สุดท้ายเราก็รักกันไม่ได้ ถึงแม้ถ่านไฟเก่าจะลุกโซนจนมอดไหม้ ถึงเป็นเช่นนั้นเราก็ยังรักนายไม่มีวันเปลื่ยนแปลง
View Moreช่วงค่ำๆ ต้อมได้แต่งตัวอย่างน่ารักสดใส เพื่อไปเที่ยวกับเสกผู้จัดการฝ่ายบุคคลวัยสี่สิบกว่า ใจหนึ่งก็ไม่อยากไปแต่อีกใจหนึ่งก็เกรงใจ แต่ถึงอย่างนั้นต้อมพยายามคิดในแง่ดี จะได้ไปเที่ยวยามค่ำคืนแห่งเมืองลำพูนในระหว่างที่ต้อมเดินออกจากห้องไปยังหน้าประตูห้องเช่า บังเอิญดำเดินออกมาพอดีเพื่อไปกินข้าวมื้อเย็น ซึ่งทำให้เจอต้อมโดนบังเอิญ“แต่งตัวซะหล่อเลย จะไปไหนน่ะ” ดำยืนนิ่งๆ ข้างๆ ต้อมที่ใบหน้าขาวใสยังกับหญิงสาว“ไปกินข้าวน่ะ” ต้อมมองมาทางดำร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มผิวคล้ำ“กินข้าวแค่นี้แต่งตัวซะเหมือนไปเที่ยวเลย”“ก็ใช่น่ะสิพี่ดำ คืนนี้ผมต้องไปกินข้าวในตัวเมือง”“รถก็ไม่มีจะไปได้อย่างไร จากนี้ไปในเมืองไม่ใช่ใกล้เลย”“ไปกับพี่เสก”“อ่ะ พี่เสกผู้จัดการฝ่ายบุคคลนั่นเหรอ” ดำมีสีหน้าสงสัยยิ่งยวด“ใช่ ทำไมพี่ดำต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วย”“รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเหรอ”“เปล่า”“แล้วจะไปได้ไง ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว”“พี่เขาชวนไป ถ้าไม่ไปก็น่าเกลียดแย่เลย”“พี่เสกมาพอดีเลย ผมไปก่อนนะพรุ่งนี้เจอกัน” ต้อมหันมายิ้มให้ดำ ที่ยืนนิ่งมองต้อมขิ้นรถและแล่นจากไป ด้วยความรู้สึกแปลกสองด้าน อย่างแรกทำไมเสกต้องพาต้อม
ตอนที่25 ความรู้สึกที่เปลื่ยนไป หลังจากหยุดงานมาหลายวันดำก็มาทำงานตามปกติ โดยก่อนหน้านี้ต้อมได้มีคนมาสอนงานให้ เป็นรุ่นพี่ร่วมแผนกเข้ามาทำงานพร้อมกับดำ ซึ่งซันนั้นได้สอนต้อมทำงานอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง จนทำให้ต้อมเริ่มทำงานได้คล่องมากยิ่งขึ้น “ถ้าไม่ได้พี่ซันผมคงแย่แน่เลย”ต้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดจาอย่างอ่อนน้อม “เอ้า ไอ้ดำหายดีแล้วเหรอว่ะทั้งกายทั้งใจ”ซันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นดำเดินเข้ามาที่ทั้งสองยืนคุยกันก่อนเข้างาน “ปากดีนะมึงนะ”ดำมองตาขวางใส่ซัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้พูดเล่นแรงกว่าหลายเท่า “มึงเป็นอะไรว่ะ ไปกินรังแตนมาจากไหน”ซันมีสีหน้ามึนงง “ไม่เป็นไรหรอก แค่ เอ่อ ไม่มีอะไร”ดำมองไปยังต้อมแว่บหนึ่งก่อนหันมามองซันต่อด้วยความแสนจะหงุดหงิด โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน “สงสัยจะฟื้นไข้ยังไม่หายดี นี่ก็ใกล้เวลางานแล้ว ต่อจากนี้ไปกูส่งน้องต้อมให้มึงดูแลต่อ และอีกอย่างน้องต้อมต้องดูแลพี่ดำดีๆนะ เดี๋ยวพิษไข้กำเริบพี่ไม่ได้กลัวไข้กายหรอก กลัวไข้ใจมากกว่าถ้ามีเวลาก็ค่อยๆดามใจมันก็ได้”ซันหัวเราร่วนก่อนรี
ต้อมนั่งมองดำที่กำลังกินข้าวต้มแบบฝืนกินยากพอสมควร สายตาอันเล็กหรี่จ้องไม่กระพริบตา ส่วนริมฝีปากเล็กรอยหยักคอยเตรียมพูดทันทีเมื่อใดดำหยุดกินข้าวต้ม และมือน้อยอันเรียวงามเทน้ำจากขวดใส่แก้วไว้เตรียมพร้อม รวมทั้งยาแก้ไข้อีกสองเม็ดวางไว้ใกล้ๆ กัน“กินให้หมดนะ” ต้อมพูดทันทีเมื่อดำหยุดกินข้าว“พี่อิ่มแล้ว” ดำถอดถอนหายใจ เพราะเขาไม่รู้สึกอยากกินข้าวแต่อย่างใด ถึงแม้จะพยายามฝืนทนกินแต่ไม่สามารถกินได้มากกว่านี้“ก็ได้ ถ้างั้นก็กินยาซะ” ต้อมพูดเสียงนิ่งๆ ให้ดูเข้มเข้าไว้ แต่เสียงเล็กอันใสหาเป็นใจไม่สายตาของต้อมยังมองดำตลอดเวลา ด้วยกลัวว่าจะแอบนำยาไปทิ้งขว้างไม่ยอมกิน ดำเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกจ้องมอง จนอดคิดไม่ได้ว่าต้อมไม่เหมือนน้องแต่เหมือนพี่สาวมากกว่า“พอใจหรือยัง” ดำพูดทันทีเมื่อได้กลืนยาลงคอ“พอใจมาก”“ถ้างั้นก็กลับไปได้พี่จะนอน” ดำพูดเสียงห้วนๆ“ก็นอนสิ ผมก็จะอยู่ที่นี่”“ห้องตัวเองมีทำไมไม่นอน” ดำแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจนคำพูดของดำที่ไม่เกรงใจและสนความรู้สึกคนฟัง ทำให้ต้อมนั้นใจอุ่นๆ ขึ้นมาอยู่เหมือนกัน ขนาดป่วยยังไม่วายพูดจาไม่น่าฟังเลยสำหรับความคิดของต้อม“ความจริงก็ไม่ได้อยากนอน
วันนี้ต้อมมีความรู้สึกแปลกๆ เพราะดำไม่ได้มาทำงาน สาเหตุใดต้อมไม่สามารถรู้ได้ เพราะดำสั่งห้ามให้อยู่ทางใครทางมัน จึงเป็นเหตุให้ต้อมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับดำ ถึงแม้วันนี้หลายต่อหลายคนจะถามไถ่ จึงได้แต่ปฏิเสธท่าเดียวไม่รู้ จนกระทั่งก่อนกลับบ้านสันต์หัวหน้างานของเขาได้เอ่ยขึ้นมา“กลับไปห้องก็ไปดูดำมันหน่อยนะ มันพึ่งเลิกกับแฟนช่วงนี้มันเศร้าๆ ไหนๆ ก็ทำงานที่เดียวกัน” สันต่์เอ่ยขึ้นก่อนเดินจากไป“ครับ” ต้อมรับคำด้วยความยินดี แต่ใจหนึ่งก็อยากจะบอกว่า ดำต่างหากที่ไม่ยอมให้เข้าใกล้ ส่วนตัวเขาเองนั้นอยากสนิทสนมด้วยใจจะขาดในช่วงที่ต้อมเดินออกจากโรงงานไปยังที่จอดรถ ในขณะที่เขากำลังคิดเรื่องของดำเพลินๆ ว่าจะจัดการอย่างไรดี ก็มีรถเก๋งคนงามจอดอยู่ข้างๆ เขา ต้อมจึงหันมามองและเป็นจังหวะเดียวกันที่กระจกเปิดออกพอดี“ต้อมขึ้นมาบนรถก่อนสิ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเรียกเขาแบบหน้านิ่งเหมือนตอนที่กำลังสัมภาษณ์งาน“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับเองได้ครับ” ต้อมกำลังจะเดินจากไป“บอกให้ขึ้นมาก็ขึ้นมาสิ” เสียงของผู้จัดการฝ่ายบุคคลเริ่มห้วนขึ้น“ครับ” ต้อมเดินอ้อมรถไปอีกด้านและเปิดประตูขึ้นไปในรถเมื่อต้อมขึ้นไปเขาก็นั่งนิ
เนื่องด้วยสภาพจิตใจของต้อมไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาจึงไม่ค่อยได้ออกไปทำงาน มีแต่นอนและพักผ่อนให้ร่างกายฟื้นตัว ยามค่ำคืนก่อนนอนต้อมได้หยิบอัลบั้มรูปขึ้นมาเปิดตัว และได้เห็นรูปผู้ชายคนหนึ่งที่เขาถ่ายตอนหลับ ต้อมจำได้ดีรักครั้งนี้เขาจึงหวนคิดถึงอีกครั้งหลังจากผิดหวังในรักที่มีต่อสน ทำให้ต้อมได้ติดสินใจก้าวเดินต่อไป เพื่อลืมเลือนรักอันเจ็บปวด ต้อมได้ขึ้นมาทำงานทางเหนือตามคำแนะนำของแหวน เพราะเพื่อนร่วมรุ่นได้ออกงานจากที่นี่จึงมีตำแหน่งว่างพอดีเมื่อไปถึงเมืองลำพูนต้อมได้หาห้องเช่าไม่ไกลจากแหล่งนิคมอุตสาหกรรมเท่าไรนัก มีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุดและที่นอนสำหรับไว้เอนกายพักผ่อนยามต้องการ พอรุ่งเช้าต้อมเดินทางไปสมัครงานในนิคมอุตสหกรรม เป็นโรงงานเกี่ยวกับผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยามเข้าไปนิคมและได้กรอกใบสมั8รและรอสัมภาษณ์เลย เพราะต้องการด่วนซึ่งไม่แตกต่างจากต้อมก็อยากได้งานโดยไวเหมือนกัน เมื่อเข้าไปก็เจอผู้จัดการฝ่ายบุคคล ต้อมยกมือไหว้ชายหนุ่มวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าๆ รูปร่างสูงโปร่งขาวนัยน์ตาเล็ก“สวัสดีครับ” ต้อมยกมือไหว้“นั่งลงได้” ชายหนุ่มผู้นั้นมองต้อมไม่วางสายตา“ดูจากประวัติการทำงาน เปล
วันหยุดยาวต้อมได้กลับบ้านสองวันทีแรกกะสามวัน แต่ทนความคิดถึงสนไม่ไหวเขาจึงกลับมาก่อนเวลา และอีกอย่างหนึ่งเพื่อสืบสาวราวเรื่องของสนว่าเป็นเช่นไรโดยไม่ได้โทรบอกสนไว้แม้แต่น้อย และต้อมไม่ยอมกลับห้องของตัวเองด้วย เลยรวดไปยังห้องพักของสนเพื่อจับผิดหรือถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถือว่าเป็นไปหาคนรักแค่นั้นไม่ได้มีอะไรเสียหายหรือเสียเวลาเมื่อมาถึงต้อมรีบไปยังห้องเช่าของสน ด้วยไปหาสนเป็นบางครั้งต้อมจึงมีกุญแจ และยามคุ้นหน้าเป็นอย่างดี จึงเข้าออกง่ายไม่มีปัญหาแต่อย่างใด พอถึงหน้าประตูต้อมจึงหยิบกุญแจมาเปิดเข้าไปในห้อง โดยไม่ได้เคาะเรียกขานแต่อย่างใด เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็ไม่ได้พบกับอะไรผิดปกติ เห็นเพียงแต่สนนั่งดูทีวีอย่างสบายอารมณ์“อ้าว ไหนบอกว่าจะกลับบ้านไปสามวันไง” สนมีสีหน้าไม่สู้ดีนักและรีบลุกขึ้นยืนทันใด“ทนคิดถึงนายไม่ไหวไง” ต้อมเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ“ใครมาสน” หญิงสาวนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเกาะอกออกมาจากห้องน้ำและรีบเดินมาเกาะแขนสน ที่อยู่ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันกายท่อนล่าง“เพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันนะ” สนจ้องมองต้อมไม่วางสายตา เพราะกลัวต้อมพูดอะไรออกมา“ต้อมนี่คือ เอ่อ” สนอ้ำ
ความสัมพันธ์ทั้งสองเปลื่ยนแปลงทีละน้อย คืบคลานทีละนิดจนต้อมผิดสังเกตขึ้นมาทีละมากๆ ในช่วงเวลาที่ยาวนานหลายเดือน ต้อมยังทำตัวปกติทุกอย่างดูแลสนอย่างดีไม่เปลื่ยนแปลง ในขณะอีกคนมีความเปลื่ยนแปลงไป บางครั้งกลับห้องดึกดื่นบางคราไม่กลับมาเลย บางทีมีความสัมพันธ์ทางกายแบบผ่านๆ เหมือนไม่อยากจะมี ความสุขในรสรักของต้อมจึงลดน้อยลงไปอย่างมาก เพราะสนไม่ใคร่สนใจมอบให้อย่างแต่ก่อนมีอยู่ค่ำคืนหนึ่งสนพูดบางสิ่งออกมาจนต้อมรู้สึกใจหายใจคว่ำ เป็นคำพูดที่ไม่ได้รุนแรงแต่เจ็บลึกอย่างสุดทรวงและลึกสุดใจ“ต้อมเรามีเรื่องจะบอกกับนายนะ” สีหน้าของสนมีความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด“เรื่องอะไร” ต้อมเดินมานั่งบนเตียงในขณะสนนอนนิ่งๆ เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างไว้ในใจ“คือว่า เอ่อ เราสองคนก็โตกันขึ้นเยอะแล้วนะ ต่างคนต่างมีหน้าทีการงานของตัวเอง มีเพื่อนและอยากมีความเป็นส่วนตัว” สนยังไม่กล้าพูดคำใดๆ ออกมาพยายามเกริ่นนำ“นายจะพูดอะไร” ต้อมใจหวั่นหวิว เพราะคำพูดนำทางแบบนี้ เขาคาดคิดว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน“อืม เราคิดว่าต้องแยกห้องกันดีกว่าไหม เพราะเราทั้งคู่ก็โตกันแล้วนะ” สนจ้องหน้าของต้อมเพราะอยากรู้ความรู้สึกที่
ความรักทั้งสองคืบหน้าไปอย่างมากในความคิดของต้อม เมื่อถึงเวลาสิ้นเดือนต้อมจึงซื้อของกินของใช้มามากมาย เพื่อเลี้ยงฉลองกับสนคนสำคัญที่สุดในชีวิต ค่ำคืนนี้ต้อมจึงเฝ้ารอการมาของสน แต่สองทุ่มก็แล้วสามทุ่มผ่านไปสี่ทุ่มกำลังจะมาถึง แต่ยังไร้วี่แววของใครบางคน สายตาของต้อมจ้องมองอาหารที่เรียงรายหลายอย่างตรงหน้า จนเวลาเกือบเที่ยงคืนจึงได้ยินเสียงเคาะประตู“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ต้อมเดินไปเปิดประตูด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ“นายไปไหนมาเรานัดกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าวันนี้จะเลี้ยงฉลองเงินเดือนออก” ต้อมมีท่าทีกระฟัดกระเฟียดแสดงท่าทีไม่พอใจ“เราขอโทษ พอดีพี่พี่ทำงานเราเลี้ยงฉลองให้น่ะ เราไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะมีงานนี้” สนเข้ามาโอบกอดจากด้านหลัง พร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้าอันบูดบึ้ง“นายไปดื่มเหล้ามาเหรอ”“นิดหน่อยเอง พี่ๆ เขาบังคับให้เราดื่มน่ะ”“อืม แสดงว่านายกินข้าวมาแล้วใช่ไหม”“ใช่ กินมาแล้ว แต่ตอนนี้อยากกินนายมากกว่า”“แล้วกับข้าวที่เราซื้อมาล่ะ เต็มไปหมดเลย”“ไม่เป็นไรหรอกทิ้งไปซะให้หมด แต่ตอนนี้เราขอกินนายก่อนได้ไหม”สนช้อนร่างของต้อมแล้วอุ้มมาวางบนเสื่อไร้ที่นอน พร้อมจับร่างของต้อมพลิกคว่ำหลังจากนั้นดึงกางเก
ต้อมตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมาทำกับข้าวให้สนกินก่อนไปทำงาน ซึ่งก็ไม่มีอะไรนอกจากไข่เจียวสองฟอง และในขณะเดียวกันต้อมได้รีดเสื้อกางเกงให้สนอย่างเรียบร้อยแขวนไว้ที่ราวตากผ้า ส่วนรองเท้าขัดจนเงาวับ หลังจากนั้นเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวจนเรียบร้อย เมื่อต้อมทำทุกอย่างเสร็จสิ้นจึงไปปลุกสนที่นอนหลับอย่างสบาย“สนตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปทำงานสายหรอก” ต้อมเขย่าร่างของสน“แจ้งแล้วเหรอ วันนี้ขี้เกียจจังเลย นึกว่านายจะต่ออีกรอบหนึ่งตอนเช้า” สนลุกขึ้นนั่งแล้วหยิกแก้มของต้อมอย่างเอ็นดูใคร่รัก“บ้า เมื่อคืนตั้งสองครั้งแล้ว”“มันต้องสามครั้งกำลังดี”“สามครั้งนายต้องไปทำเองที่ห้องน้ำโน้น ไม่ไหวยังเจ็บอยู่เลยนายทำเราแรงเกินไป” ต้อมแกล้งทำหน้างอ“ขอโทษนะ ต่อไปจะทำค่อยๆ อีกอย่างครั้งแรกของนายก็แบบนี้แหละ ทางแก้มีต้องทำบ่อยๆ จะได้ขยายหลวมๆ แต่เมื่อคืนฟิตเป็นบ้าเลย”“ทะลึ่ง ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าว”“จ๊ะ ที่รัก”สนเรีบลุกขึ้นในสภาพเปลือยเปล่าท่อนเอ็นตั้งชูชัน โดยไม่ได้มีความเขินอายอย่างแต่ก่อน จนทำให้ต้อมรู้สึกแปลกใจอย่างมาก“กางเกงก็ไม่ใส่ไม่อายบ้างเลยเหรอ”“จะมาอายอะไร ตอนนี้เราสองคนไม่เหมือนเดิมแล้วนะ เห็นกันทุกส่วนแล้วไม่
ชายหนุ่มวัยเกือบห้าสิบเดินดูสินค้าในตลาดสด อันเต็มไปด้วยของกินของใช้มากมายเรียงรายทั่วบริเวณ สายตาจับจ้องไปยังอาหารนานาชนิด ด้วยไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้างสักเท่าไร ยิ่งเดินมาเลือกซื้อกับข้าวมื้อเย็น จึงจำเป็นต้องรีบซื้อเพราะเวลามีน้อย หนุ่มใหญ่ผู้นี้จึงเลิกแกงไว้สองอย่าง ส่วนเท้าทั้งสองข้างขยับไปเหยียบสาวใหญ่วัยเดียวก่อน“อุ๊ย ขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจครับ” ต้อมเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยสายตาอันบ่งบอกว่ายอมรับผิด“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวรุ่นเดียวกันยิ้มให้พร้อมพยักหน้าเป็นการให้อภัย“ต้อมใช่ไหม” ชายหนุ่มยืนข้างหญิงสาวพูดขึ้น“นาย เอ่อ อาคมใช่ไหม” ต้อมมองตาค้างและรู้สึกประหลาดใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย“อือ เราไม่ได้เจอกันนานเลยหนอ ตอนนี้นายทำอะไรอยู่” อาคมถามด้วยความสงสัย“เรากลับมาอยู่บ้านทำสวนน่ะ นายล่ะทำงานอะไร” ต้อมถามด้วยความอยากรู้“เราเป็นนายก อบต ส่วนเวลาว่างเราทำนา”“อือ ดีจัง กลับบ้านมาคราวนี้ไม่เสียเที่ยว”“เราก็ดีใจที่เจอนายนะ เพื่อนๆ ถามหานายกันยกใหญ่เลย เอ่อ เราลืมแนะนำนี่เมียเราชื่อส้ม”“ยินดีที่รู้จักนะ” ต้อมยิ้มให้อย่างยินดี“เช่นกันค่ะ”“เราขอเบอร์หน่อย เฟส ด้วย”“ตรงน...
Comments