Share

บทที่ 2

Author: ฉินอันอัน
หลี่ซิ่วเหนียงนำผู้คนกลุ่มหนึ่งรีบรุดฝ่าแสงจันทร์กลับไป

ที่นางหามา ล้วนขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงขี้นินทาประจำหมู่บ้าน สามารถพูดจาบิดเบือนความจริงได้

เมื่อคนเหล่านี้เห็นสวี่อินอินและติงเฉิงหย่งนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน คงจะถ่มน้ำลายรุมด่าทอสวี่อินอินจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่!

ฮึ คุณหนูสูงศักดิ์ที่ยังไม่ทันกลับบ้านก็เสียความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว ยังจะเรียกว่าคุณหนูสูงศักดิ์ได้อีกหรือ?

นางเคยเป็นแม่นมอยู่ในจวนโหว ย่อมรู้ดีว่าพวกชนชั้นสูงเหล่านั้นทั้งเรื่องมากและจู้จี้จุกจิก มีหรือที่จะอยากได้หญิงสำส่อนที่เคยนอนกับคนอื่นแล้ว?

เมื่อถึงตอนนั้น หญิงสำส่อนที่เสียตัวก่อนแต่งงาน กับคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่มีความรู้ความสามารถ ต่อให้จวนหย่งผิงโหวหลับตาเลือก ก็คงเลือกได้ไม่ยาก

คิดจะกลับไปขวางทางลูกสาวของนาง ฝันไปเถอะ!

คิดได้ดังนั้น หลี่ซิ่วเหนียงก็แทบทนรอไม่ไหวแล้ว อยากจะรีบกลับถึงบ้านเสียเดี๋ยวนี้เลย

ใครจะไปรู้ว่า ห่างจากประตูบ้านประมาณหนึ่งร้อยเมตร หัวหน้าหมู่บ้านกลับพาคนกลุ่มใหญ่ถือคบเพลิงมาล้อมพวกนางเอาไว้

หลี่ซิ่วเหนียงชะงักไปครู่หนึ่ง “หัวหน้าหมู่บ้าน? ท่านทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”

หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียงเย็น “ข้าควรจะเป็นคนถามเจ้ามากกว่า ว่าเจ้ากำลังจะไปไหน?”

สายตาของหลี่ซิ่วเหนียงสั่นไหว “ครอบครัวเคราะห์ร้าย เกิดเรื่องน่าอับอายขึ้นในบ้าน...”

นางกำลังคิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านช่างมาได้จังหวะ กำลังจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตอยู่พอดี ให้คนทั้งหมู่บ้านรู้ว่าคุณหนูใหญ่ลูกสาวแท้ ๆ ของจวนโหวแอบไปนอนกับผู้ชาย

ใครจะไปรู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านกลับไม่สนใจใยดี จากนั้นก็ออกคำสั่ง “มัดนางเอาไว้!”

หลี่ซิ่วเหนียงเริ่มตื่นตกใจ “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านให้คนมัดข้าโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ได้อย่างไร? ข้าทำผิดอะไร!”

หัวหน้าหมู่บ้านโมโหยิ่งกว่านางเสียอีก “เจ้ายังกล้าถามอีกหรือ?!”

จากนั้นก็กล่าวขึ้นทันที “ลากนางไปดูเรื่องดีที่นางก่อไว้!”

ทุกคนลากหลี่ซิ่วเหนียงเข้าไปในเรือน แล้วลากนางต่อไปยังเรือนฝั่งตะวันตก

หลี่ซิ่วเหนียงยังไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ประตูห้องก็ถูกถีบเปิดออกดังโครม

อาศัยแสงจันทร์ ทุกคนเห็นชัดเจนว่ามีศพสองศพนอนอยู่บนพื้น ศพหนึ่งอ้วนท้วน เนื้อตัวเละเทะ แม้แต่ศีรษะก็มองไม่เห็น

ส่วนอีกศพ แม้ว่าร่างกายจะยังคงสภาพสมบูรณ์ แต่เลือดก็ไหลนองเต็มพื้นไปหมด

กลิ่นคาวเลือดรุนแรงลอยมาตามสายลมเข้าไปในจมูก หลี่ซิ่วเหนียงตกใจจนพูดไม่ออก

หัวหน้าหมู่บ้านชี้ไปที่ศพทั้งสอง มองหลี่ซิ่วเหนียงด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เรื่องนี้ เจ้าจะอธิบายว่าอย่างไร! หา?!”

หลี่ซิ่วเหนียงตกตะลึงจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว นางคิดไม่ถึงเลยว่า แค่ออกไปข้างนอกแป๊บเดียว คนขายเนื้อสวี่และติงเฉิงหย่งจะมาตายคู่กันอยู่ในเรือนฝั่งตะวันตกได้

จากนั้น หัวใจของนางพลันหนักอึ้ง ชายสารเลวผู้นี้คิดเรื่องสกปรกกับสวี่อินอินมานานแล้ว เป็นเพราะนางขัดขวางไว้ตลอด เขาจึงไม่กล้าบุ่มบ่าม

เขาต้องฉวยโอกาสตอนที่นางออกไปตามคนแน่ ๆ ผู้ชายสารเลวนี่อยากมาลวนลามสวี่อินอิน จึงเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกับติงเฉิงหย่ง!

เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็โกรธแค้นขึ้นมาทันที ตะโกนด่าทอโดยไม่คิดเลยสักนิด “สวี่อินอิน นางสารเลว นางแพศยา! ต้องเป็นเจ้าแน่ ๆ ต้องเป็นเจ้าที่ไปยั่วยวนติงเฉิงหย่ง แล้วฆ่าพ่อของเจ้า!”

ต่อหน้าทุกคน สวี่อินอินร้องไห้โฮออกมาทันที “ท่านแม่ ท่านแม่อย่าตีข้า ข้าไม่เห็นอะไรเลย ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!”

หลี่ซิ่วเหนียงโมโหจนเสียสติ ยื่นมือจะตบหน้านางสักสองสามที

หัวหน้าหมู่บ้านกลับคว้าตัวนางไว้ มองสวี่อินอินแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถาม “แม่หนู ไม่ต้องกลัว บอกสิ่งที่เจ้ารู้มาให้หมด!”

จวนหย่งผิงโหวส่งคนมาแจ้งเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน เขาย่อมรู้ฐานะที่แท้จริงของสวี่อินอิน

ดังนั้นเมื่อครู่ที่สวี่อินอินไปเชิญเขา เขาจึงตอบตกลงตามสวี่อินอินมาด้วย คนในหมู่บ้านต่างก็ต้องพึ่งพาจวนโหวในการดำรงชีวิต อินอินเป็นถึงคุณหนูของจวนโหว แน่นอนว่าจะล่วงเกินไม่ได้

สวี่อินอินกลัวจนถอยหลังไปสองสามก้าว น้ำเสียงก็สั่นเครือ “คือ คือท่านพ่อมาเห็นท่านแม่กับ...”

นางชี้ไปที่ติงเฉิงหย่งที่นอนอยู่บนพื้น “มาเห็นท่านแม่กับเขาอยู่ด้วยกัน เลยพุ่งเข้าไปทะเลาะกับเขา”

ขณะที่พูด สวี่อินอินก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น “ท่านพ่อให้ข้าไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมา ต้องการจะฟ้องว่าพวกเขาสองคนแอบเป็นชู้กัน!”

ทุกคนต่างฮือฮา

สายตาที่มองหลี่ซิ่วเหนียงก็เปลี่ยนไป

โดยเฉพาะผู้หญิงขี้นินทาพวกนั้นที่หลี่ซิ่วเหนียงไปตามมา ต่างยิ่งกลอกตาด้วยความรังเกียจ

ชิ ที่แท้ไปตามพวกนางมากลางดึก ก็เพื่อให้มาใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นนี่เอง!

คนในหมู่บ้านใครบ้างที่ไม่รู้ว่าสวี่อินอินเป็นคนขยันขันแข็ง ตรงข้ามกับหลี่ซิ่วเหนียง ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนใจร้ายและเข้ากับคนอื่นได้ยาก เป็นตัวปัญหาประจำหมู่บ้าน

เรื่องที่นางไปคบชู้กับติงเฉิงหย่ง ก็ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด

หัวหน้าหมู่บ้านหรี่ตามองหลี่ซิ่วเหนียง “เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?!”

หลี่ซิ่วเหนียงจะพูดอะไรได้อีก? นางเริ่มด่าทอด้วยความโมโห “นางเด็กสารเลวปากเสีย! เจ้ากล้าใส่ร้ายข้า!”

“หว่างขาของข้ายังสะอาดกว่าหน้าของเจ้าอีก!” นางยังคงพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ เพื่อจะพุ่งเข้าไปหาสวี่อินอินด้วยท่าทางเดือดดาลสุดขีด

สวี่อินอินตกใจจนกรีดร้องออกมาทันที นั่งยอง ๆ ลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมา

“ท่านแม่ ข้าไม่กล้าแล้ว ข้าไม่กล้าแล้วจริง ๆ ข้าไม่เห็นอะไรเลย ข้าไม่เห็นอะไรเลยจริง ๆ !”

ดูจากที่เด็กคนนี้ถูกขู่จนกลายเป็นแบบนี้ ก็คงจะพอรู้ว่าปกติแล้วหลี่ซิ่วเหนียงโหดร้ายมากเพียงใด

ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านกำลังว่ากล่าวหลี่ซิ่วเหนียงอยู่นั้น จู่ ๆ สายตาอันเฉียบคมของเขาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่โผล่ออกมาจากอกของติงเฉิงหย่ง

เขาเกิดความคิดบางอย่าง ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว คว้าสิ่งของที่อยู่ในอ้อมอกของติงเฉิงหย่งออกมา สีหน้าก็เปลี่ยนไป “นี่มันอะไรกัน?”

เขาสะบัดมันสองสามที เสื้อชั้นในตัวเล็กสีม่วงอมฟ้าปักลายดอกหอมหมื่นลี้ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

ทุกคนต่างส่งเสียงเอ๊ะ จากนั้นหันไปมองหลี่ซิ่วเหนียง

เพราะตอนนี้หลี่ซิ่วเหนียงสวมเสื้อคลุมสีเดียวกัน ดูเหมือนว่าจะเป็นชุดเดียวกับเสื้อชั้นในตัวเล็กที่อยู่ในมือหัวหน้าหมู่บ้าน

เสื้อผ้าที่ใส่ติดตัวปรากฏอยู่ในอ้อมอกของติงเฉิงหย่ง ถ้าไม่ใช่การคบชู้แล้วจะเป็นอะไรได้อีก?

ตรงกับที่สวี่อินอินพูดไว้ก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน

หลี่ซิ่วเหนียงก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่แล้วก็นึกขึ้นได้

เสื้อตัวนี้ของนางมันขาดเป็นรู จึงโยนให้สวี่อินอิน ต้องการให้นางปักดอกหอมหมื่นลี้ปิดรูไว้

เวลานี้กลับมาอยู่บนตัวของติงเฉิงหย่ง!

เป็นสวี่อินอิน!

นางเด็กสารเลวนี่ใส่ร้ายนาง! นางพุ่งเข้าใส่สวี่อินอินด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว “ข้าจะฆ่าเจ้า นางเด็กสารเลวจิตใจต่ำทราม!”

“จับนางไว้!” หัวหน้าหมู่บ้านตะโกนเสียงดัง

ทันใดนั้นก็มีคนเข้ามาคว้าตัวหลี่ซิ่วเหนียงเอาไว้

มองดูหลี่ซิ่วเหนียงที่คลุ้มคลั่งราวกับคนเสียสติ หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียงเย็นอย่างไม่สบอารมณ์ “มีสามีแล้วไปคบชู้กับคนอื่น ยังจะใส่ร้ายป้ายสีเด็กอีก ดูท่าทางเจ้าคงจะเสียสติไปแล้วจริง ๆ !”

ขณะที่พูด เขาก็หันไปถามผู้ดูแลคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน “ท่านอาท่านลุงทุกท่าน ตามกฎของหมู่บ้านเรา ถ้าแอบคบชู้ต้องจัดการอย่างไร?”

พวกผู้เฒ่าแต่ละคนโกรธราวกับตัวเองถูกสวมเขา ต่างกัดฟันพูดว่า “ถ่วงน้ำ! สองชีวิตแล้ว นางยังจะใส่ร้ายคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวอีก ผู้หญิงใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ ต้องจับถ่วงน้ำ!”

ราชวงศ์ต้าโจวลงโทษผู้ที่ทำความผิดฐานคบชู้อย่างรุนแรง

หากสตรีใดคบชู้ สามีโกรธแค้นจนฆ่าภรรยาและชู้ตาย ก็จะถูกตัดสินว่าไม่มีความผิด

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องอื้อฉาวแบบนี้ ส่วนใหญ่ในตระกูลจะจัดการกันเอง ไม่ได้แจ้งความกับทางการ และทางการก็จะไม่ติดตามเอาความด้วย

หัวหน้าหมู่บ้านมีอำนาจเต็มที่ในการจัดการกับหลี่ซิ่วเหนียง

เรื่องนี้มันชั่วร้ายเกินไปแล้วจริง ๆ หัวหน้าหมู่บ้านลูบเครา จากนั้นจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “เอาเถอะ เช่นนั้นก็ตามที่ท่านอาท่านลุงว่า จับถ่วงน้ำ! ไปเตรียมการ!”

ปกติแล้วเรื่องอื้อฉาวแบบนี้ ยิ่งจัดการได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี

สวี่อินอินดูเหมือนจะตกใจจนหน้าซีดเผือด จนกระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านสั่งให้คนเอาหลี่ซิ่วเหนียงไปขังไว้ในกรงแล้ว นางจึงวิ่งเหยาะ ๆ ไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน

เอ่ยขึ้นด้วยความรีบร้อน “หัวหน้าหมู่บ้าน ข้า ข้าอยากเจอท่านแม่!”

ทุกคนต่างมองไปยังสวี่อินอินด้วยสายตาที่ซับซ้อน

หัวหน้าหมู่บ้านก็เอ่ยขึ้น “คุณหนูใหญ่ ท่านใจอ่อนเกินไปแล้ว นางแอบคบชู้จนทำให้คนสองคนต้องตาย แล้วยังจะมาใส่ร้ายท่านอีก ท่านรู้ตัวหรือไม่?”

“วันนี้ถ้าท่านไม่ฟังคำพูดของพ่อท่าน แล้วรีบมาหาข้า นางคงพาคนไปใส่ร้ายว่าท่านฆ่าคนตายก่อนแล้ว”

สวี่อินอินพยักหน้า “ข้ารู้ แต่ถึงอย่างไรนางก็เลี้ยงดูข้ามาจนโต หัวหน้าหมู่บ้าน ขอร้องล่ะ ให้ข้าพูดกับนางสักสองสามประโยคเถิด!”

หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจ “เอาเถอะ ไปเถอะ”

หลี่ซิ่วเหนียงถูกขังอยู่ในกรงแล้ว เวลานี้กรงอยู่ห่างจากผิวน้ำแค่ไม่กี่เมตร

เมื่อเห็นสวี่อินอินเดินเข้ามา นางก็เบิกตากว้างแทบจะถลน “นางสารเลว! พ่อเจ้าตายอย่างไรกันแน่?!”

สวี่อินอินย่อตัวลงสบตากับนาง จากนั้นหันหลังให้คนอื่นแล้วยิ้มออกมา “แน่นอนว่าเป็นข้าที่ฆ่าเอง”

หลี่ซิ่วเหนียงรู้สึกขนลุกไปทั่วตัวเมื่อเห็นสายตาของสวี่อินอิน

เห็นได้ชัดว่าใบหน้าก็ยังคงเป็นใบหน้าของสวี่อินอิน แต่สายตาของสวี่อินอินในตอนนี้ กลับเหมือนงูพิษ เย็นชา เฉยเมย และแฝงไปด้วยความอาฆาต

นางยังไม่ทันได้ตอบโต้ สวี่อินอินก็ขยับเข้ามาใกล้อีกหน่อย “แล้วก็ติงเฉิงหย่ง ข้าก็เป็นคนฆ่าเขาเช่นกัน”

น้ำเสียงของนางเบาอย่างยิ่ง เบาจนมีเพียงแค่พวกนางสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน

มองดูสีหน้าของหลี่ซิ่วเหนียงที่ค่อย ๆ ซีดเผือด สวี่อินอินก็ยิ้มออกมา “จะทำอย่างไรดีเล่า? ตอนนี้แผนการร้ายของพวกเจ้าต้องล้มเหลวแล้ว ข้าจะได้กลับไปยังจวนหย่งผิงโหวอย่างปลอดภัย”

หลี่ซิ่วเหนียงราวกับเห็นผี หวาดกลัวจนล้มหงายหลังลงไปในกรง “เจ้า...เจ้าเป็นใคร?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
ล้างแค้นสะใจดี ไม่เวิ่นเว้อ ว่าแต่จะไปบอกมันทำไมว่าตัวเองเป็นคนฆ่า ปล่อยให้มันถูกทรมานตายชดใช้กรรมไปเฉยๆ ก็พอแล้ว
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 3

    “ข้าก็คือสวี่อินอินน่ะสิ” นางแสยะยิ้มมุมปาก “เพียงแต่ไม่ใช่สวี่อินอินคนเดิมที่ยอมให้เจ้าข่มเหงรังแกอีกแล้ว”“แผนการของลูกสาวแท้ ๆ ของเจ้าล้มเหลว พวกเจ้าสองคนก็ตายแล้ว” สวี่อินอินโน้มตัวเข้าไปใกล้หลี่ซิ่วเหนียงน้ำเสียงของนางราวกับภูตผี “เจ้าเดาสิว่าหลังจากข้ากลับไป นางยังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือไม่?”หลี่ซิ่วเหนียงสติแตก ทันใดนั้นนางก็เริ่มคลุ้มคลั่ง ดิ้นรนอย่างรุนแรงอยู่ในกรง “นางสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า! เจ้าต้องไม่ตายดีแน่!”สวี่อินอินกลัวจนถอยหลังไปสองสามก้าว ล้มลงนั่งกับพื้นจากนั้นก็ร้องไห้ขอร้องด้วยความหวาดกลัว “ท่านแม่ อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า!”หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียง “จะตายอยู่แล้วยังไม่สำนึกผิด ชั่วร้ายที่สุด! ถ่วงน้ำเดี๋ยวนี้!”กรงถูกยกขึ้น สวี่อินอินมองหลี่ซิ่วเหนียงที่ยังคงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอยู่ในกรง จากนั้นค่อย ๆ ยิ้มอย่างชั่วร้ายทันใดนั้น เสียงตูมดังขึ้น กรงหมูก็ตกลงไปในทะเลสาบ เกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดกระเซ็นเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็มีคนจากจวนหย่งผิงโหวมาถึง เป็นแม่นมคนหนึ่งที่วางมาดใหญ่โตสวี่อินอินมองแวบเดียวก็จำได้ทันทีว่า คนที่วางมาดโอหังยิ่งกว่านายหญิงคนนี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 4

    อากาศบนผิวน้ำสดชื่นกว่าอากาศในน้ำมากแม่นมฮวาคิดจะฆ่านางให้จมน้ำตายจริง น่าขันสิ้นดีนางต้องรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ภายในบ้านมาตั้งแต่ตอนที่เริ่มหัดกินข้าวเองได้เหล่าชาวนาต้องจ่ายค่าเช่าทำนาให้กับเจ้าของที่ดิน หลี่ซิ่วเหนียงและคนขายเนื้อสวี่ก็ใช้สารพัดวิธีกดขี่ขูดรีดเงินจากนางขึ้นเขาเก็บเห็ด ตัดฟืน เก็บเมล็ดชา ลงน้ำจับปลา จับเต่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นงานถนัดของนางสวี่อินอินเงยหน้าโผล่พ้นน้ำ รู้สึกได้ว่าแรงดิ้นรนของแม่นมฮวาค่อย ๆ น้อยลง จนกระทั่งไม่มีแรงเหลืออยู่สายลมอ่อน ๆ พัดมาจากริมฝั่ง นางอ้าปากจาม กำลังจะดำลงไปลากแม่นมฮวาขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพเหตุการณ์ ‘วีรกรรมช่วยชีวิต’ ของนางแต่ใครจะรู้ว่าขณะที่ยกมือขึ้น ข้อศอกของนางกลับไปกระแทกเข้ากับบางอย่างสัมผัสนี้ทำให้นางรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง สมองพลันว่างเปล่า จากนั้นก็ตระหนักได้ในทันทีว่า มีคนอื่นอยู่ในน้ำด้วย!หรือว่าแม่นมฮวาจะยังเตรียมคนไว้ในน้ำอีก?หากเป็นเช่นนั้น...ในชั่วพริบตา เลือดในร่างกายของนางก็เดือดพล่านขึ้น แต่สมองกลับสงบลงอย่างประหลาด นางค่อย ๆ ปล่อยแม่นมฮวา และพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็วโดยอาศั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 5

    สวี่อินอินเป็นที่รักของผู้คนในหมู่บ้านต่างจากคนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงที่ใจดำ สวี่อินอินเป็นเด็กที่เชื่อฟังและรู้ความ คนเราย่อมมีความรู้สึก เห็นสวี่อินอินอายุยังน้อยแต่ต้องลำบากเช่นนี้ คนในหมู่บ้านจึงดูแลนางเป็นพิเศษสวี่อินอินก็เป็นเด็กที่รู้จักบุญคุณ กินข้าวบ้านไหนก็ไปช่วยเขาเลี้ยงหมู ดื่มน้ำบ้านใครก็ไปช่วยเขาตัดฟืนดังนั้นตอนนี้หัวหน้าหมู่บ้านมองนาง ก็เหมือนกับมองลูกหลานของตัวเองยังไม่ทันได้กลับไป บ่าวไพร่ของจวนโหวก็คิดจะฆ่าสวี่อินอินแล้ว ถ้ากลับไป จะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?อีกอย่าง อย่างน้อยในหมู่บ้าน สวี่อินอินก็เข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี หากนางสามารถยืนหยัดอยู่ในจวนโหวได้ ในอนาคตก็จะเป็นผลดีต่อหมู่บ้านด้วยเขาตอบรับทันที “ได้! แม่หนูไม่ต้องกลัว ข้าจะไปแจ้งหน่วยปราบปรามเดี๋ยวนี้!”เห็นหัวหน้าหมู่บ้านกำลังจะไปแจ้งทางการจริง ๆ บ่าวไพร่ของจวนหย่งผิงโหวก็นั่งไม่ติดแล้วโดยเฉพาะสาวใช้ที่แต่งตัวงดงามคนนั้น นางรู้ดีแก่ใจว่าแม่นมฮวาตั้งใจนัดสวี่อินอินไปที่ริมทะเลสาบ เพื่อจะฆ่าสวี่อินอินให้จมน้ำตายจริง ๆ หากแจ้งทางการจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จวนโหวจะเสียหน้าตัวนางเอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 6

    แม่นมจางควบอาชาเร็วกลับเมืองหลวงแล้วนางหวังฮูหยินหย่งผิงโหวอ่านบันทึกบัญชีที่หัวหน้าหมู่บ้านนำมามอบให้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังจะจิบน้ำชา ก็ได้ยินเสียงของชีอวิ๋นถิงคุณชายใหญ่แว่วดังมาจากด้านนอกนางพลันวางน้ำชาในมือทันใด จ้องมองชีอวิ๋นถิงที่เพิ่งเข้ามา : “เห็นเจ้าดูร้อนรนกระวนกระวายนัก ไปทำอะไรมาหรือ? เพิ่งจะยามนี้เองเหตุใดจึงกลับมาแล้ว?”บุตรธิดาสกุลชีถูกแบ่งตามลำดับอาวุโส ชีอวิ๋นถิงเป็นบุตรคนแรกของนางหวัง และเป็นหลานชายสายหลักคนโตสุด คนทั้งตระกูลล้วนมองเขาประหนึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชีอวิ๋นถิงอยู่ต่อหน้ามารดา ครั้นหยิบขนมกุ้ยฮวาขึ้นชิ้นหนึ่งพลางผุดยิ้มอย่างดี ส่งเข้าปากแล้วคำหนึ่ง ค่อยเอ่ยขึ้นว่า : “วันนี้จะออกไปชมงิ้วร่วมกับสหายที่หอจิ่นซิ่ว”“น้องหญิงของเจ้ากลับมาถึงวันนี้ เจ้ายังมีจิตใจไปชมงิ้วอีกหรือ?” นางหวังขมวดหัวคิ้ว ท่าทางไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ในฐานะที่เจ้าเป็นพี่ชายแท้ ๆ ก็สมควรอยู่ต้อนรับคนกลับสู่เหย้าด้วยตนเองสิ!”ชีอวิ๋นถิงพ่นลมฮึออกจากจมูก เบะปากอย่างดูแคลน : “ท่านแม่ จะให้ข้าไปรับเด็กบ้านนอกกลับมา ท่านอยากทำให้เจ้าเด็กอ่อนต่อโลกน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 7

    ชีเจิ้นเป็นผู้บัญชาการทัพประจำกองพันจีหยิงซึ่งเป็นหนึ่งในสามกองพันใหญ่ และดำรงตำแหน่งเป็นรองเสนาบดีฝ่ายซ้ายประจำกรมยุทธนาการควบคู่ไปด้วย ยามปกติเขาต้องเข้าไปรายงานตัวที่กรมยุทธนาการเสมอ งานยุ่งสาหัสเพียงนี้ คนในเรือนยังไม่กล้าไปรบกวนเขาตามใจเสียด้วยซ้ำ ผู้ใดเล่าจะกล้าเข้าไปพบเขาที่ศาลาว่าการ? นางหวังปรายตามองแม่นมจางปราดหนึ่ง ใบหน้าของแม่นมจางเองก็ฉายแววประหลาดใจไม่ต่างกัน ก่อนที่นางจะเดินทาง ได้กำชับพวกอวิ๋นเชวี่ยแล้วว่าจงดูแลคุณหนูใหญ่ให้ดี และห้ามสะเพร่าจนทำให้อีกคนไม่พอใจอย่างเด็ดขาด หรือเจ้าคนพวกนี้มิได้ฟังที่พูดไปเลยสักนิด?! แต่นั่นก็ไม่น่าเป็นไปได้! เพราะตนเองนั่งรถม้ากลับมาแล้ว สวี่อินอินไม่มีทั้งรถและไม่มีทั้งคน นางจะส่งข่าวมาถึงเมืองหลวงได้อย่างไร? หรือพูดอีกอย่างว่า สวี่อินอินก็เป็นแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้น เกรงว่าแม้แต่เมืองเป่าตี้กับเมืองต้าซิงยังแยกไม่ออกเสียด้วยซ้ำ อย่างนางจะไปหาศาลาว่าการของกรมยุทธนาการเจอได้อย่างไร? ชีอวิ๋นถิงเองก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน เหลือบสายตาลอบมองชีเจิ้นแล้วปราดหนึ่ง สีหน้าของชีเจิ้นเยียบเย็น จ้องมองพวกเขาก็ส่งเสีย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 8

    สวี่อินอินค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น แสงอาทิตย์ส่องสว่างบาดตายิ่งนัก ตรงที่ไกลออกไปคนผู้หนึ่งกำลังควบอาชาสูงใหญ่ พร้อมนำคนกลุ่มหนึ่งทะยานเข้ามาด้วยความรวดเร็ว และหยุดตรงเบื้องหน้าสวี่อินอิน ประชาชนไม่ต่อสู้ขุนนาง ถึงแม้กลุ่มชาวบ้านที่เข้ามามุงดูความครึกครื้นเหล่านั้นจะชมเหตุการณ์อย่างเพลิดเพลินได้อรรถรสอยู่ในตอนแรก แต่เมื่อมองเห็นท่านโหวซึ่งสวมชุดเกราะ ห้ออาชาศึกที่ตัวสูงใหญ่กว่าคนเข้ามา ฝูงชนต่างพร้อมใจกันแหวกทางให้ทันที ชีเจิ้นปรายสายตามองลงไปยังจุดที่ต่ำกว่า ประเมินดรุณีที่เนื้อตัวเปียกโชกคนนั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก็ถามด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “เป็นเจ้าเองหรือที่เข้ามาฟ้องร้องต่อทางการ?” เขาหันหลังให้ดวงอาทิตย์ และเป็นสวี่อินอินที่เผชิญหน้ากับแสงอาทิตย์โดยตรง เพียงเสี้ยวขณะเดียวก็ถูกแสงอาทิตย์เจิดจ้าร้อนแรงส่องทะลุเข้าตาจนลืมไม่ขึ้น ทั้งที่มองไปแล้วดูบอบบางอ่อนแอ มิหนำซ้ำบนดวงหน้ายังเปรอะดินโคลนสกปรก มิอาจเทียบทาริกาจากตระกูลเศรษฐีผู้รากมากดีได้เลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าชีเจิ้นมองปราดเดียวกลับเห็นแผ่นหลังตั้งตรงของนางได้ทันท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 9

    สวี่อินอินก้มศีรษะต่ำ แต่เดิมนางยังคิดว่าตนเองคงจะไม่มีโอกาสใดที่ทำให้พบหน้าเซียวอวิ๋นถิงอีกแล้ว ไหนเลยจะทราบ ยังไม่ทันผ่านพ้นหนึ่งวัน ก็บังเอิญได้พบกันอีกครั้งหนึ่งแล้วเช่นนี้ ใบหน้าของเซียวอวิ๋นถิงฉายประกายครุ่นคิดออกมา ก่อนหน้านี้ที่บังเอิญพบเด็กสาวคนนี้ระหว่างทาง เขายังนึกสงสัยในใจว่าเหตุใดสถานที่แบบนี้ ถึงมีเด็กสาวที่สามารถฆ่าคนได้เด็ดขาดคล่องแคล่วปรากฏอยู่ คิดไม่ถึงเลยว่า แท้จริงแล้วจะเป็นแม่นางของจวนหย่งผิงโหว เขายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าเคยได้ยินมาบ้าง ว่ามีบุตรสาวของจวนหย่งผิงโหวพลัดพรากจากไปคนหนึ่ง ที่จริงแล้วคือแม่นางท่านนี้เองหรือ?” เขาหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง ก็เอ่ยวาจาคล้ายมีความนัยซ่อนเร้น “เหตุใดจึงมาวุ่นวายที่ศาลาว่าการแห่งนี้?” ยามนี้จิ้งอ๋องท่านนี้กำลังดูแลคดีฉ้อโกงเกี่ยวกับการลำเลียงสินค้าผ่านน่านน้ำทางใต้ ที่เขาเดินทางมาศาลาว่าการเป็นไปได้ว่าต้องมีธุระจำเป็นต้องพบเจ้าเมืองประจำเมืองต้าซิงแน่ เข้าศาลาว่าการประจำเมืองไปแล้ว ด้วยฐานะของท่านอ๋องอย่างเขา หากต้องการทราบเรื่องใดมีหรือจะไม่ได้ทราบเรื่องนั้น? ชีเจิ้นไม่กล้าโป้ปด “เรียนท่านอ๋อง ในเรือนมีบ่าวชั่วก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 10

    เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แม่นมจางกำลังจมดิ่งกับห้วงความคิดฟุ้งซ่าน กว่านางจะได้สติรู้ตัวอีกครั้ง ก็มาถึงจวนหย่งผิงโหวแล้ว ชีเจิ้นเพราะเพิ่งพบเซียวอวิ๋นถิงที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงมาเมื่อสักครู่ ยามนี้ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่มีเวลามาสนใจสวี่อินอินเช่นกัน เพียงแต่เอ่ยปากออกคำสั่งอย่างส่งเดชไปว่า “ไปพบมารดาของเจ้าก่อนเถิด!” เขาเอ่ยพลางเตรียมจะออกไป สวี่อินอินเองก็ไม่ได้สนใจนัก ยอบกายลง ทำความเคารพต่อชีเจิ้น นางไม่ทำความเคารพยังดีเสียกว่า ครั้นยอบกายลงแล้ว ชีเจิ้นกลับชะงักฝีเท้าทันที ไหนว่าอากัปกิริยาท่าทางการทำความเคารพของสวี่อินอินไม่ถูกต้องไม่สมควร ปัญหาคือตรงนี้ มันถูกต้องตามระเบียบเกินไปแล้วต่างหาก ท่วงท่าลีลาการยอบกายทำความเคารพของสวี่อินอิน ลื่นไหลดุจสายน้ำและเมฆา หาจุดบกพร่องไม่ได้แม้แต่จุดเดียว เขาชะงักฝีเท้า “เจ้าเคยเรียนมารยาทมาก่อนหรือ?” สวี่อินอินส่ายหน้าค่อยๆ ไม่ช้าไม่รีบร้อน เห็นชีเจิ้นขมวดคิ้ว ก็เม้มริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางดูคล้ายขลาดกลัว “ยายคนหนึ่งเคยสอนข้าเจ้าค่ะ” ยาย? ชีเจิ้นรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเก่า หมู่บ้านที่สวี่อิ

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 478

    สำหรับนางแล้ว ปีนี้คือปีแห่งการเกิดใหม่ สองขาแข็งแรงดียังไม่ถูกตัดทิ้ง เป็นปีที่มิได้ถูกชีจิ่นกับชีอวิ๋นถิงดูแคลนเป็นจุดจบที่สวยงาม และการเริ่มต้นที่งดงามนางจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมเหลียนเฉียวรับเงินไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วอุทานว่า “คุณหนู นั่นคืออะไรเจ้าคะ!”ชีหยวนอุ้มอาหวงเงยหน้ามอง เห็นโคมลอยดวงหนึ่งลอยละลิ่วลงมาตรงกับศีรษะนางพอดีนางขมวดคิ้วทันที ระแวงโดยสัญชาตญาณว่าในนั้นอาจมีผงยาไม่เช่นนั้น เหตุใดจึงลอยมาตกในเรือนของนางพอดิบพอดีถึงเพียงนี้?นางรีบสั่งให้ทุกคนแยกตัวออกห่างใครจะรู้ว่าโคมลอยนั้นแค่ลอยละล่องแล้วร่วงลงมา ไป๋จื่อร้องอุทาน หยิบพู่หยกที่เปล่งประกายเรืองรองชิ้นหนึ่งจากในโคมขึ้นมา “คุณหนู นี่คือเครื่องรางของอารามไป๋อวิ๋นไม่ใช่หรือเจ้าคะ?!”ในเหมืองแร่บนเขาไป๋อวิ๋นมีหยกเรืองแสงเช่นนี้ แต่ได้ยินว่าขุดได้ยากนัก ดังนั้นแล้ว ทุกปีที่มีผู้คนไปขอเครื่องรางในช่วงปีใหม่ น้อยคนนักที่จะขอได้เหตุใดจึงมาปรากฏอยู่ในโคมลอยเล่า?ชีหยวนหลุบตาลง เอ่ยเสียงขรึมกับไป๋จื่อว่า “เก็บใส่กล่องไว้เถิด”เมื่ออ๋องฉีกลับถึงจวนอ๋องแล้ว มองเห็นโคมไฟแขวนอยู่เ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 477

    เมื่อชีเจิ้นกลับถึงจวน ก็เอามือกุมแก้มขวาของตนไว้ตลอด แม้ยามเข้าไปยังเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า ก็ยังคงกุมอยู่อย่างนั้นฮูหยินผู้เฒ่าได้สอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอารามไป๋อวิ๋นจากท่านโหวผู้เฒ่าที่กลับถึงเรือนก่อนแล้ว นางกำลังทอดถอนใจ พลางรู้สึกหวาดหวั่นครานี้ตระกูลชีแม้จะมีคุณูปการในการคุ้มกันพระชายาหลิ่วกลับเมืองหลวงแต่ก็ได้รับรู้ความลับของราชวงศ์มากมายเช่นนี้จากนี้ไป ตระกูลชีจะก้าวหน้าหรือถอยหลัง ล้วนอยู่ที่พระราชดำริเพียงหนึ่งเดียวของฮ่องเต้ฮ่องเต้จะเลือกเช่นไร? ช่างทำให้คนร้อนรนใจนักทว่าเรื่องนี้ร้อนใจไปก็ไร้ผล นางหันไปเห็นชีเจิ้นกุมแก้มอยู่ จึงถามว่า “นี่เจ้าเป็นอะไร?”ชีเจิ้นไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดถึงภาพที่ตนได้เห็นเมื่อครู่เขาจะกล่าวอย่างไรได้เล่า?อ๋องฉีทำตัวคลุ้มคลั่งต่อหน้าบุตรีของเขาราวกับจะเป็นจะตายให้ได้ส่วนพระราชนัดดาก็ให้เครื่องรางนาง กลับถูกนางปฏิเสธ?ชวนปวดฟันนัก!ปวดฟันจริง ๆ!ขณะกำลังสนทนากันอยู่ ชีหยวนที่ผลัดอาภรณ์เรียบร้อยแล้วก็เดินเข้ามานางดูมีความสุขไม่น้อยปีใหม่คือการเริ่มต้นใหม่ ในวันส่งท้ายปีเก่านี้ นางได้กวาดล้างภัยใหญ่จากชาติก่อน ทั้งอ๋องฉ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 476

    เขาไม่เชื่อว่าชีหยวนกระทำไปโดยไร้เจตนา นางจงใจแน่นอน แก้แค้นที่ตนเคยลังเลในคราแรก!แล้วก็เสแสร้งต่อหน้าผู่อู๋ย่งเช่นนี้ผู่อู๋ย่งถามขึ้นด้วยสีหน้ามืดครึ้มตามคาด “อ๋องฉีพูดถ้อยคำขัดต่อฟ้าดินอันใดหรือ?”ไล่เฉิงหลงรีบแก้ต่างว่า “หาได้มีสิ่งใดไม่ ท่านผู้ตรวจการอย่าได้ถือสา ท่านอ๋องเพียงแค่โศกเศร้าเกินไปเท่านั้น”ผู่อู๋ย่งเหลือบสายตามองพวกเขาคราหนึ่ง เชิดคางขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ “ส่งท่านอ๋องขึ้นรถม้าให้ดี แล้วส่งกลับจวนอ๋องเสีย”พวกเขาจะกลับวังแล้วในเมื่อพาพระชายาหลิ่วกลับไปไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องรีบกลับไปฉลองปีใหม่ในวังหลวงวังหลวงคือสถานที่ที่ราชนิกุลควรอยู่คืนส่งท้ายปีเก่าจะมีงานเลี้ยงในวัง เหล่าพระญาติ ผู้สูงศักดิ์ ขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ล้วนต้องเข้าร่วมวันขึ้นปีใหม่ก็มีพิธีเข้าเฝ้า นี่ล้วนเป็นกฎระเบียบแม้เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยจะจากไป ก็ไม่อาจหยุดยั้งสิ่งเหล่านี้ได้ฮ่องเต้หย่งชางพาองค์หญิงหมิงเฉิงและองค์ชายหย่งหรงเสด็จขึ้นรถม้าไปพร้อมกันด้วยท่าทีโศกเศร้าเล็กน้อยชีหยวนก็เตรียมตัวกลับจวนพร้อมกับท่านโหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้นเดิมทีพวกเขารับหน้าที่ลาดตระเวนเป็นการ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 475

    อ๋องฉีก้าวเข้ามาอีกก้าว ประชิดเกาทัณฑ์แขนเสื้อของชีหยวน เขาเม้มริมฝีปาก ดวงตาแดงก่ำ เส้นเลือดในดวงตาปูดโปน เขามองชีหยวน แววตาสั่นไหวอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมา “ชีหยวน เจ้ายโสอะไรนักหนา? เจ้าเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อสู้แทนคนพวกนั้นจนโค่นล้มพวกข้าลงได้ แล้วเจ้าจะได้ประโยชน์อันใด?”ชีหยวนกำลังไตร่ตรองว่าหากนางฆ่าอ๋องฉีเสียตอนนี้ จะจัดฉากให้เหมือนเป็นการฆ่าตัวตายได้อย่างแนบเนียนที่สุดอย่างไร ไม่มีเวลาจะใส่ใจวาจาเพ้อเจ้อของอ๋องฉีแม้แต่น้อยถึงขั้นนี้แล้ว ยังไม่คิดหาทางไสหัวไปดินแดนศักดินาอย่างปลอดภัยจากนี้ไปก็ยอมเป็นอ๋องพิการไปเสีย ยังมัวแต่หมกมุ่นเรื่องความรักในชาติก่อนเหล่านั้นอีกตำแหน่งฮ่องเต้ตกมาถึงเขาได้ ก็เป็นเพราะชาติก่อนเขายังไม่เสียสติถึงขั้นกักขังองค์หญิงเป่าหรงไว้เร็วนักมิเช่นนั้น ราชบัลลังก์ไหนเลยจะตกมาถึงเขาได้?ปลายนิ้วของนางขยับ กำลังจะจู่โจมลงมือฆ่า ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากเบื้องหลัง จึงหยุดมือทันที ดึงเกาทัณฑ์แขนเสื้อกลับเข้าไปลึกอย่างแนบเนียน แล้วทอดถอนใจยาวขณะมองอ๋องฉีนางเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง ท่านพูดสิ่งใดออกมา ข้าน้อยไม่เข้าใจจริง ๆ”“เจ้าเสแสร้งอันใด?!” อ๋อ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 474

    จากนั้นเซียวอวิ๋นถิงก็รับตัวเขาไว้อย่างมั่นคง แล้วเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “เอาอีกไหม?”เด็กผู้ชายนั้นล่อหลอกได้ไม่ยาก พวกเขามักจะยกย่องคนเก่ง และชอบเล่นกับคนที่โตกว่าบังเอิญว่าเซียวอวิ๋นถิงมีความอดทนสูงมาแต่ไหนแต่ไรฮ่องเต้หย่งชางตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าช่างไม่ถือโทษเลยนะ”คำพูดนี้แฝงความนัย เซียวอวิ๋นถิงย่อมเข้าใจดี จึงตอบอย่างตรงไปตรงมา “เสด็จปู่ เดิมทีหลานก็ไม่ได้มีความบาดหมางใดกับกุ้ยเฟยและพวกเขาเลย อีกทั้งความผิดไม่ควรลามไปถึงลูกหลาน เด็กๆ มีความผิดอันใดหรือ? พวกเขายังมีศักดิ์เป็นเสด็จอาของหลานด้วย”ราวกับว่าคนที่เพิ่งใช้คำพูดบีบบังคับให้เป่าหรงต้องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เมื่อครู่นั้นไม่ใช่เขาฮ่องเต้หย่งชางพยักหน้า “เจ้าทำได้ดีมาก”เพียงประโยคนี้ก็ทำให้ขันทีเซี่ยที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกปลาบปลื้มแล้ว ต้องรู้ไว้ว่าองค์รัชทายาทไม่เคยได้รับคำชมเช่นนี้เลย!อีกด้านหนึ่ง พระชายาหลิ่วอุ้มเซียวโม่ที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุดเพื่อพาไปพักผ่อนชีหยวนฉวยจังหวะนี้อยากจะขอโทษนาง เพราะครั้งนี้นางได้ใช้ประโยชน์จากอดีตของพระชายาหลิ่ว ทำให้พระชายาหลิ่วต้องออกหน้าเป็นดั่งคมดาบให้นางนางอาจใช้เล่ห์กล

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 473

    ฮ่องเต้หย่งชางตัดสินพระทัยแน่วแน่ “ให้กรมพิธีการและกรมการทูตหารือกัน ตอบรับการอภิเษกสมรสขององค์หญิงแห่งแผ่นดินเรา ทุกพิธีการให้กรมพิธีการและกรมการทูตร่วมกันกำหนด แล้วให้สำนักขุนนางหลวงเป็นผู้ตัดสิน!”องค์หญิงหมิงเฉิงเฉลียวฉลาดตั้งแต่ยังเล็ก แต่ก็ไม่ได้เฉลียวฉลาดถึงขั้นเข้าใจความหมายของการแต่งเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ยังคงคิดว่าเป็นเพียงแค่การแต่งงานการแต่งงานไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะแต่ก่อนเสด็จแม่ก็พร่ำสอนอยู่เสมอ ว่าพี่หญิงไม่อาจเอาแต่เล่นสนุกอย่างเอาแต่ใจตลอดไป สักวันก็ต้องแต่งงานในเมื่อเสด็จพ่อให้พี่สาวแต่งงาน เช่นนั้นก็หมายความว่าไม่มีปัญหาแล้วใช่หรือไม่?นางรู้สึกยินดีอยู่บ้าง แต่เพียงครู่เดียว เมื่อคิดถึงการจากไปของเสด็จแม่ หัวใจก็พลันห่อเหี่ยวลงส่วนองค์หญิงเป่าหรงไม่มีแม้แต่ความรู้สึกเศร้าหมองในฐานะคนที่มาจากยุคปัจจุบัน นางรู้ดีกว่าใครว่าตงอิ๋งเป็นเช่นไรชาติที่มีแต่ความวิปริตและไร้ซึ่งขอบเขตศีลธรรมสำหรับตงอิ๋งในยุคราชวงศ์ต้าโจว ตรงกับช่วงที่ไร้ซึ่งกฎหมาย เหล่าขุนศึกต่อสู้กันอย่างสับสนอลหม่านในสายตาของชาวตงอิ๋ง ผู้หญิงไม่มีค่าอะไรแม้แต่ในยุคปัจจุบัน สตรีของจักรพรรดิตง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 472

    นางมอบเกียรติให้ฮ่องเต้หย่งชาง บัดนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าฮ่องเต้หย่งชางจะยอมให้ความเป็นธรรมแก่นางหรือไม่นางจ้องมองฮ่องเต้หย่งชางอย่างจริงจังและละเอียดถี่ถ้วนสามีภรรยาในเยาว์วัย เติบโตมาด้วยกันผ่านความทุกข์ยากมาด้วยกันแต่กลับไม่อาจร่วมสุขกันได้ ในพระทัยของฮ่องเต้หย่งชางเองก็เจ็บปวดเช่นกันหน้าอกของเขาปวดหน่วงราวกับถูกบีบรัด มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจความตั้งใจของพระชายาหลิ่ว?นางเดินมาถึงขั้นนี้แล้วนางไม่แย่งชิง ไม่คิดเอาผิด และยังช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงให้เขาในฐานะฮ่องเต้ผู้มีคุณธรรมเขาจะยอมปล่อยให้นางเสียเปรียบได้หรือ?แน่นอนว่าไม่ได้ดังนั้น พระสุรเสียงของฮ่องเต้หย่งชางจึงสงบลง “เรื่องนี้ เราจะให้กรมพิธีการหารือกัน หากเจ้ามุ่งมั่นเช่นนี้ เราก็จะให้เจ้าได้บำเพ็ญเพียรในวัง...”โดยทั่วไปแล้ว สตรีในราชวงศ์ที่ต้องการบวชจะต้องบำเพ็ญเพียรอยู่ในวังแต่พระชายาหลิ่วไม่ต้องการเช่นนั้น นางส่ายศีรษะทันที “ฝ่าบาท อย่าให้ต้องเดือนร้อนภาษีราษฎรเลย หม่อมฉันเห็นว่าที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว เปลี่ยนจากวัดเป็นอารามเต๋านี่แหละ”แท้จริงแล้ว อารามไป๋อวิ๋นแต่เดิมก็คืออารามเต๋า เพียงแต่ว่าภายหลังพุทธศาสนาเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 471

    ไม่ตาย ก็จงเตรียมตัวส่งมอบอำนาจและเกียรติยศเถิดสำหรับพวกเขาแล้ว เรื่องนี้เจ็บปวดยิ่งกว่าความตายเสียอีกผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเมฆา สิ่งที่ยากจะยอมรับที่สุดก็คือการร่วงหล่นสู่ผืนดินแต่ไม่นานพวกเขาก็จะพบว่า โลกมนุษย์นั้นก็มิใช่ที่เลวร้ายอะไรเวลาถูกถ่วงไว้นานเกินไป เซียวโม่เริ่มรู้สึกไม่สบายอีกแล้ว เขาเริ่มร้องไห้ไม่หยุดเขาเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง ยิ่งกว่าองค์หญิงหมิงเฉิงและหย่งหรงเสียอีก ไม่เข้าใจการสังเกตสีหน้าผู้คนแม้แต่น้อยขณะนี้พระชายาหลิ่วเห็นว่าท้ายที่สุดก็ไม่อาจสังหารเป่าหรงได้ อีกทั้งอ๋องฉี องค์หญิงหมิงเฉิง และหย่งหรงก็มากันครบ พลันรู้สึกเบื่อหน่ายถึงขีดสุดนางมองไปที่ฮ่องเต้หย่งชางแล้วกล่าวว่า “พวกท่านกลับไปเถิด ขอให้พวกข้าแม่ลูกได้อยู่อย่างสงบเสียที”แต่การที่ฮ่องเต้หย่งชางเสด็จมาครั้งนี้ เดิมทีเป็นเพราะตั้งใจจะพาพระชายาหลิ่วกลับไปร่วมฉลองคืนวันส่งท้ายปีเก่าทว่าตอนนี้กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ปัญหาตามกันออกมาเป็นระลอกจนเรื่องราวยุ่งเหยิงขึ้นไปอีก อยากจะพาพระชายาหลิ่วกลับไปยิ่งยากกว่าเดิมเสียแล้วฮ่องเต้หย่งชางสะกดกลั้นอารมณ์ ตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หว่านหยิน เ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 470  

    เหนือชั้นจริง ๆ! ในใจของเขาพลันรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอีกครั้งเพราะอุบายอันแยบยลของชีหยวน นี่คือการเดิมพันที่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีวันตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ผู่อู๋ย่งใช้กำลังภายใต้อิทธิพลของตนเองแจ้งข่าวให้อ๋องฉีรีบมาปกป้ององค์หญิง เช่นนั้นก็หมายความว่า กองกำลังที่ดูแลมาหลายปีของอ๋องฉีจะถูกเปิดโปงต่อหน้าผู้คน หากว่าไม่แจ้งให้อ๋องฉีมา เช่นนั้นเป่าหรงจะต้องเลือกผ้าแพรขาวหนึ่งผืน หรือไม่ก็สุราพิษหนึ่งจอก และจบชีวิตลงเช่นนี้ไปแล้ว สตรีคนนี้ น่ากลัวเกินไปแล้วจริง ๆ! นางแทบจะคำนวณหมากทั้งหมดของอ๋องฉีได้อย่างแม่นยำ ไม่พลาดแม้แต่เบี้ยตัวเดียว! อ๋องฉีถูกถามคาดคั้นเช่นนั้นเพียงเสี้ยวพริบตาเหงื่อเย็นก็ไหลพลั่ก ๆ ในฐานะองค์ชายที่จดจ้องบัลลังก์จักรพรรดิตาเป็นมัน เขาย่อมรู้ตัวดีว่าบัดนี้ได้ละเมิดข้อห้ามอันใหญ่หลวงไปแล้ว ทันใดนั้นทั้งแผ่นหลังพลันเปียกชุ่ม แต่ในเวลานี้ เขาพูดชื่อผู่อู๋ย่งออกมาไม่ได้อย่างเด็ดขาด! ไม่ได้ ผู่อู๋ย่งเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของเขาในตอนนี้แล้ว! เช่นนั้น เช่นนั้นแล้ว… อ๋องฉีหายใจถี่กระชั้น ความเจ็บปวดบีบรัดไปถึงช่องท้อง แม้แต่บาดแผลที่ขาซึ่งอาการทุเลาลงไปมากแล้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status