ชาติก่อนเวินซื่อเป็นไข่มุกบนฝ่ามือของบิดาและเหล่าพี่ชาย แต่หลังจากที่บิดาพาน้องสาวกลับมา นางก็สูญเสียความรักไปทั้งหมด อีกทั้งยังโดนพวกพี่ชายมองว่าเป็นสตรีเจ้าเล่ห์เพราะแก่งแย่งความรักกับน้องสาว พี่ใหญ่บังคับให้นางคุกเข่าต่อหน้าผู้คน พี่รองตัดมือเท้าทั้งสองข้างของนาง พี่สามทรมานนางอย่างหนัก พี่สี่ทำลายโฉมหน้าและชื่อเสียงของนาง แม้แต่บิดาก็ไล่นางออกจากบ้าน สุดท้ายเวินซื่อเสียชีวิตอย่างน่าเวทนาด้วยน้ำมือของบิดาและพี่ชาย เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นางเลือกที่จะละทิ้ง ขอพระราชโองการออกจากตระกูล ตัดขาดความสัมพันธ์ทางสายเลือด ใครจะรู้ว่าพวกพี่ชายกลับพากันนึกเสียใจ คุกเข่าอ้อนวอนให้นางลาสิกขา เวินซื่อส่ายหน้าอย่างเฉยชา “อมิตตาพุทธ ตระกูลเวินอันใด เวินซื่ออันใด พวกประสกจำคนผิดแล้ว”
View More“ใครกัน? เมื่อครู่มีคนมาส่งเสียงดังเอะอะโวยวายที่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเรา!”“ไปๆๆ รีบไสหัวไปเสีย มิฉะนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!”หนึ่งในยามเฝ้าประตูถือกระบองจะเข้าไปไล่คน แต่ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อมา องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังหลินเนี่ยนฉือก็ชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นคมดาบสีขาวราวหิมะทหารยามที่เดิมทีท่าทางโกรธเกรี้ยวก็ตกใจ ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว กลืนน้ำลายแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน? กล้าดีอย่างไรมาชักดาบที่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วกง?!”“ข้าเห็นว่าบ่าวโง่อย่างพวกเจ้าหูหนวกตาบอด ฟังคำพูดของข้าไม่รู้เรื่อง หรือว่ายังจำหน้าข้าไม่ได้อีกหรือ?”หลินเนี่ยนฉือก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สายตาเฉียบคมกวาดมองทหารยามผู้นั้นทหารยามอีกคนพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมาในหัว ในที่สุดก็นึกออก รีบเข้าไปกล่าวด้วยความนอบน้อม “ข้าน้อยคารวะคุณหนูใหญ่หลิน สหายคนนี้เพิ่งมาใหม่ ไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่เคยเห็นหน้าคุณหนูใหญ่หลิน คุณหนูใหญ่หลินโปรดอภัย ข้าน้อยจะรีบเข้าไปแจ้งให้ทราบเดี๋ยวนี้!”เขารีบดึงสหายของตัวเองไปข้างหลัง แล้วบังคับให้คารวะพร้อมกัน“ถือว่าบ่าวอย่างเจ้า
นอกเมืองหลวง ภูเขาหนานอารามสุ่ยเยว่“อู๋โยว มีจดหมายถึงเจ้าหนึ่งฉบับ!”วันนี้ ขณะที่เวินซื่อกำลังคัดลอกบทสวดขอพรอยู่นั้น ศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่ก็กระโดดโลดเต้นเข้ามาจากข้างนอก“จดหมายหรือ? ใครเป็นคนเขียนจดหมาย?”เวินซื่อรับมาด้วยความสงสัย“ไม่รู้สิ บนซองจดหมายเขียนแค่คำว่า ‘หลิน' ถึงอย่างไรก็บอกว่าส่งให้เจ้า เจ้าต้องรู้จักแน่นอน”หลิน?!หัวใจของเวินซื่อเต้นแรง คนสกุลหลินที่นางรู้จัก นอกจากหลินจื่อฟูแล้ว ก็มีแค่คนผู้นั้น!หรือว่าจะเป็นนาง?เมื่อนึกถึงใครบางคนที่ไม่ได้เจอมานาน เวินซื่อก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที วางพู่กันในมือลง แล้วรีบเปิดจดหมายฉบับนั้นยังไม่ทันดึงกระดาษจดหมายออกมา เวินซื่อก็ได้กลิ่นหอมของดอกไม้โชยมาเมื่อดึงกระดาษจดหมายออกมาดู ไม่เพียงแต่เป็นกระดาษจดหมายเท่านั้น ยังมีก้านหอมดอกไม้แห้งบางๆ อีกดอกหนึ่งด้วยเมื่อเห็นก้านหอมดอกไม้แห้งนั้น บนใบหน้าของเวินซื่อก็ปรากฏรอยยิ้มในทันทีเมื่อเห็นนางยิ้มเช่นนั้น ศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่ก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ใครกัน? ทำให้เจ้ายังไม่ทันได้อ่านจดหมาย ก็ยิ้มออกมาเช่นนี้แล้ว”เวินซื่อหยิบก้านหอมดอกไม้แห้งนั้นด้วยความชื่นชอบอย่างยิ่ง
“น้องห้า!”น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาจากหางตาของเวินฉางอวิ้น ก่อนจะหมดสติไปในที่สุด เขาพึมพำเพียงประโยคเดียว“อย่า…ทิ้งพี่ใหญ่”……หลังออกจากวังหลวง เวินซื่อหยุดฝีเท้า แหงนมองท้องฟ้ากะทันหันผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงจะสามารถสงบสติอารมณ์ มองไปทางจู๋เยวี่ยที่อยู่ข้างกายนางตั้งแต่เมื่อครู่เวินซื่อยิ้มที่มุมปาก “จู๋เยวี่ย เลิกกังวลได้แล้ว ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”จู๋เยวี่ยจ้องใบหน้าที่ฝืนยิ้มของนาง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยปากกะทันหัน “อย่าเสียใจเลย ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านตลอด”ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ข้าก็เชื่อท่านเวินซื่อตะลึงไปครู่หนึ่ง จึงจะเข้าใจว่าจู๋เยวี่ยหมายถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้ของนางเวินฉางอวิ้นเวินซื่อยิ้มทันที ครั้งนี้รอยยิ้มของนางดูดีขึ้น “อืม ข้ารู้แล้ว ขอบคุณมากจู๋เยวี่ย”หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เวินซื่อกลับไปที่รถม้าของนางทันทีที่ขึ้นรถม้า นางก็ปล่อยแมงมุมของนางออกมา ตรวจสอบทั้งนอกและในของรถม้าเป็นไปตามที่คาด จับแมลงสีดำได้หลายตัวจริงๆเวินซื่อกำจัดแมลงสีดำเหล่านั้นอย่างรังเกียจทั้งหมด ไม่ได้เอาให้แมงมุมของนางกินอย่างไรก็เป็นแมลงกู่ ถ้าหากหลังจากแมงมุมของนางกิน แมลงกู่เหล่า
หลังจากที่เขาพูดประโยคนี้ เวินซื่อชะงักไปครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัด บนใบหน้านางแสดงความเย้ยหยัน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นชา “น่าเสียดาย บนโลกนี้ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้”ในที่สุดเวินฉางอวิ้นที่ได้ยินคำพูดนี้ของนางก็ทนต่อกลิ่นคาวในลำคอไม่ไหว อ้าปากกระอักเลือดออกมากองใหญ่เวินซื่อปลายนิ้วเวินซื่อขยับเล็กน้อย แต่สายตาไม่เปลี่ยนแปลงจู๋เยวี่ยเหลือบมองนางแวบหนึ่งหลังจากกระอักเลือด เวินฉางอวิ้นเหมือนเป็นมะเขือที่ต้องน้ำค้าง ท่าทางนั่นดูอ่อนแอยิ่งกว่าเวินอวี้จือที่ป่วยเสียอีกแต่ที่น่าแปลกคือ แม้เป็นเช่นนี้แล้ว เวินฉางอวิ้นยังสามารถยืนอยู่ตรงที่เดิมเหมือนกับว่าในร่างกายเขามีแรงเฮือกหนึ่ง คอยพยุงไม่ให้เขาล้มลงหลังจากยืนพักอยู่ตรงที่เดิมครู่หนึ่ง เวินฉางอวิ้นจึงจะสามารถปรับลงหายใจให้สงบ หลังจากค่อยๆ เช็ดมุมปาก เขาเม้มปากที่ซีดเล็กน้อย แล้วมองไปทางเวินซื่ออีกครั้ง“ตอนนี้น้องรอง…สบายดีหรือไม่?”เวินซื่อกล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่รู้”นางไม่ได้รับเลี้ยงเวินจื่อเฉินเสียหน่อย เวินจื่อเฉินเป็นอย่างไรมาถามนางทำไม?เวินฉางอวิ้นไม่มีทางเลือก ตอนนี้อยู่ภายใต้การเฝ้าดูของบิดา เขาไม่สามารถไปเยี
“โดน…วางยา?!”เวินฉางอวิ้นตะลึง “มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ช่วงนี้ข้าไม่อยู่ในจวนก็อยู่หออาลักษณ์หลวง จะมีคนวางยาข้าได้อย่างไร?”เขาพูดจบก็รู้สึกถึงความไม่ถูกต้อง จึงรีบกล่าวเสริม “ไม่ ความหมายของข้าไม่ได้กำลังสงสัยคำพูดของเจ้า ข้าแค่…”“คุณชายใหญ่เวินไม่ต้องอธิบายให้ข้าฟัง อย่างไรข้าก็ชินแล้ว”‘ชินแล้ว’ ประโยคเดียว คำพูดที่เรียบเฉยสามคำไม่ได้ทำให้เวินซื่อรู้สึกอะไร แต่เวินฉางอวี้ที่ได้ยินคำพูดนี้กลับทรมานใจมาก“นี่…นี่จะชินได้อย่างไรกัน โทษที่พี่ใหญ่ไม่ดีเอง เมื่อก่อนพี่ใหญ่ตามืดใจบอด ทำให้น้องห้าได้รับความคับข้องใจมากมาย พี่ใหญ่ทำผิดต่อ…”เวินฉางอวิ้นพูดยังไม่ทันจบ เวินซื่อก็ขัดจังหวะเขาอย่างหมดความอดทน “ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องอธิบาย คุณชายใหญ่เวินฟังไม่รู้เรื่องหรือ?”ความคิดที่อยากอธิบายของเวินฉางอวิ้นโดนเปิดโปง ความรู้สึกที่เหมือนเลือดอาบนี้ทำให้เขาทั้งเจ็บปวดและทรมาน ตอนนี้เขามีคำพูดมากมายอยากพูดกับน้องหญิง แต่ตอนนี้น้องหญิงของเขากลับไม่ยอมฟังเขาอีกแล้วก็เหมือนกับเขาในอดีตที่เคยทำกับน้องหญิงเช่นนี้…“พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้รังแกน้องหกจริงๆ ข้ากับน้องหกแค่ออกไปเล่นด้วยกัน ข้าไม่เค
“จู๋เยวี่ย”ทันใดนั้นก็มีร่างเงาสายหนึ่งปรากฏตัวที่ข้างกายเวินฉางอวิ้นจู๋เยวี่ยยื่นมือไปอังครู่หนึ่ง หลังจากนั้นกล่าวกับเวินซื่อสามคำ “ใกล้ตายแล้ว”เวินซื่อ “?”ใกล้ตายแล้ว?นางขมวดคิ้ว หลังจากลังเลครู่หนึ่งจึงจะเดินเข้าไปตรวจชีพจรของเวินฉางอวิ้นที่นอนอยู่บนพื้นเดี๋ยวก่อนเวินซื่อเบิกตากว้างเล็กน้อย มองเวินฉางอวิ้นที่อยู่บนพื้นด้วยความประหลาดใจเกิดอะไรขึ้น เขาถูกพิษหรือ?ใครกันที่กล้าวางยาพิษคุณชายใหญ่ของจวนเจิ้นกั๋วกง? อีกทั้งเหตุใดลักษณะชีพจรนี่จึงคุ้นๆ?ขณะที่เวินซื่อกำลังจะตรวจดูอย่างละเอียด เวินฉางอวิ้นที่นอนหมดสติอยู่บนพื้นขยับกะทันหัน หลังจากนั้น ชีพจรที่อ่อนแอและยุ่งเหยิงของเขาในตอนแรกก็กลับมาเป็นปกติ นี่มันน่าแปลกมาก“น้องห้า ใช่เจ้าหรือไม่?”เวินฉางอวิ้นเพิ่งฟื้น การมองเห็นยังพร่ามัวเล็กน้อยตอนที่เห็นคนตรงหน้า เขายื่นมือไปคว้าอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวแต่น่าเสียดายที่เวินซื่อได้เตรียมตัวตั้งแต่ตอนที่เห็นเขาจะฟื้นแล้ว จึงถอยหลังหนึ่งก้าวได้ทันเวลารอการมองเห็นของเวินฉางอวิ้นกลับมาเป็นปกติ ก็เห็นว่าคนที่ตัวเองคว้าไม่ใช่น้องสาวของเขา แต่เป็นผู้หญิงที่สวมชุดสีดำค
คนป่านั่นยังเอาแมลงกู่มาใส่บนตัวเขาอีกด้วย!บ้าจริง คนป่านั่นคิดจะทำอะไรกันแน่?!เวินเฉวียนเซิ่งในเวลานี้สงสัยไปถึงตัวคนที่ซ่อนอยู่ในจวนเจิ้นกั๋วของเขาโดยตรงแล้วมองดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของเวินเฉวียนเซิ่ง เป่ยเฉินหยวนเอ่ยปากอย่างใจเย็น “ดูเหมือนวันนี้เจิ้นกั๋วกงไปไม่ได้แล้ว เด็กๆ คุมตัวเจิ้นกั๋วกงกับบุตรสาวออกไป”“พ่ะย่ะค่ะ!”“ไม่! พวกเจ้าทำอะไร? ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ!”“ท่านพ่อ ทำอย่างไรดี?! ท่านรีบช่วยเยวี่ยเอ๋อร์สิ เยวี่ยเอ๋อร์ไม่อยากติดคุก!”เวินเยวี่ยที่โดนลากออกมากลัวสุดขีด กรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก“กลัวอะไร!”เวินเฉวียนเซิ่งตวาด มองเป่ยเฉินหยวนอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “ก็แค่แมลงตัวหนึ่ง อยากตัดสินความผิดของข้า มันยังไม่ง่ายเช่นนั้น”“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าปากของเจิ้นกั๋วกงแข็ง หรือกระดูกแข็งกว่าแล้ว”เป่ยเฉินหยวนหัวเราะอย่างเย้ยหยัน กล่าวออกคำสั่ง “ยืนนิ่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบเชิญเจิ้นกั๋วกงไปกรมอาญาอีก?”“พ่ะย่ะค่ะ!”ทหารรักษาพระองค์เดินเข้าไป คุมตัวเวินเฉวียนเซิ่งกับเวินเยวี่ยไปทันทีแต่ไม่ได้มีเพียงพวกเขา ยังมีอีกคนที่เข้าคุกเช่นเดียวกันนั่นก็คืออันปี่เค่อ“ใต้เ
งานเลี้ยงวังหลวงที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความรื่นเริงแต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่งานเลี้ยงพระราชวังสิ้นสุดลง ทุกคนกลับโดนกักตัวอยู่ในท้องพระโรงแห่งนี้ทุกคนยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนวังที่โดนแมงมุมของเวินซื่อควบคุมก่อนหน้านี้ก็โดนลากออกมาทีละคนแล้วทหารรักษาพระองค์ยกดาบและฟันลงไปต่อหน้าเหล่าขุนนาง คนวังเหล่านั้นศีรษะหลุดจากบ่า เลือดพุ่งเหมือนน้ำพุเลือดจำนวนไม่น้อยยังได้กระเซ็นใส่คนที่อยู่ใกล้และไม่มีที่หลบไม่ต้องสงสัยเลยว่าในบรรดาคนเหล่านี้มีคนสกุลเวินรวมอยู่ด้วย“อ๊าๆๆ ท่านพ่อ!”เวินเยวี่ยตกใจจนหน้าซีด รีบวิ่งไปหลบหลังเวินเฉวียนเซิ่งเวินเฉวียนเซิ่งตรงข้ามกับนาง สีหน้าของเขาในเวลานี้บูดบึ้ง จ้องมองเป่ยเฉินหยวนด้วยสายตาเย็นชา“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการ ในเมื่อท่านรู้ตั้งนานแล้วว่านักฆ่าเป็นใคร แล้วเหตุใดยังต้องขังพวกเราไว้ที่นี่ นี่ท่านไม่เห็นค่าชีวิตของพวกเรา หรือกำลังอาศัยเรื่องส่วนรวมมาแก้แค้นเรื่องส่วนตัว?”“เจิ้นกั๋งกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนเช่นนี้ วางใจเถอะ แค่พวกท่านไม่ได้สมคบคิดกับนักฆ่าพวกนี้ ข้าย่อมไม่ทำอะไรพวกท่าน แต่ถ้าหากข้าสิ่งของที่ไม่ควรมีบนตัวพวกท่าน เช่นนั้นก็
สายตาของนางมองไปที่อันปี่เค่อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “เหมือนใต้เท้าอันคนนี้ก็มีปัญหาเช่นกัน”บัวหิมะเป็นของอันปี่เค่อ และยังเจาะจงถวายให้ฝ่าบาท ถ้าหากไม่มีนาง เกรงว่าเวลานี้บัวหิมะไปตกอยู่ในมือของฝ่าบาทแล้ว และแมลงน้อยสีดำก็น่าจะลอบทำร้ายสำเร็จแล้ว“เขาคิดจะลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท?!”เวินซื่อหน้าถอดสี คิดไม่ถึงว่าอันปี่เค่อแต่ใจกล้าถึงเพียงนี้หรือว่าอีกฝ่ายสมคบคิดกับคนร้ายต่างเผ่า?ไม่เช่นนั้นเหตุใดจึงมีร้ายต่างเผ่ามากมายเช่นนี้ปรากฏตัวในเมืองหลวง? หรือแม้แต่แฝงตัวเข้ามาในวังหลวง!ดวงตาเวินซื่อฉายแววอันตรายที่คลุมเครือนางกำลังคิด ถ้าหากอันปี่เค่อมีปัญหาจริงๆ เช่นนั้นจวนเจิ้นกั๋วกงที่ร่วมมือกับอันปี่เค่อในวันนี้ล่ะ?พวกเขารู้หรือไม่รู้?หรือบางทีพวกเขาอาจจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้?“อย่าเพิ่งไปคิดมากเกินไป”เสียงของเป่ยเฉินหยวนดังขึ้นอีกครั้ง“ตอนนี้บัวหิมะอยู่ในมือของท่านแล้ว ต่อให้ก้าวออกไปบอกว่าพวกเขามีปัญหา พวกเขาก็ไม่มีทางยอมรับ และยังอาจจะย้อนมาเล่นงานท่านด้วย”เมื่อได้ยินเวินซื่อก็พยักหน้าอย่างอื่นไม่พูดถึง แค่มีโอกาส เวินเยวี่ยไม่มีทางละเว้นนางแน่นอน ดังนั้นเป็นไปได้ว่าอาจโ
“หม่ำ ๆๆ”“กินสิ พี่หญิง เหตุใดท่านถึงไม่กินเล่า?” ภายในห้องลับที่มืดสลัว เวินซื่อบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่าง นอนคว่ำอยู่บนพื้นหายใจรวยริน โซ่เหล็กบนตัวนางส่งเสียงดังเคร้ง รัดคอและแขนขาของนางไว้ จนทำให้นางสลัดไม่หลุดเบื้องหน้าของนางมีดรุณีน้อยสวมชุดสีเหลืองอ่อนถืออาหารสุนัขไว้ในมือ หยอกล้อนางราวกับกำลังหยอกสุนัขก็มิปาน ส่วนดรุณีน้อยที่ยิ้มแย้มราวกับบุปผาผู้นี้คือน้องสาวของนาง...เวินเยวี่ยเวินเยวี่ยเอ่ยกับสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังอย่างไม่พอใจว่า “ดูสิ พี่หญิงของข้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง แม้แต่สุนัขก็ยังเป็นให้ดีไม่ได้ คุณหนูอย่างข้าป้อนให้นางกินด้วยตัวเอง นางยังกล้าไม่กินอีกหรือ?” สาวใช้ก้าวเข้ามาเตะคนที่อยู่บนพื้นทันทีเตะจนคนร้องคราง สาวใช้ถึงค่อยเอ่ยเอาใจเวินเยวี่ยว่า “คุณหนูอย่าไปโต้เถียงกับนางเลยเจ้าค่ะ เกรงว่าสุนัขตัวนี้ยังคงคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของจวนกั๋วกง”เวินเยวี่ยหัวเราะเยาะ “เวินซื่อนับว่าเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของประเภทไหน? แม้แต่ท่านพ่อกับพวกท่านพี่ก็ไม่ยอมรับนางแล้ว การได้เป็นสุนัขก็นับว่าเป็นเกียรติที่คุณหนูอย่างข้ามอบให้นาง”“น่าเสียดายที่ไม่รู้จักเจียมตัว”...
Comments