“ดิ้นอีกสิ ยิ่งเจ้าดิ้นมากเท่าใด มันก็ยิ่งกระตุ้นให้ข้าอยากรังแกเจ้า พระสนมที่รัก ข้าอยากรู้ว่าคืนนี้เจ้าจะทนรับมือข้าได้นานเท่าใด มาเถอะ เสียเวลามามากพอแล้ว” สวัสดีจ้าทุกคน มาแล้วๆ ท่านอ๋องคนที 2 ของนิยายชุด "สี่ยอดบุรุษแห่งต้าเฉิน" มาแล้วจ้า ท่านอ๋อง "เฟิ่งจื่อหลิง" เป็นท่านอ๋องแต่งตั้งโดยฮ่องเต้นะคะ พระเอกเป็นแม่ทัพใหญ่สกุลเฟิ่งมาก่อนค่ะ "หยางหลินเย่" บุตรสาวแม่ทัพหยาง หนึ่งในสามยอดแม่ทัพที่เก่งที่สุดในใต้หล้า สลับตัวกับองค์หญิงเพื่อมาอภิเษกกับอ๋องเฟิ่ง เพื่อ......มาฆ่าท่านอ๋องค่ะ แต่ๆ.....ฆ่าทำไมนั้น.....ต้องตามไปอ่านกันนะคะ ....
ดูเพิ่มเติมเมื่องฉีโจว
“นับแต่นี้ไป ข้าขอยึดอำนาจจากอ๋องชั่วหยวนซื่ออ๋องพรุ่งนี้ยามซื่อ (09.00-10.00 น.) ประหาร”
“เฟิ่งจื่อหลิง!! เจ้าคนชั่ว เจ้ากล้าดีอย่างไรล้มอำนาจข้า เจ้าไม่กลัวว่าฝ่าบาทที่อยู่ต้าเฉินจะยอมงั้นหรือ”
“หึ เรื่องนั้นไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเตือนข้า ฝ่าบาทททรงทราบเรื่องที่เจ้าทำทุกอย่าง ข้าเป็นคนทูลให้ทรงทราบด้วยตนเอง แต่ว่าหากเจ้ายังสงสัยอยู่ เช่นนั้นก็เอาราชโองการของฝ่าบาททไปดูเองเถอะ”
ม้วนผ้าสีทองมาตรามังกรอยู่บนนั้นถูกส่งไปให้อ๋องที่พึ่งจะหมดอำนาจและเป็นทรราชของแผ่นดินได้อ่านเป็นครั้งสุดท้าย ในนั้นคือคำสั่งปลดเขาลงจากตำแหน่งเพราะทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงและคิดก่อกบฏแบ่งแยกดินแดนจากต้าเฉิน
ฮ่องเต้มีคำสั่งให้แม่ทัพใหญ่สกุลเฟิ่ง ซึ่งบัดนี้นำโดยแม่ทัพหนุ่ม เฟิ่งจื่อหลิงนำทัพปราบกบฏจนสามารถยึดอำนาจหยวนซื่ออ๋องลงได้
“ไม่…ไม่…ไม่จริง ข้าไม่ได้ทำ ทั้งหมดนี่ เจ้า…ใส่ความข้า”
“ใส่ความงั้นหรือ หึ หยวนซื่ออ๋องพรุ่งนี้เจ้าก็ลองดูราษฎรที่มารอดูการประหารของเจ้าเอาก็แล้วกัน ลองดูว่าพวกเขาจะสาปแช่งเจ้าหรือร้องไห้ให้กับอ๋องชั่วอย่างเจ้ากันแน่ เอาตัวไป!!”
ห้าวันถัดมา
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่าอย่างไร ส่งหนังสือให้วังหลวงเรียบร้อยแล้วงั้นหรือ”
“ทำตามรับสั่งเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง ก่อนที่หยวนซื่ออ๋องจะหมดอำนาจ เขาได้ทำการสู่ขอองค์หญิงของแคว้นชุนฮัว โดยอ้างว่าเพื่อรวมอำนาจสองแคว้นให้เป็นหนึ่งแต่ความจริงเพียงเพราะมักมากในกาม ตอนนี้องค์หญิงชุนฮัวออกเดินทางมาแล้ว คิดว่าไม่เกินสามวันคงเดินทางมาถึงที่ฉีโจวพ่ะย่ะค่ะ”
“ชุนฮัว พระสนมจินผู้นั้น!! ที่ฆ่าถิงอัน!! เหตุใดเขาจึงขอสตรีที่นั่นมาแต่งงานอีก”
“ชุนฮัวเป็นแคว้นเล็กแต่อุดมไปด้วยทรัพยากร มีเหมืองทองและน้ำมันมาก หยวนซื่ออ๋องเกิดความละโมบจึงยอมทำสัญญาข้อตกลงใหม่อีกครั้ง”
“พระสนมงั้นหรือ หึ ข้าจำเรื่องนี้ได้ดี ครั้งนี้สวรรค์คงให้ข้าได้แก้แค้นแล้วสินะ”
เฟิ่งจื่อหลิงนั่งคิดถึงเรื่องราวเมื่อหนึ่งปีก่อน หยวนซื่อผู้เป็นอ๋องปกครองฉีโจวในตอนนั้นสั่งให้เขายกทัพเพื่อป้องกันชายแดนที่ติดกับชุนฮัวและเจรจาขอสงบศึก ลับหลังเขา หยวนซื่อกลับฉุดคร่าคนรักของเขาในตอนนั้น หลานถิงอันเข้ามาเป็นสนมในวังโดยที่นางไม่ยินยอม หยวนซื่อใช้ทุกวิธีทางบังคับนาง สุดท้ายก็ขืนใจนาง เขามารู้ทีหลังว่าหยวนซื่อและองค์หญิงจินสืออิงของชุนฮัวร่วมกันวางแผนเรื่องนี้ขึ้นเพื่อให้หยวนซื่อขืนใจคนรักของเขา
เมื่อเขากลับมาถึงฉีโจวก็ได้ข่าวว่าพระสนมจิน องค์หญิงแห่งชุนฮัวเป็นผู้ลงมือสังหารนางเพราะกลัวว่าถิงอันจะมาแย่งความรักของหยวนซื่ออ๋องไป แต่เพราะความลุ่มหลงของหยวนซื่ออ๋องเขาไม่อาจทำใจฆ่าสนมจินที่เป็นที่รักได้ จึงป้ายสีความผิดให้กับคนสนิทของนางที่มาด้วยกันและประหารนางแทน
“ท่านอ๋อง เรื่องนี้เราแจ้งข่าวไปที่ชุนฮัวไม่ทัน เราจะจัดการเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ”
“จะทำอย่างไร ก็ต้องไหลไปตามน้ำสิ ข้าจะรับนางเป็นพระสนม”
“ท่านอ๋อง แต่ว่าทางชุนฮัวยังไม่ทราบข่าวของหยวนซื่ออ๋องเรื่องนี้เราควรแจ้งไปที่ชุนฮัวหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“แน่นอนว่าต้องแจ้ง แต่พระสนมที่กำลังจะมาถึงนั่น ข้า…จะจัดการเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
แคว้นชุนฮัว / สิบวันก่อนหน้านี้
“น้องสามข้าไม่อาจยอมได้ แม้ว่าเจ้าจะตัดสินใจเช่นนั้นแต่ว่า…”
“ข้าตัดสินใจแน่วแน่ พี่ใหญ่ แค้นของพี่รองรอสะสาง อ๋องชั่วของฉีโจวต้องชดใช้ด้วยชีวิตแทนสกุลหยางของพวกเรา”
“ไม่นะ ตอนนี้ข้าเหลือเจ้าเป็นน้องสาวเพียงคนเดียว ข้าจะให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้นหาได้ไม่ ท่านพ่อท่านแม่บนสวรรค์คงต้องตำหนิข้าเป็นแน่ หากรู้ว่าเจ้าทำเช่นนี้”
“ท่านพี่ แล้วท่านลืมพี่รองแล้วงั้นหรือ นางถูกส่งไปดูแลองค์หญิงในฐานะพระสนมแต่นางกลับถูกฆ่าตายแทนที่จะได้กลับชุนฮัว อย่างไรข้าก็จะไม่มีทางยกโทษให้อ๋องชั่วนั่น มันต้องตายด้วยมือของข้า!!”
“หลินเย่!! เจ้าตั้งสติหน่อย เจ้าไปในฐานะองค์หญิงของชุนฮัว หากว่าเจ้าไปฆ่าเขาแล้วทำให้เกิดสงครามขึ้นมาเล่า”
“เช่นนั้นสกุลจินของฝ่าบาททก็ควรจะต้องชดใช้ให้พี่รองของข้าด้วย พวกเขาโยนความผิดขององค์หญิงให้พี่สาวข้าเองนี่ นี่คือสิ่งที่พวกเขาควรรับเช่นกัน”
“น้องสาม เหตุใดเจ้าจึงโหดเหี้ยมเช่นนี้ เจ้าวางแผนเรื่องนี้มานานแล้วใช่หรือไม่”
“ตั้งแต่รู้ว่าพี่รองถูกสั่งตัดหัวอยู่ฉีโจว ข้าก็คิดเรื่องนี้มาโดยตลอด ฉีอ๋องก็ดี สกุลจินแห่งชุนฮัวก็ดี พวกเขาล้วนต้องชดใช้ให้สกุลหยางของข้า!!”
นอกเมืองฉีโจว / บนรถม้าขบวนส่งตัวเจ้าสาว
“องค์หญิงเพคะ…..องค์หญิง”
หลินเย่ตกใจตื่นจากภวังค์เมื่อสาวใช้ส่วนตัวของนางเรียก
“มี่อิน ว่าอย่างไร ข้าคิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“อีกสิบลี้เราจะเข้าเมืองฉีโจวแล้วเพคะ องค์หญิงเตรียมตัวได้แล้วเพคะ”
“อืม”
หยางหลินเย่ เป็นบุตรีคนที่สามของแม่ทัพหยางหยวนของชุนฮัว ตั้งแต่เด็กนางเรียนรู้วิธีการต่อสู้ทุกรูปแบบ เนื่องจากเติบโตในกองทัพสกุลหยาง นางจึงเรียนรู้สรรพวิชาการศึกจากบิดาทั้งการขี่ม้า ฝึกอาวุธ กลยุทธ์การศึกรวมไปถึงวิชายุทธ์ที่บิดาให้อาจารย์หลายคนมาสอน
เมื่ออายุสิบสองขวบนางกลับเข้ามาเรียนวิชาของสตรีในชุนฮัว บุตรหลานของสกุลหยางเป็นรองเพียงราชสกุลจินที่ครองราชย์อยู่เท่านั้น พวกนางถูกอบรมทั้งเรื่องความรู้ด้านมารยาทและศาตร์ทั้งสี่ กลอน หมาก อักษร ภาพ ซึ่งหลินเย่นั้นถือเป็นสตรีที่มีความสามารถ นางเรียนรู้สรรพวิชาได้เป็นอย่างดีไม่ต่างกับพี่สาวนาง
“องค์หญิงสวมชุดเจ้าสาวได้แล้วเพคะ”
“ท่านอ๋อง ฉลองพระองค์เตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
""มาช่วยข้าเปลี่ยนชุดที""
“เพคะองค์หญิง” // "พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"
ท้องพระโรง // พิธีอภิเษก
“บ่าวสาวคำนับฟ้าดิน”
“คำนับบิดามารดา”
“คำนับกันและกัน”
“……”
ทั้งคู่เพียงหันหน้าเข้าหากัน เจ้าสาวภายใต้ผ้าแดงเองก็เช่นกัน ผู้ทำพิธีถึงกับทำสีหน้าไม่ถูกเมื่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างไม่ยอมคำนับให้กัน
“เอ่อ...ท่านอ๋อง พระสนม ก้มคำนับให้กันและกันก็เสร็จพิธีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ข้ารู้แล้ว ประกาศอีกที”
“คำนับสาม คำนับกันและกัน”
เฟิ่งอ๋องมองไปยังเจ้าสาวที่ถือดีตรงหน้า แม้จะยังไม่เห็นหน้านาง เขาก็รู้สึกเกลียดนางอย่างสุดชีวิต มิใช่เพียงความแค้นของหลานถิงอัน
แต่เพราะความอวดดีของนางในตอนนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกเกลียดนางอย่างไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อนเมื่ออยู่ต่อหน้าสตรี
เขาโค้งตัวลงมาตามพิธีเล็กน้อย นางเองก็เช่นกัน โค้งเพียงเล็กน้อยซึ่งแทบจะไม่รู้สึกด้วยซ้ำ หวังกงกงรีบจบพิธีสมรสที่น่าอึดอัดนี้โดยเร็ว
“ส่งตัวพระสนมเข้าหอ”
เสียงแขนเสื้อชุดเจ้าสาวสะบัดอย่างรำคาญตรงหน้า ทำเอาเฟิ่งอ๋องที่ยืนอยู่ตรงหน้านางรู้สึกอยากจะกระชากผ้าแดงนั้นออกมาดูใบหน้าของคนอวดดีที่อยู่ภายในเสียเหลือเกิน
แม้แต่เขาที่เป็นอ๋องนางยังกล้าถือดีเช่นนี้เลยงั้นหรือ เขาหันไปมองร่างที่ถูกแม่สื่อพาตัวออกไป แม้แต่แม่สื่อนางก็ยังไม่ให้แต่ต้องตัวจนต้องเรียกสาวใช้ที่มาด้วยกันนำทางไปเอง
“จองหอง อวดดี!!”
งานอภิเษกองค์หญิงจินลั่วเฟยงานอภิเษกยิ่งใหญ่ดังคำประกาศที่ฝ่าบาทได้แจ้งเอาไว้จริงๆ บัดนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงของชุนฮัวต่างพากันตกแต่งซุ้มดอกไม้และประดับธงมงคลทั่วทุกบ้าน และทางวังหลวงยังจัดให้มีขบวนรถม้าเพื่อแห่ขบวนคู่บ่าวสาวของราชวงศ์ตามธรรมเนียมของชุนฮัวด้วยเช่นกันบ่าวสาวในชุดสีขาวบริสุทธ์ปักด้วยเพชรและทองทั้งตัวจากช่างฝีมือดีของในวังที่เพียรตัดชุดนี้ขึ้นมาอย่างประณีต องค์ชายฟงเจ้าหนานจับมือองค์หญิงจินลั่วเฟยขึ้นรถม้าที่ประดับด้วยดอกไม้พร้อมกับรับตะกร้ามาจากสาวใช้ ในนั้นบรรจุแผ่นทองเต็มสองตะกร้า เพื่อให้ทั้งคู่โปรยแจกราษฎรในเมืองหลวงระหว่างที่ขบวนแห่เริ่มออกจากวังหลวง“ข้าน่าจะมาแต่งที่ชุนฮัวบ้างนะ พิธีการของที่นี่ช่างน่าสนใจยิ่งนัก”“พระองค์อยากแต่งที่ชุนฮัวหรืออยากได้พระสนมที่ชุนฮัวเพิ่มเพคะ”“เปล่านะๆ ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าอย่าเข้าใจข้าผิด เจ้าดูสิ พวกเขานั่งรถม้าโบกมือให้ประชาชนที่มารอร่วมยินดีกับพวกเขาทั้งสองข้างทาง ช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก ในฉีโจวเราไม่มีพิธีแบบนี้เกิดขึ้นเลยสักครั้ง”“ชุนฮัวเป็นเช่นนี้มานานแล้วเพคะ เพียงแต่ว่านานๆถึงจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เหล
แคว้นชุนฮัว“หลินเย่ ถึงแล้ว”“จื่อหลิง เหตุใดจึงหนาวเช่นนี้เพคะ”“ตอนนี้ชุนฮัวคงเริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว มาเถอะ ข้าจะสวมเสื้อคลุมกับถุงมือให้”“ขอบพระทัยเพคะ”“หลินเย่ พี่เฟิ่งพวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง”“อ้อ เจ้าหนานหลินเย่คงไม่ค่อยชินเท่าไหร่น่ะ เห็นบ่นว่าหนาวลั่วเฟยล่ะ”“พานางไปดื่มชาร้อนด้านในก่อนเถอะ ลั่วเฟยบอกให้กข้ามารับพวกท่านเข้าไปด้านในก่อน อีกห้าสิบลี้กว่าจะถึงชุนฮัว ต้องพักที่นี่ก่อน”“ได้สิ อีกเดี๋ยวข้าจะตามเข้าไป แล้วเนี่ยฝานกับลั่วเจินเล่า”“พวกเขาเข้าไปแล้วขอรับ”“ได้ เช่นนั้นข้าจะรีบพาหลินเย่ตามเข้าไป”“ได้ขอรับ”“หลินเย่ ไหวหรือไม่”“จื่อหลิง หนาวจังเลยเพคะ หม่อมฉันไม่อยากออกไปเลย”“มาเถอะ ข้าพยุงเจ้าไปเองนะ ลั่วเฟยให้เจ้าหนานมาตามเราเข้าไปด้านใน อยู่ตรงนี้จะหนาวนะ ไปเถอะหลินเย่ค่อยๆเดินออกมาด้านนอกรถม้าที่จอดอยู่หน้าโรงเตี๊ยมก่อนถึงแคว้นชุนฮัว นางเดินลงจากรถม้าและรีบโผเข้ากอดเฟิ่งอ๋องทันทีเพราะความหนาวเย็นเขาพยุงนางและพาเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่คนที่เหลือนั่งดื่มชารออยู่ ลั่วเฟยเมื่อเห็นหลินเย่เดินเข้ามาจึงรีบนำเตาอุ่นมือวิ่งเอาไปให้นาง“หลินเย่ นี่เตาอุ่นมื่อ เจ้าอุ้มเอ
“พี่หญิงข้าจะรีบไปรีบกลับนะเจ้าคะ ท่านอยู่ที่นี่ต้องดูแลตัวเองด้วยนะเจ้าคะ”“ไปเถอะเจ้าไม่ต้องห่วงข้ากับท่านพ่อนะ เที่ยวให้สนุก”“แม่ชีหลาน ไว้พบกันวันขึ้นเขานะ”“ขอบคุณท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”ท่านอ๋องหันไปมองหน้าสหายที่ตะโกนบอกกับหลานผิงอันอยู่ข้างรถม้าของเขา เฟิ่งจื่อหลิงรู้สึกว่าท่าทีของสหายข้างๆแปลกไป หลายวันมานี้เขาขอตัวไปเฝ้าและรับอาสาส่งยาของท่านหมอไปที่จวนสกุลหลานนอกเมืองและมักจะหายไปหลายชั่วยามในแต่ละวัน“เจ้าจะรอจนนางกลับไปบำเพ็ญเพียรก่อนจึงจะยอมบอกความรู้สึกหรืออย่างไร”“ท่านอ๋อง พระองค์ทรงตรัสอะไรพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงแต่....”“อย่ามาใช้คำพวกนี้กับข้า เป็นสหายกับเจ้ามาหลายปี มาตอนนี้จะมาเรียกข้าเช่นนี้ บอกข้ามาเจ้ากำลังตกหลุมรักเข้าแล้วสินะ”“จื่อหลิงเจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล ข้าน่ะ...”“พี่ใหญ่ ท่านพี่ พวกท่านคุยอะไรกันอยู่เพคะ”“อ้อ...หลินเย่ข้ามีอะไรจะบอกเจ้าด้วย คือว่า..”“ก็ได้ๆ เฟิ่งจื่อหลิงเจ้าคนเจ้าเล่ห์ ข้ายอมรับ เจ้าอย่าพึ่งบอกหลินเย่นะ นางหวงหลานผิงอันยิ่งกว่าผู้ใดเสียอีก”“เรื่องนี้น้องรองของเจ้าก็รู้สินะ”“ใช่ นางรู้”“แล้วเหตุใดให้หลินเย่รู้ไม่ได้เล่า”“น้องสามไม่เหมื
“หม่อมฉันเองก็มีความสุขมากเพคะ ที่พวกเราอยู่กันพร้อมหน้าเช่นนี้ เสียดายที่ท่านพ่อหลานมาไม่ได้”“ใต้เท้าหลานคงต้องรักษาตัวอีกสักพัก เขาตามไปอยู่ที่วัดกับแม่ชีหลานอาจจะทำให้สภาพจิตใจของเขาดีขึ้นมาก็เป็นได้”“ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเพคะ”พวกเขาเข้ามาร่วมวงสนทนาเป็นวงใหญ่เมื่อท่านอ๋องและพระชายามาร่วมด้วยทำให้กลุ่มของพวกเขาเสียงดังกว่าผู้ใดในงานเลี้ยงจนเป็นที่จับตามอง“องค์ชาย หากว่าท่านกลัวว่าฝ่าบาททของชุนฮัวไม่ยกองค์หญิงให้ เช่นนั้นข้าจะเป็นตัวแทนฝ่ายเจ้าบ่าวไปสู่ขอให้ท่านดีหรือไม่”“ท่านอ๋อง พระองค์ตรัสจริงหรือไม่เรื่องนี้กล่าวเล่นๆไม่ได้นะเพราะข้าจริงจังมาก”“ข้าไม่ได้กล่าวเล่นๆ ในเมื่อช่วยให้พวกท่านสมหวังได้เหตุใดจึงจะช่วยไม่ได้กันเล่า ถือโอกาสพาหลินเย่กลับไปเยี่ยมบ้านด้วย ใช่หรือไม่เนี่ยฝาน”“ดี ยอดเยี่ยม ขบวนรถม้าครั้งนี้คงราวกับคาราวานขนส่งสินค้าข้ามแดนเลยกระมังดูจากผู้ที่ร่วมเดินทางแล้วมีมากเหลือเกิน”“เป็นหน้าที่ท่านกับหลงอี้แล้วล่ะที่ต้องดูแลพวกเราตอนเดินทาง ว่าอย่างไรองค์ชายฟงเจ้ายังกลัวอยู่หรือไม่”“หากว่าท่านอ๋องเอ่ยปากขนาดนี้ มีทุกคนช่วยพูด ข้าเชื่อว่างานนี้ฝ่าบาททไม่ยอมก็ต้
งานแต่งตั้งพระชายาท่านอ๋องชุดสีแดงสลับขาวปักเลื่อมลายนกยูสีทองบนฉลองพระองค์พร้อมกับเครื่องประดับสีทองถูกสวมลงบนเรือนร่างของพระสนมหยางหลินเย่ เมื่อเกี้ยวจอดอยู่หน้าตำหนักเพื่อมารับพระสนมไปที่ท้องพระโรงเพื่อทำพิธีแต่งตั้งพระชายา “เมื่อขึ้นเกี้ยวนี้ไปกลับเข้ามาอีกครั้งต้องเป็นพระชายาแล้วนะหลินเย่ เจ้าต้องจำเอาไว้ว่าภารกิจหลังจากนี้เจ้ากับท่านอ๋องต้องร่วมใจกันทำเพื่อชาวฉีโจว”“เจ้าค่ะพี่รอง พี่ใหญ่เล่าเพคะ”“พวกเขาไปรออยู่ที่ท้องพระโรงแล้ว เหลือข้ากับผิงอันรอส่งเจ้าที่ตำหนัก”“พี่หญิง”“น้องพี่…วันนี้เจ้างดงามมากจริงๆ ใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดีเชื่อใจและมั่นใจในกันและกัน เจ้ากับท่านอ๋องคือคู่ที่สวรรค์ลิขิต ไปได้แล้วข้ากับลั่วเจินจะไปรอเจ้าที่ท้องพระโรง”“เจ้าค่ะ”หยางหลินเย่เดินขึ้นเกี้ยวอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นพระราชพิธีเพื่อแต่งตั้งนางขึ้นเป็นพระชายา ชุดแดงขาวปักนกยูงสีทองยางลากพื้นเมื่อนางเดินถือหนังสือแต่งตั้งสีทองเดินขึ้นยังท้องพระโรงด้านในนั้นมีเฟิ่งอ๋องที่สวมชุดสีเดียวกันกับนางนั่งที่ประทับรออยู่แล้วเพื่อสวมรัดเกล้าพระชายาให้กับพระชายา เมื่อเดินไปยังหน้าพระที่นั่งที่รายล้อมไปด้วยเหล่าข
หลินเย่กลับมาที่ห้องบรรทมอีกครั้งในตอนค่ำเพื่อเสวยมื้อค่ำกับท่านอ๋อง ซึ่งตอนนี้ทำท่านั่งโกรธอยู่ที่โต๊ะเสวยพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉยอย่างที่เขาเคยทำเมื่อเริ่มโกรธ“ท่านอ๋องเพคะ เนื้อไก่นี่อร่อยนะเพคะ พระองค์ลองชิมดูเพคะ”เขาทำเพียงแค่มองและขยับเนื้อไก่นั้นเอาวางไว้ริมชาม คนที่ตักให้ถึงกับขำกับท่าทางของคนตัวโตตรงหน้าที่งอนราวกับเด็กๆพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่สนใจนาง“ท่านอ๋อง…..”“จื่อหลิง….”หลินเย่งัดไม้ตายสุดท้ายมาเมื่อนางขยับตัวเข้ามาใกล้เขาและจงใจใช้อกอวบแน่นนั้นบดเบียดแขนของเขาอย่างจงใจจนคนที่ถูกยั่วนั้นใบหูเริ่มแดงขึ้น“ท่านพี่….ไม่สนใจหม่อมฉันจริงหรือเพคะ”คำว่า “ท่านพี่” ของนางเกือบทำให้เขาใจอ่อน แม้ว่าจะรีบยกชามข้าวขึ้นมาบดบังรอยยิ้มนั้นเกือบไม่ทันแต่ไม่นานเขาก็กลับมาตีหน้าเฉยชาอีกครั้ง“ข้าจะกินข้าว”“หม่อมฉันคิดว่าพระองค์อยากจะกิน….อย่างอื่นเสียอีก…เฮ้อ เช่นนั้นก็เชิญพระองค์เสวยไปก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน”“จะ…เจ้าไม่กินหรือ…”เสียงที่เริ่มสะอึกเพราะคำว่า “อาบน้ำ” ที่นางบอกทำให้คนฟังคิดไปไกลจนเตลิดแต่ยังไม่เท่ากับสิ่งที่นางกำลังจะทำ“ใช่เพคะ วันนี้ร้อนอบอ้าว
“ไม่นะ ท่านคิดจะกลับไปเลยหรือเจ้าคะ”“หากเสร็จธุระที่นี่แล้ว ก็ไม่มีกิจใดที่ข้าจะอยู่อีก”“แต่ว่า…”“อ้อ พิธีแต่งตั้งพระชายาของเจ้า ข้าต้องอยู่ร่วมด้วยอย่างแน่นอน พิธีมงคลเช่นนี้จะขาดพี่สาวเช่นข้าได้งั้นหรือ”“ท่านพี่ ข้าดีใจที่สุดเลยเจ้าค่ะ วันนี้ข้าได้รู้ว่าพี่รองของข้าไม่ตายและข้ายังได้พี่สาวเพิ่มอีกคน ช่างดียิ่งนัก”“ทีนี้เจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ ดูสิ ตาเจ้าบวมหมดแล้ว ต่อไปอย่าร้องไห้บ่อย จนกว่าจะถึงพิธีแต่งตั้งพระชายข้าเกรงว่าเจ้าจะลืมตาไม่ขึ้นนะ”“เจ้าค่ะ ข้าจะไม่ร้องไห้อีกแล้วเจ้าค่ะ"“ดีมาก ก่อนหน้านี้ข้าคุยกับจื่อหลิงมา เรื่องของเจ้ากับเขาโชคดีที่พวกเจ้าไม่คิดฆ่ากันจนตายไปข้างหนึ่งเสียก่อนที่จะพบความจริงนะ”“ท่านคุยกับเขามาก่อนหรือเจ้าคะ”“ใช่แน่นอน ข้าเป็นคนขอร้องให้เขาพาข้ามาคุยกับเจ้า เพราะคิดว่าเจ้าคงไม่คุยกับเขาเป็นแน่ เรื่องนี้ทำให้เขากังวลใจจนแทบไม่เป็นอันทำสิ่งใดเลย”“เช่นนั้น…ข้าควรจะทำเช่นไรดีเจ้าคะ”“แสดงความรักให้มากๆ ทำให้เขารับรู้ว่าเจ้าเข้าใจเขาไม่คิดสงสัยในตัวเขา และเชื่อมั่นในตัวเขาชีวิตของเจ้าต่อจากนี้ต้องเป็นเจ้ากับเขาแล้วนะ พวกพี่ๆเป็นคนที่มองอยู่ข้างนอก
แม่ชีหลานผิงอันเป็นผู้พูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนั้นทันที แม่ทัพหยางและหยางลั่วเจินหันมามองหน้าหลินเย่พร้อมกับเดินออกไปก่อน หลินเย่เหลือบมองไปที่หลานผิงอันกับท่านอ๋องที่มองสบตากันยิ่งทำให้นางรู้สึกไร้ค่าที่ยังนั่งอยู่ตรงนี้ พวกเขามีความรักลึกซึ้งกันเพียงใดนางย่อมรู้ดีที่สุด แม้ว่าก่อนหน้านี้เฟิ่งจื่อหลิงจะบอกรักนางมากเพียงใด และพูดกับนางว่าจะเหลือหลานผิงอันเอาไว้เป็นเพียงความทรงจำที่ดี แต่ในเมื่อนางยังไม่ตาย ความทรงจำนั้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขาจะเลือกนาง….หรือว่า…..หลานผิงอัน“พระสนม”“เชิญท่านนั่งก่อนเถิดเจ้าค่ะ อย่ายืนเลยเจ้าค่ะ”“พระสนมอย่าได้เกรงใจข้าเลย แม้ว่าข้าจะถือศีลโกนผมบวช แต่ก็ยังมิใช่นักบวช เพียงแค่ปฏิบัติธรรมรักษาศีลภาวนาเท่านั้น”“เช่นนั้นก็แสดงว่า ท่านมาเพื่อบอกข้าว่าท่านจะกลับมาที่ฉีโจวสินะเจ้าคะ”“การที่ข้ากลับมาในครั้งนี้มีภารกิจสำคัญที่ต้องทำอยู่สามอย่าง อย่างแรกที่ทำไปแล้วคือปิดคดีอื้อฉาวของตนเองและล้างมลทินให้กับพระสนมจินที่เสียสละชีวิตนางและบุตรในครรภ์เพื่อข้า บาปนี้หนักหนานักสำหรับข้า”“แต่ว่าท่านไม่ได้รับรู้บาปในครั้งนี้ หยวนซื่ออ๋องนั่นต่างหาก
เฟิ่งอ๋องหันไปมองหลินเย่ที่ยืนทำหน้าลังเลใจส่งมาให้เขา หากไม่นับสายตาเกลียดชังในครั้งแรกที่นางส่งมาให้เขาตอนวันส่งตัวเข้าหอ สายตาในวันนี้กลับทำให้เขากลัวมากขึ้นกว่าสายตาในวันแรกที่พบนางเสียอีก “หลินเย่”“จื่อหลิง! เจ้าอย่าพึ่งคาดคั้นนาง จัดการเรื่องตรงหน้าเสียก่อน เชื่อข้า”หลินเย่หลบสายตาเฟิ่งอ๋องพร้อมกับถงเหยาที่พานางไปนั่งด้านหลัง เมื่อเห็นว่าหลินเย่นั่งลงแล้ว องค์หญิงจินลั่วเฟยก็รีบเดินมานั่งข้างๆนางพร้อมกับกอดนางไว้ทันที“หลินเย่ เจ้าไม่เป็นอะไรนะ ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”“องค์หญิง…”“อย่า…เรียกข้าเช่นเดิม”“ลั่วเฟย…ลั่วเฟย”น้ำตาที่อดกลั้นเอาไว้กลับไหลออกมาไม่ยั้งราวกับลั่วเฟยได้ไปทุบแผงกั้นนั้นออกมา หลินเย่ร้องไห้อย่างเสียสติภายในอ้อมกอดนั้น ถงเหยาเดินมาหาท่านอ๋องพร้อมกับกระซิบให้เขารีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็วเพราะหลินเย่จะเริ่มไม่ไหวแล้ว“เรื่องของพระสนมหลาน เจ้ามีสิ่งใดอยากแก้ตัวอีกหรือไม่ หลานมู่เอ๋อร์”“ฮ่าๆ….ฮ่าๆๆ ถามข้างั้นหรือ แม้ว่าวันนี้ข้าจะแพ้ แต่คนที่แพ้จะไม่ใช่ข้าเพียงคนเดียว ท่านมองสิสตรีที่ท่านรักสองคนตรงหน้าท่าน บัดนี้ท่านเลือกได้หรือไม่ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
ความคิดเห็น