แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: ฉินอันอัน
แม่นมจางควบอาชาเร็วกลับเมืองหลวงแล้ว

นางหวังฮูหยินหย่งผิงโหวอ่านบันทึกบัญชีที่หัวหน้าหมู่บ้านนำมามอบให้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังจะจิบน้ำชา ก็ได้ยินเสียงของชีอวิ๋นถิงคุณชายใหญ่แว่วดังมาจากด้านนอก

นางพลันวางน้ำชาในมือทันใด จ้องมองชีอวิ๋นถิงที่เพิ่งเข้ามา : “เห็นเจ้าดูร้อนรนกระวนกระวายนัก ไปทำอะไรมาหรือ? เพิ่งจะยามนี้เองเหตุใดจึงกลับมาแล้ว?”

บุตรธิดาสกุลชีถูกแบ่งตามลำดับอาวุโส ชีอวิ๋นถิงเป็นบุตรคนแรกของนางหวัง และเป็นหลานชายสายหลักคนโตสุด คนทั้งตระกูลล้วนมองเขาประหนึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชีอวิ๋นถิงอยู่ต่อหน้ามารดา ครั้นหยิบขนมกุ้ยฮวาขึ้นชิ้นหนึ่งพลางผุดยิ้มอย่างดี ส่งเข้าปากแล้วคำหนึ่ง ค่อยเอ่ยขึ้นว่า : “วันนี้จะออกไปชมงิ้วร่วมกับสหายที่หอจิ่นซิ่ว”

“น้องหญิงของเจ้ากลับมาถึงวันนี้ เจ้ายังมีจิตใจไปชมงิ้วอีกหรือ?” นางหวังขมวดหัวคิ้ว ท่าทางไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ในฐานะที่เจ้าเป็นพี่ชายแท้ ๆ ก็สมควรอยู่ต้อนรับคนกลับสู่เหย้าด้วยตนเองสิ!”

ชีอวิ๋นถิงพ่นลมฮึออกจากจมูก เบะปากอย่างดูแคลน : “ท่านแม่ จะให้ข้าไปรับเด็กบ้านนอกกลับมา ท่านอยากทำให้เจ้าเด็กอ่อนต่อโลกนั่นตกใจตายหรือ?”

เขารังเกียจเดียดฉันท์น้องสาวคนนี้ยิ่งนัก ปัดมือแล้วก็หยัดกายขึ้นยืน : “ไม่กลัวขัดลาภของนางหรือ! ช่างเถิด ลูกยังมีวิชาเรียนอีก ขอตัวกลับห้องก่อนแล้ว”

เห็นเขาไม่เอาไหนถึงเพียงนี้ นางหวังขุ่นเคืองจนปวดสมอง “ลูกเวร! ถึงอย่างไรนางก็เป็นน้องสาวของเจ้า เจ้าหยุดพูดว่านางเป็นเด็กบ้านนอกได้แล้ว!”

สีหน้าของชีอวิ๋นถิงพลันเยียบเย็นลง “นางไม่ใช่! น้องหญิงของข้าคือไข่มุกงามแห่งเมืองหลวง! เป็นอิสตรีผู้มีพรสวรรค์สามารถหยิบจับศิลปะสี่แขนง[footnoteRef:1]ได้อย่างถนัดมือต่างหาก! คนอย่างนางจะเป็นอะไรไปได้? ก็มีเพียงท่านแม่ที่ให้ความสำคัญกับนางเกินเหตุ!” [1: ศิลปะสี่แขนง หมายถึง ฉิน หมากรุก วรรณคดี และศิลปะการวาดภาพ]

วาจานี้หยาบคายยิ่งนัก ทว่านางหวังกลับทำเพียงถลึงตาจ้องเข้าอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนเท่านั้น “เอาเถิด! ถึงไม่ได้ความเพียงใด ก็เป็นน้องสาวร่วมครรภ์มารดาเดียวกับเจ้า! จะมีสิ่งใดมิเพียบพร้อม แค่พาตัวกลับมาอบรมสั่งสอนให้ดีขึ้นก็สิ้นเรื่องแล้ว”

ชีอวิ๋นถิงกลอกตา “ท่านแม่ ถ้อยคำนี้ท่านเก็บไว้ปลอบตนเองเถิด อายุตั้งเท่านี้แล้ว ยังเปลี่ยนอะไรได้อีกหรือ? ข้าจะบอกให้ ว่าท่านไม่ควรให้คนไปรับกลับมาตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยทิ้งไว้ในชนบท ให้นางมีชีวิตอยู่และตายไปเองนั้นก็สมควรแล้ว”

ในใจของนางหวังเองก็รู้สึกอึดอัดมากเหมือนกัน

หลังทราบความจริงว่าบุตรของตนถูกอุ้มสลับตัวมา นางรู้สึกฟ้าถล่มแล้วจริงๆ

ตอนคลอดชีอวิ๋นถิงนางตกเลือดอย่างหนัก ร่างกายย่ำแย่ถึงที่สุด หมอหลวงล้วนบอกว่า จากนี้เกรงว่านางมิอาจให้กำเนิดบุตรได้อีกแล้ว

ตอนอุ้มครรภ์บุตรคนที่สอง ครรภ์ของนางคล้ายว่าไม่มั่นคงนัก เด็กคนนี้ เป็นเด็กที่นางเพียรน้อมคำนับอ้อนวอนขอมาจากพระโพธิสัตว์กวนอิม

เพราะได้รับมาด้วยความยากลำบาก จึงทะนุถนอมมากเป็นพิเศษ

เมื่อก่อนตอนยังไม่รู้เรื่องราวของชีจิ่น นางหวังทุ่มเทความสนใจให้กับบุตรีคนนี้แทบทุกสิ่งอย่าง เลี้ยงดูนางสุดดวงใจ ไม่ว่าเรื่องใดล้วนหยิบยื่นสิ่งที่ดีที่สุดให้กับนาง

ยิ่งเป็นเช่นนี้ หลังจากรับรู้ความจริงแล้ว ก็ยิ่งยากจะตัดใจ

แม้บอกจะตามหาบุตรีที่แท้จริงกลับมา ทว่าคนในตระกูลชีล้วนแต่เห็นพ้องต้องกันเป็นเสียงเดียว นั่นคือชีจิ่นเองก็ต้องไม่ไปที่ใดด้วยเด็ดขาด

ด้วยเรื่องรับตัวสวี่อินอินกลับมา หลายวันมานี้ชีจิ่นเองก็ป่วยอยู่ตลอด

บัดนี้ได้ยินบุตรชายกล่าววาจาเย็นชาไร้เยื่อใยเพียงนี้ นางหวังเองก็เริ่มมีโทสะขึ้นมาแล้วเช่นกัน “เจ้าหยุดพูดว่าทิ้งไว้ตรงนั้นตรงนี้เสียทีเถิด! นั่นเป็นคนมีชีวิตจิตใจ ไม่ใช่ลูกหมาลูกแมวที่ไหน!”

ขณะกำลังเอ่ยอยู่นั้น คนรับใช้รายงานว่าแม่นมจางกลับมาถึงแล้ว

นางหวังตำหนิบุตรชายอย่างรีบร้อน “เจ้าช่วยวางตัวให้เข้าท่าหน่อยเถิด น้องสาวของเจ้าเพิ่งจะกลับมาถึง ชีวิตช่วงหลายปีที่ผ่านของนางก็ไม่ง่าย ต้องทนทุกข์ยากตรากตรำ เจ้าอย่าทำให้นางตกใจกลัว!”

พูดจบก็ผงกศีรษะบอกเป็นนัยให้บ่าวรับใช้พาแม่นมจางเข้ามา

ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าแม่นมจางกลับมาเพียงคนเดียว

นางหวังฉงนไปเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าจึงกลับมาคนเดียว? อินอินเล่า?”

แม่นมจางสีหน้าอมทุกข์พลางเล่าเรื่องราวที่เกิดในชนบท มองสีหน้านางหวังแล้ว ก็เหลือบสายตามองชีอวิ๋นถิงด้วย ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว “คุณหนูใหญ่บอกว่า นางไม่เชื่อใจพวกข้าแล้วเจ้าค่ะ อยาก… อยากให้เจ้านายสักคนหนึ่งเดินทางไปรับ นางถึงจะยอมกลับมาเจ้าค่ะ!”

ว่าอย่างไรนะ?

นางหวังผุดลุกขึ้นยื่นทันใด “แม่นมฮวาคิดจะทำให้นางจมน้ำตาย?!”

ทั้งหัวใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกพรั่นพรึง!

ชีอวิ๋นถิงเดือดดาลยิ่งกว่า “เหลวไหลสิ้นดี! เจ้าเด็กเหลือขอนี่เป็นบ้าไปแล้วหรือ? นางพูดจาเหลวไหลอะไร?”

แม่นมจางเองรู้ดีว่าชีอวิ๋นถิงรักและเป็นห่วงชีจิ่นมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังรังเกียจเดียดฉันท์สวี่อินอินที่ถูกเลี้ยงดูในชนบทมานานหลายปีคนนั้นมากด้วยเช่นกัน

แต่ถึงอย่างไรแล้วเรื่องนี้ตัวนางเองก็จนปัญญา ยามนี้ทำได้เพียงแค่นเปล่งเสียงว่า “เรื่อง…เรื่องจริงเจ้าค่ะ…คุณหนูใหญ่กล่าวว่า นางยังไม่ทันกลับมา บ่าวรับใช้ในจวนก็จ้องเอาชีวิตนางแล้ว นางไม่กล้ากลับมาอีกแล้วเจ้าค่ะ หากว่าในจวนไม่ยอมให้คำอธิบายต่อเรื่องนี้แล้ว นาง…นางจะไปฟ้องทางการแล้วเจ้าค่ะ!”

ชีอวิ๋นถิงแค่นหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “เจ้าเด็กสารเลว! เศษสวะไร้ค่า นางรู้หรือเปล่าว่าประตูศาลเปิดทางฝั่งไหน? อยากฟ้องศาลนัก ก็ปล่อยให้นางไปฟ้องเถิด!”

แม่นมจางเหงื่อเย็นท่วมกาย

นางทราบดี จะพูดอย่างไรสวี่อินอินก็เป็นสิ่งไร้ค่าไม่ได้รับการยอมรับเช่นนั้นจริงๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณชายใหญ่ ที่พูดย้ำไม่หยุดแค่เพียงหนึ่งครั้งว่าน้องสาวของตนมีเพียงชีจิ่นเท่านั้น

นางหวังได้สติกลับคืนมาแล้วหลังจากอึ้งงันไประยะหนึ่ง

นางถามแม่นมจาง “แล้วแม่นมฮวาเล่า?”

แม่นมจางกดเสียงลง “เรียนฮูหยิน แม่นมฮวาสิ้นใจตายแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เป็นคนลากนางขึ้นฝั่งด้วยตนเอง คุณหนูใหญ่ว่ายน้ำแข็งแรงมากเจ้าค่ะ…”

ใบหน้าของนางหวังพลันคล้ำลงทันใด

เงียบไปครู่หนึ่ง นางก็กำชับบ่าวรับใช้ว่า “ออกไป ไปเชิญคุณหนูรองเข้ามา”

ชีอวิ๋นถิงที่เอ่ยปากด่าทอต่อว่าในตอนแรก ครั้นได้ยินนางหวังเอ่ยวาจาเช่นนี้ เขาพลันเบิกตากว้างทันใด “ท่านแม่ ท่านคงมิได้เชื่อถ้อยคำเหลือขอจากผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นหรอกนะขอรับ? อาจิ่นจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?”

ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด ยามนี้ได้ยินชีอวิ๋นถิงทั้งสาปแช่งด่าทอถึงเพียงนี้แล้ว นางหวังหงุดหงิดร้อนใจยิ่งนัก นางมองบุตรชายอย่างเยือกเย็นพลางเอ่ยปากตำหนิ “พอเสียที! เรื่องราวยังไม่ถูกไขจนกระจ่าง เจ้าจะแหกปาก โวยวายอยู่ที่นี่หาอะไร?!”

ชีอวิ๋นถิงหาได้ยอมโอนอ่อน “ยังมีเรื่องใดไม่กระจ่างอีกหรือ? ข้าว่านางก็แค่พูดจาเรื่อยเปื่อย ปั้นเรื่องโกหกหลอกลวงขึ้นตามใจชอบก็เท่านั้น!”

นางหวังขมวดคิ้วจ้องเขาตาเขม็ง ส่งให้คนออกไปเรียกชีจิ่นเข้ามา

ครั้นชะงักไปครู่หนึ่งแล้ว ก็เอ่ยด้วยเสียงขรึมว่า “ไปจัดเตรียมข้าวของให้พร้อม ให้คุณชายรองเดินทางไปรับนางกลับมา”

คุณชายรอง เกิดจากว่านอี๋เหนียง อ่อนกว่าคุณชายใหญ่เพียงหนึ่งปีเท่านั้น ยามนี้เขากำลังศึกษาตำราอยู่ที่สำนักศึกษาที่ตั้งอยู่ในเรือน

เดิมทีแล้วจะให้เขาเดินทางไปรับสวี่อินอินกลับมานั้นล้วนเป็นไปไม่ได้

ครั้นสิ้นวาจานี้แล้ว นางหวังคล้ายรู้สึกสองจิตสองใจ ลังเลครู่หนึ่งก็รีบยกมือห้าม “ไม่! ช้าก่อน ช่างเถิด ถึงอย่างไรด้วยวัยของคุณชายรองก็ยังนับว่าเยาว์วัยเกินควร…”

ลั่นวาจาออกคำสั่งแล้ว เรื่องนี้จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ แต่จะว่าเล็กน้อยก็มิได้เล็กน้อย ต้องจัดการให้เรียบร้อยจึงจะเหมาะสม

แม่นมจางกำลังรอคอยให้นางหวังเอ่ยปาก

นางหวังเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นกลับมีเสียงของชีเจิ้นหย่งผิงโหวพลันแว่วดังมาจากข้างนอก “อายุของผู้ใดเยาว์วัยเกินควรหรือ?”

เพียงได้ยินเสียงของชีเจิ้น คนทั้งห้องล้วนสีหน้าเปลี่ยนไป

แม้กระทั่งชีอวิ๋นถิงที่ทำตัวดื้อรั้นไม่เชื่อฟังอยู่เมื่อสักครู่ก็หยุดยืนนิ่งอย่างสำรวมกิริยาขึ้นมาทันใด

นางหวังเมื่อเห็นเขาแล้ว ก็รีบผุดยิ้มทันใดหมายจะปิดบังเรื่องราว “ท่านโหว ไม่มีอะไร…”

ชีเจิ้นสะบัดแขนเสื้อก็นั่งลงด้านข้าง มองพวกเขาปราดหนึ่งแล้ว ก็ถามด้วยเสียงขรึมว่า “ไม่มีอะไรจริงหรือ? แล้วเหตุใด ถึงมีคนไปขอเข้าพบข้าที่ศาลาว่าการเล่า?”

ว่าอย่างไรนะ?

นางหวังอึ้งงันเล็กน้อย “ท่านโหวว่าอย่างไรนะเจ้าคะ? ผู้ใดไปขอเข้าพบท่านที่ศาลาว่าการหรือ?”

 
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
ครอบครัวห่วยๆ แบบนี้ นางเอกอย่ากลับไปเลย ชาติที่แล้วก็ไม่ได้เีด้วยไม่ใช่เหรอ แล้วจะกลับไปเพื่ออะไรอีก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 7

    ชีเจิ้นเป็นผู้บัญชาการทัพประจำกองพันจีหยิงซึ่งเป็นหนึ่งในสามกองพันใหญ่ และดำรงตำแหน่งเป็นรองเสนาบดีฝ่ายซ้ายประจำกรมยุทธนาการควบคู่ไปด้วย ยามปกติเขาต้องเข้าไปรายงานตัวที่กรมยุทธนาการเสมอ งานยุ่งสาหัสเพียงนี้ คนในเรือนยังไม่กล้าไปรบกวนเขาตามใจเสียด้วยซ้ำ ผู้ใดเล่าจะกล้าเข้าไปพบเขาที่ศาลาว่าการ? นางหวังปรายตามองแม่นมจางปราดหนึ่ง ใบหน้าของแม่นมจางเองก็ฉายแววประหลาดใจไม่ต่างกัน ก่อนที่นางจะเดินทาง ได้กำชับพวกอวิ๋นเชวี่ยแล้วว่าจงดูแลคุณหนูใหญ่ให้ดี และห้ามสะเพร่าจนทำให้อีกคนไม่พอใจอย่างเด็ดขาด หรือเจ้าคนพวกนี้มิได้ฟังที่พูดไปเลยสักนิด?! แต่นั่นก็ไม่น่าเป็นไปได้! เพราะตนเองนั่งรถม้ากลับมาแล้ว สวี่อินอินไม่มีทั้งรถและไม่มีทั้งคน นางจะส่งข่าวมาถึงเมืองหลวงได้อย่างไร? หรือพูดอีกอย่างว่า สวี่อินอินก็เป็นแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้น เกรงว่าแม้แต่เมืองเป่าตี้กับเมืองต้าซิงยังแยกไม่ออกเสียด้วยซ้ำ อย่างนางจะไปหาศาลาว่าการของกรมยุทธนาการเจอได้อย่างไร? ชีอวิ๋นถิงเองก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกัน เหลือบสายตาลอบมองชีเจิ้นแล้วปราดหนึ่ง สีหน้าของชีเจิ้นเยียบเย็น จ้องมองพวกเขาก็ส่งเสีย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 8

    สวี่อินอินค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น แสงอาทิตย์ส่องสว่างบาดตายิ่งนัก ตรงที่ไกลออกไปคนผู้หนึ่งกำลังควบอาชาสูงใหญ่ พร้อมนำคนกลุ่มหนึ่งทะยานเข้ามาด้วยความรวดเร็ว และหยุดตรงเบื้องหน้าสวี่อินอิน ประชาชนไม่ต่อสู้ขุนนาง ถึงแม้กลุ่มชาวบ้านที่เข้ามามุงดูความครึกครื้นเหล่านั้นจะชมเหตุการณ์อย่างเพลิดเพลินได้อรรถรสอยู่ในตอนแรก แต่เมื่อมองเห็นท่านโหวซึ่งสวมชุดเกราะ ห้ออาชาศึกที่ตัวสูงใหญ่กว่าคนเข้ามา ฝูงชนต่างพร้อมใจกันแหวกทางให้ทันที ชีเจิ้นปรายสายตามองลงไปยังจุดที่ต่ำกว่า ประเมินดรุณีที่เนื้อตัวเปียกโชกคนนั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก็ถามด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “เป็นเจ้าเองหรือที่เข้ามาฟ้องร้องต่อทางการ?” เขาหันหลังให้ดวงอาทิตย์ และเป็นสวี่อินอินที่เผชิญหน้ากับแสงอาทิตย์โดยตรง เพียงเสี้ยวขณะเดียวก็ถูกแสงอาทิตย์เจิดจ้าร้อนแรงส่องทะลุเข้าตาจนลืมไม่ขึ้น ทั้งที่มองไปแล้วดูบอบบางอ่อนแอ มิหนำซ้ำบนดวงหน้ายังเปรอะดินโคลนสกปรก มิอาจเทียบทาริกาจากตระกูลเศรษฐีผู้รากมากดีได้เลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าชีเจิ้นมองปราดเดียวกลับเห็นแผ่นหลังตั้งตรงของนางได้ทันท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 9

    สวี่อินอินก้มศีรษะต่ำ แต่เดิมนางยังคิดว่าตนเองคงจะไม่มีโอกาสใดที่ทำให้พบหน้าเซียวอวิ๋นถิงอีกแล้ว ไหนเลยจะทราบ ยังไม่ทันผ่านพ้นหนึ่งวัน ก็บังเอิญได้พบกันอีกครั้งหนึ่งแล้วเช่นนี้ ใบหน้าของเซียวอวิ๋นถิงฉายประกายครุ่นคิดออกมา ก่อนหน้านี้ที่บังเอิญพบเด็กสาวคนนี้ระหว่างทาง เขายังนึกสงสัยในใจว่าเหตุใดสถานที่แบบนี้ ถึงมีเด็กสาวที่สามารถฆ่าคนได้เด็ดขาดคล่องแคล่วปรากฏอยู่ คิดไม่ถึงเลยว่า แท้จริงแล้วจะเป็นแม่นางของจวนหย่งผิงโหว เขายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าเคยได้ยินมาบ้าง ว่ามีบุตรสาวของจวนหย่งผิงโหวพลัดพรากจากไปคนหนึ่ง ที่จริงแล้วคือแม่นางท่านนี้เองหรือ?” เขาหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง ก็เอ่ยวาจาคล้ายมีความนัยซ่อนเร้น “เหตุใดจึงมาวุ่นวายที่ศาลาว่าการแห่งนี้?” ยามนี้จิ้งอ๋องท่านนี้กำลังดูแลคดีฉ้อโกงเกี่ยวกับการลำเลียงสินค้าผ่านน่านน้ำทางใต้ ที่เขาเดินทางมาศาลาว่าการเป็นไปได้ว่าต้องมีธุระจำเป็นต้องพบเจ้าเมืองประจำเมืองต้าซิงแน่ เข้าศาลาว่าการประจำเมืองไปแล้ว ด้วยฐานะของท่านอ๋องอย่างเขา หากต้องการทราบเรื่องใดมีหรือจะไม่ได้ทราบเรื่องนั้น? ชีเจิ้นไม่กล้าโป้ปด “เรียนท่านอ๋อง ในเรือนมีบ่าวชั่วก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 10

    เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แม่นมจางกำลังจมดิ่งกับห้วงความคิดฟุ้งซ่าน กว่านางจะได้สติรู้ตัวอีกครั้ง ก็มาถึงจวนหย่งผิงโหวแล้ว ชีเจิ้นเพราะเพิ่งพบเซียวอวิ๋นถิงที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงมาเมื่อสักครู่ ยามนี้ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่มีเวลามาสนใจสวี่อินอินเช่นกัน เพียงแต่เอ่ยปากออกคำสั่งอย่างส่งเดชไปว่า “ไปพบมารดาของเจ้าก่อนเถิด!” เขาเอ่ยพลางเตรียมจะออกไป สวี่อินอินเองก็ไม่ได้สนใจนัก ยอบกายลง ทำความเคารพต่อชีเจิ้น นางไม่ทำความเคารพยังดีเสียกว่า ครั้นยอบกายลงแล้ว ชีเจิ้นกลับชะงักฝีเท้าทันที ไหนว่าอากัปกิริยาท่าทางการทำความเคารพของสวี่อินอินไม่ถูกต้องไม่สมควร ปัญหาคือตรงนี้ มันถูกต้องตามระเบียบเกินไปแล้วต่างหาก ท่วงท่าลีลาการยอบกายทำความเคารพของสวี่อินอิน ลื่นไหลดุจสายน้ำและเมฆา หาจุดบกพร่องไม่ได้แม้แต่จุดเดียว เขาชะงักฝีเท้า “เจ้าเคยเรียนมารยาทมาก่อนหรือ?” สวี่อินอินส่ายหน้าค่อยๆ ไม่ช้าไม่รีบร้อน เห็นชีเจิ้นขมวดคิ้ว ก็เม้มริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางดูคล้ายขลาดกลัว “ยายคนหนึ่งเคยสอนข้าเจ้าค่ะ” ยาย? ชีเจิ้นรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเก่า หมู่บ้านที่สวี่อิ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 11

    สวี่อินอินพลันมุ่นหัวคิ้วและเอ่ยปากตำหนิทันใด “เหลวไหล! แม้ข้าไม่เคยอาศัยในเรือน แต่กระนั้นก็รู้ว่า คุณชายใหญ่ของจวนโหวคือพี่ชายแท้ๆ ของข้า” ชีอวิ๋นถิงชำเลืองสายลงมองนางอย่างเหยียดหยาม ขณะที่กำลังจะค่อนขอดดูแคลน ก็ได้ยินสวี่อินอินเอ่ยเนิบๆ ขึ้นว่า “คุณชายใหญ่จวนโหว หลังจากนี้จะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดมรดก เป็นความหวังของตระกูลในวันข้างหน้า เป็นที่พึ่งพิงของตระกูลในวันข้างหน้า” ชีอวิ๋นถิงผงะไป เด็กสาวบ้านนอกคนนี้ นางกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? มิได้มีเพียงเขาที่อึ้งงันไป แม้กระทั่งชีเจิ้นและนางหวังเองต่างก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าคนอย่างสวี่อินอินจะสามารถกล่าวถ้อยคำที่มีเหตุผลมีหลักการเช่นนี้ออกมาได้ ฉับพลันทันใดนั้น สวี่อินอินก็ไล่สายตาพินิจมองชีอวิ๋นถิงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ารอบหนึ่ง ความเกลียดชังและความดูหมิ่นดูแคลนในสายตานั้นไม่มีซ่อนเร้นเช่นเดียวกัน “เขาใจดำต่ำช้า ไร้ซึ่งกลิ่นอายของบุตรหลานชนชั้นสูงผู้ทรงเกียรติยศ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีจิตใจเมตตาของพี่ชายคนโต จะเป็นพี่ชายของข้าไปได้อย่างไร?” สามหาว! ชีอวิ๋นถิงสบถด่าในใจ ชี้ปลายจมูกของสวี่อิ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 12

    ภายในหนึ่งวันมีร้อยพันเรื่องราวเกิดขึ้น สมองของนางหวังอื้ออึงด้วยเสียงหึ่งๆ แล้ว จนกระทั่งชีเจิ้นหันไปตำหนิชีอวิ๋นถิงอีกครั้ง บังคับให้เขาเอ่ยปากขอโทษสวี่อินอิน สีหน้าของนางหวังถึงจะฉายแววเคร่งขรึมขึ้นมา เป็นสามีภรรยากับชีเจิ้นมานานหลายปี นางย่อมรู้อุปนิสัยใจคอของสามีตนเองดี ถึงขึ้นออกปากปกป้องสวี่อินอินเพียงนี้ ก็ชัดเจนแล้วว่าบุตรีคนนี้ได้การยอมรับจากชีเจิ้นแล้ว ชีเจิ้นให้ความสำคัญ และนี่ยังเป็นบุตรีที่ตนเองให้กำเนิดด้วยแล้ว แม้ก่อนหน้านี้จะเป็นกังวลว่าเด็กสาวคนนี้มิใช่คนฉลาดเฉลียว แต่ยามนี้นางหวังก็ไม่รังเกียจเดียดฉันท์แล้ว นางมองสวี่อินอินอย่างอ่อนโยน “เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?” น่าขำสิ้นดี หากว่าตระกูลชีให้คุณค่านางบ้างสักเสี้ยวหนึ่ง หรือรู้สึกสงสารรู้สึกสำนึกผิดต่อนางบ้างสักเสี้ยวหนึ่ง อย่างน้อยก็คงไม่ถึงขั้นไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของนาง สวี่อินอินเงยหน้ามองนางหวัง และถามด้วยเสียงราบเรียบ “ในเมื่อข้าคือตัวจริง และคนก่อนหน้าคือตัวปลอม นางมีนามว่าอะไร ข้าก็ควรมีนามว่าแบบนั้น มิใช่หรอกหรือ?” นางหวังผงะไป ในใจพลันปรากฏความไม่พอใจขึ้นมาทันใด ยังรู้สึกลึกๆ ว่าสวี่อินอินไม่คู

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 13

    นางหวังยังคงประหลาดใจไม่หาย ก็ได้ยินชีเจิ้นเอ่ยกับนางอีกครั้งว่า “ยังมีอีกสิ่ง นางบ่าวรับใช้อวิ๋นเชวี่ยคนนั้น จัดการส่งตัวนางไปที่เหมืองถ่านหินทางเหนือเสีย” บทลงโทษของบ่าวรับใช้ในทุกตระกูล เบาสุดคือโบยด้วยไม้และหักเงินเดือน หนักกว่านั้นหน่อย ก็คือการขายทาสออกไป และที่หนักที่สุด หนีไม่พ้นถูกส่งตัวไปที่เหมืองถ่านหิน สตรีตัวคนเดียว ไหล่แบกไม่ไหวมือยกไม่ขึ้น ไปอยู่ที่นั่นแล้วจะทำอะไรได้ ไม่ต้องให้อธิบายก็เห็นภาพชัดเจนอยู่แล้ว นางหวังอึดอัดเกินทน “ท่านโหว พวกนางต้องเหิมเกริมกระทำผิดด้วยตนเองแน่นอนเจ้าค่ะ ไม่ใช่ความคิดของจิ่นเอ๋อร์อย่างเด็ดขาด ข้าเลี้ยงจิ่นเอ๋อร์มากับมือ ข้าเชื่อใจนาง” จะเชื่อใจหรือไม่เชื่อใจ ชีเจิ้นไม่สนใจแม้แต่น้อย ทำเพียงเอ่ยอย่างเยือกเย็นออกมา “ข้ามองเพียงผลลัพธ์ เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น เจ้านายหากควบคุมบ่าวรับใช้ไม่ได้ นั่นถือว่าไร้ความสามารถแล้ว” นางหวังพลันกัดริมฝีปากด้วยความตกใจ อีกด้านหนึ่งชีอวิ๋นถิงเดือดดาลมากถึงขั้นด่ากราดสาปแช่งคนทันทีเมื่อกลับถึงห้อง คนที่ถูกเขาด่ามากที่สุดยังคงเป็นชีหยวนเหมือนเดิม ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดอยากให้เจ้าเด็กเหลือขอคนนี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 14

    บุตรีของแม่นมจางมีนามว่าผูเถา ปีนี้วัยเพิ่งครบสิบขวบเต็ม และเพิ่งเข้ามาทำงานรับใช้ในจวนเมื่อปีที่แล้ว เพราะอายุยังน้อย งานที่ต้องทำจึงน้อยตามไปด้วย แค่คอยปรนนิบัติรับใช้งานเบ็ดเตล็ดทั่วไปในเรือนเท่านั้น ได้ยินว่าชีอวิ๋นถิงใช้วาจาโหดเหี้ยมขู่กรรโชก ว่าจะทำให้ชีหยวนทนอยู่ที่เรือนแห่งนี้ต่อไม่ได้ นางรู้สึกไม่สบายใจทันที ชีอวิ๋นถิงเป็นใครหรือ? ก็เป็นคุณชายใหญ่ไงเล่า! และเป็นว่าที่เจ้าของจวนในอนาคต หากทำให้เขาไม่พอใจ สักวันต้องไม่เหลือที่ยืนในจวนแห่งนี้จริงๆ แน่ เดิมที เห็นชีหยวนเจ้าเล่ห์เก่งกาจเพียงนี้ แม่นมจางรู้สึกตื่นเต้นดีใจอยู่บ้าง คิดว่าชั่วดีอย่างไรท่านโหวก็เป็นคนมารับตัวนางกลับไปด้วยตนเอง และยังให้ความสำคัญกับนางมากถึงเพียงนี้ด้วย ไม่แน่ว่าคุณหนูใหญ่อาจจะยังพอมีที่ยืนอย่างมั่นคงในจวนนี้ได้จริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การไปทำงานเป็นแม่นมเคียงกายคุณหนูใหญ่ จริงๆ แล้วก็นับว่าเป็นหนทางที่ไม่เลวร้ายเลย แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่า ท่าทีโต้ตอบของชีอวิ๋นถิงจะรุนแรงเพียงนี้ แต่เมื่อพินิจพิจารณาให้ละเอียดแล้วนางก็เข้าใจ ความผูกพันระหว่างชีอวิ๋นถิงและชีจิ่นล้ำลึกแน่นแฟ้นมาตั้งแต่เยา

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 310

    หรือว่าอ๋องเฉิงกับคุณชายรองตระกูลหลิ่วเดิมก็มีเรื่องอื้อฉาวกันมานานแล้ว ทั้งสองนัดพบกันที่จวนตระกูลหวัง แต่เกิดมีปากเสียงกัน คุณชายรองตระกูลหลิ่วจึงพลั้งมือฆ่าอ๋องเฉิงเข้าความสัมพันธ์นี้มันยุ่งเหยิงเกินไปแล้ว!อีกอย่าง ยังมีศพสาวใช้ของตระกูลหวังอีกคนหนึ่งในที่นี้ด้วย!และไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาวใช้คนนั้นบังเอิญไปเห็นเรื่องอื้อฉาวของคุณชายรองตระกูลหลิ่วกับอ๋องเฉิง จึงถูกพวกเขาฆ่าปิดปากหรือไม่จากนั้นพวกเขาก็ทะเลาะกันเพราะเรื่องการฆ่าคน?หลังจากนายท่านใหญ่หวังพูดจบ ก็เห็นฉู่กั๋วกงจ้องมองเขาเขม็ง ดวงตาราวกับจะพ่นไฟออกมาเขาสะดุ้งถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วอธิบายอย่างรวดเร็ว: “ท่านกั๋วกง เรื่องนี้จะมาโทษพวกเราตระกูลหวังไม่ได้นะ! พวกเราไม่ได้ส่งเทียบเชิญให้อ๋องเฉิงเลย! เป็นอ๋องเฉิงเองที่มาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ…...”ทุกคนสบตาอย่างรู้กันอ๋องเฉิงเคยให้เกียรติตระกูลไหนด้วยตัวเองเยี่ยงนี้เสียเมื่อไหร่กัน?จุ๊จุ๊เห็นได้ชัดว่ามาเพราะคุณชายรองตระกูลหลิ่วโดยเฉพาะ!ในที่สุดฉู่กงกั๋วก็สุดจะอัดกลั้น ถูกทำให้โกรธจนล้มลงไป!ท่านโหวผู้เฒ่าชีแอบยิ้มมุมปากช่างไม่เคยเห็นโลกกว้างเสียจริงกล้าทำแต

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 309

    ไม่เพียงแต่ตายไปแล้ว ยังตายในสภาพที่ไม่สำรวมอย่างยิ่ง ร่างของชายคนหนึ่ง เปลือยเปล่า คว่ำหน้าอยู่บนระเบียงหลังประตูเรือน ดูจากท่าทางคล้ายกับกำลังพยายามคลานออกไปด้านนอกไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น!ฮูหยินผู้เฒ่าหวังถึงกับชะงักงันตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าทำไมฮูหยินเฉิงกั๋วกงถึงตกใจจนล้มลงไป ทำไมฮูหยินฉู่กั๋วกงถึงตกใจจนเป็นลมหมดสติ!คือคุณชายรองตระกูลหลิ่ว!คือบุตรชายรองของฉู่กั๋วกงหลังจากที่หลิ่วจิงหงเสียชีวิตไป บุตรชายรองผู้นี้ก็กลายเป็นผู้มีโอกาสมากที่สุดที่จะได้เป็นผู้สืบทอดแห่งจวนฉู่กั๋วกงแม้เขาจะเป็นบุตรที่เกิดจากอนุภรรยา แต่ในเมื่อหลิ่วจิงหงตายไปแล้ว ใครจะมาสนใจว่าเขาเป็นลูกอนุหรือไม่?!แม้แต่ฮูหยินฉู่กั๋วกงเองก็ยังเริ่มใจอ่อนและเอ็นดูเขามากขึ้นมีข่าวลือว่าตระกูลฉู่กำลังเตรียมการให้เขาถูกบันทึกเป็นบุตรในนามของฮูหยินฉู่กั๋วกง เพื่อเปลี่ยนสถานะเป็นบุตรภรรยาเอก แล้วให้ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดอย่างถูกต้องแต่ใครจะคาดคิดว่า เขาจะมาตายที่นี่ในสภาพเช่นนี้นางหวังกรีดร้องออกมา พร้อมกับรีบยกมือขึ้นปิดตาตัวเองพวกบุรุษพวกนี้เป็นบ้าอะไรกัน?ไม่คิดจะรักษาห

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 308

    หากเป็นเช่นนั้นจริง ฉู่กั๋วกงย่อมไม่มีทางมีปฏิกิริยาเช่นนี้แน่นอนเกิดเรื่องขึ้นแล้วฮูหยินฉู่กั๋วกงหลับตาลงชั่วครู่ ความไม่เต็มใจและความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมาในอก เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?นางยังไม่ทันได้เอ่ยถามฉู่กั๋วกงว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นฮูหยินผู้เฒ่าหวังถูกประคองเข้ามาอย่างเร่งรีบ นางเอ่ยถามอย่างหอบหายใจหนัก: “เกิดอะไรขึ้น?!”นายท่านใหญ่หวังมองไปที่ฉู่กั๋วกงด้วยสีหน้าประหลาดก่อน จากนั้นก็หันไปมองฮูหยินฉู่กั๋วกงอีกครั้ง ไม่รู้ควรพูดอะไรดีไปชั่วขณะนางหวังใจเต้นระรัวจนแทบจะถึงลำคอ กำลังจะเอ่ยถามว่าชีหยวนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ แต่เมื่อเห็นท่านโหวผู้เฒ่าชีกำลังกระซิบกระซาบกับผู้อื่น ยังเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว และนางก็เงียบลงทันทีน่าจะไม่เกี่ยวกับชีหยวน หากเกี่ยวข้องกับชีหยวน ท่านโหวผู้เฒ่าชีจะยังมีท่าทีสงบนิ่งเช่นนี้ได้อย่างไร?ฮูหยินผู้เฒ่าหวังตกใจจนแทบจะยืนไม่อยู่ นางกระทืบเท้าอย่างร้อนใจแล้วเร่งถาม: “เจ้าก็พูดมาสิ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”ชินอ๋องผู้สูงศักดิ์ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรในจวนของพวกเขาก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ เกรงแต่ว่าตระกูลหวังจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 307

    ในใจของฮูหยินฉู่กั๋วกงรู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเห็นพ่อบ้านกล่าวเช่นนี้ ก็คาดเดาได้ทันทีถึงเหตุผลที่เขาลำบากใจเรื่องของหลิ่วหมิงจูและชีหยวนที่เกิดขึ้นในสนามตีคลี เป็นที่อื้อฉาวขนาดนั้น คนในหมู่ขุนนางที่ควรรับรู้ก็ล้วนรับรู้กันหมดแล้วดังนั้น ความบาดหมางระหว่างตระกูลหลิ่วและชีหยวนจึงเป็นเรื่องที่เปิดเผยต่อภายนอกตอนนี้ชีหยวนถูกอ๋องเฉิงล่วงเกิน นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีงามอะไรด้วย ตระกูลหวังย่อมไม่ต้องการให้พวกนางไปดูเรื่องสนุกนี้แน่ทว่าจะขวางนางได้งั้นหรือ?ฮูหยินฉู่กั๋วกงขมวดคิ้ว สีหน้าวิตกกังวล: “ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นแขกในจวนนี้ ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้น จะให้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร? อ๋องเฉิงมีฐานะสูงส่ง เรื่องนี้ย่อมไม่อาจผิดพลาดได้แม้แต่น้อย!”นางกล่าวพลางปรายตามองฮูหยินผู้เฒ่าหวังด้วยรอยยิ้มที่แฝงนัย: “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านว่าถูกหรือไม่?”ขณะนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหวังทั้งตื่นตระหนกสับสน อัดอั้นร้อนใจ จนแทบหายใจไม่ออกเมื่อได้ยินฮูหยินฉู่กั๋วกงกล่าวเช่นนี้ ก็คิดจะคัดค้านในทันทีทว่าฮูหยินฉู่กั๋วกงกลับยิ้มพลางพูดจาเหน็บแหนมกับฮูหยินเฉิงกั๋วกงไปมาเสียแล้วนางหวังสังเกตเห็นว่ามือข

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 306

    สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าหวังพลันดูลำบากใจขึ้นมาเล็กน้อยเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามตีคลี ทุกคนต่างรู้กันดีหลิ่วหมิงจูทะเลาะกับชีหยวนจนถึงขั้นแตกหักกัน ตระกูลหลิ่วยังถึงขั้นเคยบุกไปที่จวนตระกูลชีเพื่อทวงความเป็นธรรมอีกด้วยทว่าคุณชายรองตระกูลหลิ่ว กลับถูกท่านโหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้น ทำให้ต้องกลับไปมือเปล่าอย่างน่าโมโห บัดนี้ ฮูหยินฉู่กั๋วกงกลับเอ่ยถึงชีหยวนขึ้นมาอีก ตาขวาของฮูหยินผู้เฒ่าหวังพลันกระตุก นางจึงกล่าวเลี่ยงๆ ว่า: “นางยังไม่เคยออกงานเลี้ยงมาก่อน ยังค่อนข้างขี้อาย ตอนนี้กำลังเล่นอยู่กับน้องหญิงของนางที่เรือนหลัง นางเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง คงพูดจาผสมโรงกับพวกเราไม่ค่อยได้”ฮูหยินฉู่กั๋วกงยิ้มจางๆ : “จะพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เด็กสาวคนอื่นอาจจะเป็นเช่นนั้นจริง แต่หลานสาวของท่านผู้นี้ ใครจะมองว่านางเป็นเพียงเด็กกันเล่า? ข้าก็เคยได้ยินแต่เพียงชื่อเสียงของนาง แต่ยังไม่เคยพบตัวจริงมาก่อน จึงอยากรู้เป็นพิเศษ ฮูหยินผู้เฒ่าก็อย่าหวงนักเลย”กลุ่มสตรีต่างผลัดกันพูดคุยอย่างออกรสฮูหยินผู้เฒ่าหวังที่เริ่มรับมือไม่ไหวแล้ว ทันใดนั้น ก็มีเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอกงานเลี้ยงในวันนี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 305

    ใครจะรู้ว่าเมื่อพุ่งเข้าไปกลับคว้าได้เพียงอากาศ นอกจากลูกดอกที่นางยิงมาไม่กี่ดอก กับกิ่งไม้ใหญ่ที่ถูกเหยียบจนเรียบ พิสูจน์ให้ว่าก่อนหน้านี้เคยมีคนอยู่ที่นี่คนหนีไปแล้วงั้นหรือ?มือของชีหยวนกำกริชแน่น ดวงตาที่เย็นชากวาดมองเศษกิ่งไม้และใบไม้บนพื้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากกำแพง จึงยกมือขึ้นตามสัญชาตญาณเซียวอวิ๋นถิงกระโดดลงมาอย่างมั่นคงข้างนาง กดข้อมือนางไว้ กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์: “ข้าเอง!”ชีหยวนมองเขาด้วยความสงสัย “เหตุใดท่านอ๋องถึงอยู่ที่นี่ได้?”เซียวอวิ๋นถิงรู้สึกปวดใจเรื่องที่ควรเตือนก็ให้ลิ่วจินคอยเตือนแล้ว ใครจะรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้กลับไม่สนใจเลย รู้ทั้งรู้ว่าข้างหน้าคือกำแพงใหญ่ แต่นางก็ยังคงต้องการที่จะพุ่งชนมันให้พังทลายแล้วเขาจะทำอะไรได้อีก?!เซียวอวิ๋นถิงไอออกมา สายตาของเขามองข้ามนางไปยังร่างของอ๋องเฉิงที่นอนแน่นิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ไม่ไกล นัยน์ตาถึงกับสั่นไหวในทันที: “เจ้าฆ่าอ๋องเฉิงแล้ว!”อ๋องเฉิงกับอ๋องโจวนั้นเหมือนกัน ตามศักดิ์แล้วเขาควรเรียกว่าท่านปู่น้อยถึงแม้หลายปีมานี้อ๋องเฉิงจะใช้ชีวิตลุ่มหลงในกามารมณ์และไร้คุณธรรม เป็นที่รู้กันว่าเขาทรมานและสังห

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 304

    หรือว่าจะกระชากทั้งตัวนางให้ร่วงลงพื้นไปเสียเลย ถึงตอนนั้นกระแทกพื้นจนสับสนมึนงง จากนั้นก็ฉีกเสื้อผ้านางออก เช่นนั้นเขาก็จะสามารถทำอะไรตามใจชอบได้?บรรดาหญิงสาวผู้สูงศักดิ์พวกนั้นล้วนแต่แข็งทื่อ ไร้ชีวิตชีวา ไม่ต่างอะไรกับปลาตายแต่เด็กสาวตรงหน้ากลับต่างออกไป เขาแทบจะจินตนาการได้เลยว่า นางจะดิ้นรนขัดขืนบนพื้นอย่างสิ้นหวังเพียงใด แค่คิดก็ทำให้เลือดในกายเขาเดือดพล่านแล้วชายกระโปรงถูกเขาคว้าไว้ได้ดังใจหวังอ๋องเฉิงหัวเราะเบาๆ : “จับเจ้าได้แล้ว”ชีหยวนก็หัวเราะเช่นกันนางโปรยผงใส่หน้าอ๋องเฉิงอย่างฉับพลัน พร้อมกับยิ้มจางๆ : “เจ้าติดกับแล้ว”ทันทีที่ผงนั้นเข้าตา อ๋องเฉิงก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดแผดเผาอย่างบรรยายไม่ถูก ราวกับเปลวไฟลุกลามไปทั่วลูกตา จนเขากรีดร้องออกมาโดยไม่อาจควบคุมตนเองได้สีหน้าของชีหยวนยังคงเรียบเฉยนางรู้ดี สำหรับนักฆ่าที่ผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วนเช่นนาง ต่อให้พกของมากแค่ไหนก็ไม่นับว่ามากเกินไปตรงหน้ามืดบอดสนิท น้ำตาไหลทะลักออกมาไม่หยุด คนเราเมื่อสูญเสียการมองเห็น ก็ย่อมสูญเสียความรู้สึกปลอดภัยไปด้วยอ๋องเฉิงเจ็บปวดมากจนต้องใช้มือทั้งคู่ขยี้ตาอย่างบ้าคลั่งทัน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 303

    สีหน้าของอ๋องเฉิงเรียบนิ่ง บิดคอสาวใช้อย่างง่ายดายแล้วเหวี่ยงไปด้านข้าง มืออีกข้างก็ตะปบข้อเท้าของชีหยวนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระชากนางเข้าหาตัวขาอีกข้างที่ถูกจับไว้ ทำให้ชีหยวนเสียหลัก ร่างกายท่อนบนของนางเอนล้มไปด้านหลังอ๋องเฉิงแสยะยิ้มอย่างไม่ยี่หระ : “ที่แท้ก็เป็นลูกแมวน้อยที่ชอบข่วนคนสินะ”เขากระชับข้อเท้าของชีหยวน จู่ ๆ ก็ออกแรง โน้มตัวลงใช้ปลายจมูกไล้ไปตามข้อเท้าของชีหยวน: “ช่างมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครจริงๆ”ชีหยวนเพียงรู้สึกขนลุกซู่แล่นขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง แรงอาฆาตโหมกระหน่ำในใจ ขณะที่แผ่นหลังนางกระแทกลงไปกับพื้นอย่างแรง ก็รีบสะบัดมือ ปล่อยเกาทันณฑ์แขนเสื้อพุ่งตรงไปยังอ๋องเฉิงทันทีอ๋องเฉิงไหวตัวเร็วมาก แทบจะเป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกดอกถูกปล่อยออกมา เขาสะบัดมือปล่อยข้อเท้าของชีหยวน พร้อมกับเอนศีรษะหลบไปด้านข้างลูกดอกเฉียดแก้มของเขาไปอย่างฉิวเฉียด ทิ้งรอยแผลลึกไว้บนใบหน้าซีกซ้ายของเขาสีหน้าของอ๋องเฉิงเคร่งขรึมไปทันที มือซ้ายของเขาแตะรอยแผล สัมผัสได้ว่ามีเลือดติดมือ สีหน้าของเขามืดดำราวกับพายุที่กำลังจะโหมกระหน่ำ: “ตอนแรกคิดว่าเป็นแมวป่าตัวน้อยตัวหนึ่ง รู้สึกน่าสนใจดี แ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 302

    นางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย มือแตะลงบนรอยแผลเป็นอยู่ชั่วขณะพลางเอ่ยถามเบาๆ: “บาดเจ็บได้อย่างไร?”ชีหยวนดึงแขนเสื้อให้เรียบร้อย โชคดีที่ฮูหยินผู้เฒ่าหวังไม่ได้เห็นแขนอีกข้าง ที่ยังผูกมีดเกาทัณฑ์แขนเสื้อเอาไว้อยู่นางตอบเสียงเรียบ: “หลานจำไม่ได้แล้ว คงเป็นตอนที่ช่วยเชือดหมูช่วงปีใหม่ปีใดปีหนึ่ง แล้วพลาดถูกมีดเชือดหมูบาดเข้า”นางจำไม่ได้แล้วจริงๆ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าหวังกลับแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วนางก็คิดไว้แล้วว่า ความสามารถต้องแลกมาด้วยราคาเสมอเด็กสาวที่สามารถยึดบังเหียนไว้ได้แม้ในขณะที่ตกจากหลังม้า ในชีวิตนี้ย่อมผ่านความยากลำบากมานับไม่ถ้วนขณะนั้นเอง มีเสียงรายงานจากข้างนอกว่า คนจากจวนฉู่กั๋วกงและจวนเฉิงกั๋วกงมาเยือนฮูหยินผู้เฒ่าหวังสูดลมหายใจลึกๆ ตั้งสติ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา: “เด็กดี ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ เจ้าไปเล่นกับน้องหญิงของเจ้าก่อนเถิด เดี๋ยวไว้เราค่อยคุยกันอีก”ชีหยวนรับคำ เมื่อเห็นหวังฉานเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มและดึงตัวนาง ก็ก้มหน้าลงซ่อนแววตาที่เย็นชาฮูหยินฉู่กั๋วกงมาแล้ว ดูท่าปัญหาคงใกล้เข้ามาแล้วหวังฉานจูงมือนางเดินออกไป ตลอดทางนางร่าเริงเหมือนลูกกวางตัว

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status