Share

บทที่ 562

Author: จิ้งซิง
“อ๊า!”

ในยามวิกาล ไม่ว่าใครก็ตามที่จู่ๆ ได้มาเห็นภาพเช่นนี้ ย่อมตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

อันหลันซินก็เป็นเช่นนั้น ตกใจเสียจนกรีดร้องออกมา ทั้งคนหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น ศีรษะยังกระแทกเข้ากับโต๊ะอีกด้วย

เสียงดังโครมครามทำให้คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเข้ามาทันที

“ปัง!”

“เกิดอะไรขึ้น?!”

สาวใช้และองครักษ์หลายคนพังประตูเข้ามา เมื่อเห็นอันหลันซินล้มลงไปกองอยู่กับพื้น พวกเขาก็รีบกวาดตามองไปรอบๆ ทันที แต่น่าเสียดายที่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ

“ผะ...ผี! มีผีอยู่บนหลังคา!”

อันหลันซินในเวลานี้ยังคงคิดว่านั่นเป็นผีจริงๆ ตกใจเสียจนไม่กล้ามองอีก ได้แต่ยกมือขึ้นชี้ไปยังหลังคาอย่างสั่นเทา

แต่เมื่อเหล่าสาวใช้และองครักษ์เงยหน้ามองขึ้นไป กลับไม่เห็นสิ่งใดเลย

เหล่าองครักษ์ถึงกับออกไปข้างนอก แล้วปีนขึ้นไปตรวจดูบนหลังคาโดยตรง

แต่กลับไม่พบอะไรเลย

เหล่าสาวใช้และองครักษ์ที่คอยจับตาดูอันหลันซินต่างพากันคิดไปว่า นี่คงเป็นกลอุบายอะไรสักอย่างที่อันหลันซินคิดขึ้นมาเพื่อหลอกตาการเฝ้าระวังของพวกเขา ดังนั้น แต่ละคนจึงแสดงสีหน้าเย็นชา

“คุณหนูอัน ทางที่ดีท่านควรจะสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าเล่นลูกไม้อะไรอีก มิฉะนั้นพวกเราจะทำต
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
ลิ้นจี่ Generation
เรียบร้อยเลย
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1

    “หม่ำ ๆๆ”“กินสิ พี่หญิง เหตุใดท่านถึงไม่กินเล่า?” ภายในห้องลับที่มืดสลัว เวินซื่อบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่าง นอนคว่ำอยู่บนพื้นหายใจรวยริน โซ่เหล็กบนตัวนางส่งเสียงดังเคร้ง รัดคอและแขนขาของนางไว้ จนทำให้นางสลัดไม่หลุดเบื้องหน้าของนางมีดรุณีน้อยสวมชุดสีเหลืองอ่อนถืออาหารสุนัขไว้ในมือ หยอกล้อนางราวกับกำลังหยอกสุนัขก็มิปาน ส่วนดรุณีน้อยที่ยิ้มแย้มราวกับบุปผาผู้นี้คือน้องสาวของนาง...เวินเยวี่ยเวินเยวี่ยเอ่ยกับสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังอย่างไม่พอใจว่า “ดูสิ พี่หญิงของข้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง แม้แต่สุนัขก็ยังเป็นให้ดีไม่ได้ คุณหนูอย่างข้าป้อนให้นางกินด้วยตัวเอง นางยังกล้าไม่กินอีกหรือ?” สาวใช้ก้าวเข้ามาเตะคนที่อยู่บนพื้นทันทีเตะจนคนร้องคราง สาวใช้ถึงค่อยเอ่ยเอาใจเวินเยวี่ยว่า “คุณหนูอย่าไปโต้เถียงกับนางเลยเจ้าค่ะ เกรงว่าสุนัขตัวนี้ยังคงคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของจวนกั๋วกง”เวินเยวี่ยหัวเราะเยาะ “เวินซื่อนับว่าเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของประเภทไหน? แม้แต่ท่านพ่อกับพวกท่านพี่ก็ไม่ยอมรับนางแล้ว การได้เป็นสุนัขก็นับว่าเป็นเกียรติที่คุณหนูอย่างข้ามอบให้นาง”“น่าเสียดายที่ไม่รู้จักเจียมตัว”

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 2

    พิธีปักปิ่นอันใด?พิธีปักปิ่นของยางผ่านไปนานแล้วไม่ใช่หรือ?ความอัปยศที่ได้รับในพิธีปักปิ่นเวลานั้น นางยังคงได้จำได้จนถึงทุกวันนี้เสียงหัวเราะเยาะของแขกทั้งหลาย การเยาะเย้ยถากถางของพี่ชาย การถอนหมั้นของคู่หมั้น รวมไปถึงการตำหนิของบิดามารดา...นางเคยผ่านสถานการณ์เช่นนั้นมาแล้วครั้งหนึ่งทว่าตอนนี้ เหตุใดถึงเป็นพิธีปักปิ่นอีกเล่า? หรือว่าเวินเยวี่ยจะเล่นปาหี่ใหม่อะไรอีก อยากให้นางอับอายขายหน้าอีกครั้งแล้วค่อยส่งนางไปตายหรือ?!เวินซื่อหายใจถี่กระชั้นขึ้นในพริบตาแต่ในตอนที่นางกำลังจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ สายตาของนางกลับหยุดชะงักไปทันทีเดี๋ยวก่อน! นางเบิกตาโต จ้องมองมือสองข้างที่สมบูรณ์ไร้บาดแผลของตัวเอง แล้วก้มหน้ามองขาเท้าสองข้างของตัวเองทันที ใบหน้าค่อย ๆ ฉายแววเหมือนไม่อยากจะเชื่อมือและเท้าของนางถูกทำลายจนพิการไปแล้วไม่ใช่หรือ?เหตุใดตอนนี้กลับหายดีหมดแล้ว?นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?ควรรู้เอาไว้ว่าเอ็นมือเอ็นเท้าของนางถูกตัดจนขาดหมดแล้ว ไม่มีทางฟื้นฟูกลับมาได้อีก!เวินซื่อที่ตระหนักได้ถึงความผิดปกติจึงค่อย ๆ หันหน้ากลับมามองห้องนี้อีกครั้งเป็นการตกแต่งทั้งหมดที่ค่อย ๆ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 3

    เด็กสาวที่นั่งอยู่หน้ากระจกแต่งหน้า ไม่มีสาวใช้ปรนนิบัติ ทำได้เพียงหวีผมให้ตัวเอง นางมองเขาแวบหนึ่งแล้วข่มกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ ร้องเรียกอย่างเฉยชาว่า “พี่รอง”เวินจื่อเฉินที่บุกเข้ามาถลึงตาใส่เวินซื่อด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะ “ข้าขอถามเจ้า เจ้าทำลายชุดพิธีการของน้องหกใช่หรือไม่? เหตุใดจิตใจของเจ้าถึงชั่วร้ายเพียงนี้? รู้อยู่แก่ใจว่าวันนี้ก็เป็นพิธีปักปิ่นของน้องหก เจ้ายังจะทำลายชุดพิธีการของนางอีกหรือ!” ในขณะที่เวินจื่อเฉินซักถามเวินซื่อด้วยอารมณ์รุนแรง คนที่ทำให้เวินซื่อเกลียดชังเข้ากระดูกดำผู้นั้นก็โผล่ศีรษะออกมาจากด้านหลังเวินจื่อเฉินด้วยสีหน้าขอโทษ“พี่รอง อย่าพูดเลยเจ้าค่ะ ข้าอธิบายกับท่านแล้วไม่ใช่หรือ? พี่หญิงห้านางไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ แค่ไม่ระวังเท่านั้นเอง”เวินเยวี่ยมีรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาน่ารัก มักจะแสดงสีหน้าอ่อนแออยู่เสมอบวกกับนัยน์ตาที่มีน้ำเอ่อคลอดูขลาดกลัวเหมือนลูกกวาง ใครเห็นจะไม่เกิดความรู้สึกรักเอ็นดูได้?นางเองก็รู้ข้อดีของตนเองจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้ว่าทุกคนในจวนเจิ้นกั๋วกงรู้สึกติดค้างนางเนื่องจากเวินเยวี่ยเพิ่งจะถูกคนของจวนเจิ้นกั๋วกงต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 4

    เวินซื่อที่โซเซจนไปชนกับมุมโต๊ะเครื่องแป้งก็เม้มริมฝีปากแน่น ชาติที่แล้วนางเสียรู้ในน้ำมือของเวินเยวี่ยไปมากมายถึงเพียงนั้น ตอนนี้แค่เห็นเวินเยวี่ยทำท่าทางเช่นนี้ เวินซื่อก็รู้ว่านางจะเล่นตุกติกอะไรอีกแล้วนางหยิบชุดพิธีการที่ร่วงลงพื้นขึ้นมา“ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าข้าทำอะไรถึงทำให้น้องหกมีปฏิกิริยายกใหญ่เช่นนี้ ไม่สู้รบกวนน้องหกอธิบายให้ข้าเถิด”“เจ้าทำอะไรไว้เจ้ารู้อยู่แก่ใจ!”ไม่รอให้เวินเยวี่ยเอ่ยวาจา เวินจื่อเฉินก็ตวาดใส่นางเสียงดุดันก่อน แววตาของเวินซื่อเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆเมื่อก่อนนางยังดูไม่ออก ตอนนี้นางรู้สึกว่าเวินจื่อเฉินช่างตาบอดจริง ๆอยู่ต่อหน้าต่อตาของเขา ใครทำอะไร ใครไม่ได้ทำอะไร เขามองไม่เห็นเองทั้งนั้นบางทีต่อให้เห็น เขาก็แค่เชื่อคำพูดของคนผู้เดียวเวินจื่อเฉินถลึงตามองเวินซื่ออย่างอำมหิตแวบหนึ่งแล้วตบไหล่เวินเยวี่ยเบา ๆ ปลอบโยนด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “น้องหกไม่ต้องกลัวนะ มีเรื่องอะไรก็บอกกับพี่รอง ไม่ว่าอย่างไร พี่รองก็จะตัดสินแทนเจ้าเอง”ทั้งสองคนมีท่าทางแทบจะใกล้ชิดสนิทสนมกันมากแต่เวินจื่อเฉินกลับเหมือนไม่สังเกตเห็นเลย เขาไม่เก็บงำเลยแม้แต่น้อย ดวงตาที่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 5

    “เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!”เวินเยวี่ยที่เดิมทียังนึกว่ามีโอกาสแย่งกลับมาก็ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยวอารมณ์หวั่นไหวรุนแรงราวกับว่าสิ่งที่เวินซื่อตัดคือชุดของนางเวินซื่อขยับมือไม่หยุด รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงไม่แปรเปลี่ยน “ตัดชุดอย่างไรเล่า พี่รองกับน้องหกเห็นแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนี้?”ดวงตาสองข้างของเวินจื่อเฉินพ่นไฟแล้ว “เจ้ายังกล้าถามข้าอีกหรือว่าเหตุใดถึงมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้?! ชุดนี้เป็นชุดที่ข้ากับพวกพี่ใหญ่ตั้งใจสั่งทำขึ้นมาเพื่อพิธีปักปิ่นของเจ้า ตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เหตุใดเจ้าต้องตัดมันจนเละด้วย?!” “เพราะว่าไม่มีใครต้องการมันแล้ว”เวินซื่อตัดลงไปดัง “ฉับ” อีกครั้ง “ข้าไม่ต้องการ น้องหกก็ไม่ต้องการ ของที่ไม่มีใครต้องการย่อมต้องจัดการทิ้ง” สีหน้าของนางเย็นชาจนทำให้เวินจื่อเฉินแทบจะรู้สึกแปลกตาใครบอกว่าข้าไม่ต้องการ?!เวินเยวี่ยโกรธจนแทบอยากจะกรีดร้อง นางแค่จงใจบอกปัดเพื่อไม่ให้เวินจื่อเฉินสงสัยเท่านั้นใครจะคิดว่าเวินซื่อกลับเสียสติถึงเพียงนี้?!ทั้ง ๆ ที่นางคิดไว้นานแล้วว่าวันนี้จะต้องสวมชุดพิธีการนี้ให้ได้ แต่ตอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 6

    ผู้ที่มามีรูปร่างสูงสง่าราวกับไผ่สน สวมอาภรณ์เสื้อคลุมสีกรมท่า รูปลักษณ์สง่างาม โฉมหน้าหล่อเหลาชื่อของเขาคือเวินฉางอวิ้น เป็นพี่ใหญ่ของนาง และก็เป็นคุณชายใหญ่ของจวนกั๋วกง“น้องห้า เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?” เวินฉางอวิ้นมองเวินซื่อด้วยสายตาเย็นชา ความรู้สึกกดดันที่แผ่ลงมาจากด้านบนทำให้เวินซื่อแทบหายใจไม่ออกนิดหน่อย เมื่อก่อนนางโง่งม คิดเพียงว่าเวินฉางอวิ้นรูปร่างสูงใหญ่ ถึงมอบความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ให้นาง ทว่าต่อมาจนกระทั่งเมื่อนางเห็นกับตาว่าเวินฉางอวิ้นก้มตัว ก้มหน้าให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับเวินเยวี่ยเพียงเพื่อรับฟังความคับข้องใจจากปากของนาง เวินซื่อถึงได้เข้าใจว่าที่แท้ตนเองเป็นเพียงคนชั้นล่างที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่ใหญ่ “ข้าไม่เข้าใจคำพูดของพี่ใหญ่ ไม่ทราบว่าข้ามีความผิดอันใด ขอพี่ใหญ่โปรดชี้แจงด้วย”ไม่ใช่ว่าเวินซื่อไม่เห็นชุดพิธีการที่เขาถืออยู่ในมือ ดังนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขามาเพราะเหตุใด แต่แล้วอย่างไรเล่า?ไม่ถามสักคำ มาถึงก็อยากให้นางยอมรับความผิด?มีสิทธิอันใด?เวินฉางอวิ้นทำสายตาเย็นชา แต่สายตาของเวินซื่อกลับเย็นชายิ่งกว่าเขา เวินฉางอวิ้นขมวดค

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 7

    ชุยเส้าเจ๋อก้าวเท้าเดินมาทางเวินซื่อ ท่าทางดูเกรี้ยวกราดหมายจะหาเรื่องเมื่อมองไปทางด้านหลังของเขาอีกก็เห็นเวินเยวี่ยอ้าปากพูดว่า “อย่าเลย” ด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่ได้ทำท่าจะฉุดรั้งชุยเส้าเจ๋อเลยสักนิดหลังจากที่สบสายตาของเวินซื่อ ดวงตาของนางถึงขนาดฉายแววกระหยิ่มยิ้มย่องเห็นได้ชัดว่าการที่นางสามารถยุให้ชุยเส้าเจ๋อออกหน้าเพื่อนางได้ง่าย ๆ นั้นทำให้นางภาคภูมิใจเอามาก ๆแต่ว่าน่าเสียดายมาก ยังไม่ทันที่ชุยเส้าเจ๋อจะเดินเข้ามาใกล้เวินซื่อ เสียงทุ้มหนึ่งดังมาจากทางด้านปะรำพิธี...“เจ้าห้า เจ้าหก ถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว ยังไม่รีบมาเตรียมตัวทำพิธีปักปิ่นอีก” เวินซื่อหันหน้าไปมองบนปะรำพิธี บุรุษวัยกลางคนสวมชุดเสื้อคลุมยาวสีเขียวดูสง่าผ่าเผยเปี่ยมไปด้วยความรู้กำลังนั่งอยู่ตำแหน่งประธาน มองพวกนางสองคนด้วยสีหน้าเย็นชานี่คือบิดาของนาง เจิ้นกั๋วกงเวินเฉวียนเซิ่งเวลานี้ต่อให้ชุยเส้าเจ๋ออยากหาเรื่องนางอีกเพียงใด ก็ได้แต่ถอยหลังไปเท่านั้นเวินซื่อเดินขึ้นไปบนปะรำพิธีโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเวินซื่อขึ้นมาบนปะรำพิธีก็ควงแขนนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับบุปผา จงใจทำตัวสนิทสนม“พี่หญิงห้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 8

    เมื่อเวินฉางอวิ้นเดินขึ้นมาบนปะรำพิธี สายตาทอดมองไปที่น้องสาวทั้งสองคน เดิมทียังลังเลอยู่บ้างแต่เมื่อสบสายตาคาดหวังของเวินเยวี่ย เขาก็คลายหัวคิ้วในพริบตาหัวเราะอย่างไม่มีทางเลือกช่างเถิด หากจะโทษก็ได้แต่โทษน้องห้าที่ไม่ได้รับความชื่นชอบเองใครใช้ให้นางมีนิสัยอิจฉาริษยา ไม่ยอมให้น้องหกเลยสักนิดเล่าดังนั้นเวินฉางอวิ้นจึงไม่ลังเลอีกต่อไป เดินผ่านหน้าเวินซื่อแล้วยื่นดอกไม้ให้เวินเยวี่ยจากนั้นก็เป็นเวินจื่อเฉิน เวินจื่อเยวี่ย เวินอวี้จือ...รวมถึงคนสกุลเวิน ทุกคนต่างก็มอบดอกไม้ให้เวินเยวี่ย ก็เหมือนกับชาติที่แล้ว...เวินซื่อผู้โดดเดี่ยวกับเวินเยวี่ยที่ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้สดและคำอวยพรเวินซื่อไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรนางก็รู้ผลสรุปเช่นนี้มานานแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่คาดหวังใด ๆ อีกต่อไปอย่างแน่นอนหลังจากคนเหล่านั้นก็เป็นชุยเส้าเจ๋อ เทียบกับดอกไม้หนึ่งดอกที่คนอื่นมอบให้แล้ว เขาหอบดอกไม้บานหลากสีสันกำใหญ่เต็ม ๆ ไม่มองเวินซื่อสักแวบเดียว ก่อนจะยัดใส่อ้อมแขนของเวินเยวี่ยโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย“น้องเยวี่ยเอ๋อร์ ดอกฉยงฮวาอวยพรวันเกิด ดนตรีเสียงสวรรค์ห้อมล้อมคว

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 562

    “อ๊า!”ในยามวิกาล ไม่ว่าใครก็ตามที่จู่ๆ ได้มาเห็นภาพเช่นนี้ ย่อมตกใจจนขวัญหนีดีฝ่ออันหลันซินก็เป็นเช่นนั้น ตกใจเสียจนกรีดร้องออกมา ทั้งคนหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น ศีรษะยังกระแทกเข้ากับโต๊ะอีกด้วยเสียงดังโครมครามทำให้คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเข้ามาทันที“ปัง!”“เกิดอะไรขึ้น?!”สาวใช้และองครักษ์หลายคนพังประตูเข้ามา เมื่อเห็นอันหลันซินล้มลงไปกองอยู่กับพื้น พวกเขาก็รีบกวาดตามองไปรอบๆ ทันที แต่น่าเสียดายที่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ“ผะ...ผี! มีผีอยู่บนหลังคา!”อันหลันซินในเวลานี้ยังคงคิดว่านั่นเป็นผีจริงๆ ตกใจเสียจนไม่กล้ามองอีก ได้แต่ยกมือขึ้นชี้ไปยังหลังคาอย่างสั่นเทาแต่เมื่อเหล่าสาวใช้และองครักษ์เงยหน้ามองขึ้นไป กลับไม่เห็นสิ่งใดเลยเหล่าองครักษ์ถึงกับออกไปข้างนอก แล้วปีนขึ้นไปตรวจดูบนหลังคาโดยตรงแต่กลับไม่พบอะไรเลยเหล่าสาวใช้และองครักษ์ที่คอยจับตาดูอันหลันซินต่างพากันคิดไปว่า นี่คงเป็นกลอุบายอะไรสักอย่างที่อันหลันซินคิดขึ้นมาเพื่อหลอกตาการเฝ้าระวังของพวกเขา ดังนั้น แต่ละคนจึงแสดงสีหน้าเย็นชา“คุณหนูอัน ทางที่ดีท่านควรจะสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าเล่นลูกไม้อะไรอีก มิฉะนั้นพวกเราจะทำต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 561

    “รอข้า อาซื่อ ข้าจะกลับไปหาเจ้าอย่างแน่นอน”“พวกสารเลวสมควรตายพวกนั้น อย่าหวังว่าจะมาขวางข้าได้!”ก่อนหน้านี้ อันหลันซินพอนึกถึงหลินเนี่ยนฉือทีไร ก็แทบอยากจะถลกหนังนาง ดื่มเลือดนางเสียให้รู้แล้วรู้รอดตอนนี้ นางก็มีคนที่เกลียดชังในระดับเดียวกันเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้วนั่นก็คือเป่ยเฉินหยวน!บุรุษสารเลวสมควรตายผู้นั้น!กล้ามาหลอกลวงนาง แถมยังกล้าโยนนางมาทิ้งที่ลู่โจวอีกกระทั่งสั่งให้หนิงหย่วนโหวผู้นั้นส่งคนมาคอยจับตาดูนางตลอดเวลาอีก!หากไม่ใช่เพราะการจัดการเหล่านี้ของเขา ป่านนี้นางกลับไปหาอาซื่อได้ตั้งนานแล้วแต่เป็นเพราะเขา อันหลันซินหนีไปได้ครั้งหนึ่งก็ถูกจับกลับมาครั้งหนึ่ง หนีไปสิบครั้งก็ถูกจับกลับมาสิบครั้ง!ทุกครั้งยังไม่ทันหนีพ้นเขตลู่โจว ก็ถูกหนิงหย่วนโหวผู้นั้นส่งคนมาตามจับตัวกลับไปอีก!ไม่ว่าจะเป็นไอ้สารเลวที่ชอบยุ่งไม่เข้าเรื่องคนนี้ หรือไอ้บุรุษชั่วช้าที่กล้าหลอกลวงนางก็ตาม ล้วนสมควรตาย สมควรตาย สมควรตาย!แต่แน่นอนว่าคนที่นางเกลียดที่สุดก็ยังคงเป็นหลินเนี่ยนฉือกล้าฉวยโอกาสตอนที่นางไม่อยู่ข้างกายอาซื่อ กลับเมืองหลวงไปอย่างกะทันหัน!ตอนนี้ อันหลันซินพอนึกขึ้นได้ว่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 560

    นางย่อมรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่เหมาะกับการเข้าวัง แต่สกุลหลินต้องการโอกาสเช่นนี้อีกทั้ง…หลินเนี่ยนฉือมองเวินซื่อที่นั่งอยู่ข้างเตียง นางเม้มปากเบาๆผู้หญิงแปดในสิบทั่วหล้าล้วนอยากเป็นฮองเฮาอย่างไรก็ตามนั่นเป็นถึงมารดาแห่งแผ่นดินแต่อยากเป็นฮองเฮาก็ต้องเสียสละหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งอย่างแรกก็คืออิสระและเดิมทีนางก็เป็นที่ใฝ่หาความอิสระแต่ถ้าหากสามารถใช้อิสระของตัวเองแลกกับโอกาสที่ตระกูลจะได้กลับคืนสู่เมืองหลวง และสิทธิ์ในการปกป้องคนที่อยากปกป้อง เช่นนั้นนางก็ยินดีทิ้งอิสระของตัวเองดังนั้นแม้หลินเนี่ยนฉือจะบ่นต่อหน้าเวินซื่อมากมาย แต่กลับไม่เคยพูดว่าไม่อยากเป็นฮองเฮานางรู้ดี อาซื่อต้องยืนข้างนางแน่นอนแต่นางไม่อยากให้อาซื่อเป็นห่วงนางทำได้ก็แค่อิสรภาพเล็กน้อย ไม่มีอะไรที่เสียสละไม่ได้หลินเนี่ยนฉือคิดเช่นนี้ และยิ่งหนักแน่นในความคิดของตัวเองเวินซื่อหันกลับไปมองตาของนาง แม้หลินเนี่ยนฉือไม่อยากให้นางเป็นห่วง แต่นางจะไม่ห่วงเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเองได้อย่างไร?ก็เพราะรู้จักนางดี ดังนั้นจึงยิ่งเป็นห่วงแต่สิ่งที่เวินซื่อไม่รู้คือ ยังเร็วเกินไปที่จะกังวลเรื่องพวกนี้ เพ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 559

    เวินซื่อมองสีหน้าพ่อบ้านหลานแวบหนึ่ง หลังจากนั้นถอนหายใจเบาๆหลังจากเยี่ยมชมหอหนังสือ สถานที่สุดท้ายที่พ่อบ้านหลานพานางมาคือโถงบรรพชนของสกุลหลานทันทีที่เข้าไปข้างใน พ่อบ้านหลานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาทิ้งตัวคุกเข่าลงพื้น ก็โขกศีรษะ ‘ปังๆๆ’ แรงๆ“นายท่าน ฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า…บ่าวกลับมาแล้ว!”“บ่าวพาคุณหนูกลับมาแล้ว!”คุณหนูน้อย ลูกสาวของคุณหนู สายเลือดของสกุลหลานนางจะสืบทอดสกุลหลาน กลายเป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปของสกุลหลาน! พ่อบ้านหลานบอกคนสกุลหลานอย่างสะอึกสะอื้นในใจ บอกทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเวินซื่อสุดท้ายพ่อบ้านหลานกล่าวในใจ ‘นายท่าน ฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า มีคุณหนูน้อยอยู่ พวกท่านสามารถตายตาหลับแล้ว’เดิมทีเวินซื่อเดินเข้าไปอยากจุดธูป แต่เมื่อมองไปที่โต๊ะ ทุกอย่างชื้นจนขึ้นราหมดแล้วจุดธูปไม่ได้แล้วเวินซื่อหมุนกายไปคุกเข่าลงบนฟุกที่อยู่หน้าโต๊ะป้ายวิญญาณ หลังจากโขกศีรษะเหมือนพ่อบ้านหลาน นางค่อยๆ ลุกขึ้น มองดูป้ายวิญญาณเหล่านั้น พูดเพียงประโยคเดียว…“หวังว่าท่านบรรพชนทั้งหลายจะคุ้มครองหลานสาว สามารถเปลี่ยนแซ่อย่างราบรื่น รอหลังจากเปลี่ยนแซ่เวินเป็นแซ่หลาน สกุลหลานก็มีลูกส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 558

    ทั้งสองคนหนึ่งหมุนกายก็วิ่ง ส่วนอีกคนชักดาบไล่ตามขณะที่กำลังจะตามทันอยู่แล้ว จู่ๆ ก็มีสุนัขดุหลายตัวกระโจนใส่เป่ยเฉินหยวนวินาทีต่อมา เสียง “ฉึก” ดังขึ้นหลายครั้ง…หัวสุนัขหลายตัวหล่นลงพื้นหลังจากจัดการสุนัขดุพวกนั้นแล้ว ตอนที่เป่ยเฉินหยวนเงยหน้าอีกครั้ง กู่อี้ซานก็ได้หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วส่วนลูกน้องที่เหลือสามคนของเขา สองคนโดนฆ่า อีกคนโดนธนูยิงท้อง ล้มอยู่บนพื้น อยู่ห่างจากความตายไม่ไกลก็หลังจากกองทัพธงดำจัดการสุนัขดุพวกนั้นหมดแล้ว เกาเย่าเข้าไปจับตัวคนต่างแคว้นที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วยื่นมือไปถอดหน้ากากของอีกฝ่าย“ท่านอ๋อง เป็นผู้หญิงต่างแคว้น”แม้ใบหน้าของอีกฝ่ายถูกทำลายนานแล้ว แต่เมื่อลองสังเกตรายละเอียดต่างๆ ก็สามารถระบุเพศของอีกฝ่ายได้สีหน้าเป่ยเฉินหยวนเย็นชากว่าเขาเสียอีก เสียงก็เย็นราวกับน้ำค้างแข็ง ออกคำสั่งอย่างความไร้ปรานี “พากลับไป ทรมานจนกว่าจะพูด”“ขอรับ!”หนีไปได้หนึ่งคนไม่เป็นไร อย่างไรเสียสายลับจากต่างแดนในเมืองหลวงถูกเขาฆ่าจนเหลือแค่ไม่กี่คนแล้วต่อให้กู่อี้ซานหนีไปได้ ก็ไม่สามารถทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ใดๆเขาแค่กำลังคิดว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 557

    สีหน้าที่อยู่ใต้หน้ากากของกู่อี้ซานไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สงบ “ไม่รู้ว่าที่อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพูดหมายความว่าอย่างไร สายลับเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนอะไร พวกเราไม่เคยมี”ไม่ต้องให้เป่ยเฉินหยวนพูด วินาทีต่อมาก็มีลูกธนูแหวกอากาศพุ่งเข้ามาอีกครั้ง“ฟิ้ว!”ครั้งนี้กู่อวี้ซานที่เตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว หลบลูกธนูพ้นโดยตรง วินาทีต่อมา ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังเขาก็กรีดร้อง“อ๊า!”กู่อี้ซานหันกลับไปมอง ลูกน้องโดนยิงตายอีกหนึ่งคนสีหน้ากู่อี้ซานดูน่าเกลียดมาก“ขอแนะนำว่าคิดให้ดีก่อนค่อยตอบ ไม่เช่นนั้นตอบผิดหนึ่งครั้ง ลูกน้องของเจ้าก็จะน้อยลงหนึ่งคน”เกาเย่ากวาดมองคนที่เหลือแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างเย้ยหยัน “รอทุกคนตายหมดแล้ว เจ้าก็ต้องไปพบกับพวกเขาแล้ว”“ต่ำช้าไร้ยางอาย!”กู่อี้ซานกัดฟันกล่าวด่าทอแต่ปรากฏว่า…“ฉึก!”“อ๊า!”ตายอีกคนม่านตาของกู่อี้ซานที่ด่าหนึ่งคนก็ตายหนึ่งคนหดฉับพลัน เกาเย่าถอนหายใจ “บอกแล้วไม่ใช่หรือ คิดให้ดีก่อนค่อยตอบ”กู่อี้ซานกำหมัดแน่นทันทีตอนนี้ข้างหลังเขาเหลือแค่ลูกน้องสามคนแล้วทั้งสามก้าวถอยหลังด้วยความกลัว ขณะเดียวกันก็มองไปทางหัวหน้าข

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 556

    ทันทีที่เวินซื่อไป เวินเฉวียนเซิ่งก็รีบเชิญหมอหลวงหลี่และหมอหลวงอีกหลายท่านมาขอพวกเขาช่วยยื้อชีวิตเวินฉางอวิ้นให้ผ่านสองชั่วยามนี้ด้วยทุกวิถีทางโชคดีที่หมอหลวงหลี่และคนอื่นก็ไม่ได้มีแค่ชื่อด้วยความร่วมมือของพวกเขา เวินฉางอวิ้นที่เดิมทีขาข้างหนึ่งได้ก้าวเข้าสู่ประตูนรกแล้ว ก็โดนพวกเขายื้อชีวิตได้เกินสองชั่วยามจนได้และโชคดีที่ครั้งนี้เวินซื่อไม่ได้หลอกเวินเฉวียนเซิ่งหลังจากนั้นสองชั่วยาม ยาถูกส่งมาได้อย่างทันเวลาพอดีหมอหลวงหลี่เปิดกล่อง หลังจากเห็นบัวหิมะที่อยู่ในนั้นก็หันไปพยักหน้าให้เวินเฉวียนเซิ่งแต่เวินเฉวียนเซิ่งยังไม่วางใจ “ลองตรวจบัวหิมะนี่ก่อน”เห็นได้ชัดว่าเขากลัวเวินซื่อทำอะไรกับบัวหิมะนี่ผลลัพธ์ยังคงเป็นเช่นเดิม…“ไม่มีปัญหา สามารถใช้ได้”หมอหลวงคนอื่นพากันโล่งอก “เช่นนั้นก็ดี รีบเอาบัวหิมะนี่ไปทำยาเถอะ เสียเวลาไม่ได้แล้ว!”เพื่อให้บัวหิมะที่หามาด้วยความยากลำบากนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด หมอหลวงทั้งหลายแทบจะต้มยาด้วยตัวเองหลังจากนั้นก็นำยาไปป้อนให้เวินฉางอวิ้นอย่างระมัดระวัง“ใต้เท้าเจิ้งกั๋วกง ตอนนี้มียาที่ใส่บัวหิมะนี้ เพียงพอที่จะยืดเวลาให้คุณชายใหญ่อีกสั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 555

    ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ตัดสินใจไม่ได้สักทีดังนั้นจึงยิ่งรู้สึกผิดต่อเวินเยวี่ย ก็เลยตามใจนางจนถึงทุกวันนี้เวินเฉวียนเซิ่งกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ “เจ้ามองออกทุกอย่าง ดังนั้นเจ้าจึงเอายาในมือของเจ้ามาขู่ข้าครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถหายาอย่างอื่นได้แล้วจริงๆ หรือ?”“ใต้เท้าเจิ้นกั๋วกงเป็นคนกว้างขวาง ย่อมสามารถหายาอย่างอื่นนอกจากที่ข้ามี แต่ท่านยังมีเวลาหรือไม่?”แทบจะทันทีที่สิ้นเสียงของเวินซื่อ เสียงรายงานที่ตื่นตระหนกของพ่อบ้านดังมาจากข้างหลังเวินเฉวียนเซิ่ง…“แย่แล้ว แย่แล้ว! ท่านกั๋วกง คุณชายใหญ่อาเจียนเลือดอีกแล้ว!”“ท่านกั๋วกง ท่านรีบไปดูหน่อยเถอะ เกรงว่าคุณชายใหญ่น่าจะทนได้อีกไม่นานแล้ว!”ยันต์เร่งชีวิต กำลังเร่งชีวิตของเวินฉางอวิ้น ขณะเดียวกันก็เร่งชีวิตของเวินเฉวียนเซิ่งด้วย เขาเวลานี้ราวกับเข้าใจความรู้สึกของเจ้าสามที่ตัดสินใจก่อนหน้านี้ทันทีสำหรับเวินซื่อที่อยู่ตรงหน้า เขารู้สึกถึงแรงกดดันอย่างรุนแรงนางเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆและยังเคยเป็นลูกสาวของเขาแต่ตอนนี้กลับเทียบได้กับพวกจิ้งจอกเฒ่าในราชสำนักไม่สิ บางทีอาจต้องพูดว่านางเทียบได้กับเขา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 554

    สีหน้าเวินเฉวียนเซิ่งไร้อารมณ์แทบจะทันทีที่หลังจากเวินซื่อกล่าวคำพูดประโยคนั้น อากาศระหว่างทั้งสองหยุดนิ่งโดยตรงเวินซื่อไม่ได้พูดอะไรอีกเวินเฉวียนเซิ่งก็ไม่ได้พูดเขาเอาแต่จ้องเวินซื่อด้วยสายตาเย็นชาผ่านไปครู่หนึ่งเวินเฉวียนเซิ่งจึงจะกล่าวอย่างใจเย็น “เจิ้นกั๋วกงให้กำเนิดเจ้า เลี้ยงเจ้า ต่อให้ข้ากับพวกพี่ชายของเจ้าทำผิดไปบ้าง แต่บุญคุณให้กำเนิดยิ่งใหญ่กว่าดิน บุญคุณเลี้ยงดูยิ่งใหญ่กว่าฟ้า เจ้าจะเปลี่ยนแซ่ เจ้าไม่รู้สึกผิดต่อข้า ไม่รู้สึกผิดต่อพวกพี่ๆ ของเจ้า และบรรพชนของสกุลเวินหรือ?”เวินเฉวียนเซิ่งอ้าปากก็บุญคุณให้กำเนิดและเลี้ยงดู หวังใช้บุญคุณกดดันนางแต่เวินซื่อกลับตอบเขาอย่างสงบ “ผู้ที่มีบุญคุณให้กำเนิดของข้าคือท่านแม่ หลานจื่อจวินอดีตคุณหนูใหญ่ของสกุลหลาน ดังนั้นต่อให้ข้าออกมาจากสกุลเวิน เหตุใดถึงไม่สามารถเปลี่ยนเป็นแซ่หลาน?”“อย่าลืมเสียล่ะ ก่อนหน้านี้ท่านเจิ้นกั๋วกงยังตั้งใจว่าจะไม่ให้ข้าแซ่ ‘เวิน’ อีกเลย”เวินซื่อมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างจะยิ้มไม่ยิ้ม “ทำไม ลืมคำพูดที่ตัวเองเคยพูดเร็วเช่นนี้เลย?”เวินเฉวียนเซิ่งหัวเราะเบาๆ และแสดงสีหน้าที่เสแสร้งจอมปลอมทันที “ตอนน

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status