อาทิตย์ต่อมา
“จะทำยังไงดีคะพี่สาตอนนี้ไม่มีวี่แววว่าจะเจอตะวันเลย”
โสภิตาเริ่มมีอาการเครียดทานอะไรไม่ค่อยลงแม้นจะได้เงินจากสินสอดหมั้นมาพยุงบริษัทแต่ทุกข์ใจที่ผ่านจากงานหมั้นของปานตะวันมาเป็นอาทิตย์แล้วนักสืบยังไม่มีวี่แววว่าจะตามตัวลูกสาวของเธอเจอเลย
“เอาน่า..ตอนนี้ก็ใจเย็นไปก่อนถ้าทางบ้านนั้นถามก็บอกว่าตะวันไปเที่ยวต่างประเทศก็ได้..ไม่แน่ตะวันอาจจะอยากกลับมาบ้านเองก็ได้นะโสอย่าเครียดไปก่อนเลย”
เป็นสารภีที่เข้ามากอดปลอบโสภิตาด้วยเห็นว่าน้องเธอเครียดไปก็ไม่ได้อะไร
วันต่อมา
โรงพยาบาลXXX
“คุณยายคะ”
พราวมุกรีบรับร่างของหญิงชราที่กำลังจะเป็นลมขณะที่เธอเดินเข้ามาในห้องน้ำของโรงพยาบาลเพื่อที่จะจัดระเบียบชุดก่อนจะขึ้นไปสัมภาษณ์งาน
“คุณพยาบาลคะช่วยด้วยค่ะ”
เมื่อเห็นว่ามีพยาบาลเดินเข้ามาพราวมุกจึงรีบเรียกให้เขามาช่วยพยุงหญิงชราทันที
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
“คุณท่านความดันสูงมากเลยนะคะช่วงนี้ต้องพักผ่อนให้เพียงพอแล้วก็ทานอาหารที่มีไขมันต่ำไม่มีรสจัดนะคะ”
หมอสาวไม่ลืมกำชับกับแก้วเกตหญิงวัยเกือบ80ที่เป็นผู้บริหารเก่าของโรงพยาบาลนี้
“ฟังด้วยนะครับคุณยายไม่อย่างนั้นผมจะให้คนทำอาหารคลีนให้ทานทุกวันแล้วก็หาคนเฝ้าตลอด24ชั่วโมงไม่ให้คลาดสายตาด้วย”
กวินนั่งจับมือคนเป็นยายด้วยสีหน้าเป็นกังวลเขาเคยกำชับกับยายของเขาเสมอว่าจะไปไหนมาไหนให้มีคนอยู่ด้วยตลอดดีที่วันนี้มีคนมาช่วยรับเอาไว้ทันไม่อยากจะคิดว่าถ้ายายของเขาล้มหัวฟาดจะเกิดอะไรขึ้น
“รู้แล้วน่า..อ่อ..เห็นคนที่ช่วยฉันไหมผู้หญิงคนนั้น”
แก้วเกตไม่ลืมที่จะถามถึงหญิงสาวที่ช่วยเธอขณะที่กำลังจะเป็นลม
“อ๋อ..เธอขึ้นไปชั้นบนแล้วค่ะบอกว่าจะมาสัมภาษณ์งานที่นี่”
“มาสมัครตำแหน่งอะไรรู้หรือเปล่า”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
“ทำไมเหรอครับคุณยาย”
“ยายว่าจะขอบคุณเธอเสียหน่อยน่ะสิ..อ..นี่”
แก้วเกตรู้สึกว่ามีอะไรอยู่ในกระเป๋าเสื้อจึงล้วงออกมาดูพบว่ามันเป็นสร้อยทองคำขาวตรงกลางเป็นจี้ไข่มุกวงรอบด้วยพระจันทร์ด้านหลังมีสลักชื่อแต่แก้วเกตมองยังไงก็ไม่ออกว่าคำที่สลักคือคำว่าอะไร
“อืม..ตาวินดูให้ยายหน่อยซิลูกว่ามันอ่านว่าอะไร”
กวินรับสร้อยเส้นนั้นจากมือของคนเป็นยายและเริ่มเพ่งมองไปยังคำที่สลัก
“สรุตาครับคุณยาย”
“หืม..ชื่อนี้จริงๆใช่ไหม”
ชื่อนี้ทำแก้วเกตเริ่มสงสัยเพราะสร้อยเส้นนี้ไหนจะเหมือนกับสร้อยของตระกูลเพื่อนเธอมากแถมชื่อที่สลักก็ยังเหมือนกับลูกสาวของเพื่อนเธอด้วย
“สร้อยนี้ของคุณยายเหรอครับ”
“ไม่ใช่”
แก้วเกตส่ายหัวนึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าสร้อยเส้นนี้มาอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเธอได้อย่างไร
“น่าจะเป็นของผู้หญิงที่ช่วยคุณท่านเอาไว้หรือเปล่าคะอาจจะหลุดตอนที่ช่วยพยุงคุณท่านเอาไว้ก็ได้”
“นั่นสิ”
หญิงชราฉุกคิดได้และคิดว่าน่าจะเป็นอย่างที่หมอสาวพูด และหากเป็นเช่นนั้นเธอคงจะต้องตามตัวผู้หญิงคนที่ช่วยเธอมาคุยถึงเรื่องที่มาที่ไปของสร้อยเส้นนี้แล้ว
“ไปทำหายที่ไหนนะ..เฮ้อ..”
พราวมุกสัมภาษณ์เสร็จในเวลาเกือบเที่ยงเพราะวันนี้ต้องรอคิวสัมภาษณ์นานพอสมควรเธอรู้ตัวว่าได้ทำสร้อยที่เป็นเพียงสมบัติชิ้นเดียวติดตัวมาหายก็น้ำตารื้นพยายามไปตามทางเดินตั้งแต่เข้ามาที่โรงพยาบาลจนไปถึงห้องน้ำที่เข้าก็ไม่มีถามใครก็ไม่มีใครเห็นตอนนี้จึงหมดหวังที่จะได้สร้อยคืนแล้ว
สามวันต่อมา
วันนี้ณจันทร์แต่งตัวเรียบร้อยออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อมาสัมภาษณ์งานที่บริษัทอสังหาใกล้ๆห้องเช่าที่เธอพักหลังจากส่งใบสมัครไปที่อีเมลของบริษัทเธอก็ถูกเรียกตัวให้ไปสัมภาษณ์ในทันที
“คุณณจันทร์เชิญด้านในเลยค่ะบอสรออยู่ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ยังไม่ทันที่ณจันทร์จะได้หย่อนก้นนั่นหลังจากประชาสัมพันธ์พาเธอขึ้นลิฟท์มาที่ชั้นของผู้บริหารก็มีหญิงสาวท้องแก่ที่น่าจะเป็นเลขาของท่านประธานเปิดประตูเชิญเธอเข้าไปด้านใน
“พี่เมฆ?”
ณจันทร์มองไปยังโต๊ะของท่านประธานด้วยสีหน้าแปลกใจเพราะเขาคือผู้ชายที่เธอเคยรู้จักและจำเขาได้ดี
“พี่เอง..ดีใจนะที่เรายื่นใบสมัครมาที่นี่”
เมฆา ประธานหนุ่มที่พึ่งขึ้นมารับหน้าที่แทนคุณพ่อเอ่ยทักทายณจันทร์หน้าระรื่นเพราะดีใจที่ได้เจอกับหญิงสาวอีกครั้ง หลังจากเจอกันครั้งล่าสุดก็ในงานรับปริญญาของเธอและเพื่อนอีกสองคน
“นี่บริษัทพี่เมฆเหรอคะ”
ณจันทร์พอจะรู้มาว่าเมฆาเป็นทายาทนักธุรกิจอสังหาแต่ก็พึ่งรู้วันนี้นี่เองว่าที่นี่คือบริษัทของเขา
“อืม..พี่พึ่งเข้ามาดูแลงานแทนคุณพ่อไม่กี่เดือนนี้เอง..พี่รับเราเข้าทำงานเริ่มงานได้เมื่อไรล่ะ”
คำพูดของเมฆาดูจะทำให้ณจันทร์เริ่มทำตัวไม่ถูกเพราะกลัวว่าจะถูกมองถึงเรื่องใช้เส้นสายในการเข้าทำงาน
“ดูประวัติการทำงานจันทร์แล้วเหรอคะ..”
“แค่รู้ว่าเป็นจันทร์พี่ก็ไม่ต้องดูอะไรแล้ว..ตกลงเริ่มงานได้เมื่อไร..”
“เริ่มได้ทันทีค่ะ”
เมฆาเห็นใบสมัครของณจันทร์ตั้งแต่ที่เธอส่งมาแล้วเขาจึงให้เลขาโทรเรียกเธอมาสัมภาษณ์ในทันทีและรับเธอเข้าทำงานอย่างไม่ลังเลเพราะรู้ว่าณจันทร์เป็นคนเก่งและที่สำคัญไว้ใจได้ด้วยเคยเจอกันในช่วงที่ไปออกค่ายอาสาพร้อมกันจึงทำให้ได้รู้จักนิสัยใจคอกันดีอยู่พอสมควร
“อ่อ..พี่ลืมบอกพี่ไม่ได้ให้จันทร์เป็นบัญชีนะแต่เป็นเลขาพี่เงินเดือนพี่ให้มากกว่าที่เสนอมาสองเท่าโอเคหรือเปล่า”
เมฆาจะต้องรีบหาเลขาคนใหม่เพราะคนเก่าที่เคยทำงานกับพ่อของเขาเธอขอลาออกไปเตรียมตัวคลอดลูกและเลี้ยงลูกยาว
“ประสปการณ์การทำงานของจันทร์ไม่ได้เยอะเลยนะคะพี่เมฆ”
ณจันทร์ว่าตกใจที่เมฆารับทำงานเร็วแล้วตอนนี้เขายังมาให้ตำแหน่งใหญ่กับเธออีกแม้นจะอยากได้เงินเดือนสูงแต่ก็กลัวว่าประสปการณ์การทำงานที่ตัวเองผ่านมาจะไม่สามารถทำงานเลขาที่ต้องรับผิดชอบงานหลายอย่างได้ดี
“แค่เคยทำงานมาก็พอแล้วอีกอย่างพี่ก็ต้องการเลขาที่ไว้ใจได้”
“ขอบคุณที่ให้โอกาสจันทร์นะคะ”
เมื่อประธานหนุ่มเห็นว่าเธอจะรับหน้าที่นี้ได้ณจันทร์คิดว่าจะลองดูสักตั้ง
เมฆาเป็นรุ่นพี่ของณจันทร์ประมาณสองปีได้เขาเจอกับณจันทร์และเพื่อนๆอีกสองคนครั้งแรกก็เมื่อตอนที่เขาเรียนปีสุดท้ายและตั้งกลุ่มออกค่ายอาสากับเด็กมหาลัยอื่นกันเอง
ตอนนั้นพวกเขาไปช่วยทำโรงเรียนให้เด็กบนดอยเลยต้องอยู่ที่นั่นหลายวันคนที่ไปออกค่ายครั้งนั้นก็จะสนิทกันมากเป็นพิเศษเพราะต้องช่วยเหลือและทำกิจกรรมร่วมกันหลายอย่างหลังจากครั้งนั้นเขาก็ได้ติดต่อกับพวกสาวๆบ้างจนมาถึงวันที่พวกเธอเรียนจบเขาก็ได้ไปแสดงความยินดีและหลังจากนั้นมาเขาก็ไม่ได้ติดต่อพวกเธอพักใหญ่เพราะต้องช่วยครอบครัวทำงานส่วนพวกสาวๆก็ยุ่งอยู่กับการทำงานเช่นกัน เมฆาดีใจมากที่ได้เห็นใบสมัครงานของณจันทร์เพราะเธอคือหญิงสาวที่เขาแอบชอบมาตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งแรกแล้ว
ห้างสรรพสินค้าณจันทร์กลับจากสัมภาษณ์งานเธอก็เข้ามาในห้างสรรพสินค้าเพื่อเข้ามาในโซนเครื่องเขียนเธอต้องหาสมุดปากกาเตรียมเอาไว้สำหรับการทำงาน“ตะวัน”“อ้าว..เกว”ณจันทร์หันไปตามเสียงเรียกเมื่อเห็นหน้าผู้หญิงสาวสวยที่เรียกชื่อปานตะวันณจันทร์ก็จำได้ทันทีว่าหญิงสาวคือกมลเนตรหรือเกวนางแบบสาวและเป็นลูกสาวเจ้าของคลินิกเสริมความงามหลายแห่ง“ไม่นึกว่าจะเจอแกในร้านแบบนี้นะ”กมลเนตรมองเพื่อนตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าตรงหน้าด้วยสายตาของความสงสัยไม่ยักรู้ว่าคุณหนูไฮโซอย่างปานตะวันจะมาแต่งตัวเฉิ่มๆเชยๆไม่มีแบรนด์แต่เธอก็ไม่ได้ทักเรื่องนี้ออกไปเพียงทักทายด้วยความสงสัยว่าปานตะวันมาทำอะไรที่ร้านเครื่องเขียนเพราะปกติแล้วเรื่องการซื้อของยิบย่อยพวกนี้เพื่อนเธอไม่ได้ชอบอยู่แล้ว“อ๋อ..ก็ดูอะไรไปเพลินๆน่ะ”ณจันทร์เริ่มปั้นหน้าไม่ถูกแต่ก็พยายามทำตัวให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้“แกหายโกรธฉันแล้วเหรอถึงยอมพูดกับฉัน”“โกรธ..”ณจันทร์นึกไปถึงเรื่องเมื่องานวันหมั้นเพราะคิดว่ากมลเนตรน่าจะหมายถึงเรื่องที่ไม่สบายและไม่ได้ไปงานวันหมั้นของปานตะวัน“ที่เกวไม่สบายแล้วไม่ได้ไปงานหมั้นน่ะเหรอเรื่องนั้นฉันไม่ได้โกรธอะไรอยู่แล้ว
“ของคุณตะวันค่ะ”ณจันทร์เอาของปานตะวันที่มีไม่กี่ชิ้นมาให้กับโสภิตาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าธนกรทำไมจะต้องให้เธอไปเอาของแค่นี้กลับด้วย“แล้วหนูจันทร์ไปเจอกับแฟนเก่าตะวันที่ไหน”“บังเอิญเจอครั้งสองครั้งค่ะตานี่ตามตื๊อจะขอคืนดีกับคุณตะวันท่าเดียวต้องไปเอาของออกจากคอนโดถึงจะยอมจบ”“แล้วเค้าจะยอมจบจริงๆใช่ไหม”โสภิตารับรู้ว่าลูกสาวของเธอเลิกกับธนกรไปพักใหญ่แล้วไม่ยักรู้ว่าชายหนุ่มจะยังคงตามตื๊อลูกสาวเธอไม่เลิก“ค่ะเห็นว่าจะไม่มายุ่งอะไรกับคุณตะวันแล้ว”“ขอบใจหนูจันทร์มากนะที่เสียเวลาสวมรอยเป็นตะวันอีก”โสภิตายื่นมือลูบหัวของณจันทร์เบาๆด้วยสายตาเอ็นดู“ไม่เป็นไรค่ะอะไรที่จันทร์ช่วยได้ก็ช่วยค่ะ”ณจันทร์ยิ้มกว้างมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้กับโสภิตาเพราะเธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนที่เธอเต็มใจเป็นปานตะวันในวันนี้ก็เพราะเห็นแก่โสภิตาล้วนๆวันต่อมาวันนี้สามสาวมาทำบุญกันตั้งแต่เช้าที่วัดใกล้กับโรงพยาบาลของแม่ครูดวงเดือน“ขอให้ต่อไปนี้มีแต่สิ่งดีๆด้วยเถิด”พราวมุกยกมือท่วมหัวขณะที่กำลังกรวดน้ำพร้อมกับเพื่อนทั้งสองที่ใต้ต้นไม่ใหญ่“ทำสังฆทานแล้วไปปล่อยปลากันเถอะจะได้ไป
“พี่ลิตาเห็น”“ใช่”“ไปคุยกันที่ร้านกาแฟดีกว่าครับ”ธนกรเห็นทีเรื่องนี้จะต้องคุยกับลลิตายาวจึงต้องหาที่สะดวกๆในการคุยร้านกาแฟXXX“แบบนี้นี่เอง...เชื่อจริงๆใช่ไหมว่าปานตะวันรับหมั้นคุณนนเพราะประชดเราน่ะ”“ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ..แต่ปกติผมทำผิดกี่ครั้งปานตะวันก็ให้อภัยผมตลอดแล้วที่ทะเลาะกันล่าสุดปานตะวันขอเลิกกับผมไม่กี่อาทิตย์ก็มีข่าวว่าเธอจะหมั้นกับนนทวัตรมันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าเธอประชดผมตอนนี้ผมอยากได้เธอคืนมาไม่ว่าจะใช้วิธีไหนผมก็ยอม”“ถ้าพี่จะขอยื่นมือช่วย..ไทม์จะโอเคหรือเปล่า”“พี่ลิตา”ธนกรเงยหน้ามองจ้องลลิตาอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่าลลิตาจะเอ่ยคำเมื่อครู่ออกมา“พี่ก็เป็นคนชอบพูดตรงๆ..พี่สนใจคุณนน”ลลิตาไม่ได้พูดอะไรมากและพอจะรู้ว่าธนกรน่จะเข้าใจว่าที่เธอขอยื่นมือเข้าช่วยให้ธนกรคืนดีกับปานตะวันเพราะต้องการอะไร“แล้วคุณจะได้รู้กันว่าไม่ควรมาโกหกคนอย่างผม”นนทวัตรนั่งกำมือแน่นมองจ้องเขม็งไปยังรูปจากกล้องวงจรปิดเขาเหมือนถูกหักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากคนที่ชอบโกหกตาใสแต่คิดไปคิดมามีรูปพวกนี้ก็ดีเขาจะได้เจรจาให้หญิงสาวเอ่ยขอถอนหมั้นได้ง่ายขึ้นร้านอาหาร“เหนื่อยหรือเปล่ามาทำงานวันแรกพี่ก็พาออ
“ถ้าเรื่องนี้ถึงหูถึงตาครอบครัวผมจะดูซิว่าเค้ายังอยากได้สะใภ้แบบคุณอยู่หรือเปล่าไปบอกยกเลิกการหมั้นกับครอบครัวผมซะแล้วเรื่องหมกเม็ดเน่าเฟะของคุณผมจะปล่อยผ่าน”“ไม่..ถ้าคุณอยากจะบอกอะไรครอบครัวคุณ..คุณก็บอกไปเลยฉันก็มีคำอธิบายของฉันเหมือนกัน”หญิงสาวรู้ว่าตอนนี้เธออธิบายอะไรชายหนุ่มไปมันก็เปล่าประโยชน์เพราะเขาเชื่อไปแล้วว่าเธอคือผู้หญิงมั่วไม่เลือกที่ทำได้ตอนนี้ก็คือปลดล็อคประตูรถและเดินออกไปจากนนทวัตรให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงอะไรกับชายหนุ่มให้เสียสุขภาพจิตอีก“จะไปไหน.. ตะวัน.. ตะวัน”นนทวัตรลงรถตามหญิงสาวมาติดๆทำให้เธอต้องเร่งสปีดสับขาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตแต่ขาสั้นๆของเธอก็ไม่ทันคนขายาวอย่างชายหนุ่มอยู่ดีตอนนี้ร่างของเธอจึงถูกเขารวบอุ้มกลับไปที่รถดังเดิมท่ามกลางสายตาของคนที่เดินไปมาข้างถนนแต่ทุกคนทำได้แค่มองเท่านั้นด้วยคงคิดว่าเป็นเหตุสามีภรรยาทะเลาะกันจึงไม่มีใครอยากเข้ามายุ่ง“ปล่อยฉันนะ..”นนทวัตรอุ้มคนที่กำลังดีดดิ้นนั่งตักอยู่ที่ฝั่งคนขับด้วยกันและรีบเหยียบคันเร่งออกไปทันที“ปล่อย..”“อยากดิ้นก็ดิ้นไปผมจะขับรถถ้าอยากให้ตายกันทั้งคู่ก็ดิ้นต่อ”สิ้นเสียง
ตอนนี้ณจันทร์อยู่บนเรือยอร์ชลำหรูที่มีเพียงแค่เธอและนนทวัตรเป็นคนขับ หญิงสาวเดินไปเดินมาอยู่ที่ห้องใต้ท้องเรืออยู่หลายรอบครุ่นคิดว่าหากเธอบอกกับนนทวัตรว่าเธอไม่ใช่ปานตะวันเรื่องทุกอย่างที่วุ่นวายในชีวิตของเธอตอนนี้ก็น่าจะจบ“คุณนน”หญิงสาวเดินกล้าๆกลัวๆเข้ามาหาชายหนุ่มที่กำลังขับเรือท่ามกลางทะเลที่รายล้อมไปด้วยความมืด“มีอะไร...ถ้าอยากจะกลับก็กระโดดลงทะเลว่ายน้ำไปเอง”นนทวัตรไม่ได้หันมามองหญิงสาวแม้แต่เพียงหางตามีเพียงคำพูดเหน็บแนมเธอเท่านั้นที่เขาส่งกลับไป“กรุณาพูดกับฉันดีๆเป็นหรือเปล่าคะ”ณจันทณ์เริ่มขมวดคิ้วอีกรอบรู้ว่าเขายังคงอคติกับเธอไม่เข้าใจว่าทำไมคนตรงหน้าถึงได้ชอบจิกกัดเธอตลอดทุกคำที่พูดด้วยทั้งที่เธอก็พูดด้วยดีๆ“ก็พอใจจะพูดแบบนี้...คุณมาทักผมก่อนเองมีอะไรจะพูดก็พูดมา”“คือ..ฉัน”เมื่อถูกถามกลับเข้าคนที่เตรียมคำพูดมาก็เริ่มไปไม่เป็นเพราะหน้าของโสภิตาลอยเข้ามาอยู่ในโสตประสาททำให้เธอรู้สึกเห็นใจโสภิตาถ้าหากเธอพูดความจริงออกไปมันก็จะดีต่อตัวเธอที่ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวอะไรกับวงเวียนชีวิตของเหล่าไฮโซแต่ผลร้ายก็จะไปตกอยู่กับโสภิตาซึ่งคิดไปคิดมาเธอก็ยอมให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้ไม่เข้
ปังง..คนตัวโตที่พึ่งเดินเข้าห้องปิดประตูเสียงดังจนคนที่นั่งด้านนอกสะดุ้งเล็กน้อยแต่หลังจากหายตกใจเธอก็สบถขำออกมาณจันทร์เชื่อแล้วว่ายังไงที่นี่ก็มีคนเพราะเมื่อครู่ชายหนุ่มเป็นคนบอกเธอเองว่าจะมีคนเอาของมาให้และเมื่อถึงเวลานั้นเธอจะได้ขอความช่วยเหลือจากพวกเขา“เก่งให้ตลอดก็แล้วกัน”นนทวัตรเห็นทีสิ่งที่คิดว่าแกล้งหญิงสาวได้จะไม่ได้ผลและคงจะต้องเล่นแรงขึ้นเพราะไม่ชอบที่สาวเจ้าทำอวดเก่งใส่ตัวเองเท่าไรนักวันต่อมาโรงพยาบาล XXX“คุณพราวมุกคะท่านผอ.เรียนเชิญให้ไปพบตอนบ่ายสองค่ะ”“ร.. เรียกพบฉันมีอะไรเหรอคะ”พราวมุกนั่งมองหน้ากับกนกวรรณหัวหน้าบัญชีด้วยสีหน้าตกใจก่อนจะหันกลับมาถามชุติมาเลขาของผอ.ที่มาแจ้งข่าวด้วยตัวเองด้วยท่าทีประหม่า“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”ชุติมาตอบเรื่องนี้ไม่ได้เพราะเธอได้รับคำสั่งมาแค่นี้และย้ำให้เธอมาบอกด้วยตัวเองว่าจบเธอก็เดินกลับไป“ค่ะ”พราวมุกเริ่มทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าเธอทำอะไรไม่เข้าตาใครทั้งที่พึ่งเข้ามาทำงานได้เพียงแค่วันที่สอง“เค้าเรียกพราวไปทำอะไรเหรอคะหัวหน้า”พราวมุกหันมาถามกนกวรรณอีกรอบ“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันปกติท่านผอ.ไม่เคยเรียกพบใครด้วย”กนกวรรณสาวใหญ่ที่ทำงา
“เป็นไปได้ยังไงพราว..ตัวเนี่ยนะเป็นทายาทเศรษฐีพันล้าน”เป็นเรื่องที่น่าตกใจสำหรับณิชามากเมื่อพราวมุกกลับมาเล่าเหตุการณ์วันนี้ให้ฟังว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะได้เป็นทายาทเศรษฐีพันล้าน“ใช่..แต่ทางทนายจะต้องตรวจดีเอ็นเอก่อน”หลังจากที่แก้วเกตบอกกับเธอว่าเธอน่าจะเป็นลูกของคนที่ชื่อสรุตาพราวมุกก็ไปโรงพยาบาลหาหมอประจำตระกูลของสรุตาและเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอไปตรวจว่าตรงกับดีเอ็นเอของพ่อกับแม่ที่เก็บตัวอย่างเอาไว้หรือไม่หากตรงก็เท่ากับว่าชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปในทันที“ขอให้เป็นจริงนะพราว”ณิชาดีใจไปกับพราวมุกด้วยและภาวนาว่าขอให้เพื่อนเธอเป็นทายาทเศรษฐีจริงๆ“ถ้าเป็นจริงมันก็มีทั้งเรื่องน่ายินดีแล้วก็น่าเศร้าเพราะเค้าไม่เหลือคนในครอบครัวเลย”“นั่นสินะ...แต่อย่าลืมนะพราวว่าเรามีครอบครัวที่ใหญ่กว่าคนอื่นตั้งเยอะ”“จริงด้วยนะ..อยากให้แม่ครูกับจันทร์อยู่ด้วยตอนนี้จัง”พราวมุกนั่งจับมือกับณิชาแน่นเธอคงจะดีใจที่ได้เป็นทายาทเศรษฐีจริงๆไม่ใช่ว่าจะมีเงินใช้สุขสบายแต่ดีใจที่จะมีเงินมาให้แม่ครูพัฒนาบ้านเด็กกำพร้าที่เธอเคยอาศัยอยู่และชีวิตเด็กๆพี่ๆน้องๆร่วมบ้านก็จะได้ดีขึ้นไปด้วยทางด้านณจันทร์ตั้งแต่เช้าจรดเย็
“ขอบคุณนะครับป้าบัวลุงโนชที่เอาอาหารมาให้แถมยังพาหมอมารักษาผม”นนทวัตรจึงตัดบทบัวผันเอาไว้ก่อนเพราะไม่ต้องการให้หญิงสาวรู้ว่าที่นี่ที่ไหนด้วยกลัวว่าเธอจะหาทางติดต่อกับคนอื่นให้มาช่วยถูก“อ๋อ..ก็รู้เรื่องจากคุณตะวันนี่แหละครับถึงได้รีบพาหมอมา..ไม่มีอะไรแล้วพวกผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”ภาพที่บัวผันและมาโนชกำลังลุกเดินออกไปทำใจของณจันทร์ห่อเหี่ยวหนักลงไปอีกเพราะมีคนให้เธอขอความช่วยเหลือแท้ๆแต่พวกเขากลับไม่เชื่ออะไรเธอ“ทานยาให้ตรงเวลานะครับคุณนน”กิตติคุณหันมาบอกกับนนทวัตรก่อนจะเดินตามสองลุงป้าไป“ครับ”หลังจากทุกคนออกไปกันจนหมดนนทวัตรก็หันมาจ้องคนที่นั่งก้มหน้างุดเขม็ง“ทำร้ายผมจนเลือดตกยางออก...คิดจะหนีแต่ก็หนีไม่รอด”“ฉันหนีได้ค่ะ..แต่เพราะฉันเป็นคนที่มีสำนึกต่างหากเลยไม่ปล่อยให้คุณนอนจมกองเลือดอยู่แบบนั้น”ณจันทร์เงยหน้ามองคนที่กำลังพูดถางถางด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์“ให้ผมเดา..คุณคงกลัวผมตายแล้วตัวเองจะมีความผิดต่างหากถึงได้ยอมกลับมา”“จะอะไรก็ช่างฉันว่าเราหยุดเล่นสงครามประสาทกันซะทีเถอะพาฉันกลับเถอะนะขอร้องล่ะ”“ไม่..บอกแล้วไงว่าถ้าคุณไม่ยอมไปขอถอนหมั้นกับครอบครัวผมคุณก็จะต้องใช้ชีวิตที่น