Share

บทที่ 10

Author: จิ้งซิง
“พวกท่านกล่าวถูกต้อง ข้าไม่ใช่น้องสาวของข้า และข้าก็ไม่ได้ใจดีเหมือนนาง ทุกคนที่เคยรังแกข้าและเคยเหยียดหยามข้า ข้าจะเอาคืนให้หมด”

น้ำเสียงของเวินซื่อเย็นชา นางมองชุยเส้าเจ๋อ จากนั้นก็เอ่ยคำพูดที่ชาติก่อนนางนึกเสียใจนับครั้งไม่ถ้วนที่ไม่อาจเอ่ยออกมาต่อหน้าผู้คนด้วยปากของตัวเอง...

“ชุยเส้าเจ๋อ ท่านอยากถอนหมั้นไม่ใช่หรือ? ได้ ข้าตกลง และไม่ต้องให้ท่านตกลงเงื่อนไขใด ๆ ด้วย เพียงแต่ว่าหลังจากนี้ไป ข้าเวินซื่อไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับจวนจงหย่งโหวของพวกท่านอีกต่อไปแล้ว!”

เมื่อสิ้นคำพูดของนาง ทั่วทั้งงานก็เงียบกริบ

แม้แต่ชุยเส้าเจ๋อก็อดตกตะลึงไม่ได้

ยะ....ยอมตกลงเช่นนี้เลย?

เขานึกว่าเรื่องการถอนหมั้นในวันนี้จะไม่มีทางราบรื่นเป็นอันขาด

เขานึกว่าเวินซื่อคงไม่ยินยอมง่าย ๆ

นึกว่าเวินซื่อจะตามตื๊อ จะร้องไห้โวยวาย...

ก่อนจะมาชุยเส้าเจ๋อเคยคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยคิดก็คือเวินซื่อจะยอมตกลงง่ายดายเช่นนี้จริง ๆ

ไม่สิ ก็ไม่ถือว่าง่ายดาย

นางยังตบเขาหนึ่งฉาดด้วย

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชุยเส้าเจ๋อที่รู้สึกเสียหน้าก็ทำหน้าเคร่งขรึมทันที

เขาลูบแก้มที่แสบร้อนของตัวเอง มองเวินซื่ออย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “เห็นว่าเจ้ายังรู้จักดูสถานการณ์ คนใจกว้างเช่นข้าจะไม่ถือสาเจ้าเรื่องฝ่ามือนี้ แต่ทางที่ดีเจ้าจำเอาไว้ว่าต่อไปหากเจ้ากล้าตามตื๊อข้า หรือว่าเล่นลูกไม้อะไรกับน้องเยวี่ยเอ๋อร์อีก ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เป็นอันขาด!”

“ปัง!”

เสียงฟาดโต๊ะอย่างหนักหน่วงพลันดังขึ้นจากตรงตำแหน่งที่นั่งของประธานพิธี

เวินเฉวียนเซิ่งค่อย ๆ ลุกขึ้น กวาดตามองพวกเขาสองคนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

“พูดจบหรือยัง?”

เวินซื่อหลุบตา เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ลูกพูดจบแล้วเจ้าค่ะ ที่เหลือท่านพ่อโปรดตัดสินใจเถิด”

นางรู้ว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์วุ่นวายในวันนี้ ต่อให้เวินเฉวียนเซิ่งให้เกียรติหลานชายอย่างชุยเส้าเจ๋ออีกแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นและเลิกแล้วต่อกันเช่นนี้

เป็นไปตามที่คาดไว้เลย วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยปาก

“ในเมื่อเจ้าคิดดีแล้ว เช่นนั้นเรื่องการหมั้นหมายนี้ก็สิ้นสุดลงเพียงแค่นี้ วันพรุ่งนี้จะคืนของหมั้นให้กัน”

เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นชุยเส้าเจ๋อหรือว่าเวินหย่าลี่ สองแม่ลูกคู่นี้ล้วนมีสีหน้าปีติยินดี

“แต่ว่า...”

เวินเฉวียนเซิ่งทองมองไปที่ชุยเส้าเจ๋อด้วยสายตากดดันถึงที่สุด “ถอนหมั้นได้ แต่ขอแต่งงานไม่ได้”

“ท่านลุง!”

ชุยเส้าเจ๋อร้อนใจแล้ว “แต่ข้ากับน้องเยวี่ยเอ๋อร์มีใจให้กัน ท่านไม่อาจ...”

“เหลวไหล!”

“หุบปากสุนัขของเจ้าไปเสีย!”

“เจ้าอย่าพูดให้ร้ายน้องหกนะ!”

เวลานี้ชุยเส้าเจ๋อบอกว่ามีใจให้กัน เช่นนั้นก็เป็นการยอมรับว่าเวินเยวี่ยล่อลวงคู่หมั้นพี่สาวของตนเองจริง ๆ ไม่ใช่หรือ?

พวกเวินจื่อเฉินมีปฏิกิริยาเร็วสุด ตวาดเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยวขัดคำพูดของชุยเส้าเจ๋อทันที

แม้แต่เวินเยวี่ยก็อดไม่ได้ลอบด่าในใจอย่างลับ ๆ ว่า ‘โง่เง่า’

หลังจากที่ถูกตัดบท ชุยเส้าเจ๋อก็ตระหนักได้ว่าตนกล่าวผิดไปแล้ว จึงรีบหุบปาก

แต่ถ้าเกิดเขาไม่ต่อสู้เช่นนี้ แล้วเขากับน้องเยวี่ยเอ๋อร์จะทำอย่างไร?

ชุยเส้าเจ๋ออดส่งสายตาไปหามารดาของตนเองเพื่อขอความช่วยเหลือไม่ได้

เวินหย่าลี่รู้สึกปวดใจแทนบุตรชาย ทำได้เพียงเอ่ยปากพูดอึกอักอย่างระมัดระวังว่า “พี่ใหญ่ ท่านก็รู้ว่าความจริงแล้วข้าชอบเยวี่ยเอ๋อร์มากมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้น...”

นางยังไม่ทันกล่าวจบ สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งก็ทำให้นางหุบปากในพริบตา

“เยวี่ยเอ๋อร์ไม่เลว แต่ว่าชุยเส้าเจ๋อนับเป็นอะไรได้?”

บุตรสาวของเขาเวินเฉวียนเซิ่งต่อให้โง่งมชั่วร้ายอีกเพียงใด ก็ไม่ถึงตาให้ชุยเส้าเจ๋อมาเหยียดหยามต่อหน้าผู้คน

คำพูดที่ชุยเส้าเจ๋อกล่าวในวันนี้ดูเหมือนด่าทอแค่เวินซื่อ แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับการท้าทายบารมีของจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว

วันนี้คนที่เขาดูหมิ่นคือเวินซื่อ วันหน้าเกรงว่าคงจะเหยียบศีรษะของเวินเฉวียนเซิ่งแล้ว

ถอนหมั้นแล้วขอแต่งงานกับอีกคน เห็นสกุลเวินเป็นสวนหลังบ้านของเขาหรือไร?

เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “วันนี้เห็นแก่หน้าของจงหย่งโหว ข้าจะยังไม่ถือสาเอาความมากกว่านี้”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เวินหย่าลี่ก็ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกทันที

เพียงแต่นางเป็นฮูหยินของจงหย่งโหวผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อถูกพี่ใหญ่หักหน้าต่อหน้าผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ ในใจก็ตำหนิอยู่บ้างอย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้

นางไม่กล้าตำหนิพี่ใหญ่ของตนเอง และไม่อย่าโทษบุตรชายของตนเอง ถึงอย่างไรบุตรชายแค่ไม่อยากแต่งงานกับสตรีชั่วช้าเท่านั้น เขามีความผิดอะไร?

คนที่มีความผิดคือเวินซื่อ!

ทั้งหมดต้องโทษนางแพศยาผู้นี้

น่ารังเกียจเหมือนมารดาของนางจริง ๆ!

“เอาละ เริ่มงานเลี้ยงเถิด”

แม้วันนี้จะได้เห็นเรื่องครึกครื้นใหญ่โต แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นเจิ้นกั๋วกง ใครจะกล้าหัวเราะสกุลเวินได้จริง ๆ?

ในเมื่อเวินเฉวียนเซิ่งยังจัดงานเลี้ยงต่อได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน บรรดาแขกเหรื่อย่อมไปนั่งลงบนที่นั่งด้วยความเกรงใจ

ทว่าสุดท้ายบรรยากาศในนั้นยังคงอึดอัดเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดลง แขกทุกคนจากไปหมดแล้ว...

“มาที่ห้องหนังสือ”

เวินเฉวียนเซิ่งทิ้งคำพูดนี้ไว้ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินจากไป

เขาไม่ได้เรียกชื่อใคร แต่ไม่มีใครกล้าไม่ไป

หนึ่งเค่อต่อมา พี่น้องสกุลเวินยืนรวมกันอยู่ในห้องหนังสือของเวินเฉวียนเซิ่ง

เมื่อเห็นเวินเฉวียนเซิ่งถือพู่กันเขียนคำว่า ‘สงบ’ ลงไปหลาย ๆ ตัว ทุกคนล้วนไม่กล้าส่งเสียงอยู่ชั่วขณะ

บรรยากาศภายในห้องหนังสือเงียบสนิทอย่างยิ่ง

“เวินซื่อ”

เวินซื่อไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ตนเองถูกเรียกชื่อเป็นคนแรก

นางก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ท่านพ่อ”

“เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?”

เวินเฉวียนเวินโยนพู่กันลงบนโต๊ะ คราบหมึกหยดลงมาเปื้อนตัวอักษรคำว่า ‘สงบ’ นั้น

เป็นคำพูดประโยคนี้อีกแล้ว

เวินซื่อรู้สึกเหมือนหัวใจหนาวเหน็บ

นางหลุบตาเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “เจ้าค่ะ ลูกผิดไปแล้ว”

เวินเฉวียนเซิ่งไม่ใช่เวินฉางอวิ้น

ท่านเจิ้นกั๋วกงที่มีอำนาจสูงส่งมาหลายปีผู้นี้ไม่สนใจว่าเจ้าจะได้รับความคับข้องใจอะไรหรือไม่

ขอเพียงทำให้สกุลเวินอับอายขายหน้า ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็มีความผิด

อ่อไม่สิ ยกเว้นเวินเยวี่ยที่เป็นไข่มุกในมือของเขานะ

ชาติที่แล้ว ต่อให้เวินเยวี่ยก่อความวุ่นวายข้างนอกมากมายเพียงใด เขาก็จะช่วยสะสางให้นาง ถึงขนาดที่งอเข่าโน้มตัวเอ่ยกับเวินเยวี่ยด้วยน้ำเสียงที่เวินซื่อไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า...

“เจ้าเป็นบุตรสาวของเวินเฉวียนเซิ่ง ใครก็รังแกเจ้าไม่ได้”

ครั้งหนึ่งในอดีตเมื่อนางได้ยินคำพูดนี้ นางอยากบอกเวินเฉวียนเซิ่งมากว่าตนเองก็เป็นบุตรสาวของเขาเช่นกัน เหตุใดเมื่อนางถูกรังแก เขากลับไม่สนไยดีเลย?

หรือว่าเวินเยวี่ยเป็นบุตรสาวของเขา ส่วนนางไม่นับหรือ?

เวินซื่อที่ย้อนนึกถึงตอนนั้นก็หลับตาลง กำหมัดแน่น ใช้ความเจ็บปวดทำให้ตนเองกลับมามีสติแจ่มชัด

“วันนี้ลูกถูกถอนหมั้นต่อหน้าผู้คน ทำให้สกุลเวินอับอายขายหน้า และยังตบหน้าซื่อจื่อของจวนจงหย่งโหวอย่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอีก จนทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลอาจได้รับผลกระทบเพราะเหตุนี้ได้”

เวินซื่อกล่าวพลางคุกเข่าลงดัง ‘ตุบ’ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ก่อนจะเอ่ยปากด้วยใบหน้าเย็นชาว่า “ดังนั้นท่านพ่อไม่จำเป็นต้องลำบากใจ ลูกขอรับโทษตามกฎตระกูลเฆี่ยนห้าสิบที ใช้บทลงโทษนี้มาไถ่โทษ ขอท่านพ่อโปรดช่วยทำให้สมหวังด้วย”

“เฆี่ยนห้าสิบที?”

“เวินซื่อ เจ้าจะฆ่าตนเองหรือไร?!”

ทุกคนในห้องหนังสือพากันตกใจ

เวินจื่อเฉินที่เดิมทียังไม่กล้าส่งเสียงก็ตกตะลึงจนเผลอส่งเสียงดัง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (8)
goodnovel comment avatar
Duangchan Horthong
สนุกอยากอ่านตอนต่อไป
goodnovel comment avatar
นาวี อมฤกษ์
เราโง้ขนาดนี้
goodnovel comment avatar
วัชราภรณ์ แสนศรี
โง่จริงพี่ชายนางเอก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 11

    เวินฉางอวิ้นแสดงสีหน้าที่ไม่เห็นด้วยกฎประจำตระกูลของสกุลเวินไม่ใช่แส้ทั่วไป แต่เป็นแส้เหล็กที่สั่งทำพิเศษ เฆี่ยนตีห้าสิบที ชายวัยกลางคนยังต้องนอนพักสิบวันถึงครึ่งเดือน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนาง?ในดวงตาของเวินเยวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ เต็มไปด้วยความสุขคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเวินซื่อจะรนหาที่ตายเอง!นางต้องลองคิดดูว่า จะให้ท่านพ่อตอบตกอย่างไรดี แค่ท่านพ่อตอบตกลง เฆี่ยนห้าสิบที สามารถทำให้เวินซื่อเหลือแค่ครึ่งชีวิตแน่นอน!แต่สิ่งที่เวินเยวี่ยยิ่งคาดคิดไม่ถึงคือ นางไม่จำเป็นต้องลงมือ ตอนที่เวินเฉวียนเซิ่งถามเวินซื่อ นางกลับรนหาที่ตายเองอีกครั้ง“เจ้าเอาจริงหรือ?”เวินเฉวียนเซิ่งก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเวินซื่อจะเป็นคนเสนอขอรับโทษเอง อีกทั้งยังเป็นการลงโทษที่หนักเช่นนี้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกถึงอุบายที่เวินซื่อใช้ชิงความโปรดปรานในยามปกติ เขาหรี่ตาแล้วเตือน“ข้าเกลียดคนที่เล่นละครต่อหน้าข้าที่สุด”เมื่อเวินซื่อเงยหน้าก็ประสานกับสายตาที่น่ารังเกียจของเขา นางหัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยการหัวเราะเยาะตัวเอง “ข้าต้องทำอย่างไรจึงจะไม่ใช่คนที่แสร้งเล่นละครในสายตาท่านพ่อ?” คือต้อง ‘เชื

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 12

    นางใช้ร่างกายที่ผอมบางรับแส้ที่อยู่ข้างหลังทั้งเช่นนี้เวินฉางอวิ้นก้มมอง พลางเฆี่ยนตีอย่างไร้ความปรานี ราวกับต้องการเฆี่ยนกระดูกของเวินซื่อให้แหลกทั้งร่างเวินซื่อรู้สึกถึงความเจ็บแล้วแต่น่าเสียดาย ความเจ็บบนร่างกายไม่สามารถเทียบกับความเจ็บในก้นบึ้งหัวใจดังนั้นแส้ของเวินฉางอวิ้นไม่เพียงไม่สามารถเฆี่ยนกระดูกของเวินซื่อแหลก กลับกันยิ่งทำให้ความเกลียดชังที่โกรธแค้นในใจนางควบแน่นมากขึ้นต่อให้ต้องตาย นางก็จะไม่ละเว้นเวินเยวี่ยกับทุกคนในสกุลเวินเด็ดขาด!ห้าสิบทีไม่ขาดไม่เกินแม้แต่ทีเดียวตอนที่เวินฉางอวิ้นเฆี่ยนครั้งสุดท้าย ผิวหนังบนหลังของเวินซื่อปริแตกและมีเลือดไหลนานแล้ว เสื้อผ้าท่อนบนของนางถูกย้อมเป็นสีแดงและเปียกโชกด้วยเลือดเวินฉางอวิ้นมองเลือดที่หยดลงมาจากแส้ แล้วมองเวินซื่อที่ไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย และยืนหยัดไม่ล้มจนถึงแส้สุดท้ายแวบหนึ่งไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกจุกในอกอย่างน่าประหลาดเวินฉางอวิ้นที่ไม่ต้องการอยู่ดูอีก โยนแส้ให้คนรับใช้ หลังจากขมวดคิ้ว กล่าวทิ้งท้ายประโยคหนึ่ง “เจ้าลองพิจารณาตัวเองอยู่ที่นี่ให้ดี” จากนั้นก็พาคนรับใช้ไปจากโถงบรรพชนแล้วทันทีที่เขาไป

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 13

    หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม เวินซื่อก็มายืนอยู่ในห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันการเข้าวังหลวงของนาง สามารถกล่าวได้ว่าเรียบง่ายและสบายมากเพราะในมือของนางยังมียันต์คุ้มภัยอีกชิ้นที่ท่านแม่เหลือไว้ให้นาง…นั่นก็คือป้ายคำสั่งที่อดีตฮ่องเต้ประทานชาติที่แล้วป้ายคำสั่งชิ้นนี้ถูกบ่าวไพร่ที่คอยรับใช้ข้างกาย หรือก็คือชุนเซียงขโมยไปให้เวินเยวี่ย จนทำให้นางจนหนทางโชคดีที่นางเกิดใหม่ในชาตินี้ ป้ายคำสั่งยังไม่ถูกขโมยดังนั้นนางจึงสามารถอาศัยป้ายคำสั่งของอดีตฮ่องเต้ มายืนอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้หนุ่มองค์นี้ “หม่อมฉันเวินซื่อ ถวายบังคมฝ่าบาท”“เวินซื่อ? เราจำได้ว่าเจ้าคือลูกสาวคนที่ห้าของเจิ้นกั๋วกงใช่หรือไม่?”ฮ่องเต้ที่นั่งอยู่ด้านหลังของโต๊ะทรงพระอักษรวางฎีกาลง แล้วมองเวินซื่อที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแวบหนึ่งฮ่องเต้องค์นี้คือพระราชโอรสองค์ที่เก้าของอดีตฮ่องเต้ ขณะขึ้นครองราชย์มีพระชนมายุเพียงสิบเอ็ดชันษา ต่อให้เป็นปัจจุบันก็มีพระชนมายุเพียงสิบห้าชันษาแม้อายุเท่ากับเวินซื่อ แต่ความน่าเกรงขามบนร่างกายที่สวมชุดมังกรของเขาทำให้ไม่สามารถมองข้าม และถึงขั้นให้ความรู้สึกกดขี่อย่างคลุมเครือเวินซื่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 14

    ช่างเถอะ ไม่ว่าจะเห็นแก่ใคร ตราบใดที่มีโอกาสก็พอ“ฝ่าบาทโปรดชี้แนะด้วยเพคะ”เวินซื่อกล่าวอย่างนอบน้อมฮ่องเต้น้อยลุกขึ้น เดินไปที่ตรงหน้าเวินซื่อ แล้วคืนป้ายคำสั่งให้นาง“ในช่วงสองปีมานี้ ทางใต้ของแคว้นเกิดภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง ราษฎรทุกข์ร้อน เราค่อนข้างกังวล จำเป็นต้องมีใครสักคน คอยอธิษฐานขอพรให้แคว้นและราษฎรจากใจจริง”“หม่อมฉันยินดีเพคะ!”เวินซื่อตอบตกลงทันทีฮ่องเต้น้อยกลับส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม “เจ้ายินดียังไม่พอ อารามสุ่ยเยว่บนภูเขาหนานที่อยู่นอกเมืองหลวง ผู้ดูแลอารามคือซือไท่ที่มีคุณธรรมและบุญบารมีสูงส่ง ถ้าหากซือไท่ท่านนั้นก็เห็นด้วยเช่นกัน เราจะตอบตกลงเจ้า” “เพคะ ขอบพระทัยฝ่าบาท!”“อย่าเพิ่งด่วนขอบคุณ ถ้าหากซือไท่ไม่เห็นด้วย เราจะไม่อนุโลมเจ้า”กล่าวจบ ฮ่องเต้น้อยก็โบกมือ “ไปเถอะ เรารอข่าวจากเจ้า”สำหรับเวินซื่อ ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกอื่นแล้วดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ขอแค่สามารถไปจากสกุลเวิน ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ นางก็จะลองดูสักตั้งในตอนที่เวินซื่อหมุนกายเตรียมจากไป จู่ๆ ฮ่องเต้น้อยก็เรียกนางอีก“รอก่อน”เวินซื่อหยุดฝีเท้า หันกลับไปมองด้วยความสงสัยเมื่อเห็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 15

    ก่อนหน้านี้ เวินซื่อที่เสียเลือดมากเกินไป คุกเข่าอยู่ในห้องทรงพระอักษรเพียงแค่ครู่เดียวก็เกิดอาการหน้ามืดเล็กน้อยตอนนางลุกขึ้นจะกลับแต่นางอดกลั้นไม่ได้เสียมารยาทต่อหน้าฮ่องเต้ เดิมทีคิดว่าจะไปพักผ่อนในรถม้าสักเดี๋ยว แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่เดินออกจากห้องทรงอักษรพระก็ภาพตรงหน้าก็มือไป เห็นข้างหน้าไม่ชัดเจน ครู่ต่อมาที่เต๋อกงกงอุทานว่า “อ๋องผู้สำเร็จราชการแทน” ก็ชนโดนใครคนหนึ่งอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน?หลังจากถูกประคอง เวินซื่อปลายกัดลิ้นตัวเองทีหนึ่งแรง ๆ เมื่อรู้สึกเจ็บ สมองก็แจ่มชัดขึ้นมากเมื่อเงยหน้าเห็นว่าคนที่ประคองนางเป็นใคร ต่อให้ใบหน้าที่เฉยเมยนั้นจะหล่อเหลาเพียงใด นางยังตกใจจนหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มผมสีเงินที่เป็นเอกลักษณ์นั่น ทั้งราชวงศ์ต้าหมิงมีใครไม่รู้จัก?นี่ก็คือเทพสงครามที่สังหารผู้คนนับไม่ถ้วน อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนแห่งราชสำนัก…เป่ยเฉินหยวน“หม่อมฉันเสียมารยาท อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนโปรดอภัยด้วยเพคะ”เวินซื่อรีบยืนตัวตรง คำนับอย่างนอบน้อมแน่นอนว่าสิ่งที่นางกลัวไม่ใช่ฉายาเทพสังหารของอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน อย่างไรเสีย ปัจจุบันราชวงศ์ต้าหมิงสามารถสงบสุขเช่นนี้ ล้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 16

    ฮ่องเต้น้อยกล่าวอย่างยิ้มแย้ม“แต่ม่อโฉวซือไท่จุกจิกมาก เราว่าเป็นไปได้มากที่นางต้องกลับมาพร้อมกับความผิดหวัง”บททดสอบที่ฮ่องเต้น้อยมอบให้เวินซื่อฟังดูง่าย แต่ทุกคนที่เคยใกล้ชิดม่อโฉวซือไท่รู้ดี ม่อโฉวซือไท่แห่งอารามสุ่ยเยว่เป็นคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนหัวโบราณและดื้อรั้น อย่าว่าแต่ฮ่องเต้น้อยเลย ต่อให้เป็นอดีตฮ่องเต้ยืนอยู่ตรงหน้านาง ก็ไม่คิดไว้หน้าเลยถ้าหากนางรู้สึกว่าเวินซื่อไม่ผ่าน เช่นนั้นเวินซื่อก็ไม่มีโอกาสเด็ดขาดดังนั้นฮ่องเต้น้อยจึงมั่นใจว่า เวินซื่อไปอารามสุ่ยเยว่แล้วต้องผิดหวังแน่นอน ถ้าหากสามารถทำให้นางล้มเลิกความคิดออกบวชเป็นชีได้ก็ยิ่งดีอย่างไรเสียเขาก็ไม่ค่อยอยากส่งลูกสาวของท่านอาหลานไปเป็นแม่ชีนักแม้กล่าวเช่นนี้ แต่เมื่อเป่ยเฉินหยวนนึกถึงตอนที่นางหนูน้อยล้มลงแล้วลุกขึ้นอีกครั้ง แม้ร่างกายยังคงแบกรับความเจ็บปวด กลับไม่โอนเอน และยังคงเดินจากไปอย่างแน่วแน่ เขาไม่ได้ปฏิเสธหรือเห็นด้วยกับคำพูดของฮ่องเต้น้อยเวลานี้เวินซื่อยังไม่รู้ว่าโอกาสที่นางได้รับนี้ ความจริงแล้วมีความหวังไม่มากนักแต่ต่อให้นางรู้ นางก็ไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาดในรถม้า เวินซื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 17

    “ซือไท่กับท่านพ่อของข้า?”เมื่อเวินซื่อได้ยินเช่นนี้ ตะลึงงันครู่หนึ่งเสี่ยวเต๋อจื่อเหมือนกำลังคุยเล่นเรื่องที่น่าสนใจ พลางชื่นชมพระอาทิตย์ขึ้นที่อยู่ซ้ายมือ พลางกล่าวกับเวินซื่อ“เรื่องนี้พูดถึงก็น่าสนใจ เมื่อก่อนม่อโฉวซือไท่ไม่เคยลงเขา และน้อยครั้งที่จะออกจากอารามซุ่ยเยว่ แต่ในปีที่คุณหนูห้าเกิด ม่อโฉวซือไท่สั่งให้คนส่งของขวัญแสดงความยินดีไปที่จวนเจิ้นกั๋วกง คนนอกจึงจะรู้ว่าที่แท้ม่อโฉวซือไท่ที่ไม่สนใจเรื่องทางโลกท่านนั้นรู้จักกับจวนเจิ้นกั๋วกง”“ทุกคนล้วนคิดว่าเพราะใต้เท้าเจิ้นกั๋วกง แต่หลังจากนั้นม่อโฉวซือไท่ก็ไม่เคยไปมาหาสู่กับจวนเจิ้นกั๋วกง กระทั่งวันที่ฮูหยินเจิ้นกั๋วกงป่วยหนักกำลังจะสิ้นใจ ม่อโฉวซือไท่รีบลงจากเขา และได้ส่งฮูหยินเจิ้นกั๋วกงครั้งสุดท้าย”“หลังจากฝังศพนาง ม่อโฉวซือไท่ด่าทอเจิ้นกั๋วกงว่าเป็นคนเนรคุณ ทำผิดต่อฮูหยินของเขาอย่างเกรี้ยวกราดต่อหน้าผู้คน อีกทั้งยังสาบานว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนของจวนเจิ้นกั๋วกงอีกเด็ดขาด”ตอนนั้นผู้คนจึงจะเข้าใจ ที่แท้คนที่ม่อโฉวซือไท่รู้จักไม่ได้เจิ้นกั๋วกง แต่รู้จักกับฮูหยินเจิ้นกั๋วกงเสี่ยวเต๋อจื่อกล่าวเบาๆ “คุณหนูห้า มารดาของท่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 18

    จื่อจวิน หลานจื่อจวิน คือชื่อจริงของแม่นางม่อโฉวซือไท่กับมารดาของนางรู้จักกันจริงๆ ด้วยเวินซื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิด คิดว่านางคือมารดา จึงโน้มตัวคำนับ “ข้าน้อยชื่อเวินซื่อ คำนับม่อโฉวซือไท่เจ้าค่ะ” ม่อโฉวซือไท่ชะงักสีหน้าของนางกลับมาเย็นชาและใจร้ายทันที นางหมุนกายถือกล้วยไม้เข้าไปในอีกด้านของลานกว้างบนชั้นวางไม้ที่มีกล้วยไม้ต่างๆ ยังมีที่ว่างอีกหนึ่งทีหลังจากวางกระถางกล้วยไม้ในอ้อมแขนที่ดูเหมือนเพิ่งผ่านการตกแต่งลงไป ม่อโฉวเอ่ยปากอย่างเย็นชา พูดย้ำคำพูดเมื่อครู่อีกหนึ่งรอบ“ที่นี่ไม่ใช่วิหารของอาราม หากสีกาต้องการสักการะ เดินออกไปแล้วเลี้ยวขวาก็จะถึง”เวินซื่อจุๆ ในใจซือไท่ท่านนี้อคติกับสกุลเวินมากจริงๆ ด้วยคำพูดนี้ฟังเหมือนบอกทาง แต่ไม่ต่างอะไรกับไล่คนเลย“ซือไท่ วันนี้ข้าน้อยไม่ได้มาที่นี่เพื่อสักการะ แต่มีเรื่องอยาก…”“ในเมื่อไม่ได้มาเพื่อสักการะ เช่นนั้นสีกาก็เชิญกลับเถอะ อารามซุ่ยเยว่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง ไม่เหมาะที่จะอยู่นาน”ก่อนที่เวินซื่อจะกล่าวจบ ม่อโฉวซือไท่ก็กล่าวขัดนางอย่างไม่เกรงใจแต่น่าเสียดาย วันนี้นางจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายเวินซื่อเ

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 510

    “อาซื่อ!”ดวงตาของหลินเนี่ยนฉือเป็นประกายขึ้นมาทันที พุ่งตัวเข้าไปหาเวินซื่อซึ่งกำลังก้าวเท้าเดินเข้ามาด้วยความดีใจ“อ๊ะ เดี๋ยวก่อน!”พอเวินซื่อเห็นท่าทางยกมือของนาง ก็พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าจึงเปลี่ยนไปวินาทีต่อมา นางยังไม่ทันได้ห้าม ก็ถูกหลินเนี่ยนฉือคว้าเอวแล้วยกตัวขึ้นกอด จากนั้นก็หมุนตัวอยู่กับที่หลายรอบ จนเวินซื่อตาลาย“ฮ่าๆ ฮ่าๆ อาซื่อ ในที่สุดก็ได้เจอเจ้าแล้ว! แยกกันนานขนาดนี้ข้าคิดถึงเจ้าใจจะขาดแล้ว เจ้าคิดถึงข้าบ้างหรือไม่ รีบพูดเร็วเข้า ถ้าไม่พูดข้าจะไม่ปล่อยเจ้าลง!”ความรู้สึกที่คุ้นเคย คนที่คุ้นเคยเวินซื่อโอบคอของหลินเนี่ยนฉือไว้ รีบเอ่ยขึ้น “คิดถึง คิดถึงสิ ต้องคิดถึงเจ้าอยู่แล้ว ดังนั้นรีบปล่อยข้าลงเถอะ หากเจ้าหมุนอีกสักสองรอบ ข้าได้อาเจียนออกมาจริงๆ แน่!”ปรากฏว่าหลินเนี่ยนฉือกลับหัวเราะเสียงดังพลางกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นก็หมุนอีกรอบ!”จากนั้นก็ยกเวินซื่อขึ้นหมุนอีกรอบหนึ่งด้วยความตื่นเต้น ไม่มากไม่น้อย กำลังพอดีทำให้นางพอใจ หมุนจนนางเวียนหัวตอนที่เท้าของเวินซื่อเหยียบลงถึงพื้น ขาก็อ่อนแรงไปหมดไม่ได้ถูกหลินเนี่ยนฉือจับหมุนเช่นนี้มานานแล้ว พอจู่ๆ ต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 509

    เมื่อก่อนมักจะมีคนพูดว่าเวินจื่อเยวี่ยนิสัยไม่ดี เป็นเพราะเขาและพี่รองซึ่งเป็นพี่ชายฝาแฝดของเขาถึงแม้จะหน้าตาเหมือนกัน แต่นิสัยกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงคนหนึ่งอารมณ์ร้อน ส่วนอีกคนกลับดูเศร้าหมองอยู่บ้างเมื่อก่อนนางแค่คิดว่าอาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ภายนอก อย่างไรเสีย ระหว่างเขากับเวินจื่อเฉินสองคนนั้น ก็มีดวงตาคู่หนึ่งที่แตกต่างกันดวงตาคู่นั้นเวลาที่มองไปยังผู้อื่น มักจะมีความรู้สึกมืดมนอย่างอธิบายไม่ถูกออกมาเสมอ เมื่อก่อนนางยังไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรแต่ตอนนี้ เมื่อดวงตาอันมืดมนคู่นั้นมองมาที่นาง หลินเนี่ยนฉือก็พลันบังเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้รู้ว่าเวินจื่อเยวี่ยทำเรื่องเหลวไหลมากมายถึงเพียงนั้น ทั้งยังคงมีท่าทีเชื่อมั่นว่าตนเองถูกต้อง หลินเนี่ยนฉือมีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่รู้สึกราวกับว่าตนเองแทบจะไม่รู้จักเวินจื่อเยวี่ยแล้ว“พอแล้ว ข้าไม่อยากจะพูดจาไร้สาระกับท่านอีกต่อไปแล้วจริงๆ เวินจื่อเยวี่ย”หลินเนี่ยนฉือข่มความรู้สึกไม่สบายใจนั้นไว้ ขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้น “ท่านทำตัวให้มันเด็ดขาดสมเป็นลูกผู้ชายหน่อยได้หรือไม่? หากไม่อยากถอนหมั้นกับข้า ก็ให้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 508

    “ท่านไม่เห็นด้วยก็ช่วยไม่ได้”หลินเนี่ยนฉือแค่นเสียงหัวเราะเยาะเบาๆ “ข้าไม่ได้มาเพื่อแจ้งให้ท่านทราบ เวินจื่อเยวี่ย”“ด้านล่างของหนังสือสัญญาหมั้นหมายคือหนังสือถอนหมั้น รอยนิ้วมือของข้าอยู่บนนั้น ถ้าเจ้าฉลาดพอ ก็ประทับรอยนิ้วมือลงไปเสีย นับจากนี้ไปเราสองคนต่างคนต่างอยู่ ข้าจะไปหาน้องหญิงอาซื่อของข้า ส่วนท่านก็ปกป้องน้องสาวบุตรนอกสมรสของท่านต่อไปเถอะ”“หลินเนี่ยนฉือ!”เวินจื่อเยวี่ยเดือดดาลอย่างยิ่ง เขาขยับเท้าหมายจะพุ่งเข้าไปหาหลินเนี่ยนฉือพรึ่บ!องครักษ์สองคนที่ถือดาบตรงเข้ามาขวางหน้าเวินจื่อเยวี่ย“ไสหัวออกไปเสีย!”เวินจื่อเยวี่ยถลึงตาใส่องครักษ์ทั้งสองอย่างดุร้าย “หากยังกล้าขวางข้าอีก ระวังข้าจะตัดหัวพวกเจ้าเสีย!”“ท่านกล้า!”สายตาของหลินเนี่ยนฉือเฉียบคม “องครักษ์สกุลหลินของข้าจงรักภักดีปกป้องนาย ไม่ถึงคราวที่คนนอกอย่างท่านจะมาจัดการพวกเขา!”“คนนอก?!”เวินจื่อเยวี่ยโมโหอย่างยิ่ง “เจ้าบอกว่าข้าเป็นคนนอกหรือ?!”“หรือว่าไม่ใช่?”หลินเนี่ยนฉือตอบโต้คำพูดของเขาอย่างไม่ปรานี “คนนอกอย่างข้าไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องภายในของจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่าน แล้วคนนอกอย่างท่านจะมีสิทธิ์อะ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 507

    “เพียะ!”หลินเนี่ยนฉือฟาดแส้ใส่เขาโดยตรงเวินจื่อเยวี่ยเกือบจะถูกแส้ม้าของนางฟาดเข้าที่ใบหน้าอีกครั้ง โชคดีที่ครั้งนี้เขาตอบสนองได้เร็ว จึงหลบได้ทันท่วงทีหลังจากหลบได้เขาก็กล่าวด้วยความโมโห “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ยังอยากจะตีอีกใช่หรือไม่?!”หลินเนี่ยนฉือถือแส้ม้าของนางไว้ พลางหรี่ดวงตาทั้งสองลง กล่าวเสียงเย็นชา “ใช่ ท่านพูดถูก เรื่องของจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่าน ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะเข้ามายุ่งจริงๆ ดังนั้น วันนี้นอกจากข้าจะมาตีท่านแล้ว ก็ยังมาเพื่อจัดการอีกเรื่องหนึ่งด้วย”“เหอะ เจ้าก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องมายุ่ง แล้วยังมีเรื่องอะไรอีกที่ต้องให้เจ้ามาจัดการ?”เวินจื่อเยวี่ยในขณะนี้ยังไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ ดังนั้น เมื่อหลินเนี่ยนฉือเอ่ยปากในวินาทีต่อมา เขาจึงเพิ่งจะรู้ตัวและเสียใจกับคำพูดเหล่านั้นหลินเนี่ยนฉือยกมือขึ้น ผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังก็ยื่นของสองอย่างให้หลังจากนางรับของมาแล้วก็ไม่แม้แต่จะมอง ก็โยนให้เวินจื่อเยวี่ยโดยตรง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เรื่องนี้จำเป็นต้องให้ข้ามาจัดการจริงๆ นั่นแหละ เพราะอย่างไรเสีย ข้าก็มาเพื่อถอนหมั้นกับท่าน”เมื่อเอ่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 506

    ประโยค “เข้าข้างพวกพ้องไม่สนเหตุผล” ของหลินเนี่ยนฉือ ทำเอาเวินจื่อเยวี่ยถึงกับพูดไม่ออกหลังจากนั้นครู่หนึ่งก็เค้นคำพูดออกมาได้ประโยคหนึ่ง “เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”หลินเนี่ยนฉือหัวเราะเยาะ “แล้วทำไมจะทำไม่ได้? เมื่อก่อนตอนที่ข้าช่วยท่านต่อยตีมันน้อยครั้งหรือไร? ไฉนเมื่อก่อนไม่เห็นท่านพูดเช่นนี้ ตอนนี้กลับมีหน้ามาพูดแล้วหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยถูกนางตอกกลับจนพูดไม่ออกอีกครั้งพูดกับเขามามากมายเช่นนี้แล้ว หลินเนี่ยนฉือก็เริ่มจะหมดความอดทน อีกประเดี๋ยวอาซื่ออาจจะมารับนางแล้ว นางคงต้องรีบจัดการให้เร็วขึ้นหน่อยดังนั้นนางจึงโบกมือด้วยความรำคาญ “เอาละ หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว ข้ารู้ว่าท่านก็แค่อยากจะพูดแทนบุตรนอกสมรสนั่น กลัวว่าข้าจะสั่งสอนนางล่ะสิ ก็ได้ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ได้มาเพื่อพูดคุยกับพวกท่านด้วยเหตุผลอยู่แล้ว ก็ทำให้มันง่ายๆ ไปเลย วันนี้ท่านอยากจะถูกตีแทนนางสักครั้ง หรืออยากจะถูกตีแทนนางสักสองครั้ง?”รับวันนี้เสร็จ พรุ่งนี้ก็ยังมีอีกอย่างไรเสีย ทุกวันที่นางอยู่ในเมืองหลวงก็จะมาตีนังบุตรนอกสมรสนั่นเวินจื่อเยวี่ยโกรธจนหน้าแดงก่ำ “ข้าบอกแล้วว่าอย่าพูดสามคำนั้นอีก หลินเนี่ยนฉือ เจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 505

    “ข้าเคยกลัวท่านตั้งแต่เมื่อใดกัน!”หลินเนี่ยนฉือเตะเขากระเด็นออกไปหลายเมตร จากนั้นก็ยืนอยู่ที่เดิม เชิดคางขึ้นแล้วแค่นเสียงเย็น “หากมีปัญญาก็ลองดูสิ มาดูกันว่าวันนี้ท่านจะล้มข้าลงได้ หรือจะเป็นข้าที่เล่นงานไอ้คนสารเลวอย่างท่าน!”“นังบ้า!”เวินจื่อเยวี่ยด่าทอด้วยความโมโห “เจ้ายังจะช่วยเวินซื่อนั่นอาละวาดไปถึงเมื่อไรกัน?!”“เพียะ!”หลินเนี่ยนฉือตอบโต้เขาด้วยการฟาดแส้อย่างรุนแรงหนึ่งครั้ง “ใครกันที่อาละวาด? ข้ากลับมาคราวนี้ก็เพื่อคิดบัญชีกับพวกท่าน วันนี้ไม่ท่านตาย ก็ต้องเป็นบุตรนอกสมรสที่ท่านปกป้องนั่นตาย!”“ดี! เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”เวินจื่อเยวี่ยสบถด่าในใจทันที จากนั้นก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ตอบโต้โดยตรง“ปัง! เพียะ! ...”เวินจื่อเยวี่ยมีความคล่องแคล่วว่องไว แต่หลินเนี่ยนฉือเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาแม้ว่าสกุลหลินจะเป็นตระกูลนักปราชญ์ แต่เมื่อหลายปีก่อนก็ได้เห็นจุดจบของสกุลหลานแล้ว และแตกต่างจากสกุลเวินที่นิ่งดูดาย พอท่านปู่หลินทราบข่าวก็รีบส่งคนไปช่วยเหลือทันที แต่น่าเสียดายที่ยังคงช้าไปก้าวหนึ่ง ไปไม่ทันแต่กลับได้เห็นสภาพศพเกลื่อนกลาด เลือดไหลนองจนเป็นสายธารของสกุลห

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 504

    “อ๊าก!”เวินจื่อเยวี่ยร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด จากนั้นจึงรู้สึกตัวและรีบหลบแส้ที่ฟาดลงมาอีกครั้ง“ไอ้คนตาบอดคนไหนกล้ามาตีข้า?!”เวินจื่อเยวี่ยจ้องมองไปยังคนที่ถือแส้ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียมในทันทีแต่เมื่อได้เห็นว่าเป็นใคร เวินจื่อเยวี่ยก็ยืนตกตะลึงอยู่กับที่ทันที“หลินเนี่ยนฉือ? เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”หลินเนี่ยนฉือถือแส้ม้าไว้ในมือ แค่นเสียงเย็นพลางเอ่ยขึ้น “ถ้าข้าไม่อยู่ที่นี่ แล้วไอ้หมาตาบอดอย่างท่านยังคิดจะช่วยบุตรนอกสมรสนั่นรังแกอาซื่อของข้าไปถึงเมื่อไรกัน?!”ตอนแรกที่เวินจื่อเยวี่ยเห็นหลินเนี่ยนฉือกลับมา ก็ยังรู้สึกยินดีอยู่บ้างถึงอย่างไรหลินเนี่ยนฉือก็เป็นคู่หมั้นของเขา ทั้งสองคนก็นับว่าเติบโตมาด้วยกันแต่เด็ก เป็นเพื่อนเล่นที่สนิทสนมกันตอนที่พวกเขาหมั้นหมายกันนั้น ก็เป็นเพราะว่าพวกเขาทั้งสองคนต่างมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ดังนั้น พอได้เห็นหลินเนี่ยนฉือที่ไม่ได้พบกันนาน ปฏิกิริยาแรกของเวินจื่อเยวี่ยก็ย่อมยินดีเป็นธรรมดาแต่ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อมาก็ได้ยินหลินเนี่ยนฉือที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ด่าทอเขาและน้องหกเวินจื่อเยวี่ยขมวดคิ้วทันที “ไม่ได้เจอกันมาครึ่ง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 503

    ขณะนี้หลินเนี่ยนฉือกำลังถือแส้ม้าไว้ในมือข้างหนึ่ง ด้านหนึ่งก็พิงตัวอยู่บนรถม้า เมื่อได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นมอง“พี่ใหญ่เวิน? เหตุใดท่านถึง...ดูอ่อนแอเช่นนี้?”เมื่อเห็นเวินฉางอวิ้นออกมา หลินเนี่ยนฉือเกือบคิดว่าตัวเองจำคนผิดเสียแล้วสีหน้าซีดเผือดนั่น ก้าวเดินอย่างอ่อนแรง...หากมิใช่เพราะนางคุ้นเคยกับพี่น้องทั้งสี่ของสกุลเวินเป็นอย่างดี คงคิดว่าเขาไม่ใช่เวินฉางอวิ้น แต่เป็นพี่สี่สกุลเวินที่ป่วยออดๆ แอดๆ มาตลอดทั้งปีเสียอีก?เวินฉางอวิ้นสะอึกกับคำว่า “อ่อนแอ” ของนาง ไอสองครั้ง หลังจากปรับลมหายใจให้เป็นปกติแล้ว จึงฝืนยิ้มกล่าวว่า “ช่วงนี้ป่วยนิดหน่อย สีหน้าเลยไม่ค่อยดี ทำให้เนี่ยนฉือต้องขบขันแล้ว”เขาอธิบายอย่างไม่ใส่ใจ ไม่ได้บอกความจริงว่าตัวเองถูกวางยาพิษจากนั้นเขาก็ถามว่า “จริงสิ เนี่ยนฉือมาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว เหตุใดถึงไม่ยอมเข้าไปข้างใน? ข้างนอกอากาศหนาว พี่ใหญ่สั่งให้คนเตรียมถ่านไฟไว้แล้ว มีเรื่องอะไรก็เข้าไปนั่งคุยกันข้างในดีหรือไม่?”เมื่อหลินเนี่ยนฉือเห็นท่าทางน่าสงสารของเขา ความโกรธที่สะสมมาก็อดไม่ได้ที่จะลดลงไปบ้างเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่อาจลดความรู้สึกไม่เป็นธร

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 502

    “ใครกัน? เมื่อครู่มีคนมาส่งเสียงดังเอะอะโวยวายที่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเรา!”“ไปๆๆ รีบไสหัวไปเสีย มิฉะนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!”หนึ่งในยามเฝ้าประตูถือกระบองจะเข้าไปไล่คน แต่ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อมา องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังหลินเนี่ยนฉือก็ชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นคมดาบสีขาวราวหิมะทหารยามที่เดิมทีท่าทางโกรธเกรี้ยวก็ตกใจ ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว กลืนน้ำลายแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน? กล้าดีอย่างไรมาชักดาบที่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วกง?!”“ข้าเห็นว่าบ่าวโง่อย่างพวกเจ้าหูหนวกตาบอด ฟังคำพูดของข้าไม่รู้เรื่อง หรือว่ายังจำหน้าข้าไม่ได้อีกหรือ?”หลินเนี่ยนฉือก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สายตาเฉียบคมกวาดมองทหารยามผู้นั้นทหารยามอีกคนพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมาในหัว ในที่สุดก็นึกออก รีบเข้าไปกล่าวด้วยความนอบน้อม “ข้าน้อยคารวะคุณหนูใหญ่หลิน สหายคนนี้เพิ่งมาใหม่ ไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่เคยเห็นหน้าคุณหนูใหญ่หลิน คุณหนูใหญ่หลินโปรดอภัย ข้าน้อยจะรีบเข้าไปแจ้งให้ทราบเดี๋ยวนี้!”เขารีบดึงสหายของตัวเองไปข้างหลัง แล้วบังคับให้คารวะพร้อมกัน“ถือว่าบ่าวอย่างเจ้า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status