แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: จิ้งซิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-19 14:09:48
เมื่อเวินฉางอวิ้นเดินขึ้นมาบนปะรำพิธี สายตาทอดมองไปที่น้องสาวทั้งสองคน เดิมทียังลังเลอยู่บ้าง

แต่เมื่อสบสายตาคาดหวังของเวินเยวี่ย เขาก็คลายหัวคิ้วในพริบตา

หัวเราะอย่างไม่มีทางเลือก

ช่างเถิด หากจะโทษก็ได้แต่โทษน้องห้าที่ไม่ได้รับความชื่นชอบเอง

ใครใช้ให้นางมีนิสัยอิจฉาริษยา ไม่ยอมให้น้องหกเลยสักนิดเล่า

ดังนั้นเวินฉางอวิ้นจึงไม่ลังเลอีกต่อไป เดินผ่านหน้าเวินซื่อแล้วยื่นดอกไม้ให้เวินเยวี่ย

จากนั้นก็เป็นเวินจื่อเฉิน เวินจื่อเยวี่ย เวินอวี้จือ...

รวมถึงคนสกุลเวิน ทุกคนต่างก็มอบดอกไม้ให้เวินเยวี่ย

ก็เหมือนกับชาติที่แล้ว...

เวินซื่อผู้โดดเดี่ยวกับเวินเยวี่ยที่ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้สดและคำอวยพร

เวินซื่อไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

ถึงอย่างไรนางก็รู้ผลสรุปเช่นนี้มานานแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่คาดหวังใด ๆ อีกต่อไปอย่างแน่นอน

หลังจากคนเหล่านั้นก็เป็นชุยเส้าเจ๋อ เทียบกับดอกไม้หนึ่งดอกที่คนอื่นมอบให้แล้ว เขาหอบดอกไม้บานหลากสีสันกำใหญ่เต็ม ๆ ไม่มองเวินซื่อสักแวบเดียว ก่อนจะยัดใส่อ้อมแขนของเวินเยวี่ยโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

“น้องเยวี่ยเอ๋อร์ ดอกฉยงฮวาอวยพรวันเกิด ดนตรีเสียงสวรรค์ห้อมล้อมความงามให้น่าหลงใหล ขอให้ความงามของเจ้าคงอยู่ตลอดไป ยิ้มแย้มมิแปรเปลี่ยน”

“ขอบคุณพี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม พี่ สี่ แล้วก็พี่เส้าเจ๋อด้วยเจ้าค่ะ ดอกไม้ที่พวกท่านมอบให้งามมากเลย ดอกไม้มากมายเพียงนี้ละลานตาข้าไปหมดแล้ว”

เวินเยวี่ยกล่าวด้วยเสียงอ่อนหวาน

พวกชุยเส้าเจ๋อห้อมล้อมนางไว้ บ้างก็ลูบศีรษะนางด้วยความเอ็นดู บ้างก็มอบของขวัญที่ตั้งใจเตรียมไว้นานแล้ว

เนื่องจากคนที่มอบดอกไม้มีเยอะมากเกินไป เวินจื่อเฉินจึงถูกคนเบียดจนถอยหลังไปสองก้าว ชนเวินซื่อโดยไม่ทันระวัง

เมื่อเวินจื่อเฉินหันหน้าไปมองนาง พบว่านางไม่ได้รับดอกไม้เลยสักดอกก็หัวเราะเยาะเบา ๆ

“เจ้าก็อย่าอิจฉาเกินไป ถึงอย่างไรน้องหกได้รับดอกไม้มากมายถึงเพียงนี้ก็เป็นเพราะนางมีจิตใจดีบริสุทธิ์ หากเจ้าสามารถมีสักหนึ่งในสิบของน้องหกได้ ก็คงไม่ถึงขนาดไม่ได้รับดอกไม้สักดอกหรอก”

“ดังนั้น ต่อไปต้องสำนึกผิดให้มาก ๆ เสีย”

“ขอบคุณพี่รองที่ห่วงใยเจ้าค่ะ ไม่จำเป็นต้องสำนึกผิดแล้ว ข้าคิดว่าข้าเป็นแบบนี้ก็ดีมาก”

เวินซื่อยิ้มอย่างขอไปที และไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย

วันนี้เสียเวลาไปมากแล้ว สาเหตุที่นางยังต้องยืนอยู่ที่นี่ก็เพื่อรอให้ชุยเส้าเจ๋อรีบยกเลิกการหมั้น

แต่คนบางคนขึ้นปะรำพิธีแล้วก็เอาแต่สนใจกับการมอบดอกไม้ เหมือนใกล้จะลืม ‘เรื่องสำคัญ’ ของตนเองไปแล้ว

เวินซื่อหมดความอดทนเล็กน้อย จึงตัดสินใจผลักดันเขา

“ท่านพ่อ ในเมื่อพิธีปักปิ่นสิ้นสุดลงแล้ว ดูเหมือนทุกคนก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องการข้าแล้ว ไม่เช่นนั้นตอนนี้ข้าขอตัวกลับไปเลยแล้วกัน?”

เวินซื่อไม่สนใจเวินจื่อเฉินอีกต่อไป ก่อนจะหันหน้าไปเอ่ยกับเวินเฉวียนเซิ่ง

เป็นอย่างที่คิดไว้ เมื่อได้ยินว่านางจะไปแล้ว ชุยเส้าเจ๋อที่เดิมทียังคงล้อมรอบเวินเยวี่ยพลันหันหน้ากลับมา “เดี๋ยวก่อน เจ้าไปไม่ได้ ข้ายังมีเรื่องจะกล่าว”

ในที่สุดก็มาเสียที

ชุยเส้าเจ๋อถลึงตามองเวินซื่อ ตากนั้นก็ประสานมือกล่าวเสียงดังกับเวินเฉวียนเซิ่งที่อยู่ตำแหน่งประธานพิธีว่า “ท่านลุง วันนี้หลานมีสองเรื่องอยากขอให้ท่านลุงช่วยตัดสินใจ เพื่อให้หลานสามารถสมหวังกับการแต่งงานด้วยขอรับ”

ทุกคนได้ยินคำพูดประโยคหลัง ยังนึกว่าชุยเส้าเจ๋อจะหารือเรื่องวันแต่งงานกับจวนเจิ้นกั๋วกง ในที่สุดก็เตรียมตัวจะแต่งงานกับเวินซื่อแล้ว

เวินเยวี่ยตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

นางไม่อยากให้เวินซื่อแย่งชุยเส้าเจ๋อไป

“พี่เส้าเจ๋อ...”

ชุยเส้าเจ๋อเห็นความตื่นตระหนกในดวงตาของนาง ในใจพลันเกิดความรู้สึกปีติยินดี

เป็นอย่างที่คิดไว้เลย น้องเยวี่ยเอ๋อร์รักเขา

ดังนั้นนางจึงกลัวว่าเขาจะแต่งงานกับเวินซื่อจริง ๆ

แต่ไม่เป็นไร เขาเองก็รักน้องเยวี่ยเอ๋อร์เช่นกัน

ดังนั้นเขาไม่มีทางแต่งงานกับเวินซื่อเป็นอันขาด

ชาตินี้คนที่เขาจะแต่งงานด้วยมีเพียงคนเดียวเท่านั้น!

ชุยเส้าเจ๋อลูบศีรษะของเวินเยวี่ยอย่างรักใคร่เอ็นดู “เยวี่ยเอ๋อร์วางใจได้ ข้าจะมอบเรื่องน่าประหลาดใจให้เจ้า”

เขากล่าวจบก็สบตากับเวินเฉวียนเซิ่งโดยไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงดังว่า “เรื่องแรกคือข้าอยากจะถอนหมั้น”

“ข้าอยากถอนหมั้นกับเวินซื่อ!”

“บังอาจ”

“เส้าเจ๋อ!”

เมื่อคำพูดของชุยเส้าเจ๋อออกมา แขกเหรื่อรอบด้านก็ส่งเสียงฮือฮา

ดวงตาของเวินเยวี่ยเปล่งประกาย

เวินเฉวียนเซิ่งกลับมีสีหน้าบึ้งตึง จ้องมองชุยเส้าเจ๋ออย่างเย็นชา

เวินหย่าลี่รู้นิสัยของพี่ชายจึงรีบดึงบุตรชายของตนไว้ “เส้าเจ๋อ มีเรื่องอะไรค่อยกล่าวกันทีหลัง วันนี้เป็นวันมงคลปักปิ่นของน้องสาวทั้งสองคนของเจ้า อย่าได้ก่อความวุ่นวายที่นี่”

แม้ว่านางไม่ชอบเวินซื่อเช่นกัน แต่ว่าต่อให้อยากจะถอนหมั้นก็ไม่ใช่การถอนหมั้นกันเช่นนี้

การถอนหมั้นต่อหน้าผู้คนไม่ใช่ว่ากำลังฉีกหน้าทุกคนในจวนเจิ้นกั๋วกงหรือไร?

ชุยเส้าเจ๋อยังคงยืนกราน สะบัดมือของเวินหย่าลี่ออกทันทีแล้วเอ่ยอย่างดื้อดึงว่า “ท่านแม่ไม่ต้องเกลี้ยกล่อมอีกต่อไปแล้ว ข้าคิดดีนานแล้ว”

เวินจื่อเฉินพลันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วเช่นกัน เอ่ยถามอย่างเดือดดาลว่า “ข้าจะบอกให้นะชุยเส้าเจ๋อ ต่อให้น้องห้าเป็นเช่นไร นางก็เป็นน้องสาวที่เติบโตมาตั้งแต่เด็กด้วยกันกับเจ้า เจ้ากับนางเป็นเพื่อนเล่นกันมาหลายปี เจ้าจะต้องหยามเกียรตินาง หยามเกียรติจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเราวันนี้ให้ได้หรือ?!”

เวินจื่อเฉินไม่ได้ปกป้องเวินซื่อ

เขาเพียงแค่รู้สึกว่าชุยเส้าเจ๋อไม่เห็นสกุลเวินของพวกเขาอยู่ในสายตามากเกินไปแล้ว!

“พี่รอง ข้าไม่ได้อยากหยามเกียรติสกุลเวิน ข้าเพียงแค่ไม่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับสตรีจิตใจชั่วช้าและยังชอบอิจฉาริษยาอย่างเวินซื่อไปตลอดชีวิต! ดังนั้นไม่ว่าพวกท่านจะกล่าวอย่างไร วันนี้ข้าก็จะถอนหมั้น!”

ชุยเส้าเจ๋อเองก็รู้ว่าการที่ตนทำเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนเป็นการทำผิดต่อสกุลเวินอยู่บ้าง

แต่เขาไม่นึกเสียใจ!

เวินเยวี่ยดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง หากพี่เส้าเจ๋อถอนหมั้นกับเวินซื่อ เช่นนั้นนางก็มีโอกาสแล้วใช่หรือไม่?

และดูจากการแสดงออกของชุยเส้าเจ๋อในยามปกติ ตำแหน่งฮูหยินของซื่อจื่อจวนจงหย่งโหวจะต้องเป็นของนางอย่างแน่นอน!

อย่างไรก็ตามแม้เวินเยวี่ยจะมั่นใจแล้ว แต่ตอนนี้นางเป็นน้องสาวที่ ‘บริสุทธิ์จิตใจดี’ นะ~

เมื่อคิดเช่นนี้ เวินเยวี่ยก็ข่มกลั้นความพึงพอใจตรงมุมปาก แล้วแสร้งพูดเกลี้ยกล้อมชุยเส้าเจ๋อ

“พี่เส้าเจ๋อ พี่หญิงห้านางเคยทำผิดไปบ้าง แต่ว่าทำกับนางเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือเจ้าคะ? ถึงอย่างไรพี่หญิงห้าก็ชอบท่านถึงเพียงนั้น ไม่เช่นนั้นท่านก็เห็นแก่หน้าของข้า ให้อภัยพี่หญิงเถิดนะเจ้าคะ?”

เมื่อได้ยินคำพูดที่ว่า ‘พี่หญิงห้าชอบท่านถึงเพียงนั้น’ ชุยเส้าเจ๋อก็ตกใจทันที

ใช่แล้ว เยวี่ยเอ๋อร์เตือนสติเขาจริง ๆ!

วันนี้เขาดึงดันจะถอนหมั้นให้ได้ แต่รับประกันไม่ได้ว่าต่อไปนางยังจะตามพัวพันเขาอีกหรือไม่

ดังนั้นเขาจำเป็นต้องทำให้เวินซื่อล้มเลิกความคิดทั้งหมด!

ชุยเส้าเจ๋อหันหน้าไปเอ่ยเตือนเวินซื่อว่า “เวินซื่อ เจ้าต้องรู้เอาไว้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าทำตัวเอง ต่อให้ข้าตายก็จะไม่แต่งงานกับเจ้าเป็นอันขาด ดังนั้นทางที่ดีเจ้ารู้จักดูสถานการณ์แล้วตกลงเรื่องนี้เสีย อย่างน้อยข้าจะรับปากเงื่อนไขของเจ้าหนึ่งข้อเพื่อเห็นแก่หน้าสกุลเวิน”

“แต่ทางที่ดีเจ้าอย่าละโมบมากเกินไป ชาตินี้ข้าจะแต่งงานกับสตรีนางเดียวเท่านั้น คนผู้นั้นไม่ใช่เจ้า และข้าก็ไม่มีทางรับอนุด้วย”

คำพูดนี้ของชุยเส้าเจ๋อแทบจะชี้หน้าเวินซื่อบอกว่า ภรรยาก็ไม่ได้ อนุภรรยายิ่งอย่าฝัน!

ถึงอย่างไรเขารู้ว่าเวินซื่อชอบเขามาก ไม่อย่างนั้นนางคงไม่พัวพันเขามาหลายปีเช่นนี้

เขาบอกว่าสามารถรับปากเงื่อนไขของนางหนึ่งข้อ แต่ถ้าเกิดนางใช้เงื่อนไขนี้มาข่มขู่ให้เขารับนางเป็นอนุภรรยาจะทำอย่างไร?

ดังนั้นเขาจำเป็นต้องเตือนนางอย่างรุนแรง

เลิกคิดเพ้อฝัน!

“หึ ๆ”

เวินซื่อที่มองพวกเขาเล่นละครอย่างเงียบ ๆ มาตลอดพลันหัวเราะเบา ๆ ออกมาอย่างทนไม่ไหว

หลังจากนั้นเวินซื่อก็เหลือบมองเวินเยวี่ยที่กำลังแอบส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความลำพองใจและความท้าทายให้นาง ก่อนที่เวินซื่อจะยิ้มน้อย ๆ

“ได้สิ ข้ารับปากท่านก็ได้ แต่ท่านก็บอกเองนะว่าจะรับปากเงื่อนไขข้าหนึ่งข้อใช่หรือไม่?”

“ถูกต้อง”

ชุยเส้าเจ๋อกอดอก เชิดหน้ามองนาง “ขอเพียงเจ้าเลิกคิดจะเข้าประตูจวนจงหย่งโหวของพวกเรา เรื่องอื่นข้ารับปากเจ้าได้ทั้งหมด”

“ดีเหลือเกิน ในเมื่อเป็นเช่นนี้เจ้าก็สาบานต่อหน้าผู้คนเถิด...”

รอยยิ้มตรงมุมปากของเวินซื่อค่อย ๆ กว้างขึ้น

ชอบยั่วยุนางถึงเพียงนั้น เช่นนั้นก็มาดูว่าสุดท้ายใครจะร้อนใจก่อนกัน

“...บอกว่า ท่านชุยเส้าเจ๋อจะไม่มีวันแต่งงานสตรีแซ่เวินคนใดไปชั่วชีวิต”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา ชุยเส้าเจ๋อกับเวินเยวี่ยแทบจะหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกัน

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 9

    “ไม่ได้นะ!”“ไม่มีทาง!” แค่คำสาบานเดียวเท่านั้น เดิมที่นึกว่าชุยเส้าเจ๋อน่าจะรับปากได้ แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าชุยเส้าเจ๋อจะมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนั้นสิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ คนที่มีปฏิกิริยารุนแรงเช่นเดียวกันยังมีอีกคน“น้องหก?” พวกเวินฉางอวิ้นมองไปทางเวินเยวี่ยด้วยความประหลาดใจ เวินเยวี่ยมีสีหน้าแข็งทื่อเมื่อตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้นางยั้งสติไม่อยู่มากเกินไป นางจึงรีบเก็บงำอารมณ์ ฝืนยิ้มมุมปากพลางเอ่ยว่า “ไม่ใช่นะ...คือว่า ข้า...ข้าแค่รู้สึกว่าเงื่อนไขที่พี่หญิงเสนอออกมานี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมมากนัก หะ...หากต่อไปพี่เส้าเจ๋อเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเล่า? ดังนั้น พี่หญิงเหลือทางถอยให้ตนเองหน่อยไม่ดีกว่าหรือ?”เวินฉางอวิ้นผู้เป็นพี่ใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าคำพูดนี้ของนางดูแปลกพิกลนิด ๆเวินจื่อเยวี่ยผู้เป็นพี่สามไม่มีปฏิกิริยาอะไรเวินอวี้จือผู้เป็นพี่สี่กลับมองเวินเยวี่ยและมองชุยเส้าเจ๋ออย่างใคร่ครวญ เทียบกับพวกเขาแล้ว เวินจื่อเฉินผู้เป็นพี่รองเชื่อในตัวเวินเยวี่ยโดยสิ้นเชิงว่ามีจิตใจบริสุทธิ์ เขาจึงไม่ได้คิดมากมายเช่นนั้น “พอได้แล้วน้องหก ข้ารู้ว่าเจ้าเป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 10

    “พวกท่านกล่าวถูกต้อง ข้าไม่ใช่น้องสาวของข้า และข้าก็ไม่ได้ใจดีเหมือนนาง ทุกคนที่เคยรังแกข้าและเคยเหยียดหยามข้า ข้าจะเอาคืนให้หมด” น้ำเสียงของเวินซื่อเย็นชา นางมองชุยเส้าเจ๋อ จากนั้นก็เอ่ยคำพูดที่ชาติก่อนนางนึกเสียใจนับครั้งไม่ถ้วนที่ไม่อาจเอ่ยออกมาต่อหน้าผู้คนด้วยปากของตัวเอง...“ชุยเส้าเจ๋อ ท่านอยากถอนหมั้นไม่ใช่หรือ? ได้ ข้าตกลง และไม่ต้องให้ท่านตกลงเงื่อนไขใด ๆ ด้วย เพียงแต่ว่าหลังจากนี้ไป ข้าเวินซื่อไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับจวนจงหย่งโหวของพวกท่านอีกต่อไปแล้ว!”เมื่อสิ้นคำพูดของนาง ทั่วทั้งงานก็เงียบกริบแม้แต่ชุยเส้าเจ๋อก็อดตกตะลึงไม่ได้ ยะ....ยอมตกลงเช่นนี้เลย?เขานึกว่าเรื่องการถอนหมั้นในวันนี้จะไม่มีทางราบรื่นเป็นอันขาด เขานึกว่าเวินซื่อคงไม่ยินยอมง่าย ๆนึกว่าเวินซื่อจะตามตื๊อ จะร้องไห้โวยวาย...ก่อนจะมาชุยเส้าเจ๋อเคยคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยคิดก็คือเวินซื่อจะยอมตกลงง่ายดายเช่นนี้จริง ๆไม่สิ ก็ไม่ถือว่าง่ายดาย นางยังตบเขาหนึ่งฉาดด้วย เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชุยเส้าเจ๋อที่รู้สึกเสียหน้าก็ทำหน้าเคร่งขรึมทันที เขาลูบแก้มที่แสบร้อนของตัวเอง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 11

    เวินฉางอวิ้นแสดงสีหน้าที่ไม่เห็นด้วยกฎประจำตระกูลของสกุลเวินไม่ใช่แส้ทั่วไป แต่เป็นแส้เหล็กที่สั่งทำพิเศษ เฆี่ยนตีห้าสิบที ชายวัยกลางคนยังต้องนอนพักสิบวันถึงครึ่งเดือน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนาง?ในดวงตาของเวินเยวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ เต็มไปด้วยความสุขคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเวินซื่อจะรนหาที่ตายเอง!นางต้องลองคิดดูว่า จะให้ท่านพ่อตอบตกอย่างไรดี แค่ท่านพ่อตอบตกลง เฆี่ยนห้าสิบที สามารถทำให้เวินซื่อเหลือแค่ครึ่งชีวิตแน่นอน!แต่สิ่งที่เวินเยวี่ยยิ่งคาดคิดไม่ถึงคือ นางไม่จำเป็นต้องลงมือ ตอนที่เวินเฉวียนเซิ่งถามเวินซื่อ นางกลับรนหาที่ตายเองอีกครั้ง“เจ้าเอาจริงหรือ?”เวินเฉวียนเซิ่งก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเวินซื่อจะเป็นคนเสนอขอรับโทษเอง อีกทั้งยังเป็นการลงโทษที่หนักเช่นนี้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกถึงอุบายที่เวินซื่อใช้ชิงความโปรดปรานในยามปกติ เขาหรี่ตาแล้วเตือน“ข้าเกลียดคนที่เล่นละครต่อหน้าข้าที่สุด”เมื่อเวินซื่อเงยหน้าก็ประสานกับสายตาที่น่ารังเกียจของเขา นางหัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยการหัวเราะเยาะตัวเอง “ข้าต้องทำอย่างไรจึงจะไม่ใช่คนที่แสร้งเล่นละครในสายตาท่านพ่อ?” คือต้อง ‘เชื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 12

    นางใช้ร่างกายที่ผอมบางรับแส้ที่อยู่ข้างหลังทั้งเช่นนี้เวินฉางอวิ้นก้มมอง พลางเฆี่ยนตีอย่างไร้ความปรานี ราวกับต้องการเฆี่ยนกระดูกของเวินซื่อให้แหลกทั้งร่างเวินซื่อรู้สึกถึงความเจ็บแล้วแต่น่าเสียดาย ความเจ็บบนร่างกายไม่สามารถเทียบกับความเจ็บในก้นบึ้งหัวใจดังนั้นแส้ของเวินฉางอวิ้นไม่เพียงไม่สามารถเฆี่ยนกระดูกของเวินซื่อแหลก กลับกันยิ่งทำให้ความเกลียดชังที่โกรธแค้นในใจนางควบแน่นมากขึ้นต่อให้ต้องตาย นางก็จะไม่ละเว้นเวินเยวี่ยกับทุกคนในสกุลเวินเด็ดขาด!ห้าสิบทีไม่ขาดไม่เกินแม้แต่ทีเดียวตอนที่เวินฉางอวิ้นเฆี่ยนครั้งสุดท้าย ผิวหนังบนหลังของเวินซื่อปริแตกและมีเลือดไหลนานแล้ว เสื้อผ้าท่อนบนของนางถูกย้อมเป็นสีแดงและเปียกโชกด้วยเลือดเวินฉางอวิ้นมองเลือดที่หยดลงมาจากแส้ แล้วมองเวินซื่อที่ไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย และยืนหยัดไม่ล้มจนถึงแส้สุดท้ายแวบหนึ่งไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกจุกในอกอย่างน่าประหลาดเวินฉางอวิ้นที่ไม่ต้องการอยู่ดูอีก โยนแส้ให้คนรับใช้ หลังจากขมวดคิ้ว กล่าวทิ้งท้ายประโยคหนึ่ง “เจ้าลองพิจารณาตัวเองอยู่ที่นี่ให้ดี” จากนั้นก็พาคนรับใช้ไปจากโถงบรรพชนแล้วทันทีที่เขาไป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 13

    หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม เวินซื่อก็มายืนอยู่ในห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันการเข้าวังหลวงของนาง สามารถกล่าวได้ว่าเรียบง่ายและสบายมากเพราะในมือของนางยังมียันต์คุ้มภัยอีกชิ้นที่ท่านแม่เหลือไว้ให้นาง…นั่นก็คือป้ายคำสั่งที่อดีตฮ่องเต้ประทานชาติที่แล้วป้ายคำสั่งชิ้นนี้ถูกบ่าวไพร่ที่คอยรับใช้ข้างกาย หรือก็คือชุนเซียงขโมยไปให้เวินเยวี่ย จนทำให้นางจนหนทางโชคดีที่นางเกิดใหม่ในชาตินี้ ป้ายคำสั่งยังไม่ถูกขโมยดังนั้นนางจึงสามารถอาศัยป้ายคำสั่งของอดีตฮ่องเต้ มายืนอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้หนุ่มองค์นี้ “หม่อมฉันเวินซื่อ ถวายบังคมฝ่าบาท”“เวินซื่อ? เราจำได้ว่าเจ้าคือลูกสาวคนที่ห้าของเจิ้นกั๋วกงใช่หรือไม่?”ฮ่องเต้ที่นั่งอยู่ด้านหลังของโต๊ะทรงพระอักษรวางฎีกาลง แล้วมองเวินซื่อที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแวบหนึ่งฮ่องเต้องค์นี้คือพระราชโอรสองค์ที่เก้าของอดีตฮ่องเต้ ขณะขึ้นครองราชย์มีพระชนมายุเพียงสิบเอ็ดชันษา ต่อให้เป็นปัจจุบันก็มีพระชนมายุเพียงสิบห้าชันษาแม้อายุเท่ากับเวินซื่อ แต่ความน่าเกรงขามบนร่างกายที่สวมชุดมังกรของเขาทำให้ไม่สามารถมองข้าม และถึงขั้นให้ความรู้สึกกดขี่อย่างคลุมเครือเวินซื่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 14

    ช่างเถอะ ไม่ว่าจะเห็นแก่ใคร ตราบใดที่มีโอกาสก็พอ“ฝ่าบาทโปรดชี้แนะด้วยเพคะ”เวินซื่อกล่าวอย่างนอบน้อมฮ่องเต้น้อยลุกขึ้น เดินไปที่ตรงหน้าเวินซื่อ แล้วคืนป้ายคำสั่งให้นาง“ในช่วงสองปีมานี้ ทางใต้ของแคว้นเกิดภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง ราษฎรทุกข์ร้อน เราค่อนข้างกังวล จำเป็นต้องมีใครสักคน คอยอธิษฐานขอพรให้แคว้นและราษฎรจากใจจริง”“หม่อมฉันยินดีเพคะ!”เวินซื่อตอบตกลงทันทีฮ่องเต้น้อยกลับส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม “เจ้ายินดียังไม่พอ อารามสุ่ยเยว่บนภูเขาหนานที่อยู่นอกเมืองหลวง ผู้ดูแลอารามคือซือไท่ที่มีคุณธรรมและบุญบารมีสูงส่ง ถ้าหากซือไท่ท่านนั้นก็เห็นด้วยเช่นกัน เราจะตอบตกลงเจ้า” “เพคะ ขอบพระทัยฝ่าบาท!”“อย่าเพิ่งด่วนขอบคุณ ถ้าหากซือไท่ไม่เห็นด้วย เราจะไม่อนุโลมเจ้า”กล่าวจบ ฮ่องเต้น้อยก็โบกมือ “ไปเถอะ เรารอข่าวจากเจ้า”สำหรับเวินซื่อ ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกอื่นแล้วดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ขอแค่สามารถไปจากสกุลเวิน ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ นางก็จะลองดูสักตั้งในตอนที่เวินซื่อหมุนกายเตรียมจากไป จู่ๆ ฮ่องเต้น้อยก็เรียกนางอีก“รอก่อน”เวินซื่อหยุดฝีเท้า หันกลับไปมองด้วยความสงสัยเมื่อเห็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 15

    ก่อนหน้านี้ เวินซื่อที่เสียเลือดมากเกินไป คุกเข่าอยู่ในห้องทรงพระอักษรเพียงแค่ครู่เดียวก็เกิดอาการหน้ามืดเล็กน้อยตอนนางลุกขึ้นจะกลับแต่นางอดกลั้นไม่ได้เสียมารยาทต่อหน้าฮ่องเต้ เดิมทีคิดว่าจะไปพักผ่อนในรถม้าสักเดี๋ยว แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่เดินออกจากห้องทรงอักษรพระก็ภาพตรงหน้าก็มือไป เห็นข้างหน้าไม่ชัดเจน ครู่ต่อมาที่เต๋อกงกงอุทานว่า “อ๋องผู้สำเร็จราชการแทน” ก็ชนโดนใครคนหนึ่งอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน?หลังจากถูกประคอง เวินซื่อปลายกัดลิ้นตัวเองทีหนึ่งแรง ๆ เมื่อรู้สึกเจ็บ สมองก็แจ่มชัดขึ้นมากเมื่อเงยหน้าเห็นว่าคนที่ประคองนางเป็นใคร ต่อให้ใบหน้าที่เฉยเมยนั้นจะหล่อเหลาเพียงใด นางยังตกใจจนหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มผมสีเงินที่เป็นเอกลักษณ์นั่น ทั้งราชวงศ์ต้าหมิงมีใครไม่รู้จัก?นี่ก็คือเทพสงครามที่สังหารผู้คนนับไม่ถ้วน อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนแห่งราชสำนัก…เป่ยเฉินหยวน“หม่อมฉันเสียมารยาท อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนโปรดอภัยด้วยเพคะ”เวินซื่อรีบยืนตัวตรง คำนับอย่างนอบน้อมแน่นอนว่าสิ่งที่นางกลัวไม่ใช่ฉายาเทพสังหารของอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน อย่างไรเสีย ปัจจุบันราชวงศ์ต้าหมิงสามารถสงบสุขเช่นนี้ ล้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 16

    ฮ่องเต้น้อยกล่าวอย่างยิ้มแย้ม“แต่ม่อโฉวซือไท่จุกจิกมาก เราว่าเป็นไปได้มากที่นางต้องกลับมาพร้อมกับความผิดหวัง”บททดสอบที่ฮ่องเต้น้อยมอบให้เวินซื่อฟังดูง่าย แต่ทุกคนที่เคยใกล้ชิดม่อโฉวซือไท่รู้ดี ม่อโฉวซือไท่แห่งอารามสุ่ยเยว่เป็นคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนหัวโบราณและดื้อรั้น อย่าว่าแต่ฮ่องเต้น้อยเลย ต่อให้เป็นอดีตฮ่องเต้ยืนอยู่ตรงหน้านาง ก็ไม่คิดไว้หน้าเลยถ้าหากนางรู้สึกว่าเวินซื่อไม่ผ่าน เช่นนั้นเวินซื่อก็ไม่มีโอกาสเด็ดขาดดังนั้นฮ่องเต้น้อยจึงมั่นใจว่า เวินซื่อไปอารามสุ่ยเยว่แล้วต้องผิดหวังแน่นอน ถ้าหากสามารถทำให้นางล้มเลิกความคิดออกบวชเป็นชีได้ก็ยิ่งดีอย่างไรเสียเขาก็ไม่ค่อยอยากส่งลูกสาวของท่านอาหลานไปเป็นแม่ชีนักแม้กล่าวเช่นนี้ แต่เมื่อเป่ยเฉินหยวนนึกถึงตอนที่นางหนูน้อยล้มลงแล้วลุกขึ้นอีกครั้ง แม้ร่างกายยังคงแบกรับความเจ็บปวด กลับไม่โอนเอน และยังคงเดินจากไปอย่างแน่วแน่ เขาไม่ได้ปฏิเสธหรือเห็นด้วยกับคำพูดของฮ่องเต้น้อยเวลานี้เวินซื่อยังไม่รู้ว่าโอกาสที่นางได้รับนี้ ความจริงแล้วมีความหวังไม่มากนักแต่ต่อให้นางรู้ นางก็ไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาดในรถม้า เวินซื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 100

    ในฐานะบุตรสาวแห่งภรรยาเอกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง เวินซื่อย่อมรู้จักของเหล่านี้อยู่แล้วและนางไม่เพียงแต่รู้จักเท่านั้น แต่เมื่อก่อนยังเคยใช้บ่อย ๆ อีกด้วยเพราะหลังจากที่มารดาล่วงลับไป จวนเจิ้นกั๋วกงก็มีนางเป็นบุตรสาวคนเดียว ดังนั้นในเวลานั้นเมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้รับสิ่งใดมาก็ตาม ก็จะมอบให้กับนางโดยตรงแต่ต่อมาเมื่อมีเวินเยวี่ยเข้ามาในสกุลเวินเวินเยวี่ยแค่เอ่ยคำเดียวว่าชอบ ปริมาณยาหยกหิมะที่ส่งมาที่ห้องนางก็ลดลงจากสามขวด สองขวด หนึ่งขวด จนสุดท้ายก็ไม่เคยได้รับมันอีกเลยในเวลานั้นเวินซื่อที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็วิ่งไปหาเวินเฉวียนเซิ่งโดยตรงเพื่อถามบิดาของตนว่า ทำไมถึงมอบยาหยกหิมะแก่เวินเยวี่ย แต่นางกลับไม่มีสักขวดเลย?เวลานั้น ‘บิดาแสนดี’ พูดว่าอย่างไรนะ?เวินซื่อลองนึกดูสักครู่ใช่แล้ว ตอนนั้นเขาขมวดคิ้วพร้อมกับพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เพราะนางเป็นน้องสาวของเจ้า นางต้องลำบากลำบนมากมายตั้งแต่เด็ก เจ้าเป็นพี่สาวจะยอมเอื้อเฟื้อหน่อยไม่ได้หรือ?”ด้วยคำว่า ‘พี่สาว’ นำหน้า เวินซื่อจึงต้องยอมแม้ว่าในใจจะรู้สึกคับข้องเพียงใดก็ตามนางในเวลานั้นยังมีความคิดอย่างไร้เดียงสา...ช่างมันเถอะ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 99

    เวินหย่าลี่ที่แน่ใจแล้วว่าโจรที่ขโมยยาหยกหิมะไปคือเวินซื่อโกรธจัดจนด่าทอเสียงดัง...“โชคดีที่นางได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงอะไรไปบวชชีที่อารามแม่ชี อ้างว่ากำลังฝึกบำเพ็ญสวดขอพร ผลปรากฏว่าได้เรียนรู้วิธีลักเล็กขโมยน้อยแทน อับอายขายหน้าเป็นที่สุด!”“พี่ใหญ่พูดถูกจริง ๆ ทำเรื่องอัปยศอดสูเช่นนี้ สมควรแล้วที่จะถอดแซ่เวินออกจากนาง ไม่ให้นางกระทำการในนามของสกุลเวินอีกในอนาคต เพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกงต้องแปดเปื้อนเสียหาย”“ท่านแม่ ไม่ใช่เวินซื่อ...”ชุยเส้าเจ๋อไม่นึกเลยว่าเวินหย่าลี่จะสงสัยเวินซื่อโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเขาเอ่ยปากอย่างยากลำบาก คิดว่าควรล้างมลทินให้เวินซื่อสักหน่อยถึงจะถูกแต่พูดไปเพียงไม่กี่คำ กลับพูดต่อไปไม่ได้ขึ้นมาอย่างกะทันหันถ้าจะล้างมลทิน เขาก็ต้องบอกมารดาสิว่า ยาหยกหิมะสามขวดนั่นเขามอบให้น้องหญิงเยวี่ยเอ๋อร์ไปหมดแล้ว?หากมารดาของเขานึกว่าน้องหญิงเยวี่ยเอ๋อร์ยุยงแล้วเขาจะทำอย่างไร?มารดาของเขาจะไม่หันกลับมาด่าทอน้องหญิงเยวี่ยเอ๋อร์เหมือนกับที่ด่าทอเวินซื่อในตอนนี้หรือ?อาจเป็นไปได้ด้วยซ้ำว่าพอรู้เรื่องนี้แล้วต่อไปมารดาของเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 98

    ยาหยกหิมะนี้เป็นของเชื้อพระวงศ์ใช้กันในวัง ขวดเล็ก ๆ เพียงขวดเดียวก็มีมูลค่าสูงมากครอบครัวขุนนางธรรมดาและประชาชนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้ นอกจากเหล่านางสนมจะพระราชทานเป็นรางวัลให้เท่านั้น ครอบครัวขุนนางระดับล่างและเหล่านางในถึงจะมีสิทธิ์ใช้เวินหย่าลี่อาศัยบารมีพี่ใหญ่ของนาง บวกกับสามีในฐานะจงหย่งโหวซึ่งในมือกุมอำนาจที่แท้จริง ดังนั้นไทเฮาจึงเรียกนางเข้าวังอยู่เป็นครั้งคราว ประทานของอย่างยาหยกหิมะอยู่ไม่น้อยทั้งสามขวดนี้คือของดีที่องค์ไทเฮาได้ประทานให้นาง เมื่อตอนที่นางเข้าวังคราวก่อนแม้แต่เวินหย่าลี่เองก็ตัดใจใช้มันไม่ลง ถึงได้นำยาหยกหิมะทั้งสามขวดไปเก็บไว้ในห้องเก็บของแต่สิ่งที่นางนึกไม่ถึงก็คือ ยาหยกหิมะทั้งสามขวดถูกเก็บเข้าไปในตอนเช้า ตอนบ่ายก็ถูกลูกชายของนางส่งไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงทั้งหมด ปรากฏอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งของเวินเยวี่ยชุยเส้าเจ๋อก็รู้ว่ามารดาของเขาห่วงแหนยาหยกหิมะนั่นเพียงใด แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกใครใช้ให้เขาพูดผิดไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงในวันนั้น ทำให้น้องหญิงเยวี่ยเอ๋อร์โกรธอยู่หลายวัน ไม่ว่าจะเอาอกเอาใจเพียงใดเพียงใดก็ไม่หายพอดีในตอนนั้นได้ยินมารดาของเขาพูดถึงยาหยกห

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 97

    “แหกปากอะไร มีผีที่ไหนกันเล่า?”ชุยเส้าเจ๋อเกาใบหน้าและลำคอของตัวเอง พลางสวมเสื้อคลุม ดุด่าสาวใช้คนนั้นด้วยความหงุดหงิด“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านซื่อจื่อ บนหน้าของท่าน เป็น...เป็นอะไรไป?!”หลังจากสาวใช้ตระหนักว่าที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ผีที่ใช้เสียงของชุยเส้าเจ๋อ แต่เป็นซื่อจื่อของพวกนางเอง สีหน้าของนางก็ยิ่งทวีความหวาดกลัวทันที“บนหน้าของข้าหรือ?”ชุยเส้าเจ๋อที่ยังไม่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นขมวดคิ้วด้วยความสับสน เมื่อสาวใช้เอากระจกทองแดงมาอยู่ตรงหน้าเขา มองเห็นใบหน้าที่โชกเลือดอยู่ในกระจกนั้น ชุยเส้าเจ๋อก็หน้าถอดสีทันที“นี่มันเรื่องอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของข้า?!”ใบหน้าที่เคยสง่างามหล่อเหลา ตอนนี้ไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยเลือดเท่านั้น แต่ยังบวมแดง บวมจนแทบจะเหมือนหัวหมูอยู่แล้วและไม่ใช่แค่ใบหน้าของเขาเท่านั้น แต่รวมถึงคอ มือ และเท้าทั้งสองของเขา จนถึงขั้นทั่วร่างกายล้วนอยู่ในสภาพเดียวกับใบหน้าเมื่อดูอย่างถี่ถ้วน บริเวณที่มีคราบเลือดเหล่านั้นมากที่สุดชัดเจนว่าเป็นบริเวณที่เขาเกาอย่างแรงเมื่อครู่!ชุยเส้าเจ๋อตื่นตระหนกในทันที “ยังมัวยืนอึ้งอยู่ตรงนี้ทำไมเล่า ยังไม่รีบไปตามหมอมาให้ข้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 96

    “ใช่แล้วท่านอ๋อง ลงมาเร็วเข้า รีบขึ้นรถไปพูดคุยกับธิดาศักดิ์สิทธิ์ พัฒนาความสัมพันธ์หน่อยสิพ่ะย่ะค่ะ”เป่ยเฉินหยวนที่ถูกทั้งสองไล่ลงจากม้า “?”“พวกเจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกันอยู่?”เขาขมวดคิ้วกล่าวว่า “อู๋โยวและอาจารย์ของนางนั่งอยู่บนรถม้าด้วยกัน แล้วข้าจะเข้าไปร่วมสนุกอะไรด้วย?”เฮ้อ!ลืมเรื่องนี้ไปเลยรู้อย่างนี้จะเตรียมรถม้าเพิ่มไว้อีกหนึ่งคัน คันหนึ่งสำหรับม่อโฉวซือไท่คนเดียว อีกคันหนึ่งสำหรับท่านอ๋องของพวกเขากับธิดาศักดิ์สิทธิ์ถึงจะถูก!เกาเย่าและสหายคิดไว้เป็นอย่างดี แต่กลับไม่คิดว่าต่อให้มีรถม้าเพิ่มอีกคัน เวินซื่อก็จะไม่นั่งกับเป่ยเฉินหยวนตามลำพัง เพราะถึงอย่างไรแล้วต่อให้พวกเขาสองคนมีจิตใจบริสุทธิ์ แต่คนอื่น ๆ จะไม่คิดเช่นนี้ดังนั้นยามใดควรหลีกเลี่ยงความสงสัยก็หลีกเลี่ยงดีกว่าอย่างน้อยนี่คือสิ่งที่เวินซื่อคิดหลังจากที่เป่ยเฉินหยวนได้ม้าคืนมา ก็นำกองทัพธงดำไปส่งเวินซื่อและม่อโฉวซือไท่เวินซื่อหมอบอยู่ข้างหน้าต่างรถ มองดูถนนหนทางที่พลุกพล่านข้างนอกไปตามทางเนื่องจากวันนี้เป่ยเฉินหยวนมีปัญหามากพออยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อครู่นางจึงไม่ได้พูดถึงการไปเดินเล่นหรืออะไรท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 95

    “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ เป็นข้าน้อยที่ตามใจมากเกินไป จึงทำให้ลูกชายของข้าน้อยเอาแต่ใจและไม่รู้จักคิดถึงเพียงนี้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์โปรดให้อภัยด้วย ต่อไปข้าน้อยจะอบรมสั่งสอนอย่างเข้มงวด ไม่สร้างปัญหาใด ๆ แก่องค์ธิดาศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป”น้ำเสียงของจงหย่งโหวจริงจังซ้ำยังแฝงการตำหนิตัวเองเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าเขาตระหนักดีว่า ภรรยาและบุตรชายของตัวเองทำกับเวินซื่อเกินไปเพียงใดเมื่อเห็นจงหย่งโหวแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา ต่อให้เวินซื่อจะเกลียดชังชุยเส้าเจ๋อมากสักแค่ไหนก็ตาม นางก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะหากจะว่าไปแล้ว เมื่อก่อนนี้คนที่ดีกับนางมากที่สุดในจวนจงหย่งโหว ก็เป็นท่านโหวผู้นี้ที่ปกติดูไม่เป็นมิตรนัก แต่ในเวลาส่วนตัวกลับเป็นมิตรเป็นอย่างมาก“ท่านโหวลุกขึ้นเถิด ความผิดของผู้อื่นไม่เกี่ยวกับท่าน ข้าเองก็ไม่เคยนึกตำหนิท่านโหวมาก่อนเลย ดังนั้นท่านโหวไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง”“สำหรับชุยซื่อจื่อ...”เวินซื่อเหลือบมองชุยเส้าเจ๋อที่ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความอัปยศและขุ่นเคือง นางเอ่ยอย่างราบเรียบ “ข้ากับเขามีอุปสรรคด้านการสื่อสาร ไม่สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ รบกวนท่านโหวช่วยบอกเขาว่า ต่อไปอย่าใช้คำว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 94

    เวินซื่อหลุบตาลงมองเวินจื่อเฉินที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านาง ดวงตากระตุกเล็กน้อย ก่อนจะเบือนสายตาออกไปคนอื่น ๆ ก็มองไปที่เวินจื่อเฉินด้วยความประหลาดใจเช่นกันเวินจื่อเยวี่ยถึงกับขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ “พี่รอง?”“เจ้าสาม ยังจำคำพูดที่ท่านพ่อต้องการให้พวกเราถ่ายทอดได้ใช่ไหม?”เวินจื่อเฉินคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ตัวตรงเรียบร้อย เขาพูดโดยไม่เหลียวหลัง “พวกเจ้าเพิ่งพูดกับน้องห้าชัดเจนว่าอย่ากระทำการในนามของสกุลเวินอีกต่อไป ซ้ำยังบอกนางด้วยว่าห้ามใช้แซ่เวินอีก ดังนั้นตอนนี้น้องห้าจึงมายืนอยู่ตรงหน้าพวกเราในฐานะธิดาศักดิ์สิทธิ์ ที่ควรสำเหนียกตัวตนให้ดีไม่ใช่พวกเราหรอกหรือ?”คำพูดของเวินจื่อเฉินทำให้ทั้งเวินจื่อเยวี่ยและเวินเยวี่ยเป็นใบ้พูดไม่ออก ไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เวินจื่อเยวี่ยก็ค่อย ๆ หันร่างไป ก่อนจะคุกเข่าลงต่อเวินซื่อ“เวินจื่อเยวี่ย...คำนับธิดาศักดิ์สิทธิ์”แตกต่างจากการสีหน้าท่าทางที่เด็ดเดี่ยวของเวินจื่อเฉินเวลาที่เวินจื่อเยวี่ยพูดนั้นสายตายิ่งเยือกเย็นราวกับจุ่มลงในน้ำแข็ง“ทำไม พวกเจ้าทั้งสามไม่ยอมรับสถานะของธิดาศักดิ์สิทธิ์หรือ?”เป่ยเฉินหยวน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 93

    หลังจากพูดจบ ชุยเส้าเจ๋อถึงได้รู้ตัวว่าดูเหมือนจะพูดมากเกินไปหน่อยเขามองไปยังเวินซื่อโดยสัญชาตญาณ ราวกับคิดว่านางเจ็บปวดกับคำพูดของตัวเองแต่เวินซื่อกลับไม่มีการแสดงออกใด ๆ“จวนจงหย่งโหววิเศษอะไรเช่นนี้!”ม่อโฉวซือไท่สีหน้าเย็นชาเวินจื่อเฉินโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันสายตาของเวินเยวี่ยภาคภูมิใจจนสุดจะเปรียบเปรย มองดูเวินซื่อ แล้วมองไปที่ชุยเส้าเจ๋อในที่สุดเจ้าโง่คนนี้ก็รู้ว่าต้องเลือกใครส่วนเวินจื่อเยวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยิ้มเยาะพูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ถูกผู้อื่นรังเกียจถึงเพียงนี้ จะโทษใครได้?”“เจ้าสาม เจ้าหุบปากเสีย”เวินจื่อเฉินถลึงตาใส่เขาแต่เวินจื่อเยวี่ยกลับไม่ฟังเขาเลย ซ้ำยังย้อนถามว่า “ข้าพูดผิดไปหรือ? วันนี้นางมาถึงจุดนี้แล้ว ถูกขับไล่ออกจากสกุลเวิน ถูกท่านพ่อถอดแซ่ ถูกถอนหมั้น ถูกหยามหน้า...ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะนางก่อกรรมทำเข็ญมากเกินไปในอดีต สมควรได้รับมันแล้วหรอกหรือ?”“ข้าบอกให้เจ้าหุบปาก!”เวินจื่อเฉินตะคอกด้วยความโกรธออกมาทันที อารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาของเขาสยบเวินจื่อเยวี่ยลงได้ในที่สุดแต่เวินจื่อเยวี่ยแค่หุบปากลง เบือนใบหน้าอึมครึมชั่วร้ายออกไปอีกทาง“หยา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 92

    จู๋เยวี่ยที่หลบซ่อนอยู่ในมุมลับ “...”จะให้ปรากฏตัวก็แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้เพราะถึงอย่างไรจากสถานการณ์นี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่สามารถออกไปทำให้เจ้านายเสียเรื่องดังนั้นเมื่อเวินซื่อตะโกนไปรอบ ๆ ก็ไม่มีใครออกมา“ชุยซื่อจื่อ ทีนี้เจ้าเห็นแล้วใช่ไหม ข้าไม่รู้จักจู๋เยวี่ยอะไรนั่นจริง ๆเวินซื่อส่ายหัว ทำท่าทางจริงจังมากม่อโฉวซือไท่ที่ดูอยู่ข้าง ๆ ยังอดเบือนหน้าหนีไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะหัวเราะส่งเสียงออกมาชุยเส้าเจ๋อถลึงตาใส่อย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าอย่ามาหลอกข้า! ข้าถูกจู๋เยวี่ยนั่นซ้อมจนบาดเจ็บไปทั้งตัว ขาก็เกือบจะถูกตีจนพิการแล้ว ตอนนี้เจ้ามาบอกว่าไม่รู้จักเช่นนั้นหรือ? เจ้ากำลังหลอกใคร!”“บาดเจ็บไปทั้งตัว? ไหนล่ะ?”เวินซื่อเลิกคิ้วขึ้น “บนตัวชุยซื่อจื่อมีบาดแผลด้วยหรือ?”ชุยเส้าเจ๋อเอ่ยขึ้นทันที “เจ้าดูหน้าข้าสิ! มองบาดแผลบนตัวข้า บนแขนของข้า บน...หือ? บาดแผลของข้าล่ะ?”ชี้ไปที่ใบหน้าของตัวเอง ม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเปิดแผลให้นางดู ปรากฏว่ายังพูดไม่ทันจบ ชุยเส้าเจ๋อก็สังเกตเห็นความผิดปกติเขาจดจำได้อย่างชัดเจนว่าตัวเองถูกคนปิดหน้าที่ชื่อจู๋เยวี่ยทุบตีไปทั่วร่างจนถึงตอนนี้เขา

DMCA.com Protection Status