“อะไรนะเค้าเคยจะตามฆ่าแกเหรอ...เค้าจะแค้นแกเรื่องอะไรในเมื่อทุกอย่างมันก็เป็นอุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิด แล้วเค้าใหญ่มาจากไหนถึงขนาดจะฆ่าใครก็ทำเป็นว่าเล่นแบบนี้” ว่านรักเล่าให้เมษาฟังว่ามาคนๆคนนี้ตามฆ่าเธอเพราะเธอดันไปขับรถชนน้องสาวของเขาจนตายและที่เธอหนีมาอยู่ที่ไร่นี้ก็เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยถูกตามล่ามาแล้วรอบหนึ่งเมษที่ฟังอยู่ถึงกับกำมือแน่นไม่ อยากจะคิดเลยว่าจะมีคนที่จิตใจโหดเหี้ยมแบบนี้อยู่จริงๆ
“ถ้าเป็นคนธรรมดาฉันคงไม่ต้องหนีมาอยู่ที่นี่หรอก นั่นไรอัน ฮิลล์ มาเฟียใหญ่ที่โน่นเลย” ว่านรักเอ่ยด้วยสีหน้าละห้อย
“ฉันถามแกจริงๆนะว่านแกเป็นคนประมาทจนขับรถชนคนขนาดนั้นเลยเหรอ” เมษาคิดไปคิดเธอไม่อยากจะเชื่อว่าเพื่อนเธอจะประมาทถึงขนาดนั้นได้อย่างไร
“คือ..ก็..วันนั้นฉันดื่มมานิดหน่อย” ใบหน้านวลเอ่ยจบก็หลบสายตาคนที่กำลังจ้องอยู่เล็กน้อยคำตอบและพฤติกรรมของว่านรักทำให้เมษารู้ได้ทันทีเลยว่าเพื่อนเธอกำลังโกหก
“แกโกหก..ฉันจำได้ว่าแกแพ้แอลกอฮอลล์...บอกมาให้หมดไม่อย่างนั้นฉันจะเค้นแกให้รำคาญตายไปเลย” มือน้อยยกชี้หน้าว่านรักก่อนจะเอ่ยเสียงแข็งคาดโทษ
“เอ่อ..คือ...”
“พูดมาเดี๋ยวนี้” หลังจากถูกเค้นครั้งแล้วครั้งเล่าจากเมษาว่านรักจึงต้องจำยอมเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เมษาฟังแต่ก็ขอให้เก็บเป็นความลับ
“ฉันว่าแล้วยัยแม่พระที่แกเทิดทูนก็ไม่ใช่คนดีสักเท่าไรนักหรอก...ส่วนแกเรียนจบก็ใช้งานสารพัดนี่ยังมาให้รับผิดแทนยัยลูกสาวจอมเอาแต่ใจของตัวเองอีก” สองแขนของเมษาวาดกอดอกแน่นก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโกรธเธอ
“..เฮ้อ....” ว่านรักพ่นลมหายใจด้วยสีหน้าห่อเหี่ยวจะทำอย่างไรได้ในเมื่อบุญคุณมันค้ำคอเธอแถมเธอเองก็ปฏิเสธคนไม่ค่อยจะเป็นเสียด้วย
24.00 น.
โรงแรมหรู
“อย่าคิดว่าจะหนีฉันพ้นยัยฆาตกร” ชายหนุ่มต่างชาติร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดคลุมซาตินผืนบางสีเทาในมือถือแก้วแชมเปญยกดื่มอยู่ริมระเบียงด้านนอกของตัวห้องดวงตาคมโตหยาดเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลก่อนจะเอ่ยบางคำออกมาด้วยความคับแค้นใจแม้นวันนี้เขาจะไม่เจอตัวเธอแต่เขาก็รู้ที่อยู่ของเธอแล้วไม่นานเขาจะทำให้ฆาตกรที่ฆ่าน้องสาวของเขาหายสาปสูญไปให้ได้
ไรอัน ฮิลล์ อายุ 32 ปี
มาเฟียหนุ่มร่างสูงราวสองเมตรใบหน้าคมเข้มตาคมประดุจเหยี่ยวคิ้วหนาได้รูปจมูกโด่งเป็นสันตรงริมฝีปากหนาเป็นกระจับมีสีชมพูระเรื่อร่างกายบึกบึนมีเพียงกล้ามเยื้อไม่มีไขมันด้วยเป็นคนชอบออกกำลังกายและรักษาสุขภาพดีเป็นที่หนึ่ง เขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลฮิลล์ ที่เลื่องชื่อเรื่องอิทธิพลในแถบยุโรป เป็นคนที่ค่อนข้างรักความสันโดษและรักครอบครัวมากที่สุด
เขาเป็นมาเฟียใหญ่ที่ทำธุรกิจทั้งขาวและเทารู้จักกันในแวดวงไฮโซว่าเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่แทบจะใหญ่ที่สุดในแถบยุโรปเลยก็ว่าได้เขามีชื่อเสียงมากเพราะประสบความสำเร็จในตอนอายุยังน้อยซ้ำยังเป็นคนที่หล่อเหลาจนหาตัวจับยากสาวๆทายาทไฮโซทั้งหลายจึงจับจ้องเขากันตาเป็นมันแต่เขาก็ไม่คิดจะยุ่งด้วยเพราะสนใจแต่กับงานเท่านั้น
ไรอันเป็นคนเด็ดขาดมากพอสมควรเพราะต้องควบคุมองค์กรใหญ่ทำงานหามรุ่งหามค่ำในชีวิตของเขาหลังจากที่พ่อและแม่เสียในอุบัติเหตุเครื่องบินส่วนตัวตกเขาก็เหลือแค่น้องสาวและย่าที่สุขภาพไม่ดีนักอยู่ที่บ้าน
หลายปีมานี้เขาต้องทำงานหนักเพื่อที่อยากจะพักมือและหาเวลาอยู่กับครอบครัวแต่มันก็สายไปเพราะน้องสาวของได้จากไปก่อนเวลาอันควรโดยผู้หญิงที่ประมาทคนนั้นเธอที่ชื่อว่าว่านรัก เลิศพินิจ หญิงสาวที่รอดตัวจากคดีขับรถประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแม้ความยุติธรรมจะเอาผิดเธอไม่ได้เขาก็จะทำตัวเป็นศาลเตี้ยลงทัณฑ์เธอเองไม่ว่าเธอจะหนีเขาไปสุดหล้าฟ้าเขียวขนาดไหนเขาก็จะตามเธอไปทุกที่จนกว่าเขาจะได้แก้แค้น
“คุณไรอันครับ”
“มีอะไร” ร่างสูงหันขวับเมื่อได้ยินเสียงของลูคัสลูกน้องคนสนิทเข้ามาเรียกกลางดึก
“คุณท่านเข้าโรงพยาบาลด่วนครับ” ดวงตาสีน้ำข้าวของลูคัสไหวระริกด้วยความเป็นกังวลเพราะเอมม่าคุณย่าของไรอันเปรียบเสมือนคุณย่าของเขาด้วยเช่นกัน
“อะไรนะ” ไรอันรีบวางแก้วแชมเปญในมือก่อนจะเข้ามาถามเรื่องราวทั้งหมดกับลูคัส
ครู่ต่อมา
ไรอันต้องรีบสะสางงานที่ตั้งใจให้เสร็จเขาถึงจะกลับได้เพราะเขาไม่อยากมาเสียเที่ยวจึงให้ลูคัสนั้นกลับไปดูแลย่าของเขาให้ก่อนแล้วเขาจะตามไปทีหลังและย้ำลูคัสก่อนที่ลูคัสจะเดินทางว่าเรื่องที่เขามาสะสางที่นี่ห้ามให้ย่าของเขารู้เด็ดขาด
“ห้ามบอกอะไรกับคุณย่าของฉันเด็ดขาดเข้าใจใช่ไหม”
“ครับ” ลูคัสรับคำสั่งเรียบร้อยจึงออกจากโรงแรมเดินทางกลับไปที่อเมริกาทันที
วันต่อมา
สองสาวว่านรักและเมษาเตรียมตัวออกจากบ้านแต่เจ้าหลังจากที่ปราโมทย์ขับรถออกไปตรวจตราความเรียบร้อยในไร่
“ไม่บอกตาก่อนเหรอแก” หญิงสาวทั้งสองคุยกันว่าจะออกต่างจังหวัดสักสองสามวันเพื่อที่จะหนีการตรามหาของไรอันว่านรักที่กำลังจะสตาร์ทรถกระบะคันเก่าของปราโมทย์ที่ตอนนี้ตกเป็นของเมษาเธอมองไปที่ไร่ตาละห้อยกลัวว่าปราโมทย์จะเป็นห่วงพวกเธอเมื่อไปไหนไม่ยอมบอกกล่าว
“ไปก่อนแล้วค่อยบอกแกก็รู้ว่าเดี๋ยวตาก็ต้องรั้งให้เราอยู่รอคนที่มาหาแน่” เมษารู้ดีว่าหากบอกกับตาเธอก่อนมีหวังถูกเค้นเป็นแน่ว่าทำไมต้องเดินทางกะทันหันหนำซ้ำยังจะถูกดึงตัวไว้ให้เจอกับไรอันก่อนแน่นอน
“ไม่ทันแล้วมั้งแก...” ไม่ทันที่สองสาวจะคุยกันขบดีจู่ๆก็มีรถหรูวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านและมีชายหนุ่มร่างสูงเปิดประตูออกมาจากรถยืนตระหง่านจ้องมองหาใครบางคนอยู่“ขับออกไปเลย” เมษารีบให้ว่ารักเหยียบคันเร่งพุงออกไปจากโรงรถอย่างรวดเร็ว“ไม่มีคนอยู่หรือไง” คิ้วเข้มหนาของไรอันขมวดเป็นปมก่อนจะเดินเข้าใต้ถุนบ้านเพื่อมองหาคนเพราะเมื่อวานเขาก็นั่งคุยกับชายชราตรงนี้บรู๊นนนน“ว่านรัก” ไรอันตะโกนเรียกคนที่กำลังขับรถออกไปเสียงฝาดเขารีบวิ่งกลับไปที่รถขับตามรถกระบะคันเก่าที่ไม่มีแม้กระจกออกไปทันที“แน่ในนะว่ากระบะคันนี้มันจะพาเราไปรอดน่ะ” ว่านรักเหยียบจนสุดคันเร่งแล้วเจ้ารถกระบะคันนี้ไม่มีทีท่าว่าจะหนีคนที่ตามพ้นเลยเธอเอ่ยมาอย่างอ่อนใจกับเมษาเพราะไม่ค่อยเชื่อมั่นศักยภาพรถคันนี้เท่าไรนักเพราะส่วนมากรถคันนี้จะใช้ขนผักในไร่มากกว่าจะขับออกไปข้างนอกคันดีๆตาพวกเธอก็เอาขับเข้าไร่ไปแล้วเมื่อเช้าตรู่“เชื่อฉัน...คันนี้แหละเข้าป่าเข้ารกดีนักล่ะรถหรูๆแบบนั้นตามเรามาไม่ได้หรอก” เมษาที่กำลังควานหาอะไรบางอย่างในรถเอ่ยให้ว่านรักเชื่อใจเขจ้ารถคันนี้เพราะมั่นใจว่ารถหรูของไรอันที่โหลดต่ำขนาดนั้นขับมาไม่ทันพวกเธอแน่นอน
"เอาล่ะๆ.. ตาเข้าใจละที่เค้ามานี่ก็คงมามาง้อเพราะงอนกันสินะ" ปราโมทย์มองสองสาวที่เอาแต่ก้มหน้ากันอยู่ก็ค่อยๆยื่นมือตบบ่าว่านรักเบาๆเขาพอจะเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไรเพราะเขาก็เคยผ่านช่วงปัญหาวัยหนุ่มสาวมาก่อน"เอ่อ.. ค่ะ" ว่านรักจำต้องยอมรับเสียงอ่อนตามน้ำไปก่อนจะหันมาส่งสายตาคาดโทษให้เมษา หลังจากที่คุยกับปราโมทย์เรียบร้อยแล้วว่านรักก็ลากเมษาขึ้นมาคุยกันในห้องนอนของเมษาข้างบนบ้านไม้หลังใหญ่"แกไปบอกตาแบบนั้นได้ยังไง" น้ำเสียงว่านรักอู้อี้ด้วยความไม่พอใจ"อ้าวก็ตอนนั้นคิดได้แบบนั้นนี่แล้วแกคิดสิถ้าบอกความจริงตาไปเรื่องมันจะยาวไหมล่ะ""เฮ้อ.." และแล้วสาวเจ้าก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ในเมื่อแก้สถานการณ์อะไรไม่ได้แล้วเช้าวันต่อมา"อีหนูไม่ไปเยี่ยมผัวเราหรือไง" ปราโมทย์เห็นว่าว่านรักแต่งตัวจะเข้าไร่กับเมษาจึงร้องทักเอาไว้ก่อน"ไม่ไปจ่ะตาเดี๋ยวว่านจะไปช่วยหนูนาตัดกะหล่ำปลี" "ได้ยังไงผัวเจ็บเมียก็ต้องไปดูแลถึงจะเคืองใจกันอยู่ก็เถอะตาไม่เคยสอนให้เราทิฐินะลูก" "แต่ว่าหนู.." "เจ้าเมเราพาเพื่อนเราไปโรงพยาบาลเรื่องที่นี่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวตาหาคนไปช่วยหนูนามันเอง" ยังไม่ทันที่ว่านรักจะได้เอ่
เย็นของวัน"โอ้ยย.. ปวดขาจังโว้ย" ปราโมทย์บ่นโอดครวญปวดขาในขณะที่มีหลานสาวอย่างเมษานวดให้อยู่"ก็ใครใช้ให้ตาไปทำเองล่ะจ้ะเผลอเมื่อไรเป็นหาเรื่องทำงานทุกทีถ้าเป็นอะไรไปอะไหล่หายากแล้วนะเนี่ย" เมษาบ่นอุกทุกครั้งที่พวกเธอเผลอเมื่อไรตาเธอเป็นอันต้องหนีไปทำงานในไร่ทุกทีขนาดสังขารไม่เอื้อยังจะมีมานะและก็ต้องเป็นเธอทุกครั้งที่ต้องมานั่งบีบนั่งนวดอยู่แบบนี้"อย่าบ่นข้านักเลยข้าหาคนช่วยหนูนามันไม่ได้ก็เลยทำซะเอง" ปราโมทย์เอ่ยปัดทั้งที่อันที่จริงเขาไม่ได้หาใครมาช่วยแต่อยากจะลงแรงเองมากกว่า"แล้วก็เป็นแบบนี้ทุกที" เมษาบุ้ยปาก"ตาจ๋าพรุ่งนี้หนูจะไปช่วยหนูนามันเอง" เมื่อว่านรักเห็นว่าไม่มีคนช่วยหนูนาแบบนี้เธอเลยอาสาเพราะไม่อยากไปที่โรงพยาบาล"ไม่ได้ๆไปดูแลผัวเราดีแล้ว" ปราโมทย์ส่ายหัว"เค้ามีหมอดูแลอยู่แล้วจ่ะตาไม่ไปหาสักวันสองวันไม่เป็นอะไรหรอก" ว่านรักยังคงมุ่งมั่นว่าอย่างไรเธอก็จะไปทำงานที่ไร่ดีกว่าไปนั่งอึดอัดอยู่ที่โรงพยาบาลและไม่อยากตอบคำถามอะไรไรอันด้วย"จริงอย่างที่ว่านมันพูดงานที่ไร่ก็ออกจะเยอะเดี๋ยวพวกหนูเผลอตาก็ไปเข้าไร่อีก" เมษาเอ่ยปากช่วยว่านรักอีกแรง"แล้วเราไม่เสียใจบ้างหรือไ
อเมริกาโรงพยาบาลXXX"คุณท่านเป็นอย่างไรบ้างครับ" ลูคัสมาถึงโรงพยาบาลได้ก็รีบเข้ามาดูอาการเอมม่าทันที"ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกไรอันล่ะอยู่ไหน" หญิงชราไม่วายมองหาหลานชายคนโตของเธอซึ่งไม่ค่อยจะเห็นหน้าค่าตากันเท่าไรนัก"เอ่อ...คุณไรอันดูที่ดินอยู่ญี่ปุ่นน่ะครับ" ลูคัสจำต้องเอ่ยคำโกหกออกไปเพราะคนเป็นนายสั่งว่าไม่ให้ย่าของตนรู้เป็นเด็ดขาดว่าเขาอยู่ที่ไหนทำอะไรเมื่อเสร็จภารกิจแล้วจะรีบกลับมา"แล้วเมื่อไรจะกลับงั้นเหรอ""ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ""งั้นก็ไปบอกหมอเจมส์ให้ฉันทีว่าฉันขอไปพักรักษาตัวที่บ้าน" "คงไม่ได้หรอกครับคุณย่าผมยังปล่อยให้คุณย่ากลับไปไม่ได้หรอกครับนอนดูอาการที่นี่อีกสักสามวันเป็นอย่างต่ำนะครับ" หมอเจมส์ที่เปิดแประตูเข้ามาทันได้ยินเอมม่าเอ่ยกับเจคอปเขาจึงรีบเอ่ยปฏิเสธทันทีเพราะถ้าหากเขาปล่อยให้ย่าของเพื่อนกลับไปพักที่บ้านทั้งที่อาการยังไม่ดีมีหวังไรอันรู้เขาได้โดนกินหัวแน่หมอเจมส์เป็นหมอหนุ่มรุ่นเดียวกับไรอันเป็นทายาทหมื่นล้านเจ้าขอโรงพยาบาลหลายแห่งในยุโรปเพื่อนกับไรอันตั้งแต่เด็กๆเรียนมาด้วยกันตลอดจะไม่ค่อยได้เจอกันในช่วงที่มีการมีงานทำแต่นานๆก็จะนัดสังสรรค์กันทีเวลาที่ว่างตร
"คุณก็จัดการเองสิคะ.. ฉันไม่เคยเช็ดตัวให้ผู้ชาย" "แต่ผมเป็นสามีคุณไม่ใช่เหรอ" คำพูดของหญิงสาวทำเอาไรอันสับสนกับการกระทำของเธออยู่ไม่น้อย"คือ.. ก.. ก็ได้" ว่านรักลืมข้อนี้ไปเสียสนิทก่อนจะรีบกลับมานั่งตรงหน้าชายหนุ่มและค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นของเขาออกด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างลำบากใจ"คุณเป็นอะไรทำยังกับไม่เคยเห็นร่างกายของผม" ดวงตาสีน้ำข้าวของไรอันจ้องมองหญิงสาวอย่างมีคำถามมากมายเพราะดูเหมือนเธอไม่ค่อยอยากจะดูแลเขาเท่าไรทั้งสายตาของเธอเวลามองเขามันก็ว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูกหนำซ้ำตอนนี้ยังทำท่าเหมือนจะรังเกียจที่ตจะมองร่างกายของเขาอีก"อ๋อ.. เปล่าฉันกลัวคุณเขินไง...คุณความจำเสื่อมคุณคงไม่ค่อยคุ้นชินกับฉัน.." ว่านรักแสยะยิ้มก่อนจะเอ่ยชักแม้น้ำทั้งห้าไปเรื่อยทั้งยังไม่รู้ตัวอีกว่าตอนนี้เธอกำลังแก้มแดงเพราะหน้าท้องแกร่งที่ขึ้นซิกแพคของไรอันอยู่"แต่ผมว่าคุณมากกว่าที่น่าจะเขิน..หน้าแดงซะขนาดนั้น" ไรอันเอ่ยออกไปตามตรงไม่ได้คิดจะหยอกหญิงสาวแต่อย่างใด"เปล่านะคะ...ฉันแค่ร้อนๆ" ว่าจบก็ก้มหน้างุดหยิบผ้าจุ่มน้ำเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ชายหนุ่มอย่างเร่งรีบ"คุณนี่ก็น่ารักดีนะ...ผมว่าตอนที่ผมตกหลุ
"โอ้ย" คนที่ชอบหยอกเพื่อนรีบเอาหลังมือถูหัวเมื่อถูกว่านรักเคาะด้วยกำปั้น"ทำหน้าตาตื่นเต้นเพราะแกนั่นแหละทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้""ให้บอกความจริงตาไปเลยไหมล่ะอีตานั่นจะได้ถูกคนที่นี่รุมยำตาย" เมษาพูดอย่างลอยหน้าลอยตา"ไม่ๆๆ.. " ว่านรักรีบส่ายหัวทันทีเพราะเธอก็ไม่ใช่คนใจร้ายที่จะเห็นใครถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาได้"ฉันก็พึ่งเห็นคนอะไรสงสารคนที่จะฆ่าตัวเอง" เมษาบุ้ยปาก"ก็ตอนนี้อีตานั่นไม่รู้เรื่องรู้ราวนี่นาถ้าฉันปล่อยให้เค้าถูกทำร้ายก็แย่เกินคนแล้ว" "ฉันอยากจะรู้จริงจริ๊งว่าจะมีคนดีอย่างแกสักกี่คนเนี่ย""เที่ยงแล้วไปหาข้าวกินกันเถอะ..อ่อ..ฉันลืมหยิบปิ่นโตมากินกับแกก็แล้วกัน" ว่านรักเห็นว่านี่ก็น่าจะเที่ยงแล้วเพราะพระอาทิตย์ลงหัวอีกอย่างเหล่าคนที่ทำไร่อยู่ใกล้กันก็นั่งจับกลุ่มล้อมวงกินข้าวกันหมดแล้วจึงรีบชวนเมษาไปเข้าร่มไม้ตั้งวงกินข้าวกัน"ได้สิเมื่อเช้าตาก็ตักข้าวใส่ปิ่นโตมาเผื่อแกอยู่แล้ววันนี้มีแกงส้มผักรวมกับปลาเค็มของโปรดแกด้วย""งั้นรีบเลย" ได้ยินเช่นนี้ว่ารักจึงรีบสับขาเข้าไปในร่มทันทีเพราะวันนี้มีของโปรดของเธอไรอันเดินเข้ามาในไร่พร้อมกับปิ่นโตในมือเพราะเขาเข้าใจว่าว่านรักน่าจะ
"ฉันคิดว่าเราควรจะสร้างตัวกันอีกสักนิดค่ะ" ว่านรักเอ่ยปัดให้จบๆไปก่อนจะปิดไฟนอนแม้นภายนอกเธอจะไม่มีอาการอะไรแต่หัวใจเธอเต้นไม่ค่อยจะเป็นส่ำเพราะไม่รู้เลยว่าวันหน้าเธอจะเจอคำถามหรือเหตุการณ์อะไรที่ทำให้ลำบากใจอีก"อ๋อ...ผมเข้าใจแล้ว" ไรอันเอ่ยเสียงอ่อนแม้นหญิงสาวจะตอบเขามาแบบนั้นแต่ก็ไม่รู้ว่าในใจของเขายังคงมีความสงสัยอยู่ก็หาคำตอบกับตัวเองไม่ได้อีกเหมือนกันเช้าวันต่อมา"...." ไรอันตื่นมาในช่วงเช้าตรู่เขาเห็นนอนมองหญิงสาวอยู่พักใหญ่โดยที่ยังไม่ปลุกเธอริมฝีปากหนาอมยิ้มอ่อนเมื่อมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังหลับตาพริ้มนี้เขาอยากจำได้เหลือเกินว่าตอนนั้นเขาตกหลุมรักเธอเพราะความน่ารักนี้หรือไม่แต่ตอนนี้เขาคิดว่าคงจะใช่และภาวนาในใจของให้เขาจำเรื่องราวก่อนหน้าได้เร็วๆจะได้ไม่ต้องมานั่งสงสัยอะไรให้มันอึดอัดหัวใจ ช่วงสาย"ผมไปไร่กับคุณด้วยได้หรือเปล่า" ไรอันเดินตามว่านรักออกมาจากบ้านก่อนจะขอเธอไปที่ไร่ด้วย"จะไปตากแดดตากลมทำไมคะอยู่ที่บ้านดีแล้วค่ะ..." "ผมไปอยู่ที่บ้านตาก็ได้" "ก็ได้" คนที่ขี้เกียจจะเถียงกับชายหนุ่มตอนนี้ยอมให้เขาตามเธอไปแต่โดยดีเพราะรู้ว่าถ้าเธอห้ามตอนนี้ไม่เที่ยงก็เย็นเธอ
"พ่อเลี้ยงนั่นสนิทกับคุณมากเลยใช่ไหม" เมื่อกลับมาถึงบ้านได้ไรอันก็โพร่งถามถึงเรื่องความสัมพันธ์ของว่ารักกับบุญทวีทันที"ก็พอสมควรค่ะ""เรื่องที่ผมต้องมาง้อคุณที่นี่มันเกิดจากอะไรกันแน่ครับ" น้ำเสียงของไรอันเริ่มเปลี่ยนไปจนว่ารักเองก็ไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนักที่ดูเหมือนว่าเขากำลังจับผิดเธออยู่ตลอดเวลา"ก็เกิดจากเรื่องทั่วไปนั่นแหละค่ะไม่มีอะไร...แล้วฉันก็ไม่ได้โกรธคุณแล้วด้วย" "ผมกำลังคิดว่าอาจจะเป็นเพราะคุณหาเรื่องผมแล้วกลับมาหาคนที่คุณรักก็ได้""มโนอะไรของคุณคะ" ใบหน้าหวานเริ่มคิ้วผูกโบว์"สายตาคุณมันฟ้องเวลาที่คุณมองเค้า..ต่างจากที่มองผม" ร่างสูงยื่นมือทั้งสองจับบ่าของหญิงสาวให้มองตาเขาก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ปนน้อยใจออกมา"ไร้สาระกันใหญ่แล้วค่ะ...ถ้าฉันรักเค้าฉันจะบอกคุณทำไมคะว่าฉันเป็นภรรยาคุณฉันจะบอกกับคุณก็ได้ว่าเราเลิกกันแล้วในตอนคุณฟื้น..คุณลองคิดสิคะ" "...ผมคงคิดไปเองขอโทษแล้วกัน..." พอได้ยินคำยืนยันจากปากของหญิงสาวให้มั่นใจแบบนี้เขาจึงลดความระแวงได้ครึ่งหนึ่งก่อนจะขอโทษร่างบางที่เขาทำให้เธอต้องมาอารมณ์เสียเพราะเขา อาทิตย์ต่อมาหลังจากที่ไรอันได้กลับมาพักที่บ้านหลายวันร่างกาย