“มึงไม่ต้องมาพูด..กูเจอคุณรุจก่อนมึงแต่เค้าก็เลือกมึงเพราะกูมันก็แค่คนไม่มีหัวนอนปลายตีนกูคิดไว้ตั้งแต่มึงแต่งงานกูจะทำทุกอย่างให้ครอบครัวมึงฉิบหาย...ตั้งแต่ตอนนี้ฟังกูให้ดีล่ะอย่าพึ่งจุกอกตายไปซะก่อนวันที่กูรู้ว่ามึงท้องลูกแฝดกูก็จ้างพยาบาลกับหมอไม่ให้บอกมึงว่าเด็กในท้องคือเด็กแฝดแล้วก็บอกให้หมอบังคับให้มึงผ่าเก็บลูกไว้ให้มึงหนึ่งคนกูเอาไปหนึ่งคน.. ลูกมึงที่พึ่งออกคนพี่กูเอาไปให้บ้านเด็กกำพร้าให้มันอยู่อย่างลำบากไร้พ่อแม่แต่กูก็ยังเห็นใจมึงเก็บลูกไว้ให้มึงอีกคนแต่กูก็เลี้ยงมันมาแบบผิดๆให้พวกมึงที่เป็นพ่อแม่ทุกข์ใจสมน้ำหน้าพวกมึงส่วนคุณรุจที่เสือกไม่เลือกกูเป็นเมียกูก็ค่อยๆให้มันกินสารพิษวันละเล็กละน้อยจนมันป่วยตายไป.. ยิ่งกูเห็นมึงมีน้ำตานะอีโสกูนี่โตรสะใจ”
โสภิตาฟังคนที่กำลังพล่ามอย่างไม่รู้สึกผิดด้วยความปวดใจอนงค์นาถในตอนนี้รู้สึกเห็นใจโสภิตาที่มีงูพิษอยู่ข้างกายมาตั้วแต่เล็กจนโตแต่ก็มารู้ตัวในวันที่สายไปแล้วไม่อยากจะคิดว่าคนหน้าซื่อๆอย่างสารภีจะกระทำการอะไรเช่นนี้ได้
“ที่บริษัทคุณรุจจะล้มละลายกูก็จ้างคนเปลี่ยนบัญชีโกงเงินเข้ากระเป๋าฉลาดไหมล่ะ...แล้วกูก็บังคับให้มึงหน้าด้านไปรื้อสัญญาหมั้นกับภัทรพลแล้วกูก็กล่อมให้นังตะวันปฏิเสธสัญญาหมั้นมึงจะได้เสียหน้ากับภัทรพลแต่นังตะวันมันไม่ทำมันเสือกยอมหมั้นกูก็เลยต้องฆ่ามัน..แล้วเรื่องนักสืบกูก็ไม่ได้จ้างกูแค่เอาเงินมึงมาถลุงเล่นเท่านั้น”
“พอแล้วพี่สา..พอ..ฮือๆๆ”
โสภิตาเช่าทรุดนั่งลงกับพื้น
“คุณโส..”
อนงค์นาถยังคงคอยประคองโสภิตาอยู่ไม่ห่าง
“ยังไม่จบมึงต้องฟังกูให้จบส่วนนังณจันทร์กูไม่คิดว่าจะได้เจอมันกูรู้ตั้งแต่เจอมันครั้งแรกว่าคือลูกมึงกูถึงไปเสนอให้มันมาเป็นลูกมึงตัวปลอมและกูก็รู้ว่าลูกมึงจะต้องชอบนนทวัตรแล้วกูก็ปล่อยให้ลูกมึงเสวยสุขทำตัวเป็นคู่หมั้นตัวปลอมต่อไปเรื่อยๆจนกูเห็นแล้วว่าณจันทร์กับนนทวัตรรักกันกูก็ทำให้นนทวัตรรู้ว่ามันถูกหลอกแล้วก็ทะเลาะกับณจันทร์กูคิดว่าลูกมึงน่าจะปวดใจมากเหมือนที่กูเคยเป็นและน่าจะยิ่งกว่ากูเพราะถูกคนที่รักเกลียดไปแล้วสมน้ำหน้าทั้งมึงทั้งลูกมึงจะต้องมีแต่เรื่องเสียใจเพราะทำกูก่อน”
“ฮือๆๆ”
และแล้วคนที่ทนฟังเรื่องปวดใจต่อไปไม่ไหวก็เป็นลมล้มพับไป
“คุณโส..”
อนงค์นาถมองจ้องไปที่สารภีด้วยสายตารังเกียจและเคืองใจแทนโสภิตาพอสมควรไม่รู้ว่าจิตใจของสารภีทำด้วยอะไรถึงได้ใจดำอำมหิตทั้งที่ตัวเองมีโอกาสได้อยู่ดีกินดีแล้วแต่ยังไม่คิดพอใจอยากได้อยากมีจนเห็นผิดเป็นถูกไปหมด
สามวันต่อมา
ตอนนี้ณจันทร์ออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วโดยที่หญิงสาวมีนนทวัตรคอยดูแลอยู่ตลอดเวลาและยังรับรู้ข่าวดีที่สุดในชีวิตด้วยว่าเธอนั้นเป็นลูกสาวอีกคนของโสภิตา
“จันทร์ทำกล้วยบวชชีเอาไว้ให้คุณแม่ค่ะลองทานสิคะ”
หลังจากวันนี้เป็นต้นไปณจันทร์เลือกที่จะมาอยู่กับโสภิตาเพราะเป็นห่วงสภาพจิตใจของคนเป็นแม่อีกอย่างเธอก็อยากใช้เวลากับโสภิตาให้มากขึ้น
“ขอบใจจ่ะ..หอมจังเลยท่าทางน่าอร่อย”
ณจันทร์จับมือของคนเป็นแม่มากุมเอาไว้ที่ท้อง
“คุณยายจะต้องทานเยอะๆจะได้แข็งแรงรอหนูออกมาแล้วจะได้มาวิ่งเล่นกันนะคะ”
โสภิตายิ้มทั้งน้ำตาและยกมือลูบใบหน้าของลูกสาว
“เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะคะคุณแม่”
ณจันทร์รู้ว่าโสภิตายังคงมีความเศร้ากับเหตุการณ์เลวร้ายไม่จางไปจากใจที่เธอทำได้ดีที่สุดคือเติมความสุขลงไปเพราะรู้ว่ายังไงก็ลบเรื่องทุกข์ออกจากอกคนเป็นแม่ไม่ได้
“แกจะให้ลูกเราเป็นคู่กันให้ได้เลยใช่ไหมรุจ”
ภัทรพลหยิบรูปนิรุจออกมาดูขณะที่นั่งคุยอยู่กับนนทวัตรที่บ้าน
“ทุกอย่างคงถูกกำหนดมาแล้วล่ะครับคุณพ่อ”
“หลังจากนี้จะเอายังไงต่อ”
“ผมจะจดทะเบียนกับณจันทร์ก่อนครับอยากให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปสักพักก่อนค่อยฉลองงานแต่ง”
นนทวัตรรู้กาละเทศะดีว่าหากช่วงนี้มีงานมงคลเกิดขึ้นทุกคนก็คงมีความสุขได้อย่างไม่เต็มอก
“อืม.. ก็ดีนะ”
Rrrrrr
“คุณนาถมีอะไรเหรอ...อะไรนะ”
ภัทรพลคิดว่าเรื่องร้ายๆจะผ่านไปแล้วเสียอีกแต่เรื่องที่ภรรยาของเขาโทรมาบอกเมื่อครู่ทำเอาหดหู่อยู่พอสมควรเรื่องเลวร้ายที่ว่านั่นก็คือสารภีไม่ยอมที่จะให้ชีวิตของตัวเองตกต่ำอยู่ในคุกโดยการเลือกที่จะจบชีวิตของตัวเองไป
วันเวลาแห่งความทุกข์พ้นผ่านไปนานร่วมสามเดือนตอนนี้ณจันทร์และนนทวัตรจดทะเบียนกันเรียบร้อยแล้วท้องของหญิงสาวก็เริ่มโตมากแล้วด้วย โสภิตาก็สดใสขึ้นพอสมควรเพราะมีลูกสาวคอยอยู่ใกล้ๆและเธอก็ตั้งหน้าตั้งตาทำให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงเพื่อรอวันเวลาที่จะได้เลี้ยงหลาน
“ไปดีนะลูกนะ..โสอโหสิกรรมให้พี่สานะคะ”
โสภิตามาลอยอังคารปานตะวันและสารภีตอนนี้เธอพยายามทำใจให้ปลงตกกับเรื่องที่ผ่านมาเพื่อส่งบุญให้กับปานตะวันและตัดกรรมกับสารภีจะได้ไม่ต้องมาตามจองเวรจองกรรมกันอีก
หลังจากเสร็จสิ้นการลอยอังคารแล้วตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ทุกคนมากันพร้อมหน้าที่บ้านของโสภิตาทั้งครอบครัวกวินและครอบครัวของนนทวัตรก็อยู่ที่นี่พร้อมกันเพื่อสังสรรค์ให้เกิดความสนุกสนานกันภายในครอบครัวหลังจากที่ผ่านเรื่องทุกข์กันมายาวนานแล้ว
สามสาวตอนนี้มาช่วยกันทำอาหารอยู่ในครัวขณะที่ผู้ใหญ่กำลังคุยกันในเรื่องสัพเพเหระ
“ท้องเริ่มโตมากแล้วนะจันทร์นี่ตั้งชื่อลูกเอาไว้หรือยัง”
ณิชาหันมาถามณจันทร์ที่นั่งปอกผลไม้อยู่
“ใช่ๆเดี๋ยวนี้บางคนตั้งเอาไว้ตั้งแต่พึ่งรู้ว่าท้องเลย”
พราวมุกเอ่ย
“เค้ายังไม่ได้คิดเลยไว้ใกล้ๆคลอดค่อยว่ากันอีกที”
“อ่อ..แล้วคุณนนดูแลตัวดีใช่ไหม”
พราวมุกรีบเข้ามานั่งข้างๆขระพรางช่วยปอกผลไม้อีกแรง
“ใช่...น่าจะดีพอๆกับที่คุณกวินดูแลตัวนั่นแหละ”
“พูดอะไร”
คนที่มีความมั่นใจสูงอย่างพราวมุกเมื่อถูกเอ่ยหยอกเรื่องหัวใจเข้าก็ไปไม่เป็น ด้วยหลังจากที่อยู่ด้วยกันแทบทุกวันคุยกันทุกเรื่องพราวมุกและกวินก็กลายเป็นเหมือนคนรู้ใจไปโดยปริยายและหญิงสาวเองก็เริ่มที่จะมีใจให้กวินแล้วด้วยแต่แค่ยังไม่ยอมรับถึงอย่างนั้นคนรอบข้างก็ดูออกว่าทั้งสองน่าจะมีใจให้กันจริงๆ
“ดูท่าพาร์ทเนอร์รายปีจะกลายเป็นพาร์ทเนอร์ตลอดไปล่ะม้างงง”
ณิชาหยอกพราวทุกหน้าระรื่นเพราะนานๆเธอจะเห็นคนอย่างพราวมุกเขิน
“นี่ตัวไม่ต้องมาพูดแซวคนอื่นเลยเค้ารู้น้าว่าช่วงนี้พี่เมฆเช้าถึงเย็นถึงตัวเลยถึงเค้าไม่อยู่บ้านก็รู้เพราะมีกล้องวงจรปิด”
พราวมุกรู้มาสักพักแล้วว่าณิชาและเมฆาไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆแถมช่วงนี้ยังตัวติดกันมากขึ้นเธอจึงใช้ข้อนี้หยอกณิชากลับ
“ตัวแอบดูเค้าเหรอ”
ณิชาขยับแว่นบุ้ยปากใส่พราวมุกเพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะมาแอบดูขนาดรู้ว่าเมฆามาที่บ้านทั้งเช้าทั้งเย็น
“ฮ่าๆๆ..อย่าเถียงกันสิ”
ภาพที่พราวมุกและณิชาเถียงกันทำณจันทร์คิดถึงเรื่องสมัยเด็กๆเพราะเธอจะต้องเป็นคนปรามทั้งสองแทบจะทุกครั้ง
วันต่อมา
“พี่ดีใจนะที่ของที่พี่เลือกมาเด็กๆชอบทั้งนั้นเลย”
เมฆามานั่งทานข้าวที่โรงอาหารของบ้านเด็กกำพร้าพร้อมกับณิชาหลังจากที่เอาของเล่นแจกเด็กเล็กเสร็จ
“ขอบคุณพี่เมฆมากเลยนะคะที่นึกถึงเด็กๆที่นี่”
“ก็..พี่อยากจะดูแลพี่สาวของเด็กๆที่นี่พี่ก็ต้องดูแลน้องๆเค้าด้วยสิ”
คำพูดของเมฆาทำณิชาชะงักงันเล็กน้อย
“คะ..”
“ไม่รู้ตัวจริงๆเหรอว่าทำไมพี่ถึงอยากเจอผิงบ่อยขึ้น..พี่ไม่รู้ว่ามันตั้งแต่เมื่อไรแต่พอรู้ตัวอีกทีพี่ก็อยากเจอผิงทุกวันอยากคุยด้วยแทบจะทุกเวลาไปแล้ว”
ณิชาแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่าสิ่งที่ได้ยินจะเป็นเรื่องจริง
“ถ้าผิงจะตอบปฏิเสธพี่ก็ได้พี่ทำใจเอาไว้แล้ว”
เมฆาเริ่มหน้าเจื่อนแต่เขาก็ทำใจเอาไว้แล้วว่าอาจจะต้องกินแห้วเหมือนเดิม
“ผิงยังไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ”
หลังจากพูดจบณิชาก้มหน้างุดแล้วเมฆาก็เริ่มยิ้มออกอย่างมีความหวังอีกครั้ง
ก๊อกๆๆ
“ไหนบอกว่าคืนนี้จะไปดูงานที่ผับไง”
พราวมุกเดินงัวเงียออกมานอกห้องเมื่อเห็นว่ากวินมาเคาะห้องกลางดึก
“คิดถึงคุณเลยกลับมา”
“เมาก็ไปนอนมาพูดตลกอะไรของคุณ”
พราวมุกดูออกว่ากวินคงจะดื่มมาแต่เธอก็รู้สึกเขินในคำพูดของเขาอยู่เหมือนกัน
“ผมพูดจริงๆนะ”
กวินดึงพราวมุกเข้ามากอด
“ท..ทำอะไร”
“วันนี้ผมจะมาสารภาพรักกับคุณ”
“รัก!!”
สาวเจ้าเงยหน้าจ้องมองคนที่ก้มมองเธอตาปรือเยิ้มยอมด้วยอาการตกใจที่ไม่คิดว่าเขาจะมาพูดคำนี้กับเธอเวลานี้
“ใช่...ผมคิดเอาไว้แล้วว่าต้องห้ามใจไว้ไม่ได้ขอโทษละกันที่ทำตามสัญญาไม่ได้”
สาวเจ้าเริ่มอมยิ้มก่อนจะก้มหน้าซุกอกคนตัวโตด้วยความขวยเขิน
“ก็..ถ้าคุณจะมาสารภาพรัก..ฉันก็จะรับมันไว้”
“จริงนะ”
พราวมุกหรือจะปฏิเสธคนดีๆอย่างกวินได้คนที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งครูที่สอนเธอหลายๆอย่างแบบนี้เธอเองก็หลงปลื้มเขามาพักใหญ่แล้วเหมือนกันแต่แค่ไม่คิดว่าเขาจะคิดเหมือนเธอ
อาทิตย์ต่อมา
นนทวัตรพาณจันทร์มาอยู่ที่เกาะได้สองสามวันแล้วดูทั้งคู่จะมีความสุขเอามากๆและนนทวัตรก็มีแพลนว่าจะย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อลูกคลอดเพราะอยากจะใช้เวลาดูแลลูกในวัยเด็กให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
“พระอาทิตย์ขึ้นของที่นี่สวยไม่เปลี่ยนเลยนะคะ”
ณจันทร์เดินเท้าเปล่าเลาะตามคลื่อนแนวชายหาดยามเช้าเธอยังคงจำภาพพระอาทิตย์ขึ้นของที่นี่ได้เป็นอย่างดีคราแรกคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่เสียแล้วเมื่อได้มาที่นี่อีกครั้งจึงมีความสุขเป็นพิเศษ
“นึกถึงภาพเก่าๆเหมือนกันเนอะภาพที่เราทะเลาะกัน..ดูแลกัน..แล้วก็เริ่มรักกัน”
คนตัวโตเริ่มส่งสายตาพร้อมรอยยิ้มหยาดเยิ้มให้กับคนเป็นภรรยาก่อนจะรวบกอดคนท้องโตเอาไว้หลวมๆและกดหอมไปเบาๆที่แก้มนวลของเธอ
“ค่ะ”
ภาพในตอนนั้นณจันทร์จำได้ดีตอนแรกที่มาที่นี่เธอโมโหชายหนุ่มแทบตายหลังจากนั้นเธอก็จ้องมาดูแลเขาเพราะทำเขาเจ็บและมาเริ่มมองกันในแง่ดีมากขึ้นก็ตอนที่ช่วยกันเลี้ยงหนูน้อยทะเลนับว่าที่นี่เป็นที่ที่ทำให้เธอได้เรียนรู้นิสัยใจคอกันและกันมากจริงๆครั้งนั้นเธอไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าจะมาลงเอยกับชายหนุ่มและเป็นครอบครัวกันได้แต่มันก็เป็นไปแล้วนี่แหละนะที่เค้าเรียกกันว่าพรหมลิขิต...ที่กำหนดทุกอย่างเอาไว้แล้ว
จบแล้วค่า...
ขอบคุณที่สนับสนุนไรท์นะคะ..จะพัฒนาฝีมือการเขียนต่อไปค่า
“ฮือๆ..อือ..ฮื่อๆๆ..”ณ บ้านแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครแม้นที่นี่จะมีชื่อว่าเมืองที่ไม่เคยหลับไหลแต่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้เมื่อเลยกลางดึกบ้านแทบทุกหลังก็เงียบสงัดต่างจากบ้านของพราวมุกที่มีเพื่อนสาวที่กำลังอกหักอย่างณจันทร์ร้องห่มร้องให้เจียนขาดใจ“จันทร์เอ้ย..จะเป็นปกติได้เมื่อไรล่ะเนี่ย”พราวมุกสาวสวยร่างสูงเอ่ยกับณิชาเพื่อนรักอีกคนที่ยืนกอดอกมองณจันทร์กันอยู่ห่างๆ ทั้งสองรู้ว่าณจันทร์เป็นคนที่อ่อนแอและอ่อนไหวง่ายแต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเห็นเพื่อนรักเสียใจปานขาดใจเช่นนี้“เราเข้าไปหาจันทร์ดีไหม”“หนม..”ยังไม่ทันที่สาวแว่นตัวเล็กอย่างณิชาจะเลื่อนประตูกระจกไปที่ห้องนั่งเล่นเธอก็ถูกพราวมุกดึงแขนเอาไว้ก่อน“ตัวก็รู้ว่าจันทร์ไม่ชอบให้เราเห็นอาการเสียใจขืนเราเข้าไปจันทร์ก็ทำตัวเข้มแข็งไม่ยอมปล่อยความเสียใจออกมาอีกให้จันทร์ได้ร้องระบายความทุกข์ออกมาให้มากที่สุดดีกว่าพรุ่งนี้เราค่อยชวนจันทร์ทำกิจกรรมอย่างอื่นให้สบายใจขึ้น”“ก็จริงอย่างที่ตัวว่านะพราว...ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับจันทร์ขนาดนี้นะ”ณิชาหน้าเสียเธอสองจิตสองใจแต่ก็ยอมปล่อยให้ณจันทร์ร้องให้ไปคนเดียวไปก่อนแอบสงสารเพื
เรื่องราวก่อนหน้าณ เมืองใหญ่ของกรุงเทพมหานครยามค่ำคืนริมฟุตบาทใล้กับบีทีเอสแห่งหนึ่งค่อนข้างคึกคักเพราะเต็มไปด้วยผู้คนที่จับจ่ายซื้ออาหารเย็นกลับไปทานที่พักหลังเลิกงานบางกลุ่มก็นั่งสังสรรค์กันเพราะวันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์แต่กลุ่มที่นั่งทานอาหารกันแล้วดูท่าจะไม่เฮฮาก็เป็นกลุ่มของณจันทร์พราวมุกและณิชา เพราะวันนี้มีข่าวร้ายก็คือณจันทร์ถูกไล่ออกโดยเรื่องไม่เป็นเรื่องในขณะที่ชีวิตของเธอกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต“ทำไมโชคไม่ดีแบบนี้นะแม่ครูกำลังป่วยเค้ายังมาตกงานตอนนี้อีก”ณจันทร์เอ่ยเสียงอ่อนเขี่ยช้อนไปมาบนจานข้าวพลาสติกสีฟ้าแม้นอาหารตรงหน้าจะเรียงรายไปด้วยของอร่อยและท้องของเธอก็ส่งเสียงร้องครวญครางเรียกร้องอาหารแต่เธอก็ไม่อยากตักมันเข้าปากแม้แต่คำเดียวเพราะเครียดที่มาตกงานช่วงที่แม่ครูของเธอป่วยและต้องการใช้เงินในการรักษา“เพราะยัยน้ำเน่านั่นแท้ๆเลยงี่เง่าสารพัดไม่ถูกชะตาตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว”พราวมุกสบถอย่างคนอารมณ์เสียเพราะเธอรู้ตั้งแต่แรกว่าน้ำหนึ่งลูกสาวของเจ้าของบริษัทบัญชีที่เธอและณจันทร์ทำงานอยู่ไม่ชอบพวกเธอตั้งแต่เข้าไปสมัครงานกันแล้วยิ่งพักหลังมานี้น้ำหนึ่งมาบริหารงานแทนพ่อของตัวเองเธอแล
20.00 น.สามสาวนั่งล้อมวงมองหน้ากันในห้องพักห้องน้อยของพวกเธอเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะกลับมทำให้พวกเธอมีอะไรที่จะต้องคิดหนักอยู่พอสมควรเหตุการณ์หลังจากที่สารภีให้โชควนรถกลับไปเพราะสารภีต้องการทำความรู้จักกับสามสาวและวานให้ณจันทร์ช่วยปลอมตัวเป็นหลานสาวของเธอจนกว่าจะถึงวันหมั้นโดยตอบแทนเป็นเงินหนึ่งก้อน“ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีคนที่เหมือนจันทร์อย่างกับฝาแฝดแน่ะ”เป็นพราวมุกเริ่มเปิดประเด็นทะลายความเงียบที่เกิดขึ้นเพราะเธอแอบทึ่งในใจพอสมควรหลังจากที่สารภีเปิดรูปหลานของเธอให้ดูไม่คิดว่าหน้าตารูปร่างของณจันทร์จะไปเหมือนกับปานตะวันลูกของโสภิตาขนาดนั้น“ตอนแรกเค้าก็ตกใจเหมือนกันถึงว่าทำไมคุณน้าถึงได้มาทักด้วยสีหน้าเศร้าๆแบบนั้น”ณจันทร์เองก็ตกใจไม่ต่างจากเพื่อนทั้งสองแอบเห็นใจโสภิตาลึกๆที่จู่ๆลูกสาวก็หายตัวไปทำให้ทุกข์ใจจนสีหน้าหม่นหมองอยู่ตลอดเวลา“แล้วข้อเสนอที่พวกเค้าให้มาตัวว่าไงอะจันทร์จะรับไหม”ณิชาเกริ่นถามณจันทร์ด้วยอยากรู้คำตอบที่ณจันทร์ยังไม่ได้ให้กับโสภิตาและสารภี“อันที่จริงเค้าไม่อยากที่จะโกหกใครเลย..แต่เงินที่คุณน้าเค้าเสนอมาให้จำนวนเงินก้อนนั้นมันทำให้แม่ครูผ่าตัดได้โดยที่ไม
“ขอบคุณหนูจันทร์มากเลยที่ยอมช่วยฉัน”หลังจากสารภีออกจากห้องไปแล้วโสภิตาก็พาณจันทร์มานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่นเรื่องที่เธอจะเสริมอะไรต่อจากสารภีคงไม่มีเพราะรู้ว่าพี่สาวของเธอน่าจะบอกทุกอย่างกับณจันทร์หมดแล้วตอนนี้ที่เธออยากจะคุยกับณจันทร์ก็คือเรื่องที่จะขอบคุณหญิงสาวเท่านั้น“เราต่างก็มีข้อแลกเปลี่ยนกันอยู่แล้วค่ะคุณน้า”ณจันทร์เห็นว่าเรื่องนี้โสภิตาไม่ต้องลำบากขอบคุณเธอด้วยซ้ำเพราะค่าตอบแทนที่โสภิตาเสนอให้เป็นเธอต่างหากที่ต้องขอบคุณ“ทีหลังเรียกฉันว่าคุณแม่จะได้ชินปากนะ”“ค่ะ.. คุณแม่”ณจันทร์เริ่มอึกอักรู้สึกตื้นตันในใจแปลกๆขอบตาเริ่มร้อนผ่าวเพราะน้ำตาแห่งความปิติกำลังจะไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้แต่เธอก็พยายามกลั้นเอาไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องอ่อนไหวกับคำว่าแม่เมื่อต้องใช้คำนี้เนียกโสภิตาทั้งที่เธอเองก็คุ้นเคยกับคำว่าแม่เมื่อต้องเรียกแม่ครูหรืออาจจะเป็นเพราะตอนนี้โสภิตามีสถานะเป็นแม่ของเธอเท่านั้นโสภิตาน้ำตาคลอก็เริ่มรู้สึกปิติในใจไม่ต่างจากณจันทร์เช่นกันน้ำตาจู่ๆก็ไหลพรากออกมาพูดอะไรต่อไปไม่ออกเพราะรู้สึกเอ็นดูณจันทร์เช่นลูกสาวจริงๆทั้งที่เจอกันเพียงไม่เท่าไร“คุณแม่เป็นอะไรเหรอ
“ไล่ฉันออกน่ะสิไปทำลูกเค้าขนาดนั้น..ถ้ารู้ว่าจะถูกไล่ออกยัยน้ำเน่าหน้าพังมากกว่านี้แน่”“ว่าแล้วเชียว”ณจันทร์คิดเอาไว้แล้วเชียวว่ายัยคุณหนูน้ำหนึ่งนั่นต้องหาเรื่องพราวมุกจนได้“เฮ้อ..ช่างมันเถอะแล้วนี่เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าเดี๋ยวเค้าหายาทาให้”ณิชารีบหยิบกล่องปฐมพยาบาลก่อนจะดึงพราวมุกมานั่งที่เก้าอี้“ทายาเสร็จไปกินบุฟเฟ่กันเค้าเลี้ยงเองได้เงินจากคุณโสให้ค่าเสียเวลาวันนี้5พัน”ณจันทร์อยากให้วันนี้เป็นวันที่ดีจึงพยายามไม่พูดถึงพฤติกรรมของน้ำหนึ่งหรือตำหนิพราวมุกเรื่องใจร้อนลงไม่ลงมือเพราะไหนๆเรื่องมันก็ผ่านมาจนทำให้พราวมุกถูกไล่ออกแล้วพูดไปก็เหมือนซ้ำเติม“โอเค๊..หายเจ็บละไปกันเถอะไม่ต้องทายาละ”พราวมุกลุกพรวดยิ้มแฉ่งอย่างคนที่ไม่เคยผ่านการมีเรื่องมีราวมาเพราะการได้ทานบุฟเฟ่ห์คือความสุขที่กลบเรื่องหมองใจของเธอแล้ว“หายเจ็บทันทีเลยเนอะ”ณิชาแทบเก็บกล่องปฐมพยาบาลไม่ทันทั้งส่ายกัวปนอมยิ้มให้กับพฤติกรรมของพราวมุกวันต่อมา“เฮ้อ..เสร็จซะที”ณจันทร์นั่งถอนหายใจดื่มน้ำอึกใหญ่สองสามอึกอยู่ที่เก้าอี้สาธารณะในห้างดังเธออยู่ที่นี่ตั้งแต่ห้างเปิดยันตอนเย็นเพราะได้รับมอบหมายจากสารภีว่าให้มาชุบตัว
“เพราะคู่หมั้นคุณมันรวยกว่าผมแต่นั้นใช่ไหมคุณถึงได้คืนดีกับผมยากนัก”ธนกร หนุ่มวัย22ย่าง23ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนแฟนเก่าของปานตะวัน เขาเคืองใจกับเหตุการณ์วันนี้พอสมควรเพราะไม่คิดว่าปานตะวันที่รักกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งเมื่อเลิกกับเขาได้ไม่เท่าไรก็จะหมั้นกับนักธุรกิจที่โปรไฟล์ดีกว่าเขาหลายเท่าธนกรคบกับปานตะวันตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งด้วยกันที่มหาลัยดังตลอดเวลาที่คบกับธนกรชอบนอกใจปานตะวันตลอดแต่ก็ไม่เปิดตัวใครเป็นแฟนเหมือนปานตะวันจนกระทั่งล่าสุดที่ปานตะวันเลิกเด็ดขาดกับธนกรก็เพราะชายหนุ่มดันเจ้าชู้ไม่เลือกโดยการไปนอนกับเพื่อนของปานตะวันทำให้เธอตัดทั้งเพื่อนตัดทั้งแฟนไปในคราวเดียว ธนกรพยายามง้อปานตะวันตลอดหลังจากเลิกกันแล้วยิ่งได้มารู้ว่าหญิงสาวกำลังจะหมั้นกับคนอื่นดขาก็ยิ่งรู้สึกหวงก้างหนักกว่าเดิมหลายเท่าและจะพยายามแย่งเธอกลับมาเป็นของเขาให้ได้ณจันทร์กลับห้องพักมาได้เธอก็รีบเล่าเรื่องที่น่าตกใจให้กับณิชาและพราวมุกได้ฟัง“แล้วได้พูดคุยอะไรกับคุณนนหรือเปล่าจันทร์”พราวมุกตกใจไปกับเพื่อนด้วยไม่ใช่แค่เรื่องที่เจอคนจะลวนลามแต่เรื่องที่ณจันทร์เจอนนทวัตรแล้วเขาอาจจะแปลกในถึงเรื่องการแต
หลังจากจบมื้ออาหารเหล่าผู้ใหญ่ก็ให้คนที่กำลังจะหมั้นมาพูดคุยกันสองต่อสองที่สวนหย่อมหลังบ้านหลังใหญ่“วันนั้นคุณเป็นอะไรหรือเปล่า”เป็นนนทวัตรที่เปิดประเด็นพูดกับหญิงสาวถึงเรื่องเหตุการณ์วันนั้น“เอ่อ..คือ..วันนั้นฉันต้องขอโทษคุณนนด้วยนะคะที่ไม่ได้อยู่ขอบคุณคือฉันตกใจมากน่ะค่ะ”ณจันทร์คิดเอาไว้แล้วว่ายังไงนนทวัตรก็ต้องได้มีโอกาสถามเธอเรื่องนี้แน่นอน“อืม..”นนทวัตรหยุดเดินหันมามองหน้าหญิงสาวอีกครั้งเพื่อที่จะดูสีหน้าแววตาของเธอว่าต้องการขอบคุณเขาหรือพูดเพราะตอนนี้มีผู้ใหญ่เฝ้ามองอยู่กันแน่แล้วก็ต้องแปลกใจกับสีหน้าและแววตาของหญิงสาวที่ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากที่เขาเคยเจอความเย่อหยิ่งที่เขาเคยเห็นในแววตาของหญิงสาวไม่มีแม้แต่น้อยแต่เขาก็ยังวางใจมองเธอในแง่ดีไม่ได้อยู่ดี“ตอนนี้ผมไม่สนเรื่องขอบคุณหรือไม่ขอบคุณแล้วล่ะแต่คำถามที่ผมถามไปคุณยังไม่ได้ตอบ”“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”ณจันทร์ตอบกลับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มร่าที่แท้ที่เขาถามก็เพราะเป็นห่วงเธอนั่นเอง“เปล่า..ผมไม่ได้เป็นห่วงผมแค่ถามตามมารยาท”นนทวัตรส่ายหัวทั้งมีสีหน้าเมินเฉยต่อรอยยิ้มของหญิงสาวแถมคำตอบของเขาที่ให้เธอก็ทำเอ
วันต่อมา“นักสืบแจ้งพี่มาว่าถ้าเราไม่ดำเนินการโอนเงินงวดล่าสุดให้เค้าจะไม่ดำเนินการตามหาตะวันต่อแล้วนะโส”สารภีคุยโทรศัพท์กับสำนักงานนักสืบที่เธอว่าจ้างเรียบร้อยก็กลับมาคุยกับโสภิตาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล“พี่สาบอกนักสืบนะคะว่าเดี๋ยวโสจะรีบโอนให้ภายในเย็นวันพรุ่งนี้ค่ะไม่ต้องห่วง”“แล้วโสเอาเงินมาจากไหน”“โสว่าจะเอาเครื่องเพชรที่คุณรุจเคยซื้อให้ไปขายค่ะ”“แต่นั่นมันของแทนใจคุณรุจเลยนะโส”“ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการตามหาตะวันแล้วล่ะค่ะพี่สา”โสภิตารู้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นและวิธีแก้ปัญหาคือวิธีที่เธอไตร่ตรองมาดีแล้ว“จะมาที่นี่ก็น่าจะโทรบอกกันก่อนนะคะคุณนนน้าจะได้เตรียมต้อนรับ”โสภิตารีบเข้ามารับหน้านนทวัตรเธอไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเข้ามาหาที่บ้านกะทันหัน“ผมยุ่งๆน่ะครับเลยลืมที่จะโทรบอกทางนี้ก่อนพอดีคุณพ่อให้ผมมารับปานตะวันไปดูสถานที่จัดงานน่ะครับ”“เอ่อ..”โสภิตาเริ่มไปไม่เป็นเพราะเธอไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์ฉุกละหุกเลยไม่รู้ว่าจะตอบนนทวัตรว่าอย่างไร“ตะวันออกไปข้างนอกกับเพื่อนน่ะเดี๋ยวป้าจะลองโทรตามให้นะ”สิ้นเสียงของสารภีโสภิตาค่อยเริ่มหายใจหายคอคล่องหน่อยหากเธออยู่คน