เขาย่อมเข้าใจความหมายของชีหยวนดี ในเมื่อเซียวโม่ฟื้นแล้ว สมรภูมิของคนเหล่านี้ก็จะถูกย้ายไปอยู่ที่ห้องของเซียวโม่แทนแล้ว ทว่า แบบนี้ไม่น่ากลัวยิ่งกว่าหรือ?! สถานการณ์ของเซียวโม่แต่เดิมมิได้น่ากลัวเท่าที่ชีหยวนกล่าวอ้าง แต่หมอกลุ่มนั้น กลับไม่มีผู้ใดมองออกเลยสักคน! ชีหยวนใช้วิธีอะไรกันแน่?! หนำซ้ำยังสามารถความคุมการฟื้นคืนสติของเซียวโม่ได้ตลอดเวลาอีก?! สตรีผู้นี้ โชคดีแค่ไหนที่มิใช่บุรุษ มิเช่นนั้นแล้ว หากก้าวเข้าสู่เส้นทางราชการ จะต้องเป็นคู่ต่อกรที่น่ากลัวมากแน่! เขามองชีหยวนด้วยสายตาลุ่มลึก ก่อนจะยอมรับการเป็นพันธมิตรชั่วคราวกับชีหยวน มีเหตุผลใดจะไม่ยอมรับเล่า? เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก็ตายไปแล้ว อ๋องฉีก็พิการไปแล้ว เดิมทีองค์หญิงเป่าหรงและองค์หญิงหมิงเฉิงน่าจะยังพอประคับประคองอำนาจและบารมีของผู่อู๋ย่งได้บ้าง แต่ทว่า ใครขอให้องค์หญิงเป่าหรงในตอนนี้ต้องแบกรับความผิดอันใหญ่หลวงถึงเพียงนี้กัน? เขาตัดสินใจเลือกข้างได้อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็เดินไปหยุดที่เบื้องพระพักตร์ของฮ่องเต้หย่งชาง: “ฝ่าบาท ท่านอ๋องทรงฟื้นคืนสติแล้วพ่ะย่ะค่ะ! บัดนี้กำลังร้องไห้เรียกพระชายาให้เข้าไปหาพ่ะย
แต่กลับดึงตัวเซียวโม่ขึ้นมา และผลักเขาไปยังเบื้องพระพักตร์ของฮ่องเต้หย่งชาง ก่อนจะตะโกนเสียงดัง: “เซียวเสี่ยนเจียว เจ้าดูเขาสิ เจ้าลองเบิกตาดูเขาให้ดีสิ! เดิมเขาควรจะได้เป็นบุตรชายคนโตของเจ้า ควรจะได้เป็นมกุฎราชกุมารที่สืบทอดบ้านเมืองต่อจากบรรพบุรุษ แต่เจ้าดูสิว่าตอนนี้เขากลายเป็นอะไรไปแล้ว?! เซียวเสี่ยนเจียว เจ้าปล่อยให้จวนฉู่กั๋วกงทำความผิดโดยไม่ขัด คอยเข้าข้างเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย ตอนนี้แล้วยังจะปล่อยปละละเลยบุตรสาวของเจ้าอีก!” เซียวโม่มองเห็นฮ่องเต้หย่งชางก็ตกใจกลัว เห็นฮ่องเต้หย่งชางยกมือขึ้นนิ่ง ๆ ก็ทรุดตัวลงนั่งด้วยความหวาดหวั่นโดยไม่รู้ตัว: “ไม่เอา ไม่ ไม่ โม่เอ๋อร์มิบังอาจ โม่เอ๋อร์ไม่กล้าแอบกินหมั่นโถวแล้ว อย่าตีข้า เถ้าแก่อย่าตีข้า!” เสี้ยวพริบตาเดียวนั้น ต่อให้ฮ่องเต้หย่งชางเป็นฮ่องเต้ ก็หลับตาอย่างทนไม่ไหว เผยสีหน้าเจ็บปวดขมขื่นออกมา พระชายาหลิ่วสะอึกสะอื้นจนพูดไม่ออก: “เซียวเสี่ยนเจียว เจ้ายังใฝ่ฝันอยากจะเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับการยกย่องไปชั่วกาลอยู่ทุกวัน ไม่ผิด เจ้ากอบกู้วิกฤติต้านทานคลื่นคลั่งเอาชนะแคว้นหว่าล่า เจ้าเริ่มสร้างกองทัพเรือเตรียมพร้อมต่อต้านกลุ่
ทุกคนต่างกลั้นเสียงกลั้นลมหายใจ ไม่ว่าอย่างไรก็นึกไม่ถึงองค์หญิงพระองค์หนึ่งที่ได้รับความรักความโปรดปรานมากเพียงนี้ จะได้รับพระราชทานความตายราวกับเป็นบทละครเช่นนี้ ไล่เฉิงหลงเหลือบสายตามองไปทางชีจิ่นอีกครั้ง…นางวางแผนเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อใดกันแน่ แล้วเหตุใดถึงได้มั่นใจนักว่าองค์หญิงเป่าหรงจะต้องเล่นลูกไม้ลอบลงมือกับโอสถ? ในฐานะผู้บัญชาการทัพขององครักษ์เสื้อแพร เขาผ่านคดีมามากมายการไต่สวนก็ผ่านมามากมายเช่นกัน มองปราดเดียวก็เห็นถึงความไม่ปกติของเรื่องนี้แล้ว เป็นความจริง ที่หลักฐานทั้งหมดร้อยเรียงกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และไม่พบบุคคลต้องสงสัยคนที่สอง แต่ก็เพราะว่าเป็นเช่นนี้ มันดูสะอาดเกินไป เลยยิ่งทำให้ชัดเจนมากว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำจะต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าแน่ บัดนี้ฮ่องเต้หย่งชางตั้งตัวไม่ทัน อีกทั้งยังถูกสถานการณ์กดดันไว้ พระชายาหลิ่วแทบจะใช้ความตายมาบีบบังคับแล้ว แม้แต่คำพูดที่ว่าจะกระแทกศีรษะตายไปพบฮ่องเต้พระองค์ก่อนที่ศาลบรรพชน ให้ขุนนางเสนาบดีวินิจฉัยเรื่องนี้อย่างเป็นธรรมก็ยังพูดออกมา ยิ่งองค์หญิงใหญ่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นางถึงขั้นบอกว่าหากไม่มอบความยุติธรรมให
ตีงูไม่ตาย หายนะไม่สิ้นสุด หลังจากนี้ชีวิตของชีหยวน… ไม่สิ ชีหยวนไม่มีหลังจากนี้อีกต่อไปแล้ว องค์หญิงหมิงเฉิงเบะปาก ก่อนจะร้องไห้โยเยออกมา พลางเช็ดเลือดบนใบหน้า พลางร่ำไห้สะอึกสะอื้น: “ลูกได้ยินว่าเสด็จแม่ตายแล้ว เสด็จพ่อเป็นความจริงหรือเพคะ?” ดรุณีตัวน้อยยิ่งเลื่อนมือไปเช็ด คราบเลือดบนใบหน้ายิ่งปรากฏความน่าสะพรึงกลัวชัดเจนขึ้น แม้แต่ฮ่องเต้หย่งชางยังเกือบมีน้ำตาออกมา ไม่ว่าเมื่อใด ความไร้เดียงสาและความอ่อนโยนของเด็กน้อยก็มักจะกระทบจิตใจของผู้คนให้แสบสะท้านได้มากที่สุด แน่นอนว่าเซียวโม่มิใช่ว่าไม่น่าสงสาร และมิใช่ว่าจะไม่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ทว่าเมื่อได้เทียบกับธิดามังกรข้างกายพระโพธิสัตว์ผู้งามเพริศพริ้งน่าเอ็นดูตรงหน้า ก็ดูจะขัดตาอยู่ชัดเจนไม่น้อย หัวใจคนย่อมลำเอียงเสมอ สายตาที่ใช้มองสิ่งของก็ลำเอียงเช่นกัน เขาลูบศีรษะขององค์หญิงหมิงเฉิง เงียบมิได้เอ่ยวาจา ทว่าท่าทีกลับผ่อนคลายลงแล้วเล็กน้อย ทันใดนั้นก็หมุนศีรษะมาแล้วตะโกนว่า: “เหล่าเซี่ย นี่เจ้าตายไปแล้วหรือ? โลหิตบนใบหน้าขององค์หญิง…” ทว่าทันใดนั้นก็ชะงักงันไปอีกครั้ง ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ชีหยวน: “เจ้ามาดูแลองค์หญิง
เดิมทีนางก็มิได้ตึงเครียดและสิ้นหวังมากถึงเหมือนที่เห็นเมื่อครู่แล้ว! จากอีกฟากหนึ่งของฝูงชน องค์หญิงเป่าหรงสบสายตาชีหยวนจากไกล ๆ เมื่อสายตาของสองคนสบประสาน ใบหน้าของเป่าหรงกลับไม่มีความอาฆาตแค้นไม่มีความบ้าคลั่งและยิ่งไม่มีความใจร้อนปรากฏ สิ่งเดียวที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคือความเย้ยหยันและความเกลียดชังที่ลึกซึ้ง…เจ้าดูสิ เจ้าคิดว่าตัวเจ้าวางแผนรอบคอบไร้ที่ติ แต่ข้าก็ยังรอดปลอดภัยดี! ไล่เฉิงหลงเห็นชัดเจนทุกอย่าง ก็ทอดถอนใจนึกปลงตกในใจอย่างอดไม่ได้ พลาดท่าแล้วจริง ๆ เขาเหลือบสายตาอย่างพะว้าพะวังมองไปยังผู่อู๋ย่งซึ่งก้มหน้าก้มตาทำราวกับไร้ตัวตนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ทันใดนั้นหัวใจก็เย็นยะเยือกขึ้นมา ขันทีเฒ่าใกล้ตายคนนี้ถือครองอำนาจมานานหลายปี มีอิทธิพลสูงสุดในหมู่องครักษ์เสื้อแพร ส่วนตนเองที่ต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดชีวิตมานานหลายปีเพียงนี้ กลับยังต้องพึ่งพิงมิตรภาพระหว่างบิดาของตนเองและฮ่องเต้ ถึงจะสามารถตั้งหลักอย่างมั่นคงได้ในหน่วยองครักษ์เสื้อแพร แต่ครั้งนี้หากเลือกยืนผิดฝ่ายเพียงครั้งเดียว เกรงว่าหลังจากนี้จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว ขณะไล่เฉิงหลงคิดสะระตะอยู่ในใจ ทว่าชีหยวนกลับไม่มีท่าที
เหนือชั้นจริง ๆ! ในใจของเขาพลันรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอีกครั้งเพราะอุบายอันแยบยลของชีหยวน นี่คือการเดิมพันที่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีวันตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ผู่อู๋ย่งใช้กำลังภายใต้อิทธิพลของตนเองแจ้งข่าวให้อ๋องฉีรีบมาปกป้ององค์หญิง เช่นนั้นก็หมายความว่า กองกำลังที่ดูแลมาหลายปีของอ๋องฉีจะถูกเปิดโปงต่อหน้าผู้คน หากว่าไม่แจ้งให้อ๋องฉีมา เช่นนั้นเป่าหรงจะต้องเลือกผ้าแพรขาวหนึ่งผืน หรือไม่ก็สุราพิษหนึ่งจอก และจบชีวิตลงเช่นนี้ไปแล้ว สตรีคนนี้ น่ากลัวเกินไปแล้วจริง ๆ! นางแทบจะคำนวณหมากทั้งหมดของอ๋องฉีได้อย่างแม่นยำ ไม่พลาดแม้แต่เบี้ยตัวเดียว! อ๋องฉีถูกถามคาดคั้นเช่นนั้นเพียงเสี้ยวพริบตาเหงื่อเย็นก็ไหลพลั่ก ๆ ในฐานะองค์ชายที่จดจ้องบัลลังก์จักรพรรดิตาเป็นมัน เขาย่อมรู้ตัวดีว่าบัดนี้ได้ละเมิดข้อห้ามอันใหญ่หลวงไปแล้ว ทันใดนั้นทั้งแผ่นหลังพลันเปียกชุ่ม แต่ในเวลานี้ เขาพูดชื่อผู่อู๋ย่งออกมาไม่ได้อย่างเด็ดขาด! ไม่ได้ ผู่อู๋ย่งเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของเขาในตอนนี้แล้ว! เช่นนั้น เช่นนั้นแล้ว… อ๋องฉีหายใจถี่กระชั้น ความเจ็บปวดบีบรัดไปถึงช่องท้อง แม้แต่บาดแผลที่ขาซึ่งอาการทุเลาลงไปมากแล้
แสงจันทร์ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้า ทันใดนั้น สวี่อินอินก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีภูเขาลูกหนึ่งทับลงบนร่างกายของตนเองความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วอก นางรู้สึกราวกับปลาที่ขาดน้ำ พยายามอ้าปากเพื่อสูดอากาศหายใจ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือ ใบหน้าที่ดูดุร้าย ส่วนประกอบบนใบหน้าดูแข็งกระด้างเป็นติงเฉิงหย่ง!สวี่อินอินตกตะลึงอย่างยิ่ง ฉากนี้ช่างคุ้นเคยเสียจริงแต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?นางยังไม่ทันได้ไตร่ตรอง เสียงเล็กแหลมของหลี่ซิ่วเหนียงก็ดังขึ้น “เจ้าจะเล่นก็เล่นไป แต่อย่าทำให้ตายเสียล่ะ!”เป็นหลี่ซิ่วเหนียง แม่บุญธรรมของนาง!สวี่อินอินโกรธจนดวงตาแทบถลนออกมา สั่นเทิ้มไปทั้งตัวนางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ย้อนเวลากลับมาเมื่อสิบสามปีก่อน!ตอนที่นางเพิ่งจะรู้ว่าตนเองเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนหย่งผิงโหวในเมืองหลวงหลังจากที่จวนหย่งผิงโหวมาตรวจสอบแล้ว พวกเขาบอกว่าจะส่งคนมารับนางทว่า ในคืนนั้นเองนางก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!หลี่ซิ่วเหนียงขังนางเอาไว้ในห้องเก็บฟืน แล้วพาติงเฉิงหย่งมา นางต่อสู้อย่างสุดกำลังจึงรอดพ้นจากการถูกข่มเหง แต่วันรุ่งขึ้น หลี่ซิ่วเหนียงก็พาคนมาจับนางในข้อ
หลี่ซิ่วเหนียงนำผู้คนกลุ่มหนึ่งรีบรุดฝ่าแสงจันทร์กลับไปที่นางหามา ล้วนขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงขี้นินทาประจำหมู่บ้าน สามารถพูดจาบิดเบือนความจริงได้เมื่อคนเหล่านี้เห็นสวี่อินอินและติงเฉิงหย่งนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน คงจะถ่มน้ำลายรุมด่าทอสวี่อินอินจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่!ฮึ คุณหนูสูงศักดิ์ที่ยังไม่ทันกลับบ้านก็เสียความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว ยังจะเรียกว่าคุณหนูสูงศักดิ์ได้อีกหรือ?นางเคยเป็นแม่นมอยู่ในจวนโหว ย่อมรู้ดีว่าพวกชนชั้นสูงเหล่านั้นทั้งเรื่องมากและจู้จี้จุกจิก มีหรือที่จะอยากได้หญิงสำส่อนที่เคยนอนกับคนอื่นแล้ว?เมื่อถึงตอนนั้น หญิงสำส่อนที่เสียตัวก่อนแต่งงาน กับคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่มีความรู้ความสามารถ ต่อให้จวนหย่งผิงโหวหลับตาเลือก ก็คงเลือกได้ไม่ยากคิดจะกลับไปขวางทางลูกสาวของนาง ฝันไปเถอะ!คิดได้ดังนั้น หลี่ซิ่วเหนียงก็แทบทนรอไม่ไหวแล้ว อยากจะรีบกลับถึงบ้านเสียเดี๋ยวนี้เลยใครจะไปรู้ว่า ห่างจากประตูบ้านประมาณหนึ่งร้อยเมตร หัวหน้าหมู่บ้านกลับพาคนกลุ่มใหญ่ถือคบเพลิงมาล้อมพวกนางเอาไว้หลี่ซิ่วเหนียงชะงักไปครู่หนึ่ง “หัวหน้าหมู่บ้าน? ท่านทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”หัวหน้าหม
เหนือชั้นจริง ๆ! ในใจของเขาพลันรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอีกครั้งเพราะอุบายอันแยบยลของชีหยวน นี่คือการเดิมพันที่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีวันตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ผู่อู๋ย่งใช้กำลังภายใต้อิทธิพลของตนเองแจ้งข่าวให้อ๋องฉีรีบมาปกป้ององค์หญิง เช่นนั้นก็หมายความว่า กองกำลังที่ดูแลมาหลายปีของอ๋องฉีจะถูกเปิดโปงต่อหน้าผู้คน หากว่าไม่แจ้งให้อ๋องฉีมา เช่นนั้นเป่าหรงจะต้องเลือกผ้าแพรขาวหนึ่งผืน หรือไม่ก็สุราพิษหนึ่งจอก และจบชีวิตลงเช่นนี้ไปแล้ว สตรีคนนี้ น่ากลัวเกินไปแล้วจริง ๆ! นางแทบจะคำนวณหมากทั้งหมดของอ๋องฉีได้อย่างแม่นยำ ไม่พลาดแม้แต่เบี้ยตัวเดียว! อ๋องฉีถูกถามคาดคั้นเช่นนั้นเพียงเสี้ยวพริบตาเหงื่อเย็นก็ไหลพลั่ก ๆ ในฐานะองค์ชายที่จดจ้องบัลลังก์จักรพรรดิตาเป็นมัน เขาย่อมรู้ตัวดีว่าบัดนี้ได้ละเมิดข้อห้ามอันใหญ่หลวงไปแล้ว ทันใดนั้นทั้งแผ่นหลังพลันเปียกชุ่ม แต่ในเวลานี้ เขาพูดชื่อผู่อู๋ย่งออกมาไม่ได้อย่างเด็ดขาด! ไม่ได้ ผู่อู๋ย่งเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของเขาในตอนนี้แล้ว! เช่นนั้น เช่นนั้นแล้ว… อ๋องฉีหายใจถี่กระชั้น ความเจ็บปวดบีบรัดไปถึงช่องท้อง แม้แต่บาดแผลที่ขาซึ่งอาการทุเลาลงไปมากแล้
เดิมทีนางก็มิได้ตึงเครียดและสิ้นหวังมากถึงเหมือนที่เห็นเมื่อครู่แล้ว! จากอีกฟากหนึ่งของฝูงชน องค์หญิงเป่าหรงสบสายตาชีหยวนจากไกล ๆ เมื่อสายตาของสองคนสบประสาน ใบหน้าของเป่าหรงกลับไม่มีความอาฆาตแค้นไม่มีความบ้าคลั่งและยิ่งไม่มีความใจร้อนปรากฏ สิ่งเดียวที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคือความเย้ยหยันและความเกลียดชังที่ลึกซึ้ง…เจ้าดูสิ เจ้าคิดว่าตัวเจ้าวางแผนรอบคอบไร้ที่ติ แต่ข้าก็ยังรอดปลอดภัยดี! ไล่เฉิงหลงเห็นชัดเจนทุกอย่าง ก็ทอดถอนใจนึกปลงตกในใจอย่างอดไม่ได้ พลาดท่าแล้วจริง ๆ เขาเหลือบสายตาอย่างพะว้าพะวังมองไปยังผู่อู๋ย่งซึ่งก้มหน้าก้มตาทำราวกับไร้ตัวตนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ทันใดนั้นหัวใจก็เย็นยะเยือกขึ้นมา ขันทีเฒ่าใกล้ตายคนนี้ถือครองอำนาจมานานหลายปี มีอิทธิพลสูงสุดในหมู่องครักษ์เสื้อแพร ส่วนตนเองที่ต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดชีวิตมานานหลายปีเพียงนี้ กลับยังต้องพึ่งพิงมิตรภาพระหว่างบิดาของตนเองและฮ่องเต้ ถึงจะสามารถตั้งหลักอย่างมั่นคงได้ในหน่วยองครักษ์เสื้อแพร แต่ครั้งนี้หากเลือกยืนผิดฝ่ายเพียงครั้งเดียว เกรงว่าหลังจากนี้จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว ขณะไล่เฉิงหลงคิดสะระตะอยู่ในใจ ทว่าชีหยวนกลับไม่มีท่าที
ตีงูไม่ตาย หายนะไม่สิ้นสุด หลังจากนี้ชีวิตของชีหยวน… ไม่สิ ชีหยวนไม่มีหลังจากนี้อีกต่อไปแล้ว องค์หญิงหมิงเฉิงเบะปาก ก่อนจะร้องไห้โยเยออกมา พลางเช็ดเลือดบนใบหน้า พลางร่ำไห้สะอึกสะอื้น: “ลูกได้ยินว่าเสด็จแม่ตายแล้ว เสด็จพ่อเป็นความจริงหรือเพคะ?” ดรุณีตัวน้อยยิ่งเลื่อนมือไปเช็ด คราบเลือดบนใบหน้ายิ่งปรากฏความน่าสะพรึงกลัวชัดเจนขึ้น แม้แต่ฮ่องเต้หย่งชางยังเกือบมีน้ำตาออกมา ไม่ว่าเมื่อใด ความไร้เดียงสาและความอ่อนโยนของเด็กน้อยก็มักจะกระทบจิตใจของผู้คนให้แสบสะท้านได้มากที่สุด แน่นอนว่าเซียวโม่มิใช่ว่าไม่น่าสงสาร และมิใช่ว่าจะไม่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ทว่าเมื่อได้เทียบกับธิดามังกรข้างกายพระโพธิสัตว์ผู้งามเพริศพริ้งน่าเอ็นดูตรงหน้า ก็ดูจะขัดตาอยู่ชัดเจนไม่น้อย หัวใจคนย่อมลำเอียงเสมอ สายตาที่ใช้มองสิ่งของก็ลำเอียงเช่นกัน เขาลูบศีรษะขององค์หญิงหมิงเฉิง เงียบมิได้เอ่ยวาจา ทว่าท่าทีกลับผ่อนคลายลงแล้วเล็กน้อย ทันใดนั้นก็หมุนศีรษะมาแล้วตะโกนว่า: “เหล่าเซี่ย นี่เจ้าตายไปแล้วหรือ? โลหิตบนใบหน้าขององค์หญิง…” ทว่าทันใดนั้นก็ชะงักงันไปอีกครั้ง ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ชีหยวน: “เจ้ามาดูแลองค์หญิง
ทุกคนต่างกลั้นเสียงกลั้นลมหายใจ ไม่ว่าอย่างไรก็นึกไม่ถึงองค์หญิงพระองค์หนึ่งที่ได้รับความรักความโปรดปรานมากเพียงนี้ จะได้รับพระราชทานความตายราวกับเป็นบทละครเช่นนี้ ไล่เฉิงหลงเหลือบสายตามองไปทางชีจิ่นอีกครั้ง…นางวางแผนเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อใดกันแน่ แล้วเหตุใดถึงได้มั่นใจนักว่าองค์หญิงเป่าหรงจะต้องเล่นลูกไม้ลอบลงมือกับโอสถ? ในฐานะผู้บัญชาการทัพขององครักษ์เสื้อแพร เขาผ่านคดีมามากมายการไต่สวนก็ผ่านมามากมายเช่นกัน มองปราดเดียวก็เห็นถึงความไม่ปกติของเรื่องนี้แล้ว เป็นความจริง ที่หลักฐานทั้งหมดร้อยเรียงกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และไม่พบบุคคลต้องสงสัยคนที่สอง แต่ก็เพราะว่าเป็นเช่นนี้ มันดูสะอาดเกินไป เลยยิ่งทำให้ชัดเจนมากว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำจะต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าแน่ บัดนี้ฮ่องเต้หย่งชางตั้งตัวไม่ทัน อีกทั้งยังถูกสถานการณ์กดดันไว้ พระชายาหลิ่วแทบจะใช้ความตายมาบีบบังคับแล้ว แม้แต่คำพูดที่ว่าจะกระแทกศีรษะตายไปพบฮ่องเต้พระองค์ก่อนที่ศาลบรรพชน ให้ขุนนางเสนาบดีวินิจฉัยเรื่องนี้อย่างเป็นธรรมก็ยังพูดออกมา ยิ่งองค์หญิงใหญ่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นางถึงขั้นบอกว่าหากไม่มอบความยุติธรรมให
แต่กลับดึงตัวเซียวโม่ขึ้นมา และผลักเขาไปยังเบื้องพระพักตร์ของฮ่องเต้หย่งชาง ก่อนจะตะโกนเสียงดัง: “เซียวเสี่ยนเจียว เจ้าดูเขาสิ เจ้าลองเบิกตาดูเขาให้ดีสิ! เดิมเขาควรจะได้เป็นบุตรชายคนโตของเจ้า ควรจะได้เป็นมกุฎราชกุมารที่สืบทอดบ้านเมืองต่อจากบรรพบุรุษ แต่เจ้าดูสิว่าตอนนี้เขากลายเป็นอะไรไปแล้ว?! เซียวเสี่ยนเจียว เจ้าปล่อยให้จวนฉู่กั๋วกงทำความผิดโดยไม่ขัด คอยเข้าข้างเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย ตอนนี้แล้วยังจะปล่อยปละละเลยบุตรสาวของเจ้าอีก!” เซียวโม่มองเห็นฮ่องเต้หย่งชางก็ตกใจกลัว เห็นฮ่องเต้หย่งชางยกมือขึ้นนิ่ง ๆ ก็ทรุดตัวลงนั่งด้วยความหวาดหวั่นโดยไม่รู้ตัว: “ไม่เอา ไม่ ไม่ โม่เอ๋อร์มิบังอาจ โม่เอ๋อร์ไม่กล้าแอบกินหมั่นโถวแล้ว อย่าตีข้า เถ้าแก่อย่าตีข้า!” เสี้ยวพริบตาเดียวนั้น ต่อให้ฮ่องเต้หย่งชางเป็นฮ่องเต้ ก็หลับตาอย่างทนไม่ไหว เผยสีหน้าเจ็บปวดขมขื่นออกมา พระชายาหลิ่วสะอึกสะอื้นจนพูดไม่ออก: “เซียวเสี่ยนเจียว เจ้ายังใฝ่ฝันอยากจะเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับการยกย่องไปชั่วกาลอยู่ทุกวัน ไม่ผิด เจ้ากอบกู้วิกฤติต้านทานคลื่นคลั่งเอาชนะแคว้นหว่าล่า เจ้าเริ่มสร้างกองทัพเรือเตรียมพร้อมต่อต้านกลุ่
เขาย่อมเข้าใจความหมายของชีหยวนดี ในเมื่อเซียวโม่ฟื้นแล้ว สมรภูมิของคนเหล่านี้ก็จะถูกย้ายไปอยู่ที่ห้องของเซียวโม่แทนแล้ว ทว่า แบบนี้ไม่น่ากลัวยิ่งกว่าหรือ?! สถานการณ์ของเซียวโม่แต่เดิมมิได้น่ากลัวเท่าที่ชีหยวนกล่าวอ้าง แต่หมอกลุ่มนั้น กลับไม่มีผู้ใดมองออกเลยสักคน! ชีหยวนใช้วิธีอะไรกันแน่?! หนำซ้ำยังสามารถความคุมการฟื้นคืนสติของเซียวโม่ได้ตลอดเวลาอีก?! สตรีผู้นี้ โชคดีแค่ไหนที่มิใช่บุรุษ มิเช่นนั้นแล้ว หากก้าวเข้าสู่เส้นทางราชการ จะต้องเป็นคู่ต่อกรที่น่ากลัวมากแน่! เขามองชีหยวนด้วยสายตาลุ่มลึก ก่อนจะยอมรับการเป็นพันธมิตรชั่วคราวกับชีหยวน มีเหตุผลใดจะไม่ยอมรับเล่า? เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก็ตายไปแล้ว อ๋องฉีก็พิการไปแล้ว เดิมทีองค์หญิงเป่าหรงและองค์หญิงหมิงเฉิงน่าจะยังพอประคับประคองอำนาจและบารมีของผู่อู๋ย่งได้บ้าง แต่ทว่า ใครขอให้องค์หญิงเป่าหรงในตอนนี้ต้องแบกรับความผิดอันใหญ่หลวงถึงเพียงนี้กัน? เขาตัดสินใจเลือกข้างได้อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็เดินไปหยุดที่เบื้องพระพักตร์ของฮ่องเต้หย่งชาง: “ฝ่าบาท ท่านอ๋องทรงฟื้นคืนสติแล้วพ่ะย่ะค่ะ! บัดนี้กำลังร้องไห้เรียกพระชายาให้เข้าไปหาพ่ะย
แต่ทุกคนล้วนเข้าใจความหมายของเขา ก็จริง รัชทายาทที่ประชวรอ่อนแอไม่รู้ว่าจะอยู่รอดไปได้ถึงเมื่อไหร่ พูดตามความจริงอาจจะอายุสั้นกว่าฮ่องเต้หย่งชางเองเสียอีก และอีกอย่าง ตัวเขาก็นึกสงสัยในตนเองเหมือนกัน ว่าตัวเขาจะมีความสามารถนั้นหรือไม่? ครั้นคิดถึงตอนก่อนที่จะออกมา รัชทายาทที่กำลังสำราญกับเหล่าสตรีในตำหนักบูรพา แม้แต่เรื่องที่พระชายาหลิ่วกลับมายังไม่รู้เรื่องรู้ราวใด ๆ สีพระพักตร์ของฮ่องเต้หย่งชางก็มืดครึ้มลงทันที ฉับพลันทันใดนั้นเขาก็โน้มตัวลงมา ตบหน้าองค์หญิงเป่าหรงไปหนึ่งฉาด ชีเจิ้นถึงกับตาลุกวาวรีบกระตุกแขนเสื้อของบิดาเฒ่าของตนเองในทันใด โหวผู้เฒ่ารำคาญเต็มที จึงถลึงตาใส่เขาอย่างดุเดือด ให้เขาสงบเสงี่ยมเรียบร้อยสักหน่อย พระชายาหลิ่วเอ่ยขึ้นก่อนผู้ใด: “เป็นอะไรไป สังหารบุตรชายข้าไม่สำเร็จ สุดท้ายกลับกลายเป็นเข้าใจผิดสังหารมารดาของตนเอง แค่ตบหน้าฉาดเดียวแล้วจะจบหรือ?” ราชบุตรเขยลู่ตอนนี้มีอะไรให้พูดอีก? น้องเขยอย่างเขา แต่เดิมก็พูดอะไรมากไม่ได้อยู่แล้ว แต่องค์หญิงใหญ่พูดได้! องค์หญิงใหญ่ขมวดคิ้ว: “เสด็จพี่เพคะ เป่าหรงอายุยังน้อย ได้รับความโปรดปรานและการเอาใจมาตั้งแต่
ก่อนหน้านี้เซี่ยอิ๋งสอนชีหยวนไว้หนึ่งประโยค: ผลกรรมหากว่าสุกงอม การกระทำใด ๆ ล้วนมิอาจหยุดยั้งการปรากฏของผลกรรมได้ บัดนี้ผลกรรมที่ว่าก็สุกงอมเต็มที่แล้ว แม่ชีในเรือนกรรมฐานขององค์หญิงเป่าหรง ยอมรับแล้วว่าตนเองได้รับคำสั่งขององค์หญิงเป่าหรงให้แกล้งเป็นลมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของชีหยวน ชีหยวนในตอนนั้นปลีกตัวออกไปจากโรงโอสถระยะหนึ่งจริง ๆ ส่วนเซียวโม่บัดนี้ชีวิตอยู่บนเส้นด้าน เพราะกินโอสถผิด ทุกสิ่งล้วนพิสูจน์ได้ด้วยความจริงเพียงหนึ่งประการ นั่นก็คือ… ชีหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยจ้องมององค์หญิงเป่าหรงที่ยังคงกรีดร้องโวยวายให้องครักษ์เสื้อแพรเข้ามาจับนางไปสังหาร ในใจผุดยิ้มบาง ๆ องค์หญิงแล้วอย่างไร? กษัตริย์ อำมาตย์ ขุนพล เป็นกันเพราะชาติกำเนิดกระนั้นหรือ? หากย้อนกลับไปสามรุ่นก่อน บรรพชนก็เป็นแค่ขอทานเท่านั้น ใครกันแน่ที่สมควรจะต้องถูกดูแคลน! องค์หญิงเป่าหรงสงบลงแล้ว นางมิได้เอาแต่ร้องตะโกนสั่งฆ่าสั่งทุบตีชีหยวนอีกแล้ว และมิได้คุกเข่าร่ำไห้อ้อนวอนขอความเมตตาจากพระชายาหลิ่วอีกแล้ว นางวิ่งไปกอดขาฮ่องเต้หย่งชาง ร้องเรียกเสด็จพ่อพลางเอ่ยวาจาถามเขาว่า: “เสด็จพ่อเพคะ ท่
… ราชบุตรเขยลู่กำหมัดแน่น ฝืนตนเองไว้ไม่ให้หัวเราะพรวดออกมา ปราดเปรื่อง! ช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก! วาทศิลป์ระดับนี้ ต่อให้เป็นขุนนางตรวจการก็ยังต้องยอมศิโรราบด้วยความเต็มใจ ความสามารถในการประจบประแจงสอพลอ ต่อให้เป็นขุนนางกังฉิน ก็ยังต้องทุบโต๊ะตะโกนชื่นชม ชีหยวน ช่างเป็นบุปผาที่งดงามได้อย่างน่ามหัศจรรย์จริง ๆ เขาทอดสายตามองไปทางโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นด้วยสายตาชื่นชม สามารถอบรมสั่งสอนบุตรีให้เป็นคนวิเศษยอดเยี่ยมได้แบบนี้ สกุลชีไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ! โหวผู้เฒ่าชีและชีเจิ้นที่ถูกสายตาจดจ้องอยู่แบบนี้จะทำอะไรได้อีก? พวกเขาดึงสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ก่อนจะคุกเข่าตามชีหยวน: “ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ!” สวรรค์! ตอนนี้พวกเขาอยากได้ยาลูกกลอนเจิ้นหยวนมาบรรเทาอาการปวดศีรษะจะแย่อยู่แล้วใหตายเถิด! ฮ่องเต้หย่งชางกระแอมออกมาหนึ่งที คำพูดไพเราะผู้คนล้วนโปรดปราน แล้วฮ่องเต้มิใช่คนหรืออย่างไร? วันทั้งวันตั้งแต่เช้าถึงค่ำพวกเขาต้องทนฟังขุนนางตรวจการพ่นคำนั้นคำนี้ ยิ่งเจอคนแบบผู้ตรวจการเถี่ย ยังไม่ทันไรก็พยายามก้าวก่ายชีวิตวังหลังของเขาให้ได้ไม่เลิกรา พันสิ่งหมื่นสิ่งผ่านไป แต่การประจบสอพลอไม