เย็นของวัน
"โอ้ยย.. ปวดขาจังโว้ย" ปราโมทย์บ่นโอดครวญปวดขาในขณะที่มีหลานสาวอย่างเมษานวดให้อยู่
"ก็ใครใช้ให้ตาไปทำเองล่ะจ้ะเผลอเมื่อไรเป็นหาเรื่องทำงานทุกทีถ้าเป็นอะไรไปอะไหล่หายากแล้วนะเนี่ย" เมษาบ่นอุกทุกครั้งที่พวกเธอเผลอเมื่อไรตาเธอเป็นอันต้องหนีไปทำงานในไร่ทุกทีขนาดสังขารไม่เอื้อยังจะมีมานะและก็ต้องเป็นเธอทุกครั้งที่ต้องมานั่งบีบนั่งนวดอยู่แบบนี้
"อย่าบ่นข้านักเลยข้าหาคนช่วยหนูนามันไม่ได้ก็เลยทำซะเอง" ปราโมทย์เอ่ยปัดทั้งที่อันที่จริงเขาไม่ได้หาใครมาช่วยแต่อยากจะลงแรงเองมากกว่า
"แล้วก็เป็นแบบนี้ทุกที" เมษาบุ้ยปาก
"ตาจ๋าพรุ่งนี้หนูจะไปช่วยหนูนามันเอง" เมื่อว่านรักเห็นว่าไม่มีคนช่วยหนูนาแบบนี้เธอเลยอาสาเพราะไม่อยากไปที่โรงพยาบาล
"ไม่ได้ๆไปดูแลผัวเราดีแล้ว" ปราโมทย์ส่ายหัว
"เค้ามีหมอดูแลอยู่แล้วจ่ะตาไม่ไปหาสักวันสองวันไม่เป็นอะไรหรอก" ว่านรักยังคงมุ่งมั่นว่าอย่างไรเธอก็จะไปทำงานที่ไร่ดีกว่าไปนั่งอึดอัดอยู่ที่โรงพยาบาลและไม่อยากตอบคำถามอะไรไรอันด้วย
"จริงอย่างที่ว่านมันพูดงานที่ไร่ก็ออกจะเยอะเดี๋ยวพวกหนูเผลอตาก็ไปเข้าไร่อีก" เมษาเอ่ยปากช่วยว่านรักอีกแรง
"แล้วเราไม่เสียใจบ้างหรือไงที่ผัวเราจำเราไม่ได้" ปราโมทย์เห็นว่าว่านรักไม่ได้มีทีท่าเศร้าสร้อยเท่าไรนักที่สามีเจ็บแถมยังจำความอะไรไม่ได้อีก
"ไม่หรอกจ่ะตา...ก็มันไม่ใช่เรื่องที่เราคาดการณ์ได้นี่นา" ว่านรักเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อน
"ดีแล้วๆ" ปราโมทย์พยักหน้าเบาๆเห็นว่าจิตใจของว่านรักก็เข้มแข็งดีเหมือนกัน
วันต่อมา
วันนี้ว่านรักและเมษาเข้ามาช่วยหนูนามาตัดกะหล่ำปลีจนได้เพราะกลัวว่าหากพวกเธอไปโรงพยาบาลตามคำสั่งของปราโมทย์
"พี่ว่านได้ข่าวว่าผัวพี่ความจำเสื่อมงั้นเหรอ" หนูนาเด็กสาวผิวขาวตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มเอ่ยกระซิบกระซาบถามว่านรักหลังจากที่หาจังหวะอยู่นาน
หนูนาเด็กสาววัย20ลูกสาวคนงานไนไร่เธอเรียนมหาลัยเปิดจึงทำให้มีเวลาว่างมาทำงานช่วยพ่อกับแม่ตนในไร่ได้
"อืม" ว่ายรักกัดฟันกรอดนึกโมโหเมษาอีกครั้งหากหนูนาถามเธอปร๋อขนาดนี้ไม่วายคนไนไร่ไม่รู้หมดแล้วหรือว่าเธอมีสามี
"มีผัวแล้วก็ไม่บอกพวกหนุ่มๆในไร่ที่พึ่งรู้ข่าวหงอยไปตามๆกันเลย"
"ทำงานๆอย่ามัวแต่คุยเลยหนูนา" ว่านรักถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่คิดไม่ผิดว่าคนทั้งไร่นั้นรู้เรื่องเธอแล้ว
หลังจากเก็บความอึดอัดอยู่ในอกเมื่อตกดึกว่านรักก็มาระบายอารมณ์กับเมษาเธอยกสองมือน้อยจับไหล่เมษาก่อนจะเขย่าอย่างหมั่นเขี้ยว
"เพราะแกๆๆๆ..คนเดียวเลย.."
"อะไรอีกล่ะ" เมษาหลับตาปี๋ก่อนจะปัดมือทั้งสองของว่านรักออกจากตัวจับเอาไว้แน่นเพื่อที่จะไม่เพื่อนเธอเขย่าเธอได้อีก
"ฉันแสลงหูคำว่าตานั่นเป็นผัวฉันเต็มทนแล้วนะ" ใบหน้าหวานหงิกงอจนไม่เป็นทรง
"งั้นแกก็ทำตัวให้ชินสิว่านายไรอันเป็นผัวแก" เมษายังไม่หยุดกวนประสารทเพื่อนสาวที่นั่งหน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับ
"ยังจะพูดอีก" ดวงตากลมโตตวัดค้อนเมษาก่อนจะยกมือหมายจะฟาดไปที่หลังเพื่อนสาวแต่ก็หยุดยั้งเอาไว้ก่อนเมื่ออีกฝ่ายหลับตาปี๋ขดตัวงอแสดงอาการกลัว
วันต่อมา
ตั้งแต่เช้าที่ตื่นมาไรอันก็พยายามนึกถึงความทรงจำแต่เขานึกอย่างไรก็นึกไม่ออกรู้แค่ว่าตอนนี้ตัวเองมีภรรยาแล้วชื่อว่านรักเท่านั้นแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่มีความรู้สึกคุ้นเคยกับภรรยาของเขาแม้แต่น้อยแล้วความคิดแบบนี้เขาก็ได้สลัดออกไปเพราะคิดขึ้นมาได้ว่าคงเป็นเพราะความจำของเขาที่ทำให้ไม่รู้สึกคุ้นชินกับเธอ
"คุณเป็นยังไงบ้าง" วันนี้ว่านรักมาที่โรงพยาบาลเพียงคนเดียวเพราะถูกปราโมทย์คะนั้นคะยอให้มาให้ได้
"ปวดหัวนิดหน่อย..ผมอยากรู้ว่าเราแต่งงานกันตั้งแต่เมื่อไร...คบกันมากี่ปีถึงแต่งแล้วเราเจอกันที่ไหน" เมื่อเห็นว่านรักมาถึงไรอันก็โพล่งถามคำถามที่อยากจะรู้จากหญิงสาวทันที
"ทีละคำถามไหมคะ" ว่านรักวางปิ่นโตกับข้าวที่ตาของเธอฝากมาเยี่ยมไรอันที่โต๊ะตรงมุมห้องก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆเตียงของชายหนุ่ม
"ผมแค่อยากรู้เพราะผมไม่รู้สึกคุ้นเคยกับคุณเลยสักนิด" ไรอันเอ่ยออกมาตามตรง
"....." ว่านรักถึงกับหน้าเจื่อนตอนนี้เธอไม่รู้จะหาคำตอบอะไรมาตอบเขาดีเพราะไม่ได้เตรียมตัวมาเลยแม้แต่น้อย
"ขอโทษทีผมไม่ได้อยากทำให้คุณเจ็บปวดผมแค่อยากรู้เผื่อจะนึกอะไรออกมาได้บ้างเท่านั้นเอง" ใบหน้าหวานที่เจื่อนลงทำให้ไรอันเริ่มเสียงอ่อนเพราะคิดว่าคำถามเมื่อครู่คงทำให้หญิงสาวเสียความรู้สึกเป็นแน่
"คือเรื่องนี้ฉันอยากให้คุณจำได้ด้วยตัวเองมากกว่า"
"หมายความว่าคุณจะไม่ยอมบอกอะไรเลย..." ไรอันขมวดคิ้วเล็กน้อย
"...." สาวเจ้าพยักหน้าเป็นคำตอบ
"โอเค..แล้วเรามีลูกด้วยกันหรือเปล่าพ่อแม่ผมล่ะ"
"เราไม่มีลูกด้วยกันค่ะส่วนพ่อแม่คุณพวกท่านก็เสียไปหมดแล้ว" ว่านรักภาวนาในใจให้พ้นเวลานี้ไปเสียทีเพราะเธอกลัวว่าหากโกหกไปวันหน้าเธอจะตอบคำถามเขาไม่เหมือนเดิม
ตกเย็น
“ฉันไม่เคยอึดอัดอะไรเท่านี้มาก่อนเลยไม่รู้ว่าถ้าเค้ากลับมาอยู่บ้านแล้วเค้าจะมีคำถามอะไรกับฉันอีก” เมื่อกลับบ้านมาได้ว่านรักก็มาบ่นอุกกับเมษาเรื่องที่เธอต้องมานั่งตอบคำถามกับไรอัน
“ก็ไหลๆไปนั่นแหละ” เมษาคิดว่าหากไม่ยอมตอบอะไรชายหนุ่มสักอย่างคงจะทำให้เขานั้นสงสัยน่าดู
อเมริกาโรงพยาบาลXXX"คุณท่านเป็นอย่างไรบ้างครับ" ลูคัสมาถึงโรงพยาบาลได้ก็รีบเข้ามาดูอาการเอมม่าทันที"ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกไรอันล่ะอยู่ไหน" หญิงชราไม่วายมองหาหลานชายคนโตของเธอซึ่งไม่ค่อยจะเห็นหน้าค่าตากันเท่าไรนัก"เอ่อ...คุณไรอันดูที่ดินอยู่ญี่ปุ่นน่ะครับ" ลูคัสจำต้องเอ่ยคำโกหกออกไปเพราะคนเป็นนายสั่งว่าไม่ให้ย่าของตนรู้เป็นเด็ดขาดว่าเขาอยู่ที่ไหนทำอะไรเมื่อเสร็จภารกิจแล้วจะรีบกลับมา"แล้วเมื่อไรจะกลับงั้นเหรอ""ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ""งั้นก็ไปบอกหมอเจมส์ให้ฉันทีว่าฉันขอไปพักรักษาตัวที่บ้าน" "คงไม่ได้หรอกครับคุณย่าผมยังปล่อยให้คุณย่ากลับไปไม่ได้หรอกครับนอนดูอาการที่นี่อีกสักสามวันเป็นอย่างต่ำนะครับ" หมอเจมส์ที่เปิดแประตูเข้ามาทันได้ยินเอมม่าเอ่ยกับเจคอปเขาจึงรีบเอ่ยปฏิเสธทันทีเพราะถ้าหากเขาปล่อยให้ย่าของเพื่อนกลับไปพักที่บ้านทั้งที่อาการยังไม่ดีมีหวังไรอันรู้เขาได้โดนกินหัวแน่หมอเจมส์เป็นหมอหนุ่มรุ่นเดียวกับไรอันเป็นทายาทหมื่นล้านเจ้าขอโรงพยาบาลหลายแห่งในยุโรปเพื่อนกับไรอันตั้งแต่เด็กๆเรียนมาด้วยกันตลอดจะไม่ค่อยได้เจอกันในช่วงที่มีการมีงานทำแต่นานๆก็จะนัดสังสรรค์กันทีเวลาที่ว่างตร
"คุณก็จัดการเองสิคะ.. ฉันไม่เคยเช็ดตัวให้ผู้ชาย" "แต่ผมเป็นสามีคุณไม่ใช่เหรอ" คำพูดของหญิงสาวทำเอาไรอันสับสนกับการกระทำของเธออยู่ไม่น้อย"คือ.. ก.. ก็ได้" ว่านรักลืมข้อนี้ไปเสียสนิทก่อนจะรีบกลับมานั่งตรงหน้าชายหนุ่มและค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นของเขาออกด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างลำบากใจ"คุณเป็นอะไรทำยังกับไม่เคยเห็นร่างกายของผม" ดวงตาสีน้ำข้าวของไรอันจ้องมองหญิงสาวอย่างมีคำถามมากมายเพราะดูเหมือนเธอไม่ค่อยอยากจะดูแลเขาเท่าไรทั้งสายตาของเธอเวลามองเขามันก็ว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูกหนำซ้ำตอนนี้ยังทำท่าเหมือนจะรังเกียจที่ตจะมองร่างกายของเขาอีก"อ๋อ.. เปล่าฉันกลัวคุณเขินไง...คุณความจำเสื่อมคุณคงไม่ค่อยคุ้นชินกับฉัน.." ว่านรักแสยะยิ้มก่อนจะเอ่ยชักแม้น้ำทั้งห้าไปเรื่อยทั้งยังไม่รู้ตัวอีกว่าตอนนี้เธอกำลังแก้มแดงเพราะหน้าท้องแกร่งที่ขึ้นซิกแพคของไรอันอยู่"แต่ผมว่าคุณมากกว่าที่น่าจะเขิน..หน้าแดงซะขนาดนั้น" ไรอันเอ่ยออกไปตามตรงไม่ได้คิดจะหยอกหญิงสาวแต่อย่างใด"เปล่านะคะ...ฉันแค่ร้อนๆ" ว่าจบก็ก้มหน้างุดหยิบผ้าจุ่มน้ำเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ชายหนุ่มอย่างเร่งรีบ"คุณนี่ก็น่ารักดีนะ...ผมว่าตอนที่ผมตกหลุ
"โอ้ย" คนที่ชอบหยอกเพื่อนรีบเอาหลังมือถูหัวเมื่อถูกว่านรักเคาะด้วยกำปั้น"ทำหน้าตาตื่นเต้นเพราะแกนั่นแหละทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้""ให้บอกความจริงตาไปเลยไหมล่ะอีตานั่นจะได้ถูกคนที่นี่รุมยำตาย" เมษาพูดอย่างลอยหน้าลอยตา"ไม่ๆๆ.. " ว่านรักรีบส่ายหัวทันทีเพราะเธอก็ไม่ใช่คนใจร้ายที่จะเห็นใครถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาได้"ฉันก็พึ่งเห็นคนอะไรสงสารคนที่จะฆ่าตัวเอง" เมษาบุ้ยปาก"ก็ตอนนี้อีตานั่นไม่รู้เรื่องรู้ราวนี่นาถ้าฉันปล่อยให้เค้าถูกทำร้ายก็แย่เกินคนแล้ว" "ฉันอยากจะรู้จริงจริ๊งว่าจะมีคนดีอย่างแกสักกี่คนเนี่ย""เที่ยงแล้วไปหาข้าวกินกันเถอะ..อ่อ..ฉันลืมหยิบปิ่นโตมากินกับแกก็แล้วกัน" ว่านรักเห็นว่านี่ก็น่าจะเที่ยงแล้วเพราะพระอาทิตย์ลงหัวอีกอย่างเหล่าคนที่ทำไร่อยู่ใกล้กันก็นั่งจับกลุ่มล้อมวงกินข้าวกันหมดแล้วจึงรีบชวนเมษาไปเข้าร่มไม้ตั้งวงกินข้าวกัน"ได้สิเมื่อเช้าตาก็ตักข้าวใส่ปิ่นโตมาเผื่อแกอยู่แล้ววันนี้มีแกงส้มผักรวมกับปลาเค็มของโปรดแกด้วย""งั้นรีบเลย" ได้ยินเช่นนี้ว่ารักจึงรีบสับขาเข้าไปในร่มทันทีเพราะวันนี้มีของโปรดของเธอไรอันเดินเข้ามาในไร่พร้อมกับปิ่นโตในมือเพราะเขาเข้าใจว่าว่านรักน่าจะ
"ฉันคิดว่าเราควรจะสร้างตัวกันอีกสักนิดค่ะ" ว่านรักเอ่ยปัดให้จบๆไปก่อนจะปิดไฟนอนแม้นภายนอกเธอจะไม่มีอาการอะไรแต่หัวใจเธอเต้นไม่ค่อยจะเป็นส่ำเพราะไม่รู้เลยว่าวันหน้าเธอจะเจอคำถามหรือเหตุการณ์อะไรที่ทำให้ลำบากใจอีก"อ๋อ...ผมเข้าใจแล้ว" ไรอันเอ่ยเสียงอ่อนแม้นหญิงสาวจะตอบเขามาแบบนั้นแต่ก็ไม่รู้ว่าในใจของเขายังคงมีความสงสัยอยู่ก็หาคำตอบกับตัวเองไม่ได้อีกเหมือนกันเช้าวันต่อมา"...." ไรอันตื่นมาในช่วงเช้าตรู่เขาเห็นนอนมองหญิงสาวอยู่พักใหญ่โดยที่ยังไม่ปลุกเธอริมฝีปากหนาอมยิ้มอ่อนเมื่อมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังหลับตาพริ้มนี้เขาอยากจำได้เหลือเกินว่าตอนนั้นเขาตกหลุมรักเธอเพราะความน่ารักนี้หรือไม่แต่ตอนนี้เขาคิดว่าคงจะใช่และภาวนาในใจของให้เขาจำเรื่องราวก่อนหน้าได้เร็วๆจะได้ไม่ต้องมานั่งสงสัยอะไรให้มันอึดอัดหัวใจ ช่วงสาย"ผมไปไร่กับคุณด้วยได้หรือเปล่า" ไรอันเดินตามว่านรักออกมาจากบ้านก่อนจะขอเธอไปที่ไร่ด้วย"จะไปตากแดดตากลมทำไมคะอยู่ที่บ้านดีแล้วค่ะ..." "ผมไปอยู่ที่บ้านตาก็ได้" "ก็ได้" คนที่ขี้เกียจจะเถียงกับชายหนุ่มตอนนี้ยอมให้เขาตามเธอไปแต่โดยดีเพราะรู้ว่าถ้าเธอห้ามตอนนี้ไม่เที่ยงก็เย็นเธอ
"พ่อเลี้ยงนั่นสนิทกับคุณมากเลยใช่ไหม" เมื่อกลับมาถึงบ้านได้ไรอันก็โพร่งถามถึงเรื่องความสัมพันธ์ของว่ารักกับบุญทวีทันที"ก็พอสมควรค่ะ""เรื่องที่ผมต้องมาง้อคุณที่นี่มันเกิดจากอะไรกันแน่ครับ" น้ำเสียงของไรอันเริ่มเปลี่ยนไปจนว่ารักเองก็ไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนักที่ดูเหมือนว่าเขากำลังจับผิดเธออยู่ตลอดเวลา"ก็เกิดจากเรื่องทั่วไปนั่นแหละค่ะไม่มีอะไร...แล้วฉันก็ไม่ได้โกรธคุณแล้วด้วย" "ผมกำลังคิดว่าอาจจะเป็นเพราะคุณหาเรื่องผมแล้วกลับมาหาคนที่คุณรักก็ได้""มโนอะไรของคุณคะ" ใบหน้าหวานเริ่มคิ้วผูกโบว์"สายตาคุณมันฟ้องเวลาที่คุณมองเค้า..ต่างจากที่มองผม" ร่างสูงยื่นมือทั้งสองจับบ่าของหญิงสาวให้มองตาเขาก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ปนน้อยใจออกมา"ไร้สาระกันใหญ่แล้วค่ะ...ถ้าฉันรักเค้าฉันจะบอกคุณทำไมคะว่าฉันเป็นภรรยาคุณฉันจะบอกกับคุณก็ได้ว่าเราเลิกกันแล้วในตอนคุณฟื้น..คุณลองคิดสิคะ" "...ผมคงคิดไปเองขอโทษแล้วกัน..." พอได้ยินคำยืนยันจากปากของหญิงสาวให้มั่นใจแบบนี้เขาจึงลดความระแวงได้ครึ่งหนึ่งก่อนจะขอโทษร่างบางที่เขาทำให้เธอต้องมาอารมณ์เสียเพราะเขา อาทิตย์ต่อมาหลังจากที่ไรอันได้กลับมาพักที่บ้านหลายวันร่างกาย
"ผมว่าผมดูออกว่าพ่อเลี้ยงนั่นชอบคุณ" ไรอันเก็บอาการไว้ตั้งแต่ที่วัดเมื่อมาถึงบ้านยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้หย่อนก้นนั่งพักเขาก็เอ่ยถึงเรื่องบุญทวีทันที"คุณไรอันฉันคิดว่าเราคุยกันจบตั้งแต่ที่วัดแล้วนะคะ...ทำอย่างกับคุณหึงฉันอย่างนั้นแหละทั้งที่เรา.. " ว่านรักเกือบเผลอหลุดปากทำให้ไรอันถึงกับขมวดคิ้วมองหญิงสาวอย่างสงสัยมากกว่าเดิม"เราทำไมเหรอ...เราเป็นสามีภรรยากันผมหวงคุณก็ไม่เห็นแปลกนี่ครับเพราะของอะไรที่เป็นของผมผมก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งเท่าไร""เราจะแต่งงานกันอยู่แล้วอย่าหาเรื่องทะเลาะกันเลยนะคะ" ว่านรักดึงชายหนุ่มนั่งลงข้างๆเธอก่อนจะพูดถึงเรื่องแต่งงานพร้อมจ้องตาเขาไปด้วยหวังว่าวิธีนี้จะทำให้ไรอันไม่ถามอะไรเธออีก Rrrrr "ว่าไงเม...อะไรนะโอเคเดี๋ยวฉันจะไปเดี๋ยวนี้" มือน้อยยกมือถือที่กำลังดังขึ้นมารับสายเมื่อรู้ถึงธุระของปลายสายเธอจึงหมายจะรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปที่ไร่ทันทีนับว่าเมษาช่างโทรมาหาเธอได้ถูกเวลาจริงๆ"คุณจะไปไหน..""วัวหลุดจากคอกค่ะตอนนี้หากันไม่เจอฉันต้องไปช่วยหา..""ผมไปด้วย" ไรอันรีบลุกหมายจะไปกับว่านรัก"ไม่ต้องหรอกฉันจะรีบไปรีบกลับ" "ก็ได้" แต่เขาก็ต้องหย่อนก้น
"อืม...เจ็บ" ว่านรักตอนนี้เธอน่าจะมีบาดแผลอยู่ตามเนื้อตัวและที่เดินๆก็คือมีแผลแตกที่ไรผมด้านหน้าเธอระบมไปทั้งตัวจึงทำได้แค่ขยับลืมตาเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคนเรียก"ผมจะพาคุณกลับบ้านเอง" ไรอันรีบไต่ลงมาหาหญิงสาวอย่างรวดเร็วเดขายังไม่ยอมขยับร่างของเธอเพราะมีความคิดบางอย่างที่เหมือนเคยอยู่ในสมองสั่งให้เขารู้ว่าหากคนเจ็บด้วยอุบัติเหตุแบบนี้อย่าขยับร่างจนกว่าจะมีเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือเพราะหากกระดูกสันหลังผู้ป่วยบาดเจ็บอยู่แล้วอาจจะทำให้เป็นอัมพาตได้เขาจึงทำได้แค่ฉีกเสื้อของเขาพันหัวว่านรักเพื่อห้ามเธอเอาไว้และจับมือหญิงสาวเอาไว้หลวมๆก่อนจะส่งเสียงเรียกคนด้านบนเป็นระยะให้รู้ว่าตำแหน่งของพวกเขาอยู่ตรงไหนทั้งสองอยู่แบบนี้ร่วมสองสามชั่วโมงกว่าพวกเจ้าหน้าที่ก็ทำการช่วยเหลือทั้งสองได้สำเร็จ โรงพยาบาลตอนนี้ว่ารักมานอนพักที่ห้องพักผู้ป่วยในแล้วหลังจากตรวจร่างกายเสร็จส่วนไรอันตอนนี้หมอกำลังตรวจอยู่อีกไม่นานก็น่าจะเรียบร้อย"เป็นยังไงบ้างดีนะที่ไรอันช่วยแกไว้ได้เร็ว" "ช่วยเหรอ" ว่านรักไม่รู้เลยว่าตอนนั้นใครอยู่กับเธอเมื่อรู้ว่าเป็นไรอันก็แอบตกใจอยู่มากไม่คิดว่าเขาจะยอมเสี่ยงชีวิตช่วยเธอขนาดนี้
"คุณอยู่ในนี้ฉันจะอาบน้ำยังไงฉันเป็นผู้หญิงนะคะ" "คุณพูดอย่างกับอายสามีตัวเองอย่างนั้น" "งั้นคุณก็ห้ามหันมานะคะ" "โอเค" ด้วยความรั้นของไรอันทำให้ว่านรักต้องจำใจให้เขายืนอยู่ในห้องน้ำกับเธอด้วยแม้นจะต้องอาบไประแวงไปก็เถอะครู่ต่อมา"ไรอัน..ปล่อยฉันเดินเองได้ค่ะ" ไรอันอุ้มว่านรักที่พันตัวด้วยผ้าขนหนูสีข่าวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ"ผมจะอุ้มคุณไปโน่นมานี่จนกว่าคุณจะหายดี" ไรอันไม่สะทกสะท้านต่อคำปฏิเสธของว่านรักแม้แต่น้อย"แขนคุณนั่นแหละค่ะจะหนักกว่าเดิมพี่หมอบอกแล้วนี่ค่ะว่าห้ามยกอะไรหนักๆ""สำหรับคุณผมถือว่าไม่ใช่ของหนัก" คนตัวโตไม่ยอมทำตามที่หญิงสาวบอกทั้งยังตอบกลับด้วยสีหน้าทะเล้น"เถียงเก่งจังเลยนะคะ" ฟอดดดด คนตัวโตวางร่างบางลงที่หน้าตู้เสื้อผ้าก่อนจะกดหอมแก้มนวลเธอไปฟอดใหญ่ด้วยความหมั่นเขี้ยว"นี่คุณ.." ว่านรักตัวชาวาบไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกระทำแบบนี้โดยที่เธอไม่ได้ตั้งตัว"เวลาคุณอาบน้ำใหม่ๆหอมดีเหมือนกันนะ...""ห้ามทำแบบนี้อีกนะคะ" ดวงตากลมโตมองค้อนชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ"อีกแล้วนะคุณทำเหมือนผมไม่ใช่สามีคุณอีกแล้ว" ไรอันก้มลงมาจ้องหน้าของว่านรักก่อนจะมองจ้องดวงตาของเธอด้วยสายตาละ