองดี ถึงขึ้นออกปากปกป้องสวี่อินอินเพียงนี้ ก็ชัดเจนแล้วว่าบุตรีคนนี้ได้การยอมรับจากชีเจิ้นแล้ว ชีเจิ้นให้ความสำคัญ และนี่ยังเป็นบุตรีที่ตนเองให้กำเนิดด้วยแล้ว แม้ก่อนหน้านี้จะเป็นกังวลว่าเด็กสาวคนนี้มิใช่คนฉลาดเฉลียว แต่ยามนี้นางหวังก็ไม่รังเกียจเดียดฉันท์แล้ว นางมองสวี่อินอินอย่างอ่อนโยน “เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?” น่าขำสิ้นดี หากว่าตระกูลชีให้คุณค่านางบ้างสักเสี้ยวหนึ่ง หรือรู้สึกสงสารรู้สึกสำนึกผิดต่อนางบ้างสักเสี้ยวหนึ่ง อย่างน้อยก็คงไม่ถึงขั้นไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของนาง สวี่อินอินเงยหน้ามองนางหวัง และถามด้วยเสียงราบเรียบ “ในเมื่อข้าคือตัวจริง และคนก่อนหน้าคือตัวปลอม นางมีนามว่าอะไร ข้าก็ควรมีนามว่าแบบนั้น มิใช่หรอกหรือ?” นางหวังผงะไป ในใจพลันปรากฏความไม่พอใจขึ้นมาทันใด ยังรู้สึกลึกๆ ว่าสวี่อินอินไม่คู

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 13

    นางหวังยังคงประหลาดใจไม่หาย ก็ได้ยินชีเจิ้นเอ่ยกับนางอีกครั้งว่า “ยังมีอีกสิ่ง นางบ่าวรับใช้อวิ๋นเชวี่ยคนนั้น จัดการส่งตัวนางไปที่เหมืองถ่านหินทางเหนือเสีย” บทลงโทษของบ่าวรับใช้ในทุกตระกูล เบาสุดคือโบยด้วยไม้และหักเงินเดือน หนักกว่านั้นหน่อย ก็คือการขายทาสออกไป และที่หนักที่สุด หนีไม่พ้นถูกส่งตัวไปที่เหมืองถ่านหิน สตรีตัวคนเดียว ไหล่แบกไม่ไหวมือยกไม่ขึ้น ไปอยู่ที่นั่นแล้วจะทำอะไรได้ ไม่ต้องให้อธิบายก็เห็นภาพชัดเจนอยู่แล้ว นางหวังอึดอัดเกินทน “ท่านโหว พวกนางต้องเหิมเกริมกระทำผิดด้วยตนเองแน่นอนเจ้าค่ะ ไม่ใช่ความคิดของจิ่นเอ๋อร์อย่างเด็ดขาด ข้าเลี้ยงจิ่นเอ๋อร์มากับมือ ข้าเชื่อใจนาง” จะเชื่อใจหรือไม่เชื่อใจ ชีเจิ้นไม่สนใจแม้แต่น้อย ทำเพียงเอ่ยอย่างเยือกเย็นออกมา “ข้ามองเพียงผลลัพธ์ เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น เจ้านายหากควบคุมบ่าวรับใช้ไม่ได้ นั่นถือว่าไร้ความสามารถแล้ว” นางหวังพลันกัดริมฝีปากด้วยความตกใจ อีกด้านหนึ่งชีอวิ๋นถิงเดือดดาลมากถึงขั้นด่ากราดสาปแช่งคนทันทีเมื่อกลับถึงห้อง คนที่ถูกเขาด่ามากที่สุดยังคงเป็นชีหยวนเหมือนเดิม ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดอยากให้เจ้าเด็กเหลือขอคนนี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 14

    บุตรีของแม่นมจางมีนามว่าผูเถา ปีนี้วัยเพิ่งครบสิบขวบเต็ม และเพิ่งเข้ามาทำงานรับใช้ในจวนเมื่อปีที่แล้ว เพราะอายุยังน้อย งานที่ต้องทำจึงน้อยตามไปด้วย แค่คอยปรนนิบัติรับใช้งานเบ็ดเตล็ดทั่วไปในเรือนเท่านั้น ได้ยินว่าชีอวิ๋นถิงใช้วาจาโหดเหี้ยมขู่กรรโชก ว่าจะทำให้ชีหยวนทนอยู่ที่เรือนแห่งนี้ต่อไม่ได้ นางรู้สึกไม่สบายใจทันที ชีอวิ๋นถิงเป็นใครหรือ? ก็เป็นคุณชายใหญ่ไงเล่า! และเป็นว่าที่เจ้าของจวนในอนาคต หากทำให้เขาไม่พอใจ สักวันต้องไม่เหลือที่ยืนในจวนแห่งนี้จริงๆ แน่ เดิมที เห็นชีหยวนเจ้าเล่ห์เก่งกาจเพียงนี้ แม่นมจางรู้สึกตื่นเต้นดีใจอยู่บ้าง คิดว่าชั่วดีอย่างไรท่านโหวก็เป็นคนมารับตัวนางกลับไปด้วยตนเอง และยังให้ความสำคัญกับนางมากถึงเพียงนี้ด้วย ไม่แน่ว่าคุณหนูใหญ่อาจจะยังพอมีที่ยืนอย่างมั่นคงในจวนนี้ได้จริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การไปทำงานเป็นแม่นมเคียงกายคุณหนูใหญ่ จริงๆ แล้วก็นับว่าเป็นหนทางที่ไม่เลวร้ายเลย แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่า ท่าทีโต้ตอบของชีอวิ๋นถิงจะรุนแรงเพียงนี้ แต่เมื่อพินิจพิจารณาให้ละเอียดแล้วนางก็เข้าใจ ความผูกพันระหว่างชีอวิ๋นถิงและชีจิ่นล้ำลึกแน่นแฟ้นมาตั้งแต่เยา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 15

    ชีหยวนไม่คิดเข้าข้างตัวเองอยู่แล้วว่าแม่นมจางได้กลับไปทำความเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้วว่า เลือกอยู่ฝั่งตนเองจะมีอนาคตมากกว่า ถึงได้ตัดสินใจทิ้งความมืดมิดไปและหวนกลับสู่ความสว่างเช่นนี้นางคิดแต่เพียงว่า การที่ออกไปและกลับเข้ามาใหม่ด้วยความคิดที่เปลี่ยนไปแล้ว ต้องมีเหตุผลอื่นอยู่แน่ ภายในจวนนี้ ใครเล่าจะสามารถทำให้แม่นมจางเปลี่ยนความคิดได้ง่ายดายเพียงนี้ และยอมมาปรนนิบัติรับใช้เคียงกายนางด้วยความยินดีปรีดาเช่นนี้อีก? ชีเจิ้นไม่มีทางสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้เด็ดขาด นางหวังก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะสำหรับนางหวังแล้ว บุตรีอย่างนางมิได้ดำรงอยู่ในสายตามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เช่นนั้นแล้ว คนที่เหลืออยู่ นับด้วยนิ้วมือก็เหลือเฟือแล้ว ชีหยวนครุ่นคิดอะไรในใจอยู่เพลินๆ พลางมองแม่นมจางวางมาดจัดแจงเลือกบ่าวรับใช้อย่างเต็มที่ นางกวาดตามองปราดหนึ่งแล้ว บุคคลที่แม่นมจางเลือกมาล้วนแต่เป็นคนที่เขียนว่ามีความสามารถไว้บนหน้าทั้งสิ้น ส่วนคนที่เหลือ ย่อมไม่ต้องการแล้ว เด็กสาวคนหนึ่งอายุราวสิบสองปีรูปร่างผอมแห้งท่าทางน่าสงสาร เห็นว่าสิ้นสุดการคัดเลือกแล้วแต่ตนเองยังตกรอบเหมือนเคย น้ำตาก็ไหลพรากๆ ออ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 16

    ไฟในจวนของนางหวังสว่างไสว และทุกที่ล้วนมีการจุดโคมไฟทั้งหมดแล้วแม่นมจางยกผ้าม่านขึ้นให้ชีหยวน แต่ยังไม่ได้อ้อมผ่านฉากกั้น ก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น “ท่านแม่ ผ้าปักซูซิ่ว[footnoteRef:1] เรียนยากจริง ๆ เลยนะเจ้าคะ นิ้วมือของข้าถลอกจนกลายเป็นแผลหมดแล้ว” [1: เป็นรูปแบบการปักผ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมณฑลเจียงซู] เสียงนี้หวานจนเลี่ยนเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของชีหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่ออ้อมผ่านฉากกั้นมา ก็เห็นนางหวังตอนนี้เอนตัวอยู่บนเตียงยาว และด้านข้างมีบุตรสาวที่สวมชุดผ้าโปร่งสีชมพูกำลังยกมือขึ้นให้นางดูอยู่นี่ก็คือชีจิ่นจิ่นที่แปลว่ายอดเยี่ยมงดงาม เมื่อได้ฟังชื่อนี้ ก็ทราบแล้วว่าจวนโหวรักและให้ความสำคัญต่อบุตรสาวคนนี้มากเพียงใดนางหวังยิ้มและมองนิ้วมือทั้งสิบของนางอย่างใจเย็น พลางเอื้อมมือไปจิ้มแก้มของนาง “ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปเป็นซิ่วเหนียง[footnoteRef:2]เสียหน่อย ลองเรียนดูก่อน จะได้รู้วิธีและจดจำไว้ก็พอแล้ว” [2: หญิงที่มีความสามารถด้านการเย็บปักถักร้อย หรือเป็นอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับงานฝีมือ] เมื่อเห็นชีหยวนมา นางหวังก็เก็บรอยยิ้มที่รักใคร่บนใบหน้าลงโดยไม่รู้ตัว และ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 17

    ภายในห้องเงียบลง และทุกคนต่างก็ก้มหน้า เพราะกลัวว่าไฟจะลามมาถึงศีรษะของตนเองจู่ ๆ ชีหยวนก็รู้สึกว่าน่าตลกดี นางจึงถามเสียงเบา “ท่านแม่ แค่นี้น้องรองก็หวาดกลัวแล้วหรือเจ้าคะ?”นางหวังตะลึงงันเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”คงเป็นเพราะว่าช่างน่าตลกเหลือเกิน ชีหยวนจึงทนไม่ไหวและขำออกมานางเงยหน้ามองนางหวังช้า ๆ “น้องรองเพียงแค่ฟังเรื่องพวกนี้ ก็หวาดกลัวจนต้องร้องไห้ แต่ข้า ในคืนนั้นได้เห็นการตายของคนขายเนื้อสวี่ด้วยตาตนเอง แถมยังถูกแม่บุญธรรมคุกคามอีก ท่านแม่ ท่านคิดบ้างหรือไม่ ว่าข้าเคยใช้ชีวิตแบบใดมาเจ้าคะ?”นางหวังถูกถามเสียแล้วความจริงวันที่แม่นมจางกลับมา ก็เล่าเรื่องพ่อแม่บุญธรรมของชีหยวนให้ฟังแล้วแต่ตอนนั้น สิ่งที่นางหวังตกใจยิ่งกว่าคือแม่นมฮวาเสียชีวิตแล้ว แถมชีหยวนยังต้องการไปฟ้องร้องที่ศาลอีกกลับลืมเรื่องนี้ไปเลยต่อมาถึงจะนึกออก แต่สิ่งที่คิดมากยิ่งกว่านั้นก็คือ ชีหยวนอาศัยอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมแบบนี้ เกรงว่าอยู่ใกล้สิ่งแวดล้อมแบบใดก็จะเป็นแบบนั้น นิสัยก็อาจจะไม่ได้ดีมากนักส่วนชีหยวนจะใช้ชีวิตอย่างไรเมื่ออยู่ข้างกายสามีภรรยาคู่นั้นนางไม่เคยคิดถึงเลยจริง ๆ เวล

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 18

    ยัยเด็กบ้าคนนี้ เสแสร้งเก่งจริง ๆ ด้วย!ชีอวิ๋นถิงเหมือนกับวัวกระทิงที่ถูกกระตู้น เมื่อครู่ตอนที่ชีหยวนดึงแขนของเขาทีหนึ่งนั้นก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจถึงขีดสุดแล้วเขาชี้ไปทางชีหยวนพร้อมเอ่ยกับชีเจิ้น “ท่านพ่อ! ท่านควรตรวจสอบนางให้ดี ๆ นะขอรับ นางอยู่ด้านนอกมาสิบกว่าปี ใครจะรู้ว่านิสัยของนางเป็นอย่างไร และเคยคลุกคลีกับผู้ใดอีกบ้าง?”คำพูดนั้นฟังดูแย่มาก เหลือเพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาว่าชีหยวนไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นในทางที่ไม่ดี และสงสัยในสถานะของนางชีจิ่นสูดจมูกเบา ๆ อยู่ด้านข้าง และรับผิดชอบเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ “พี่หญิง ท่าน ท่านคงไม่ได้ต่อสู้เป็นหรอกใช่หรือไม่เจ้าคะ? เมื่อครู่ข้าเห็นแล้วว่าท่านดึงท่านพี่และผลักเขาล้มลงไป...”นางหวังกวาดสายตาด้วยสีหน้าซับซ้อนและสงสัยไปทางชีหยวน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมานี่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นางปลอบใจตนเอง อาจิ่นเป็นแก้วตาดวงใจที่นางเลี้ยงด้วยมือตนเอง ส่วนอวิ๋นถิงก็เป็นบุตรชายคนโตของนาง และเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของนางด้วยแม้ฝ่ามือและหลังมือจะเป็นเลือดเนื้อเหมือนกัน แต่เนื้อที่อยู่บนฝ่ามือและหลังมือก็ยังมีความหนาบางแตกต่างกันชีหยวน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 19

    ในงานเลี้ยง ทุกคนต่างรอคอยการปรากฏตัวของชีเจิ้นและภรรยาอย่างอยากรู้อยากเห็นก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินมาคร่าว ๆ ว่าเรือนใหญ่ส่งคนออกไปตามหาใครบางคน และบอกว่าเด็กถูกอุ้มสลับตัวแล้วแต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรกันแน่ กลับรู้ไม่แน่ชัดเท่าใดนักตอนนี้บอกว่าพาเด็กกลับมาแล้ว แถมยังจัดงานเลี้ยงครอบครัวล่วงหน้าเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกัน และเมื่อถึงเวลาค่อยคืนสู่ตระกูล ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาจึงถูกกระตุ้นขึ้นสีหน้าของนางหวังยังคงตึงเครียดเล็กน้อยนางคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่านิสัยของบุตรสาวคนนี้จะเป็นเช่นนี้ได้แม้จะไม่หยาบคาย แต่กลับดูเย็นชาทำให้คนอื่นยากจะผูกมิตร และก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดีแถมยังเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอีกชีอวิ๋นถิงแค่หยอกล้อกับนางเล็กน้อย แต่นางกลับไม่ยอมอ่อนข้อ และจ้องมองชีอวิ๋นถิงได้รับโทษด้วยสายตาที่เย็นชา ราวกับนั่นไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของตนเองอีกนางรู้สึกโกรธในใจ เมื่อเห็นฮูหยินรองและฮูหยินสาม สีหน้าจึงดูไม่เป็นธรรมชาติมากนักกลับเป็นฮูหยินรองและฮูหยินสามที่ดูอยากรู้อยากเห็น วิ่งเข้ามาต้อนรับนางด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ใหญ่! นี่ก็คืออาหยวนใช่หรือไม่เจ้าคะ?”เมื่อครู

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 440  

    ทว่าในขณะเดียวกันก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ สวรรค์ยุติธรรมเสมอ ในโลกปัจจุบันนางคือคุณหนูใหญ่ที่ใครต่างก็จับตามอง ทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ ก็ยังเป็นองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดในต้าโจว เห็นไหมล่ะคนชั้นสูงอยู่ที่ไหนก็เป็นคนชั้นสูงอยู่วันยังค่ำ บิดาของนางเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ส่วนมารดาของนางก็เป็นอาจารย์ชั้นพิเศษ นางเคยชินกับการมีแค่พี่เลี้ยงและเงินทองอยู่เป็นเพื่อนมาตั้งแต่ยังเล็กแล้ว จึงเรียนรู้ที่จะพูดแบบคนเมื่ออยู่ต่อหน้าคน และพูดแบบผีเมื่ออยู่ต่อหน้าผีมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีใครจะปิดบังความรู้สึกของตนเองได้เก่งไปมากกว่านางแล้ว ในโลกยุคปัจจุบันนางยังสามารถกลั่นแกล้งพวกปรสิตชั้นต่ำที่ไร้ประโยชน์พวกนั้นให้ตายไปทีละคนได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับโลกยุคโบราณ? นางเป็นถึงองค์หญิงเชียวนะ นางฆ่าคนก็ไม่อะไรต่างจากฆ่ามดปลวกให้ตาย และตอนนี้ก็ถึงคราวของชีหยวนเจ้ามดปลวกตัวนี้แล้ว นางเดาะลิ้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ดูสิ ทั้งที่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่เหมือนกัน อ๋องฉีกลับไม่เอาไหนถึงเพียงนี้ ทว่ากลับกันคนอย่างชีหยวนยังสามารถก่อเมฆลมปลุกปั่นสถานการณ์ได้เลย แต่ว่า ถึงจะเป็นเช

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 439  

    ฮ่องเต้หย่งชางแทบจะหมดหนทางกับธิดาพระองค์นี้ของตนจริง ๆ หลังจากส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาก็ตระหนักถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ว่า: “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับที่เจ้ากล่าวถึงชีหยวนคนนั้นขึ้นมาหรือ?” สองคนที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งคือจันทรากระจ่างบนฟากฟ้ามิอาจแตะต้อง ส่วนอีกคนเป็นแค่ดอกหญ้าทั่วไปบนพื้นดินที่จะเอื้อมมือไปเด็ดเมื่อใดก็ได้ ชีหยวนมีความพิเศษอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้คนอย่างเป่าหรงจดจำได้ องค์หญิงเป่าหรงเม้มปาก ดูคล้ายว่ากำลังงุนงงสับสน และก็คล้ายว่ามีความสงสัยใคร่รู้อยู่ในที นางลืมตากว้างด้วยดวงตาที่ไร้เดียงสา เม้มริมฝีปากพลางมองฮ่องเต้หย่งชางและกล่าวว่า: “เสด็จพ่อ ลูกจำนางได้ มิใช่เพราะตัวนาง แต่เป็นเพราะเสด็จป้าองค์หญิงใหญ่และอวิ๋นถิง” เอ่ยถึงเรื่องนี้ สีพระพักตร์ของฮ่องเต้หย่งชางมืดครึ้มลง ก่อนจะเปล่งเสียงโอ้ออกมาเพียงหนึ่งคำ และถามอย่างคลุมเครือ: “พวกเขามีความเกี่ยวข้องอันใดกันหรือ?” “เสด็จพ่อไม่ทราบหรือเพคะ? ตอนที่คุณหนูใหญ่สกุลชีท่านนี้เพิ่งกลับมาจากบ้านในชนบท คนในตระกูลของพวกเขาต่างไม่โปรดปรานนางเลยสักคน จนสุดท้ายในตอนที่จัดงานเลี้ยงรับญาติ ก็มีพระปิตุจฉาองค์หญิง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 438  

    สถานการณ์ในตอนนี้ พระชายาหลิ่วโกรธเกลียดเคียดแค้นทุกคนในสกุลหลิ่ว หากว่าองค์หญิงเป่าหรงและเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยเข้าไปยุ่งด้วย จะไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ? องค์หญิงเป่าหรงผุดยิ้มอย่างลำพองตนในใจ จะว่าไป ความรักของบุรุษอยู่ที่ใด ความลำเอียงย่อมอยู่ที่นั่นด้วย บางทีเขาเองก็อาจจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ ว่าเขามีใจเอนเอียงไปทางเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยรวมถึงบรรดาพระโอรสพระธิดาที่นางให้กำเนิดโดยสมบูรณ์แล้ว ยิ่งเป็นเช่นนี้ องค์หญิงเป่าหรงก็ยิ่งอาศัยจังหวะที่ได้เปรียบโจมตีต่อเนื่อง: “เสด็จพ่อ! ในเมื่อพระองค์ตรัสเองว่า นางเป็นฮองเฮาองค์แรกของท่าน ช้าเร็วอย่างไรนางก็ต้องเสด็จกลับเข้าวัง พวกหม่อมฉันจะหลบหนีไปได้ชั่วชีวิตหรือเพคะ?” ฮ่องเต้หย่งชางเงียบไป องค์หญิงเป่าหรงน้ำตาร่วงเผาะพลางเอ่ยด้วยเสียงเบา: “เสด็จพ่อ ให้พวกหม่อมฉันไปเถิดเพคะ ให้พวกหม่อมฉันไปทูลขอพระราชทานอภัยจากนางเถิดเพคะ หากทุกฝ่ายเปลี่ยนอาวุธเป็นผ้าไหมและเครื่องหยก ไม่ดีหรือเพคะ?” ฮ่องเต้หย่งชางครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำแล้ว ท้ายที่สุดก็ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม แต่กระนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะถามถึงอาการบาดเจ็บของนาง: “อดทนไหวหรือ?” องค์หญิงเป

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 437  

    นางเล่นมีดในมือไปมา ครั้นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่แว่วมาจากด้านนอก ก็เก็บมีดกลับเข้าไปในแขนเสื้ออีกครั้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพลิกกายลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาคู่นั้นพลันส่องประกายสว่างเจิดจ้าขึ้นมาทันที ยามที่เห็นฮ่องเต้หย่งชางเดินเข้ามา นางสะอื้นออกมาเบา ๆ : “เสด็จพ่อ!” ช่างเป็นเด็กดีเสียจริง ฮ่องเต้หย่งชางใจอ่อนยวบลงโดยพลัน เขาทั้งรักและเอ็นดูธิดาพระองค์นี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ธิดาพระองค์นี้ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย เขาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะถามว่า: “เจ็บหรือไม่?” เงียบไปเนิ่นนาน องค์หญิงเป่าหรงน้ำตารื้นพลางเม้มปากแน่นและส่ายศีรษะน้อย ๆ : “ไม่เจ็บเพคะ เสด็จพ่อ ลูกไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียว” แม้ปากบอกว่าไม่เจ็บ ทว่ามือของนางกลับเอื้อมไปกดแผ่นหลังตนเอง เพียงเสี้ยวพริบตาโลหิตสีสดก็ไหลออกมากอีกครั้ง โลหิตหยดลงบนหลังมือของฮ่องเต้หย่งชาง สีหน้าของฮ่องเต้หย่งชางเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะเอ่ยปากดุอย่างอดไม่ได้: “ไม่เจ็บอะไร เจ้าดูสิบาดแผลของเจ้ากลายเป็นอะไรไปแล้ว! เซียวโม่เขาสติไม่สมประกอบตั้งแต่ยังเล็ก เจ้าไม่สามารถปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นคนปกติได้ เหตุใดตอนนั้นเจ้าไม

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 436  

    ชีหยวนแอบเดาะลิ้นในใจ นางย่อมรู้ดีอยู่แล้ว คนที่สามารถเอาตัวรอดจากการถูกตามล่าอย่างหนักหน่วงได้และยังสามารถปกป้องบุตรจนรอดชีวิตมาได้ ต้องไม่ใช่คนที่อ่อนแออย่างเด็ดขาด จริงดังคาด อีกฝ่ายเข้าใจกระจ่างชัดอย่างดี องค์หญิงใหญ่กัดริมฝีปากอย่างอดไม่ไหว: “เช่นนั้น พระเชษฐภคินีทรงพระกันแสงกับเสด็จพี่…” ใครเล่าจะไม่รู้จักร้องไห้! มีแต่พวกเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยเท่านั้นหรือที่รู้จักร่ำไห้! ทว่าทันใดนั้นพระชายาหลิ่วกลับส่งเสียงหัวเราะออกมา นางปรายสายตามององค์หญิงใหญ่อย่างราบเรียบ ใบหน้าแม้ประดับด้วยรอยยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นส่งไปไม่ถึงแววตาแม้แต่น้อย: “คนอื่นยามร่ำไห้คงเหมือนหญิงงามประคองใจ ยามนี้ข้าไปร่ำไห้บ้างคงเป็นได้แค่คนโง่เขลาที่หลับหูหลับตาเลียนแบบอย่างน่ารังเกียจ ไม่สู้ต่างฝ่ายต่างเก็บศักดิ์ศรีไว้ดีกว่า” องค์หญิงใหญ่คิดจะโต้แย้ง แต่ก็หมดหนทางโต้แย้ง ถ้อยคำที่พระชายาหลิ่วเอ่ยออกมาโหดร้ายมากก็จริง ทว่าความโหดร้ายก็คือความจริงของโลกใบนี้ ใช่แล้ว อีกฝ่ายร่ำไห้ดังบุปผาหลี่ต้องสายพิรุณ แต่กับพระชายาหลิ่วที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนจะไปเปรียบเทียบกับนางได้อย่างไร? นางวางตะเกียบลงเสียงดัง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 435  

    เกี๊ยวของทางเหนือและทางใต้ความจริงแล้วแตกต่างกันมาก อย่างน้อยทางใต้ความจริงแล้วก็มิได้นิยมกินเกี๊ยวที่ทำจากที่ทำจากแป้งสาลี ดังนั้นในตอนแรกพระชายาหลิ่วจึงไม่ได้สนใจเกี๊ยวนี้เท่าใดนัก นางเพียงแค่กล่าวขอบคุณต่อชีหยวนอย่างจริงใจ แม้ว่านางจะเข้าใจมานานแล้ว ว่าเหตุผลที่ชีหยวนพยายามอย่างหนักเพื่อตามนางกลับมา และช่วยนางจัดการกับพวกฉู่กั๋วกง จะเป็นเพราะว่าตัวชีหยวนเองก็อยู่ในสถานการณ์เป็นอริศัตรูกับอ๋องฉีอย่างอยู่ร่วมโลกใบเดียวกันไม่ได้ ทว่าเมื่อมาถึงวัยอย่างนางตอนนี้ ก็มิใช่เวลาจะมัวลังเลกับจุดหมายอีกต่อไปแล้ว นางมองเพียงแค่ผลลัพธ์เท่านั้น และผลลัพธ์ก็คือชีหยวนได้ช่วยเหลือนางไว้อย่างมาก นางสามารถคืนสู่เมืองหลวง และกลับเข้าวังได้อย่างสง่าผ่าเผย จากนั้นยังสามารถกำจัดจวนฉู่กั๋วกงที่เคยกดขี่สูบเลือดสูบเนื้อนางและมารดาให้กลับคืนสู่ขุมนรกที่ควรอยู่อีกครั้ง จุดนี้สำคัญกว่าสิ่งใดทั้งปวงแล้ว กระทั่งเกี๊ยวร้อน ๆ ถูกยกมา มันมิได้มีสีขาวเหมือนอย่างเกี๊ยวทั่วไป แต่กลับเป็นสีเหลืองใสเกือบคล้ายอำพันที่มาพร้อมน้ำแกงร้อน ๆ ในชามใหญ่ พระชายาหลิ่วพลันเหลือบมองชีหยวนปราดหนึ่งด้วยความประหลาดใจ ค

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 434  

    จนกระทั่งกลับมาถึงอารามไป๋อวิ๋น หลังจากสั่งให้บ่าวรับใช้ล่าถอยออกไปจนหมด และบอกให้อ๋องโจวไปพักผ่อนแล้ว องค์หญิงใหญ่ถึงจะกำมือพระชายาหลิ่วไว้แน่นพร้อมเอ่ยว่า: “พระเชษฐภคินี จะปล่อยเรื่องไปแบบนี้ไม่ได้เพคะ!” ตำแหน่งฮองเฮาเดิมก็ควรเป็นของพระชายาหลิ่วอยู่ก่อนแล้ว! ตั๊กแตนของเซียวโม่พลันกระโดดออกมาจากกล่อง ทันใดนั้นเขาก็ร้องไห้โวยวายขึ้นมา องค์หญิงใหญ่ผงะไป นางมองพระชายาหลิ่วที่กำลังค้อมตัวลงช่วยเซียวโม่หาตั๊กแตนของเขาอย่างเต็มที่ เสี้ยวขณะนั้นก็รู้สึกจุกแน่นพูดไม่ออก นางคล้ายว่าเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว หลังจากทำให้เซียวโม่สงบลงได้แล้ว พระชายาหลิ่วก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมหัวเราะอย่างขมขื่นให้นาง: “เจ้าดูสิ ข้าจะยังไปแย่งชิงตำแหน่งอะไรได้อีกหรือ?” ตำแหน่งฮองเฮาแต่เดิมควรเป็นของนางก็ไม่ผิด ทว่าบางสิ่งหากพลาดไปแล้วก็คือพลาดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งฮองเฮา หรือหัวใจของฮ่องเต้หย่งชาง ล้วนไม่มีทางจะรอคอยนางอยู่ที่เดิม พูดไปแล้วก็อาจจะฟังดูไม่ยุติธรรมนัก ทว่าบนโลกนี้เรื่องที่ไม่ยุติธรรมนับกันหมดหรือ? องค์หญิงใหญ่เงียบไปเนิ่นนาน ในหัวของนางเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย บางครั้งสิ่งที

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 433  

    เรื่องราวทั้งหมดสิ้นสุดลง งานฉลองปีใหม่ในปีนี้แปลกประหลาดเป็นพิเศษ ภายในวังไม่ต้องพูดถึงก่อน ศพของขันทีและนางข้าหลวงถูกหามออกไปอย่างเงียบเชียบแล้วไม่น้อย ยิ่งจวนฉู่กั๋วกงยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้แต่วันปีใหม่ก็มิอาจทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้เลยสักนิด ไล่เฉิงหลงนำกำลังคน ตรวจค้นจวนฉู่กั๋วกงทั้งสามชั้นในสามชั้นนอกจนทั่วแล้ว พวกบุรุษล้วนถูกจับกุมตัวเข้าคุกหลวงของกรมอาญา ส่วนพวกสตรีแต่ละคนล้วนถูกจับมัดและโยนเข้าสำนักการสังคีต ละแวกเขตพระราชวังหลวงล้วนอยู่ในความไม่สงบ คนที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียง ไม่ว่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่หรือขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ หรือแม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์พระประยูรญาติในราชสำนัก ล้วนแต่ปิดประตูใหญ่ของตนเองอย่างแน่นหนา สั่งห้ามมิให้คนในออกข้างนอกอย่างเด็ดขาด แม้จะเป็นการออกไปจับจ่ายซื้อของ ก็ได้รับอนุญาตให้พวกเขาเข้าออกได้เพียงหนึ่งครั้งต่อวันเท่านั้น บนท้องถนนเต็มไปด้วยคนของหน่วยปราบปรามและกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครคอยลาดตระเวนอยู่ตลอดเวลา บรรยากาศอันเยือกเย็นและตึงเครียดเช่นนี้ทำให้ชาวบ้านแต่ละคนต่างไม่กล้าปาไข่ไก่และตะโกนด่าคนโดยไม่กลัวเกรงสิ่งใดเหมือนเมื่อก่อน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 432  

    จากนั้นก็เริ่มห่อเกี๊ยว ชีเจิ้นคิดว่าตนเองเป็นบ้าไปแล้ว วันขึ้นปีใหม่ ยามนี้ไม่รู้เลยว่าในวังหลวงกำลังมีคลื่นลมพายุกระหน่ำเพียงใด แต่ตัวเขาน่ะหรือ? เขากลับมองชีหยวนห่อเกี๊ยวอยู่ตรงนี้! โหวผู้เฒ่าชีกลับยิ้มแย้มแจ่มใส ถึงขั้นแสดงความสนอกสนใจเหมือนฮูหยินผู้เฒ่าชีหัดห่อเกี๊ยวเป็นทรงก้อนเงินตำลึงตามแบบชีหยวนด้วย ขณะที่กำลังห่อเกี๊ยวไปพลาง โหวผู้เฒ่าชีก็ถามขึ้นว่า: “นี่ไม่เยอะเกินไปหน่อยหรือ?” ให้กินทั้งครอบครัวก็กินไม่หมดหรอก! ห้องครัวตอนนี้มีคนกว่าสามสิบชีวิตกำลังช่วยกันห่อเกี๊ยวอยู่! ชีหยวนเลิกคิ้ว ห่อเสร็จหนึ่งชิ้นก็วางบนโต๊ะพลางหัวเราะออกมาเบา ๆ : “ไม่เยอะไปหรอก ต้องแบ่งไปให้องค์หญิงใหญ่สักหน่อยด้วย แล้วยังต้องแบ่งไปให้ทางอ๋องจิ้งอีกสักหน่อยด้วย ปีใหม่นี้จะได้ฉลองกันอย่างเบิกบานมีความสุข” ...... โหวผู้เฒ่าชีชะงักมือที่กำลังห่อเกี๊ยวทันที: “แม่หนูหยวน เจ้าบอกความจริงกับข้าได้หรือไม่ ว่าวันนี้ผลจะออกมาเป็นเช่นไร?” ชีหยวนเหลือบสายตาขึ้นมองโหวผู้เฒ่าชี ก่อนจะเอ่ยอย่างราบเรียบ: “ฉู่กั๋วกงตายแล้ว การประหารเก้าชั่วโคตรก็เป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรหากมีการประหารเก้าชั่วโคตรขึ้นจ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status