Share

บทที่ 2

Author: ฉินอันอัน
หลี่ซิ่วเหนียงนำผู้คนกลุ่มหนึ่งรีบรุดฝ่าแสงจันทร์กลับไป

ที่นางหามา ล้วนขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงขี้นินทาประจำหมู่บ้าน สามารถพูดจาบิดเบือนความจริงได้

เมื่อคนเหล่านี้เห็นสวี่อินอินและติงเฉิงหย่งนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน คงจะถ่มน้ำลายรุมด่าทอสวี่อินอินจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่!

ฮึ คุณหนูสูงศักดิ์ที่ยังไม่ทันกลับบ้านก็เสียความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว ยังจะเรียกว่าคุณหนูสูงศักดิ์ได้อีกหรือ?

นางเคยเป็นแม่นมอยู่ในจวนโหว ย่อมรู้ดีว่าพวกชนชั้นสูงเหล่านั้นทั้งเรื่องมากและจู้จี้จุกจิก มีหรือที่จะอยากได้หญิงสำส่อนที่เคยนอนกับคนอื่นแล้ว?

เมื่อถึงตอนนั้น หญิงสำส่อนที่เสียตัวก่อนแต่งงาน กับคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่มีความรู้ความสามารถ ต่อให้จวนหย่งผิงโหวหลับตาเลือก ก็คงเลือกได้ไม่ยาก

คิดจะกลับไปขวางทางลูกสาวของนาง ฝันไปเถอะ!

คิดได้ดังนั้น หลี่ซิ่วเหนียงก็แทบทนรอไม่ไหวแล้ว อยากจะรีบกลับถึงบ้านเสียเดี๋ยวนี้เลย

ใครจะไปรู้ว่า ห่างจากประตูบ้านประมาณหนึ่งร้อยเมตร หัวหน้าหมู่บ้านกลับพาคนกลุ่มใหญ่ถือคบเพลิงมาล้อมพวกนางเอาไว้

หลี่ซิ่วเหนียงชะงักไปครู่หนึ่ง “หัวหน้าหมู่บ้าน? ท่านทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”

หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียงเย็น “ข้าควรจะเป็นคนถามเจ้ามากกว่า ว่าเจ้ากำลังจะไปไหน?”

สายตาของหลี่ซิ่วเหนียงสั่นไหว “ครอบครัวเคราะห์ร้าย เกิดเรื่องน่าอับอายขึ้นในบ้าน...”

นางกำลังคิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านช่างมาได้จังหวะ กำลังจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตอยู่พอดี ให้คนทั้งหมู่บ้านรู้ว่าคุณหนูใหญ่ลูกสาวแท้ ๆ ของจวนโหวแอบไปนอนกับผู้ชาย

ใครจะไปรู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านกลับไม่สนใจใยดี จากนั้นก็ออกคำสั่ง “มัดนางเอาไว้!”

หลี่ซิ่วเหนียงเริ่มตื่นตกใจ “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านให้คนมัดข้าโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ได้อย่างไร? ข้าทำผิดอะไร!”

หัวหน้าหมู่บ้านโมโหยิ่งกว่านางเสียอีก “เจ้ายังกล้าถามอีกหรือ?!”

จากนั้นก็กล่าวขึ้นทันที “ลากนางไปดูเรื่องดีที่นางก่อไว้!”

ทุกคนลากหลี่ซิ่วเหนียงเข้าไปในเรือน แล้วลากนางต่อไปยังเรือนฝั่งตะวันตก

หลี่ซิ่วเหนียงยังไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ประตูห้องก็ถูกถีบเปิดออกดังโครม

อาศัยแสงจันทร์ ทุกคนเห็นชัดเจนว่ามีศพสองศพนอนอยู่บนพื้น ศพหนึ่งอ้วนท้วน เนื้อตัวเละเทะ แม้แต่ศีรษะก็มองไม่เห็น

ส่วนอีกศพ แม้ว่าร่างกายจะยังคงสภาพสมบูรณ์ แต่เลือดก็ไหลนองเต็มพื้นไปหมด

กลิ่นคาวเลือดรุนแรงลอยมาตามสายลมเข้าไปในจมูก หลี่ซิ่วเหนียงตกใจจนพูดไม่ออก

หัวหน้าหมู่บ้านชี้ไปที่ศพทั้งสอง มองหลี่ซิ่วเหนียงด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เรื่องนี้ เจ้าจะอธิบายว่าอย่างไร! หา?!”

หลี่ซิ่วเหนียงตกตะลึงจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว นางคิดไม่ถึงเลยว่า แค่ออกไปข้างนอกแป๊บเดียว คนขายเนื้อสวี่และติงเฉิงหย่งจะมาตายคู่กันอยู่ในเรือนฝั่งตะวันตกได้

จากนั้น หัวใจของนางพลันหนักอึ้ง ชายสารเลวผู้นี้คิดเรื่องสกปรกกับสวี่อินอินมานานแล้ว เป็นเพราะนางขัดขวางไว้ตลอด เขาจึงไม่กล้าบุ่มบ่าม

เขาต้องฉวยโอกาสตอนที่นางออกไปตามคนแน่ ๆ ผู้ชายสารเลวนี่อยากมาลวนลามสวี่อินอิน จึงเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกับติงเฉิงหย่ง!

เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็โกรธแค้นขึ้นมาทันที ตะโกนด่าทอโดยไม่คิดเลยสักนิด “สวี่อินอิน นางสารเลว นางแพศยา! ต้องเป็นเจ้าแน่ ๆ ต้องเป็นเจ้าที่ไปยั่วยวนติงเฉิงหย่ง แล้วฆ่าพ่อของเจ้า!”

ต่อหน้าทุกคน สวี่อินอินร้องไห้โฮออกมาทันที “ท่านแม่ ท่านแม่อย่าตีข้า ข้าไม่เห็นอะไรเลย ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!”

หลี่ซิ่วเหนียงโมโหจนเสียสติ ยื่นมือจะตบหน้านางสักสองสามที

หัวหน้าหมู่บ้านกลับคว้าตัวนางไว้ มองสวี่อินอินแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถาม “แม่หนู ไม่ต้องกลัว บอกสิ่งที่เจ้ารู้มาให้หมด!”

จวนหย่งผิงโหวส่งคนมาแจ้งเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน เขาย่อมรู้ฐานะที่แท้จริงของสวี่อินอิน

ดังนั้นเมื่อครู่ที่สวี่อินอินไปเชิญเขา เขาจึงตอบตกลงตามสวี่อินอินมาด้วย คนในหมู่บ้านต่างก็ต้องพึ่งพาจวนโหวในการดำรงชีวิต อินอินเป็นถึงคุณหนูของจวนโหว แน่นอนว่าจะล่วงเกินไม่ได้

สวี่อินอินกลัวจนถอยหลังไปสองสามก้าว น้ำเสียงก็สั่นเครือ “คือ คือท่านพ่อมาเห็นท่านแม่กับ...”

นางชี้ไปที่ติงเฉิงหย่งที่นอนอยู่บนพื้น “มาเห็นท่านแม่กับเขาอยู่ด้วยกัน เลยพุ่งเข้าไปทะเลาะกับเขา”

ขณะที่พูด สวี่อินอินก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น “ท่านพ่อให้ข้าไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมา ต้องการจะฟ้องว่าพวกเขาสองคนแอบเป็นชู้กัน!”

ทุกคนต่างฮือฮา

สายตาที่มองหลี่ซิ่วเหนียงก็เปลี่ยนไป

โดยเฉพาะผู้หญิงขี้นินทาพวกนั้นที่หลี่ซิ่วเหนียงไปตามมา ต่างยิ่งกลอกตาด้วยความรังเกียจ

ชิ ที่แท้ไปตามพวกนางมากลางดึก ก็เพื่อให้มาใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นนี่เอง!

คนในหมู่บ้านใครบ้างที่ไม่รู้ว่าสวี่อินอินเป็นคนขยันขันแข็ง ตรงข้ามกับหลี่ซิ่วเหนียง ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนใจร้ายและเข้ากับคนอื่นได้ยาก เป็นตัวปัญหาประจำหมู่บ้าน

เรื่องที่นางไปคบชู้กับติงเฉิงหย่ง ก็ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด

หัวหน้าหมู่บ้านหรี่ตามองหลี่ซิ่วเหนียง “เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?!”

หลี่ซิ่วเหนียงจะพูดอะไรได้อีก? นางเริ่มด่าทอด้วยความโมโห “นางเด็กสารเลวปากเสีย! เจ้ากล้าใส่ร้ายข้า!”

“หว่างขาของข้ายังสะอาดกว่าหน้าของเจ้าอีก!” นางยังคงพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ เพื่อจะพุ่งเข้าไปหาสวี่อินอินด้วยท่าทางเดือดดาลสุดขีด

สวี่อินอินตกใจจนกรีดร้องออกมาทันที นั่งยอง ๆ ลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมา

“ท่านแม่ ข้าไม่กล้าแล้ว ข้าไม่กล้าแล้วจริง ๆ ข้าไม่เห็นอะไรเลย ข้าไม่เห็นอะไรเลยจริง ๆ !”

ดูจากที่เด็กคนนี้ถูกขู่จนกลายเป็นแบบนี้ ก็คงจะพอรู้ว่าปกติแล้วหลี่ซิ่วเหนียงโหดร้ายมากเพียงใด

ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านกำลังว่ากล่าวหลี่ซิ่วเหนียงอยู่นั้น จู่ ๆ สายตาอันเฉียบคมของเขาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่โผล่ออกมาจากอกของติงเฉิงหย่ง

เขาเกิดความคิดบางอย่าง ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว คว้าสิ่งของที่อยู่ในอ้อมอกของติงเฉิงหย่งออกมา สีหน้าก็เปลี่ยนไป “นี่มันอะไรกัน?”

เขาสะบัดมันสองสามที เสื้อชั้นในตัวเล็กสีม่วงอมฟ้าปักลายดอกหอมหมื่นลี้ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

ทุกคนต่างส่งเสียงเอ๊ะ จากนั้นหันไปมองหลี่ซิ่วเหนียง

เพราะตอนนี้หลี่ซิ่วเหนียงสวมเสื้อคลุมสีเดียวกัน ดูเหมือนว่าจะเป็นชุดเดียวกับเสื้อชั้นในตัวเล็กที่อยู่ในมือหัวหน้าหมู่บ้าน

เสื้อผ้าที่ใส่ติดตัวปรากฏอยู่ในอ้อมอกของติงเฉิงหย่ง ถ้าไม่ใช่การคบชู้แล้วจะเป็นอะไรได้อีก?

ตรงกับที่สวี่อินอินพูดไว้ก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน

หลี่ซิ่วเหนียงก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่แล้วก็นึกขึ้นได้

เสื้อตัวนี้ของนางมันขาดเป็นรู จึงโยนให้สวี่อินอิน ต้องการให้นางปักดอกหอมหมื่นลี้ปิดรูไว้

เวลานี้กลับมาอยู่บนตัวของติงเฉิงหย่ง!

เป็นสวี่อินอิน!

นางเด็กสารเลวนี่ใส่ร้ายนาง! นางพุ่งเข้าใส่สวี่อินอินด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว “ข้าจะฆ่าเจ้า นางเด็กสารเลวจิตใจต่ำทราม!”

“จับนางไว้!” หัวหน้าหมู่บ้านตะโกนเสียงดัง

ทันใดนั้นก็มีคนเข้ามาคว้าตัวหลี่ซิ่วเหนียงเอาไว้

มองดูหลี่ซิ่วเหนียงที่คลุ้มคลั่งราวกับคนเสียสติ หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียงเย็นอย่างไม่สบอารมณ์ “มีสามีแล้วไปคบชู้กับคนอื่น ยังจะใส่ร้ายป้ายสีเด็กอีก ดูท่าทางเจ้าคงจะเสียสติไปแล้วจริง ๆ !”

ขณะที่พูด เขาก็หันไปถามผู้ดูแลคนอื่น ๆ ในหมู่บ้าน “ท่านอาท่านลุงทุกท่าน ตามกฎของหมู่บ้านเรา ถ้าแอบคบชู้ต้องจัดการอย่างไร?”

พวกผู้เฒ่าแต่ละคนโกรธราวกับตัวเองถูกสวมเขา ต่างกัดฟันพูดว่า “ถ่วงน้ำ! สองชีวิตแล้ว นางยังจะใส่ร้ายคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวอีก ผู้หญิงใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ ต้องจับถ่วงน้ำ!”

ราชวงศ์ต้าโจวลงโทษผู้ที่ทำความผิดฐานคบชู้อย่างรุนแรง

หากสตรีใดคบชู้ สามีโกรธแค้นจนฆ่าภรรยาและชู้ตาย ก็จะถูกตัดสินว่าไม่มีความผิด

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องอื้อฉาวแบบนี้ ส่วนใหญ่ในตระกูลจะจัดการกันเอง ไม่ได้แจ้งความกับทางการ และทางการก็จะไม่ติดตามเอาความด้วย

หัวหน้าหมู่บ้านมีอำนาจเต็มที่ในการจัดการกับหลี่ซิ่วเหนียง

เรื่องนี้มันชั่วร้ายเกินไปแล้วจริง ๆ หัวหน้าหมู่บ้านลูบเครา จากนั้นจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “เอาเถอะ เช่นนั้นก็ตามที่ท่านอาท่านลุงว่า จับถ่วงน้ำ! ไปเตรียมการ!”

ปกติแล้วเรื่องอื้อฉาวแบบนี้ ยิ่งจัดการได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี

สวี่อินอินดูเหมือนจะตกใจจนหน้าซีดเผือด จนกระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านสั่งให้คนเอาหลี่ซิ่วเหนียงไปขังไว้ในกรงแล้ว นางจึงวิ่งเหยาะ ๆ ไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน

เอ่ยขึ้นด้วยความรีบร้อน “หัวหน้าหมู่บ้าน ข้า ข้าอยากเจอท่านแม่!”

ทุกคนต่างมองไปยังสวี่อินอินด้วยสายตาที่ซับซ้อน

หัวหน้าหมู่บ้านก็เอ่ยขึ้น “คุณหนูใหญ่ ท่านใจอ่อนเกินไปแล้ว นางแอบคบชู้จนทำให้คนสองคนต้องตาย แล้วยังจะมาใส่ร้ายท่านอีก ท่านรู้ตัวหรือไม่?”

“วันนี้ถ้าท่านไม่ฟังคำพูดของพ่อท่าน แล้วรีบมาหาข้า นางคงพาคนไปใส่ร้ายว่าท่านฆ่าคนตายก่อนแล้ว”

สวี่อินอินพยักหน้า “ข้ารู้ แต่ถึงอย่างไรนางก็เลี้ยงดูข้ามาจนโต หัวหน้าหมู่บ้าน ขอร้องล่ะ ให้ข้าพูดกับนางสักสองสามประโยคเถิด!”

หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจ “เอาเถอะ ไปเถอะ”

หลี่ซิ่วเหนียงถูกขังอยู่ในกรงแล้ว เวลานี้กรงอยู่ห่างจากผิวน้ำแค่ไม่กี่เมตร

เมื่อเห็นสวี่อินอินเดินเข้ามา นางก็เบิกตากว้างแทบจะถลน “นางสารเลว! พ่อเจ้าตายอย่างไรกันแน่?!”

สวี่อินอินย่อตัวลงสบตากับนาง จากนั้นหันหลังให้คนอื่นแล้วยิ้มออกมา “แน่นอนว่าเป็นข้าที่ฆ่าเอง”

หลี่ซิ่วเหนียงรู้สึกขนลุกไปทั่วตัวเมื่อเห็นสายตาของสวี่อินอิน

เห็นได้ชัดว่าใบหน้าก็ยังคงเป็นใบหน้าของสวี่อินอิน แต่สายตาของสวี่อินอินในตอนนี้ กลับเหมือนงูพิษ เย็นชา เฉยเมย และแฝงไปด้วยความอาฆาต

นางยังไม่ทันได้ตอบโต้ สวี่อินอินก็ขยับเข้ามาใกล้อีกหน่อย “แล้วก็ติงเฉิงหย่ง ข้าก็เป็นคนฆ่าเขาเช่นกัน”

น้ำเสียงของนางเบาอย่างยิ่ง เบาจนมีเพียงแค่พวกนางสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน

มองดูสีหน้าของหลี่ซิ่วเหนียงที่ค่อย ๆ ซีดเผือด สวี่อินอินก็ยิ้มออกมา “จะทำอย่างไรดีเล่า? ตอนนี้แผนการร้ายของพวกเจ้าต้องล้มเหลวแล้ว ข้าจะได้กลับไปยังจวนหย่งผิงโหวอย่างปลอดภัย”

หลี่ซิ่วเหนียงราวกับเห็นผี หวาดกลัวจนล้มหงายหลังลงไปในกรง “เจ้า...เจ้าเป็นใคร?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
ล้างแค้นสะใจดี ไม่เวิ่นเว้อ ว่าแต่จะไปบอกมันทำไมว่าตัวเองเป็นคนฆ่า ปล่อยให้มันถูกทรมานตายชดใช้กรรมไปเฉยๆ ก็พอแล้ว
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 3

    “ข้าก็คือสวี่อินอินน่ะสิ” นางแสยะยิ้มมุมปาก “เพียงแต่ไม่ใช่สวี่อินอินคนเดิมที่ยอมให้เจ้าข่มเหงรังแกอีกแล้ว”“แผนการของลูกสาวแท้ ๆ ของเจ้าล้มเหลว พวกเจ้าสองคนก็ตายแล้ว” สวี่อินอินโน้มตัวเข้าไปใกล้หลี่ซิ่วเหนียงน้ำเสียงของนางราวกับภูตผี “เจ้าเดาสิว่าหลังจากข้ากลับไป นางยังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือไม่?”หลี่ซิ่วเหนียงสติแตก ทันใดนั้นนางก็เริ่มคลุ้มคลั่ง ดิ้นรนอย่างรุนแรงอยู่ในกรง “นางสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า! เจ้าต้องไม่ตายดีแน่!”สวี่อินอินกลัวจนถอยหลังไปสองสามก้าว ล้มลงนั่งกับพื้นจากนั้นก็ร้องไห้ขอร้องด้วยความหวาดกลัว “ท่านแม่ อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า!”หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียง “จะตายอยู่แล้วยังไม่สำนึกผิด ชั่วร้ายที่สุด! ถ่วงน้ำเดี๋ยวนี้!”กรงถูกยกขึ้น สวี่อินอินมองหลี่ซิ่วเหนียงที่ยังคงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอยู่ในกรง จากนั้นค่อย ๆ ยิ้มอย่างชั่วร้ายทันใดนั้น เสียงตูมดังขึ้น กรงหมูก็ตกลงไปในทะเลสาบ เกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดกระเซ็นเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็มีคนจากจวนหย่งผิงโหวมาถึง เป็นแม่นมคนหนึ่งที่วางมาดใหญ่โตสวี่อินอินมองแวบเดียวก็จำได้ทันทีว่า คนที่วางมาดโอหังยิ่งกว่านายหญิงคนนี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 4

    อากาศบนผิวน้ำสดชื่นกว่าอากาศในน้ำมากแม่นมฮวาคิดจะฆ่านางให้จมน้ำตายจริง น่าขันสิ้นดีนางต้องรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ภายในบ้านมาตั้งแต่ตอนที่เริ่มหัดกินข้าวเองได้เหล่าชาวนาต้องจ่ายค่าเช่าทำนาให้กับเจ้าของที่ดิน หลี่ซิ่วเหนียงและคนขายเนื้อสวี่ก็ใช้สารพัดวิธีกดขี่ขูดรีดเงินจากนางขึ้นเขาเก็บเห็ด ตัดฟืน เก็บเมล็ดชา ลงน้ำจับปลา จับเต่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นงานถนัดของนางสวี่อินอินเงยหน้าโผล่พ้นน้ำ รู้สึกได้ว่าแรงดิ้นรนของแม่นมฮวาค่อย ๆ น้อยลง จนกระทั่งไม่มีแรงเหลืออยู่สายลมอ่อน ๆ พัดมาจากริมฝั่ง นางอ้าปากจาม กำลังจะดำลงไปลากแม่นมฮวาขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพเหตุการณ์ ‘วีรกรรมช่วยชีวิต’ ของนางแต่ใครจะรู้ว่าขณะที่ยกมือขึ้น ข้อศอกของนางกลับไปกระแทกเข้ากับบางอย่างสัมผัสนี้ทำให้นางรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง สมองพลันว่างเปล่า จากนั้นก็ตระหนักได้ในทันทีว่า มีคนอื่นอยู่ในน้ำด้วย!หรือว่าแม่นมฮวาจะยังเตรียมคนไว้ในน้ำอีก?หากเป็นเช่นนั้น...ในชั่วพริบตา เลือดในร่างกายของนางก็เดือดพล่านขึ้น แต่สมองกลับสงบลงอย่างประหลาด นางค่อย ๆ ปล่อยแม่นมฮวา และพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็วโดยอาศั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 5

    สวี่อินอินเป็นที่รักของผู้คนในหมู่บ้านต่างจากคนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงที่ใจดำ สวี่อินอินเป็นเด็กที่เชื่อฟังและรู้ความ คนเราย่อมมีความรู้สึก เห็นสวี่อินอินอายุยังน้อยแต่ต้องลำบากเช่นนี้ คนในหมู่บ้านจึงดูแลนางเป็นพิเศษสวี่อินอินก็เป็นเด็กที่รู้จักบุญคุณ กินข้าวบ้านไหนก็ไปช่วยเขาเลี้ยงหมู ดื่มน้ำบ้านใครก็ไปช่วยเขาตัดฟืนดังนั้นตอนนี้หัวหน้าหมู่บ้านมองนาง ก็เหมือนกับมองลูกหลานของตัวเองยังไม่ทันได้กลับไป บ่าวไพร่ของจวนโหวก็คิดจะฆ่าสวี่อินอินแล้ว ถ้ากลับไป จะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?อีกอย่าง อย่างน้อยในหมู่บ้าน สวี่อินอินก็เข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี หากนางสามารถยืนหยัดอยู่ในจวนโหวได้ ในอนาคตก็จะเป็นผลดีต่อหมู่บ้านด้วยเขาตอบรับทันที “ได้! แม่หนูไม่ต้องกลัว ข้าจะไปแจ้งหน่วยปราบปรามเดี๋ยวนี้!”เห็นหัวหน้าหมู่บ้านกำลังจะไปแจ้งทางการจริง ๆ บ่าวไพร่ของจวนหย่งผิงโหวก็นั่งไม่ติดแล้วโดยเฉพาะสาวใช้ที่แต่งตัวงดงามคนนั้น นางรู้ดีแก่ใจว่าแม่นมฮวาตั้งใจนัดสวี่อินอินไปที่ริมทะเลสาบ เพื่อจะฆ่าสวี่อินอินให้จมน้ำตายจริง ๆ หากแจ้งทางการจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จวนโหวจะเสียหน้าตัวนางเอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 6

    แม่นมจางควบอาชาเร็วกลับเมืองหลวงแล้วนางหวังฮูหยินหย่งผิงโหวอ่านบันทึกบัญชีที่หัวหน้าหมู่บ้านนำมามอบให้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังจะจิบน้ำชา ก็ได้ยินเสียงของชีอวิ๋นถิงคุณชายใหญ่แว่วดังมาจากด้านนอกนางพลันวางน้ำชาในมือทันใด จ้องมองชีอวิ๋นถิงที่เพิ่งเข้ามา : “เห็นเจ้าดูร้อนรนกระวนกระวายนัก ไปทำอะไรมาหรือ? เพิ่งจะยามนี้เองเหตุใดจึงกลับมาแล้ว?”บุตรธิดาสกุลชีถูกแบ่งตามลำดับอาวุโส ชีอวิ๋นถิงเป็นบุตรคนแรกของนางหวัง และเป็นหลานชายสายหลักคนโตสุด คนทั้งตระกูลล้วนมองเขาประหนึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชีอวิ๋นถิงอยู่ต่อหน้ามารดา ครั้นหยิบขนมกุ้ยฮวาขึ้นชิ้นหนึ่งพลางผุดยิ้มอย่างดี ส่งเข้าปากแล้วคำหนึ่ง ค่อยเอ่ยขึ้นว่า : “วันนี้จะออกไปชมงิ้วร่วมกับสหายที่หอจิ่นซิ่ว”“น้องหญิงของเจ้ากลับมาถึงวันนี้ เจ้ายังมีจิตใจไปชมงิ้วอีกหรือ?” นางหวังขมวดหัวคิ้ว ท่าทางไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ในฐานะที่เจ้าเป็นพี่ชายแท้ ๆ ก็สมควรอยู่ต้อนรับคนกลับสู่เหย้าด้วยตนเองสิ!”ชีอวิ๋นถิงพ่นลมฮึออกจากจมูก เบะปากอย่างดูแคลน : “ท่านแม่ จะให้ข้าไปรับเด็กบ้านนอกกลับมา ท่านอยากทำให้เจ้าเด็กอ่อนต่อโลกน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 7

    ชีเจิ้นเป็นผู้บัญชาการทัพประจำกองพันจีหยิงซึ่งเป็นหนึ่งในสามกองพันใหญ่ และดำรงตำแหน่งเป็นรองเสนาบดีฝ่ายซ้ายประจำกรมยุทธนาการควบคู่ไปด้วย ยามปกติเขาต้องเข้าไปรายงานตัวที่กรมยุทธนาการเสมอ งานยุ่งสาหัสเพียงนี้ คนในเรือนยังไม่กล้าไปรบกวนเขาตามใจเสียด้วยซ้ำ ผู้ใดเล่าจะกล้าเข้าไปพบเขาที่ศาลาว่าการ? นางหวังปรายตามองแม่นมจางปราดหนึ่ง ใบหน้าของแม่นมจางเองก็ฉายแววประหลาดใจไม่ต่างกัน ก่อนที่นางจะเดินทาง ได้กำชับพวกอวิ๋นเชวี่ยแล้วว่าจงดูแลคุณหนูใหญ่ให้ดี และห้ามสะเพร่าจนทำให้อีกคนไม่พอใจอย่างเด็ดขาด หรือเจ้าคนพวกนี้มิได้ฟังที่พูดไปเลยสักนิด?! แต่นั่นก็ไม่น่าเป็นไปได้! เพราะตนเองนั่งรถม้ากลับมาแล้ว สวี่อินอินไม่มีทั้งรถและไม่มีทั้งคน นางจะส่งข่าวมาถึงเมืองหลวงได้อย่างไร? หรือพูดอีกอย่างว่า สวี่อินอินก็เป็นแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้น เกรงว่าแม้แต่เมืองเป่าตี้กับเมืองต้าซิงยังแยกไม่ออกเสียด้วยซ้ำ อย่างนางจะไปหาศาลาว่าการของกรมยุทธนาการเจอได้อย่างไร? ชีอวิ๋นถิงเองก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน เหลือบสายตาลอบมองชีเจิ้นแล้วปราดหนึ่ง สีหน้าของชีเจิ้นเยียบเย็น จ้องมองพวกเขาก็ส่งเสีย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 8

    สวี่อินอินค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น แสงอาทิตย์ส่องสว่างบาดตายิ่งนัก ตรงที่ไกลออกไปคนผู้หนึ่งกำลังควบอาชาสูงใหญ่ พร้อมนำคนกลุ่มหนึ่งทะยานเข้ามาด้วยความรวดเร็ว และหยุดตรงเบื้องหน้าสวี่อินอิน ประชาชนไม่ต่อสู้ขุนนาง ถึงแม้กลุ่มชาวบ้านที่เข้ามามุงดูความครึกครื้นเหล่านั้นจะชมเหตุการณ์อย่างเพลิดเพลินได้อรรถรสอยู่ในตอนแรก แต่เมื่อมองเห็นท่านโหวซึ่งสวมชุดเกราะ ห้ออาชาศึกที่ตัวสูงใหญ่กว่าคนเข้ามา ฝูงชนต่างพร้อมใจกันแหวกทางให้ทันที ชีเจิ้นปรายสายตามองลงไปยังจุดที่ต่ำกว่า ประเมินดรุณีที่เนื้อตัวเปียกโชกคนนั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก็ถามด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “เป็นเจ้าเองหรือที่เข้ามาฟ้องร้องต่อทางการ?” เขาหันหลังให้ดวงอาทิตย์ และเป็นสวี่อินอินที่เผชิญหน้ากับแสงอาทิตย์โดยตรง เพียงเสี้ยวขณะเดียวก็ถูกแสงอาทิตย์เจิดจ้าร้อนแรงส่องทะลุเข้าตาจนลืมไม่ขึ้น ทั้งที่มองไปแล้วดูบอบบางอ่อนแอ มิหนำซ้ำบนดวงหน้ายังเปรอะดินโคลนสกปรก มิอาจเทียบทาริกาจากตระกูลเศรษฐีผู้รากมากดีได้เลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าชีเจิ้นมองปราดเดียวกลับเห็นแผ่นหลังตั้งตรงของนางได้ทันท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 9

    สวี่อินอินก้มศีรษะต่ำ แต่เดิมนางยังคิดว่าตนเองคงจะไม่มีโอกาสใดที่ทำให้พบหน้าเซียวอวิ๋นถิงอีกแล้ว ไหนเลยจะทราบ ยังไม่ทันผ่านพ้นหนึ่งวัน ก็บังเอิญได้พบกันอีกครั้งหนึ่งแล้วเช่นนี้ ใบหน้าของเซียวอวิ๋นถิงฉายประกายครุ่นคิดออกมา ก่อนหน้านี้ที่บังเอิญพบเด็กสาวคนนี้ระหว่างทาง เขายังนึกสงสัยในใจว่าเหตุใดสถานที่แบบนี้ ถึงมีเด็กสาวที่สามารถฆ่าคนได้เด็ดขาดคล่องแคล่วปรากฏอยู่ คิดไม่ถึงเลยว่า แท้จริงแล้วจะเป็นแม่นางของจวนหย่งผิงโหว เขายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าเคยได้ยินมาบ้าง ว่ามีบุตรสาวของจวนหย่งผิงโหวพลัดพรากจากไปคนหนึ่ง ที่จริงแล้วคือแม่นางท่านนี้เองหรือ?” เขาหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง ก็เอ่ยวาจาคล้ายมีความนัยซ่อนเร้น “เหตุใดจึงมาวุ่นวายที่ศาลาว่าการแห่งนี้?” ยามนี้จิ้งอ๋องท่านนี้กำลังดูแลคดีฉ้อโกงเกี่ยวกับการลำเลียงสินค้าผ่านน่านน้ำทางใต้ ที่เขาเดินทางมาศาลาว่าการเป็นไปได้ว่าต้องมีธุระจำเป็นต้องพบเจ้าเมืองประจำเมืองต้าซิงแน่ เข้าศาลาว่าการประจำเมืองไปแล้ว ด้วยฐานะของท่านอ๋องอย่างเขา หากต้องการทราบเรื่องใดมีหรือจะไม่ได้ทราบเรื่องนั้น? ชีเจิ้นไม่กล้าโป้ปด “เรียนท่านอ๋อง ในเรือนมีบ่าวชั่วก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 10

    เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แม่นมจางกำลังจมดิ่งกับห้วงความคิดฟุ้งซ่าน กว่านางจะได้สติรู้ตัวอีกครั้ง ก็มาถึงจวนหย่งผิงโหวแล้ว ชีเจิ้นเพราะเพิ่งพบเซียวอวิ๋นถิงที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงมาเมื่อสักครู่ ยามนี้ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่มีเวลามาสนใจสวี่อินอินเช่นกัน เพียงแต่เอ่ยปากออกคำสั่งอย่างส่งเดชไปว่า “ไปพบมารดาของเจ้าก่อนเถิด!” เขาเอ่ยพลางเตรียมจะออกไป สวี่อินอินเองก็ไม่ได้สนใจนัก ยอบกายลง ทำความเคารพต่อชีเจิ้น นางไม่ทำความเคารพยังดีเสียกว่า ครั้นยอบกายลงแล้ว ชีเจิ้นกลับชะงักฝีเท้าทันที ไหนว่าอากัปกิริยาท่าทางการทำความเคารพของสวี่อินอินไม่ถูกต้องไม่สมควร ปัญหาคือตรงนี้ มันถูกต้องตามระเบียบเกินไปแล้วต่างหาก ท่วงท่าลีลาการยอบกายทำความเคารพของสวี่อินอิน ลื่นไหลดุจสายน้ำและเมฆา หาจุดบกพร่องไม่ได้แม้แต่จุดเดียว เขาชะงักฝีเท้า “เจ้าเคยเรียนมารยาทมาก่อนหรือ?” สวี่อินอินส่ายหน้าค่อยๆ ไม่ช้าไม่รีบร้อน เห็นชีเจิ้นขมวดคิ้ว ก็เม้มริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางดูคล้ายขลาดกลัว “ยายคนหนึ่งเคยสอนข้าเจ้าค่ะ” ยาย? ชีเจิ้นรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเก่า หมู่บ้านที่สวี่อิ

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 434  

    จนกระทั่งกลับมาถึงอารามไป๋อวิ๋น หลังจากสั่งให้บ่าวรับใช้ล่าถอยออกไปจนหมด และบอกให้อ๋องโจวไปพักผ่อนแล้ว องค์หญิงใหญ่ถึงจะกำมือพระชายาหลิ่วไว้แน่นพร้อมเอ่ยว่า: “พระเชษฐภคินี จะปล่อยเรื่องไปแบบนี้ไม่ได้เพคะ!” ตำแหน่งฮองเฮาเดิมก็ควรเป็นของพระชายาหลิ่วอยู่ก่อนแล้ว! ตั๊กแตนของเซียวโม่พลันกระโดดออกมาจากกล่อง ทันใดนั้นเขาก็ร้องไห้โวยวายขึ้นมา องค์หญิงใหญ่ผงะไป นางมองพระชายาหลิ่วที่กำลังค้อมตัวลงช่วยเซียวโม่หาตั๊กแตนของเขาอย่างเต็มที่ เสี้ยวขณะนั้นก็รู้สึกจุกแน่นพูดไม่ออก นางคล้ายว่าเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว หลังจากทำให้เซียวโม่สงบลงได้แล้ว พระชายาหลิ่วก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมหัวเราะอย่างขมขื่นให้นาง: “เจ้าดูสิ ข้าจะยังไปแย่งชิงตำแหน่งอะไรได้อีกหรือ?” ตำแหน่งฮองเฮาแต่เดิมควรเป็นของนางก็ไม่ผิด ทว่าบางสิ่งหากพลาดไปแล้วก็คือพลาดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งฮองเฮา หรือหัวใจของฮ่องเต้หย่งชาง ล้วนไม่มีทางจะรอคอยนางอยู่ที่เดิม พูดไปแล้วก็อาจจะฟังดูไม่ยุติธรรมนัก ทว่าบนโลกนี้เรื่องที่ไม่ยุติธรรมนับกันหมดหรือ? องค์หญิงใหญ่เงียบไปเนิ่นนาน ในหัวของนางเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย บางครั้งสิ่งที

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 433  

    เรื่องราวทั้งหมดสิ้นสุดลง งานฉลองปีใหม่ในปีนี้แปลกประหลาดเป็นพิเศษ ภายในวังไม่ต้องพูดถึงก่อน ศพของขันทีและนางข้าหลวงถูกหามออกไปอย่างเงียบเชียบแล้วไม่น้อย ยิ่งจวนฉู่กั๋วกงยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้แต่วันปีใหม่ก็มิอาจทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้เลยสักนิด ไล่เฉิงหลงนำกำลังคน ตรวจค้นจวนฉู่กั๋วกงทั้งสามชั้นในสามชั้นนอกจนทั่วแล้ว พวกบุรุษล้วนถูกจับกุมตัวเข้าคุกหลวงของกรมอาญา ส่วนพวกสตรีแต่ละคนล้วนถูกจับมัดและโยนเข้าสำนักการสังคีต ละแวกเขตพระราชวังหลวงล้วนอยู่ในความไม่สงบ คนที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียง ไม่ว่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่หรือขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ หรือแม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์พระประยูรญาติในราชสำนัก ล้วนแต่ปิดประตูใหญ่ของตนเองอย่างแน่นหนา สั่งห้ามมิให้คนในออกข้างนอกอย่างเด็ดขาด แม้จะเป็นการออกไปจับจ่ายซื้อของ ก็ได้รับอนุญาตให้พวกเขาเข้าออกได้เพียงหนึ่งครั้งต่อวันเท่านั้น บนท้องถนนเต็มไปด้วยคนของหน่วยปราบปรามและกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครคอยลาดตระเวนอยู่ตลอดเวลา บรรยากาศอันเยือกเย็นและตึงเครียดเช่นนี้ทำให้ชาวบ้านแต่ละคนต่างไม่กล้าปาไข่ไก่และตะโกนด่าคนโดยไม่กลัวเกรงสิ่งใดเหมือนเมื่อก่อน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 432  

    จากนั้นก็เริ่มห่อเกี๊ยว ชีเจิ้นคิดว่าตนเองเป็นบ้าไปแล้ว วันขึ้นปีใหม่ ยามนี้ไม่รู้เลยว่าในวังหลวงกำลังมีคลื่นลมพายุกระหน่ำเพียงใด แต่ตัวเขาน่ะหรือ? เขากลับมองชีหยวนห่อเกี๊ยวอยู่ตรงนี้! โหวผู้เฒ่าชีกลับยิ้มแย้มแจ่มใส ถึงขั้นแสดงความสนอกสนใจเหมือนฮูหยินผู้เฒ่าชีหัดห่อเกี๊ยวเป็นทรงก้อนเงินตำลึงตามแบบชีหยวนด้วย ขณะที่กำลังห่อเกี๊ยวไปพลาง โหวผู้เฒ่าชีก็ถามขึ้นว่า: “นี่ไม่เยอะเกินไปหน่อยหรือ?” ให้กินทั้งครอบครัวก็กินไม่หมดหรอก! ห้องครัวตอนนี้มีคนกว่าสามสิบชีวิตกำลังช่วยกันห่อเกี๊ยวอยู่! ชีหยวนเลิกคิ้ว ห่อเสร็จหนึ่งชิ้นก็วางบนโต๊ะพลางหัวเราะออกมาเบา ๆ : “ไม่เยอะไปหรอก ต้องแบ่งไปให้องค์หญิงใหญ่สักหน่อยด้วย แล้วยังต้องแบ่งไปให้ทางอ๋องจิ้งอีกสักหน่อยด้วย ปีใหม่นี้จะได้ฉลองกันอย่างเบิกบานมีความสุข” ...... โหวผู้เฒ่าชีชะงักมือที่กำลังห่อเกี๊ยวทันที: “แม่หนูหยวน เจ้าบอกความจริงกับข้าได้หรือไม่ ว่าวันนี้ผลจะออกมาเป็นเช่นไร?” ชีหยวนเหลือบสายตาขึ้นมองโหวผู้เฒ่าชี ก่อนจะเอ่ยอย่างราบเรียบ: “ฉู่กั๋วกงตายแล้ว การประหารเก้าชั่วโคตรก็เป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรหากมีการประหารเก้าชั่วโคตรขึ้นจ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 431  

    เขาตะโกนเรียกเสียงดังติดต่อกันหลายครั้ง ทว่าองค์หญิงเป่าหรงกลับไม่ไหวตัวแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าจะเป็นลมหมดสติไปแล้ว ก็สั่งผู่อู๋ย่งทันที: “รีบไปเชิญหมอหลวงไปที่ตำหนักข้าง เร็วเข้า!” เดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็เห็นหลิ่วกุ้ยเฟยที่นอนสลบอยู่ที่พื้นเช่นกัน สภาพจิตใจยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสิ้นปีแล้ว แต่วันนี้เพียงในหนึ่งวันมีคนตายไปแล้วกี่คน?! แม้จะเป็นความผิดของจวนฉู่กั๋วกง แม้ความผิดเมื่อปีก่อนจะเป็นฝีมือของสกุลลู่และฉู่กั๋วกง ทว่าบัดนี้ตัวต้นเหตุที่สมควรตายก็ตายไปหมดแล้ว ยังต้องพัวพันต่อไปอย่างไม่รู้จบสิ้นอีกหรือ? เขาไม่มีเวลาสนใจมองพระชายาหลิ่ว และไม่มีอารมณ์จะไปโทษเซียวโม่ที่สติไม่สมประกอบด้วย ได้แต่สูดหายใจลึก ๆ และรีบอุ้มองค์หญิงเป่าหรงไปที่ตำหนักข้างด้วยความร้อนรน ส่วนเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก็ให้พวกแม่นมช่วยกันหามเข้าไป บาดแผลบนหน้าผากของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยสภาพน่าหวาดเสียว อาภรณ์ด้านหลังขององค์หญิงเป่าหรงถูกหมอหลวงตัดออก เผยให้เห็นบาดแผลที่ชวนให้รู้สึกสยดสยองไม่ต่างกัน ฮ่องเต้หย่งชางหลับตาลงด้วยความรู้สึกปวดร้าว องค์หญิงเป่าหรงเติบโตในอ้อมอกของเขามาตลอด 

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 430

    ขณะที่นางพูด ก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่ยี่หระต่อความตายใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วจ้องไปที่เสาตรงระเบียงขันทีเซี่ยและผู่อู๋ย่งซึ่งยืนดูอยู่ใต้ระเบียงมาโดยตลอดพลันหน้าถอดสีพวกเขารู้ดีว่า นี่คือสนมคนโปรดของฮ่องเต้หย่งชาง!และขณะที่เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยวิ่งพุ่งเข้าหาเสานั้น ดูเหมือนนางจะชนเข้ากับเซียวโม่ที่กำลังก้มหน้าเล่นกับจิ้งหรีดในมือโดยไม่ได้ตั้งใจเสี่ยวโม่รู้สึกเจ็บแปลบที่เอว จึงร้องไห้ออกมาทันที และเผลอผลักเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยออกไปอย่างแรงโดยสัญชาตญาณร่างของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง หน้าผากของนางกระแทกเข้ากับอิฐ จนเลือดไหลทะลักออกมาพระชายาหลิ่วมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง แต่ในใจกลับหัวเราะเย็นชาอีกแล้ว เป็นเช่นนี้อีกแล้วแม่ลูกคู่นี้ใช้วิธีเดิม ๆ ไม่เคยเปลี่ยนแสร้งทำเป็นอ่อนแอ แสร้งทำเป็นน่าสงสาร แสร้งทำเป็นบอบบางและพวกบุรุษก็มักจะหลงกลเสมอ!นางกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้น เงาร่างหนึ่งที่ผอมบางกลับพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับสายลม เมื่อเห็นเลือดบนหน้าผากของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย นางก็คุกเข่าลงกับพื้นทันที แล้วคลานไปข้าง ๆ เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย พร

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 429

    นอกตำหนักมีเสียงร่ำไห้อันแสนเศร้าของเสี่ยวหลิวกุ้ยเฟยในขณะที่ภายในตำหนัก องค์หญิงใหญ่ทั้งขุ่นเคืองและปวดใจ “เสด็จพี่! ความความทุกข์ทรมานของพวกหม่อมฉันเป็นเรื่องโกหกอย่างนั้นหรือ? การที่หม่อมฉันกับราชบุตรเขยถูกพรากจากกันนานหลายสิบปีเป็นเรื่องโกหกอย่างนั้นหรือ? หรือการที่หม่อมฉันเคยคิดว่าลูกของหม่อมฉันตายไปแล้ว ทุกคืนวันส่งท้ายปีเก่า ในขณะที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยแสงไฟแห่งการเฉลิมฉลอง หม่อมฉันกลับต้องจมอยู่กับความทุกข์นั้นก็เป็นเรื่องลวงตาด้วยหรือเพคะ?”แต่ละคำที่นางเอ่ยถาม ทำให้ฮ่องเต้หย่งชางไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำตอบใด ๆ ได้เพลานี้พระองค์รู้สึกเหมือนพระหทัยถูกฉีกออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งห่วงใยพระชายาหลิ่วและน้องหญิงของตน ทรงรู้สึกเจ็บปวดกับชะตากรรมอันโหดร้ายที่พวกนางต้องเผชิญมานานปี และเต็มไปด้วยความโกรธแค้นต่อความโหดเหี้ยมของฉู่กั๋วกงและพรรคพวกของเขาแต่อีกครึ่งหนึ่ง กลับโบยบินไปหาเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยที่อยู่ด้านนอกร่างกายของนางอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไรเมื่อตอนที่ให้กำเนิดองค์หญิงหมิงเฉิง นางเสียเลือดมากจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดและหมิงเฉิง นางยังเด็กนัก ต้องมาเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้ นา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 428

    แม้แต่เฉินฮ่าวและจูปินที่มาขอความเมตตา ก็ยังถูกปลดจากตำแหน่งขุนนางโดยตรงองค์หญิงใหญ่และลู่หมิงอันยังคงร่ำไห้แสดงความน่าสงสารอยู่ที่นี่ ก็มีแต่ทำให้ความโกรธของฮ่องเต้หย่งชางก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆถึงเวลานั้น เกรงว่าแม้แต่พระสนมกุ้ยเฟยและเหล่าองค์หญิงองค์ชายก็คงต้องพลอยเดือดร้อนเพราะตนไปด้วยต่อให้ฮ่องเต้หย่งชางเห็นแก่โศกาดูรของพระชายาหลิ่วและเซียวโม่ ในอนาคต พระองค์ก็ต้องมีอคติต่อเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยอย่างแน่นอนชีหยวน! ชีหยวน!หากเขารู้ล่วงหน้าว่าบุตรสาวบุญธรรมของคนเชือดหมูผู้นี้ จะสามารถลุกขึ้นมาก่อคลื่นลมปั่นป่วนได้เพียงลำพัง เขาจะบีบคอฆ่านางให้ตายตั้งแต่แรก!เพราะเขาประมาท! ทั้งหมดเป็นเพราะเขาประมาท!หัวใจของเขาเจ็บปวดอย่างรุนแรง แต่สมองกลับยังคงคิดวางแผนอย่างรวดเร็วไม่ได้! เขาจะลากกุ้ยเฟยและเหล่าองค์หญิงองค์ชายมาเกี่ยวข้องไม่ได้!ตราบใดที่ขุนเขาเขียวขจียังอยู่ อย่าได้กลัวไม่มีฟืนเผาเขารู้ดีว่าองค์หญิงเป่าหรงมีความสามารถเพียงใดตราบใดที่ยังมีความหวังแม้เพียงเส้นด้ายเดียว เขาย่อมสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ดังนั้น......ดังนั้นมีเพียงคนแก่อย่างเขาที่ต้องตายไปเท่าน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 427

    ตลอดหลายปีที่ดำรงตำแหน่งขุนนางมา ฉู่กั๋วกงไม่เคยตกอยู่ในสภาพที่น่าอับอายเช่นนี้มาก่อนเขารู้สึกว่าตัวเองถูกต้อนจนมาถึงริมหน้าผา เพียงแค่ก้าวพลาดเพียงนิดเดียว ก็จะตกลงไป จนร่างแหลกสลาย ไม่เหลือแม้แต่ซากแต่มาถึงตอนนี้ เจียงเหยียนเจินพูดได้ชัดเจนทุกอย่าง ทั้งยังกล้าสาบานด้วยชีวิตลู่หมิงอันก็กลับมาแล้ว พาหม่าเซวียน เจ้าเมืองทงโจวกลับมาด้วย รวมถึงอ๋องโจว ผู้ที่ฮ่องเต้หย่งชางให้ความไว้วางใจมาตลอด คนทั้งสองสามารถเป็นพยานได้ว่า ลู่หมิงฮุยเป็นคนที่ไปลอบสังหารเซียวโม่และราชบุตรเขยลู่ยังมีหญิงรับใช้ชราที่อยู่ในจวนของลู่หมิงฮุย นางกล่าวยืนยันอย่างหนักแน่นว่านางสามารถสาบานด้วยชีวิตได้ ว่าฉู่กั๋วกงเป็นผู้สั่งให้เฉินชง ซึ่งเป็นพ่อบ้านใหญ่ของจวนลู่หมิงฮุย ลงมือสังหารฮูหยินใหญ่ลู่เพื่อปิดปาก ป้องกันไม่ให้ฮูหยินใหญ่ลู่เป็นเหมือนเจียงเหยียนเจินที่หันมาหักหลังเมื่อมีคนเอาเรื่องราวในอดีตและเหตุการณ์ล่าสุดมาปะติดปะต่อกัน ก็กลายเป็นตาข่ายที่แน่นหนาแม้ว่าบางเรื่องในนี้จะไม่เป็นความจริง แต่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะคำโกหกที่ปะปนทั้งเรื่องจริงและเรื่องเท็จนี่แหละ คือสิ่งที่จับพิสูจน์ได้ยากที่สุดเป็น

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 426

    เพราะองค์หญิงเป่าหรงก็ยังเอ่ยถ้อยคำที่ว่าให้ละทิ้งจวนฉู่กั๋วกงเช่นนี้ออกมาในเวลานี้ฉู่กั๋วกงก็มาถึงตำหนักไท่จี๋แล้วด้านนอกตำหนักไท่จี๋มีกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรล้อมอยู่เต็มไปหมด ไล่เฉิงหลงเข้าไปด้านในล่วงหน้าก่อน ไม่นานนักเขาก็เดินออกมา ขณะที่เดินผ่านฉู่กั๋วกงและจูปิน เขายกมุมปากขึ้นยิ้มเยาะด้วยสายตาเย็นชาให้พวกเขาจูปินยังแค้นใจเรื่องที่ไล่เฉิงหลงฟันแขนเสื้อเฉินฮ่าวไปเมื่อครู่ จึงสบถออกมาว่า “ทำเป็นวางท่าอะไรนักหนา?!”ไม่นาน ผู่อู๋ย่งก็เดินออกมาจากด้านใน แล้วร้องประกาศเสียงแหลม “เรียกฉู่กั๋วกงเข้าเฝ้า!”เมื่อเห็นผู่อู๋ย่ง สีหน้าของเหล่าขุนนางชั้นสูงก็ไม่สู้ดีนักเขาคือขันทีชั้นผู้ใหญ่แห่งกรมขันทีพระราชพิธี ปกติมักติดต่อกับสำนักขุนนางหลวง และมีอำนาจตรวจทานราชโองการ ถือเป็นขุนนางขันทีที่ทรงอิทธิพลที่แท้จริงฉู่กั๋วกงจัดเสื้อคลุมของตนให้เรียบร้อย ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น ก้าวเข้าสู่ตำหนักไท่จี๋ในใจของเขาได้เตรียมแผนการรับมือไว้แล้วอันดับแรกคุกเข่าทูลรายงานข่าวการจากไปของฮูหยินฉู่กั๋วกงที่ถูกบีบบังคับจนต้องปลิดชีพจากนั้นก็ร้องไห้คร่ำครวญ ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตนได้ภักดีต่อฮ่องเต

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status