Home / วาย / เรารักกันไม่ได้ / เลี้ยงรุ่นเรียกความทรงจำกลับคืนมา

Share

เลี้ยงรุ่นเรียกความทรงจำกลับคืนมา

last update Last Updated: 2024-12-10 20:14:46

วันเวลาที่ต้อมรอคอยมาถึงวันนี้จะได้เจอเพื่อนเก่าอีกหลายคน หนึ่งในนั้นที่อยากเจอมากเขายังไม่แน่ใจว่าจะมาหรือไม่ เพราะต้อมมาในงานร่วมชั่วโมงยังไม่เห็นวี่แวว มีเพียง อาคม โบ้ผู้ทะเล้น จืดกับแฟนสาวนั่นคือปิ่นเพื่อนร่วมคณะนั่นเอง และอีกหลายคนต่างนั่งเรียงรายสองแถวหันหน้าเข้าหากัน โดยต้อมนั่งติดอาคมส่วนอีกข้างยังว่างเปล่าไม่มีใครมานั่ง

“หายไปนานเลยนะไอ้ต้อม เรานึกว่าไปอยู่กับแฟนที่ต่างประเทศเหมือนแหวนแล้ว” โบ้พูดขึ้นมาโดยยังคงเอกลักษณ์ความเป็นขึ้เล่นเหมือนเดิม

“เพื่อนเราได้ดีแล้วไม่เคยรู้มาก่อนเลย” ต้อมมีสีหน้าท่าทางประหลาดใจพอสมควร

“ใช่ เหลือแต่นายนั่นแหละ เขามีครอบครัวกันหมดแล้วนายมัวรออะไรอยู่ หรือรอใครเอ่ยอยากรู้จัง”

“เปล่า ยังไม่เจอคนที่ใช่มั้ง”

ต้อมพูดจบชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินเข้ามายืนข้างๆ สายตาของต้อมเห็นเพื่อนร่วมห้องมองมายังใกล้บริเวณที่นั่งอยู่ ต้อมผิดสังเกตเลยหันหน้ามองและเงยขึ้น

“พระเอกของเราทำไมมาช้าจังเลย” โบ้เอ่ยขึ้นทันใดเมื่อคงเดชนั่งลงข้างๆ ต้อม

“เราพึ่งมาถึงเลยต้องไปส่งเมียกับลูกที่บ้านก่อน” คงเดชพูดจบแล้วหันหน้ามามองต้อมที่นั่งนิ่งๆ

คำพูดและท่าทางนิ่งๆ ของคงเดชทำให้ความรู้สึกของต้อมนั้นเปลื่ยนไป ด้วยคิดว่าคงเดชคงจะทำอย่างตอนสมัยเรียน เพียงเสี้ยววินาทีต้อมคิดได้ว่าคงไม่เหมาะและเป็นไปได้อยาก เวลายี่สิบกว่าปีนั้น ความคิดความรู้สึกมีทางพลิกผันกันได้

“ว่าไงต้อมนั่งเงียบเลยนะ” คงเดชหันมามองต้อมด้วยสายตาคงเดิม เขายังจำดวงตากลมโตคู่นี้ได้ ถึงแม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาต้อมเผลอไผลมีรักใหม่อยู่หลายครั้ง

“สบายดี” ต้อมยิ้มด้วยแววตาเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

“เอาล่ะ ไหนๆ วันนี้พวกเราก็มาเจอกันแล้ว มาคุยเรื่องความหลังกันดีกว่า” โบ้ยังคงเป็นหัวหน้ากลุ่มเช่นเดิม ถึงแม้เขาจะมีครอบครัวแล้วแต่ก็ยังมีความทะเล้นทะลึ่งอยู่ไม่เปลื่ยนแปลง

ดวงตาสองคู่แอบมองกันเป็นระยะๆ ความรู้สึกอย่างวันเก่าก่อนเริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย โดยไม่มีเพื่อนคนไหนล่วงรู้

“มาอย่างไง” คงเดชถามไถ่หลังจากเห็นต้อมเงียบอยู่เช่นเดิม

“มากับอาคม”

“พักที่ไหน”

“โรงแรมในตัวเมืองนี่แหละ”

“อือ กลับวันไหนเหรอ ถ้ายังไปเที่ยวบ้านเราก็ได้นะ”

“คงไม่ได้หรอก อาคมมีธุระต้องกลับวันพรุ่งนี้”

“เสียดายเหมือนกัน พอดีเรากับครอบครัวจะไปเที่ยวเขาค้อ อยากชวนนายไปด้วยจะได้เจอกับลูกๆ เรา” สายตาขอคงเดชรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

“นายไปกับครอบครัวจะชวนเราไปทำไม” สายตาของต้อมนั้นก็ไม่ต่างกัน

“สองคนนั่นน่ะ มัวจีบกันอยู่ได้ มาดื่ม ดื่ม” โบ้ยังคงนิสัยเหมือนเดิม พูดตามอย่างใจคิดไม่เปลื่ยนแปลง

คงเดชและต้อมหยุดคุยกันชั่วครู่ ทั้งคู่หันมาดื่มเหล้าอย่างที่โบ้ต้องการ ความรู้สึกของต้อมในตอนนี้ไม่ได้ค่อยมีความสุขเท่าไร ผิดหวังไม่เป็นอย่างที่เขาคาดคิดไว้ เพราะเจอแต่ความน่าเบื่อ ทุกคนล้วนคุยเรื่องครอบครัวหน้าที่การงาน เหตุนี้เองทำให้ต้อมอยากจะลุกหนีหายไป ด้วยเขาไม่มีเรื่องราวจะคุยกับเพื่อน ถึงแม้จะคุยเรื่องเก่าๆ มันมีหลายสิ่งที่ต้อมไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้

“เดี๋ยวเราเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ต้อมหันไปบอกอาคมแต่ไมได้หันหน้ามามองคงเดชแม้แต่น้อย

เมื่อต้อมออกมาจากห้องน้ำเขาควักน้ำมาลูบบนใบหน้า เพื่อนคลายความเครียดและสับสนในตัวเอง เขาจ้องมองหน้าที่เริ่มมีรอยเหี่ยวย่นไม่ว่าจะเป็นร่องแก้มหรือส่วนอื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน

“ต้อม” เสียงเรียกคุ้นเคยดังอยู่ข้างหลัง

ต้อมรีบหันไปมองจึงได้เห็นคงเดชยืนยิ้มอย่างเบิกกว้าง เช่นเดียวกับเขาที่เริ่มมีความสุขขึ้นมาบ้างนิดหน่อย

“รู้สึกนายเปลื่ยนไปเยอะเลยนะ ไม่สดใสร่าเริงเหมือนแต่ก่อน มีอะไรในใจหรือเปล่าบอกเราได้นะ ถึงอย่างไงเราก็เป็นเพื่อนกัน” คงเดชเดินมายังอ่างน้ำข้างๆ ที่ต้อมยืนอยู่

“เราไม่ได้เป็นอะไรหรอก เราก็เป็นแบบนี้แหละ”

“ไม่น่าใช่ นายต้องมีอะไรในใจอย่างแน่นอน”

“ไม่มีจริงๆ”

“อือ เราเชื่อนายก็ได้”

ความรู้สึกทั้งสองถึงแม้จะตรงกัน แต่มีหลายสิ่งที่ไม่สามารถบอกความในใจกันได้ จึงได้เพียงแต่แสดงความรู้สึกทางสายตาให้อีกฝ่ายได้รับรู้

“เราเจอกันครั้งล่าสุดเมื่อไรเหรอนายจำได้ไหม” ต้อมเอ่ยขึ้น

“เราจำไม่ได้ หรือว่าที่พิษณุโลกหรือเปล่า”

“ใช่”

วันนั้นเป็นวันผันแปรทำให้ความรู้สึกความรักของต้อมได้เปลื่ยนไป เขาไม่อยากจะจำวันนั้นเพราะเป็นวันที่พังทลายทำให้ชีวิตได้ย้ายจากไปอยู่ที่อื่น

“เรื่องมันผ่านมาแล้วอย่าพูดถึงมันเลย เราว่าออกไปข้างนอกกันดีกว่า พวกเราเข้ามานานแล้ว” คงเดชเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบอีกครั้ง

“อือ” ต้อมพยักหน้า

สองร่างเดินคู่กันมาจากห้องน้ำมายังโต๊ะของพวกเขา เมื่อเดินมาถึงทุกสายตาต่างจ้องมองด้วยความสงสัย แต่ไม่มีเพื่อนคนใดเอ่ยขึ้นมายกเว้นโบ้ ผู้ที่พูดโดยไม่ใคร่สนใจอะไรทั้งนั้น

“ไปทำอะไรกันในห้องน้ำ”

“ดื่มเหล้าดื่มเบียร์มันก็ต้องปวดฉี่สิ นายนี่พูดไปเรื่อยเหมือนเดิมนะ” คงเดชเริ่มไม่พอใจคำพูดของโบ้

“เอาน่า เพื่อนกันอะไรนิดหน่อยอย่าถือโทษโกรธกันเลย” อาคมรีบห้ามมองไปที่โบ้เหมือนปรามอย่าพูดอะไรขึ้นมาอีก

ต้อมไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เขามีแค่ยิ้มและกระดกดื่มเหล้าจนเริ่มมึนดูเหมือนจะไม่ไหว ขืนดื่มต่อมีหวังนอนฟุบอยู่ตรงนี้อย่างแน่นอน

“อาคมไปส่งเราหน่อย เรารู้สึกไม่ไหวแล้วนะ” ต้อมมีความรู้สึกมึนหัวหน่อยๆ

“เดี๋ยวเราไปส่งเองก็ได้ เพราะเราต้องรีบกลับบ้านเหมือนกัน” คงเดชเอ่ยขึ้น เพราะเขาต้องรีบไปหาเมียและลูกที่รออยู่

“ดีเลยต้อม เรากำลังติดพันดูเพื่อนสิ กำลังได้ที่เลยนายนี่คออ่อนไม่เปลื่ยนแปลง ตั้งแต่วัยรุ่นยันแก่” อาคมยิ้มนิดๆ ด้วยความเอ็นดู

“ไอ้ต้อมจะรีบกลับไปไหน ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลย” โบ้โผงพูดขึ้นมา

“ปีหน้าค่อยว่ากัน เดี๋ยวเราไปฝีกให้คอแข็งมากกว่านี้ก็ได้ แล้วค่อยมาดวลกันครั้งต่อไป”

“แหม มาปากดีตอนจะกลับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะจูบปากให้ดู”

“ตอนนี้ก็จูบได้นะ” อาคมพูดแทรกขึ้น

“ทำได้นะ เพื่อเพื่อน” โบ้ยิ้มนิดๆ

“เอาล่ะ ขอบใจทุกคนมากนะ ปีหน้าเจอกัน” ต้อมโบกมือให้เพื่อนๆ ทุกคน

“โชคดีๆ ไอ้ต้อม ไอ้เดช ปีหน้าเจอกันนะ” เพื่อนๆ หลายคนพูดคนละครั้งสองครั้ง

“โอเค ไปล่ะ” คงเดชลุกขึ้นและเดินออไปจากร้านอาหารพร้อมต้อม

สองหนุ่มใหญ่นั่งอยู่ในรถเก๋งกำลังแล่นไปยังโรงแรม ไม่ได้อยู่ไกลจากร้านอาหารมากนัก ในความรู้สึกทั้งสองอยากพูดความในใจออกมา แต่ยังไม่มีใครกล้าเอ่ยขึ้นมาก่อน จนต้อมไม่สามารถหักห้ามใจได้ เขาจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ามีความเศร้าปนอย่างเจือจาง

“เดชนายมีความสุขดีไหมกับครอบครัว” ต้อมพูดขึ้นลอยๆ โดยไม่หันไปมองหน้าคงเดชที่มีสีหน้านิ่งเฉย

“เรามีความสุขกับลูกเมียเรานะ ถึงจะลำบากทำงานหาเลี้ยง แต่เมื่อได้กลับมาบ้านได้เห็นหน้าลูกเมียหายเหนื่อยเลย”

“นายโชคดีนะ ได้มีครอบครัวที่อบอุ่น”

“ทำไมนายถึงไม่มีกับเขาบ้างล่ะ ปล่อยให้ตัวเป็นโสดอย่างนี้ แก่ตัวไปจะทำอย่างไร” คงเดชขมวดคิ้วจนเป็นปม

“นายไม่น่าถามถ้ามีได้ทำไมเราจะไม่มีล่ะ”

“อือ จริงของนายด้วย”

“ไม่ต้องห่วงเราหรอก เรามีหลานเต็มบ้าน” ใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์เหล้าเงยหน้าขึ้นพร้อมกะพริบตาถี่ๆ

“ชีวิตเป็นโสดก็ดีนะ อยากทำอะไร อยากไปไหน อยากมีใคร ไม่ต้องสนใจคนรอบข้าง” คงเดชเม้มปากกัดฟันเล็กน้อย

“แต่มันเหงา ดิ่งเป็นบางครั้งเมื่อต้องอยู่คนเดียว บางครั้งเหมือนจะมีความสุข แต่ภายในใจไม่ได้สุขอย่างใบหน้า”

“ชีวิตคนเรามันก็แค่นี้แหละ ต้องสู้และดิ้นรนต่อไป”

ต้อมไม่ได้ตอบโต้ใดๆ ออกมา เพราะถึงหน้าโรงแรมที่เขาพักอาศัยอยู่แล้ว ในช่วงเวลานี้จิตใจของต้อมอยากบอกอะไรหลายอย่าง แต่ใจยังไม่กล้าพอด้วยกลัวความผิดหวัง จึงได้พูดแต่คำพื้นทั่วไป

“ขอบใจมากนะที่มาส่งเรา” ต้อมเอ่ยขึ้น

“นอนคนเดียวเหรอ”

“เปล่านอนกับอาคมเป็นเตียงคู่ ถามทำไมมาด้วยกันก็ต้องนอนด้วยกันสิ” ต้อมพูดแกมประชดเพราะอดใจไม่ไหว กับความนิ่งเฉยเย็นชาของคงเดช

“ถามดู คือ” คงเดชอ้ำอึ่ง

“คงอีกนานกว่าอาคมจะมาบางทีอาจนอนค้างบ้านของโบ้ก็ได้” เสียงอันแห่บด้วยฤทธิ์เหล้าดังขึ้น พร้อมกันใบหน้าค่อยๆ หันมามองคงเดช

ดวงตาอันเล็กหรี่มองดวงตากลมโตคู่ตรงหน้าอย่างมีความหวัง นัยน์ตาโตคู่นั้นมองกลับสะท้อนสองใจแต่มีความเจ็บปวดอยู่ไม่ใช่น้อย

“ต้อม นายยังเหมือนเดิมไม่เปลื่ยนเลยนะ” ริมฝีปากหนาเม้มกัดแน่นพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่น

“เราก็เป็นแบบนี้แหละ ไปคุยกันต่อที่ห้องไหม” ต้อมหันหน้ากลับมองตรงที่มีแสงไฟส่องสว่างเป็นระยะทางไกลสุดลูกตา

“เราต้องกลับไปหาลูกหาเมียคงอยู่ไม่ได้หรอก และอีกอย่างไม่คงไม่เหมาะอีกแล้ว” เมื่อคงเดชพูดจบก้มหน้าลงต่ำ

“เราเข้าใจนาย เราไปก่อนนะ ปีหน้าเจอกันใหม่”

“อย่างไงเราก็คุยกันทางไลน์ก็ได้นิ”

“อือ ตามนั้นอย่างที่นายต้องการ”

ต้อมหลับตาพริ้มถอนหายใจพร้อมกับความผิดหวัง และรู้สึกผิดในเวลาเดียวกันที่คิดสิ่งไม่เหมาะสม มือน้อยๆ ค่อยๆ เปิดประตูออก

“เดี๋ยวก่อนต้อม” คงเดชจับมือที่เริ่มไม่บอบบางเพราะทำสวนอยู่หลายปี

เพียงต้อมหันหน้ามาเขารับสัมผัสริมฝีปากของคงเดชแถวแก้ม ใจหนึ่งเต้นระรัวอยากอยู่ตรงนี้ต่อไป อีกใจหนึ่งอยากตัดขาดวิ่งเข้าไปยังโรงแรม สองจิตใจสองความคิดของคนสองคน ได้อยู่ในช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจ

Related chapters

  • เรารักกันไม่ได้   จูบนั้นมีความหมาย

    ดวงตาที่เล็กหรี่ลงจนหลับ แต่ริมฝีปากบนแก้มยังอยู่อย่างเดิมเป็นเวลา ต้อมเริ่มลืมตาขึ้นทีละนิดแล้วหันหน้ามา คงเดชได้หยุดสัมผัสแก้มอันผ่องใส“ไอ้เดชนายจะจูบไอ้ต้อมอะไรทุกวัน” โบ้ไม่วายพูดทุกวันตอนเช้าต้อมไม่รู้จะทำเช่นไร เพราะทุกเช้าคงเดชจะมาจูบมาหอมแก้มอยู่ประจำ จนเขาเคยชินไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากนัก ต้อมมองเห็นสองสาวหนึ่งหนุ่มหวานนั่งอยู่อีกโต๊ะ เขาจึงเดินเข้าไปหาเพื่อเข้ากลุ่มนี้ เพราะคิดว่าน่าจะเหมาะกว่ามาอยู่กับชายแท้นับสิบ“นั่งลงสิ ไปนั่งตรงนั้นอยู่ได้” ปื่นสาวผิวเข้มเอ่ยขึ้น“เป็นอะไรหรือเปล่าจิตดีนั่งเงียบไปเลย” ต้อมผิดสังเกตเห็นจิตดี มีท่าทีซึมลงจนเขาแปลกใจ“เรามาเรียนวันนี้เป็นสุดท้ายนะที่เรามานี่จะบอกพวกเธอนั่นแหละ เดี๋ยวจะกลับแล้วเพราะอยู่ถึงเย็นก็ไม่มีความหมายอะไร”“ทำไม เพราะอะไรเหรอ” ดวงตาที่ค้างและริมฝีปากอันอ้าขึ้นเล็กน้อย มองใบหน้าอันขาวใสที่ปนด้วยความเศร้า“เราคิดว่า เรียนคณะนี้คงไม่เหมาะกับเรา ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ เดี่ยวเราไปช่วยแม่ขายของดีกว่า” มือของจิตดีประสานกันส่วนนิ้วหัวมือถือถูสัมผัสกันไปมา“ลองคิดๆ ดีนะ เรียนไปก่อนถ้าไม่ไหวจริงๆ ปีหน้าค่อยออกก็ได้ และอีกอย่างปีแ

    Last Updated : 2024-12-10
  • เรารักกันไม่ได้   เรื่องวุ่นๆหอพักนักศึกษา

    หลังจากงานเลี้ยงรุ่นต้อมอยู่โหมดเศร้าพอสมควร ที่สำคัญได้เริ่มห่างกับคงเดชไม่ค่อยคุยกันอย่างแต่ก่อน ด้วยเหตุหลายอย่างทำให้ทั้งสองต้องรักษาระยะห่าง ในวันนี้ต้อมจึงเข้ามาในสวนมะม่วงของเขา ที่มีอีกรุ่นออกผลจนนำไปขาย “อาต้อมครับ” ต้อมคุ้นๆหูเสียงนี้แต่นึกไม่ออกว่าเสียงใคร เขาจึงหันไปมองทันที่ สิ่งทีเห็นคืออาคารลูกของอาคมยืนยิ้มอยู่ใต้ต้นมะม่วง เมื่อเห็นเช่นนั้นต้อมจึงเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มนั่น “มาหาอามีธุระอะไร”ต้อมเดินไปใต้ต้นมะม่วงที่อาคารยืนอยู่ “ผมกลับมาบ้านแล้วเหงาๆพ่อก็ไปงาน อบต แม่ไปทำงาน ส่วนน้องสาวไปหาเพื่อน ผมไม่มีใครเลยมาคุยด้วยสักหน่อย” “ได้สิ นั่งลงก่อนจะมาคุยอะไรกับคนแก่” “ผมมีเรื่องอยากปรึกษาอาครับ” “เรื่องอะไร อย่าบอกนะเรื่องความรัก”ต้อมยิ้มนิดๆ “เรื่องมันเกี่ยวพันกันน่ะอา” “เกี่ยวพันอะไรอาไม่เข้าใจ พูดมาตรงๆก็ได้อาจะพยายามทำความเข้าใจ ว่าแต่ เอ๊ะ ทำไมไม่ปรึกษาพ่อของหลานล่ะ”ต้อมมีสีหน้าที่งุนงงอยู่บ้าง “ผมไม่กล้าปรึกษา ผมว่าอาน่าจะรู้ว่าผมเป็นแบบไหน เหมือนอ

    Last Updated : 2024-12-10
  • เรารักกันไม่ได้   ความแรงของเพื่อน

    วันรุ่งขึ้นต้อมมาเรียนตามปกติ แต่แล้วต้องทราบข่าวบางอย่าง เป็นที่อืออาอย่างมากในห้อง แต่คนสองคนที่ถูกพูดถึงไม่มีความอายแต่อย่างใด“ไอ้จืด มึงคิดอย่างไงยอมแหวนมันน่ะ” โบ้พูดขึ้นพร้อมอมยิ้มนิดๆ“อยากลองดูแต่ก็รู้สึกดีนะ” จืดพูดอย่างหน้าตายต้อมนั่งฟังอย่างตั้งใจจนเพลิน และเป็นเช่นเดิมคงเดชมาหอมแก้มเขาอีกครั้งในตอนเช้า พร้อมกับนั่งกอดเรือนร่างอยู่พัก เมื่อแหวนมาไปนั่งยังอีกทีหนึ่ง ต้อมจึงแกะแขนทั้งสองข้างของคงเดชออก“นายจะไปไหน” คงเดชถาม“ไปหาแหวนกับปอนด์” ต้อมลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะเดินไป“อย่าให้รู้นะว่ามึงเป็นกูเตะคว่ำเลย” เพื่อนคนหนี่งพูดขึ้นทันที เมื่อได้ยินต้อมพูดถึงแหวนต้อมได้แต่ยิ้มแล้วเดินไปหาแหวนอยู่ดี ด้วยแหวนนั้นออกชัดเจนว่าเป็น ในส่วนของต้อมนั้นยังมีความเป็นผู้ชายอยู่เยอะกว่าแหวน ถ้าไม่รู้จักจริงๆ อาจมองเป็นผู้ชายเรียบร้อย ต้อมไม่รู้จะพูดอะไรจึงได้แต่เดินหนีมายังโต๊ะของแหวน“ข่าวเธอดังมากเลยนะ” ต้อมพูดทันทีเมื่อมาถึงและนั่งลงบนม้านั่ง“ข่าวอะไร” แหวนแกล้งทำเป็นไม่รู้“เรื่องของเธอกับจืดนะ เมื่อวานไปหาจืดมาเหรอ”“ข่าวไวจริงหนอ”“เธอไปทำอะไร” ปิ่นเสียงสูงทันที เพราะลึกๆ เธอชอบจ

    Last Updated : 2024-12-10
  • เรารักกันไม่ได้   ความในใจ

    ความคิดถึงกำลังถามหาความรักครั้งเก่าก่อน ต้อมยิ่งคิดยิ่งเสียดายความปากหนักครั้งในอดีต จะด้วยความที่ยังเด็กหรือยังไม่ประสา หรือกลัวโดนแกล้งล้อภายหลัง ต้อมยังไม่แน่ใจตัวเองในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่นั่นเป็นเรื่องที่เลยมาแล้ว ยังไม่เท่าไรแต่กับเรื่องในปัจจุบันช่างโหยหาอยากได้ความรักนั้นคืนมา ต้อมจึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนรักยามค่ำคืน“ฮัลโหล” คงเดชรับสายทันที เมื่อเห็นเป็นชื่อต้อม“ทำอะไรอยู่” ความรู้สึกแรกที่ได้ยินเสียงต้อมยินดียิ่งนัก“นั่งดื่มเหล้าอยู่”“กลับใคร”“คนเดียว”“ลูกเมียไม่ว่าเหรอ” ต้อมนึกสงสัยเช่นนั้นจริงๆ“เราอยู่คนเดียว เมียกับลูกเราไปต่างจังหวัด”“อ่อ”“โทรมามีอะไรเหรอ”“คิดถึงน่ะ” กว่าที่ต้อมจะพูดคำนี้ออกมาได้ใช้เวลานานพอสมควร“เราก็พึ่งเจอกันได้ไม่นานนี่ไม่ใช่เหรอ”“สำหรับนายอาจไม่นาน แต่เรานานกว่านายอีกนะ” เสียงของต้อมนั้นเบาบางลง“นายจะพูดขึ้นมาทำไม ในเมื่อเรื่องของเรามันไม่มีทางเป็นไปได้” คงเดชเสียงห้วนขึ้น“เรารู้ แต่เราสามารถที่จะพูดคุยกันได้นิ ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง”“นายจำได้ไหมเราเคยพูดอะไรกับนายครั้งหนึ่งตอนเรียน”“อะไร”“เราถามนายว่า นายชอบเราใช่ไหม”เมื่อได้ยินคำพูดน

    Last Updated : 2024-12-10
  • เรารักกันไม่ได้   คนมันไม่ได้รัก

    วันแรกของการทำงานจังหวัดใกล้เคียงในพิษณุโลก ซึ่งต้อมขึ้นรถไฟไปกลับและยังพักอยู่ที่บ้านเช่นเคย เป็นงานทั่วๆ ของกรมอุตสหกรรมจังหวัด สัญญาจ้างหนึ่งปีลูกจ้างชั่วคราว ในช่วงเวลานี้ต้อมยังไม่อยากไปทำงานที่ไหนไกล เขาจึงอยู่แถวๆ ไม่ไกลบ้านนักก่อนที่ต้อมจะเริ่มทำงาน ได้เข้าอบรมอยู่ครึ่งวันกับเพื่อนใหม่สิบคน ช่วงบ่ายต้อมจึงได้เข้าทำงานอย่างเต็มตัวกับรุ่นพี่ที่เคยทำงานมาก่อน ต้อมค่อยๆ เดินเข้าไปยังโต๊ะทำงานของรุ่นพี่อย่างช้าๆ ด้วยความประหม่าและกลัวบ้างพอสมควร“สวัสดีครับพี่” ต้อมยืนตรงหน้ารุ่นพี่“อ้าว น้องต้อม” ก้องเงยหน้าขึ้น มีสีหน้าประหลาดใจและดีใจในคราเดียวกัน เขายังจำเด็กหนุ่มรุ่นน้องหน้าตาน่ารัก ในหอพักชายได้ไม่มีวันลืม“พี่ก้อง” ต้อมยิ้มอย่างยินดี เพราะรู้สึกดีใจอย่างมาก เนื่องด้วยจะได้ทำงานอย่างสบายใจไม่ต้องกังวลสิ่งใด“โชคดีมากเลยนะ แต่อย่าพึ่งคุยกันเลย เดี๋ยวหัวหน้าว่ามาเริ่มทำงานกันดีกว่า”“ครับพี่”ช่วงเวลาครึ่งวันที่เหลือ ต้อมได้รับการสอนงานจากก้องอย่างเต็มที่ ในส่วนตัวของต้อมรับอย่างเต็มใจ ไม่เข้าใจตรงไหนถามไถ่อย่างถี่ถ้วน ในเมื่อผู้สอนเต็มใจขนาดนี้ ทั้งสองจึงทำงานกันอย่างมีความส

    Last Updated : 2024-12-10
  • เรารักกันไม่ได้   สิ่งตอบแทนคำว่าไม่รัก

    วันเสาร์ต้อมมาตามคำสัญญาให้ไว้กับก้อง เป็นไปตามปกติทุกอย่างก้องมารับยังสถานีรถไฟแล้วพาไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ จนเกือบบ่าย ก็กลับมายังห้องพักที่ดูเรียบง่าย มีเพียงตู้เย็น ทีวี ตู้เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ อีกเล็กน้อย“ห้องพี่น่าอยู่จังเลย” เมื่อต้อมพูดจบนั่งลงบนเตียงนอนทันที เพราะไม่มีเก้าอี้ให้นั่งหรือไม่อีกอย่างต้องนั่งกับพื้น“ถ้าห้องพี่น่าอยู่ มาอยู่กับพี่เลยก็เลย ตอนเช้าเราก็ไปทำงานด้วยกัน ตอนเย็นเลิกงานมาอยู่ด้วยกัน” ก้องนั่งลงใกล้ๆ“ไม่ดีกว่า เกรงใจพี่ อีกอย่างพี่ ถ้าต้อมมาอยู่ด้วยพี่จะไม่อิสระเท่าที่ควร” สายตาของต้อมมีความประหวั่นกลัวใจของก้อง เพราะสมัยอยู่หอพักชายก้อล่อก้อติดอยู่เป็นประจำ“รังเกียจพี่เหรอ ตั้งแต่อยู่หอพักแล้วชอบหลบหนีพี่อยู่เป็นประจำ” ก้องเริ่มขยับเข้ามาใกล้ๆ ต้อมมากขึ้นพร้อมโอบไหล่“ต้อมไม่ได้รังเกียจพี่ก้องแม้แต่น้อยเลย คือ”“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ถ้าไม่ได้รังเกียจพี่ก็ดี พี่จะได้ทำตามใจที่ต้องการนะ”ก้องค่อยๆ ขยับใบหน้ามาทีละนิดๆ เข้ามาใกล้ๆ แก้มของอันขาวผ่องใสเนียน ส่วนก้องค่อยๆ ถอยห่างทีละนิด แต่ความรู้สึกของก้องยังต้องการทำต่อ จึงขยับตามไปครั้งละหน่อย จนกร

    Last Updated : 2024-12-10
  • เรารักกันไม่ได้   ทนความคิดถึงไม่ไหว

    ความปากแข็งทำให้ต้อมต้องอยู่เพียงลำพังมีเพียงความเหงาเพิ่มเข้ามา ในพรุ่งนี้เขาจึงตัดสินใจที่จะไปหาคงเดชยังกรมป่าไม้ ซึ่งเขาไม่แน่ใจจะเจอหรือไม่แต่ยังดีกว่ารออยู่อย่างนี้แบบไม่มีความหวัง ก่อนวันไปได้โทรหาคงเดช โดยเตรียมเหรียญสิบ เหรียญห้า เหรียญบาทมาอย่างเต็มกระเป๋าต้อมยืนรอคิวหน้าตู้โทรศัพท์สาธารณะ เขาเสียเวลาไปประมาณสามนาทีกว่าจะได้เข้าไปในตู้โทรศัพท์ เมื่อเข้าไปในตู้โทรศัพท์เขารีบยกหูโทรศัพท์ทันที พร้อมหยอดเหรียญใส่อย่างรวดเร็ว รอปลายสายด้วยใจระทึกแต่ไม่มีคนรับ เขาโทรอยู่สองสามรอบยังเหมือนเดิม“ทำไมไม่รับโทรศัพท์นะ” ต้อมบ่นพึมพำแล้วพลันเห็นคนยืนรอต่อคิวสองคนด้วยความเกรงใจต้อมจึงหยิบเบอร์เพจเจอร์ และรีบโทรไปทันทีเพื่อส่งข้อความหาคงเดช เวลาไม่นานคอลเซนเตอร์รับทันที ต้อมจีงรีบบบอกข้อความที่จะส่งอย่างรวดเร็วเพราะเกรงใจคนยืนรอคิว“พุร่งนี้เราไปหากรมป่าไม้ได้ไหม หรือไม่ส่งข้อความกลับ xxxxxxxx จากต้อม” ต้อมรีบวางโทรศัพทันทีและรีบออกจากตู้โทรศัพท์อย่างไวต้อมนอนรอข้อความทางเพจเจอร์จนหลับไป เพราะไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใด จนกระทั่งเช้ายังไม่มีข้อความเข้ามา ด้วยความคิดถึงและอยากบอกความในใจเข

    Last Updated : 2024-12-10
  • เรารักกันไม่ได้   เกือบได้รักคืนมา

    ต้อมโหยหาคิดถึงความหวังครั้งเก่าก่อน มือน้อยๆ จึงเอื้อมไปที่ชั้นหนังสือเพื่อหยิบอัลบั้มรูป ซึ่งภาพส่วนมากจะเป็นเพื่อนๆ ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยซะมากกว่า และภาพแรกที่เห็นเป็นภาพรับปริญญา จึงทำให้ต้อมนั้นอดคิดถึงวันนั้นไม่ได้อีกครา เขาจึงเงยหน้าหลับตาและลืมขึ้น เพื่อมองภาพตรงหน้าและหวนคิดถึงวันวานหลังจากหมดสัญญาจ้างต้อมไม่ต้องการต่อสัญญา เพราะทนความเย็นชาและโดนกลั่นแกล้งจากก้องไม่ไหวอีกต่อไป เมื่อหมดสัญญาและเป็นช่วงจังหวะเดียวกับรับปริญญา ต้อมจึงถือโอกาสพักผ่อนและได้ไปเพชรบูรณ์เพื่อซ้อมรับปริญญา ในตอนแรกต้อมกะจะพักบ้านแหวน แต่เกรงใจเนื่องด้วยแหวนมีแฟนแล้ว แหวนจะชักชวนอย่างไรต้อมก็ไม่ยอมและต้องการพักที่โรงแรมไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนักเพียงก้าวเท้าเข้ามาในมหาวิทยาลัยใจชุ่มชื่นทันที เพราะเหมือนได้ย้อนวัยเป็นวันนาน เขาเดินไปเรื่อยๆ ต่างเจอรุ่นน้องที่มาแสดงความยินดี เจอเพื่อรุ่นเดียวกันต่างหยุดพูดคุย อย่างสนุกสนานมีความสุขกันทั่วทุกคน ในระหว่างรอการซ้อมต้อมได้นั่งอยู่ในกลุ่มของแหวนและปิ่นส่วนจืดนั้นไม่มาในงานครั้งนี้ด้วย“เสียดายเนาะจืดไม่ได้มาด้วย” ต้อมเอ่ยขึ้น“จะมาได้ไง หาเงินแต่งเมียอยู่

    Last Updated : 2024-12-10

Latest chapter

  • เรารักกันไม่ได้   ชุลมุนวุ่นรัก

    ช่วงค่ำๆ ต้อมได้แต่งตัวอย่างน่ารักสดใส เพื่อไปเที่ยวกับเสกผู้จัดการฝ่ายบุคคลวัยสี่สิบกว่า ใจหนึ่งก็ไม่อยากไปแต่อีกใจหนึ่งก็เกรงใจ แต่ถึงอย่างนั้นต้อมพยายามคิดในแง่ดี จะได้ไปเที่ยวยามค่ำคืนแห่งเมืองลำพูนในระหว่างที่ต้อมเดินออกจากห้องไปยังหน้าประตูห้องเช่า บังเอิญดำเดินออกมาพอดีเพื่อไปกินข้าวมื้อเย็น ซึ่งทำให้เจอต้อมโดนบังเอิญ“แต่งตัวซะหล่อเลย จะไปไหนน่ะ” ดำยืนนิ่งๆ ข้างๆ ต้อมที่ใบหน้าขาวใสยังกับหญิงสาว“ไปกินข้าวน่ะ” ต้อมมองมาทางดำร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มผิวคล้ำ“กินข้าวแค่นี้แต่งตัวซะเหมือนไปเที่ยวเลย”“ก็ใช่น่ะสิพี่ดำ คืนนี้ผมต้องไปกินข้าวในตัวเมือง”“รถก็ไม่มีจะไปได้อย่างไร จากนี้ไปในเมืองไม่ใช่ใกล้เลย”“ไปกับพี่เสก”“อ่ะ พี่เสกผู้จัดการฝ่ายบุคคลนั่นเหรอ” ดำมีสีหน้าสงสัยยิ่งยวด“ใช่ ทำไมพี่ดำต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วย”“รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเหรอ”“เปล่า”“แล้วจะไปได้ไง ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว”“พี่เขาชวนไป ถ้าไม่ไปก็น่าเกลียดแย่เลย”“พี่เสกมาพอดีเลย ผมไปก่อนนะพรุ่งนี้เจอกัน” ต้อมหันมายิ้มให้ดำ ที่ยืนนิ่งมองต้อมขิ้นรถและแล่นจากไป ด้วยความรู้สึกแปลกสองด้าน อย่างแรกทำไมเสกต้องพาต้อม

  • เรารักกันไม่ได้   ความรู้สึกที่เปลื่ยนไป

    ตอนที่25 ความรู้สึกที่เปลื่ยนไป หลังจากหยุดงานมาหลายวันดำก็มาทำงานตามปกติ โดยก่อนหน้านี้ต้อมได้มีคนมาสอนงานให้ เป็นรุ่นพี่ร่วมแผนกเข้ามาทำงานพร้อมกับดำ ซึ่งซันนั้นได้สอนต้อมทำงานอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง จนทำให้ต้อมเริ่มทำงานได้คล่องมากยิ่งขึ้น “ถ้าไม่ได้พี่ซันผมคงแย่แน่เลย”ต้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดจาอย่างอ่อนน้อม “เอ้า ไอ้ดำหายดีแล้วเหรอว่ะทั้งกายทั้งใจ”ซันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นดำเดินเข้ามาที่ทั้งสองยืนคุยกันก่อนเข้างาน “ปากดีนะมึงนะ”ดำมองตาขวางใส่ซัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้พูดเล่นแรงกว่าหลายเท่า “มึงเป็นอะไรว่ะ ไปกินรังแตนมาจากไหน”ซันมีสีหน้ามึนงง “ไม่เป็นไรหรอก แค่ เอ่อ ไม่มีอะไร”ดำมองไปยังต้อมแว่บหนึ่งก่อนหันมามองซันต่อด้วยความแสนจะหงุดหงิด โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน “สงสัยจะฟื้นไข้ยังไม่หายดี นี่ก็ใกล้เวลางานแล้ว ต่อจากนี้ไปกูส่งน้องต้อมให้มึงดูแลต่อ และอีกอย่างน้องต้อมต้องดูแลพี่ดำดีๆนะ เดี๋ยวพิษไข้กำเริบพี่ไม่ได้กลัวไข้กายหรอก กลัวไข้ใจมากกว่าถ้ามีเวลาก็ค่อยๆดามใจมันก็ได้”ซันหัวเราร่วนก่อนรี

  • เรารักกันไม่ได้   ใจอ่อน

    ต้อมนั่งมองดำที่กำลังกินข้าวต้มแบบฝืนกินยากพอสมควร สายตาอันเล็กหรี่จ้องไม่กระพริบตา ส่วนริมฝีปากเล็กรอยหยักคอยเตรียมพูดทันทีเมื่อใดดำหยุดกินข้าวต้ม และมือน้อยอันเรียวงามเทน้ำจากขวดใส่แก้วไว้เตรียมพร้อม รวมทั้งยาแก้ไข้อีกสองเม็ดวางไว้ใกล้ๆ กัน“กินให้หมดนะ” ต้อมพูดทันทีเมื่อดำหยุดกินข้าว“พี่อิ่มแล้ว” ดำถอดถอนหายใจ เพราะเขาไม่รู้สึกอยากกินข้าวแต่อย่างใด ถึงแม้จะพยายามฝืนทนกินแต่ไม่สามารถกินได้มากกว่านี้“ก็ได้ ถ้างั้นก็กินยาซะ” ต้อมพูดเสียงนิ่งๆ ให้ดูเข้มเข้าไว้ แต่เสียงเล็กอันใสหาเป็นใจไม่สายตาของต้อมยังมองดำตลอดเวลา ด้วยกลัวว่าจะแอบนำยาไปทิ้งขว้างไม่ยอมกิน ดำเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกจ้องมอง จนอดคิดไม่ได้ว่าต้อมไม่เหมือนน้องแต่เหมือนพี่สาวมากกว่า“พอใจหรือยัง” ดำพูดทันทีเมื่อได้กลืนยาลงคอ“พอใจมาก”“ถ้างั้นก็กลับไปได้พี่จะนอน” ดำพูดเสียงห้วนๆ“ก็นอนสิ ผมก็จะอยู่ที่นี่”“ห้องตัวเองมีทำไมไม่นอน” ดำแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจนคำพูดของดำที่ไม่เกรงใจและสนความรู้สึกคนฟัง ทำให้ต้อมนั้นใจอุ่นๆ ขึ้นมาอยู่เหมือนกัน ขนาดป่วยยังไม่วายพูดจาไม่น่าฟังเลยสำหรับความคิดของต้อม“ความจริงก็ไม่ได้อยากนอน

  • เรารักกันไม่ได้   ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

    วันนี้ต้อมมีความรู้สึกแปลกๆ เพราะดำไม่ได้มาทำงาน สาเหตุใดต้อมไม่สามารถรู้ได้ เพราะดำสั่งห้ามให้อยู่ทางใครทางมัน จึงเป็นเหตุให้ต้อมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับดำ ถึงแม้วันนี้หลายต่อหลายคนจะถามไถ่ จึงได้แต่ปฏิเสธท่าเดียวไม่รู้ จนกระทั่งก่อนกลับบ้านสันต์หัวหน้างานของเขาได้เอ่ยขึ้นมา“กลับไปห้องก็ไปดูดำมันหน่อยนะ มันพึ่งเลิกกับแฟนช่วงนี้มันเศร้าๆ ไหนๆ ก็ทำงานที่เดียวกัน” สันต่์เอ่ยขึ้นก่อนเดินจากไป“ครับ” ต้อมรับคำด้วยความยินดี แต่ใจหนึ่งก็อยากจะบอกว่า ดำต่างหากที่ไม่ยอมให้เข้าใกล้ ส่วนตัวเขาเองนั้นอยากสนิทสนมด้วยใจจะขาดในช่วงที่ต้อมเดินออกจากโรงงานไปยังที่จอดรถ ในขณะที่เขากำลังคิดเรื่องของดำเพลินๆ ว่าจะจัดการอย่างไรดี ก็มีรถเก๋งคนงามจอดอยู่ข้างๆ เขา ต้อมจึงหันมามองและเป็นจังหวะเดียวกันที่กระจกเปิดออกพอดี“ต้อมขึ้นมาบนรถก่อนสิ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเรียกเขาแบบหน้านิ่งเหมือนตอนที่กำลังสัมภาษณ์งาน“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับเองได้ครับ” ต้อมกำลังจะเดินจากไป“บอกให้ขึ้นมาก็ขึ้นมาสิ” เสียงของผู้จัดการฝ่ายบุคคลเริ่มห้วนขึ้น“ครับ” ต้อมเดินอ้อมรถไปอีกด้านและเปิดประตูขึ้นไปในรถเมื่อต้อมขึ้นไปเขาก็นั่งนิ

  • เรารักกันไม่ได้   เริ่มต้นใหม่

    เนื่องด้วยสภาพจิตใจของต้อมไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาจึงไม่ค่อยได้ออกไปทำงาน มีแต่นอนและพักผ่อนให้ร่างกายฟื้นตัว ยามค่ำคืนก่อนนอนต้อมได้หยิบอัลบั้มรูปขึ้นมาเปิดตัว และได้เห็นรูปผู้ชายคนหนึ่งที่เขาถ่ายตอนหลับ ต้อมจำได้ดีรักครั้งนี้เขาจึงหวนคิดถึงอีกครั้งหลังจากผิดหวังในรักที่มีต่อสน ทำให้ต้อมได้ติดสินใจก้าวเดินต่อไป เพื่อลืมเลือนรักอันเจ็บปวด ต้อมได้ขึ้นมาทำงานทางเหนือตามคำแนะนำของแหวน เพราะเพื่อนร่วมรุ่นได้ออกงานจากที่นี่จึงมีตำแหน่งว่างพอดีเมื่อไปถึงเมืองลำพูนต้อมได้หาห้องเช่าไม่ไกลจากแหล่งนิคมอุตสาหกรรมเท่าไรนัก มีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุดและที่นอนสำหรับไว้เอนกายพักผ่อนยามต้องการ พอรุ่งเช้าต้อมเดินทางไปสมัครงานในนิคมอุตสหกรรม เป็นโรงงานเกี่ยวกับผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยามเข้าไปนิคมและได้กรอกใบสมั8รและรอสัมภาษณ์เลย เพราะต้องการด่วนซึ่งไม่แตกต่างจากต้อมก็อยากได้งานโดยไวเหมือนกัน เมื่อเข้าไปก็เจอผู้จัดการฝ่ายบุคคล ต้อมยกมือไหว้ชายหนุ่มวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าๆ รูปร่างสูงโปร่งขาวนัยน์ตาเล็ก“สวัสดีครับ” ต้อมยกมือไหว้“นั่งลงได้” ชายหนุ่มผู้นั้นมองต้อมไม่วางสายตา“ดูจากประวัติการทำงาน เปล

  • เรารักกันไม่ได้   ความรักกำลังเปลื่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

    วันหยุดยาวต้อมได้กลับบ้านสองวันทีแรกกะสามวัน แต่ทนความคิดถึงสนไม่ไหวเขาจึงกลับมาก่อนเวลา และอีกอย่างหนึ่งเพื่อสืบสาวราวเรื่องของสนว่าเป็นเช่นไรโดยไม่ได้โทรบอกสนไว้แม้แต่น้อย และต้อมไม่ยอมกลับห้องของตัวเองด้วย เลยรวดไปยังห้องพักของสนเพื่อจับผิดหรือถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถือว่าเป็นไปหาคนรักแค่นั้นไม่ได้มีอะไรเสียหายหรือเสียเวลาเมื่อมาถึงต้อมรีบไปยังห้องเช่าของสน ด้วยไปหาสนเป็นบางครั้งต้อมจึงมีกุญแจ และยามคุ้นหน้าเป็นอย่างดี จึงเข้าออกง่ายไม่มีปัญหาแต่อย่างใด พอถึงหน้าประตูต้อมจึงหยิบกุญแจมาเปิดเข้าไปในห้อง โดยไม่ได้เคาะเรียกขานแต่อย่างใด เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็ไม่ได้พบกับอะไรผิดปกติ เห็นเพียงแต่สนนั่งดูทีวีอย่างสบายอารมณ์“อ้าว ไหนบอกว่าจะกลับบ้านไปสามวันไง” สนมีสีหน้าไม่สู้ดีนักและรีบลุกขึ้นยืนทันใด“ทนคิดถึงนายไม่ไหวไง” ต้อมเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ“ใครมาสน” หญิงสาวนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเกาะอกออกมาจากห้องน้ำและรีบเดินมาเกาะแขนสน ที่อยู่ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันกายท่อนล่าง“เพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันนะ” สนจ้องมองต้อมไม่วางสายตา เพราะกลัวต้อมพูดอะไรออกมา“ต้อมนี่คือ เอ่อ” สนอ้ำ

  • เรารักกันไม่ได้   ความห่างเหิน

    ความสัมพันธ์ทั้งสองเปลื่ยนแปลงทีละน้อย คืบคลานทีละนิดจนต้อมผิดสังเกตขึ้นมาทีละมากๆ ในช่วงเวลาที่ยาวนานหลายเดือน ต้อมยังทำตัวปกติทุกอย่างดูแลสนอย่างดีไม่เปลื่ยนแปลง ในขณะอีกคนมีความเปลื่ยนแปลงไป บางครั้งกลับห้องดึกดื่นบางคราไม่กลับมาเลย บางทีมีความสัมพันธ์ทางกายแบบผ่านๆ เหมือนไม่อยากจะมี ความสุขในรสรักของต้อมจึงลดน้อยลงไปอย่างมาก เพราะสนไม่ใคร่สนใจมอบให้อย่างแต่ก่อนมีอยู่ค่ำคืนหนึ่งสนพูดบางสิ่งออกมาจนต้อมรู้สึกใจหายใจคว่ำ เป็นคำพูดที่ไม่ได้รุนแรงแต่เจ็บลึกอย่างสุดทรวงและลึกสุดใจ“ต้อมเรามีเรื่องจะบอกกับนายนะ” สีหน้าของสนมีความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด“เรื่องอะไร” ต้อมเดินมานั่งบนเตียงในขณะสนนอนนิ่งๆ เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างไว้ในใจ“คือว่า เอ่อ เราสองคนก็โตกันขึ้นเยอะแล้วนะ ต่างคนต่างมีหน้าทีการงานของตัวเอง มีเพื่อนและอยากมีความเป็นส่วนตัว” สนยังไม่กล้าพูดคำใดๆ ออกมาพยายามเกริ่นนำ“นายจะพูดอะไร” ต้อมใจหวั่นหวิว เพราะคำพูดนำทางแบบนี้ เขาคาดคิดว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน“อืม เราคิดว่าต้องแยกห้องกันดีกว่าไหม เพราะเราทั้งคู่ก็โตกันแล้วนะ” สนจ้องหน้าของต้อมเพราะอยากรู้ความรู้สึกที่

  • เรารักกันไม่ได้   สิ้นเดือนที่เปลื่ยนไป

    ความรักทั้งสองคืบหน้าไปอย่างมากในความคิดของต้อม เมื่อถึงเวลาสิ้นเดือนต้อมจึงซื้อของกินของใช้มามากมาย เพื่อเลี้ยงฉลองกับสนคนสำคัญที่สุดในชีวิต ค่ำคืนนี้ต้อมจึงเฝ้ารอการมาของสน แต่สองทุ่มก็แล้วสามทุ่มผ่านไปสี่ทุ่มกำลังจะมาถึง แต่ยังไร้วี่แววของใครบางคน สายตาของต้อมจ้องมองอาหารที่เรียงรายหลายอย่างตรงหน้า จนเวลาเกือบเที่ยงคืนจึงได้ยินเสียงเคาะประตู“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ต้อมเดินไปเปิดประตูด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ“นายไปไหนมาเรานัดกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าวันนี้จะเลี้ยงฉลองเงินเดือนออก” ต้อมมีท่าทีกระฟัดกระเฟียดแสดงท่าทีไม่พอใจ“เราขอโทษ พอดีพี่พี่ทำงานเราเลี้ยงฉลองให้น่ะ เราไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะมีงานนี้” สนเข้ามาโอบกอดจากด้านหลัง พร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้าอันบูดบึ้ง“นายไปดื่มเหล้ามาเหรอ”“นิดหน่อยเอง พี่ๆ เขาบังคับให้เราดื่มน่ะ”“อืม แสดงว่านายกินข้าวมาแล้วใช่ไหม”“ใช่ กินมาแล้ว แต่ตอนนี้อยากกินนายมากกว่า”“แล้วกับข้าวที่เราซื้อมาล่ะ เต็มไปหมดเลย”“ไม่เป็นไรหรอกทิ้งไปซะให้หมด แต่ตอนนี้เราขอกินนายก่อนได้ไหม”สนช้อนร่างของต้อมแล้วอุ้มมาวางบนเสื่อไร้ที่นอน พร้อมจับร่างของต้อมพลิกคว่ำหลังจากนั้นดึงกางเก

  • เรารักกันไม่ได้   ความรักกำลังเดินทาง

    ต้อมตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมาทำกับข้าวให้สนกินก่อนไปทำงาน ซึ่งก็ไม่มีอะไรนอกจากไข่เจียวสองฟอง และในขณะเดียวกันต้อมได้รีดเสื้อกางเกงให้สนอย่างเรียบร้อยแขวนไว้ที่ราวตากผ้า ส่วนรองเท้าขัดจนเงาวับ หลังจากนั้นเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวจนเรียบร้อย เมื่อต้อมทำทุกอย่างเสร็จสิ้นจึงไปปลุกสนที่นอนหลับอย่างสบาย“สนตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปทำงานสายหรอก” ต้อมเขย่าร่างของสน“แจ้งแล้วเหรอ วันนี้ขี้เกียจจังเลย นึกว่านายจะต่ออีกรอบหนึ่งตอนเช้า” สนลุกขึ้นนั่งแล้วหยิกแก้มของต้อมอย่างเอ็นดูใคร่รัก“บ้า เมื่อคืนตั้งสองครั้งแล้ว”“มันต้องสามครั้งกำลังดี”“สามครั้งนายต้องไปทำเองที่ห้องน้ำโน้น ไม่ไหวยังเจ็บอยู่เลยนายทำเราแรงเกินไป” ต้อมแกล้งทำหน้างอ“ขอโทษนะ ต่อไปจะทำค่อยๆ อีกอย่างครั้งแรกของนายก็แบบนี้แหละ ทางแก้มีต้องทำบ่อยๆ จะได้ขยายหลวมๆ แต่เมื่อคืนฟิตเป็นบ้าเลย”“ทะลึ่ง ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าว”“จ๊ะ ที่รัก”สนเรีบลุกขึ้นในสภาพเปลือยเปล่าท่อนเอ็นตั้งชูชัน โดยไม่ได้มีความเขินอายอย่างแต่ก่อน จนทำให้ต้อมรู้สึกแปลกใจอย่างมาก“กางเกงก็ไม่ใส่ไม่อายบ้างเลยเหรอ”“จะมาอายอะไร ตอนนี้เราสองคนไม่เหมือนเดิมแล้วนะ เห็นกันทุกส่วนแล้วไม่

DMCA.com Protection Status