ไร่ปาริชาต
ยามสายของวันแดดกำลังอ่อนๆคนงานในไร่ปาริชาตต่างก็แยกย้ายกันทำหน้าที่ของตนแประจำที่ห่างกันไม่มากนักบางคนลงผักใหม่บางคนดายหญ้าบางคนเก็บผลผลิตนับเป็นภาพที่น่าสบายตายิ่งนัก
ไร่ปาริชาตนี้มีอาณาเขตอยู่ที่ภาคเหนือของประเทศไทยกินเนื้อที่เกือบพันไร่เดิมทีเป็นของคุณหญิงปาริชาตภรรยาท่านทูตหลังจากที่เธอเสียแล้วไร่นี้ก็ตกเป็นของปฐพีลูกชายคนเดียวของเธอด้วยปฐพีไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานๆจะกลับมาสักครั้งเลยตั้งให้คนเก่าคนแก่ที่อยู่กับไร่นี้มานานอย่างปราโมทย์เป็นคนดูแลทุกอย่างของไร่และให้คนที่ไม่มีที่ทำกินมาทำไร่ที่นี่ฟรีโดยมีปราโมทย์เป็นคนจัดการแบ่งสันปันส่วนให้เท่าๆกัน
เมื่อปฐพีได้เสียชีวิตไปแล้วสมบัติทุกอย่างก็ตกอยู่กับเขมิกาซึ่งเธอก็ไม่ได้ดูดำดูดีไร่นี้เท่าไรนักจนคนในไร่ก็หวั่นใจกันว่าที่นี่อาจจะถูกขายเพราะเขมิกาไม่เคยให้คำตอบพวกคนในไร่เลยว่าจะให้พวกเขานั้นอยู่ต่อกันหรือไม่
20.00 น.
“กลับมากันซะดึกเลยลูกเจ้าคมผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ” ชายชราอย่างปราโมทย์ที่นั่งอยู่บนชายเรือนไม้หลังใหญ่เห็นหลานสาวทั้งสองกลับมาบ้านเลยเอ่ยถามถึงเรื่องลูกของอาคมที่พึ่งคลอดว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
“ผู้หญิงจ่ะตาตัวอ้วนจ้ำม่ำน่าดูเลย” เมษาสาวจอมแก่นวัย 26 ตอบตาของเธอด้วยสีหน้าและน้ำเสียงระรื่นจนตอนนี้เธอยังอดหมั่นเขี้ยวให้กับความน่ารักของลูกสาวอาคมไม่ได้เลย
“สมใจพ่อมันเลยสินะ..อ่อ..อีหนูเมื่อกลางวันมีคนมาหาเราเป็นฝรั่งหน้าตาหล่อเหลาอยู่เหมือนกันเค้ามาถามหาเราน่ะตาเลยบอกให้มาพรุ่งนี้ใหม่” เสียงแหบพร่าของชายวัยชราเอ่ยด้วยความปิติแทนเด็กหนุ่มที่ใช้ชีวิตครอบครัวอยู่ที่ไร่ก่อนจะเอ่ยกับว่านรักถึงเรื่องเมื่อกลางวันเมื่อนึกขึ้นได้
“เค้าได้บอกไหมคะว่าเค้าเป็นใคร” ว่านรักถึงกับหน้าเจื่อนลงทันทีเมื่อได้ว่ามีฝรั่งมาตามหาเธอ
“เค้าบอกชื่อไบอัน...ไรอันอะไรนี่แหละตาก็ฟังไม่ค่อยได้ยินเท่าไรแฟนเราเหรอลูก” ปราโมทย์เอ่ยด้วยสีหน้าครุ่นคิดเพราะเขาเองก็หูไม่ค่อยดีอีกอย่างฝรั่งคนนั้นที่มาถามถึงว่านรักเขาก็พูดไทยไม่ค่อยชัดเท่าไรนัก
“อ่อ...หนูก็ไม่แน่ใจเหมือนกันจ่ะตา” ร่างเล็กนิ่งงันตัวชาวาบกลืนน้ำลายไม่ลงคอก่อนจะเอ่ยตะกุกตะกักตอบกับคนเป็นตา
“แกไม่รู้เหรอว่าเป็นใคร” เมษาขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเห็นอาการของเพื่อนเธอดูจะแปลกๆ
“ไม่แน่ใจน่ะพอดีเพื่อนชื่อนี้เยอะ...ตาจ๋าเดี๋ยวคืนนี้หนูนอนที่นี่นะจ้ะดึกแล้วขี้เกียจขับรถกลับ”
“ไปพักผ่อนตามสบายเลยลูกตาก็ว่าจะเข้านอนแล้วเหมือนกัน...ถ้าหิวก็เข้าครัวตาต้มกระดูกหมูเอาไว้” ชายวัยชราลุกออกจากเก้าอี้หวายค่อยๆเดินกลับเข้าห้องตัวเองไปหลังจากที่เอ่ยกับหลานทั้งสองจบ
“จ่ะตา”
“ทำไมทำหน้างั้นมีอะไรหรือเปล่า” เมษารีบเค้นถามว่านรักเพราะเธอกับว่านรักรู้จักกันมาตั้งแต่เล็กๆมีหรือจะมองกันไม่ออก
“ก็คนที่มาตามหาฉันน่ะสิแก...เดี๋ยวไปคุยในห้องดีกว่า” ร่างบางรีบจูงมือเมษาเข้าไปในห้องทันทีเพราะเรื่องนี้ต้องคุยกันยาวและให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด
ว่านรัก เลิศพินิจ อายุ 26 ปี
สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มใบหน้ากลมรูปไข่ผมดกดำหยักศกชอบรวบหางม้าหลวมๆคิ้วบางได้รูปดวงตาคมเรียวกลมโตดุจแมวมีรักยิ้มสองข้างผิวขาวอมชมพูแม้จะไม่สูงมากแต่หุ่นของเธอก็มีทรวดทรงองเอวดั่งนาฬิกาทราย...รักการทำอาหารเป็นที่สุดชอบอยู่กับธรรมชาติ..และไร่สวนแปลงผักที่เธอรัก..เป็นคนอ่อนไหวง่าย ขี้สงสาร
เธอเป็นเด็กสาวกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่อยู่ ม.ต้น เธออาศัยอยู่ที่ไร่ปาริชาตตั้งแต่เล็กๆเพราะพ่อและแม่เข้ามาเป็นคนงานในไร่ที่นี่หลังจากพ่อและแม่ของเธอเสียว่านรักก็ใช้ชีวิตอยู่กับปราโมทย์ชายชราคนดูแลไร่และเมษาหลานสาวของปราโมทย์ที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับว่านรักและมี ปฐพี เจ้าของไร่ที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศกับครอบครัวก็รับเธอเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมคอยส่งเสียเธอจนเธอเรียนจบ ชีวิตของว่านรักมีความสุขดีเพราะปราโมทย์เลี้ยงดูเธออย่างดีด้วยความเอ็นดูเหมือนหลานคนหนึ่ง
แต่เมื่อว่านรักเรียนจบได้ไม่เท่าไร ปฐพีก็ได้เสียชีวิต และเขมิกาภรรยาของปฐพีก็เรียกตัวว่านรักไปช่วยงานที่อเมริกา หญิงสาวมาถึงอเมริกาได้ชีวิตเธอก็แทบเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเพราะเธอแทบจะเป็นคนรับใช้คนหนึ่งในบ้านตื่นเช้าเธอก็ต้องคอยทำความสะอาดบ้านสายหน่อยเธอก็ต้องออกไปทำงานในบริษัทของปฐพี ตกเย็นเธอก็ต้องรีบกลับมาทำอาหารให้คนในบ้านชีวิตเธอเป็นแบบนี้ทุกวันร่วมสี่ปีกว่า
จนวันนี้เธอได้กลับมาที่ไร่อีกครั้งเพราะหนีความตายกลับมาด้วยเหตุที่ว่าเธอต้องรับผิดแทนวีนาเด็กสาววัย20ปีลูกสาวของเขมิกาและปฐพีก่อนที่เธอจะกลับมาวีนาได้ไปเที่ยวกับเพื่อนและดื่มจนเมามากจนขับรถชนนอร่าน้องสาวของมาเฟียใหญ่อย่างไรอัน ฮิลล์
เขมิกาเป็นคนร้องของให้เธอรับผิดแทนวีนาด้วยให้เหตุผลทวงบุญคุณกับขอให้เห็นแก่วีนาที่ตอนนี้ยังเรียนไม่จบหากวีนามีคดีติดตัวก็เท่ากับจะเสียประวัติและอาจจะหมดอนาคตส่วนเรื่องคดีหากว่านรักรับผิดแทนเขมิกาก็จะหาทนายเก่งๆช่วยให้รอดจากคดีนี้
สุดท้ายแล้วว่านรักยอมรับผิดแทนวีนาด้วยบุญคุณที่ครอบครัวของปฐพีมีต่อเธอต่อมาเขมิกาก็ได้ช่วยเธอให้รอดพ้นคดีและไม่ติดคุกจนทำให้ไรอัน ฮิลล์ไม่พอใจเป็นอย่างมากและเขาพยายามตามฆ่าเธอจนเธอต้องหนีมาที่บ้านเกิด
“อะไรนะเค้าเคยจะตามฆ่าแกเหรอ...เค้าจะแค้นแกเรื่องอะไรในเมื่อทุกอย่างมันก็เป็นอุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิด แล้วเค้าใหญ่มาจากไหนถึงขนาดจะฆ่าใครก็ทำเป็นว่าเล่นแบบนี้” ว่านรักเล่าให้เมษาฟังว่ามาคนๆคนนี้ตามฆ่าเธอเพราะเธอดันไปขับรถชนน้องสาวของเขาจนตายและที่เธอหนีมาอยู่ที่ไร่นี้ก็เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยถูกตามล่ามาแล้วรอบหนึ่งเมษที่ฟังอยู่ถึงกับกำมือแน่นไม่ อยากจะคิดเลยว่าจะมีคนที่จิตใจโหดเหี้ยมแบบนี้อยู่จริงๆ“ถ้าเป็นคนธรรมดาฉันคงไม่ต้องหนีมาอยู่ที่นี่หรอก นั่นไรอัน ฮิลล์ มาเฟียใหญ่ที่โน่นเลย” ว่านรักเอ่ยด้วยสีหน้าละห้อย“ฉันถามแกจริงๆนะว่านแกเป็นคนประมาทจนขับรถชนคนขนาดนั้นเลยเหรอ” เมษาคิดไปคิดเธอไม่อยากจะเชื่อว่าเพื่อนเธอจะประมาทถึงขนาดนั้นได้อย่างไร“คือ..ก็..วันนั้นฉันดื่มมานิดหน่อย” ใบหน้านวลเอ่ยจบก็หลบสายตาคนที่กำลังจ้องอยู่เล็กน้อยคำตอบและพฤติกรรมของว่านรักทำให้เมษารู้ได้ทันทีเลยว่าเพื่อนเธอกำลังโกหก“แกโกหก..ฉันจำได้ว่าแกแพ้แอลกอฮอลล์...บอกมาให้หมดไม่อย่างนั้นฉันจะเค้นแกให้รำคาญตายไปเลย” มือน้อยยกชี้หน้าว่านรักก่อนจะเอ่ยเสียงแข็งคาดโทษ“เอ่อ..คือ...” “พูดมาเดี๋ยวนี้” หลังจากถูกเค้นคร
“ไม่ทันแล้วมั้งแก...” ไม่ทันที่สองสาวจะคุยกันขบดีจู่ๆก็มีรถหรูวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านและมีชายหนุ่มร่างสูงเปิดประตูออกมาจากรถยืนตระหง่านจ้องมองหาใครบางคนอยู่“ขับออกไปเลย” เมษารีบให้ว่ารักเหยียบคันเร่งพุงออกไปจากโรงรถอย่างรวดเร็ว“ไม่มีคนอยู่หรือไง” คิ้วเข้มหนาของไรอันขมวดเป็นปมก่อนจะเดินเข้าใต้ถุนบ้านเพื่อมองหาคนเพราะเมื่อวานเขาก็นั่งคุยกับชายชราตรงนี้บรู๊นนนน“ว่านรัก” ไรอันตะโกนเรียกคนที่กำลังขับรถออกไปเสียงฝาดเขารีบวิ่งกลับไปที่รถขับตามรถกระบะคันเก่าที่ไม่มีแม้กระจกออกไปทันที“แน่ในนะว่ากระบะคันนี้มันจะพาเราไปรอดน่ะ” ว่านรักเหยียบจนสุดคันเร่งแล้วเจ้ารถกระบะคันนี้ไม่มีทีท่าว่าจะหนีคนที่ตามพ้นเลยเธอเอ่ยมาอย่างอ่อนใจกับเมษาเพราะไม่ค่อยเชื่อมั่นศักยภาพรถคันนี้เท่าไรนักเพราะส่วนมากรถคันนี้จะใช้ขนผักในไร่มากกว่าจะขับออกไปข้างนอกคันดีๆตาพวกเธอก็เอาขับเข้าไร่ไปแล้วเมื่อเช้าตรู่“เชื่อฉัน...คันนี้แหละเข้าป่าเข้ารกดีนักล่ะรถหรูๆแบบนั้นตามเรามาไม่ได้หรอก” เมษาที่กำลังควานหาอะไรบางอย่างในรถเอ่ยให้ว่านรักเชื่อใจเขจ้ารถคันนี้เพราะมั่นใจว่ารถหรูของไรอันที่โหลดต่ำขนาดนั้นขับมาไม่ทันพวกเธอแน่นอน
"เอาล่ะๆ.. ตาเข้าใจละที่เค้ามานี่ก็คงมามาง้อเพราะงอนกันสินะ" ปราโมทย์มองสองสาวที่เอาแต่ก้มหน้ากันอยู่ก็ค่อยๆยื่นมือตบบ่าว่านรักเบาๆเขาพอจะเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไรเพราะเขาก็เคยผ่านช่วงปัญหาวัยหนุ่มสาวมาก่อน"เอ่อ.. ค่ะ" ว่านรักจำต้องยอมรับเสียงอ่อนตามน้ำไปก่อนจะหันมาส่งสายตาคาดโทษให้เมษา หลังจากที่คุยกับปราโมทย์เรียบร้อยแล้วว่านรักก็ลากเมษาขึ้นมาคุยกันในห้องนอนของเมษาข้างบนบ้านไม้หลังใหญ่"แกไปบอกตาแบบนั้นได้ยังไง" น้ำเสียงว่านรักอู้อี้ด้วยความไม่พอใจ"อ้าวก็ตอนนั้นคิดได้แบบนั้นนี่แล้วแกคิดสิถ้าบอกความจริงตาไปเรื่องมันจะยาวไหมล่ะ""เฮ้อ.." และแล้วสาวเจ้าก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ในเมื่อแก้สถานการณ์อะไรไม่ได้แล้วเช้าวันต่อมา"อีหนูไม่ไปเยี่ยมผัวเราหรือไง" ปราโมทย์เห็นว่าว่านรักแต่งตัวจะเข้าไร่กับเมษาจึงร้องทักเอาไว้ก่อน"ไม่ไปจ่ะตาเดี๋ยวว่านจะไปช่วยหนูนาตัดกะหล่ำปลี" "ได้ยังไงผัวเจ็บเมียก็ต้องไปดูแลถึงจะเคืองใจกันอยู่ก็เถอะตาไม่เคยสอนให้เราทิฐินะลูก" "แต่ว่าหนู.." "เจ้าเมเราพาเพื่อนเราไปโรงพยาบาลเรื่องที่นี่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวตาหาคนไปช่วยหนูนามันเอง" ยังไม่ทันที่ว่านรักจะได้เอ่
เย็นของวัน"โอ้ยย.. ปวดขาจังโว้ย" ปราโมทย์บ่นโอดครวญปวดขาในขณะที่มีหลานสาวอย่างเมษานวดให้อยู่"ก็ใครใช้ให้ตาไปทำเองล่ะจ้ะเผลอเมื่อไรเป็นหาเรื่องทำงานทุกทีถ้าเป็นอะไรไปอะไหล่หายากแล้วนะเนี่ย" เมษาบ่นอุกทุกครั้งที่พวกเธอเผลอเมื่อไรตาเธอเป็นอันต้องหนีไปทำงานในไร่ทุกทีขนาดสังขารไม่เอื้อยังจะมีมานะและก็ต้องเป็นเธอทุกครั้งที่ต้องมานั่งบีบนั่งนวดอยู่แบบนี้"อย่าบ่นข้านักเลยข้าหาคนช่วยหนูนามันไม่ได้ก็เลยทำซะเอง" ปราโมทย์เอ่ยปัดทั้งที่อันที่จริงเขาไม่ได้หาใครมาช่วยแต่อยากจะลงแรงเองมากกว่า"แล้วก็เป็นแบบนี้ทุกที" เมษาบุ้ยปาก"ตาจ๋าพรุ่งนี้หนูจะไปช่วยหนูนามันเอง" เมื่อว่านรักเห็นว่าไม่มีคนช่วยหนูนาแบบนี้เธอเลยอาสาเพราะไม่อยากไปที่โรงพยาบาล"ไม่ได้ๆไปดูแลผัวเราดีแล้ว" ปราโมทย์ส่ายหัว"เค้ามีหมอดูแลอยู่แล้วจ่ะตาไม่ไปหาสักวันสองวันไม่เป็นอะไรหรอก" ว่านรักยังคงมุ่งมั่นว่าอย่างไรเธอก็จะไปทำงานที่ไร่ดีกว่าไปนั่งอึดอัดอยู่ที่โรงพยาบาลและไม่อยากตอบคำถามอะไรไรอันด้วย"จริงอย่างที่ว่านมันพูดงานที่ไร่ก็ออกจะเยอะเดี๋ยวพวกหนูเผลอตาก็ไปเข้าไร่อีก" เมษาเอ่ยปากช่วยว่านรักอีกแรง"แล้วเราไม่เสียใจบ้างหรือไ
อเมริกาโรงพยาบาลXXX"คุณท่านเป็นอย่างไรบ้างครับ" ลูคัสมาถึงโรงพยาบาลได้ก็รีบเข้ามาดูอาการเอมม่าทันที"ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกไรอันล่ะอยู่ไหน" หญิงชราไม่วายมองหาหลานชายคนโตของเธอซึ่งไม่ค่อยจะเห็นหน้าค่าตากันเท่าไรนัก"เอ่อ...คุณไรอันดูที่ดินอยู่ญี่ปุ่นน่ะครับ" ลูคัสจำต้องเอ่ยคำโกหกออกไปเพราะคนเป็นนายสั่งว่าไม่ให้ย่าของตนรู้เป็นเด็ดขาดว่าเขาอยู่ที่ไหนทำอะไรเมื่อเสร็จภารกิจแล้วจะรีบกลับมา"แล้วเมื่อไรจะกลับงั้นเหรอ""ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ""งั้นก็ไปบอกหมอเจมส์ให้ฉันทีว่าฉันขอไปพักรักษาตัวที่บ้าน" "คงไม่ได้หรอกครับคุณย่าผมยังปล่อยให้คุณย่ากลับไปไม่ได้หรอกครับนอนดูอาการที่นี่อีกสักสามวันเป็นอย่างต่ำนะครับ" หมอเจมส์ที่เปิดแประตูเข้ามาทันได้ยินเอมม่าเอ่ยกับเจคอปเขาจึงรีบเอ่ยปฏิเสธทันทีเพราะถ้าหากเขาปล่อยให้ย่าของเพื่อนกลับไปพักที่บ้านทั้งที่อาการยังไม่ดีมีหวังไรอันรู้เขาได้โดนกินหัวแน่หมอเจมส์เป็นหมอหนุ่มรุ่นเดียวกับไรอันเป็นทายาทหมื่นล้านเจ้าขอโรงพยาบาลหลายแห่งในยุโรปเพื่อนกับไรอันตั้งแต่เด็กๆเรียนมาด้วยกันตลอดจะไม่ค่อยได้เจอกันในช่วงที่มีการมีงานทำแต่นานๆก็จะนัดสังสรรค์กันทีเวลาที่ว่างตร
"คุณก็จัดการเองสิคะ.. ฉันไม่เคยเช็ดตัวให้ผู้ชาย" "แต่ผมเป็นสามีคุณไม่ใช่เหรอ" คำพูดของหญิงสาวทำเอาไรอันสับสนกับการกระทำของเธออยู่ไม่น้อย"คือ.. ก.. ก็ได้" ว่านรักลืมข้อนี้ไปเสียสนิทก่อนจะรีบกลับมานั่งตรงหน้าชายหนุ่มและค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นของเขาออกด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างลำบากใจ"คุณเป็นอะไรทำยังกับไม่เคยเห็นร่างกายของผม" ดวงตาสีน้ำข้าวของไรอันจ้องมองหญิงสาวอย่างมีคำถามมากมายเพราะดูเหมือนเธอไม่ค่อยอยากจะดูแลเขาเท่าไรทั้งสายตาของเธอเวลามองเขามันก็ว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูกหนำซ้ำตอนนี้ยังทำท่าเหมือนจะรังเกียจที่ตจะมองร่างกายของเขาอีก"อ๋อ.. เปล่าฉันกลัวคุณเขินไง...คุณความจำเสื่อมคุณคงไม่ค่อยคุ้นชินกับฉัน.." ว่านรักแสยะยิ้มก่อนจะเอ่ยชักแม้น้ำทั้งห้าไปเรื่อยทั้งยังไม่รู้ตัวอีกว่าตอนนี้เธอกำลังแก้มแดงเพราะหน้าท้องแกร่งที่ขึ้นซิกแพคของไรอันอยู่"แต่ผมว่าคุณมากกว่าที่น่าจะเขิน..หน้าแดงซะขนาดนั้น" ไรอันเอ่ยออกไปตามตรงไม่ได้คิดจะหยอกหญิงสาวแต่อย่างใด"เปล่านะคะ...ฉันแค่ร้อนๆ" ว่าจบก็ก้มหน้างุดหยิบผ้าจุ่มน้ำเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ชายหนุ่มอย่างเร่งรีบ"คุณนี่ก็น่ารักดีนะ...ผมว่าตอนที่ผมตกหลุ
"โอ้ย" คนที่ชอบหยอกเพื่อนรีบเอาหลังมือถูหัวเมื่อถูกว่านรักเคาะด้วยกำปั้น"ทำหน้าตาตื่นเต้นเพราะแกนั่นแหละทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้""ให้บอกความจริงตาไปเลยไหมล่ะอีตานั่นจะได้ถูกคนที่นี่รุมยำตาย" เมษาพูดอย่างลอยหน้าลอยตา"ไม่ๆๆ.. " ว่านรักรีบส่ายหัวทันทีเพราะเธอก็ไม่ใช่คนใจร้ายที่จะเห็นใครถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาได้"ฉันก็พึ่งเห็นคนอะไรสงสารคนที่จะฆ่าตัวเอง" เมษาบุ้ยปาก"ก็ตอนนี้อีตานั่นไม่รู้เรื่องรู้ราวนี่นาถ้าฉันปล่อยให้เค้าถูกทำร้ายก็แย่เกินคนแล้ว" "ฉันอยากจะรู้จริงจริ๊งว่าจะมีคนดีอย่างแกสักกี่คนเนี่ย""เที่ยงแล้วไปหาข้าวกินกันเถอะ..อ่อ..ฉันลืมหยิบปิ่นโตมากินกับแกก็แล้วกัน" ว่านรักเห็นว่านี่ก็น่าจะเที่ยงแล้วเพราะพระอาทิตย์ลงหัวอีกอย่างเหล่าคนที่ทำไร่อยู่ใกล้กันก็นั่งจับกลุ่มล้อมวงกินข้าวกันหมดแล้วจึงรีบชวนเมษาไปเข้าร่มไม้ตั้งวงกินข้าวกัน"ได้สิเมื่อเช้าตาก็ตักข้าวใส่ปิ่นโตมาเผื่อแกอยู่แล้ววันนี้มีแกงส้มผักรวมกับปลาเค็มของโปรดแกด้วย""งั้นรีบเลย" ได้ยินเช่นนี้ว่ารักจึงรีบสับขาเข้าไปในร่มทันทีเพราะวันนี้มีของโปรดของเธอไรอันเดินเข้ามาในไร่พร้อมกับปิ่นโตในมือเพราะเขาเข้าใจว่าว่านรักน่าจะ
"ฉันคิดว่าเราควรจะสร้างตัวกันอีกสักนิดค่ะ" ว่านรักเอ่ยปัดให้จบๆไปก่อนจะปิดไฟนอนแม้นภายนอกเธอจะไม่มีอาการอะไรแต่หัวใจเธอเต้นไม่ค่อยจะเป็นส่ำเพราะไม่รู้เลยว่าวันหน้าเธอจะเจอคำถามหรือเหตุการณ์อะไรที่ทำให้ลำบากใจอีก"อ๋อ...ผมเข้าใจแล้ว" ไรอันเอ่ยเสียงอ่อนแม้นหญิงสาวจะตอบเขามาแบบนั้นแต่ก็ไม่รู้ว่าในใจของเขายังคงมีความสงสัยอยู่ก็หาคำตอบกับตัวเองไม่ได้อีกเหมือนกันเช้าวันต่อมา"...." ไรอันตื่นมาในช่วงเช้าตรู่เขาเห็นนอนมองหญิงสาวอยู่พักใหญ่โดยที่ยังไม่ปลุกเธอริมฝีปากหนาอมยิ้มอ่อนเมื่อมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังหลับตาพริ้มนี้เขาอยากจำได้เหลือเกินว่าตอนนั้นเขาตกหลุมรักเธอเพราะความน่ารักนี้หรือไม่แต่ตอนนี้เขาคิดว่าคงจะใช่และภาวนาในใจของให้เขาจำเรื่องราวก่อนหน้าได้เร็วๆจะได้ไม่ต้องมานั่งสงสัยอะไรให้มันอึดอัดหัวใจ ช่วงสาย"ผมไปไร่กับคุณด้วยได้หรือเปล่า" ไรอันเดินตามว่านรักออกมาจากบ้านก่อนจะขอเธอไปที่ไร่ด้วย"จะไปตากแดดตากลมทำไมคะอยู่ที่บ้านดีแล้วค่ะ..." "ผมไปอยู่ที่บ้านตาก็ได้" "ก็ได้" คนที่ขี้เกียจจะเถียงกับชายหนุ่มตอนนี้ยอมให้เขาตามเธอไปแต่โดยดีเพราะรู้ว่าถ้าเธอห้ามตอนนี้ไม่เที่ยงก็เย็นเธอ