หลี่ซิ่วเหนียงนำผู้คนกลุ่มหนึ่งรีบรุดฝ่าแสงจันทร์กลับไปที่นางหามา ล้วนขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงขี้นินทาประจำหมู่บ้าน สามารถพูดจาบิดเบือนความจริงได้เมื่อคนเหล่านี้เห็นสวี่อินอินและติงเฉิงหย่งนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน คงจะถ่มน้ำลายรุมด่าทอสวี่อินอินจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่!ฮึ คุณหนูสูงศักดิ์ที่ยังไม่ทันกลับบ้านก็เสียความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว ยังจะเรียกว่าคุณหนูสูงศักดิ์ได้อีกหรือ?นางเคยเป็นแม่นมอยู่ในจวนโหว ย่อมรู้ดีว่าพวกชนชั้นสูงเหล่านั้นทั้งเรื่องมากและจู้จี้จุกจิก มีหรือที่จะอยากได้หญิงสำส่อนที่เคยนอนกับคนอื่นแล้ว?เมื่อถึงตอนนั้น หญิงสำส่อนที่เสียตัวก่อนแต่งงาน กับคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่มีความรู้ความสามารถ ต่อให้จวนหย่งผิงโหวหลับตาเลือก ก็คงเลือกได้ไม่ยากคิดจะกลับไปขวางทางลูกสาวของนาง ฝันไปเถอะ!คิดได้ดังนั้น หลี่ซิ่วเหนียงก็แทบทนรอไม่ไหวแล้ว อยากจะรีบกลับถึงบ้านเสียเดี๋ยวนี้เลยใครจะไปรู้ว่า ห่างจากประตูบ้านประมาณหนึ่งร้อยเมตร หัวหน้าหมู่บ้านกลับพาคนกลุ่มใหญ่ถือคบเพลิงมาล้อมพวกนางเอาไว้หลี่ซิ่วเหนียงชะงักไปครู่หนึ่ง “หัวหน้าหมู่บ้าน? ท่านทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”หัวหน้าหม
“ข้าก็คือสวี่อินอินน่ะสิ” นางแสยะยิ้มมุมปาก “เพียงแต่ไม่ใช่สวี่อินอินคนเดิมที่ยอมให้เจ้าข่มเหงรังแกอีกแล้ว”“แผนการของลูกสาวแท้ ๆ ของเจ้าล้มเหลว พวกเจ้าสองคนก็ตายแล้ว” สวี่อินอินโน้มตัวเข้าไปใกล้หลี่ซิ่วเหนียงน้ำเสียงของนางราวกับภูตผี “เจ้าเดาสิว่าหลังจากข้ากลับไป นางยังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือไม่?”หลี่ซิ่วเหนียงสติแตก ทันใดนั้นนางก็เริ่มคลุ้มคลั่ง ดิ้นรนอย่างรุนแรงอยู่ในกรง “นางสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า! เจ้าต้องไม่ตายดีแน่!”สวี่อินอินกลัวจนถอยหลังไปสองสามก้าว ล้มลงนั่งกับพื้นจากนั้นก็ร้องไห้ขอร้องด้วยความหวาดกลัว “ท่านแม่ อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า!”หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียง “จะตายอยู่แล้วยังไม่สำนึกผิด ชั่วร้ายที่สุด! ถ่วงน้ำเดี๋ยวนี้!”กรงถูกยกขึ้น สวี่อินอินมองหลี่ซิ่วเหนียงที่ยังคงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอยู่ในกรง จากนั้นค่อย ๆ ยิ้มอย่างชั่วร้ายทันใดนั้น เสียงตูมดังขึ้น กรงหมูก็ตกลงไปในทะเลสาบ เกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดกระเซ็นเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็มีคนจากจวนหย่งผิงโหวมาถึง เป็นแม่นมคนหนึ่งที่วางมาดใหญ่โตสวี่อินอินมองแวบเดียวก็จำได้ทันทีว่า คนที่วางมาดโอหังยิ่งกว่านายหญิงคนนี
อากาศบนผิวน้ำสดชื่นกว่าอากาศในน้ำมากแม่นมฮวาคิดจะฆ่านางให้จมน้ำตายจริง น่าขันสิ้นดีนางต้องรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ภายในบ้านมาตั้งแต่ตอนที่เริ่มหัดกินข้าวเองได้เหล่าชาวนาต้องจ่ายค่าเช่าทำนาให้กับเจ้าของที่ดิน หลี่ซิ่วเหนียงและคนขายเนื้อสวี่ก็ใช้สารพัดวิธีกดขี่ขูดรีดเงินจากนางขึ้นเขาเก็บเห็ด ตัดฟืน เก็บเมล็ดชา ลงน้ำจับปลา จับเต่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นงานถนัดของนางสวี่อินอินเงยหน้าโผล่พ้นน้ำ รู้สึกได้ว่าแรงดิ้นรนของแม่นมฮวาค่อย ๆ น้อยลง จนกระทั่งไม่มีแรงเหลืออยู่สายลมอ่อน ๆ พัดมาจากริมฝั่ง นางอ้าปากจาม กำลังจะดำลงไปลากแม่นมฮวาขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพเหตุการณ์ ‘วีรกรรมช่วยชีวิต’ ของนางแต่ใครจะรู้ว่าขณะที่ยกมือขึ้น ข้อศอกของนางกลับไปกระแทกเข้ากับบางอย่างสัมผัสนี้ทำให้นางรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง สมองพลันว่างเปล่า จากนั้นก็ตระหนักได้ในทันทีว่า มีคนอื่นอยู่ในน้ำด้วย!หรือว่าแม่นมฮวาจะยังเตรียมคนไว้ในน้ำอีก?หากเป็นเช่นนั้น...ในชั่วพริบตา เลือดในร่างกายของนางก็เดือดพล่านขึ้น แต่สมองกลับสงบลงอย่างประหลาด นางค่อย ๆ ปล่อยแม่นมฮวา และพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็วโดยอาศั
สวี่อินอินเป็นที่รักของผู้คนในหมู่บ้านต่างจากคนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงที่ใจดำ สวี่อินอินเป็นเด็กที่เชื่อฟังและรู้ความ คนเราย่อมมีความรู้สึก เห็นสวี่อินอินอายุยังน้อยแต่ต้องลำบากเช่นนี้ คนในหมู่บ้านจึงดูแลนางเป็นพิเศษสวี่อินอินก็เป็นเด็กที่รู้จักบุญคุณ กินข้าวบ้านไหนก็ไปช่วยเขาเลี้ยงหมู ดื่มน้ำบ้านใครก็ไปช่วยเขาตัดฟืนดังนั้นตอนนี้หัวหน้าหมู่บ้านมองนาง ก็เหมือนกับมองลูกหลานของตัวเองยังไม่ทันได้กลับไป บ่าวไพร่ของจวนโหวก็คิดจะฆ่าสวี่อินอินแล้ว ถ้ากลับไป จะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?อีกอย่าง อย่างน้อยในหมู่บ้าน สวี่อินอินก็เข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี หากนางสามารถยืนหยัดอยู่ในจวนโหวได้ ในอนาคตก็จะเป็นผลดีต่อหมู่บ้านด้วยเขาตอบรับทันที “ได้! แม่หนูไม่ต้องกลัว ข้าจะไปแจ้งหน่วยปราบปรามเดี๋ยวนี้!”เห็นหัวหน้าหมู่บ้านกำลังจะไปแจ้งทางการจริง ๆ บ่าวไพร่ของจวนหย่งผิงโหวก็นั่งไม่ติดแล้วโดยเฉพาะสาวใช้ที่แต่งตัวงดงามคนนั้น นางรู้ดีแก่ใจว่าแม่นมฮวาตั้งใจนัดสวี่อินอินไปที่ริมทะเลสาบ เพื่อจะฆ่าสวี่อินอินให้จมน้ำตายจริง ๆ หากแจ้งทางการจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จวนโหวจะเสียหน้าตัวนางเอ
แม่นมจางควบอาชาเร็วกลับเมืองหลวงแล้วนางหวังฮูหยินหย่งผิงโหวอ่านบันทึกบัญชีที่หัวหน้าหมู่บ้านนำมามอบให้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังจะจิบน้ำชา ก็ได้ยินเสียงของชีอวิ๋นถิงคุณชายใหญ่แว่วดังมาจากด้านนอกนางพลันวางน้ำชาในมือทันใด จ้องมองชีอวิ๋นถิงที่เพิ่งเข้ามา : “เห็นเจ้าดูร้อนรนกระวนกระวายนัก ไปทำอะไรมาหรือ? เพิ่งจะยามนี้เองเหตุใดจึงกลับมาแล้ว?”บุตรธิดาสกุลชีถูกแบ่งตามลำดับอาวุโส ชีอวิ๋นถิงเป็นบุตรคนแรกของนางหวัง และเป็นหลานชายสายหลักคนโตสุด คนทั้งตระกูลล้วนมองเขาประหนึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชีอวิ๋นถิงอยู่ต่อหน้ามารดา ครั้นหยิบขนมกุ้ยฮวาขึ้นชิ้นหนึ่งพลางผุดยิ้มอย่างดี ส่งเข้าปากแล้วคำหนึ่ง ค่อยเอ่ยขึ้นว่า : “วันนี้จะออกไปชมงิ้วร่วมกับสหายที่หอจิ่นซิ่ว”“น้องหญิงของเจ้ากลับมาถึงวันนี้ เจ้ายังมีจิตใจไปชมงิ้วอีกหรือ?” นางหวังขมวดหัวคิ้ว ท่าทางไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ในฐานะที่เจ้าเป็นพี่ชายแท้ ๆ ก็สมควรอยู่ต้อนรับคนกลับสู่เหย้าด้วยตนเองสิ!”ชีอวิ๋นถิงพ่นลมฮึออกจากจมูก เบะปากอย่างดูแคลน : “ท่านแม่ จะให้ข้าไปรับเด็กบ้านนอกกลับมา ท่านอยากทำให้เจ้าเด็กอ่อนต่อโลกน
ชีเจิ้นเป็นผู้บัญชาการทัพประจำกองพันจีหยิงซึ่งเป็นหนึ่งในสามกองพันใหญ่ และดำรงตำแหน่งเป็นรองเสนาบดีฝ่ายซ้ายประจำกรมยุทธนาการควบคู่ไปด้วย ยามปกติเขาต้องเข้าไปรายงานตัวที่กรมยุทธนาการเสมอ งานยุ่งสาหัสเพียงนี้ คนในเรือนยังไม่กล้าไปรบกวนเขาตามใจเสียด้วยซ้ำ ผู้ใดเล่าจะกล้าเข้าไปพบเขาที่ศาลาว่าการ? นางหวังปรายตามองแม่นมจางปราดหนึ่ง ใบหน้าของแม่นมจางเองก็ฉายแววประหลาดใจไม่ต่างกัน ก่อนที่นางจะเดินทาง ได้กำชับพวกอวิ๋นเชวี่ยแล้วว่าจงดูแลคุณหนูใหญ่ให้ดี และห้ามสะเพร่าจนทำให้อีกคนไม่พอใจอย่างเด็ดขาด หรือเจ้าคนพวกนี้มิได้ฟังที่พูดไปเลยสักนิด?! แต่นั่นก็ไม่น่าเป็นไปได้! เพราะตนเองนั่งรถม้ากลับมาแล้ว สวี่อินอินไม่มีทั้งรถและไม่มีทั้งคน นางจะส่งข่าวมาถึงเมืองหลวงได้อย่างไร? หรือพูดอีกอย่างว่า สวี่อินอินก็เป็นแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้น เกรงว่าแม้แต่เมืองเป่าตี้กับเมืองต้าซิงยังแยกไม่ออกเสียด้วยซ้ำ อย่างนางจะไปหาศาลาว่าการของกรมยุทธนาการเจอได้อย่างไร? ชีอวิ๋นถิงเองก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน เหลือบสายตาลอบมองชีเจิ้นแล้วปราดหนึ่ง สีหน้าของชีเจิ้นเยียบเย็น จ้องมองพวกเขาก็ส่งเสีย
สวี่อินอินค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น แสงอาทิตย์ส่องสว่างบาดตายิ่งนัก ตรงที่ไกลออกไปคนผู้หนึ่งกำลังควบอาชาสูงใหญ่ พร้อมนำคนกลุ่มหนึ่งทะยานเข้ามาด้วยความรวดเร็ว และหยุดตรงเบื้องหน้าสวี่อินอิน ประชาชนไม่ต่อสู้ขุนนาง ถึงแม้กลุ่มชาวบ้านที่เข้ามามุงดูความครึกครื้นเหล่านั้นจะชมเหตุการณ์อย่างเพลิดเพลินได้อรรถรสอยู่ในตอนแรก แต่เมื่อมองเห็นท่านโหวซึ่งสวมชุดเกราะ ห้ออาชาศึกที่ตัวสูงใหญ่กว่าคนเข้ามา ฝูงชนต่างพร้อมใจกันแหวกทางให้ทันที ชีเจิ้นปรายสายตามองลงไปยังจุดที่ต่ำกว่า ประเมินดรุณีที่เนื้อตัวเปียกโชกคนนั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก็ถามด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “เป็นเจ้าเองหรือที่เข้ามาฟ้องร้องต่อทางการ?” เขาหันหลังให้ดวงอาทิตย์ และเป็นสวี่อินอินที่เผชิญหน้ากับแสงอาทิตย์โดยตรง เพียงเสี้ยวขณะเดียวก็ถูกแสงอาทิตย์เจิดจ้าร้อนแรงส่องทะลุเข้าตาจนลืมไม่ขึ้น ทั้งที่มองไปแล้วดูบอบบางอ่อนแอ มิหนำซ้ำบนดวงหน้ายังเปรอะดินโคลนสกปรก มิอาจเทียบทาริกาจากตระกูลเศรษฐีผู้รากมากดีได้เลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าชีเจิ้นมองปราดเดียวกลับเห็นแผ่นหลังตั้งตรงของนางได้ทันท
สวี่อินอินก้มศีรษะต่ำ แต่เดิมนางยังคิดว่าตนเองคงจะไม่มีโอกาสใดที่ทำให้พบหน้าเซียวอวิ๋นถิงอีกแล้ว ไหนเลยจะทราบ ยังไม่ทันผ่านพ้นหนึ่งวัน ก็บังเอิญได้พบกันอีกครั้งหนึ่งแล้วเช่นนี้ ใบหน้าของเซียวอวิ๋นถิงฉายประกายครุ่นคิดออกมา ก่อนหน้านี้ที่บังเอิญพบเด็กสาวคนนี้ระหว่างทาง เขายังนึกสงสัยในใจว่าเหตุใดสถานที่แบบนี้ ถึงมีเด็กสาวที่สามารถฆ่าคนได้เด็ดขาดคล่องแคล่วปรากฏอยู่ คิดไม่ถึงเลยว่า แท้จริงแล้วจะเป็นแม่นางของจวนหย่งผิงโหว เขายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าเคยได้ยินมาบ้าง ว่ามีบุตรสาวของจวนหย่งผิงโหวพลัดพรากจากไปคนหนึ่ง ที่จริงแล้วคือแม่นางท่านนี้เองหรือ?” เขาหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง ก็เอ่ยวาจาคล้ายมีความนัยซ่อนเร้น “เหตุใดจึงมาวุ่นวายที่ศาลาว่าการแห่งนี้?” ยามนี้จิ้งอ๋องท่านนี้กำลังดูแลคดีฉ้อโกงเกี่ยวกับการลำเลียงสินค้าผ่านน่านน้ำทางใต้ ที่เขาเดินทางมาศาลาว่าการเป็นไปได้ว่าต้องมีธุระจำเป็นต้องพบเจ้าเมืองประจำเมืองต้าซิงแน่ เข้าศาลาว่าการประจำเมืองไปแล้ว ด้วยฐานะของท่านอ๋องอย่างเขา หากต้องการทราบเรื่องใดมีหรือจะไม่ได้ทราบเรื่องนั้น? ชีเจิ้นไม่กล้าโป้ปด “เรียนท่านอ๋อง ในเรือนมีบ่าวชั่วก
หรือว่าอ๋องเฉิงกับคุณชายรองตระกูลหลิ่วเดิมก็มีเรื่องอื้อฉาวกันมานานแล้ว ทั้งสองนัดพบกันที่จวนตระกูลหวัง แต่เกิดมีปากเสียงกัน คุณชายรองตระกูลหลิ่วจึงพลั้งมือฆ่าอ๋องเฉิงเข้าความสัมพันธ์นี้มันยุ่งเหยิงเกินไปแล้ว!อีกอย่าง ยังมีศพสาวใช้ของตระกูลหวังอีกคนหนึ่งในที่นี้ด้วย!และไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาวใช้คนนั้นบังเอิญไปเห็นเรื่องอื้อฉาวของคุณชายรองตระกูลหลิ่วกับอ๋องเฉิง จึงถูกพวกเขาฆ่าปิดปากหรือไม่จากนั้นพวกเขาก็ทะเลาะกันเพราะเรื่องการฆ่าคน?หลังจากนายท่านใหญ่หวังพูดจบ ก็เห็นฉู่กั๋วกงจ้องมองเขาเขม็ง ดวงตาราวกับจะพ่นไฟออกมาเขาสะดุ้งถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วอธิบายอย่างรวดเร็ว: “ท่านกั๋วกง เรื่องนี้จะมาโทษพวกเราตระกูลหวังไม่ได้นะ! พวกเราไม่ได้ส่งเทียบเชิญให้อ๋องเฉิงเลย! เป็นอ๋องเฉิงเองที่มาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ…...”ทุกคนสบตาอย่างรู้กันอ๋องเฉิงเคยให้เกียรติตระกูลไหนด้วยตัวเองเยี่ยงนี้เสียเมื่อไหร่กัน?จุ๊จุ๊เห็นได้ชัดว่ามาเพราะคุณชายรองตระกูลหลิ่วโดยเฉพาะ!ในที่สุดฉู่กงกั๋วก็สุดจะอัดกลั้น ถูกทำให้โกรธจนล้มลงไป!ท่านโหวผู้เฒ่าชีแอบยิ้มมุมปากช่างไม่เคยเห็นโลกกว้างเสียจริงกล้าทำแต
ไม่เพียงแต่ตายไปแล้ว ยังตายในสภาพที่ไม่สำรวมอย่างยิ่ง ร่างของชายคนหนึ่ง เปลือยเปล่า คว่ำหน้าอยู่บนระเบียงหลังประตูเรือน ดูจากท่าทางคล้ายกับกำลังพยายามคลานออกไปด้านนอกไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น!ฮูหยินผู้เฒ่าหวังถึงกับชะงักงันตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าทำไมฮูหยินเฉิงกั๋วกงถึงตกใจจนล้มลงไป ทำไมฮูหยินฉู่กั๋วกงถึงตกใจจนเป็นลมหมดสติ!คือคุณชายรองตระกูลหลิ่ว!คือบุตรชายรองของฉู่กั๋วกงหลังจากที่หลิ่วจิงหงเสียชีวิตไป บุตรชายรองผู้นี้ก็กลายเป็นผู้มีโอกาสมากที่สุดที่จะได้เป็นผู้สืบทอดแห่งจวนฉู่กั๋วกงแม้เขาจะเป็นบุตรที่เกิดจากอนุภรรยา แต่ในเมื่อหลิ่วจิงหงตายไปแล้ว ใครจะมาสนใจว่าเขาเป็นลูกอนุหรือไม่?!แม้แต่ฮูหยินฉู่กั๋วกงเองก็ยังเริ่มใจอ่อนและเอ็นดูเขามากขึ้นมีข่าวลือว่าตระกูลฉู่กำลังเตรียมการให้เขาถูกบันทึกเป็นบุตรในนามของฮูหยินฉู่กั๋วกง เพื่อเปลี่ยนสถานะเป็นบุตรภรรยาเอก แล้วให้ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดอย่างถูกต้องแต่ใครจะคาดคิดว่า เขาจะมาตายที่นี่ในสภาพเช่นนี้นางหวังกรีดร้องออกมา พร้อมกับรีบยกมือขึ้นปิดตาตัวเองพวกบุรุษพวกนี้เป็นบ้าอะไรกัน?ไม่คิดจะรักษาห
หากเป็นเช่นนั้นจริง ฉู่กั๋วกงย่อมไม่มีทางมีปฏิกิริยาเช่นนี้แน่นอนเกิดเรื่องขึ้นแล้วฮูหยินฉู่กั๋วกงหลับตาลงชั่วครู่ ความไม่เต็มใจและความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมาในอก เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?นางยังไม่ทันได้เอ่ยถามฉู่กั๋วกงว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นฮูหยินผู้เฒ่าหวังถูกประคองเข้ามาอย่างเร่งรีบ นางเอ่ยถามอย่างหอบหายใจหนัก: “เกิดอะไรขึ้น?!”นายท่านใหญ่หวังมองไปที่ฉู่กั๋วกงด้วยสีหน้าประหลาดก่อน จากนั้นก็หันไปมองฮูหยินฉู่กั๋วกงอีกครั้ง ไม่รู้ควรพูดอะไรดีไปชั่วขณะนางหวังใจเต้นระรัวจนแทบจะถึงลำคอ กำลังจะเอ่ยถามว่าชีหยวนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ แต่เมื่อเห็นท่านโหวผู้เฒ่าชีกำลังกระซิบกระซาบกับผู้อื่น ยังเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว และนางก็เงียบลงทันทีน่าจะไม่เกี่ยวกับชีหยวน หากเกี่ยวข้องกับชีหยวน ท่านโหวผู้เฒ่าชีจะยังมีท่าทีสงบนิ่งเช่นนี้ได้อย่างไร?ฮูหยินผู้เฒ่าหวังตกใจจนแทบจะยืนไม่อยู่ นางกระทืบเท้าอย่างร้อนใจแล้วเร่งถาม: “เจ้าก็พูดมาสิ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”ชินอ๋องผู้สูงศักดิ์ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรในจวนของพวกเขาก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ เกรงแต่ว่าตระกูลหวังจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม
ในใจของฮูหยินฉู่กั๋วกงรู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเห็นพ่อบ้านกล่าวเช่นนี้ ก็คาดเดาได้ทันทีถึงเหตุผลที่เขาลำบากใจเรื่องของหลิ่วหมิงจูและชีหยวนที่เกิดขึ้นในสนามตีคลี เป็นที่อื้อฉาวขนาดนั้น คนในหมู่ขุนนางที่ควรรับรู้ก็ล้วนรับรู้กันหมดแล้วดังนั้น ความบาดหมางระหว่างตระกูลหลิ่วและชีหยวนจึงเป็นเรื่องที่เปิดเผยต่อภายนอกตอนนี้ชีหยวนถูกอ๋องเฉิงล่วงเกิน นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีงามอะไรด้วย ตระกูลหวังย่อมไม่ต้องการให้พวกนางไปดูเรื่องสนุกนี้แน่ทว่าจะขวางนางได้งั้นหรือ?ฮูหยินฉู่กั๋วกงขมวดคิ้ว สีหน้าวิตกกังวล: “ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นแขกในจวนนี้ ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้น จะให้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร? อ๋องเฉิงมีฐานะสูงส่ง เรื่องนี้ย่อมไม่อาจผิดพลาดได้แม้แต่น้อย!”นางกล่าวพลางปรายตามองฮูหยินผู้เฒ่าหวังด้วยรอยยิ้มที่แฝงนัย: “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านว่าถูกหรือไม่?”ขณะนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหวังทั้งตื่นตระหนกสับสน อัดอั้นร้อนใจ จนแทบหายใจไม่ออกเมื่อได้ยินฮูหยินฉู่กั๋วกงกล่าวเช่นนี้ ก็คิดจะคัดค้านในทันทีทว่าฮูหยินฉู่กั๋วกงกลับยิ้มพลางพูดจาเหน็บแหนมกับฮูหยินเฉิงกั๋วกงไปมาเสียแล้วนางหวังสังเกตเห็นว่ามือข
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าหวังพลันดูลำบากใจขึ้นมาเล็กน้อยเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามตีคลี ทุกคนต่างรู้กันดีหลิ่วหมิงจูทะเลาะกับชีหยวนจนถึงขั้นแตกหักกัน ตระกูลหลิ่วยังถึงขั้นเคยบุกไปที่จวนตระกูลชีเพื่อทวงความเป็นธรรมอีกด้วยทว่าคุณชายรองตระกูลหลิ่ว กลับถูกท่านโหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้น ทำให้ต้องกลับไปมือเปล่าอย่างน่าโมโห บัดนี้ ฮูหยินฉู่กั๋วกงกลับเอ่ยถึงชีหยวนขึ้นมาอีก ตาขวาของฮูหยินผู้เฒ่าหวังพลันกระตุก นางจึงกล่าวเลี่ยงๆ ว่า: “นางยังไม่เคยออกงานเลี้ยงมาก่อน ยังค่อนข้างขี้อาย ตอนนี้กำลังเล่นอยู่กับน้องหญิงของนางที่เรือนหลัง นางเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง คงพูดจาผสมโรงกับพวกเราไม่ค่อยได้”ฮูหยินฉู่กั๋วกงยิ้มจางๆ : “จะพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เด็กสาวคนอื่นอาจจะเป็นเช่นนั้นจริง แต่หลานสาวของท่านผู้นี้ ใครจะมองว่านางเป็นเพียงเด็กกันเล่า? ข้าก็เคยได้ยินแต่เพียงชื่อเสียงของนาง แต่ยังไม่เคยพบตัวจริงมาก่อน จึงอยากรู้เป็นพิเศษ ฮูหยินผู้เฒ่าก็อย่าหวงนักเลย”กลุ่มสตรีต่างผลัดกันพูดคุยอย่างออกรสฮูหยินผู้เฒ่าหวังที่เริ่มรับมือไม่ไหวแล้ว ทันใดนั้น ก็มีเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอกงานเลี้ยงในวันนี
ใครจะรู้ว่าเมื่อพุ่งเข้าไปกลับคว้าได้เพียงอากาศ นอกจากลูกดอกที่นางยิงมาไม่กี่ดอก กับกิ่งไม้ใหญ่ที่ถูกเหยียบจนเรียบ พิสูจน์ให้ว่าก่อนหน้านี้เคยมีคนอยู่ที่นี่คนหนีไปแล้วงั้นหรือ?มือของชีหยวนกำกริชแน่น ดวงตาที่เย็นชากวาดมองเศษกิ่งไม้และใบไม้บนพื้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากกำแพง จึงยกมือขึ้นตามสัญชาตญาณเซียวอวิ๋นถิงกระโดดลงมาอย่างมั่นคงข้างนาง กดข้อมือนางไว้ กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์: “ข้าเอง!”ชีหยวนมองเขาด้วยความสงสัย “เหตุใดท่านอ๋องถึงอยู่ที่นี่ได้?”เซียวอวิ๋นถิงรู้สึกปวดใจเรื่องที่ควรเตือนก็ให้ลิ่วจินคอยเตือนแล้ว ใครจะรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้กลับไม่สนใจเลย รู้ทั้งรู้ว่าข้างหน้าคือกำแพงใหญ่ แต่นางก็ยังคงต้องการที่จะพุ่งชนมันให้พังทลายแล้วเขาจะทำอะไรได้อีก?!เซียวอวิ๋นถิงไอออกมา สายตาของเขามองข้ามนางไปยังร่างของอ๋องเฉิงที่นอนแน่นิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ไม่ไกล นัยน์ตาถึงกับสั่นไหวในทันที: “เจ้าฆ่าอ๋องเฉิงแล้ว!”อ๋องเฉิงกับอ๋องโจวนั้นเหมือนกัน ตามศักดิ์แล้วเขาควรเรียกว่าท่านปู่น้อยถึงแม้หลายปีมานี้อ๋องเฉิงจะใช้ชีวิตลุ่มหลงในกามารมณ์และไร้คุณธรรม เป็นที่รู้กันว่าเขาทรมานและสังห
หรือว่าจะกระชากทั้งตัวนางให้ร่วงลงพื้นไปเสียเลย ถึงตอนนั้นกระแทกพื้นจนสับสนมึนงง จากนั้นก็ฉีกเสื้อผ้านางออก เช่นนั้นเขาก็จะสามารถทำอะไรตามใจชอบได้?บรรดาหญิงสาวผู้สูงศักดิ์พวกนั้นล้วนแต่แข็งทื่อ ไร้ชีวิตชีวา ไม่ต่างอะไรกับปลาตายแต่เด็กสาวตรงหน้ากลับต่างออกไป เขาแทบจะจินตนาการได้เลยว่า นางจะดิ้นรนขัดขืนบนพื้นอย่างสิ้นหวังเพียงใด แค่คิดก็ทำให้เลือดในกายเขาเดือดพล่านแล้วชายกระโปรงถูกเขาคว้าไว้ได้ดังใจหวังอ๋องเฉิงหัวเราะเบาๆ : “จับเจ้าได้แล้ว”ชีหยวนก็หัวเราะเช่นกันนางโปรยผงใส่หน้าอ๋องเฉิงอย่างฉับพลัน พร้อมกับยิ้มจางๆ : “เจ้าติดกับแล้ว”ทันทีที่ผงนั้นเข้าตา อ๋องเฉิงก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดแผดเผาอย่างบรรยายไม่ถูก ราวกับเปลวไฟลุกลามไปทั่วลูกตา จนเขากรีดร้องออกมาโดยไม่อาจควบคุมตนเองได้สีหน้าของชีหยวนยังคงเรียบเฉยนางรู้ดี สำหรับนักฆ่าที่ผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วนเช่นนาง ต่อให้พกของมากแค่ไหนก็ไม่นับว่ามากเกินไปตรงหน้ามืดบอดสนิท น้ำตาไหลทะลักออกมาไม่หยุด คนเราเมื่อสูญเสียการมองเห็น ก็ย่อมสูญเสียความรู้สึกปลอดภัยไปด้วยอ๋องเฉิงเจ็บปวดมากจนต้องใช้มือทั้งคู่ขยี้ตาอย่างบ้าคลั่งทัน
สีหน้าของอ๋องเฉิงเรียบนิ่ง บิดคอสาวใช้อย่างง่ายดายแล้วเหวี่ยงไปด้านข้าง มืออีกข้างก็ตะปบข้อเท้าของชีหยวนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระชากนางเข้าหาตัวขาอีกข้างที่ถูกจับไว้ ทำให้ชีหยวนเสียหลัก ร่างกายท่อนบนของนางเอนล้มไปด้านหลังอ๋องเฉิงแสยะยิ้มอย่างไม่ยี่หระ : “ที่แท้ก็เป็นลูกแมวน้อยที่ชอบข่วนคนสินะ”เขากระชับข้อเท้าของชีหยวน จู่ ๆ ก็ออกแรง โน้มตัวลงใช้ปลายจมูกไล้ไปตามข้อเท้าของชีหยวน: “ช่างมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครจริงๆ”ชีหยวนเพียงรู้สึกขนลุกซู่แล่นขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง แรงอาฆาตโหมกระหน่ำในใจ ขณะที่แผ่นหลังนางกระแทกลงไปกับพื้นอย่างแรง ก็รีบสะบัดมือ ปล่อยเกาทันณฑ์แขนเสื้อพุ่งตรงไปยังอ๋องเฉิงทันทีอ๋องเฉิงไหวตัวเร็วมาก แทบจะเป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกดอกถูกปล่อยออกมา เขาสะบัดมือปล่อยข้อเท้าของชีหยวน พร้อมกับเอนศีรษะหลบไปด้านข้างลูกดอกเฉียดแก้มของเขาไปอย่างฉิวเฉียด ทิ้งรอยแผลลึกไว้บนใบหน้าซีกซ้ายของเขาสีหน้าของอ๋องเฉิงเคร่งขรึมไปทันที มือซ้ายของเขาแตะรอยแผล สัมผัสได้ว่ามีเลือดติดมือ สีหน้าของเขามืดดำราวกับพายุที่กำลังจะโหมกระหน่ำ: “ตอนแรกคิดว่าเป็นแมวป่าตัวน้อยตัวหนึ่ง รู้สึกน่าสนใจดี แ
นางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย มือแตะลงบนรอยแผลเป็นอยู่ชั่วขณะพลางเอ่ยถามเบาๆ: “บาดเจ็บได้อย่างไร?”ชีหยวนดึงแขนเสื้อให้เรียบร้อย โชคดีที่ฮูหยินผู้เฒ่าหวังไม่ได้เห็นแขนอีกข้าง ที่ยังผูกมีดเกาทัณฑ์แขนเสื้อเอาไว้อยู่นางตอบเสียงเรียบ: “หลานจำไม่ได้แล้ว คงเป็นตอนที่ช่วยเชือดหมูช่วงปีใหม่ปีใดปีหนึ่ง แล้วพลาดถูกมีดเชือดหมูบาดเข้า”นางจำไม่ได้แล้วจริงๆ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าหวังกลับแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วนางก็คิดไว้แล้วว่า ความสามารถต้องแลกมาด้วยราคาเสมอเด็กสาวที่สามารถยึดบังเหียนไว้ได้แม้ในขณะที่ตกจากหลังม้า ในชีวิตนี้ย่อมผ่านความยากลำบากมานับไม่ถ้วนขณะนั้นเอง มีเสียงรายงานจากข้างนอกว่า คนจากจวนฉู่กั๋วกงและจวนเฉิงกั๋วกงมาเยือนฮูหยินผู้เฒ่าหวังสูดลมหายใจลึกๆ ตั้งสติ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา: “เด็กดี ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ เจ้าไปเล่นกับน้องหญิงของเจ้าก่อนเถิด เดี๋ยวไว้เราค่อยคุยกันอีก”ชีหยวนรับคำ เมื่อเห็นหวังฉานเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มและดึงตัวนาง ก็ก้มหน้าลงซ่อนแววตาที่เย็นชาฮูหยินฉู่กั๋วกงมาแล้ว ดูท่าปัญหาคงใกล้เข้ามาแล้วหวังฉานจูงมือนางเดินออกไป ตลอดทางนางร่าเริงเหมือนลูกกวางตัว