Share

บทที่ 4

Penulis: จิ้งซิง
เวินซื่อที่โซเซจนไปชนกับมุมโต๊ะเครื่องแป้งก็เม้มริมฝีปากแน่น

ชาติที่แล้วนางเสียรู้ในน้ำมือของเวินเยวี่ยไปมากมายถึงเพียงนั้น ตอนนี้แค่เห็นเวินเยวี่ยทำท่าทางเช่นนี้ เวินซื่อก็รู้ว่านางจะเล่นตุกติกอะไรอีกแล้ว

นางหยิบชุดพิธีการที่ร่วงลงพื้นขึ้นมา

“ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าข้าทำอะไรถึงทำให้น้องหกมีปฏิกิริยายกใหญ่เช่นนี้ ไม่สู้รบกวนน้องหกอธิบายให้ข้าเถิด”

“เจ้าทำอะไรไว้เจ้ารู้อยู่แก่ใจ!”

ไม่รอให้เวินเยวี่ยเอ่ยวาจา เวินจื่อเฉินก็ตวาดใส่นางเสียงดุดันก่อน

แววตาของเวินซื่อเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อก่อนนางยังดูไม่ออก ตอนนี้นางรู้สึกว่าเวินจื่อเฉินช่างตาบอดจริง ๆ

อยู่ต่อหน้าต่อตาของเขา ใครทำอะไร ใครไม่ได้ทำอะไร เขามองไม่เห็นเองทั้งนั้น

บางทีต่อให้เห็น เขาก็แค่เชื่อคำพูดของคนผู้เดียว

เวินจื่อเฉินถลึงตามองเวินซื่ออย่างอำมหิตแวบหนึ่งแล้วตบไหล่เวินเยวี่ยเบา ๆ ปลอบโยนด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “น้องหกไม่ต้องกลัวนะ มีเรื่องอะไรก็บอกกับพี่รอง ไม่ว่าอย่างไร พี่รองก็จะตัดสินแทนเจ้าเอง”

ทั้งสองคนมีท่าทางแทบจะใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก

แต่เวินจื่อเฉินกลับเหมือนไม่สังเกตเห็นเลย เขาไม่เก็บงำเลยแม้แต่น้อย

ดวงตาที่เหมือนกับลูกกวางของเวินเยวี่ยแดงระเรื่อ “พี่รอง ขะ...ข้าเจ็บมากเลย”

แต่ไหนแต่ไรมาเวินเยวี่ยก็รู้ว่าจะหลอกล่อพี่รองที่ใจร้อนหัวทึบตรงหน้านี้อย่างไร

นางไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจนมากมาย แค่ใช้สามคำก็เพียงพอที่จะกระตุ้นโทสะของเวินจื่อเฉินแล้ว

เป็นไปตามที่คาดไว้ เมื่อเวินจื่อเฉินเห็นท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจไร้ที่พึ่งของเวินเยวี่ย เขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที

เขานึกได้ว่าเมื่อกี้เวินเยวี่ยสัมผัสชุดพิธีการถึงได้จู่ ๆ ร้องด้วยความเจ็บปวด ดังนั้นเขาพลันปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างที่เขาคิดไว้สมอง...

“เพียะ!”

ฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของเวินซื่อ

“ดีมากเวินซื่อ ข้ายังนึกว่าเจ้าตกลงมอบชุดพิธีการให้น้องหกเป็นเพราะกลับตัวกลับใจแล้วเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะจิตใจชั่วช้าถึงเพียงนี้ เล่นตุกติกบนชุดพิธีการ!”

แก้มซ้ายถูกตบจนแสบร้อนทำให้เวินซื่อกัดฟันกรอด ความเคียดแค้นชิงชังพรั่งพรูขึ้นมาในใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

นางจะต้องออกจากสกุลเวินให้ได้

หากอยู่ที่นี่ ไม่ว่านางทำสิ่งใด ทุกคนก็จะเข้าข้างเวินเยวี่ย

มีเพียงออกไปจากสกุลเวิน นางถึงจะมีโอกาสแก้แค้นได้

แต่ว่าก่อนหน้านั้น นางยังต้องทำพิธีปักปิ่นของวันนี้ให้จบ

เนื่องจากยังมีสัญญาหมั้นหมายบัดซบนั่นรอนางอยู่ในพิธีปักปิ่น

ส่วนเรื่องที่เวินจื่อเฉินบอกว่าไม่ให้นางเข้าร่วมพิธีปักปิ่น...

เหอะ ต่อให้เขาเป็นคุณชายรองของจวนกั๋วกง ก็ยังไม่ถึงเวลาที่เขาสามารถตัดสินใจเองได้ในจวนกั๋วกงแห่งนี้

คนทั้งเมืองหลวงต่างรู้ว่าวันนี้จวนเจิ้นกั๋วกงมีบุตรสาวสองคนกำลังจะจัดพิธีปักปิ่น หากนางไม่ปรากฏตัวจะต้องก่อให้เกิดการคาดเดาต่าง ๆ นานาจากภายนอกอย่างแน่นอน

และท่านกั๋วกงผู้นั้นของนางคงไม่ยอมให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น

เวินซื่อหยุดคิดแล้ววางชุดพิธีการลงบนโต๊ะ

“หากพี่รองคิดว่าชุดพิธีการมีปัญหาก็ตรวจสอบได้ตามใจชอบ”

นางไม่อยากสิ้นเปลืองคำพูดกับอันธพาลหูหนวกตาบอดที่เอาแต่วู่วามทำร้ายคนแล้ว

เวินซื่อกล่าวจบก็หันตัวเดินเข้าไปในห้อง ค้นหาชุดสีฟ้าครามเรียบ ๆ ออกมาจากในตู้เสื้อผ้า

ในขณะเดียวกัน เวินจื่อเฉินที่อยู่ข้างนอกยังคงไม่จบไม่สิ้น

“ฮึ ได้สิ ตรวจสอบก็ตรวจสอบ หากข้าพบว่าเจ้าเล่นตุกติกกับชุดพิธีการนี้จริง ๆ เจ้าก็รอข้าจัดการเจ้าอย่างหนักได้เลย!”

ครู่ต่อมา

เมื่อเวินซื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินออกไป ชุดพิธีการที่เคยพับไว้เรียบร้อยนั้นถูกเวินจื่อเฉินรื้อจนเละเทะไปแล้ว

เวินเยวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ เขาชะโงกหน้ามอง

แม้นางไม่ได้ลงมือค้นหา แต่เนื่องจากนางมั่นใจว่าเวินซื่อจะต้องเล่นตุกติก ดังนั้นจึงคอยจับจ้องอยู่ตลอด

แต่จนกระทั่งเวินจื่อเฉินค้นดูทั้งชุดแล้วก็ไม่พบร่องรอยเล่นตุกติกใด ๆ เลย

เวินเยวี่ยขมวดคิ้ว

หรือว่านางเดาผิดไป?

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า สองพี่น้องก็เงยหน้ามองไปพร้อมกัน

ก่อนจะเห็นเวินซื่อที่เปลี่ยนชุดแล้วเดินออกมาอย่างช้า ๆ

เมื่อก่อนเวินซื่อแต่งตัวเรียบง่ายเช่นนี้น้อยมาก บวกกับรูปโฉมอันโดดเด่นของนาง มองแวบแรกก็ให้ความรู้สึกสง่างามบริสุทธิ์

เมื่อเทียบกับเวินซื่อที่แต่งตัวหรูหราในอดีต นางในเวลานี้เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจริง ๆ

ดวงตาของเวินเยวี่ยฉายแววอิจฉาทันที

สิ่งที่นางเกลียดที่สุดก็คือใบหน้านี้ของเวินซื่อ

หากมองมากเข้าจริง ๆ จะทำให้คนแทบอยากข่วนมันแรง ๆ!

เวินซื่อรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตอย่างบอกไม่ถูกจึงเชยตามองตรงไปยังต้นตอ แล้วสบเข้ากับดวงตาของเวินเยวี่ยทันใด

เวินเยวี่ยคิดไม่ถึงว่าเวินซื่อจะสัมผัสไวถึงเพียงนี้

ถึงขนาดที่ใบหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยชะงักงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติกลับมารีบเก็บงำซ่อนเร้นไว้ทันที

เวินซื่อหัวเราะหยันในใจ ปรายตามองชุดพิธีการที่เละเทะบนโต๊ะ

“เป็นอย่างไรบ้าง หาอะไรเจอหรือไม่?”

เวินจื่อเฉินที่ไม่พบอะไรเช่นกันก็มีสีหน้าดูไม่ดีเล็กน้อย

แต่เขาไม่ทันเอ่ยปาก เวินเยวี่ยก็เอ่ยก่อนว่า “พี่หญิงห้า ท่านอย่าโมโหเลย เมื่อครู่นี้จู่ ๆ มือของข้าก็เป็นตะคริว พี่รองเป็นห่วงข้ามากเกินไป พอได้ยินข้าบอกว่าเจ็บก็เข้าใจผิดแล้ว”

นางแสดงท่าทีขออภัย และจงใจแลบลิ้นเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “ขออภัยด้วยนะเจ้าคะพี่หญิงห้า ท่านอย่าโทษพี่รองเลยนะ หากจะโทษ ท่านก็โทษข้าเถิด”

“เรื่องนี้จะโทษเจ้าได้อย่างไร? หากจะโทษก็ต้องโทษตัวนางเองต่างหาก”

เวินจื่อเฉินขมวดคิ้วไม่เห็นด้วยทันที ก่อนจะปรายตามองเวินซื่อแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงรังเกียจว่า “หากไม่ใช่เพราะคนบางคนมีจิตใจชั่วช้าเป็นปกติ ทำเรื่องเลวทรามเอาไว้ถึงที่สุด ข้าก็คงไม่คิดมากเช่นนี้ นางสมควรโดนปรักปรำแล้ว”

เวินซื่อรู้สึกขยะแขยงสองคนนี้อีกครั้ง

นางหยิบชุดพิธีการชุดนั้นขึ้นมา แล้วถามเวินเยวี่ยอย่างเย็นชาว่า “เจ้ายังจะต้องการชุดพิธีการนี้อยู่หรือไม่? หากต้องการก็เอาไป”

เวินเยวี่ยอยากได้แน่นอน

แต่นางเพิ่งเดินหมากพลาดไปก้าวหนึ่ง ต่อให้อยากได้ก็ไม่ใช่เวลานี้

ดังนั้นนางจึงแสดงด้านที่ใจดีมีเมตตาและใจกว้างของตัวเองออกมาอย่างเหมาะสม “ช่างเถิดเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าชุดพิธีการนี้เป็นชุดที่พี่หญิงห้าชอบมากที่สุด พี่หญิงห้าจะต้องตัดใจไม่ลงอยู่แล้ว”

“เมื่อครู่นี้เป็นเพราะข้าทำให้พี่รองปรักปรำท่านโดยไม่ได้ตั้งใจ ถือว่าพวกเราหายกันแล้ว พี่หญิงห้าไม่ต้องชดใช้ให้ข้าหรอก ถึงอย่างไรต่อไปพวกเรายังเป็นพี่น้องที่ดี!”

ถึงอย่างไรวันนี้ก็ยังเหลือเวลา ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนตอนนี้ก็ได้

สิ่งที่นางต้องการก็จะต้องเป็นของนาง

ชุดพิธีการของพิธีปักปิ่นไม่จำเป็นต้องสวมทันที แต่จะสวมตอนปักปิ่นสวมเครื่องประดับศีรษะและเปลี่ยนชุดในพิธีปักปิ่น

ดังนั้นเวินเยวี่ยจึงไม่รีบร้อน

สีหน้าของเวินจื่อเฉินดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะเชิดคางขึ้นทำสีหน้าเย่อหยิ่ง

“ได้ยินแล้วกระมัง? ในเมื่อน้องหกบอกว่าหายกันแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็เก็บไว้เองเถิด แต่เจ้าอย่าคิดว่าจะจบลงแค่นี้นะ ต่อไปหากเจ้ากล้ารังแกน้องหกอีก ข้า...เจ้ากำลังทำอะไร?!”

เวินจื่อเฉินยังกล่าวไม่ทันจบ ม่านตาก็หดลงฉับพลัน เขามองการเคลื่อนไหวบนมือของเวินซื่ออย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ฉับ!”

เวินซื่อถือกรรไกรแล้วตัดลงไป

ชุดพิธีการที่หรูหราชุดนั้นถูกนางตัดเละโดยไม่มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (2)
goodnovel comment avatar
Surinna Hathaisaard
สนุกคะ อ่านต่อคะ
goodnovel comment avatar
นิว งามโรจน์
สนุกดีจังคับ
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 5

    “เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!”เวินเยวี่ยที่เดิมทียังนึกว่ามีโอกาสแย่งกลับมาก็ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยวอารมณ์หวั่นไหวรุนแรงราวกับว่าสิ่งที่เวินซื่อตัดคือชุดของนางเวินซื่อขยับมือไม่หยุด รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงไม่แปรเปลี่ยน “ตัดชุดอย่างไรเล่า พี่รองกับน้องหกเห็นแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนี้?”ดวงตาสองข้างของเวินจื่อเฉินพ่นไฟแล้ว “เจ้ายังกล้าถามข้าอีกหรือว่าเหตุใดถึงมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้?! ชุดนี้เป็นชุดที่ข้ากับพวกพี่ใหญ่ตั้งใจสั่งทำขึ้นมาเพื่อพิธีปักปิ่นของเจ้า ตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เหตุใดเจ้าต้องตัดมันจนเละด้วย?!” “เพราะว่าไม่มีใครต้องการมันแล้ว”เวินซื่อตัดลงไปดัง “ฉับ” อีกครั้ง “ข้าไม่ต้องการ น้องหกก็ไม่ต้องการ ของที่ไม่มีใครต้องการย่อมต้องจัดการทิ้ง” สีหน้าของนางเย็นชาจนทำให้เวินจื่อเฉินแทบจะรู้สึกแปลกตาใครบอกว่าข้าไม่ต้องการ?!เวินเยวี่ยโกรธจนแทบอยากจะกรีดร้อง นางแค่จงใจบอกปัดเพื่อไม่ให้เวินจื่อเฉินสงสัยเท่านั้นใครจะคิดว่าเวินซื่อกลับเสียสติถึงเพียงนี้?!ทั้ง ๆ ที่นางคิดไว้นานแล้วว่าวันนี้จะต้องสวมชุดพิธีการนี้ให้ได้ แต่ตอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 6

    ผู้ที่มามีรูปร่างสูงสง่าราวกับไผ่สน สวมอาภรณ์เสื้อคลุมสีกรมท่า รูปลักษณ์สง่างาม โฉมหน้าหล่อเหลาชื่อของเขาคือเวินฉางอวิ้น เป็นพี่ใหญ่ของนาง และก็เป็นคุณชายใหญ่ของจวนกั๋วกง“น้องห้า เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?” เวินฉางอวิ้นมองเวินซื่อด้วยสายตาเย็นชา ความรู้สึกกดดันที่แผ่ลงมาจากด้านบนทำให้เวินซื่อแทบหายใจไม่ออกนิดหน่อย เมื่อก่อนนางโง่งม คิดเพียงว่าเวินฉางอวิ้นรูปร่างสูงใหญ่ ถึงมอบความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ให้นาง ทว่าต่อมาจนกระทั่งเมื่อนางเห็นกับตาว่าเวินฉางอวิ้นก้มตัว ก้มหน้าให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับเวินเยวี่ยเพียงเพื่อรับฟังความคับข้องใจจากปากของนาง เวินซื่อถึงได้เข้าใจว่าที่แท้ตนเองเป็นเพียงคนชั้นล่างที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่ใหญ่ “ข้าไม่เข้าใจคำพูดของพี่ใหญ่ ไม่ทราบว่าข้ามีความผิดอันใด ขอพี่ใหญ่โปรดชี้แจงด้วย”ไม่ใช่ว่าเวินซื่อไม่เห็นชุดพิธีการที่เขาถืออยู่ในมือ ดังนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขามาเพราะเหตุใด แต่แล้วอย่างไรเล่า?ไม่ถามสักคำ มาถึงก็อยากให้นางยอมรับความผิด?มีสิทธิอันใด?เวินฉางอวิ้นทำสายตาเย็นชา แต่สายตาของเวินซื่อกลับเย็นชายิ่งกว่าเขา เวินฉางอวิ้นขมวดค

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 7

    ชุยเส้าเจ๋อก้าวเท้าเดินมาทางเวินซื่อ ท่าทางดูเกรี้ยวกราดหมายจะหาเรื่องเมื่อมองไปทางด้านหลังของเขาอีกก็เห็นเวินเยวี่ยอ้าปากพูดว่า “อย่าเลย” ด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่ได้ทำท่าจะฉุดรั้งชุยเส้าเจ๋อเลยสักนิดหลังจากที่สบสายตาของเวินซื่อ ดวงตาของนางถึงขนาดฉายแววกระหยิ่มยิ้มย่องเห็นได้ชัดว่าการที่นางสามารถยุให้ชุยเส้าเจ๋อออกหน้าเพื่อนางได้ง่าย ๆ นั้นทำให้นางภาคภูมิใจเอามาก ๆแต่ว่าน่าเสียดายมาก ยังไม่ทันที่ชุยเส้าเจ๋อจะเดินเข้ามาใกล้เวินซื่อ เสียงทุ้มหนึ่งดังมาจากทางด้านปะรำพิธี...“เจ้าห้า เจ้าหก ถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว ยังไม่รีบมาเตรียมตัวทำพิธีปักปิ่นอีก” เวินซื่อหันหน้าไปมองบนปะรำพิธี บุรุษวัยกลางคนสวมชุดเสื้อคลุมยาวสีเขียวดูสง่าผ่าเผยเปี่ยมไปด้วยความรู้กำลังนั่งอยู่ตำแหน่งประธาน มองพวกนางสองคนด้วยสีหน้าเย็นชานี่คือบิดาของนาง เจิ้นกั๋วกงเวินเฉวียนเซิ่งเวลานี้ต่อให้ชุยเส้าเจ๋ออยากหาเรื่องนางอีกเพียงใด ก็ได้แต่ถอยหลังไปเท่านั้นเวินซื่อเดินขึ้นไปบนปะรำพิธีโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเวินซื่อขึ้นมาบนปะรำพิธีก็ควงแขนนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับบุปผา จงใจทำตัวสนิทสนม“พี่หญิงห้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 8

    เมื่อเวินฉางอวิ้นเดินขึ้นมาบนปะรำพิธี สายตาทอดมองไปที่น้องสาวทั้งสองคน เดิมทียังลังเลอยู่บ้างแต่เมื่อสบสายตาคาดหวังของเวินเยวี่ย เขาก็คลายหัวคิ้วในพริบตาหัวเราะอย่างไม่มีทางเลือกช่างเถิด หากจะโทษก็ได้แต่โทษน้องห้าที่ไม่ได้รับความชื่นชอบเองใครใช้ให้นางมีนิสัยอิจฉาริษยา ไม่ยอมให้น้องหกเลยสักนิดเล่าดังนั้นเวินฉางอวิ้นจึงไม่ลังเลอีกต่อไป เดินผ่านหน้าเวินซื่อแล้วยื่นดอกไม้ให้เวินเยวี่ยจากนั้นก็เป็นเวินจื่อเฉิน เวินจื่อเยวี่ย เวินอวี้จือ...รวมถึงคนสกุลเวิน ทุกคนต่างก็มอบดอกไม้ให้เวินเยวี่ย ก็เหมือนกับชาติที่แล้ว...เวินซื่อผู้โดดเดี่ยวกับเวินเยวี่ยที่ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้สดและคำอวยพรเวินซื่อไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรนางก็รู้ผลสรุปเช่นนี้มานานแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่คาดหวังใด ๆ อีกต่อไปอย่างแน่นอนหลังจากคนเหล่านั้นก็เป็นชุยเส้าเจ๋อ เทียบกับดอกไม้หนึ่งดอกที่คนอื่นมอบให้แล้ว เขาหอบดอกไม้บานหลากสีสันกำใหญ่เต็ม ๆ ไม่มองเวินซื่อสักแวบเดียว ก่อนจะยัดใส่อ้อมแขนของเวินเยวี่ยโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย“น้องเยวี่ยเอ๋อร์ ดอกฉยงฮวาอวยพรวันเกิด ดนตรีเสียงสวรรค์ห้อมล้อมคว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 9

    “ไม่ได้นะ!”“ไม่มีทาง!” แค่คำสาบานเดียวเท่านั้น เดิมที่นึกว่าชุยเส้าเจ๋อน่าจะรับปากได้ แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าชุยเส้าเจ๋อจะมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนั้นสิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ คนที่มีปฏิกิริยารุนแรงเช่นเดียวกันยังมีอีกคน“น้องหก?” พวกเวินฉางอวิ้นมองไปทางเวินเยวี่ยด้วยความประหลาดใจ เวินเยวี่ยมีสีหน้าแข็งทื่อเมื่อตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้นางยั้งสติไม่อยู่มากเกินไป นางจึงรีบเก็บงำอารมณ์ ฝืนยิ้มมุมปากพลางเอ่ยว่า “ไม่ใช่นะ...คือว่า ข้า...ข้าแค่รู้สึกว่าเงื่อนไขที่พี่หญิงเสนอออกมานี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมมากนัก หะ...หากต่อไปพี่เส้าเจ๋อเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเล่า? ดังนั้น พี่หญิงเหลือทางถอยให้ตนเองหน่อยไม่ดีกว่าหรือ?”เวินฉางอวิ้นผู้เป็นพี่ใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าคำพูดนี้ของนางดูแปลกพิกลนิด ๆเวินจื่อเยวี่ยผู้เป็นพี่สามไม่มีปฏิกิริยาอะไรเวินอวี้จือผู้เป็นพี่สี่กลับมองเวินเยวี่ยและมองชุยเส้าเจ๋ออย่างใคร่ครวญ เทียบกับพวกเขาแล้ว เวินจื่อเฉินผู้เป็นพี่รองเชื่อในตัวเวินเยวี่ยโดยสิ้นเชิงว่ามีจิตใจบริสุทธิ์ เขาจึงไม่ได้คิดมากมายเช่นนั้น “พอได้แล้วน้องหก ข้ารู้ว่าเจ้าเป

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 10

    “พวกท่านกล่าวถูกต้อง ข้าไม่ใช่น้องสาวของข้า และข้าก็ไม่ได้ใจดีเหมือนนาง ทุกคนที่เคยรังแกข้าและเคยเหยียดหยามข้า ข้าจะเอาคืนให้หมด” น้ำเสียงของเวินซื่อเย็นชา นางมองชุยเส้าเจ๋อ จากนั้นก็เอ่ยคำพูดที่ชาติก่อนนางนึกเสียใจนับครั้งไม่ถ้วนที่ไม่อาจเอ่ยออกมาต่อหน้าผู้คนด้วยปากของตัวเอง...“ชุยเส้าเจ๋อ ท่านอยากถอนหมั้นไม่ใช่หรือ? ได้ ข้าตกลง และไม่ต้องให้ท่านตกลงเงื่อนไขใด ๆ ด้วย เพียงแต่ว่าหลังจากนี้ไป ข้าเวินซื่อไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับจวนจงหย่งโหวของพวกท่านอีกต่อไปแล้ว!”เมื่อสิ้นคำพูดของนาง ทั่วทั้งงานก็เงียบกริบแม้แต่ชุยเส้าเจ๋อก็อดตกตะลึงไม่ได้ ยะ....ยอมตกลงเช่นนี้เลย?เขานึกว่าเรื่องการถอนหมั้นในวันนี้จะไม่มีทางราบรื่นเป็นอันขาด เขานึกว่าเวินซื่อคงไม่ยินยอมง่าย ๆนึกว่าเวินซื่อจะตามตื๊อ จะร้องไห้โวยวาย...ก่อนจะมาชุยเส้าเจ๋อเคยคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยคิดก็คือเวินซื่อจะยอมตกลงง่ายดายเช่นนี้จริง ๆไม่สิ ก็ไม่ถือว่าง่ายดาย นางยังตบเขาหนึ่งฉาดด้วย เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชุยเส้าเจ๋อที่รู้สึกเสียหน้าก็ทำหน้าเคร่งขรึมทันที เขาลูบแก้มที่แสบร้อนของตัวเอง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 11

    เวินฉางอวิ้นแสดงสีหน้าที่ไม่เห็นด้วยกฎประจำตระกูลของสกุลเวินไม่ใช่แส้ทั่วไป แต่เป็นแส้เหล็กที่สั่งทำพิเศษ เฆี่ยนตีห้าสิบที ชายวัยกลางคนยังต้องนอนพักสิบวันถึงครึ่งเดือน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนาง?ในดวงตาของเวินเยวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ เต็มไปด้วยความสุขคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเวินซื่อจะรนหาที่ตายเอง!นางต้องลองคิดดูว่า จะให้ท่านพ่อตอบตกอย่างไรดี แค่ท่านพ่อตอบตกลง เฆี่ยนห้าสิบที สามารถทำให้เวินซื่อเหลือแค่ครึ่งชีวิตแน่นอน!แต่สิ่งที่เวินเยวี่ยยิ่งคาดคิดไม่ถึงคือ นางไม่จำเป็นต้องลงมือ ตอนที่เวินเฉวียนเซิ่งถามเวินซื่อ นางกลับรนหาที่ตายเองอีกครั้ง“เจ้าเอาจริงหรือ?”เวินเฉวียนเซิ่งก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเวินซื่อจะเป็นคนเสนอขอรับโทษเอง อีกทั้งยังเป็นการลงโทษที่หนักเช่นนี้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกถึงอุบายที่เวินซื่อใช้ชิงความโปรดปรานในยามปกติ เขาหรี่ตาแล้วเตือน“ข้าเกลียดคนที่เล่นละครต่อหน้าข้าที่สุด”เมื่อเวินซื่อเงยหน้าก็ประสานกับสายตาที่น่ารังเกียจของเขา นางหัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยการหัวเราะเยาะตัวเอง “ข้าต้องทำอย่างไรจึงจะไม่ใช่คนที่แสร้งเล่นละครในสายตาท่านพ่อ?” คือต้อง ‘เชื

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 12

    นางใช้ร่างกายที่ผอมบางรับแส้ที่อยู่ข้างหลังทั้งเช่นนี้เวินฉางอวิ้นก้มมอง พลางเฆี่ยนตีอย่างไร้ความปรานี ราวกับต้องการเฆี่ยนกระดูกของเวินซื่อให้แหลกทั้งร่างเวินซื่อรู้สึกถึงความเจ็บแล้วแต่น่าเสียดาย ความเจ็บบนร่างกายไม่สามารถเทียบกับความเจ็บในก้นบึ้งหัวใจดังนั้นแส้ของเวินฉางอวิ้นไม่เพียงไม่สามารถเฆี่ยนกระดูกของเวินซื่อแหลก กลับกันยิ่งทำให้ความเกลียดชังที่โกรธแค้นในใจนางควบแน่นมากขึ้นต่อให้ต้องตาย นางก็จะไม่ละเว้นเวินเยวี่ยกับทุกคนในสกุลเวินเด็ดขาด!ห้าสิบทีไม่ขาดไม่เกินแม้แต่ทีเดียวตอนที่เวินฉางอวิ้นเฆี่ยนครั้งสุดท้าย ผิวหนังบนหลังของเวินซื่อปริแตกและมีเลือดไหลนานแล้ว เสื้อผ้าท่อนบนของนางถูกย้อมเป็นสีแดงและเปียกโชกด้วยเลือดเวินฉางอวิ้นมองเลือดที่หยดลงมาจากแส้ แล้วมองเวินซื่อที่ไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย และยืนหยัดไม่ล้มจนถึงแส้สุดท้ายแวบหนึ่งไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกจุกในอกอย่างน่าประหลาดเวินฉางอวิ้นที่ไม่ต้องการอยู่ดูอีก โยนแส้ให้คนรับใช้ หลังจากขมวดคิ้ว กล่าวทิ้งท้ายประโยคหนึ่ง “เจ้าลองพิจารณาตัวเองอยู่ที่นี่ให้ดี” จากนั้นก็พาคนรับใช้ไปจากโถงบรรพชนแล้วทันทีที่เขาไป

Bab terbaru

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 562

    “อ๊า!”ในยามวิกาล ไม่ว่าใครก็ตามที่จู่ๆ ได้มาเห็นภาพเช่นนี้ ย่อมตกใจจนขวัญหนีดีฝ่ออันหลันซินก็เป็นเช่นนั้น ตกใจเสียจนกรีดร้องออกมา ทั้งคนหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น ศีรษะยังกระแทกเข้ากับโต๊ะอีกด้วยเสียงดังโครมครามทำให้คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเข้ามาทันที“ปัง!”“เกิดอะไรขึ้น?!”สาวใช้และองครักษ์หลายคนพังประตูเข้ามา เมื่อเห็นอันหลันซินล้มลงไปกองอยู่กับพื้น พวกเขาก็รีบกวาดตามองไปรอบๆ ทันที แต่น่าเสียดายที่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ“ผะ...ผี! มีผีอยู่บนหลังคา!”อันหลันซินในเวลานี้ยังคงคิดว่านั่นเป็นผีจริงๆ ตกใจเสียจนไม่กล้ามองอีก ได้แต่ยกมือขึ้นชี้ไปยังหลังคาอย่างสั่นเทาแต่เมื่อเหล่าสาวใช้และองครักษ์เงยหน้ามองขึ้นไป กลับไม่เห็นสิ่งใดเลยเหล่าองครักษ์ถึงกับออกไปข้างนอก แล้วปีนขึ้นไปตรวจดูบนหลังคาโดยตรงแต่กลับไม่พบอะไรเลยเหล่าสาวใช้และองครักษ์ที่คอยจับตาดูอันหลันซินต่างพากันคิดไปว่า นี่คงเป็นกลอุบายอะไรสักอย่างที่อันหลันซินคิดขึ้นมาเพื่อหลอกตาการเฝ้าระวังของพวกเขา ดังนั้น แต่ละคนจึงแสดงสีหน้าเย็นชา“คุณหนูอัน ทางที่ดีท่านควรจะสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าเล่นลูกไม้อะไรอีก มิฉะนั้นพวกเราจะทำต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 561

    “รอข้า อาซื่อ ข้าจะกลับไปหาเจ้าอย่างแน่นอน”“พวกสารเลวสมควรตายพวกนั้น อย่าหวังว่าจะมาขวางข้าได้!”ก่อนหน้านี้ อันหลันซินพอนึกถึงหลินเนี่ยนฉือทีไร ก็แทบอยากจะถลกหนังนาง ดื่มเลือดนางเสียให้รู้แล้วรู้รอดตอนนี้ นางก็มีคนที่เกลียดชังในระดับเดียวกันเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้วนั่นก็คือเป่ยเฉินหยวน!บุรุษสารเลวสมควรตายผู้นั้น!กล้ามาหลอกลวงนาง แถมยังกล้าโยนนางมาทิ้งที่ลู่โจวอีกกระทั่งสั่งให้หนิงหย่วนโหวผู้นั้นส่งคนมาคอยจับตาดูนางตลอดเวลาอีก!หากไม่ใช่เพราะการจัดการเหล่านี้ของเขา ป่านนี้นางกลับไปหาอาซื่อได้ตั้งนานแล้วแต่เป็นเพราะเขา อันหลันซินหนีไปได้ครั้งหนึ่งก็ถูกจับกลับมาครั้งหนึ่ง หนีไปสิบครั้งก็ถูกจับกลับมาสิบครั้ง!ทุกครั้งยังไม่ทันหนีพ้นเขตลู่โจว ก็ถูกหนิงหย่วนโหวผู้นั้นส่งคนมาตามจับตัวกลับไปอีก!ไม่ว่าจะเป็นไอ้สารเลวที่ชอบยุ่งไม่เข้าเรื่องคนนี้ หรือไอ้บุรุษชั่วช้าที่กล้าหลอกลวงนางก็ตาม ล้วนสมควรตาย สมควรตาย สมควรตาย!แต่แน่นอนว่าคนที่นางเกลียดที่สุดก็ยังคงเป็นหลินเนี่ยนฉือกล้าฉวยโอกาสตอนที่นางไม่อยู่ข้างกายอาซื่อ กลับเมืองหลวงไปอย่างกะทันหัน!ตอนนี้ อันหลันซินพอนึกขึ้นได้ว่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 560

    นางย่อมรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่เหมาะกับการเข้าวัง แต่สกุลหลินต้องการโอกาสเช่นนี้อีกทั้ง…หลินเนี่ยนฉือมองเวินซื่อที่นั่งอยู่ข้างเตียง นางเม้มปากเบาๆผู้หญิงแปดในสิบทั่วหล้าล้วนอยากเป็นฮองเฮาอย่างไรก็ตามนั่นเป็นถึงมารดาแห่งแผ่นดินแต่อยากเป็นฮองเฮาก็ต้องเสียสละหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งอย่างแรกก็คืออิสระและเดิมทีนางก็เป็นที่ใฝ่หาความอิสระแต่ถ้าหากสามารถใช้อิสระของตัวเองแลกกับโอกาสที่ตระกูลจะได้กลับคืนสู่เมืองหลวง และสิทธิ์ในการปกป้องคนที่อยากปกป้อง เช่นนั้นนางก็ยินดีทิ้งอิสระของตัวเองดังนั้นแม้หลินเนี่ยนฉือจะบ่นต่อหน้าเวินซื่อมากมาย แต่กลับไม่เคยพูดว่าไม่อยากเป็นฮองเฮานางรู้ดี อาซื่อต้องยืนข้างนางแน่นอนแต่นางไม่อยากให้อาซื่อเป็นห่วงนางทำได้ก็แค่อิสรภาพเล็กน้อย ไม่มีอะไรที่เสียสละไม่ได้หลินเนี่ยนฉือคิดเช่นนี้ และยิ่งหนักแน่นในความคิดของตัวเองเวินซื่อหันกลับไปมองตาของนาง แม้หลินเนี่ยนฉือไม่อยากให้นางเป็นห่วง แต่นางจะไม่ห่วงเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเองได้อย่างไร?ก็เพราะรู้จักนางดี ดังนั้นจึงยิ่งเป็นห่วงแต่สิ่งที่เวินซื่อไม่รู้คือ ยังเร็วเกินไปที่จะกังวลเรื่องพวกนี้ เพ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 559

    เวินซื่อมองสีหน้าพ่อบ้านหลานแวบหนึ่ง หลังจากนั้นถอนหายใจเบาๆหลังจากเยี่ยมชมหอหนังสือ สถานที่สุดท้ายที่พ่อบ้านหลานพานางมาคือโถงบรรพชนของสกุลหลานทันทีที่เข้าไปข้างใน พ่อบ้านหลานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาทิ้งตัวคุกเข่าลงพื้น ก็โขกศีรษะ ‘ปังๆๆ’ แรงๆ“นายท่าน ฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า…บ่าวกลับมาแล้ว!”“บ่าวพาคุณหนูกลับมาแล้ว!”คุณหนูน้อย ลูกสาวของคุณหนู สายเลือดของสกุลหลานนางจะสืบทอดสกุลหลาน กลายเป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปของสกุลหลาน! พ่อบ้านหลานบอกคนสกุลหลานอย่างสะอึกสะอื้นในใจ บอกทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเวินซื่อสุดท้ายพ่อบ้านหลานกล่าวในใจ ‘นายท่าน ฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า มีคุณหนูน้อยอยู่ พวกท่านสามารถตายตาหลับแล้ว’เดิมทีเวินซื่อเดินเข้าไปอยากจุดธูป แต่เมื่อมองไปที่โต๊ะ ทุกอย่างชื้นจนขึ้นราหมดแล้วจุดธูปไม่ได้แล้วเวินซื่อหมุนกายไปคุกเข่าลงบนฟุกที่อยู่หน้าโต๊ะป้ายวิญญาณ หลังจากโขกศีรษะเหมือนพ่อบ้านหลาน นางค่อยๆ ลุกขึ้น มองดูป้ายวิญญาณเหล่านั้น พูดเพียงประโยคเดียว…“หวังว่าท่านบรรพชนทั้งหลายจะคุ้มครองหลานสาว สามารถเปลี่ยนแซ่อย่างราบรื่น รอหลังจากเปลี่ยนแซ่เวินเป็นแซ่หลาน สกุลหลานก็มีลูกส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 558

    ทั้งสองคนหนึ่งหมุนกายก็วิ่ง ส่วนอีกคนชักดาบไล่ตามขณะที่กำลังจะตามทันอยู่แล้ว จู่ๆ ก็มีสุนัขดุหลายตัวกระโจนใส่เป่ยเฉินหยวนวินาทีต่อมา เสียง “ฉึก” ดังขึ้นหลายครั้ง…หัวสุนัขหลายตัวหล่นลงพื้นหลังจากจัดการสุนัขดุพวกนั้นแล้ว ตอนที่เป่ยเฉินหยวนเงยหน้าอีกครั้ง กู่อี้ซานก็ได้หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วส่วนลูกน้องที่เหลือสามคนของเขา สองคนโดนฆ่า อีกคนโดนธนูยิงท้อง ล้มอยู่บนพื้น อยู่ห่างจากความตายไม่ไกลก็หลังจากกองทัพธงดำจัดการสุนัขดุพวกนั้นหมดแล้ว เกาเย่าเข้าไปจับตัวคนต่างแคว้นที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วยื่นมือไปถอดหน้ากากของอีกฝ่าย“ท่านอ๋อง เป็นผู้หญิงต่างแคว้น”แม้ใบหน้าของอีกฝ่ายถูกทำลายนานแล้ว แต่เมื่อลองสังเกตรายละเอียดต่างๆ ก็สามารถระบุเพศของอีกฝ่ายได้สีหน้าเป่ยเฉินหยวนเย็นชากว่าเขาเสียอีก เสียงก็เย็นราวกับน้ำค้างแข็ง ออกคำสั่งอย่างความไร้ปรานี “พากลับไป ทรมานจนกว่าจะพูด”“ขอรับ!”หนีไปได้หนึ่งคนไม่เป็นไร อย่างไรเสียสายลับจากต่างแดนในเมืองหลวงถูกเขาฆ่าจนเหลือแค่ไม่กี่คนแล้วต่อให้กู่อี้ซานหนีไปได้ ก็ไม่สามารถทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ใดๆเขาแค่กำลังคิดว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 557

    สีหน้าที่อยู่ใต้หน้ากากของกู่อี้ซานไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สงบ “ไม่รู้ว่าที่อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพูดหมายความว่าอย่างไร สายลับเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนอะไร พวกเราไม่เคยมี”ไม่ต้องให้เป่ยเฉินหยวนพูด วินาทีต่อมาก็มีลูกธนูแหวกอากาศพุ่งเข้ามาอีกครั้ง“ฟิ้ว!”ครั้งนี้กู่อวี้ซานที่เตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว หลบลูกธนูพ้นโดยตรง วินาทีต่อมา ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังเขาก็กรีดร้อง“อ๊า!”กู่อี้ซานหันกลับไปมอง ลูกน้องโดนยิงตายอีกหนึ่งคนสีหน้ากู่อี้ซานดูน่าเกลียดมาก“ขอแนะนำว่าคิดให้ดีก่อนค่อยตอบ ไม่เช่นนั้นตอบผิดหนึ่งครั้ง ลูกน้องของเจ้าก็จะน้อยลงหนึ่งคน”เกาเย่ากวาดมองคนที่เหลือแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างเย้ยหยัน “รอทุกคนตายหมดแล้ว เจ้าก็ต้องไปพบกับพวกเขาแล้ว”“ต่ำช้าไร้ยางอาย!”กู่อี้ซานกัดฟันกล่าวด่าทอแต่ปรากฏว่า…“ฉึก!”“อ๊า!”ตายอีกคนม่านตาของกู่อี้ซานที่ด่าหนึ่งคนก็ตายหนึ่งคนหดฉับพลัน เกาเย่าถอนหายใจ “บอกแล้วไม่ใช่หรือ คิดให้ดีก่อนค่อยตอบ”กู่อี้ซานกำหมัดแน่นทันทีตอนนี้ข้างหลังเขาเหลือแค่ลูกน้องสามคนแล้วทั้งสามก้าวถอยหลังด้วยความกลัว ขณะเดียวกันก็มองไปทางหัวหน้าข

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 556

    ทันทีที่เวินซื่อไป เวินเฉวียนเซิ่งก็รีบเชิญหมอหลวงหลี่และหมอหลวงอีกหลายท่านมาขอพวกเขาช่วยยื้อชีวิตเวินฉางอวิ้นให้ผ่านสองชั่วยามนี้ด้วยทุกวิถีทางโชคดีที่หมอหลวงหลี่และคนอื่นก็ไม่ได้มีแค่ชื่อด้วยความร่วมมือของพวกเขา เวินฉางอวิ้นที่เดิมทีขาข้างหนึ่งได้ก้าวเข้าสู่ประตูนรกแล้ว ก็โดนพวกเขายื้อชีวิตได้เกินสองชั่วยามจนได้และโชคดีที่ครั้งนี้เวินซื่อไม่ได้หลอกเวินเฉวียนเซิ่งหลังจากนั้นสองชั่วยาม ยาถูกส่งมาได้อย่างทันเวลาพอดีหมอหลวงหลี่เปิดกล่อง หลังจากเห็นบัวหิมะที่อยู่ในนั้นก็หันไปพยักหน้าให้เวินเฉวียนเซิ่งแต่เวินเฉวียนเซิ่งยังไม่วางใจ “ลองตรวจบัวหิมะนี่ก่อน”เห็นได้ชัดว่าเขากลัวเวินซื่อทำอะไรกับบัวหิมะนี่ผลลัพธ์ยังคงเป็นเช่นเดิม…“ไม่มีปัญหา สามารถใช้ได้”หมอหลวงคนอื่นพากันโล่งอก “เช่นนั้นก็ดี รีบเอาบัวหิมะนี่ไปทำยาเถอะ เสียเวลาไม่ได้แล้ว!”เพื่อให้บัวหิมะที่หามาด้วยความยากลำบากนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด หมอหลวงทั้งหลายแทบจะต้มยาด้วยตัวเองหลังจากนั้นก็นำยาไปป้อนให้เวินฉางอวิ้นอย่างระมัดระวัง“ใต้เท้าเจิ้งกั๋วกง ตอนนี้มียาที่ใส่บัวหิมะนี้ เพียงพอที่จะยืดเวลาให้คุณชายใหญ่อีกสั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 555

    ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ตัดสินใจไม่ได้สักทีดังนั้นจึงยิ่งรู้สึกผิดต่อเวินเยวี่ย ก็เลยตามใจนางจนถึงทุกวันนี้เวินเฉวียนเซิ่งกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ “เจ้ามองออกทุกอย่าง ดังนั้นเจ้าจึงเอายาในมือของเจ้ามาขู่ข้าครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถหายาอย่างอื่นได้แล้วจริงๆ หรือ?”“ใต้เท้าเจิ้นกั๋วกงเป็นคนกว้างขวาง ย่อมสามารถหายาอย่างอื่นนอกจากที่ข้ามี แต่ท่านยังมีเวลาหรือไม่?”แทบจะทันทีที่สิ้นเสียงของเวินซื่อ เสียงรายงานที่ตื่นตระหนกของพ่อบ้านดังมาจากข้างหลังเวินเฉวียนเซิ่ง…“แย่แล้ว แย่แล้ว! ท่านกั๋วกง คุณชายใหญ่อาเจียนเลือดอีกแล้ว!”“ท่านกั๋วกง ท่านรีบไปดูหน่อยเถอะ เกรงว่าคุณชายใหญ่น่าจะทนได้อีกไม่นานแล้ว!”ยันต์เร่งชีวิต กำลังเร่งชีวิตของเวินฉางอวิ้น ขณะเดียวกันก็เร่งชีวิตของเวินเฉวียนเซิ่งด้วย เขาเวลานี้ราวกับเข้าใจความรู้สึกของเจ้าสามที่ตัดสินใจก่อนหน้านี้ทันทีสำหรับเวินซื่อที่อยู่ตรงหน้า เขารู้สึกถึงแรงกดดันอย่างรุนแรงนางเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆและยังเคยเป็นลูกสาวของเขาแต่ตอนนี้กลับเทียบได้กับพวกจิ้งจอกเฒ่าในราชสำนักไม่สิ บางทีอาจต้องพูดว่านางเทียบได้กับเขา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 554

    สีหน้าเวินเฉวียนเซิ่งไร้อารมณ์แทบจะทันทีที่หลังจากเวินซื่อกล่าวคำพูดประโยคนั้น อากาศระหว่างทั้งสองหยุดนิ่งโดยตรงเวินซื่อไม่ได้พูดอะไรอีกเวินเฉวียนเซิ่งก็ไม่ได้พูดเขาเอาแต่จ้องเวินซื่อด้วยสายตาเย็นชาผ่านไปครู่หนึ่งเวินเฉวียนเซิ่งจึงจะกล่าวอย่างใจเย็น “เจิ้นกั๋วกงให้กำเนิดเจ้า เลี้ยงเจ้า ต่อให้ข้ากับพวกพี่ชายของเจ้าทำผิดไปบ้าง แต่บุญคุณให้กำเนิดยิ่งใหญ่กว่าดิน บุญคุณเลี้ยงดูยิ่งใหญ่กว่าฟ้า เจ้าจะเปลี่ยนแซ่ เจ้าไม่รู้สึกผิดต่อข้า ไม่รู้สึกผิดต่อพวกพี่ๆ ของเจ้า และบรรพชนของสกุลเวินหรือ?”เวินเฉวียนเซิ่งอ้าปากก็บุญคุณให้กำเนิดและเลี้ยงดู หวังใช้บุญคุณกดดันนางแต่เวินซื่อกลับตอบเขาอย่างสงบ “ผู้ที่มีบุญคุณให้กำเนิดของข้าคือท่านแม่ หลานจื่อจวินอดีตคุณหนูใหญ่ของสกุลหลาน ดังนั้นต่อให้ข้าออกมาจากสกุลเวิน เหตุใดถึงไม่สามารถเปลี่ยนเป็นแซ่หลาน?”“อย่าลืมเสียล่ะ ก่อนหน้านี้ท่านเจิ้นกั๋วกงยังตั้งใจว่าจะไม่ให้ข้าแซ่ ‘เวิน’ อีกเลย”เวินซื่อมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างจะยิ้มไม่ยิ้ม “ทำไม ลืมคำพูดที่ตัวเองเคยพูดเร็วเช่นนี้เลย?”เวินเฉวียนเซิ่งหัวเราะเบาๆ และแสดงสีหน้าที่เสแสร้งจอมปลอมทันที “ตอนน

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status