“เรื่องอะไร”
“แกรู้ว่าภรรยาฉันเป็นเพื่อนคุณจันทร์แต่สิ่งที่ฉันจะพูดไม่ได้พูดเพื่อช่วยแก้ตัวให้ใครแต่แค่อยากให้แกได้ฟังแล้วไตร่ตรองดู...พราวบอกกับฉันว่าคุณจันทร์ไม่ใช่คนชอบโกหกหลอกลวงใครที่ยอมรับปากทำงานให้คุณโสเพราะเธอต้องการเงินไปรักษาแม่ครูที่ต้องรับการผ่าตัดด่วนงานของเธอเสร็จสิ้นไปตั้งแต่จบงานหมั้นแต่ที่เป็นปานตะวันต่อเพราะเห็นใจคุณโสที่ยังไม่เจอตัวลูกสาวตัวจริงอีกอย่างเรื่องที่คุณโสให้ปานตะวันมาหมั้นกับแกเพื่อที่จะหาเงินพยุงบริษัทคุณจันทร์ก็ไม่รู้เรื่องและเรื่องความรู้สึกดีๆที่เธอมีให้แกนั่นก็ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงเหมือนกัน”
“แกดูจะเชื่อคำภรรยาของแกเหลือเกินนะ”
“ใช่เพราะฉันดูออกว่าพราวจะไม่โกหกฉันแน่แล้วฉันก็เชื่อว่าถ้าแกคิดดีๆแล้วพิจารณาแกก็จะดูออกว่าคุณจันทร์ไม่ได้เสแสร้งเวลาอยู่กับแก...ฉันขอพูดแค่นี้จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่แก”
เท่าที่กวินรู้จักสามสาวภายในกี่เดือนเขาก็ดูออกว่าพวกเธอจริงใจกับคนรอบข้างและจิตใจดีกันมากๆ
กว่าณจันทร์จะได้กลับมาที่บ้านก็เป็นเวลาเกือบกลางดึกเพราะกลับมาจากที้เกิดเหตุก็ต้องถูกสอบปากคำต่อตอนนี้เธอทั้งเหนื่อยและเพลียและใจเสียกับเรื่องที่รู้ว่าสารภีเป็นคนสั่งฆ่าปานตะวันอยู่พอสมควร
“เค้าเป็นห่วงตัวกันแทบแย่แน่ะ..อะนี่ทานให้เต็มที่เลยนะ”
ณิชารีบหาน้ำเย็นๆกับขนมจานโตมาวางตรงหน้าณจันทร์เพราะดูสีหน้าของเพื่อนแล้วท่าจะต้องได้รับพลังงานเข้าไปบ้าง
“อืม..”
ณจันทร์หันหน้าหนีจานขนมตรงหน้าเพราะรู้สึกผะอืดผะอมขึ้นมากะทันหัน
“เป็นอะไรจันทร์”
พราวมุกตกใจกับอาการของณจันทร์จนเริ่มนั่งไม่ติด
“เวียนหัวนิดหน่อยน่ะเค้าขอไปพักเลยแล้วกันนะ”
“โอเค”
ณจันทร์รีบลุกพรวดจากโซฟาหมายจะเดินขึ้นห้องไปท่ามกลางสายตาที่เป็นห่วงของพราวมุกและณิชาแต่สาวเจ้าก็เดินได้ไม่กี่ก้าวก็เริ่มขาอ่อน
“จันทร์!!”
สองสาวเห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้าไปช่วยกันประคองและรีบพาณจันทร์ไปโรงพยาบาลทันทีเพราะไม่รู้ว่าเพื่อนพวกเธอจะถูกทำร้ายแล้วจนช้ำในแล้วไม่ยอมบอกความจริงหรือเปล่า
โรงพยาบาล
ตีสามกว่าแล้วพราวมุกและณิชายังอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะณจันทร์ต้องนอนที่นี่ด้วยหมอบอกว่าเธอน่าจะมีภาวะที่จะทำให้แท้งได้ต้องรอดูอาการก่อน
“จันทร์นะจันทร์เก็บความทุกข์ไว้คนเดียวอยู่ได้”
พราวมุกนั่งน้ำตาคลอบ่นอุกกับณิชามองคนที่กำลังนอนให้น้ำเกลือหลับตาพริ้มด้วยความน้อยใจปนสงสาร
“ตัวก็รู้ดีว่าจันทร์เป็นคนยังไงไม่ชอบเอาเรื่องทุกข์ใจมาพูดอีกอย่างก็น่าจะไม่อยากให้คุณนนรู้ด้วย”
“เค้าจะให้คุณวินบอกคุณนนเดี๋ยวนี้เพราะยังไงคุณนนก็ต้องมารับผิดชอบจันทร์”
“รอถามจันทร์ก่อนดีไหมพราว”
“ไม่อะ...ถ้าถามจันทร์ก็คงได้คำตอบว่าไม่ต้องบอกหรือตัวอยากให้หลานไม่มีพ่อ”
“โอเคๆ..โทรก็โทร”
เมื่อปรึกษากันได้พราวมุกก็ต่อสายหากวินทันที หลังจากรับรู้เรื่องราวทั้งนนทวัตรและกวินก็มาโผล่ที่นี่ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนนทวัตรเข้ามาในห้องได้ก็เอาแต่ยืนจ้องณจันทร์ไม่วางตาจนคนอื่นๆต่างก็เงียบตามๆกันเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้นนทวัตรอยู่ในอารมณ์ไหน
“ผมขอเฝ้าเธอเองพวกคุณกลับไปพักผ่อนเถอะ”
“คือ..เรื่อง..”
“กวินบอกผมแล้วผมเข้าใจทุกอย่าง”
ยังไม่ทันที่พราวมุกจะพูดจบนนทวัรก็โพร่งเสียงอ่อนออกมาก่อนและเป็นที่รับรู้โดยทั่วกันว่าตอนนี้เขาไม่คิดเรื่องหมางใจกับณจันทร์อีกแล้ว
“ค่ะ..ฝากเพื่อนพวกเราด้วยนะคะต่อจากนี้พวกเราอยากให้จันทร์ได้เจอแต่เรื่องดีๆ”
ณิชาว่าจบก็หันมายิ้มกับพราวมุกและหันหลังเดินออกจากห้องไปโดยที่มีนนทวัตรเดินตามสองสาวออกไปติดๆ
ณจันทร์เริ่มสะลึมสะลือตื่นในช่วงสายของวันต่อมาเพราะเธอรู้สึกเหมือนมีอะไรเย็นๆมาแตะที่หน้าพอลืมตาได้เต็มที่ก็ต้องขมวดคิ้มเมื่อเห็นเป็นนนทวัตรกำลังส่งยิ้มให้และใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดตาให้เธออยู่
“คุณโอเคหรือเปล่า”
คนตัวโตเอ่ยทักทายคนที่พึ่งตื่นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนณจันทร์คิดว่าตัวเองกำลังฝันไปก่อนจะมองซ้ายมองขวาหาเพื่อนๆทั้งสองเพราะเมื่อคืนก่อนที่เธอจะหลับจำได้ว่าณิชาและพราวมุกอยู่ที่นี่แต่ไม่ยักจะเห็นใครอยู่ที่นี่
“ฉัน..โอเคค่ะ..เพื่อนๆฉันล่ะคะ”
“ผมให้พวกเธอกลับไปพัก..ต่อไปนี้ผมจะดูแลคุณเองผมขอโทษเรื่องที่ไม่ยอมฟังคุณ”
นนทวัตรละมือจากการเช็ดเนื้อเช็ดตัวหญิงสาวเขานั่งลงข้างเตียงของณจันทร์ก่อนจะกุมมือเธอเอาไว้หลวมๆและเอ่ยขอโทษจากใจจริง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาโหยหาเธอมาตลอดเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นที่ทำให้เขาไล่เธออย่างไม่เหลือเยื่อใยและไม่คิดจะฟังอะไรจากเธอจนลืมที่จะมองให้ออกว่าที่ผ่านมานั้นหญิงสาวทำทุกอย่างอย่างจริงใจหรือแสร้งและวันนี้เขาก็ได้รู้แล้วว่าเขาจะต้องไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปอีก
“อะไรคะ”
“กวินบอกผมหมดแล้วว่าคุณต้องโกหกผมทั้งที่ไม่อยากทำก็เพราะต้องเอาเงินมายื้อชีวิตแม่ครูเอาไว้”
“คุณนนไม่โกรธฉันแล้วจริงๆนะคะ”
ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำตาแห่งความดีใจคลอออกมาเล็กน้อย
“อืม”
ชายหนุ่มโผเข้าไปกอดคนตัวเล็กเอาไว้แน่นอ้อมกอดนี้ทั้งเขาและเธอต่างก็โหยหามันตลอดเวลาที่ไม่ได้เจอหน้ากัน
“แต่ผมจะโกรธอีกเรื่อง”
คนตัวโตกระซิบข้างหูคนที่นอนอยู่บนเตียงก่อนจะกลับมานั่งข้างเตียงดั่งเดิม
“อะไรคะ”
ณจันทร์เริ่มขมวดคิ้วด้วยลุ้นว่าที่ชายหนุ่มพูดคือเรื่องอะไร
“คุณไม่ยอมบอกผมว่ากำลังมีเจ้าตัวเล็ก”
มือหนายกลูบหน้าท้องน้อยของหญิงสาวเบาๆอย่างทะนุถนอม ณจันทร์ที่รู้ว่าตัวเองผิดเรื่องนี้ก็ก้มหน้างุดไม่มีคำพูดอะไรจะแก้ตัว
“เอาเป็นว่าอะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ”
“ค่ะ”
นนทวัตรเรยยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนเป็นคุยเรื่องอนาคตจะดีกว่าเพราะต่อจากนี้เขาขอเลือกทำให้ชีวิตของณจันทร์และลูกมีแต่ความสุขเท่านั้นเรื่องอะไรที่ไม่น่าพูดเขาก็จะไม่พูดเรื่องอะไรที่เขาทำให้หญิงสาวเป็นทุกข์เขาก็จะไม่ทำมันอีก
สถานีตำรวจ
โสภิตามาที่โรงพักพร้อมกับอนงค์นาถด้วยอยากจะรู้จากปากของสารภีว่าทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร
“ทำทุกอย่างไปเพื่ออะไรคะพี่สา..โกรธเกลียดอะไรถึงได้ทำร้ายโสกับลูกได้ถึงขนาดนี้”
โสภิตามองไปยังคนในห้องขังน้ำตาคลอเธอยืนแทบจะไม่อยู่แต่ดีที่ยังมีอนงค์นาถคอยพยุงเอาไว้ตลอดเวลา คนถูกถามเดินมาเกาะกรงขังยิ้มเยาะต่อหน้าโสภิตาและอนงค์นาถอย่างไม่รู้สึกรู้วาว่าสิ่งที่ตัวเองกระทำมันคือความผิด
“กูเกลียดมึงไงเกลียดมาตลอดเกลียดมึงตั้งแต่มึงอยู่ในท้องคุณแม่แล้ว”
“พี่สา..”
โสภิตาเริ่มพูดอะไรไม่ออกเช่นเดียวกับอนงค์นาถที่เจอคำพูดคำแรกของสารภีก็ถึงกับอึ้ง
“มึงเกิดมาก็ทำให้ทุกคนไม่สนใจกูเพราะกูแค่เด็กเก็บมาเลี้ยงแล้วกูก็ต้องคอยดูแลมึงรองมือรองตีนมึงทุกอย่างตั้งแต่เล็กจนโต”
“เราดูแลกันต่างหากนะคะพี่สาคุณพ่อกับคุณแม่สอนโสเสมอว่าให้เคารพพี่สาเหมือนพี่แท้ๆ”
โสภิตาส่ายหัวและรีบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“มึงไม่ต้องมาพูด..กูเจอคุณรุจก่อนมึงแต่เค้าก็เลือกมึงเพราะกูมันก็แค่คนไม่มีหัวนอนปลายตีนกูคิดไว้ตั้งแต่มึงแต่งงานกูจะทำทุกอย่างให้ครอบครัวมึงฉิบหาย...ตั้งแต่ตอนนี้ฟังกูให้ดีล่ะอย่าพึ่งจุกอกตายไปซะก่อนวันที่กูรู้ว่ามึงท้องลูกแฝดกูก็จ้างพยาบาลกับหมอไม่ให้บอกมึงว่าเด็กในท้องคือเด็กแฝดแล้วก็บอกให้หมอบังคับให้มึงผ่าเก็บลูกไว้ให้มึงหนึ่งคนกูเอาไปหนึ่งคน.. ลูกมึงที่พึ่งออกคนพี่กูเอาไปให้บ้านเด็กกำพร้าให้มันอยู่อย่างลำบากไร้พ่อแม่แต่กูก็ยังเห็นใจมึงเก็บลูกไว้ให้มึงอีกคนแต่กูก็เลี้ยงมันมาแบบผิดๆให้พวกมึงที่เป็นพ่อแม่ทุกข์ใจสมน้ำหน้าพวกมึงส่วนคุณรุจที่เสือกไม่เลือกกูเป็นเมียกูก็ค่อยๆให้มันกินสารพิษวันละเล็กละน้อยจนมันป่วยตายไป.. ยิ่งกูเห็นมึงมีน้ำตานะอีโสกูนี่โตรสะใจ”โสภิตาฟังคนที่กำลังพล่ามอย่างไม่รู้สึกผิดด้วยความปวดใจอนงค์นาถในตอนนี้รู้สึกเห็นใจโสภิตาที่มีงูพิษอยู่ข้างกายมาตั้วแต่เล็กจนโตแต่ก็มารู้ตัวในวันที่สายไปแล้วไม่อยากจะคิดว่าคนหน้าซื่อๆอย่างสารภีจะกระทำการอะไรเช่นนี้ได้“ที่บริษัทคุณรุจจะล้มละลายกูก็จ้างคนเปลี่ยนบัญชีโกงเงินเข้ากระเป๋าฉลาดไหมล่ะ...แล้วกูก็บังคับให้มึงหน้าด้านไปรื้อสั
“ฮือๆ..อือ..ฮื่อๆๆ..”ณ บ้านแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครแม้นที่นี่จะมีชื่อว่าเมืองที่ไม่เคยหลับไหลแต่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้เมื่อเลยกลางดึกบ้านแทบทุกหลังก็เงียบสงัดต่างจากบ้านของพราวมุกที่มีเพื่อนสาวที่กำลังอกหักอย่างณจันทร์ร้องห่มร้องให้เจียนขาดใจ“จันทร์เอ้ย..จะเป็นปกติได้เมื่อไรล่ะเนี่ย”พราวมุกสาวสวยร่างสูงเอ่ยกับณิชาเพื่อนรักอีกคนที่ยืนกอดอกมองณจันทร์กันอยู่ห่างๆ ทั้งสองรู้ว่าณจันทร์เป็นคนที่อ่อนแอและอ่อนไหวง่ายแต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเห็นเพื่อนรักเสียใจปานขาดใจเช่นนี้“เราเข้าไปหาจันทร์ดีไหม”“หนม..”ยังไม่ทันที่สาวแว่นตัวเล็กอย่างณิชาจะเลื่อนประตูกระจกไปที่ห้องนั่งเล่นเธอก็ถูกพราวมุกดึงแขนเอาไว้ก่อน“ตัวก็รู้ว่าจันทร์ไม่ชอบให้เราเห็นอาการเสียใจขืนเราเข้าไปจันทร์ก็ทำตัวเข้มแข็งไม่ยอมปล่อยความเสียใจออกมาอีกให้จันทร์ได้ร้องระบายความทุกข์ออกมาให้มากที่สุดดีกว่าพรุ่งนี้เราค่อยชวนจันทร์ทำกิจกรรมอย่างอื่นให้สบายใจขึ้น”“ก็จริงอย่างที่ตัวว่านะพราว...ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับจันทร์ขนาดนี้นะ”ณิชาหน้าเสียเธอสองจิตสองใจแต่ก็ยอมปล่อยให้ณจันทร์ร้องให้ไปคนเดียวไปก่อนแอบสงสารเพื
เรื่องราวก่อนหน้าณ เมืองใหญ่ของกรุงเทพมหานครยามค่ำคืนริมฟุตบาทใล้กับบีทีเอสแห่งหนึ่งค่อนข้างคึกคักเพราะเต็มไปด้วยผู้คนที่จับจ่ายซื้ออาหารเย็นกลับไปทานที่พักหลังเลิกงานบางกลุ่มก็นั่งสังสรรค์กันเพราะวันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์แต่กลุ่มที่นั่งทานอาหารกันแล้วดูท่าจะไม่เฮฮาก็เป็นกลุ่มของณจันทร์พราวมุกและณิชา เพราะวันนี้มีข่าวร้ายก็คือณจันทร์ถูกไล่ออกโดยเรื่องไม่เป็นเรื่องในขณะที่ชีวิตของเธอกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต“ทำไมโชคไม่ดีแบบนี้นะแม่ครูกำลังป่วยเค้ายังมาตกงานตอนนี้อีก”ณจันทร์เอ่ยเสียงอ่อนเขี่ยช้อนไปมาบนจานข้าวพลาสติกสีฟ้าแม้นอาหารตรงหน้าจะเรียงรายไปด้วยของอร่อยและท้องของเธอก็ส่งเสียงร้องครวญครางเรียกร้องอาหารแต่เธอก็ไม่อยากตักมันเข้าปากแม้แต่คำเดียวเพราะเครียดที่มาตกงานช่วงที่แม่ครูของเธอป่วยและต้องการใช้เงินในการรักษา“เพราะยัยน้ำเน่านั่นแท้ๆเลยงี่เง่าสารพัดไม่ถูกชะตาตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว”พราวมุกสบถอย่างคนอารมณ์เสียเพราะเธอรู้ตั้งแต่แรกว่าน้ำหนึ่งลูกสาวของเจ้าของบริษัทบัญชีที่เธอและณจันทร์ทำงานอยู่ไม่ชอบพวกเธอตั้งแต่เข้าไปสมัครงานกันแล้วยิ่งพักหลังมานี้น้ำหนึ่งมาบริหารงานแทนพ่อของตัวเองเธอแล
20.00 น.สามสาวนั่งล้อมวงมองหน้ากันในห้องพักห้องน้อยของพวกเธอเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะกลับมทำให้พวกเธอมีอะไรที่จะต้องคิดหนักอยู่พอสมควรเหตุการณ์หลังจากที่สารภีให้โชควนรถกลับไปเพราะสารภีต้องการทำความรู้จักกับสามสาวและวานให้ณจันทร์ช่วยปลอมตัวเป็นหลานสาวของเธอจนกว่าจะถึงวันหมั้นโดยตอบแทนเป็นเงินหนึ่งก้อน“ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีคนที่เหมือนจันทร์อย่างกับฝาแฝดแน่ะ”เป็นพราวมุกเริ่มเปิดประเด็นทะลายความเงียบที่เกิดขึ้นเพราะเธอแอบทึ่งในใจพอสมควรหลังจากที่สารภีเปิดรูปหลานของเธอให้ดูไม่คิดว่าหน้าตารูปร่างของณจันทร์จะไปเหมือนกับปานตะวันลูกของโสภิตาขนาดนั้น“ตอนแรกเค้าก็ตกใจเหมือนกันถึงว่าทำไมคุณน้าถึงได้มาทักด้วยสีหน้าเศร้าๆแบบนั้น”ณจันทร์เองก็ตกใจไม่ต่างจากเพื่อนทั้งสองแอบเห็นใจโสภิตาลึกๆที่จู่ๆลูกสาวก็หายตัวไปทำให้ทุกข์ใจจนสีหน้าหม่นหมองอยู่ตลอดเวลา“แล้วข้อเสนอที่พวกเค้าให้มาตัวว่าไงอะจันทร์จะรับไหม”ณิชาเกริ่นถามณจันทร์ด้วยอยากรู้คำตอบที่ณจันทร์ยังไม่ได้ให้กับโสภิตาและสารภี“อันที่จริงเค้าไม่อยากที่จะโกหกใครเลย..แต่เงินที่คุณน้าเค้าเสนอมาให้จำนวนเงินก้อนนั้นมันทำให้แม่ครูผ่าตัดได้โดยที่ไม
“ขอบคุณหนูจันทร์มากเลยที่ยอมช่วยฉัน”หลังจากสารภีออกจากห้องไปแล้วโสภิตาก็พาณจันทร์มานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่นเรื่องที่เธอจะเสริมอะไรต่อจากสารภีคงไม่มีเพราะรู้ว่าพี่สาวของเธอน่าจะบอกทุกอย่างกับณจันทร์หมดแล้วตอนนี้ที่เธออยากจะคุยกับณจันทร์ก็คือเรื่องที่จะขอบคุณหญิงสาวเท่านั้น“เราต่างก็มีข้อแลกเปลี่ยนกันอยู่แล้วค่ะคุณน้า”ณจันทร์เห็นว่าเรื่องนี้โสภิตาไม่ต้องลำบากขอบคุณเธอด้วยซ้ำเพราะค่าตอบแทนที่โสภิตาเสนอให้เป็นเธอต่างหากที่ต้องขอบคุณ“ทีหลังเรียกฉันว่าคุณแม่จะได้ชินปากนะ”“ค่ะ.. คุณแม่”ณจันทร์เริ่มอึกอักรู้สึกตื้นตันในใจแปลกๆขอบตาเริ่มร้อนผ่าวเพราะน้ำตาแห่งความปิติกำลังจะไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้แต่เธอก็พยายามกลั้นเอาไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องอ่อนไหวกับคำว่าแม่เมื่อต้องใช้คำนี้เนียกโสภิตาทั้งที่เธอเองก็คุ้นเคยกับคำว่าแม่เมื่อต้องเรียกแม่ครูหรืออาจจะเป็นเพราะตอนนี้โสภิตามีสถานะเป็นแม่ของเธอเท่านั้นโสภิตาน้ำตาคลอก็เริ่มรู้สึกปิติในใจไม่ต่างจากณจันทร์เช่นกันน้ำตาจู่ๆก็ไหลพรากออกมาพูดอะไรต่อไปไม่ออกเพราะรู้สึกเอ็นดูณจันทร์เช่นลูกสาวจริงๆทั้งที่เจอกันเพียงไม่เท่าไร“คุณแม่เป็นอะไรเหรอ
“ไล่ฉันออกน่ะสิไปทำลูกเค้าขนาดนั้น..ถ้ารู้ว่าจะถูกไล่ออกยัยน้ำเน่าหน้าพังมากกว่านี้แน่”“ว่าแล้วเชียว”ณจันทร์คิดเอาไว้แล้วเชียวว่ายัยคุณหนูน้ำหนึ่งนั่นต้องหาเรื่องพราวมุกจนได้“เฮ้อ..ช่างมันเถอะแล้วนี่เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าเดี๋ยวเค้าหายาทาให้”ณิชารีบหยิบกล่องปฐมพยาบาลก่อนจะดึงพราวมุกมานั่งที่เก้าอี้“ทายาเสร็จไปกินบุฟเฟ่กันเค้าเลี้ยงเองได้เงินจากคุณโสให้ค่าเสียเวลาวันนี้5พัน”ณจันทร์อยากให้วันนี้เป็นวันที่ดีจึงพยายามไม่พูดถึงพฤติกรรมของน้ำหนึ่งหรือตำหนิพราวมุกเรื่องใจร้อนลงไม่ลงมือเพราะไหนๆเรื่องมันก็ผ่านมาจนทำให้พราวมุกถูกไล่ออกแล้วพูดไปก็เหมือนซ้ำเติม“โอเค๊..หายเจ็บละไปกันเถอะไม่ต้องทายาละ”พราวมุกลุกพรวดยิ้มแฉ่งอย่างคนที่ไม่เคยผ่านการมีเรื่องมีราวมาเพราะการได้ทานบุฟเฟ่ห์คือความสุขที่กลบเรื่องหมองใจของเธอแล้ว“หายเจ็บทันทีเลยเนอะ”ณิชาแทบเก็บกล่องปฐมพยาบาลไม่ทันทั้งส่ายกัวปนอมยิ้มให้กับพฤติกรรมของพราวมุกวันต่อมา“เฮ้อ..เสร็จซะที”ณจันทร์นั่งถอนหายใจดื่มน้ำอึกใหญ่สองสามอึกอยู่ที่เก้าอี้สาธารณะในห้างดังเธออยู่ที่นี่ตั้งแต่ห้างเปิดยันตอนเย็นเพราะได้รับมอบหมายจากสารภีว่าให้มาชุบตัว
“เพราะคู่หมั้นคุณมันรวยกว่าผมแต่นั้นใช่ไหมคุณถึงได้คืนดีกับผมยากนัก”ธนกร หนุ่มวัย22ย่าง23ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนแฟนเก่าของปานตะวัน เขาเคืองใจกับเหตุการณ์วันนี้พอสมควรเพราะไม่คิดว่าปานตะวันที่รักกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งเมื่อเลิกกับเขาได้ไม่เท่าไรก็จะหมั้นกับนักธุรกิจที่โปรไฟล์ดีกว่าเขาหลายเท่าธนกรคบกับปานตะวันตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งด้วยกันที่มหาลัยดังตลอดเวลาที่คบกับธนกรชอบนอกใจปานตะวันตลอดแต่ก็ไม่เปิดตัวใครเป็นแฟนเหมือนปานตะวันจนกระทั่งล่าสุดที่ปานตะวันเลิกเด็ดขาดกับธนกรก็เพราะชายหนุ่มดันเจ้าชู้ไม่เลือกโดยการไปนอนกับเพื่อนของปานตะวันทำให้เธอตัดทั้งเพื่อนตัดทั้งแฟนไปในคราวเดียว ธนกรพยายามง้อปานตะวันตลอดหลังจากเลิกกันแล้วยิ่งได้มารู้ว่าหญิงสาวกำลังจะหมั้นกับคนอื่นดขาก็ยิ่งรู้สึกหวงก้างหนักกว่าเดิมหลายเท่าและจะพยายามแย่งเธอกลับมาเป็นของเขาให้ได้ณจันทร์กลับห้องพักมาได้เธอก็รีบเล่าเรื่องที่น่าตกใจให้กับณิชาและพราวมุกได้ฟัง“แล้วได้พูดคุยอะไรกับคุณนนหรือเปล่าจันทร์”พราวมุกตกใจไปกับเพื่อนด้วยไม่ใช่แค่เรื่องที่เจอคนจะลวนลามแต่เรื่องที่ณจันทร์เจอนนทวัตรแล้วเขาอาจจะแปลกในถึงเรื่องการแต
หลังจากจบมื้ออาหารเหล่าผู้ใหญ่ก็ให้คนที่กำลังจะหมั้นมาพูดคุยกันสองต่อสองที่สวนหย่อมหลังบ้านหลังใหญ่“วันนั้นคุณเป็นอะไรหรือเปล่า”เป็นนนทวัตรที่เปิดประเด็นพูดกับหญิงสาวถึงเรื่องเหตุการณ์วันนั้น“เอ่อ..คือ..วันนั้นฉันต้องขอโทษคุณนนด้วยนะคะที่ไม่ได้อยู่ขอบคุณคือฉันตกใจมากน่ะค่ะ”ณจันทร์คิดเอาไว้แล้วว่ายังไงนนทวัตรก็ต้องได้มีโอกาสถามเธอเรื่องนี้แน่นอน“อืม..”นนทวัตรหยุดเดินหันมามองหน้าหญิงสาวอีกครั้งเพื่อที่จะดูสีหน้าแววตาของเธอว่าต้องการขอบคุณเขาหรือพูดเพราะตอนนี้มีผู้ใหญ่เฝ้ามองอยู่กันแน่แล้วก็ต้องแปลกใจกับสีหน้าและแววตาของหญิงสาวที่ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากที่เขาเคยเจอความเย่อหยิ่งที่เขาเคยเห็นในแววตาของหญิงสาวไม่มีแม้แต่น้อยแต่เขาก็ยังวางใจมองเธอในแง่ดีไม่ได้อยู่ดี“ตอนนี้ผมไม่สนเรื่องขอบคุณหรือไม่ขอบคุณแล้วล่ะแต่คำถามที่ผมถามไปคุณยังไม่ได้ตอบ”“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”ณจันทร์ตอบกลับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มร่าที่แท้ที่เขาถามก็เพราะเป็นห่วงเธอนั่นเอง“เปล่า..ผมไม่ได้เป็นห่วงผมแค่ถามตามมารยาท”นนทวัตรส่ายหัวทั้งมีสีหน้าเมินเฉยต่อรอยยิ้มของหญิงสาวแถมคำตอบของเขาที่ให้เธอก็ทำเอ