Share

บทที่ 3

Author: จิ้งซิง
เด็กสาวที่นั่งอยู่หน้ากระจกแต่งหน้า ไม่มีสาวใช้ปรนนิบัติ ทำได้เพียงหวีผมให้ตัวเอง นางมองเขาแวบหนึ่งแล้วข่มกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ ร้องเรียกอย่างเฉยชาว่า “พี่รอง”

เวินจื่อเฉินที่บุกเข้ามาถลึงตาใส่เวินซื่อด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะ “ข้าขอถามเจ้า เจ้าทำลายชุดพิธีการของน้องหกใช่หรือไม่? เหตุใดจิตใจของเจ้าถึงชั่วร้ายเพียงนี้? รู้อยู่แก่ใจว่าวันนี้ก็เป็นพิธีปักปิ่นของน้องหก เจ้ายังจะทำลายชุดพิธีการของนางอีกหรือ!”

ในขณะที่เวินจื่อเฉินซักถามเวินซื่อด้วยอารมณ์รุนแรง คนที่ทำให้เวินซื่อเกลียดชังเข้ากระดูกดำผู้นั้นก็โผล่ศีรษะออกมาจากด้านหลังเวินจื่อเฉินด้วยสีหน้าขอโทษ

“พี่รอง อย่าพูดเลยเจ้าค่ะ ข้าอธิบายกับท่านแล้วไม่ใช่หรือ? พี่หญิงห้านางไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ แค่ไม่ระวังเท่านั้นเอง”

เวินเยวี่ยมีรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาน่ารัก มักจะแสดงสีหน้าอ่อนแออยู่เสมอ

บวกกับนัยน์ตาที่มีน้ำเอ่อคลอดูขลาดกลัวเหมือนลูกกวาง ใครเห็นจะไม่เกิดความรู้สึกรักเอ็นดูได้?

นางเองก็รู้ข้อดีของตนเองจริง ๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้ว่าทุกคนในจวนเจิ้นกั๋วกงรู้สึกติดค้างนาง

เนื่องจากเวินเยวี่ยเพิ่งจะถูกคนของจวนเจิ้นกั๋วกงตามหาตัวกลับมาได้เมื่อครึ่งปีก่อน

บิดาบอกว่านางถูกคนลักพาตัวไปตอนสามขวบ ถูกทิ้งให้อยู่ข้างนอกทนทุกข์ทรมานมาตั้งแต่เด็ก

ทุกคนในสกุลเวินล้วนติดค้างเวินเยวี่ยอย่างยิ่ง และอยากพยายามชดเชยให้นาง

ในอดีตเวินซื่อก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน

ถึงอย่างไรนางคิดว่าเวินเยวี่ยก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของนาง

แต่ชาติที่แล้วนางกลับจ่ายค่าตอบแทนด้วยความชอกช้ำใจอย่างยิ่งเพราะความคิดไร้เดียงสาเช่นนี้!

ตอนนี้ได้เห็นใบหน้าของเวินเยวี่ยอีกครั้ง เวินซื่อแทบอยากจะสังหารนางทันที!

“น้องหก! เหตุใดเจ้าถึงใจดีขนาดนี้? ทั้ง ๆ ที่เป็นความผิดของน้องห้า เจ้ายังจะช่วยอธิบายอะไรให้นางอีก?”

“ไม่ใช่นะ โธ่เอ๊ย! พี่รอง เหตุใดท่านไม่ฟังเลยเล่า”

เวินเยวี่ยเอ่ยพลางหันหน้ามาขอโทษเวินซื่อ “ขออภัยด้วยนะเจ้าคะพี่หญิงห้า ทั้งหมดต้องโทษที่ข้าพูดไม่เก่งบอกไม่ชัดเจน ท่านอย่าโกรธพี่รองได้ไหม? เขาแค่เป็นห่วงข้ามากเกินไปเท่านั้น”

“เจ้าจะขอโทษนางเพื่ออะไร เห็นชัด ๆ ว่านางควรขอโทษเจ้า!”

เวินจื่อเฉินถลึงตามองเวินซื่ออย่างเหี้ยมโหด

เวินซื่อหลุบตาปิดบังความพยาบาทในก้นบึ้งของดวงตา “ใช่ พี่รองกล่าวถูกต้อง เรื่องเมื่อสองวันก่อนข้าทำผิดไปจริง ๆ ข้าควรขออภัยน้องหกถึงจะถูก”

ไม่มีทางเลือก

นางเกิดใหม่ช้าไปสองวัน ชาติที่แล้วช่วงเวลานี้เวินเยวี่ยทำลายชุดพิธีการของตนเองแล้ว จากนั้นก็ใส่ความนาง

เวินเยวี่ยไม่จำเป็นต้องมีแม้กระทั่งหลักฐานใด ๆ ขอเพียงให้คนเห็นว่านางถือชุดพิธีการที่พังเสียหายแล้วร้องไห้อยู่ตรงนั้น ทุกคนก็นึกถึงเวินซื่อได้

ถึงอย่างไรนางในตอนนี้ก็ถูกเวินเยวี่ยใช้วิธีการต่าง ๆ นานาทำลายชื่อเสียงไปนานแล้ว

ทุกคนต่างรู้ว่าเวินซื่ออิจฉาริษยาน้องสาวของตนเอง นอกจากนี้ยังใจร้ายใจดำ จิตใจคับแคบ อีกทั้งเป็นคนทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้วย!

ดังนั้นขอเพียงเวินเยวี่ย ‘โดนรังแก’ ย่อมต้องเป็นฝีมือของเวินซื่ออย่างแน่นอน!

เวินซื่อที่ข่มกลั้นความแค้นชิงชังทั้งหมดไว้ก็ยิ้มให้เวินเยวี่ย แล้วเอ่ยปากขอโทษว่า “สองวันนี้ครุ่นคิดเรื่องนี้ข้าก็นอนไม่หลับ รู้สำนึกเสียใจจริง ๆ น้องหกโปรดให้อภัยด้วย”

สีหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงใจของนางทำให้เวินเยวี่ยเห็นแล้วสงสัยว่านางเปลี่ยนไปเป็นคนละคนใช่หรือไม่?

“ฮึ ตอนนี้เจ้ารู้ความผิดแล้วหรือ?”

เวินจื่อเฉินหัวเราะหยัน “คนใจดำเช่นเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของข้า ข้าคงส่งเจ้าให้ทางการไปนานแล้ว ให้เจ้าลิ้มรสการลงทัณฑ์อย่างรุนแรงในคุก!”

เวินซื่อหัวเราะหยันในใจเช่นเดียวกัน

น้องสาวแท้ ๆ?

เหอะ แต่ตอนนี้นางไม่อยากเป็นน้องสาวของคนพรรค์นี้แล้ว!

วันนี้เมื่อชาติที่ก่อน นางถูกเวินจื่อเฉินทุบตีจนบาดเจ็บไปทั่วทั้งตัวเพราะไม่ยอมขอโทษเวินเยวี่ย

นอกจากใบหน้าแล้ว ร่างกายแทบจะมีรอยฟกช้ำดำเขียวไปเกือบทุกส่วน

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าวันนี้เป็นพิธีปักปิ่นของนาง

เขาก็ไม่ยั้งมือให้นางเลยสักนิดเดียว!

ในบรรดาพี่ชายทั้งสี่คนของนาง เวินจื่อเฉินกับเวินจื่อเยวี่ยฝาแฝดคู่นี้มีนิสัยแย่ที่สุด

พี่รองเวินจื่อเฉินอารมณ์ร้อนอย่างยิ่ง ตอนที่รักเอ็นดูน้องสาวอย่างนาง สามารถฟาดทุกคนที่รังแกนางได้เพื่อนาง

แต่ตอนที่ไม่รักเอ็นดูนาง ก็สามารถลงมือกับนางได้ทันทีโดยไม่รีรอเช่นกัน

โดยเฉพาะเมื่อนางขัดแย้งกับเวินเยวี่ย ขอเพียงเวินเยวี่ยร้องไห้ นางจะต้องโดนทุบตีอย่างแน่นอน!

เวินซื่อเม้มริมฝีปาก

เวินจื่อเฉินสูงกว่านาง พละกำลังเยอะกว่านาง ตอนนี้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา คนที่เสียเปรียบมีเพียงตัวนางเอง

ดังนั้นเวินซื่อจึงเลือกก้มหน้า

ไม่เป็นไร ชาตินี้สิ่งที่นางมีคือเวลาในการชำระความแค้นอย่างช้า ๆ

แต่ดูเหมือนว่าเนื่องจากนางขอโทษไวเกินไป กลับทำให้บางคนรู้สึกว่ายังไม่สาสม

“พี่รอง ในเมื่อพี่หญิงห้าขอโทษแล้ว เช่นนั้นก็แล้วไปเถิด ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดเหมือนกัน แค่น่าเสียดายที่ไม่มีชุดพิธีการแล้ว ข้าเกรงว่ายากจะเข้าร่วมพิธีปักปิ่นในวันนี้แล้ว”

ภายในห้อง เสียวของเวินเยวี่ยเอ่ยปากพูดอย่างขลาดกลัว

เวินจื่อเฉินที่เดิมทียังคิดว่าให้มันแล้วกันไป หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้พลันเกิดความรู้สึกเจ็บปวดใจแทนเวินเยวี่ยขึ้นมาทันที

“ไม่ได้ เรื่องนี้จะแล้วกันไปแบบนี้ไม่ได้เป็นอันขาด!”

“ครั้งนี้นางทำลายชุดพิธีการของเจ้า ครั้งหน้าอาจจะทำเรื่องเลวร้ายอะไรอีกก็เป็นได้ จะต้องให้นางได้รับการสั่งสอนเสียบ้าง จะได้จดจำไว้นาน ๆ!”

เวินจื่อเฉินกล่าวจบก็หันหน้าไปถลึงตาใส่เวินซื่อ “ในเมื่อเจ้าทำลายชุดพิธีการของน้องหก เช่นนั้นก็นำชุดพิธีการปักปิ่นชุดนั้นของเจ้าออกมามอบให้น้องหกเสีย สำหรับพิธีปักปิ่นในวันนี้ ในเมื่อไม่มีชุดพิธีการแล้ว เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมอีกต่อไปแล้ว”

ดวงตาของเวินเยวี่ยส่องประกายขึ้นมาทันใด

เวินซื่อไม่ได้มองข้ามสายตาของนางเลย และไม่รู้สึกแปลกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย

ถึงอย่างไรสาเหตุที่เวินเยวี่ยทำลายชุดพิธีการของตัวนางเองและใส่ความนางก็เพื่อจะเอาชุดพิธีการของเวินซื่อ

ว่าไปแล้วชุดพิธีปักปิ่นของนางยังเป็นชุดที่บรรดาพี่ชายทั้งสี่คนสั่งทำให้นางล่วงหน้าหนึ่งปี

เครื่องประดับศีรษะเป็นกวานหยกพันด้วยไหมทองและขนนกกระเต็น

ชุดเป็นผ้าไหมชั้นดีจากเสฉวนปักลายผีเสื้อ

ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือว่าการตัดเย็บล้วนเป็นสุดยอดของเมืองหลวง

ตอนแรกที่ทำชุดพิธีการนี้ พวกพี่ชายพูดกับเวินซื่อว่าอยากให้น้องสาวสุดที่รักของพวกเขากลายเป็นสตรีที่ได้รับความอิจฉามากที่สุดของเมืองหลวงในพิธีปักปิ่น

น่าเสียดายที่ต่อมา ‘น้องสาวสุดที่รัก’ ได้เปลี่ยนเป็นคนอื่นแล้ว

เมื่อเห็นเวินซื่อไม่พูดไม่จาอยู่ตรงนั้น เวินจื่อเฉินนึกว่านางไม่อยากตกลง จึงกล่าวอย่างไม่พอใจทันทีว่า “ทำไม? เจ้าไม่ยินยอม? หรือว่าในใจเจ้าไม่คิดจะกลับตัวกลับใจจริง ๆ คำพูดที่กล่าวเมื่อครู่นี้เป็นแค่การหลอกลวงข้าหรือ?!”

“ฮึ หากเป็นเช่นนี้ อย่าโทษว่าพี่รองของเจ้าไม่เกรงใจ...วันนี้เจ้าจะเอาก็ต้องเอา ไม่เอาก็ต้อง...”

“ตกลง”

เวินซื่อพลันส่งเสียงขึ้น ตัดบทของเวินจื่อเฉิน

นางไม่แม้แต่จะมองเวินจื่อเฉิน

หันตัวไปที่ห้องแล้วหยิบชุดพิธีการที่เตรียมไว้นานแล้วชุดนั้นออกมา

ถึงอย่างไรทุกสิ่งทุกอย่างนี้ก็ไม่ใช่ของนาง

เวินซื่อยื่นมาข้างหน้าแล้วยิ้มน้อย ๆ “น้องหก ให้เจ้า ตอนนี้ชุดพิธีการนี้เป็นของเจ้าแล้ว รีบรับไปสิ”

ดูเหมือนเป็นเพราะเวินซื่อมอบให้เร็วเกินไป เวินเยวี่ยจึงไม่ทันตอบสนองไปชั่วขณะ

นางคาดการณ์ไว้ว่าเวินซื่อไม่น่าจะยอมตกลงง่ายถึงเพียงนี้

นางน่าจะโวยวายเสียงดัง หลังจากนั้นก็ยั่วโทสะของเวินจื่อเฉิน และจากนิสัยของเวินจื่อเฉิน เขาจะต้องทุบตีนางจนนางต้องมอบชุดพิธีการออกมา เช่นนั้นถึงจะถูก

แต่ตอนนี้ เหตุใดเวินซื่อจึงยอมตกลงแล้ว?

เวินเยวี่ยรู้สึกว่าผิดปกติ

หรือจะพูดว่าตั้งแต่เมื่อกี้นางรู้สึกมาตลอดว่าปฏิกิริยาของเวินซื่อแปลกประหลาดมาก

ยอมรับง่าย ๆ เช่นนี้ หรือว่าอีกฝ่ายคาดเดาได้นานแล้วว่าเป้าหมายของนางคือชุดพิธีการนี้?

ดังนั้น...นางเล่นตุกติกอะไรบนชุดพิธีการใช่หรือไม่?

ดวงตาของเวินเยวี่ยฉายแววดูแคลนทันที

นางนึกว่าตนเองคาดเดาความคิดของเวินซื่อได้แล้ว จึงหัวเราะเยาะในใจ

โง่งม

คอยดูว่าข้าจะเปิดโปงเจ้าอย่างไร

เวินเยวี่ยแสร้งทำเป็นจะรับชุดพิธีการ เพิ่งจะยื่นมือไปสัมผัสชุดพิธีการนั้น นางก็ร้องด้วยความเจ็บปวดฉับพลัน

“กรี๊ด พี่รอง ข้าเจ็บมากเลย!”

ชุดพิธีการถูกสะบัดทิ้งลงกับพื้น นางหันตัวโผเข้าไปในอ้อมแขนของเวินจื่อเฉินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เวินจื่อเฉินยื่นมือไปปกป้องเวินเยวี่ยตามจิตใต้สำนึก แล้วผลักเวินซื่อออก ครั้งนี้ตวาดแม้กระทั่งชื่อแซ่ด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “เวินซื่อ! เจ้าทำอะไรน้องหกอีกแล้ว?!”
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (2)
goodnovel comment avatar
นิธิกร
Tryijjmjk,,
goodnovel comment avatar
ไม่มีที่ว่าง สำหรับคนอ่อนแอ
อินเลยนางร้ายมาก
Tignan lahat ng Komento

Kaugnay na kabanata

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 4

    เวินซื่อที่โซเซจนไปชนกับมุมโต๊ะเครื่องแป้งก็เม้มริมฝีปากแน่น ชาติที่แล้วนางเสียรู้ในน้ำมือของเวินเยวี่ยไปมากมายถึงเพียงนั้น ตอนนี้แค่เห็นเวินเยวี่ยทำท่าทางเช่นนี้ เวินซื่อก็รู้ว่านางจะเล่นตุกติกอะไรอีกแล้วนางหยิบชุดพิธีการที่ร่วงลงพื้นขึ้นมา“ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าข้าทำอะไรถึงทำให้น้องหกมีปฏิกิริยายกใหญ่เช่นนี้ ไม่สู้รบกวนน้องหกอธิบายให้ข้าเถิด”“เจ้าทำอะไรไว้เจ้ารู้อยู่แก่ใจ!”ไม่รอให้เวินเยวี่ยเอ่ยวาจา เวินจื่อเฉินก็ตวาดใส่นางเสียงดุดันก่อน แววตาของเวินซื่อเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆเมื่อก่อนนางยังดูไม่ออก ตอนนี้นางรู้สึกว่าเวินจื่อเฉินช่างตาบอดจริง ๆอยู่ต่อหน้าต่อตาของเขา ใครทำอะไร ใครไม่ได้ทำอะไร เขามองไม่เห็นเองทั้งนั้นบางทีต่อให้เห็น เขาก็แค่เชื่อคำพูดของคนผู้เดียวเวินจื่อเฉินถลึงตามองเวินซื่ออย่างอำมหิตแวบหนึ่งแล้วตบไหล่เวินเยวี่ยเบา ๆ ปลอบโยนด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “น้องหกไม่ต้องกลัวนะ มีเรื่องอะไรก็บอกกับพี่รอง ไม่ว่าอย่างไร พี่รองก็จะตัดสินแทนเจ้าเอง”ทั้งสองคนมีท่าทางแทบจะใกล้ชิดสนิทสนมกันมากแต่เวินจื่อเฉินกลับเหมือนไม่สังเกตเห็นเลย เขาไม่เก็บงำเลยแม้แต่น้อย ดวงตาที่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 5

    “เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!”เวินเยวี่ยที่เดิมทียังนึกว่ามีโอกาสแย่งกลับมาก็ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยวอารมณ์หวั่นไหวรุนแรงราวกับว่าสิ่งที่เวินซื่อตัดคือชุดของนางเวินซื่อขยับมือไม่หยุด รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงไม่แปรเปลี่ยน “ตัดชุดอย่างไรเล่า พี่รองกับน้องหกเห็นแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนี้?”ดวงตาสองข้างของเวินจื่อเฉินพ่นไฟแล้ว “เจ้ายังกล้าถามข้าอีกหรือว่าเหตุใดถึงมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้?! ชุดนี้เป็นชุดที่ข้ากับพวกพี่ใหญ่ตั้งใจสั่งทำขึ้นมาเพื่อพิธีปักปิ่นของเจ้า ตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เหตุใดเจ้าต้องตัดมันจนเละด้วย?!” “เพราะว่าไม่มีใครต้องการมันแล้ว”เวินซื่อตัดลงไปดัง “ฉับ” อีกครั้ง “ข้าไม่ต้องการ น้องหกก็ไม่ต้องการ ของที่ไม่มีใครต้องการย่อมต้องจัดการทิ้ง” สีหน้าของนางเย็นชาจนทำให้เวินจื่อเฉินแทบจะรู้สึกแปลกตาใครบอกว่าข้าไม่ต้องการ?!เวินเยวี่ยโกรธจนแทบอยากจะกรีดร้อง นางแค่จงใจบอกปัดเพื่อไม่ให้เวินจื่อเฉินสงสัยเท่านั้นใครจะคิดว่าเวินซื่อกลับเสียสติถึงเพียงนี้?!ทั้ง ๆ ที่นางคิดไว้นานแล้วว่าวันนี้จะต้องสวมชุดพิธีการนี้ให้ได้ แต่ตอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 6

    ผู้ที่มามีรูปร่างสูงสง่าราวกับไผ่สน สวมอาภรณ์เสื้อคลุมสีกรมท่า รูปลักษณ์สง่างาม โฉมหน้าหล่อเหลาชื่อของเขาคือเวินฉางอวิ้น เป็นพี่ใหญ่ของนาง และก็เป็นคุณชายใหญ่ของจวนกั๋วกง“น้องห้า เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?” เวินฉางอวิ้นมองเวินซื่อด้วยสายตาเย็นชา ความรู้สึกกดดันที่แผ่ลงมาจากด้านบนทำให้เวินซื่อแทบหายใจไม่ออกนิดหน่อย เมื่อก่อนนางโง่งม คิดเพียงว่าเวินฉางอวิ้นรูปร่างสูงใหญ่ ถึงมอบความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ให้นาง ทว่าต่อมาจนกระทั่งเมื่อนางเห็นกับตาว่าเวินฉางอวิ้นก้มตัว ก้มหน้าให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับเวินเยวี่ยเพียงเพื่อรับฟังความคับข้องใจจากปากของนาง เวินซื่อถึงได้เข้าใจว่าที่แท้ตนเองเป็นเพียงคนชั้นล่างที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่ใหญ่ “ข้าไม่เข้าใจคำพูดของพี่ใหญ่ ไม่ทราบว่าข้ามีความผิดอันใด ขอพี่ใหญ่โปรดชี้แจงด้วย”ไม่ใช่ว่าเวินซื่อไม่เห็นชุดพิธีการที่เขาถืออยู่ในมือ ดังนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขามาเพราะเหตุใด แต่แล้วอย่างไรเล่า?ไม่ถามสักคำ มาถึงก็อยากให้นางยอมรับความผิด?มีสิทธิอันใด?เวินฉางอวิ้นทำสายตาเย็นชา แต่สายตาของเวินซื่อกลับเย็นชายิ่งกว่าเขา เวินฉางอวิ้นขมวดค

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 7

    ชุยเส้าเจ๋อก้าวเท้าเดินมาทางเวินซื่อ ท่าทางดูเกรี้ยวกราดหมายจะหาเรื่องเมื่อมองไปทางด้านหลังของเขาอีกก็เห็นเวินเยวี่ยอ้าปากพูดว่า “อย่าเลย” ด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่ได้ทำท่าจะฉุดรั้งชุยเส้าเจ๋อเลยสักนิดหลังจากที่สบสายตาของเวินซื่อ ดวงตาของนางถึงขนาดฉายแววกระหยิ่มยิ้มย่องเห็นได้ชัดว่าการที่นางสามารถยุให้ชุยเส้าเจ๋อออกหน้าเพื่อนางได้ง่าย ๆ นั้นทำให้นางภาคภูมิใจเอามาก ๆแต่ว่าน่าเสียดายมาก ยังไม่ทันที่ชุยเส้าเจ๋อจะเดินเข้ามาใกล้เวินซื่อ เสียงทุ้มหนึ่งดังมาจากทางด้านปะรำพิธี...“เจ้าห้า เจ้าหก ถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว ยังไม่รีบมาเตรียมตัวทำพิธีปักปิ่นอีก” เวินซื่อหันหน้าไปมองบนปะรำพิธี บุรุษวัยกลางคนสวมชุดเสื้อคลุมยาวสีเขียวดูสง่าผ่าเผยเปี่ยมไปด้วยความรู้กำลังนั่งอยู่ตำแหน่งประธาน มองพวกนางสองคนด้วยสีหน้าเย็นชานี่คือบิดาของนาง เจิ้นกั๋วกงเวินเฉวียนเซิ่งเวลานี้ต่อให้ชุยเส้าเจ๋ออยากหาเรื่องนางอีกเพียงใด ก็ได้แต่ถอยหลังไปเท่านั้นเวินซื่อเดินขึ้นไปบนปะรำพิธีโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเวินซื่อขึ้นมาบนปะรำพิธีก็ควงแขนนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับบุปผา จงใจทำตัวสนิทสนม“พี่หญิงห้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 8

    เมื่อเวินฉางอวิ้นเดินขึ้นมาบนปะรำพิธี สายตาทอดมองไปที่น้องสาวทั้งสองคน เดิมทียังลังเลอยู่บ้างแต่เมื่อสบสายตาคาดหวังของเวินเยวี่ย เขาก็คลายหัวคิ้วในพริบตาหัวเราะอย่างไม่มีทางเลือกช่างเถิด หากจะโทษก็ได้แต่โทษน้องห้าที่ไม่ได้รับความชื่นชอบเองใครใช้ให้นางมีนิสัยอิจฉาริษยา ไม่ยอมให้น้องหกเลยสักนิดเล่าดังนั้นเวินฉางอวิ้นจึงไม่ลังเลอีกต่อไป เดินผ่านหน้าเวินซื่อแล้วยื่นดอกไม้ให้เวินเยวี่ยจากนั้นก็เป็นเวินจื่อเฉิน เวินจื่อเยวี่ย เวินอวี้จือ...รวมถึงคนสกุลเวิน ทุกคนต่างก็มอบดอกไม้ให้เวินเยวี่ย ก็เหมือนกับชาติที่แล้ว...เวินซื่อผู้โดดเดี่ยวกับเวินเยวี่ยที่ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้สดและคำอวยพรเวินซื่อไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรนางก็รู้ผลสรุปเช่นนี้มานานแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่คาดหวังใด ๆ อีกต่อไปอย่างแน่นอนหลังจากคนเหล่านั้นก็เป็นชุยเส้าเจ๋อ เทียบกับดอกไม้หนึ่งดอกที่คนอื่นมอบให้แล้ว เขาหอบดอกไม้บานหลากสีสันกำใหญ่เต็ม ๆ ไม่มองเวินซื่อสักแวบเดียว ก่อนจะยัดใส่อ้อมแขนของเวินเยวี่ยโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย“น้องเยวี่ยเอ๋อร์ ดอกฉยงฮวาอวยพรวันเกิด ดนตรีเสียงสวรรค์ห้อมล้อมคว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 9

    “ไม่ได้นะ!”“ไม่มีทาง!” แค่คำสาบานเดียวเท่านั้น เดิมที่นึกว่าชุยเส้าเจ๋อน่าจะรับปากได้ แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าชุยเส้าเจ๋อจะมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนั้นสิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ คนที่มีปฏิกิริยารุนแรงเช่นเดียวกันยังมีอีกคน“น้องหก?” พวกเวินฉางอวิ้นมองไปทางเวินเยวี่ยด้วยความประหลาดใจ เวินเยวี่ยมีสีหน้าแข็งทื่อเมื่อตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้นางยั้งสติไม่อยู่มากเกินไป นางจึงรีบเก็บงำอารมณ์ ฝืนยิ้มมุมปากพลางเอ่ยว่า “ไม่ใช่นะ...คือว่า ข้า...ข้าแค่รู้สึกว่าเงื่อนไขที่พี่หญิงเสนอออกมานี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมมากนัก หะ...หากต่อไปพี่เส้าเจ๋อเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเล่า? ดังนั้น พี่หญิงเหลือทางถอยให้ตนเองหน่อยไม่ดีกว่าหรือ?”เวินฉางอวิ้นผู้เป็นพี่ใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าคำพูดนี้ของนางดูแปลกพิกลนิด ๆเวินจื่อเยวี่ยผู้เป็นพี่สามไม่มีปฏิกิริยาอะไรเวินอวี้จือผู้เป็นพี่สี่กลับมองเวินเยวี่ยและมองชุยเส้าเจ๋ออย่างใคร่ครวญ เทียบกับพวกเขาแล้ว เวินจื่อเฉินผู้เป็นพี่รองเชื่อในตัวเวินเยวี่ยโดยสิ้นเชิงว่ามีจิตใจบริสุทธิ์ เขาจึงไม่ได้คิดมากมายเช่นนั้น “พอได้แล้วน้องหก ข้ารู้ว่าเจ้าเป

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 10

    “พวกท่านกล่าวถูกต้อง ข้าไม่ใช่น้องสาวของข้า และข้าก็ไม่ได้ใจดีเหมือนนาง ทุกคนที่เคยรังแกข้าและเคยเหยียดหยามข้า ข้าจะเอาคืนให้หมด” น้ำเสียงของเวินซื่อเย็นชา นางมองชุยเส้าเจ๋อ จากนั้นก็เอ่ยคำพูดที่ชาติก่อนนางนึกเสียใจนับครั้งไม่ถ้วนที่ไม่อาจเอ่ยออกมาต่อหน้าผู้คนด้วยปากของตัวเอง...“ชุยเส้าเจ๋อ ท่านอยากถอนหมั้นไม่ใช่หรือ? ได้ ข้าตกลง และไม่ต้องให้ท่านตกลงเงื่อนไขใด ๆ ด้วย เพียงแต่ว่าหลังจากนี้ไป ข้าเวินซื่อไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับจวนจงหย่งโหวของพวกท่านอีกต่อไปแล้ว!”เมื่อสิ้นคำพูดของนาง ทั่วทั้งงานก็เงียบกริบแม้แต่ชุยเส้าเจ๋อก็อดตกตะลึงไม่ได้ ยะ....ยอมตกลงเช่นนี้เลย?เขานึกว่าเรื่องการถอนหมั้นในวันนี้จะไม่มีทางราบรื่นเป็นอันขาด เขานึกว่าเวินซื่อคงไม่ยินยอมง่าย ๆนึกว่าเวินซื่อจะตามตื๊อ จะร้องไห้โวยวาย...ก่อนจะมาชุยเส้าเจ๋อเคยคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยคิดก็คือเวินซื่อจะยอมตกลงง่ายดายเช่นนี้จริง ๆไม่สิ ก็ไม่ถือว่าง่ายดาย นางยังตบเขาหนึ่งฉาดด้วย เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชุยเส้าเจ๋อที่รู้สึกเสียหน้าก็ทำหน้าเคร่งขรึมทันที เขาลูบแก้มที่แสบร้อนของตัวเอง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 11

    เวินฉางอวิ้นแสดงสีหน้าที่ไม่เห็นด้วยกฎประจำตระกูลของสกุลเวินไม่ใช่แส้ทั่วไป แต่เป็นแส้เหล็กที่สั่งทำพิเศษ เฆี่ยนตีห้าสิบที ชายวัยกลางคนยังต้องนอนพักสิบวันถึงครึ่งเดือน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนาง?ในดวงตาของเวินเยวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ เต็มไปด้วยความสุขคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเวินซื่อจะรนหาที่ตายเอง!นางต้องลองคิดดูว่า จะให้ท่านพ่อตอบตกอย่างไรดี แค่ท่านพ่อตอบตกลง เฆี่ยนห้าสิบที สามารถทำให้เวินซื่อเหลือแค่ครึ่งชีวิตแน่นอน!แต่สิ่งที่เวินเยวี่ยยิ่งคาดคิดไม่ถึงคือ นางไม่จำเป็นต้องลงมือ ตอนที่เวินเฉวียนเซิ่งถามเวินซื่อ นางกลับรนหาที่ตายเองอีกครั้ง“เจ้าเอาจริงหรือ?”เวินเฉวียนเซิ่งก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเวินซื่อจะเป็นคนเสนอขอรับโทษเอง อีกทั้งยังเป็นการลงโทษที่หนักเช่นนี้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกถึงอุบายที่เวินซื่อใช้ชิงความโปรดปรานในยามปกติ เขาหรี่ตาแล้วเตือน“ข้าเกลียดคนที่เล่นละครต่อหน้าข้าที่สุด”เมื่อเวินซื่อเงยหน้าก็ประสานกับสายตาที่น่ารังเกียจของเขา นางหัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยการหัวเราะเยาะตัวเอง “ข้าต้องทำอย่างไรจึงจะไม่ใช่คนที่แสร้งเล่นละครในสายตาท่านพ่อ?” คือต้อง ‘เชื

Pinakabagong kabanata

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 386

    ภายในป่า เงียบสงบไปครู่หนึ่ง ถึงมีเสียงหัวเราะเยาะเบาๆ ดังขึ้น“เจ้าพูดถูก ข้าไม่คู่ควร”เป่ยเฉินหยวนสีหน้าเย็นชา สายตาเย็นเยียบ “แต่เจ้าไม่คู่ควรยิ่งกว่า”“เจ้าอยากจะใช้คนร้ายที่หลบหนีไปได้มาบีบบังคับข้า น่าเสียดาย ข้าไม่หลงกลเจ้า”เป่ยเฉินหยวนพูดจบก็ยกมือขึ้น กองทัพธงดำจำนวนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นทันที ล้อมอันหลันซินเอาไว้อันหลันซินตกใจทันที ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี“ท่านคิดจะทำอะไร?”เป่ยเฉินหยวนกล่าวอย่างเย็นชา “ขอบคุณอู๋โยวให้ดีเถอะ หากมิใช่เพราะนาง หัวของเจ้าคงถูกข้าตัดเอาไปเตะเล่นนานแล้ว”พูดจบเขาก็หันหลังกลับไปออกคำสั่ง “เอาตัวไป มัดให้แน่นแล้วส่งไปให้หนิงหย่วนโหว ให้เขาเฝ้าไว้ให้ดีๆ ขอแค่ไม่ตาย จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่เขา แต่ถ้าคนหนีไป ข้าจะเอาเรื่องกับเขา”“พ่ะย่ะค่ะ!”กองทัพธงดำหลายนายรีบเข้ามาทันทีไม่!ไม่ได้!นางจะถูกพาตัวไปไม่ได้!นางอุตส่าห์รอโอกาสนี้มาอย่างยากลำบาก หากถูกพาตัวไปแล้ว ต่อไปนางจะกลับมาหาอาซื่อได้อย่างไร!อันหลันซินเห็นท่าไม่ดี อ้าปากกำลังจะร้องตะโกน“อึก...”น่าเสียดายที่นางเพิ่งจะส่งเสียงออกมา ฝักกระบี่ก็ฟาดลงบนคอของนางอย่างแรงทำให้นางสลบไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 385

    คนที่ปรากฏตัวอยู่ด้านนอกรถม้าของเป่ยเฉินหยวนคืออันหลันซิน“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน หม่อมฉันจะทำอะไรท่านได้ ท่านจะระแวงหม่อมฉันขนาดนี้ไปทำไมเพคะ?”อันหลันซินยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้นเป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้ว สายตาไม่พอใจ “มีธุระก็พูด ไม่มีธุระก็ไสหัวไป”ท่าทีที่ไม่เกรงใจเมื่อเทียบกับรอยยิ้มที่แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อครู่ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆอันหลันซินแค่นเสียงหัวเราะในใจเสแสร้งอะไรกันตอนนี้รู้จักปฏิบัติต่อสตรีอื่นอย่างแตกต่างเพราะอาซื่อ แต่ต่อไปความพิเศษเช่นนี้ไม่แน่ว่าจะตกไปอยู่กับสตรีอื่นอย่างไรเสีย บุรุษในโลกนี้ก็เหมือนกันหมดอันหลันซินระงับความรังเกียจในใจ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยน “เอาละ รู้ว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ชอบหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันมีข้อแลกเปลี่ยน อยากจะคุยกับท่านสักหน่อยเพคะ”นางพูดเช่นนี้ เป่ยเฉินหยวนกลับไม่มองนางแม้แต่น้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดูถูก “อย่างเจ้า มีคุณสมบัติอะไรมาทำข้อตกลงกับข้า?”“ที่ข้ายอมให้เจ้าอยู่ในขบวนนี้จนถึงตอนนี้ ก็เพียงเพราะเห็นแก่หน้าอู๋โยว”รอยยิ้มบนใบหน้าของอันหลันซินแข็งค้าง กัดฟันเล็กน้อย“เหอะๆ หม่อมฉั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 384

    เป่ยเฉินหยวนนอนเอนกายอย่างสบายอารมณ์อยู่ในรถม้า ในขณะเดียวกันก็นอนอยู่ข้างกายเวินซื่อ หลับตาพริ้มขยับศีรษะอย่างมีความสุข ตอบคำถามของนางทีละประโยค“ได้ ไม่แรง ไม่ได้ดึงเลย ปวดนิดหน่อย เพราะซื่อเอ๋อร์ลูบให้ หัวก็เลยไม่ปวดมากแล้ว”เวินซื่อได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกโชคดีที่นางยังจำตำแหน่งกดจุดต่างๆ บนศีรษะที่อาจารย์ม่อโฉวสอนได้ ผสมผสานกับวิธีการนวด แล้วนวดให้เป่ยเฉินหยวน ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะดีเลยทีเดียวเวินซื่อที่คิดว่าได้ผลจริงๆ ก็ยังคงตั้งใจจ้องมองศีรษะของเป่ยเฉินหยวน จดจ่ออยู่กับการผสมผสานวิธีการนวดและกดจุดต่างๆ ของนางหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ภายในรถม้าดูเหมือนจะเงียบสงบลงอย่างสิ้นเชิงเงียบจนแม้ว่าภายนอกจะมีเสียงล้อรถดังอยู่ ก็ยังได้ยินเสียงหายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอภายในรถม้าเวินซื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าเป่ยเฉินหยวนไม่รู้ว่าหลับตาลงตั้งแต่เมื่อไรแล้วเวินซื่อเห็นดังนั้น มือที่วางอยู่บนศีรษะของเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวช้าลง จนกระทั่งพอสมควรแล้ว นางถึงได้ชักมือกลับก้มหน้าลงมองสีหน้าที่อ่อนล้าระหว่างคิ้วของเป่ยเฉินหยวน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เวินซื่อก็หยิบขวดน้ำทิพย์ออกมาจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 383

    “ปวดหัวหรือ? เกิดอะไรขึ้น? ปวดเป็นพักๆ หรือว่าปวดมากตลอดเวลา?”พอเวินซื่อได้ยินเป่ยเฉินหยวนบอกว่าตนเองปวดหัว ก็ไม่ทันได้ใส่ใจกับคำเรียกที่ดูเหมือนจะสนิทสนมเกินไปนั่น รีบถามอย่างกระวนกระวาย“ปวดเป็นพักๆ เหมือนกับมีคนมากมายพูดอยู่ในหัวของข้า หนวกหูมาก ปวดเหลือเกิน”เป่ยเฉินหยวนมองนางอย่างไม่วางตา ชายหนุ่มผู้ซึ่งปกติแล้วสูงใหญ่และพึ่งพาได้เสมอ เวลานี้กลับดูอ่อนแอเหมือนหมาป่าตัวใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บ ทำได้เพียงส่งเสียงร้องครางกับคนตรงหน้าเพื่อระบายความเจ็บปวดของตนเวินซื่อไม่เคยเห็นเป่ยเฉินหยวนในสภาพที่อ่อนแอเช่นนี้มาก่อนแม้แต่ครั้งแรกที่เห็นเขาป่วยที่ริมลำธารเล็กๆ หลังภูเขานั่น เป่ยเฉินหยวนในตอนนั้นก็ยังคงสติไว้ได้บ้างแต่เป่ยเฉินหยวนในตอนนี้ กลับเหมือนแสดงด้านที่อ่อนแอยามเจ็บป่วยออกมาให้นางเห็นอย่างไม่มีปิดบังเวินซื่อจึงลูบหน้าผากเขาด้วยความสงสารทันที แล้วจับชีพจร “ไม่ปวดแล้วๆ ตอนนี้ข้าจะสวดมนต์ให้ท่านอ๋องเดี๋ยวนี้ ท่านนั่งฟังดีๆ อีกเดี๋ยวก็จะไม่ปวดแล้ว”แต่เป่ยเฉินหยวนในตอนนี้กลับเหมือนจะมีความคิดต่อต้านขึ้นมาเล็กน้อย ยื่นมือออกไปคว้าข้อมือของเวินซื่อที่กำลังจะชักกลับ เอ่ยด้วยน้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 382

    นางมองเวินซื่อด้วยความอาลัยอาวรณ์หางตากลับเหลือบไปมองเป่ยเฉินหยวนและเด็กสาวที่อยู่ข้างโต๊ะนั่นอย่างเย็นชาเพิ่มมาอีกคนแล้วแต่ไม่เป็นไร ยังไม่จบหรอกหลังจากที่นายท่านสกุลผังกลับไปแล้ว ไม่นานก็ส่งสัญญาขายตัวมาให้ตามคาด ทั้งยังเขียนหนังสือหย่าอนุภรรยาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมาหนึ่งฉบับจริงๆเมื่อได้สัญญาขายตัวและหนังสือหย่าอนุภรรยา อันหลันซินก็ไปจากที่นี่เวินซื่อให้จู๋เยวี่ยติดตามไประยะหนึ่งแน่นอนว่าเพื่อจับตาดู“เป็นอย่างไรบ้าง?”หลังจากที่จู๋เยวี่ยกลับมา เวินซื่อก็เอ่ยถาม“ดูเหมือนว่าจะมีเศษเงินที่ซ่อนเอาไว้ ซื้อของกินเล็กน้อย ห่อไว้แล้วก็ออกจากเมืองไป ดูท่าทางน่าจะกลับเมืองหลวง”กลับเมืองหลวง...จินโจวอยู่ห่างจากเมืองหลวงขนาดนี้ นางคิดจะเดินเท้ากลับไปหรือ?แล้วยังมีบิดาของนางในเมืองหลวง ทั้งภรรยาเอกและพี่สาวต่างมารดาพวกนั้น คงจะไม่ปล่อยนางไปกระมัง?ถึงอย่างนั้นนางก็ยังคิดจะกลับไป?เวินซื่อขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็คลายปมคิ้วไม่สิ นางจะเป็นห่วงอันหลันซินทำไมกัน?ต่อจากนี้ไปอันหลันซินจะเป็นตายร้ายดีก็ไม่เกี่ยวข้องกับนางที่นางช่วยครั้งนี้ก็เพราะเห็นแก่คว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 381

    ยังคงเป็นสองคำนั้น เพียงแต่คราวนี้เวินซื่อเป็นคนพูดนางเรียกนายท่านผังและบุตรชายเอาไว้ กำลังจะเอ่ยถาม “เช่นนั้นอันหลันซินกับลูกชายท่าน...”“ข้าน้อยกลับไปแล้วจะรีบให้คนนำสัญญาขายตัวของคุณหนูอันมาส่งให้ทันที และจะให้บุตรชายข้าเขียนหนังสือหย่าอนุภรรยา เพื่อเป็นหลักฐาน!”แม้ว่าตั้งแต่สมัยโบราณจะมีเพียงหนังสือหย่าภรรยา ไม่มีหนังสือหย่าอนุภรรยา แต่วันนี้ต่อให้มันไม่มีก็ต้องมี!นายท่านผังก็กลัวจริงๆ เขากลัวว่าหากทำให้บรรพบุรุษทั้งสองท่านนี้โกรธขึ้นมาอีก ถึงตอนนั้น ไม่ใช่แค่ลูกชายเท่านั้นที่จะหายไป แม้แต่สกุลผังก็จะหายไปด้วย!เวินซื่อเลิกคิ้ว เห็นอีกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์เช่นนี้ นางจึงไม่ได้พูดอะไรมากอีก“รีบส่งมาเร็วๆ อย่าให้เสียเวลา”นายท่านผังได้ยินดังนั้น ก็รู้ว่าเรื่องร้ายนี้ในที่สุดก็สิ้นสุดลงแล้ว จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบพาบุตรชายหนีไปอย่างรวดเร็วรอจนเป่ยเฉินหยวนจัดการกับเหล่าขุนนางที่เกี่ยวข้องกับอันหลันซินจนเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว เวินซื่อจึงหันไปมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่ช่วยข้าระบายความโกรธ ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทน ได้แต่สวดมนต์ขอพรให้ท่านทุกวัน”พูดไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 380

    ดูจากตอนนี้ โชคดีที่เลือกไม่ผิดธิดาศักดิ์สิทธิ์ชอบจริงๆ ด้วยนอกจากปลูกสมุนไพร ยังได้ยินมาว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์กำลังเรียนวิชาแพทย์ แต่ละอย่างล้วนช่วยผู้คนสมกับเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์งดงามทั้งรูปโฉมและจิตใจหวังโฉ่วอันที่รู้ว่าเวินซื่อเรียนวิชาแพทย์ แต่กลับไม่รู้ว่าเรียนพิษศาสตร์ด้วยคิดเช่นนั้นหลังมอบของขวัญเสร็จ หวังโฉ่วอันไม่มองเหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่ตรงทางเข้า ซึ่งกำลังยักคิ้วหลิ่วตาให้เขาอย่างบ้าคลั่งสักนิด เอ่ยลาแล้วจากไปทันทีทิ้งขุนนางเหล่านั้นให้มองหน้ากันเอง พวกเขาคุกเข่าจนขาแทบหัก แต่กลับไม่มีใครกล้าลุกขึ้นกระทั่งบางคนที่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว พอเงยหน้าขึ้นพลันได้เห็นสายตาพิฆาตของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนความกดดันที่รุนแรงอย่างนั้น ไม่มีใครรับไหวดังนั้นตลอดบ่ายจึงต้องรอคอยอย่างสำรวมหลังจากรอให้เป่ยเฉินหยวนดูสมุดบัญชีเหล่านั้นทั้งหมด ได้ขอเบี้ยหวัดทหารจากสกุลผางถึงห้าสิบล้านตำลึง เรื่องนี้จึงถือว่าจบลงแต่ก็ใช่ว่าจะจบลงทั้งหมดตอนคุณชายใหญ่สกุลผางถูกลากตัวออกมา เหมือนหมูตายตัวหนึ่ง ปวดจนหมดสติไปนานแล้วถ้าเป่ยเฉินหยวนไม่สั่ง ไม่มีใครกล้ารักษามือให้คุณชายใหญ่ส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 379

    เมื่อพูดคำนี้ออกไป ทำให้นายท่านผางตกใจจนรีบลุกขึ้น แล้วหอบเอาสมุดบัญชีสั่งให้คนไปจัดเตรียมเขาจากไปแล้ว แต่ตรงทางเข้ายังมีคนกลุ่มใหญ่ที่ไม่กล้าขยับ“ทำไมพวกเขายังไม่ไปอีก?”เวินซื่อถามอย่างสงสัยอีกครั้งเป่ยเฉินหยวนกล่าว “เพราะโหวกเหวกเกินไป ดังนั้นข้าสั่งให้พวกเขาคุกเข่าอยู่ตรงทางเข้า รอให้ข้าจัดการธุระเสร็จแล้ว ค่อยไปจัดการพวกเขา”คนพวกนี้จะได้ไม่ต้องกินอิ่มแล้วไม่มีการมีงานให้ทำเสียงของเป่ยเฉินหยวนดังกำลังพอดี ทว่าพวกที่อยู่ตรงทางเข้าก็ได้ยินอย่างพอดีเช่นกันคราวนี้ มีขุนนางหลายคนตกใจจนตัวสั่นงกๆ เหงื่อแตกท่วมหัวไปหมดหากรู้แต่แรกพวกเขาไม่น่าเห็นแก่เงินทอง รับปากนายท่านผางเลย!คราวนี้ดีละ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนบอกว่าจะจัดการพวกเขา เช่นนั้นพวกเขายังรอดไปได้หรือ? !“เร็ว รีบไปเชิญใต้เท้าผู้ว่าการหวังมา ไม่อย่างนั้นพวกเราจบเห่กันหมดแน่!”มีคนแอบส่งสายตาให้คนข้างนอกในไม่ช้า หวังโฉ่วอันก็มาถึงแต่น่าเสียดายที่ไม่ได้มาขอร้องให้พวกเขา“กระหม่อมคารวะธิดาศักดิ์สิทธิ์ คารวะท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน”พอหวังโฉ่วอันมาถึงก็มองข้ามกลุ่มคนตรงทางเข้า เข้าไปทำความเคารพตรงหน้าเวิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 378

    ตอนฉางเสี่ยวหานได้ยินว่าไม่ต้องทำสัญญา กลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยหากทำสัญญาขายตัวจริง เช่นนั้นนางจะกลายเป็นคนของธิดาศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง ต่อไปธิดาศักดิ์สิทธิ์ไปถึงไหน นางก็จะได้ตามไปถึงนั่นอย่างเปิดเผยแต่น่าเสียดายที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ทำสัญญาฉางเสี่ยวหานจึงต้องเก็บความผิดหวังไว้ในใจแต่ว่าไม่เป็นไร ต่อให้ตอนนี้ไม่มีสัญญาขายตัว แต่นางก็จะทำให้ดี คงมีสักวันที่นางได้กลายเป็นคนของธิดาศักดิ์สิทธิ์!เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉางเสี่ยวหานให้กำลังใจตัวเองสักครู่ ต่อมาจึงเริ่มหางานให้ตัวเองทำภายในห้องของเวินซื่อนางเป็นสาวใช้เพียงคนเดียวข้างกายธิดาศักดิ์สิทธิ์ นางจะเหมางานทุกอย่างรอบตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์มาให้หมด! ทั้งหมดเลย!หลังเวินซื่อแต่งตัวเสร็จจึงลงมาชั้นลาง ด้านหลังมีหางตัวน้อยตามมาด้วยหนึ่งขณะนี้เป่ยเฉินหยวนกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงของโรงเตี๊ยม ตรงโต๊ะข้างหน้ามีสมุดบัญชีวางอยู่หนึ่งกองใหญ่ ตรงทางเข้าห้องโถงมีคนคุกเข่าเป็นกลุ่มใหญ่เช่นกันเมื่อได้ยินเสียงลงมาชั้นล่าง เป่ยเฉินหยวนเงยหน้าขึ้นทันที “ตื่นแล้วหรือ? รีบมากินอาหารสิ ให้คนอุ่นอาหารไว้ให้ท่านแล้ว”“ได้”เวินซื่อเดินไปนั่ง

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status