Share

บทที่ 9

Author: จิ้งซิง
“ไม่ได้นะ!”

“ไม่มีทาง!”

แค่คำสาบานเดียวเท่านั้น เดิมที่นึกว่าชุยเส้าเจ๋อน่าจะรับปากได้ แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าชุยเส้าเจ๋อจะมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนั้น

สิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ คนที่มีปฏิกิริยารุนแรงเช่นเดียวกันยังมีอีกคน

“น้องหก?”

พวกเวินฉางอวิ้นมองไปทางเวินเยวี่ยด้วยความประหลาดใจ

เวินเยวี่ยมีสีหน้าแข็งทื่อ

เมื่อตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้นางยั้งสติไม่อยู่มากเกินไป นางจึงรีบเก็บงำอารมณ์ ฝืนยิ้มมุมปากพลางเอ่ยว่า “ไม่ใช่นะ...คือว่า ข้า...ข้าแค่รู้สึกว่าเงื่อนไขที่พี่หญิงเสนอออกมานี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมมากนัก หะ...หากต่อไปพี่เส้าเจ๋อเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเล่า? ดังนั้น พี่หญิงเหลือทางถอยให้ตนเองหน่อยไม่ดีกว่าหรือ?”

เวินฉางอวิ้นผู้เป็นพี่ใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าคำพูดนี้ของนางดูแปลกพิกลนิด ๆ

เวินจื่อเยวี่ยผู้เป็นพี่สามไม่มีปฏิกิริยาอะไร

เวินอวี้จือผู้เป็นพี่สี่กลับมองเวินเยวี่ยและมองชุยเส้าเจ๋ออย่างใคร่ครวญ

เทียบกับพวกเขาแล้ว เวินจื่อเฉินผู้เป็นพี่รองเชื่อในตัวเวินเยวี่ยโดยสิ้นเชิงว่ามีจิตใจบริสุทธิ์ เขาจึงไม่ได้คิดมากมายเช่นนั้น

“พอได้แล้วน้องหก ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงเวินซื่อ แต่ข้ากลับคิดว่าคำพูดของนางไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม”

เขาแค่นเสียงเย็น เหลือบมองชุยเส้าเจ๋ออย่างดูแคลน “ในเมื่อเจ้ารังเกียจบุตรสาวสกุลเวินของพวกเราถึงเพียงนั้นก็ตัดขาดให้สิ้นเรื่องไปเลย สาบานไปตรง ๆ ต่อหน้าท่านพ่อของข้า ต่อหน้าแขกเหรื่อมากมายในวันนี้ ต่อไปต่อให้เวินซื่ออยากตามตื๊อเจ้า สกุลเวินของพวกเราก็จะไม่อนุญาตเป็นอันขาด”

“พี่รอง...”

เวินเยวี่ยร้อนใจแล้ว แต่ชุยเส้าเจ๋อกลับร้อนใจยิ่งกว่านาง

“ไม่ได้ ข้าไม่กล่าวคำสาบานนี้!”

ชุยเส้าเจ๋อถลึงตาใส่เวินซื่ออย่างเหี้ยมโหด

เขาคิดว่าเวินซื่อจะต้องดูออกแล้วว่าเขามีใจให้น้องเยวี่ยเอ๋อร์ ดังนั้นถึงจงใจเสนอเงื่อนไขชั่วช้าเช่นนี้ออกมาเพื่อขัดขวางเขากับน้องเยวี่ยเอ๋อร์!

เหอะ

ต่อให้เป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้สตรีชั่วช้าผู้นี้ทำสำเร็จหรอก!

ชุยเส้าเจ๋อคิดถึงตรงนี้ ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวพลันพรั่งพรูขึ้นมาในใจ

เขาประสานมืออีกครั้งแล้วเอ่ยกับเวินเฉวียนเซิ่งโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยว่า “ท่านลุง นอกจากการเรื่องถอนหมั้นเรื่องแรกนี้แล้ว หลายยังมีคำขออีกอย่าง หวังว่าท่านลุงจะช่วยทำให้สมหวังได้”

“คำขอของเจ้าช่างเยอะเหลือเกิน”

เวลานี้เวินเฉวียนเซิ่งมองออกถึงเงื่อนงำจากในปฏิกิริยาตอบสนองของเขากับเวินเยวี่ยแล้ว

เขาหรี่ตาสองข้าง นิ้วมือเคาะโต๊ะ ไม่เอ่ยวาจาอะไร

เวินหย่าลี่เห็นก็รู้ว่าพี่ชายของนางโกรธเกรี้ยวแล้ว

นางแทบอยากจะรีบดึงชุยเส้าเจ๋อลงไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่ตอนนี้ความคิดของชุยเส้าเจ๋อมีเพียงเวินเยวี่ยเท่านั้น ไฉนเลยจะยอมฟังคำเกลี้ยกล่อมของมารดาเขา?

เขาสลัดมือของมารดาเขาอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวคำพูดที่เหลือออกมาทั้งหมดในเฮือกเดียว “ขอร้องท่านลุง ชาตินี้ข้าอยากแต่งงานกับสตรีเพียงนางเดียว นั่นก็คือน้องเยวี่ยเอ๋อร์! ดังนั้นขอร้องท่านลุงโปรดยินยอมให้ข้าถอนหมั้นกับเวินซื่อ เพื่อให้ข้ากับเยวี่ยเอ๋อร์สมหวังด้วยขอรับ!”

เมื่อคำพูดนี้ของเขาออกมา พี่น้องสกุลเวินในงานพากันหน้าเปลี่ยนสี

“ชุยเส้าเจ๋อ เจ้ากล้า!”

เวินจื่อเฉินเดือดดาล

เวินฉางอวิ้นเอ่ยโน้มน้าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “น้องเส้าเจ๋อ บุตรีสกุลเวินของพวกเราไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้เจ้ามาหยามเกียรติได้ตามใจชอบหรอกนะ!”

แม้กระทั่งเวินจื่อเยวี่ยกับเวินอวี้จือสองคนก็มีสายตาไม่พอใจเช่นกัน

ท่าทางหวั่นไหวและปกป้องคนใกล้ชิดของแต่ละคนดูดีกว่าเมื่อครู่นี้มากเลย

เวินซื่อหัวเราะหยัน

เวินจื่อเฉินที่อยู่ทางด้านข้างบังเอิญเห็นฉากนี้พอดีก็คิดไม่ถึงว่านางยังจะหัวเราะออกมาได้

“เจ้ายังหน้าไม่อายหัวเราะอีกหรือ?! ข้าขอถามเลยนะเวินซื่อ เจ้าเป็นบุตรีสกุลเวินของพวกเราแน่หรือ? ดูสิว่าคู่หมั้นของเจ้ารังแกเจ้าต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้จนกลายเป็นอันใดไปแล้ว? เจ้าควบคุมเขาให้ดี ๆ ไม่ได้หรือ?”

“ข้าไม่กล้าควบคุมหรอก พี่รองไม่ได้ยินคำพูดของเขาหรือ? สตรีที่คู่หมั้นของข้าอยากแต่งงานด้วยในชาตินี้มีเพียงน้องสาวแสนดีของข้าเท่านั้น ว่าไปแล้วช่างรักมั่นเสียจริง เจ้าว่าใช่หรือไม่ น้องหก?”

เวินซื่อกล่าวพลางยิ้มจนดวงตาโค้ง สีหน้าของนางคล้ายกับไม่แยแสเลยสักนิดเดียว ถึงขนาดที่ยังทีท่าทางทอดถอนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างมากด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อคำพูดเหล่านี้เข้าไปในหูของคนอื่น ก็มีคนค่อย ๆ เข้าใจความนัย

ในบรรดาแขกที่มาวันนี้ มีหลายคนเป็นฮูหยินขุนนางที่คุ้นชินกับการแก่งแย่งชิงดีและวางอุบายชั่วร้ายกันในเรือนหลัง

เรื่องน้องสาวล่อลวงคู่หมั้นพี่สาวอะไรเช่นนี้พบเห็นได้ไม่น้อยในเมืองหลวงนี้

หากเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์จริง ๆ ควรรู้จักรักษาระยะห่างที่ควรมีกับคู่หมั้นของพี่สาวบ้างถึงจะถูก

แต่เมื่อครู่นี้ทุกคนล้วนมองเห็นชัดเจนว่าตอนที่เวินซื่อยังไม่มาที่เรือนหน้า เวินเยวี่ยกับชุยเส้าเจ๋อก็พูดคุยหัวเราะกันตลอด ดูใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก

ก่อนหน้านี้ทุกคนคิดตามจิตใต้สำนึกว่าเป็นเพียงความสัมพันธ์สนิทสนมระหว่างลูกพี่ลูกน้องเท่านั้นเอง

ทว่าตอนนี้มีเหตุการณ์ที่ชุยเส้าเจ๋อก่อขึ้นมาเช่นนั้น แล้วนึกโยงถึงคำพูดของเวินซื่ออีกที ชั่วขณะหนึ่งผู้คนไม่น้อยมองไปทางเวินเยวี่ยด้วยสายตาที่มีนัยแอบแฝงลึกซึ้ง

เวินเยวี่ยที่สัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบด้านเปลี่ยนไปก็แทบจะกัดฟันหัก

สมควรตาย!

เหตุใดนางแพศยาผู้นี้ถึงฉลาดขึ้นมาแล้ว?

ก่อนหน้าโง่เง่าเหมือนหมู ถูกนางเล่นอยู่ในมือมาโดยตลอด

แต่วันนี้นางแพศยาผู้นี้รับมือไม่ง่ายเลยอย่างเห็นได้ชัด

หรือว่ามีผู้สูงส่งอะไรคอยชี้แนะอยู่ข้างหลัง?

เวินเยวี่ยเม้มปากเล็กน้อย

ต่อให้เป็นเช่นนี้ คนโง่ก็เป็นคนโง่

ขอเพียงบิดากับพวกพี่ชายยืนอยู่ฝั่งนาง เวินซื่อผู้นั้นก็ไม่มีวันมีโอกาสพลิกสถานการณ์กลับมาได้เด็ดขาด!

ชาติที่แล้วข้าช่างโง่งมเหลือเกิน

เวินซื่อที่สัมผัสได้เช่นเดียวกันว่าบรรยากาศรอบด้านเปลี่ยนไปก็ด่าทอตนเองในใจด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจ

ชาติก่อนนางถูกชุยเส้าเจ๋อถอนหมั้นต่อหน้าผู้คน เวลานั้นนางสะเทือนใจมากเกินไปจนไม่อาจยอมรับได้ นางจึงขอร้องอย่างขมขื่นต่อหน้าแขกเหรื่อทุกคนเพื่อที่จะชนะใจชุยเส้าเจ๋อกลับมา แต่สิ่งที่ได้รับมาคือสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจและความดูแคลนของชุยเส้าเจ๋อ

เขากล่าวว่า “ข้าชุยเส้าเจ๋อเป็นคนที่เปิดเผยโปร่งใส สิ่งที่รังเกียจที่สุดก็คือลูกไม้สกปรกพวกนั้น เวินซื่อเจ้าฝ่าฝืนข้อห้ามของข้า ไม่คู่ควรเป็นภรรยาของข้านานแล้ว”

หลังจากนั้นมา นางก็กลายเป็นที่ขบขันของทั้งเมืองหลวงในชั่วข้ามคืนเพราะคำพูดนี้ของชุยเส้าเจ๋อ

เวลานี้ได้กลับมามีชีวิตใหม่ เวินซื่อได้เลือกหนทางใหม่แล้ว

หลังจากที่ไม่ยึดติดกับสิ่งของที่ไม่ใช่ของนางแล้ว ที่แท้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเรียบง่ายมากนัก

“เวินซื่อ เจ้าพอได้แล้ว!”

ชุยเส้าเจ๋อทำหน้าทะมึน “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับน้องเยวี่ยเอ๋อร์ ข้าอยากถอนหมั้นกับเจ้า เจ้ามีคำพูดอะไรก็พูดกับข้าสิ! แต่ถ้าเจ้าอยากให้ข้าเปลี่ยนความคิด เช่นนั้นข้าขอบอกเจ้าว่า...”

เขาใช้น้ำเสียงรังเกียจที่สุดเอ่ยออกมาทีละคำ “เจ้า อย่า หวัง!”

“เพียะ!”

เสียงตบหน้าดังลั่นไปทั่วทั้งงาน

ทุกคนมองเวินซื่อที่อยู่บนปะรำพิธีอย่างตกตะลึง แม้แต่พวกเวินฉางอวิ้นที่เป็นพี่ชายก็ไม่อยากจะเชื่อภาพเบื้องหน้าอยู่บ้าง

ใคร ๆ ก็รู้ว่าเวินซื่อชอบชุยเส้าเจ๋อมาก

นางตามก้นชุยเส้าเจ๋าต้อย ๆ มาตั้งแต่เด็ก ใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากโตขึ้นไว ๆ เพื่อจะได้แต่งงานกับพี่เส้าเจ๋อของนาง

แต่ตอนนี้เวินซื่อกลับตบชุบเส้าเจ๋อ?

“เวินซื่อ! เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เจ้ามีสิทธิอะไรมาตบบุตรชายของข้า!”

เวินหย่าลี่เป็นคนแรกที่ได้สติกลับมา ร้องเสียงดังด้วยอารมณ์รุนแรง ก่อนจะยกมือขึ้นฟาดไปที่หน้าของเวินซื่อ

แต่วินาทีถัดมาก็ถูกเวินซื่อจับข้อมือไว้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Chanamon Chanudon
มีไหวพริบในการช่วยตนเอง
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 10

    “พวกท่านกล่าวถูกต้อง ข้าไม่ใช่น้องสาวของข้า และข้าก็ไม่ได้ใจดีเหมือนนาง ทุกคนที่เคยรังแกข้าและเคยเหยียดหยามข้า ข้าจะเอาคืนให้หมด” น้ำเสียงของเวินซื่อเย็นชา นางมองชุยเส้าเจ๋อ จากนั้นก็เอ่ยคำพูดที่ชาติก่อนนางนึกเสียใจนับครั้งไม่ถ้วนที่ไม่อาจเอ่ยออกมาต่อหน้าผู้คนด้วยปากของตัวเอง...“ชุยเส้าเจ๋อ ท่านอยากถอนหมั้นไม่ใช่หรือ? ได้ ข้าตกลง และไม่ต้องให้ท่านตกลงเงื่อนไขใด ๆ ด้วย เพียงแต่ว่าหลังจากนี้ไป ข้าเวินซื่อไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับจวนจงหย่งโหวของพวกท่านอีกต่อไปแล้ว!”เมื่อสิ้นคำพูดของนาง ทั่วทั้งงานก็เงียบกริบแม้แต่ชุยเส้าเจ๋อก็อดตกตะลึงไม่ได้ ยะ....ยอมตกลงเช่นนี้เลย?เขานึกว่าเรื่องการถอนหมั้นในวันนี้จะไม่มีทางราบรื่นเป็นอันขาด เขานึกว่าเวินซื่อคงไม่ยินยอมง่าย ๆนึกว่าเวินซื่อจะตามตื๊อ จะร้องไห้โวยวาย...ก่อนจะมาชุยเส้าเจ๋อเคยคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยคิดก็คือเวินซื่อจะยอมตกลงง่ายดายเช่นนี้จริง ๆไม่สิ ก็ไม่ถือว่าง่ายดาย นางยังตบเขาหนึ่งฉาดด้วย เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชุยเส้าเจ๋อที่รู้สึกเสียหน้าก็ทำหน้าเคร่งขรึมทันที เขาลูบแก้มที่แสบร้อนของตัวเอง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 11

    เวินฉางอวิ้นแสดงสีหน้าที่ไม่เห็นด้วยกฎประจำตระกูลของสกุลเวินไม่ใช่แส้ทั่วไป แต่เป็นแส้เหล็กที่สั่งทำพิเศษ เฆี่ยนตีห้าสิบที ชายวัยกลางคนยังต้องนอนพักสิบวันถึงครึ่งเดือน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนาง?ในดวงตาของเวินเยวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ เต็มไปด้วยความสุขคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเวินซื่อจะรนหาที่ตายเอง!นางต้องลองคิดดูว่า จะให้ท่านพ่อตอบตกอย่างไรดี แค่ท่านพ่อตอบตกลง เฆี่ยนห้าสิบที สามารถทำให้เวินซื่อเหลือแค่ครึ่งชีวิตแน่นอน!แต่สิ่งที่เวินเยวี่ยยิ่งคาดคิดไม่ถึงคือ นางไม่จำเป็นต้องลงมือ ตอนที่เวินเฉวียนเซิ่งถามเวินซื่อ นางกลับรนหาที่ตายเองอีกครั้ง“เจ้าเอาจริงหรือ?”เวินเฉวียนเซิ่งก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเวินซื่อจะเป็นคนเสนอขอรับโทษเอง อีกทั้งยังเป็นการลงโทษที่หนักเช่นนี้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกถึงอุบายที่เวินซื่อใช้ชิงความโปรดปรานในยามปกติ เขาหรี่ตาแล้วเตือน“ข้าเกลียดคนที่เล่นละครต่อหน้าข้าที่สุด”เมื่อเวินซื่อเงยหน้าก็ประสานกับสายตาที่น่ารังเกียจของเขา นางหัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยการหัวเราะเยาะตัวเอง “ข้าต้องทำอย่างไรจึงจะไม่ใช่คนที่แสร้งเล่นละครในสายตาท่านพ่อ?” คือต้อง ‘เชื

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 12

    นางใช้ร่างกายที่ผอมบางรับแส้ที่อยู่ข้างหลังทั้งเช่นนี้เวินฉางอวิ้นก้มมอง พลางเฆี่ยนตีอย่างไร้ความปรานี ราวกับต้องการเฆี่ยนกระดูกของเวินซื่อให้แหลกทั้งร่างเวินซื่อรู้สึกถึงความเจ็บแล้วแต่น่าเสียดาย ความเจ็บบนร่างกายไม่สามารถเทียบกับความเจ็บในก้นบึ้งหัวใจดังนั้นแส้ของเวินฉางอวิ้นไม่เพียงไม่สามารถเฆี่ยนกระดูกของเวินซื่อแหลก กลับกันยิ่งทำให้ความเกลียดชังที่โกรธแค้นในใจนางควบแน่นมากขึ้นต่อให้ต้องตาย นางก็จะไม่ละเว้นเวินเยวี่ยกับทุกคนในสกุลเวินเด็ดขาด!ห้าสิบทีไม่ขาดไม่เกินแม้แต่ทีเดียวตอนที่เวินฉางอวิ้นเฆี่ยนครั้งสุดท้าย ผิวหนังบนหลังของเวินซื่อปริแตกและมีเลือดไหลนานแล้ว เสื้อผ้าท่อนบนของนางถูกย้อมเป็นสีแดงและเปียกโชกด้วยเลือดเวินฉางอวิ้นมองเลือดที่หยดลงมาจากแส้ แล้วมองเวินซื่อที่ไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย และยืนหยัดไม่ล้มจนถึงแส้สุดท้ายแวบหนึ่งไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกจุกในอกอย่างน่าประหลาดเวินฉางอวิ้นที่ไม่ต้องการอยู่ดูอีก โยนแส้ให้คนรับใช้ หลังจากขมวดคิ้ว กล่าวทิ้งท้ายประโยคหนึ่ง “เจ้าลองพิจารณาตัวเองอยู่ที่นี่ให้ดี” จากนั้นก็พาคนรับใช้ไปจากโถงบรรพชนแล้วทันทีที่เขาไป

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 13

    หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม เวินซื่อก็มายืนอยู่ในห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันการเข้าวังหลวงของนาง สามารถกล่าวได้ว่าเรียบง่ายและสบายมากเพราะในมือของนางยังมียันต์คุ้มภัยอีกชิ้นที่ท่านแม่เหลือไว้ให้นาง…นั่นก็คือป้ายคำสั่งที่อดีตฮ่องเต้ประทานชาติที่แล้วป้ายคำสั่งชิ้นนี้ถูกบ่าวไพร่ที่คอยรับใช้ข้างกาย หรือก็คือชุนเซียงขโมยไปให้เวินเยวี่ย จนทำให้นางจนหนทางโชคดีที่นางเกิดใหม่ในชาตินี้ ป้ายคำสั่งยังไม่ถูกขโมยดังนั้นนางจึงสามารถอาศัยป้ายคำสั่งของอดีตฮ่องเต้ มายืนอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้หนุ่มองค์นี้ “หม่อมฉันเวินซื่อ ถวายบังคมฝ่าบาท”“เวินซื่อ? เราจำได้ว่าเจ้าคือลูกสาวคนที่ห้าของเจิ้นกั๋วกงใช่หรือไม่?”ฮ่องเต้ที่นั่งอยู่ด้านหลังของโต๊ะทรงพระอักษรวางฎีกาลง แล้วมองเวินซื่อที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแวบหนึ่งฮ่องเต้องค์นี้คือพระราชโอรสองค์ที่เก้าของอดีตฮ่องเต้ ขณะขึ้นครองราชย์มีพระชนมายุเพียงสิบเอ็ดชันษา ต่อให้เป็นปัจจุบันก็มีพระชนมายุเพียงสิบห้าชันษาแม้อายุเท่ากับเวินซื่อ แต่ความน่าเกรงขามบนร่างกายที่สวมชุดมังกรของเขาทำให้ไม่สามารถมองข้าม และถึงขั้นให้ความรู้สึกกดขี่อย่างคลุมเครือเวินซื่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 14

    ช่างเถอะ ไม่ว่าจะเห็นแก่ใคร ตราบใดที่มีโอกาสก็พอ“ฝ่าบาทโปรดชี้แนะด้วยเพคะ”เวินซื่อกล่าวอย่างนอบน้อมฮ่องเต้น้อยลุกขึ้น เดินไปที่ตรงหน้าเวินซื่อ แล้วคืนป้ายคำสั่งให้นาง“ในช่วงสองปีมานี้ ทางใต้ของแคว้นเกิดภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง ราษฎรทุกข์ร้อน เราค่อนข้างกังวล จำเป็นต้องมีใครสักคน คอยอธิษฐานขอพรให้แคว้นและราษฎรจากใจจริง”“หม่อมฉันยินดีเพคะ!”เวินซื่อตอบตกลงทันทีฮ่องเต้น้อยกลับส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม “เจ้ายินดียังไม่พอ อารามสุ่ยเยว่บนภูเขาหนานที่อยู่นอกเมืองหลวง ผู้ดูแลอารามคือซือไท่ที่มีคุณธรรมและบุญบารมีสูงส่ง ถ้าหากซือไท่ท่านนั้นก็เห็นด้วยเช่นกัน เราจะตอบตกลงเจ้า” “เพคะ ขอบพระทัยฝ่าบาท!”“อย่าเพิ่งด่วนขอบคุณ ถ้าหากซือไท่ไม่เห็นด้วย เราจะไม่อนุโลมเจ้า”กล่าวจบ ฮ่องเต้น้อยก็โบกมือ “ไปเถอะ เรารอข่าวจากเจ้า”สำหรับเวินซื่อ ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกอื่นแล้วดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ขอแค่สามารถไปจากสกุลเวิน ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ นางก็จะลองดูสักตั้งในตอนที่เวินซื่อหมุนกายเตรียมจากไป จู่ๆ ฮ่องเต้น้อยก็เรียกนางอีก“รอก่อน”เวินซื่อหยุดฝีเท้า หันกลับไปมองด้วยความสงสัยเมื่อเห็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 15

    ก่อนหน้านี้ เวินซื่อที่เสียเลือดมากเกินไป คุกเข่าอยู่ในห้องทรงพระอักษรเพียงแค่ครู่เดียวก็เกิดอาการหน้ามืดเล็กน้อยตอนนางลุกขึ้นจะกลับแต่นางอดกลั้นไม่ได้เสียมารยาทต่อหน้าฮ่องเต้ เดิมทีคิดว่าจะไปพักผ่อนในรถม้าสักเดี๋ยว แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่เดินออกจากห้องทรงอักษรพระก็ภาพตรงหน้าก็มือไป เห็นข้างหน้าไม่ชัดเจน ครู่ต่อมาที่เต๋อกงกงอุทานว่า “อ๋องผู้สำเร็จราชการแทน” ก็ชนโดนใครคนหนึ่งอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน?หลังจากถูกประคอง เวินซื่อปลายกัดลิ้นตัวเองทีหนึ่งแรง ๆ เมื่อรู้สึกเจ็บ สมองก็แจ่มชัดขึ้นมากเมื่อเงยหน้าเห็นว่าคนที่ประคองนางเป็นใคร ต่อให้ใบหน้าที่เฉยเมยนั้นจะหล่อเหลาเพียงใด นางยังตกใจจนหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มผมสีเงินที่เป็นเอกลักษณ์นั่น ทั้งราชวงศ์ต้าหมิงมีใครไม่รู้จัก?นี่ก็คือเทพสงครามที่สังหารผู้คนนับไม่ถ้วน อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนแห่งราชสำนัก…เป่ยเฉินหยวน“หม่อมฉันเสียมารยาท อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนโปรดอภัยด้วยเพคะ”เวินซื่อรีบยืนตัวตรง คำนับอย่างนอบน้อมแน่นอนว่าสิ่งที่นางกลัวไม่ใช่ฉายาเทพสังหารของอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน อย่างไรเสีย ปัจจุบันราชวงศ์ต้าหมิงสามารถสงบสุขเช่นนี้ ล้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 16

    ฮ่องเต้น้อยกล่าวอย่างยิ้มแย้ม“แต่ม่อโฉวซือไท่จุกจิกมาก เราว่าเป็นไปได้มากที่นางต้องกลับมาพร้อมกับความผิดหวัง”บททดสอบที่ฮ่องเต้น้อยมอบให้เวินซื่อฟังดูง่าย แต่ทุกคนที่เคยใกล้ชิดม่อโฉวซือไท่รู้ดี ม่อโฉวซือไท่แห่งอารามสุ่ยเยว่เป็นคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนหัวโบราณและดื้อรั้น อย่าว่าแต่ฮ่องเต้น้อยเลย ต่อให้เป็นอดีตฮ่องเต้ยืนอยู่ตรงหน้านาง ก็ไม่คิดไว้หน้าเลยถ้าหากนางรู้สึกว่าเวินซื่อไม่ผ่าน เช่นนั้นเวินซื่อก็ไม่มีโอกาสเด็ดขาดดังนั้นฮ่องเต้น้อยจึงมั่นใจว่า เวินซื่อไปอารามสุ่ยเยว่แล้วต้องผิดหวังแน่นอน ถ้าหากสามารถทำให้นางล้มเลิกความคิดออกบวชเป็นชีได้ก็ยิ่งดีอย่างไรเสียเขาก็ไม่ค่อยอยากส่งลูกสาวของท่านอาหลานไปเป็นแม่ชีนักแม้กล่าวเช่นนี้ แต่เมื่อเป่ยเฉินหยวนนึกถึงตอนที่นางหนูน้อยล้มลงแล้วลุกขึ้นอีกครั้ง แม้ร่างกายยังคงแบกรับความเจ็บปวด กลับไม่โอนเอน และยังคงเดินจากไปอย่างแน่วแน่ เขาไม่ได้ปฏิเสธหรือเห็นด้วยกับคำพูดของฮ่องเต้น้อยเวลานี้เวินซื่อยังไม่รู้ว่าโอกาสที่นางได้รับนี้ ความจริงแล้วมีความหวังไม่มากนักแต่ต่อให้นางรู้ นางก็ไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาดในรถม้า เวินซื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 17

    “ซือไท่กับท่านพ่อของข้า?”เมื่อเวินซื่อได้ยินเช่นนี้ ตะลึงงันครู่หนึ่งเสี่ยวเต๋อจื่อเหมือนกำลังคุยเล่นเรื่องที่น่าสนใจ พลางชื่นชมพระอาทิตย์ขึ้นที่อยู่ซ้ายมือ พลางกล่าวกับเวินซื่อ“เรื่องนี้พูดถึงก็น่าสนใจ เมื่อก่อนม่อโฉวซือไท่ไม่เคยลงเขา และน้อยครั้งที่จะออกจากอารามซุ่ยเยว่ แต่ในปีที่คุณหนูห้าเกิด ม่อโฉวซือไท่สั่งให้คนส่งของขวัญแสดงความยินดีไปที่จวนเจิ้นกั๋วกง คนนอกจึงจะรู้ว่าที่แท้ม่อโฉวซือไท่ที่ไม่สนใจเรื่องทางโลกท่านนั้นรู้จักกับจวนเจิ้นกั๋วกง”“ทุกคนล้วนคิดว่าเพราะใต้เท้าเจิ้นกั๋วกง แต่หลังจากนั้นม่อโฉวซือไท่ก็ไม่เคยไปมาหาสู่กับจวนเจิ้นกั๋วกง กระทั่งวันที่ฮูหยินเจิ้นกั๋วกงป่วยหนักกำลังจะสิ้นใจ ม่อโฉวซือไท่รีบลงจากเขา และได้ส่งฮูหยินเจิ้นกั๋วกงครั้งสุดท้าย”“หลังจากฝังศพนาง ม่อโฉวซือไท่ด่าทอเจิ้นกั๋วกงว่าเป็นคนเนรคุณ ทำผิดต่อฮูหยินของเขาอย่างเกรี้ยวกราดต่อหน้าผู้คน อีกทั้งยังสาบานว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนของจวนเจิ้นกั๋วกงอีกเด็ดขาด”ตอนนั้นผู้คนจึงจะเข้าใจ ที่แท้คนที่ม่อโฉวซือไท่รู้จักไม่ได้เจิ้นกั๋วกง แต่รู้จักกับฮูหยินเจิ้นกั๋วกงเสี่ยวเต๋อจื่อกล่าวเบาๆ “คุณหนูห้า มารดาของท่

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 386

    ภายในป่า เงียบสงบไปครู่หนึ่ง ถึงมีเสียงหัวเราะเยาะเบาๆ ดังขึ้น“เจ้าพูดถูก ข้าไม่คู่ควร”เป่ยเฉินหยวนสีหน้าเย็นชา สายตาเย็นเยียบ “แต่เจ้าไม่คู่ควรยิ่งกว่า”“เจ้าอยากจะใช้คนร้ายที่หลบหนีไปได้มาบีบบังคับข้า น่าเสียดาย ข้าไม่หลงกลเจ้า”เป่ยเฉินหยวนพูดจบก็ยกมือขึ้น กองทัพธงดำจำนวนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นทันที ล้อมอันหลันซินเอาไว้อันหลันซินตกใจทันที ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี“ท่านคิดจะทำอะไร?”เป่ยเฉินหยวนกล่าวอย่างเย็นชา “ขอบคุณอู๋โยวให้ดีเถอะ หากมิใช่เพราะนาง หัวของเจ้าคงถูกข้าตัดเอาไปเตะเล่นนานแล้ว”พูดจบเขาก็หันหลังกลับไปออกคำสั่ง “เอาตัวไป มัดให้แน่นแล้วส่งไปให้หนิงหย่วนโหว ให้เขาเฝ้าไว้ให้ดีๆ ขอแค่ไม่ตาย จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่เขา แต่ถ้าคนหนีไป ข้าจะเอาเรื่องกับเขา”“พ่ะย่ะค่ะ!”กองทัพธงดำหลายนายรีบเข้ามาทันทีไม่!ไม่ได้!นางจะถูกพาตัวไปไม่ได้!นางอุตส่าห์รอโอกาสนี้มาอย่างยากลำบาก หากถูกพาตัวไปแล้ว ต่อไปนางจะกลับมาหาอาซื่อได้อย่างไร!อันหลันซินเห็นท่าไม่ดี อ้าปากกำลังจะร้องตะโกน“อึก...”น่าเสียดายที่นางเพิ่งจะส่งเสียงออกมา ฝักกระบี่ก็ฟาดลงบนคอของนางอย่างแรงทำให้นางสลบไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 385

    คนที่ปรากฏตัวอยู่ด้านนอกรถม้าของเป่ยเฉินหยวนคืออันหลันซิน“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน หม่อมฉันจะทำอะไรท่านได้ ท่านจะระแวงหม่อมฉันขนาดนี้ไปทำไมเพคะ?”อันหลันซินยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้นเป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้ว สายตาไม่พอใจ “มีธุระก็พูด ไม่มีธุระก็ไสหัวไป”ท่าทีที่ไม่เกรงใจเมื่อเทียบกับรอยยิ้มที่แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อครู่ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆอันหลันซินแค่นเสียงหัวเราะในใจเสแสร้งอะไรกันตอนนี้รู้จักปฏิบัติต่อสตรีอื่นอย่างแตกต่างเพราะอาซื่อ แต่ต่อไปความพิเศษเช่นนี้ไม่แน่ว่าจะตกไปอยู่กับสตรีอื่นอย่างไรเสีย บุรุษในโลกนี้ก็เหมือนกันหมดอันหลันซินระงับความรังเกียจในใจ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยน “เอาละ รู้ว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ชอบหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันมีข้อแลกเปลี่ยน อยากจะคุยกับท่านสักหน่อยเพคะ”นางพูดเช่นนี้ เป่ยเฉินหยวนกลับไม่มองนางแม้แต่น้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดูถูก “อย่างเจ้า มีคุณสมบัติอะไรมาทำข้อตกลงกับข้า?”“ที่ข้ายอมให้เจ้าอยู่ในขบวนนี้จนถึงตอนนี้ ก็เพียงเพราะเห็นแก่หน้าอู๋โยว”รอยยิ้มบนใบหน้าของอันหลันซินแข็งค้าง กัดฟันเล็กน้อย“เหอะๆ หม่อมฉั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 384

    เป่ยเฉินหยวนนอนเอนกายอย่างสบายอารมณ์อยู่ในรถม้า ในขณะเดียวกันก็นอนอยู่ข้างกายเวินซื่อ หลับตาพริ้มขยับศีรษะอย่างมีความสุข ตอบคำถามของนางทีละประโยค“ได้ ไม่แรง ไม่ได้ดึงเลย ปวดนิดหน่อย เพราะซื่อเอ๋อร์ลูบให้ หัวก็เลยไม่ปวดมากแล้ว”เวินซื่อได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกโชคดีที่นางยังจำตำแหน่งกดจุดต่างๆ บนศีรษะที่อาจารย์ม่อโฉวสอนได้ ผสมผสานกับวิธีการนวด แล้วนวดให้เป่ยเฉินหยวน ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะดีเลยทีเดียวเวินซื่อที่คิดว่าได้ผลจริงๆ ก็ยังคงตั้งใจจ้องมองศีรษะของเป่ยเฉินหยวน จดจ่ออยู่กับการผสมผสานวิธีการนวดและกดจุดต่างๆ ของนางหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ภายในรถม้าดูเหมือนจะเงียบสงบลงอย่างสิ้นเชิงเงียบจนแม้ว่าภายนอกจะมีเสียงล้อรถดังอยู่ ก็ยังได้ยินเสียงหายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอภายในรถม้าเวินซื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าเป่ยเฉินหยวนไม่รู้ว่าหลับตาลงตั้งแต่เมื่อไรแล้วเวินซื่อเห็นดังนั้น มือที่วางอยู่บนศีรษะของเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวช้าลง จนกระทั่งพอสมควรแล้ว นางถึงได้ชักมือกลับก้มหน้าลงมองสีหน้าที่อ่อนล้าระหว่างคิ้วของเป่ยเฉินหยวน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เวินซื่อก็หยิบขวดน้ำทิพย์ออกมาจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 383

    “ปวดหัวหรือ? เกิดอะไรขึ้น? ปวดเป็นพักๆ หรือว่าปวดมากตลอดเวลา?”พอเวินซื่อได้ยินเป่ยเฉินหยวนบอกว่าตนเองปวดหัว ก็ไม่ทันได้ใส่ใจกับคำเรียกที่ดูเหมือนจะสนิทสนมเกินไปนั่น รีบถามอย่างกระวนกระวาย“ปวดเป็นพักๆ เหมือนกับมีคนมากมายพูดอยู่ในหัวของข้า หนวกหูมาก ปวดเหลือเกิน”เป่ยเฉินหยวนมองนางอย่างไม่วางตา ชายหนุ่มผู้ซึ่งปกติแล้วสูงใหญ่และพึ่งพาได้เสมอ เวลานี้กลับดูอ่อนแอเหมือนหมาป่าตัวใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บ ทำได้เพียงส่งเสียงร้องครางกับคนตรงหน้าเพื่อระบายความเจ็บปวดของตนเวินซื่อไม่เคยเห็นเป่ยเฉินหยวนในสภาพที่อ่อนแอเช่นนี้มาก่อนแม้แต่ครั้งแรกที่เห็นเขาป่วยที่ริมลำธารเล็กๆ หลังภูเขานั่น เป่ยเฉินหยวนในตอนนั้นก็ยังคงสติไว้ได้บ้างแต่เป่ยเฉินหยวนในตอนนี้ กลับเหมือนแสดงด้านที่อ่อนแอยามเจ็บป่วยออกมาให้นางเห็นอย่างไม่มีปิดบังเวินซื่อจึงลูบหน้าผากเขาด้วยความสงสารทันที แล้วจับชีพจร “ไม่ปวดแล้วๆ ตอนนี้ข้าจะสวดมนต์ให้ท่านอ๋องเดี๋ยวนี้ ท่านนั่งฟังดีๆ อีกเดี๋ยวก็จะไม่ปวดแล้ว”แต่เป่ยเฉินหยวนในตอนนี้กลับเหมือนจะมีความคิดต่อต้านขึ้นมาเล็กน้อย ยื่นมือออกไปคว้าข้อมือของเวินซื่อที่กำลังจะชักกลับ เอ่ยด้วยน้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 382

    นางมองเวินซื่อด้วยความอาลัยอาวรณ์หางตากลับเหลือบไปมองเป่ยเฉินหยวนและเด็กสาวที่อยู่ข้างโต๊ะนั่นอย่างเย็นชาเพิ่มมาอีกคนแล้วแต่ไม่เป็นไร ยังไม่จบหรอกหลังจากที่นายท่านสกุลผังกลับไปแล้ว ไม่นานก็ส่งสัญญาขายตัวมาให้ตามคาด ทั้งยังเขียนหนังสือหย่าอนุภรรยาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมาหนึ่งฉบับจริงๆเมื่อได้สัญญาขายตัวและหนังสือหย่าอนุภรรยา อันหลันซินก็ไปจากที่นี่เวินซื่อให้จู๋เยวี่ยติดตามไประยะหนึ่งแน่นอนว่าเพื่อจับตาดู“เป็นอย่างไรบ้าง?”หลังจากที่จู๋เยวี่ยกลับมา เวินซื่อก็เอ่ยถาม“ดูเหมือนว่าจะมีเศษเงินที่ซ่อนเอาไว้ ซื้อของกินเล็กน้อย ห่อไว้แล้วก็ออกจากเมืองไป ดูท่าทางน่าจะกลับเมืองหลวง”กลับเมืองหลวง...จินโจวอยู่ห่างจากเมืองหลวงขนาดนี้ นางคิดจะเดินเท้ากลับไปหรือ?แล้วยังมีบิดาของนางในเมืองหลวง ทั้งภรรยาเอกและพี่สาวต่างมารดาพวกนั้น คงจะไม่ปล่อยนางไปกระมัง?ถึงอย่างนั้นนางก็ยังคิดจะกลับไป?เวินซื่อขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็คลายปมคิ้วไม่สิ นางจะเป็นห่วงอันหลันซินทำไมกัน?ต่อจากนี้ไปอันหลันซินจะเป็นตายร้ายดีก็ไม่เกี่ยวข้องกับนางที่นางช่วยครั้งนี้ก็เพราะเห็นแก่คว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 381

    ยังคงเป็นสองคำนั้น เพียงแต่คราวนี้เวินซื่อเป็นคนพูดนางเรียกนายท่านผังและบุตรชายเอาไว้ กำลังจะเอ่ยถาม “เช่นนั้นอันหลันซินกับลูกชายท่าน...”“ข้าน้อยกลับไปแล้วจะรีบให้คนนำสัญญาขายตัวของคุณหนูอันมาส่งให้ทันที และจะให้บุตรชายข้าเขียนหนังสือหย่าอนุภรรยา เพื่อเป็นหลักฐาน!”แม้ว่าตั้งแต่สมัยโบราณจะมีเพียงหนังสือหย่าภรรยา ไม่มีหนังสือหย่าอนุภรรยา แต่วันนี้ต่อให้มันไม่มีก็ต้องมี!นายท่านผังก็กลัวจริงๆ เขากลัวว่าหากทำให้บรรพบุรุษทั้งสองท่านนี้โกรธขึ้นมาอีก ถึงตอนนั้น ไม่ใช่แค่ลูกชายเท่านั้นที่จะหายไป แม้แต่สกุลผังก็จะหายไปด้วย!เวินซื่อเลิกคิ้ว เห็นอีกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์เช่นนี้ นางจึงไม่ได้พูดอะไรมากอีก“รีบส่งมาเร็วๆ อย่าให้เสียเวลา”นายท่านผังได้ยินดังนั้น ก็รู้ว่าเรื่องร้ายนี้ในที่สุดก็สิ้นสุดลงแล้ว จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบพาบุตรชายหนีไปอย่างรวดเร็วรอจนเป่ยเฉินหยวนจัดการกับเหล่าขุนนางที่เกี่ยวข้องกับอันหลันซินจนเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว เวินซื่อจึงหันไปมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่ช่วยข้าระบายความโกรธ ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทน ได้แต่สวดมนต์ขอพรให้ท่านทุกวัน”พูดไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 380

    ดูจากตอนนี้ โชคดีที่เลือกไม่ผิดธิดาศักดิ์สิทธิ์ชอบจริงๆ ด้วยนอกจากปลูกสมุนไพร ยังได้ยินมาว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์กำลังเรียนวิชาแพทย์ แต่ละอย่างล้วนช่วยผู้คนสมกับเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์งดงามทั้งรูปโฉมและจิตใจหวังโฉ่วอันที่รู้ว่าเวินซื่อเรียนวิชาแพทย์ แต่กลับไม่รู้ว่าเรียนพิษศาสตร์ด้วยคิดเช่นนั้นหลังมอบของขวัญเสร็จ หวังโฉ่วอันไม่มองเหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่ตรงทางเข้า ซึ่งกำลังยักคิ้วหลิ่วตาให้เขาอย่างบ้าคลั่งสักนิด เอ่ยลาแล้วจากไปทันทีทิ้งขุนนางเหล่านั้นให้มองหน้ากันเอง พวกเขาคุกเข่าจนขาแทบหัก แต่กลับไม่มีใครกล้าลุกขึ้นกระทั่งบางคนที่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว พอเงยหน้าขึ้นพลันได้เห็นสายตาพิฆาตของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนความกดดันที่รุนแรงอย่างนั้น ไม่มีใครรับไหวดังนั้นตลอดบ่ายจึงต้องรอคอยอย่างสำรวมหลังจากรอให้เป่ยเฉินหยวนดูสมุดบัญชีเหล่านั้นทั้งหมด ได้ขอเบี้ยหวัดทหารจากสกุลผางถึงห้าสิบล้านตำลึง เรื่องนี้จึงถือว่าจบลงแต่ก็ใช่ว่าจะจบลงทั้งหมดตอนคุณชายใหญ่สกุลผางถูกลากตัวออกมา เหมือนหมูตายตัวหนึ่ง ปวดจนหมดสติไปนานแล้วถ้าเป่ยเฉินหยวนไม่สั่ง ไม่มีใครกล้ารักษามือให้คุณชายใหญ่ส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 379

    เมื่อพูดคำนี้ออกไป ทำให้นายท่านผางตกใจจนรีบลุกขึ้น แล้วหอบเอาสมุดบัญชีสั่งให้คนไปจัดเตรียมเขาจากไปแล้ว แต่ตรงทางเข้ายังมีคนกลุ่มใหญ่ที่ไม่กล้าขยับ“ทำไมพวกเขายังไม่ไปอีก?”เวินซื่อถามอย่างสงสัยอีกครั้งเป่ยเฉินหยวนกล่าว “เพราะโหวกเหวกเกินไป ดังนั้นข้าสั่งให้พวกเขาคุกเข่าอยู่ตรงทางเข้า รอให้ข้าจัดการธุระเสร็จแล้ว ค่อยไปจัดการพวกเขา”คนพวกนี้จะได้ไม่ต้องกินอิ่มแล้วไม่มีการมีงานให้ทำเสียงของเป่ยเฉินหยวนดังกำลังพอดี ทว่าพวกที่อยู่ตรงทางเข้าก็ได้ยินอย่างพอดีเช่นกันคราวนี้ มีขุนนางหลายคนตกใจจนตัวสั่นงกๆ เหงื่อแตกท่วมหัวไปหมดหากรู้แต่แรกพวกเขาไม่น่าเห็นแก่เงินทอง รับปากนายท่านผางเลย!คราวนี้ดีละ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนบอกว่าจะจัดการพวกเขา เช่นนั้นพวกเขายังรอดไปได้หรือ? !“เร็ว รีบไปเชิญใต้เท้าผู้ว่าการหวังมา ไม่อย่างนั้นพวกเราจบเห่กันหมดแน่!”มีคนแอบส่งสายตาให้คนข้างนอกในไม่ช้า หวังโฉ่วอันก็มาถึงแต่น่าเสียดายที่ไม่ได้มาขอร้องให้พวกเขา“กระหม่อมคารวะธิดาศักดิ์สิทธิ์ คารวะท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน”พอหวังโฉ่วอันมาถึงก็มองข้ามกลุ่มคนตรงทางเข้า เข้าไปทำความเคารพตรงหน้าเวิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 378

    ตอนฉางเสี่ยวหานได้ยินว่าไม่ต้องทำสัญญา กลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยหากทำสัญญาขายตัวจริง เช่นนั้นนางจะกลายเป็นคนของธิดาศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง ต่อไปธิดาศักดิ์สิทธิ์ไปถึงไหน นางก็จะได้ตามไปถึงนั่นอย่างเปิดเผยแต่น่าเสียดายที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ทำสัญญาฉางเสี่ยวหานจึงต้องเก็บความผิดหวังไว้ในใจแต่ว่าไม่เป็นไร ต่อให้ตอนนี้ไม่มีสัญญาขายตัว แต่นางก็จะทำให้ดี คงมีสักวันที่นางได้กลายเป็นคนของธิดาศักดิ์สิทธิ์!เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉางเสี่ยวหานให้กำลังใจตัวเองสักครู่ ต่อมาจึงเริ่มหางานให้ตัวเองทำภายในห้องของเวินซื่อนางเป็นสาวใช้เพียงคนเดียวข้างกายธิดาศักดิ์สิทธิ์ นางจะเหมางานทุกอย่างรอบตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์มาให้หมด! ทั้งหมดเลย!หลังเวินซื่อแต่งตัวเสร็จจึงลงมาชั้นลาง ด้านหลังมีหางตัวน้อยตามมาด้วยหนึ่งขณะนี้เป่ยเฉินหยวนกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงของโรงเตี๊ยม ตรงโต๊ะข้างหน้ามีสมุดบัญชีวางอยู่หนึ่งกองใหญ่ ตรงทางเข้าห้องโถงมีคนคุกเข่าเป็นกลุ่มใหญ่เช่นกันเมื่อได้ยินเสียงลงมาชั้นล่าง เป่ยเฉินหยวนเงยหน้าขึ้นทันที “ตื่นแล้วหรือ? รีบมากินอาหารสิ ให้คนอุ่นอาหารไว้ให้ท่านแล้ว”“ได้”เวินซื่อเดินไปนั่ง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status