Share

หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก
หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก
Author: จิ้งซิง

บทที่ 1

Author: จิ้งซิง
“หม่ำ ๆๆ”

“กินสิ พี่หญิง เหตุใดท่านถึงไม่กินเล่า?”

ภายในห้องลับที่มืดสลัว เวินซื่อบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่าง นอนคว่ำอยู่บนพื้นหายใจรวยริน โซ่เหล็กบนตัวนางส่งเสียงดังเคร้ง รัดคอและแขนขาของนางไว้ จนทำให้นางสลัดไม่หลุด

เบื้องหน้าของนางมีดรุณีน้อยสวมชุดสีเหลืองอ่อนถืออาหารสุนัขไว้ในมือ หยอกล้อนางราวกับกำลังหยอกสุนัขก็มิปาน

ส่วนดรุณีน้อยที่ยิ้มแย้มราวกับบุปผาผู้นี้คือน้องสาวของนาง...เวินเยวี่ย

เวินเยวี่ยเอ่ยกับสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังอย่างไม่พอใจว่า “ดูสิ พี่หญิงของข้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง แม้แต่สุนัขก็ยังเป็นให้ดีไม่ได้ คุณหนูอย่างข้าป้อนให้นางกินด้วยตัวเอง นางยังกล้าไม่กินอีกหรือ?”

สาวใช้ก้าวเข้ามาเตะคนที่อยู่บนพื้นทันที

เตะจนคนร้องคราง สาวใช้ถึงค่อยเอ่ยเอาใจเวินเยวี่ยว่า “คุณหนูอย่าไปโต้เถียงกับนางเลยเจ้าค่ะ เกรงว่าสุนัขตัวนี้ยังคงคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของจวนกั๋วกง”

เวินเยวี่ยหัวเราะเยาะ “เวินซื่อนับว่าเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของประเภทไหน? แม้แต่ท่านพ่อกับพวกท่านพี่ก็ไม่ยอมรับนางแล้ว การได้เป็นสุนัขก็นับว่าเป็นเกียรติที่คุณหนูอย่างข้ามอบให้นาง”

“น่าเสียดายที่ไม่รู้จักเจียมตัว”

หลังจากที่เอ่ยคำพูดประโยคนี้อย่างเย็นชา เวินเยวี่ยก็เอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบบนมือของเวินซื่อแล้วขยี้อย่างแรง

บดขยี้จนกระดูกมือดังกรอบแกรบ บดขยี้จนเวินซื่อร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

“เวินซื่อ คุณหนูอย่างข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย มอบหยกแขวนชิ้นนั้นมาเสีย!”

“เหอะ...เหอะ ๆ...”

เวินซื่อที่มีสติเลือนรางเล็กน้อยได้ยินคำพูดประโยคนี้ ในที่สุดก็มีปฏิกิริยาเล็กน้อย

นางหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรงสองครั้ง “เวินเยวี่ย เจ้ามันคิดเพ้อฝัน...”

นั่นเป็นของสิ่งเดียวที่ท่านแม่ทิ้งไว้ในนาง ต่อให้ตาย นางก็ไม่มีทางมอบให้เวินเยวี่ยเป็นอันขาด

“นังแพศยา เจ้ามันรนหาที่ตาย!”

เวินเยวี่ยโกรธจนดวงตาแทบลุกเป็นไฟ

ในเวลานี้เอง ประตูห้องลับถูกคนเปิดออกจากด้านนอก ก่อนจะมีหลายร่างเดินเข้ามา

เวินเยวี่ยหันหน้าไปเห็นคนเดินมา นางก็เอาอาหารสุนัขไว้ยัดไว้ในอกของสาวใช้ทันที สีหน้าเหมือนเล่นกลก็ไม่ปาน กลับมาเป็นท่าทางบริสุทธิ์น่ารักในพริบตา ก่อนจะโถมตัวเข้าใส่ผู้ที่มาอย่างมีความสุข...

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม พี่สี่!”

“พวกท่านมาได้อย่างไร?”

คนที่เข้ามาทั้งห้าคนคือเจิ้นกั๋วกงแห่งราชวงศ์ต้าหมิงกับบุตรชายทั้งสี่คนของเขา

เนื่องจากเจิ้นกั๋วกงเกิดมามีรูปร่างสูงใหญ่ รูปโฉมโดดเด่น

บุตรชายทั้งสี่คนของเขาก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากเขาเช่นเดียวกัน แต่ละคนไม่เพียงมีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาก็ยังหล่อเหล่าสง่างามมาก บุคลิกไม่ธรรมดา

อีกทั้งมีนิสัยของเจิ้นกั๋วกงไม่มากก็น้อย แต่ละคนถ้าไม่มีสีหน้าเย็นชา ก็มีสีหน้าชั่วร้าย

แต่สิ่งที่เป็นข้อยกเว้นคือ เมื่อเวินเยวี่ยใช้เสียงออดอ้อนเรียกขานพวกเขา คนที่ดูเหมือนเย็นชาไร้ความรู้สึกเหล่านี้กลับเปลี่ยนสีหน้า

เวินจื่อเฉินผู้เป็นพี่ชายคนรองมองเวินซื่อที่อยู่บนพื้นด้วยสายตาดูแคลน ก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “น้องหก เป็นอย่างไรบ้าง นางมอบหยกแขวนที่ขโมยไปจากเจ้าแล้วหรือยัง?”

ไม่ได้ขโมย!

นางไม่ได้ขโมยนะ!

นั่นเป็นหยกแขวนของนาง!

“เฮ้อ ยังเจ้าค่ะ!”

เวินเยวี่ยถอนหายใจโดยใช้น้ำเสียงที่ผิดหวังอย่างยิ่ง แล้วเอ่ยอย่างน้อยอกน้อยใจว่า “พี่ห้ารู้อยู่แก่ใจว่านั่นเป็นของสำคัญที่สุดของข้า เป็นของที่ระลึกเพียงหนึ่งเดียวที่ท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ให้ข้า แต่เมื่อครู่นี้ไม่ว่าข้าขอร้องนางอย่างไร นางก็ไม่ยอมคืนให้ข้าเลย”

“ข้าไม่รู้แล้วจริง ๆ ว่าควรทำอย่างไรดี”

เวินเยวี่ยเอ่ยถึงตอนสุดท้าย เสียงก็สั่นเครือเล็กน้อย ราวกับอยากจะร้องไห้

พวกเวินจื่อเฉินฟังแล้วปวดใจอย่างยิ่ง

“เวินซื่อ ข้าผิดหวังในตัวเจ้าเหลือเกินจริง ๆ”

เวินจื่อเฉินเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว

เวินจื่อเยวี่ยผู้เป็นพี่ชายคนที่สามซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูก็ทำหน้าเย็นชาในพริบตา ในมือเผยให้เห็นมีดคมกริบ

“ในเมื่อปากแข็งถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ตัดมือของนาง ตัดข้างหนึ่ง ถามหนึ่งครั้ง หากไม่ยอมพูดตลอดก็ตัดมือและเท้าของนางให้หมด กล้าขโมยสิ่งของของน้องหก ข้าจะดูว่ากระดูกของเวินซื่อจะแข็งเหมือนปากของนางหรือเปล่า!”

“ไม่จำเป็นต้องตัดมือแล้ว”

เวลานี้เอง เวินฉางอวิ้นผู้เป็นพี่ชายคนโตเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “มีคนเห็นเวินซื่อเหมือนรีบร้อนกลืนสิ่งของลงท้องก่อนที่จะโดนจับตัวกลับมา”

เวินซื่อตกใจในพริบตา แววตาดูตื่นตระหนก

พวกเวินจื่อเฉินเห็นฉากนี้ก็พากันเข้าใจทันที

เวินจื่อเฉินด่าทออย่างเกรี้ยวกราดว่า “เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เจ้ายอมกลืนลงท้องทั้งเป็น แต่ไม่ยอมนำหยกแขวนของน้องหกคืนให้นาง?!”

นัยน์ตาของเวินซื่อฉายแววความบ้าคลั่งออกมาทันที

ในเมื่อถูกจับได้แล้ว นางก็ไม่มีอะไรต้องซ่อนอีก

“ฮ่า ๆ...ใช่แล้ว ข้าบ้าไปแล้ว!”

“เวินเยวี่ยทำร้ายข้าถึงเพียงนี้ และยังอยากแย่งชิงของสิ่งสุดท้ายที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ข้า ข้าจะไม่บ้าได้อย่างไร?”

เวินซื่อกระชากโซ่เหล็กหลายเส้นอย่างสะเทือนใจ เสียงเคร้งและเสียงของนางดังไปทั่วห้องลับแห่งนี้

“เป็นอย่างไร? ตอนนี้มีทางเลือกอยู่ตรงหน้าพวกท่านเพียงแค่สองทาง ถอดใจ? หรือว่าคว้านท้องข้า?”

พวกเวินจื่อเฉินมีสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง รวมถึงเวินอวี้จือผู้เป็นพี่ชายคนสี่ที่ซึ่งเฝ้าชมอยู่ทางด้านข้างด้วยสายตาเย็นชามาโดยตลอด

พวกเขามองไปทางบิดาของพวกเขาตามจิตใต้สำนึก หรือก็คือเจิ้นกั๋วกงเวินเฉวียนเซิ่ง

เวลานี้มีเพียงเขาที่สามารถตัดสินใจได้

ดวงตาของเวินเยวี่ยฉายแววทะมึน นางเม้มปากแล้วเอ่ยเพียงคำพูดประโยคเดียวว่า “ท่านพ่อ ข้าคิดถึงท่านแม่แล้ว”

เวลานั้น เวินซื่อเห็นเวินเฉวียนเซิ่งมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

นางรู้ว่านางพ่ายแพ้การเดิมพันแล้ว

เวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจ “เวินซื่อ อย่าโทษพวกพี่ชายของเจ้าเลย จะโทษก็โทษข้าเถิด”

“ชาติหน้า หากเจ้าเป็นบุตรสาวของสกุลเวินอีก สกุลเวินจะชดเชยเจ้าให้มาก”

เวินซื่อมีหน้าคล้ายหัวเราะคล้ายร่ำไห้ คล้ายคลุ้มคลั่งคล้ายสะเทือนใจ

น้ำตาโลหิตสองสายค่อย ๆ ไหลลงมาจากหางตาของนาง

“ไม่ ชาติหน้าข้าจะไม่ขอเป็นบุตรสาวของสกุลเวินเด็ดขาด!”

เมื่อมีดเย็นเยียบกรีดท้องของเวินซื่อ ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของนางหายไปจากในห้องลับ หยกแขวนที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของนางมานานแล้วพลันเผยออกมาให้เห็นเล็กน้อย ส่องรัศมีแสงแสบตาออกมาจากในร่างของนาง

.....

ราชวงศ์ต้าหมิง ปีที่เจ็ดสิบหก

ต้นคิมหันตฤดู

จวนเจิ้นกั๋วกง

วันนี้จวนเจิ้นกั๋วกงครึกครื้นมาก

คนทั้งเมืองหลวงล้วนทราบว่าบุตรสาวทั้งสองคนของเจิ้นกั๋วกงจัดพิธีปักปิ่นด้วยกัน

เวลานี้เอง ในห้องนอนแห่งหนึ่งภายในจวน...

“ไม่ อย่านะ...”

บนเตียง ดรุณีน้อยวัยสิบห้าผู้หนึ่งคล้ายกับกำลังฝันเรื่องน่ากลัวอะไรบางอย่าง พึมพำด้วยเสียงสั่นเครือ

วินาทีต่อมานางลืมตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นขึ้นฉับพลัน ร้องด้วยความตกใจแล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียงทันที ก่อนจะยื่นมือไปบังตนเองตามจิตใต้สำนึก

“อ๊า...!”

แต่ความเจ็บปวดจากการโดนผ่าท้องอย่างที่จินตนาการกลับไม่มา

ผ่านไปสักพัก เวินซื่อจึงค่อยลืมตาขึ้นมาอย่างหวาดกลัวและระมัดระวัง

เมื่อมองดูจึงพบว่าสภาพแวดล้อมแปลกไป ไม่ใช่ห้องลับแห่งนั้น

บิดา พี่ใหญ่และพวกเวินเยวี่ยก็ไม่อยู่เลยสักคน

มีเพียงห้องที่เงียบสงบ และการตกแต่งที่คุ้นเคยเล็กน้อย

เวินซื่อใคร่ครวญอยู่พักใหญ่เต็ม ๆ ด้วยสมองที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แล้วค่อยนึกขึ้นได้ว่านี่คือที่ใด

“นี่เป็นห้องเก่าของข้าไม่ใช่หรือ?”

เป็นห้องที่นางเคยอาศัยอยู่ตอนที่ยังได้รับความรักความโปรดปรานจากบิดามารดาและพี่ชายในจวนกั๋วกง

“ไม่ เหตุใดข้าถึงอยู่ที่นี่ได้?!”

เวินซื่อที่ได้สติกลับมาในที่สุดกลับตกใจจนรีบเด้งตัวลุกขึ้นมาจากเตียง ก่อนจะโซเซล้มลงไปที่พื้น

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้? เหตุใดข้าถึงกลับมาที่นี่ได้?!”

นางต้องรีบไป!

จะให้พวกบิดากับพวกพี่ใหญ่จับตัวไม่ได้!

มิฉะนั้นนางจะต้องตายเป็นแน่!

แต่นางยังไม่ทันวิ่งไปถึงหน้าประตู ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอกประตู...

“ก๊อก ๆ”

“คุณหนูห้า ท่านยังจะนอนถึงเมื่อไร วันนี้เป็นพิธีปักปิ่นของท่านกับคุณหนูหก หากสายแล้ว อย่าโทษว่าบ่าวไม่ได้เรียกท่านนะเจ้าคะ”

เสียงที่ไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อยของสาวใช้ดังเข้ามาในหูของเวินซื่อ ทำให้เวินซื่อที่เดิมทีเตรียมตัวจะเปิดประตูตกใจจนเก็บมือกลับมา

แต่คำพูดที่เข้ามาในหูของนางทำให้การเคลื่อนไหวของนางค่อย ๆ หยุดลง สีหน้าแข็งทื่อ

“พะ...พิธีปักปิ่น?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
ไม่มีที่ว่าง สำหรับคนอ่อนแอ
สนุกมากคาะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 2

    พิธีปักปิ่นอันใด?พิธีปักปิ่นของยางผ่านไปนานแล้วไม่ใช่หรือ?ความอัปยศที่ได้รับในพิธีปักปิ่นเวลานั้น นางยังคงได้จำได้จนถึงทุกวันนี้เสียงหัวเราะเยาะของแขกทั้งหลาย การเยาะเย้ยถากถางของพี่ชาย การถอนหมั้นของคู่หมั้น รวมไปถึงการตำหนิของบิดามารดา...นางเคยผ่านสถานการณ์เช่นนั้นมาแล้วครั้งหนึ่งทว่าตอนนี้ เหตุใดถึงเป็นพิธีปักปิ่นอีกเล่า? หรือว่าเวินเยวี่ยจะเล่นปาหี่ใหม่อะไรอีก อยากให้นางอับอายขายหน้าอีกครั้งแล้วค่อยส่งนางไปตายหรือ?!เวินซื่อหายใจถี่กระชั้นขึ้นในพริบตาแต่ในตอนที่นางกำลังจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ สายตาของนางกลับหยุดชะงักไปทันทีเดี๋ยวก่อน! นางเบิกตาโต จ้องมองมือสองข้างที่สมบูรณ์ไร้บาดแผลของตัวเอง แล้วก้มหน้ามองขาเท้าสองข้างของตัวเองทันที ใบหน้าค่อย ๆ ฉายแววเหมือนไม่อยากจะเชื่อมือและเท้าของนางถูกทำลายจนพิการไปแล้วไม่ใช่หรือ?เหตุใดตอนนี้กลับหายดีหมดแล้ว?นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?ควรรู้เอาไว้ว่าเอ็นมือเอ็นเท้าของนางถูกตัดจนขาดหมดแล้ว ไม่มีทางฟื้นฟูกลับมาได้อีก!เวินซื่อที่ตระหนักได้ถึงความผิดปกติจึงค่อย ๆ หันหน้ากลับมามองห้องนี้อีกครั้งเป็นการตกแต่งทั้งหมดที่ค่อย ๆ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 3

    เด็กสาวที่นั่งอยู่หน้ากระจกแต่งหน้า ไม่มีสาวใช้ปรนนิบัติ ทำได้เพียงหวีผมให้ตัวเอง นางมองเขาแวบหนึ่งแล้วข่มกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ ร้องเรียกอย่างเฉยชาว่า “พี่รอง”เวินจื่อเฉินที่บุกเข้ามาถลึงตาใส่เวินซื่อด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะ “ข้าขอถามเจ้า เจ้าทำลายชุดพิธีการของน้องหกใช่หรือไม่? เหตุใดจิตใจของเจ้าถึงชั่วร้ายเพียงนี้? รู้อยู่แก่ใจว่าวันนี้ก็เป็นพิธีปักปิ่นของน้องหก เจ้ายังจะทำลายชุดพิธีการของนางอีกหรือ!” ในขณะที่เวินจื่อเฉินซักถามเวินซื่อด้วยอารมณ์รุนแรง คนที่ทำให้เวินซื่อเกลียดชังเข้ากระดูกดำผู้นั้นก็โผล่ศีรษะออกมาจากด้านหลังเวินจื่อเฉินด้วยสีหน้าขอโทษ“พี่รอง อย่าพูดเลยเจ้าค่ะ ข้าอธิบายกับท่านแล้วไม่ใช่หรือ? พี่หญิงห้านางไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ แค่ไม่ระวังเท่านั้นเอง”เวินเยวี่ยมีรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาน่ารัก มักจะแสดงสีหน้าอ่อนแออยู่เสมอบวกกับนัยน์ตาที่มีน้ำเอ่อคลอดูขลาดกลัวเหมือนลูกกวาง ใครเห็นจะไม่เกิดความรู้สึกรักเอ็นดูได้?นางเองก็รู้ข้อดีของตนเองจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้ว่าทุกคนในจวนเจิ้นกั๋วกงรู้สึกติดค้างนางเนื่องจากเวินเยวี่ยเพิ่งจะถูกคนของจวนเจิ้นกั๋วกงต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 4

    เวินซื่อที่โซเซจนไปชนกับมุมโต๊ะเครื่องแป้งก็เม้มริมฝีปากแน่น ชาติที่แล้วนางเสียรู้ในน้ำมือของเวินเยวี่ยไปมากมายถึงเพียงนั้น ตอนนี้แค่เห็นเวินเยวี่ยทำท่าทางเช่นนี้ เวินซื่อก็รู้ว่านางจะเล่นตุกติกอะไรอีกแล้วนางหยิบชุดพิธีการที่ร่วงลงพื้นขึ้นมา“ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าข้าทำอะไรถึงทำให้น้องหกมีปฏิกิริยายกใหญ่เช่นนี้ ไม่สู้รบกวนน้องหกอธิบายให้ข้าเถิด”“เจ้าทำอะไรไว้เจ้ารู้อยู่แก่ใจ!”ไม่รอให้เวินเยวี่ยเอ่ยวาจา เวินจื่อเฉินก็ตวาดใส่นางเสียงดุดันก่อน แววตาของเวินซื่อเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆเมื่อก่อนนางยังดูไม่ออก ตอนนี้นางรู้สึกว่าเวินจื่อเฉินช่างตาบอดจริง ๆอยู่ต่อหน้าต่อตาของเขา ใครทำอะไร ใครไม่ได้ทำอะไร เขามองไม่เห็นเองทั้งนั้นบางทีต่อให้เห็น เขาก็แค่เชื่อคำพูดของคนผู้เดียวเวินจื่อเฉินถลึงตามองเวินซื่ออย่างอำมหิตแวบหนึ่งแล้วตบไหล่เวินเยวี่ยเบา ๆ ปลอบโยนด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “น้องหกไม่ต้องกลัวนะ มีเรื่องอะไรก็บอกกับพี่รอง ไม่ว่าอย่างไร พี่รองก็จะตัดสินแทนเจ้าเอง”ทั้งสองคนมีท่าทางแทบจะใกล้ชิดสนิทสนมกันมากแต่เวินจื่อเฉินกลับเหมือนไม่สังเกตเห็นเลย เขาไม่เก็บงำเลยแม้แต่น้อย ดวงตาที่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 5

    “เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!”เวินเยวี่ยที่เดิมทียังนึกว่ามีโอกาสแย่งกลับมาก็ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยวอารมณ์หวั่นไหวรุนแรงราวกับว่าสิ่งที่เวินซื่อตัดคือชุดของนางเวินซื่อขยับมือไม่หยุด รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงไม่แปรเปลี่ยน “ตัดชุดอย่างไรเล่า พี่รองกับน้องหกเห็นแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนี้?”ดวงตาสองข้างของเวินจื่อเฉินพ่นไฟแล้ว “เจ้ายังกล้าถามข้าอีกหรือว่าเหตุใดถึงมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้?! ชุดนี้เป็นชุดที่ข้ากับพวกพี่ใหญ่ตั้งใจสั่งทำขึ้นมาเพื่อพิธีปักปิ่นของเจ้า ตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เหตุใดเจ้าต้องตัดมันจนเละด้วย?!” “เพราะว่าไม่มีใครต้องการมันแล้ว”เวินซื่อตัดลงไปดัง “ฉับ” อีกครั้ง “ข้าไม่ต้องการ น้องหกก็ไม่ต้องการ ของที่ไม่มีใครต้องการย่อมต้องจัดการทิ้ง” สีหน้าของนางเย็นชาจนทำให้เวินจื่อเฉินแทบจะรู้สึกแปลกตาใครบอกว่าข้าไม่ต้องการ?!เวินเยวี่ยโกรธจนแทบอยากจะกรีดร้อง นางแค่จงใจบอกปัดเพื่อไม่ให้เวินจื่อเฉินสงสัยเท่านั้นใครจะคิดว่าเวินซื่อกลับเสียสติถึงเพียงนี้?!ทั้ง ๆ ที่นางคิดไว้นานแล้วว่าวันนี้จะต้องสวมชุดพิธีการนี้ให้ได้ แต่ตอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 6

    ผู้ที่มามีรูปร่างสูงสง่าราวกับไผ่สน สวมอาภรณ์เสื้อคลุมสีกรมท่า รูปลักษณ์สง่างาม โฉมหน้าหล่อเหลาชื่อของเขาคือเวินฉางอวิ้น เป็นพี่ใหญ่ของนาง และก็เป็นคุณชายใหญ่ของจวนกั๋วกง“น้องห้า เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?” เวินฉางอวิ้นมองเวินซื่อด้วยสายตาเย็นชา ความรู้สึกกดดันที่แผ่ลงมาจากด้านบนทำให้เวินซื่อแทบหายใจไม่ออกนิดหน่อย เมื่อก่อนนางโง่งม คิดเพียงว่าเวินฉางอวิ้นรูปร่างสูงใหญ่ ถึงมอบความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ให้นาง ทว่าต่อมาจนกระทั่งเมื่อนางเห็นกับตาว่าเวินฉางอวิ้นก้มตัว ก้มหน้าให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับเวินเยวี่ยเพียงเพื่อรับฟังความคับข้องใจจากปากของนาง เวินซื่อถึงได้เข้าใจว่าที่แท้ตนเองเป็นเพียงคนชั้นล่างที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่ใหญ่ “ข้าไม่เข้าใจคำพูดของพี่ใหญ่ ไม่ทราบว่าข้ามีความผิดอันใด ขอพี่ใหญ่โปรดชี้แจงด้วย”ไม่ใช่ว่าเวินซื่อไม่เห็นชุดพิธีการที่เขาถืออยู่ในมือ ดังนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขามาเพราะเหตุใด แต่แล้วอย่างไรเล่า?ไม่ถามสักคำ มาถึงก็อยากให้นางยอมรับความผิด?มีสิทธิอันใด?เวินฉางอวิ้นทำสายตาเย็นชา แต่สายตาของเวินซื่อกลับเย็นชายิ่งกว่าเขา เวินฉางอวิ้นขมวดค

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 7

    ชุยเส้าเจ๋อก้าวเท้าเดินมาทางเวินซื่อ ท่าทางดูเกรี้ยวกราดหมายจะหาเรื่องเมื่อมองไปทางด้านหลังของเขาอีกก็เห็นเวินเยวี่ยอ้าปากพูดว่า “อย่าเลย” ด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่ได้ทำท่าจะฉุดรั้งชุยเส้าเจ๋อเลยสักนิดหลังจากที่สบสายตาของเวินซื่อ ดวงตาของนางถึงขนาดฉายแววกระหยิ่มยิ้มย่องเห็นได้ชัดว่าการที่นางสามารถยุให้ชุยเส้าเจ๋อออกหน้าเพื่อนางได้ง่าย ๆ นั้นทำให้นางภาคภูมิใจเอามาก ๆแต่ว่าน่าเสียดายมาก ยังไม่ทันที่ชุยเส้าเจ๋อจะเดินเข้ามาใกล้เวินซื่อ เสียงทุ้มหนึ่งดังมาจากทางด้านปะรำพิธี...“เจ้าห้า เจ้าหก ถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว ยังไม่รีบมาเตรียมตัวทำพิธีปักปิ่นอีก” เวินซื่อหันหน้าไปมองบนปะรำพิธี บุรุษวัยกลางคนสวมชุดเสื้อคลุมยาวสีเขียวดูสง่าผ่าเผยเปี่ยมไปด้วยความรู้กำลังนั่งอยู่ตำแหน่งประธาน มองพวกนางสองคนด้วยสีหน้าเย็นชานี่คือบิดาของนาง เจิ้นกั๋วกงเวินเฉวียนเซิ่งเวลานี้ต่อให้ชุยเส้าเจ๋ออยากหาเรื่องนางอีกเพียงใด ก็ได้แต่ถอยหลังไปเท่านั้นเวินซื่อเดินขึ้นไปบนปะรำพิธีโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเวินซื่อขึ้นมาบนปะรำพิธีก็ควงแขนนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับบุปผา จงใจทำตัวสนิทสนม“พี่หญิงห้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 8

    เมื่อเวินฉางอวิ้นเดินขึ้นมาบนปะรำพิธี สายตาทอดมองไปที่น้องสาวทั้งสองคน เดิมทียังลังเลอยู่บ้างแต่เมื่อสบสายตาคาดหวังของเวินเยวี่ย เขาก็คลายหัวคิ้วในพริบตาหัวเราะอย่างไม่มีทางเลือกช่างเถิด หากจะโทษก็ได้แต่โทษน้องห้าที่ไม่ได้รับความชื่นชอบเองใครใช้ให้นางมีนิสัยอิจฉาริษยา ไม่ยอมให้น้องหกเลยสักนิดเล่าดังนั้นเวินฉางอวิ้นจึงไม่ลังเลอีกต่อไป เดินผ่านหน้าเวินซื่อแล้วยื่นดอกไม้ให้เวินเยวี่ยจากนั้นก็เป็นเวินจื่อเฉิน เวินจื่อเยวี่ย เวินอวี้จือ...รวมถึงคนสกุลเวิน ทุกคนต่างก็มอบดอกไม้ให้เวินเยวี่ย ก็เหมือนกับชาติที่แล้ว...เวินซื่อผู้โดดเดี่ยวกับเวินเยวี่ยที่ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้สดและคำอวยพรเวินซื่อไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรนางก็รู้ผลสรุปเช่นนี้มานานแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่คาดหวังใด ๆ อีกต่อไปอย่างแน่นอนหลังจากคนเหล่านั้นก็เป็นชุยเส้าเจ๋อ เทียบกับดอกไม้หนึ่งดอกที่คนอื่นมอบให้แล้ว เขาหอบดอกไม้บานหลากสีสันกำใหญ่เต็ม ๆ ไม่มองเวินซื่อสักแวบเดียว ก่อนจะยัดใส่อ้อมแขนของเวินเยวี่ยโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย“น้องเยวี่ยเอ๋อร์ ดอกฉยงฮวาอวยพรวันเกิด ดนตรีเสียงสวรรค์ห้อมล้อมคว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 9

    “ไม่ได้นะ!”“ไม่มีทาง!” แค่คำสาบานเดียวเท่านั้น เดิมที่นึกว่าชุยเส้าเจ๋อน่าจะรับปากได้ แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าชุยเส้าเจ๋อจะมีปฏิกิริยารุนแรงถึงเพียงนั้นสิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ คนที่มีปฏิกิริยารุนแรงเช่นเดียวกันยังมีอีกคน“น้องหก?” พวกเวินฉางอวิ้นมองไปทางเวินเยวี่ยด้วยความประหลาดใจ เวินเยวี่ยมีสีหน้าแข็งทื่อเมื่อตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้นางยั้งสติไม่อยู่มากเกินไป นางจึงรีบเก็บงำอารมณ์ ฝืนยิ้มมุมปากพลางเอ่ยว่า “ไม่ใช่นะ...คือว่า ข้า...ข้าแค่รู้สึกว่าเงื่อนไขที่พี่หญิงเสนอออกมานี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมมากนัก หะ...หากต่อไปพี่เส้าเจ๋อเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเล่า? ดังนั้น พี่หญิงเหลือทางถอยให้ตนเองหน่อยไม่ดีกว่าหรือ?”เวินฉางอวิ้นผู้เป็นพี่ใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าคำพูดนี้ของนางดูแปลกพิกลนิด ๆเวินจื่อเยวี่ยผู้เป็นพี่สามไม่มีปฏิกิริยาอะไรเวินอวี้จือผู้เป็นพี่สี่กลับมองเวินเยวี่ยและมองชุยเส้าเจ๋ออย่างใคร่ครวญ เทียบกับพวกเขาแล้ว เวินจื่อเฉินผู้เป็นพี่รองเชื่อในตัวเวินเยวี่ยโดยสิ้นเชิงว่ามีจิตใจบริสุทธิ์ เขาจึงไม่ได้คิดมากมายเช่นนั้น “พอได้แล้วน้องหก ข้ารู้ว่าเจ้าเป

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 386

    ภายในป่า เงียบสงบไปครู่หนึ่ง ถึงมีเสียงหัวเราะเยาะเบาๆ ดังขึ้น“เจ้าพูดถูก ข้าไม่คู่ควร”เป่ยเฉินหยวนสีหน้าเย็นชา สายตาเย็นเยียบ “แต่เจ้าไม่คู่ควรยิ่งกว่า”“เจ้าอยากจะใช้คนร้ายที่หลบหนีไปได้มาบีบบังคับข้า น่าเสียดาย ข้าไม่หลงกลเจ้า”เป่ยเฉินหยวนพูดจบก็ยกมือขึ้น กองทัพธงดำจำนวนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นทันที ล้อมอันหลันซินเอาไว้อันหลันซินตกใจทันที ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี“ท่านคิดจะทำอะไร?”เป่ยเฉินหยวนกล่าวอย่างเย็นชา “ขอบคุณอู๋โยวให้ดีเถอะ หากมิใช่เพราะนาง หัวของเจ้าคงถูกข้าตัดเอาไปเตะเล่นนานแล้ว”พูดจบเขาก็หันหลังกลับไปออกคำสั่ง “เอาตัวไป มัดให้แน่นแล้วส่งไปให้หนิงหย่วนโหว ให้เขาเฝ้าไว้ให้ดีๆ ขอแค่ไม่ตาย จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่เขา แต่ถ้าคนหนีไป ข้าจะเอาเรื่องกับเขา”“พ่ะย่ะค่ะ!”กองทัพธงดำหลายนายรีบเข้ามาทันทีไม่!ไม่ได้!นางจะถูกพาตัวไปไม่ได้!นางอุตส่าห์รอโอกาสนี้มาอย่างยากลำบาก หากถูกพาตัวไปแล้ว ต่อไปนางจะกลับมาหาอาซื่อได้อย่างไร!อันหลันซินเห็นท่าไม่ดี อ้าปากกำลังจะร้องตะโกน“อึก...”น่าเสียดายที่นางเพิ่งจะส่งเสียงออกมา ฝักกระบี่ก็ฟาดลงบนคอของนางอย่างแรงทำให้นางสลบไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 385

    คนที่ปรากฏตัวอยู่ด้านนอกรถม้าของเป่ยเฉินหยวนคืออันหลันซิน“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน หม่อมฉันจะทำอะไรท่านได้ ท่านจะระแวงหม่อมฉันขนาดนี้ไปทำไมเพคะ?”อันหลันซินยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวขึ้นเป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้ว สายตาไม่พอใจ “มีธุระก็พูด ไม่มีธุระก็ไสหัวไป”ท่าทีที่ไม่เกรงใจเมื่อเทียบกับรอยยิ้มที่แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อครู่ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆอันหลันซินแค่นเสียงหัวเราะในใจเสแสร้งอะไรกันตอนนี้รู้จักปฏิบัติต่อสตรีอื่นอย่างแตกต่างเพราะอาซื่อ แต่ต่อไปความพิเศษเช่นนี้ไม่แน่ว่าจะตกไปอยู่กับสตรีอื่นอย่างไรเสีย บุรุษในโลกนี้ก็เหมือนกันหมดอันหลันซินระงับความรังเกียจในใจ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยน “เอาละ รู้ว่าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ชอบหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันมีข้อแลกเปลี่ยน อยากจะคุยกับท่านสักหน่อยเพคะ”นางพูดเช่นนี้ เป่ยเฉินหยวนกลับไม่มองนางแม้แต่น้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดูถูก “อย่างเจ้า มีคุณสมบัติอะไรมาทำข้อตกลงกับข้า?”“ที่ข้ายอมให้เจ้าอยู่ในขบวนนี้จนถึงตอนนี้ ก็เพียงเพราะเห็นแก่หน้าอู๋โยว”รอยยิ้มบนใบหน้าของอันหลันซินแข็งค้าง กัดฟันเล็กน้อย“เหอะๆ หม่อมฉั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 384

    เป่ยเฉินหยวนนอนเอนกายอย่างสบายอารมณ์อยู่ในรถม้า ในขณะเดียวกันก็นอนอยู่ข้างกายเวินซื่อ หลับตาพริ้มขยับศีรษะอย่างมีความสุข ตอบคำถามของนางทีละประโยค“ได้ ไม่แรง ไม่ได้ดึงเลย ปวดนิดหน่อย เพราะซื่อเอ๋อร์ลูบให้ หัวก็เลยไม่ปวดมากแล้ว”เวินซื่อได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกโชคดีที่นางยังจำตำแหน่งกดจุดต่างๆ บนศีรษะที่อาจารย์ม่อโฉวสอนได้ ผสมผสานกับวิธีการนวด แล้วนวดให้เป่ยเฉินหยวน ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะดีเลยทีเดียวเวินซื่อที่คิดว่าได้ผลจริงๆ ก็ยังคงตั้งใจจ้องมองศีรษะของเป่ยเฉินหยวน จดจ่ออยู่กับการผสมผสานวิธีการนวดและกดจุดต่างๆ ของนางหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ภายในรถม้าดูเหมือนจะเงียบสงบลงอย่างสิ้นเชิงเงียบจนแม้ว่าภายนอกจะมีเสียงล้อรถดังอยู่ ก็ยังได้ยินเสียงหายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอภายในรถม้าเวินซื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าเป่ยเฉินหยวนไม่รู้ว่าหลับตาลงตั้งแต่เมื่อไรแล้วเวินซื่อเห็นดังนั้น มือที่วางอยู่บนศีรษะของเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวช้าลง จนกระทั่งพอสมควรแล้ว นางถึงได้ชักมือกลับก้มหน้าลงมองสีหน้าที่อ่อนล้าระหว่างคิ้วของเป่ยเฉินหยวน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เวินซื่อก็หยิบขวดน้ำทิพย์ออกมาจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 383

    “ปวดหัวหรือ? เกิดอะไรขึ้น? ปวดเป็นพักๆ หรือว่าปวดมากตลอดเวลา?”พอเวินซื่อได้ยินเป่ยเฉินหยวนบอกว่าตนเองปวดหัว ก็ไม่ทันได้ใส่ใจกับคำเรียกที่ดูเหมือนจะสนิทสนมเกินไปนั่น รีบถามอย่างกระวนกระวาย“ปวดเป็นพักๆ เหมือนกับมีคนมากมายพูดอยู่ในหัวของข้า หนวกหูมาก ปวดเหลือเกิน”เป่ยเฉินหยวนมองนางอย่างไม่วางตา ชายหนุ่มผู้ซึ่งปกติแล้วสูงใหญ่และพึ่งพาได้เสมอ เวลานี้กลับดูอ่อนแอเหมือนหมาป่าตัวใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บ ทำได้เพียงส่งเสียงร้องครางกับคนตรงหน้าเพื่อระบายความเจ็บปวดของตนเวินซื่อไม่เคยเห็นเป่ยเฉินหยวนในสภาพที่อ่อนแอเช่นนี้มาก่อนแม้แต่ครั้งแรกที่เห็นเขาป่วยที่ริมลำธารเล็กๆ หลังภูเขานั่น เป่ยเฉินหยวนในตอนนั้นก็ยังคงสติไว้ได้บ้างแต่เป่ยเฉินหยวนในตอนนี้ กลับเหมือนแสดงด้านที่อ่อนแอยามเจ็บป่วยออกมาให้นางเห็นอย่างไม่มีปิดบังเวินซื่อจึงลูบหน้าผากเขาด้วยความสงสารทันที แล้วจับชีพจร “ไม่ปวดแล้วๆ ตอนนี้ข้าจะสวดมนต์ให้ท่านอ๋องเดี๋ยวนี้ ท่านนั่งฟังดีๆ อีกเดี๋ยวก็จะไม่ปวดแล้ว”แต่เป่ยเฉินหยวนในตอนนี้กลับเหมือนจะมีความคิดต่อต้านขึ้นมาเล็กน้อย ยื่นมือออกไปคว้าข้อมือของเวินซื่อที่กำลังจะชักกลับ เอ่ยด้วยน้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 382

    นางมองเวินซื่อด้วยความอาลัยอาวรณ์หางตากลับเหลือบไปมองเป่ยเฉินหยวนและเด็กสาวที่อยู่ข้างโต๊ะนั่นอย่างเย็นชาเพิ่มมาอีกคนแล้วแต่ไม่เป็นไร ยังไม่จบหรอกหลังจากที่นายท่านสกุลผังกลับไปแล้ว ไม่นานก็ส่งสัญญาขายตัวมาให้ตามคาด ทั้งยังเขียนหนังสือหย่าอนุภรรยาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมาหนึ่งฉบับจริงๆเมื่อได้สัญญาขายตัวและหนังสือหย่าอนุภรรยา อันหลันซินก็ไปจากที่นี่เวินซื่อให้จู๋เยวี่ยติดตามไประยะหนึ่งแน่นอนว่าเพื่อจับตาดู“เป็นอย่างไรบ้าง?”หลังจากที่จู๋เยวี่ยกลับมา เวินซื่อก็เอ่ยถาม“ดูเหมือนว่าจะมีเศษเงินที่ซ่อนเอาไว้ ซื้อของกินเล็กน้อย ห่อไว้แล้วก็ออกจากเมืองไป ดูท่าทางน่าจะกลับเมืองหลวง”กลับเมืองหลวง...จินโจวอยู่ห่างจากเมืองหลวงขนาดนี้ นางคิดจะเดินเท้ากลับไปหรือ?แล้วยังมีบิดาของนางในเมืองหลวง ทั้งภรรยาเอกและพี่สาวต่างมารดาพวกนั้น คงจะไม่ปล่อยนางไปกระมัง?ถึงอย่างนั้นนางก็ยังคิดจะกลับไป?เวินซื่อขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็คลายปมคิ้วไม่สิ นางจะเป็นห่วงอันหลันซินทำไมกัน?ต่อจากนี้ไปอันหลันซินจะเป็นตายร้ายดีก็ไม่เกี่ยวข้องกับนางที่นางช่วยครั้งนี้ก็เพราะเห็นแก่คว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 381

    ยังคงเป็นสองคำนั้น เพียงแต่คราวนี้เวินซื่อเป็นคนพูดนางเรียกนายท่านผังและบุตรชายเอาไว้ กำลังจะเอ่ยถาม “เช่นนั้นอันหลันซินกับลูกชายท่าน...”“ข้าน้อยกลับไปแล้วจะรีบให้คนนำสัญญาขายตัวของคุณหนูอันมาส่งให้ทันที และจะให้บุตรชายข้าเขียนหนังสือหย่าอนุภรรยา เพื่อเป็นหลักฐาน!”แม้ว่าตั้งแต่สมัยโบราณจะมีเพียงหนังสือหย่าภรรยา ไม่มีหนังสือหย่าอนุภรรยา แต่วันนี้ต่อให้มันไม่มีก็ต้องมี!นายท่านผังก็กลัวจริงๆ เขากลัวว่าหากทำให้บรรพบุรุษทั้งสองท่านนี้โกรธขึ้นมาอีก ถึงตอนนั้น ไม่ใช่แค่ลูกชายเท่านั้นที่จะหายไป แม้แต่สกุลผังก็จะหายไปด้วย!เวินซื่อเลิกคิ้ว เห็นอีกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์เช่นนี้ นางจึงไม่ได้พูดอะไรมากอีก“รีบส่งมาเร็วๆ อย่าให้เสียเวลา”นายท่านผังได้ยินดังนั้น ก็รู้ว่าเรื่องร้ายนี้ในที่สุดก็สิ้นสุดลงแล้ว จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบพาบุตรชายหนีไปอย่างรวดเร็วรอจนเป่ยเฉินหยวนจัดการกับเหล่าขุนนางที่เกี่ยวข้องกับอันหลันซินจนเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว เวินซื่อจึงหันไปมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่ช่วยข้าระบายความโกรธ ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทน ได้แต่สวดมนต์ขอพรให้ท่านทุกวัน”พูดไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 380

    ดูจากตอนนี้ โชคดีที่เลือกไม่ผิดธิดาศักดิ์สิทธิ์ชอบจริงๆ ด้วยนอกจากปลูกสมุนไพร ยังได้ยินมาว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์กำลังเรียนวิชาแพทย์ แต่ละอย่างล้วนช่วยผู้คนสมกับเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์งดงามทั้งรูปโฉมและจิตใจหวังโฉ่วอันที่รู้ว่าเวินซื่อเรียนวิชาแพทย์ แต่กลับไม่รู้ว่าเรียนพิษศาสตร์ด้วยคิดเช่นนั้นหลังมอบของขวัญเสร็จ หวังโฉ่วอันไม่มองเหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่ตรงทางเข้า ซึ่งกำลังยักคิ้วหลิ่วตาให้เขาอย่างบ้าคลั่งสักนิด เอ่ยลาแล้วจากไปทันทีทิ้งขุนนางเหล่านั้นให้มองหน้ากันเอง พวกเขาคุกเข่าจนขาแทบหัก แต่กลับไม่มีใครกล้าลุกขึ้นกระทั่งบางคนที่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว พอเงยหน้าขึ้นพลันได้เห็นสายตาพิฆาตของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนความกดดันที่รุนแรงอย่างนั้น ไม่มีใครรับไหวดังนั้นตลอดบ่ายจึงต้องรอคอยอย่างสำรวมหลังจากรอให้เป่ยเฉินหยวนดูสมุดบัญชีเหล่านั้นทั้งหมด ได้ขอเบี้ยหวัดทหารจากสกุลผางถึงห้าสิบล้านตำลึง เรื่องนี้จึงถือว่าจบลงแต่ก็ใช่ว่าจะจบลงทั้งหมดตอนคุณชายใหญ่สกุลผางถูกลากตัวออกมา เหมือนหมูตายตัวหนึ่ง ปวดจนหมดสติไปนานแล้วถ้าเป่ยเฉินหยวนไม่สั่ง ไม่มีใครกล้ารักษามือให้คุณชายใหญ่ส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 379

    เมื่อพูดคำนี้ออกไป ทำให้นายท่านผางตกใจจนรีบลุกขึ้น แล้วหอบเอาสมุดบัญชีสั่งให้คนไปจัดเตรียมเขาจากไปแล้ว แต่ตรงทางเข้ายังมีคนกลุ่มใหญ่ที่ไม่กล้าขยับ“ทำไมพวกเขายังไม่ไปอีก?”เวินซื่อถามอย่างสงสัยอีกครั้งเป่ยเฉินหยวนกล่าว “เพราะโหวกเหวกเกินไป ดังนั้นข้าสั่งให้พวกเขาคุกเข่าอยู่ตรงทางเข้า รอให้ข้าจัดการธุระเสร็จแล้ว ค่อยไปจัดการพวกเขา”คนพวกนี้จะได้ไม่ต้องกินอิ่มแล้วไม่มีการมีงานให้ทำเสียงของเป่ยเฉินหยวนดังกำลังพอดี ทว่าพวกที่อยู่ตรงทางเข้าก็ได้ยินอย่างพอดีเช่นกันคราวนี้ มีขุนนางหลายคนตกใจจนตัวสั่นงกๆ เหงื่อแตกท่วมหัวไปหมดหากรู้แต่แรกพวกเขาไม่น่าเห็นแก่เงินทอง รับปากนายท่านผางเลย!คราวนี้ดีละ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนบอกว่าจะจัดการพวกเขา เช่นนั้นพวกเขายังรอดไปได้หรือ? !“เร็ว รีบไปเชิญใต้เท้าผู้ว่าการหวังมา ไม่อย่างนั้นพวกเราจบเห่กันหมดแน่!”มีคนแอบส่งสายตาให้คนข้างนอกในไม่ช้า หวังโฉ่วอันก็มาถึงแต่น่าเสียดายที่ไม่ได้มาขอร้องให้พวกเขา“กระหม่อมคารวะธิดาศักดิ์สิทธิ์ คารวะท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน”พอหวังโฉ่วอันมาถึงก็มองข้ามกลุ่มคนตรงทางเข้า เข้าไปทำความเคารพตรงหน้าเวิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 378

    ตอนฉางเสี่ยวหานได้ยินว่าไม่ต้องทำสัญญา กลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยหากทำสัญญาขายตัวจริง เช่นนั้นนางจะกลายเป็นคนของธิดาศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง ต่อไปธิดาศักดิ์สิทธิ์ไปถึงไหน นางก็จะได้ตามไปถึงนั่นอย่างเปิดเผยแต่น่าเสียดายที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ทำสัญญาฉางเสี่ยวหานจึงต้องเก็บความผิดหวังไว้ในใจแต่ว่าไม่เป็นไร ต่อให้ตอนนี้ไม่มีสัญญาขายตัว แต่นางก็จะทำให้ดี คงมีสักวันที่นางได้กลายเป็นคนของธิดาศักดิ์สิทธิ์!เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉางเสี่ยวหานให้กำลังใจตัวเองสักครู่ ต่อมาจึงเริ่มหางานให้ตัวเองทำภายในห้องของเวินซื่อนางเป็นสาวใช้เพียงคนเดียวข้างกายธิดาศักดิ์สิทธิ์ นางจะเหมางานทุกอย่างรอบตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์มาให้หมด! ทั้งหมดเลย!หลังเวินซื่อแต่งตัวเสร็จจึงลงมาชั้นลาง ด้านหลังมีหางตัวน้อยตามมาด้วยหนึ่งขณะนี้เป่ยเฉินหยวนกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงของโรงเตี๊ยม ตรงโต๊ะข้างหน้ามีสมุดบัญชีวางอยู่หนึ่งกองใหญ่ ตรงทางเข้าห้องโถงมีคนคุกเข่าเป็นกลุ่มใหญ่เช่นกันเมื่อได้ยินเสียงลงมาชั้นล่าง เป่ยเฉินหยวนเงยหน้าขึ้นทันที “ตื่นแล้วหรือ? รีบมากินอาหารสิ ให้คนอุ่นอาหารไว้ให้ท่านแล้ว”“ได้”เวินซื่อเดินไปนั่ง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status