Share

ตอนที่4 คลุมถุงชน

“ขอบคุณหนูจันทร์มากเลยที่ยอมช่วยฉัน”

หลังจากสารภีออกจากห้องไปแล้วโสภิตาก็พาณจันทร์มานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่นเรื่องที่เธอจะเสริมอะไรต่อจากสารภีคงไม่มีเพราะรู้ว่าพี่สาวของเธอน่าจะบอกทุกอย่างกับณจันทร์หมดแล้วตอนนี้ที่เธออยากจะคุยกับณจันทร์ก็คือเรื่องที่จะขอบคุณหญิงสาวเท่านั้น

“เราต่างก็มีข้อแลกเปลี่ยนกันอยู่แล้วค่ะคุณน้า”

ณจันทร์เห็นว่าเรื่องนี้โสภิตาไม่ต้องลำบากขอบคุณเธอด้วยซ้ำเพราะค่าตอบแทนที่โสภิตาเสนอให้เป็นเธอต่างหากที่ต้องขอบคุณ

“ทีหลังเรียกฉันว่าคุณแม่จะได้ชินปากนะ”

“ค่ะ.. คุณแม่”

ณจันทร์เริ่มอึกอักรู้สึกตื้นตันในใจแปลกๆขอบตาเริ่มร้อนผ่าวเพราะน้ำตาแห่งความปิติกำลังจะไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้แต่เธอก็พยายามกลั้นเอาไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องอ่อนไหวกับคำว่าแม่เมื่อต้องใช้คำนี้เนียกโสภิตาทั้งที่เธอเองก็คุ้นเคยกับคำว่าแม่เมื่อต้องเรียกแม่ครูหรืออาจจะเป็นเพราะตอนนี้โสภิตามีสถานะเป็นแม่ของเธอเท่านั้น

โสภิตาน้ำตาคลอก็เริ่มรู้สึกปิติในใจไม่ต่างจากณจันทร์เช่นกันน้ำตาจู่ๆก็ไหลพรากออกมาพูดอะไรต่อไปไม่ออกเพราะรู้สึกเอ็นดูณจันทร์เช่นลูกสาวจริงๆทั้งที่เจอกันเพียงไม่เท่าไร

“คุณแม่เป็นอะไรเหรอคะ”

“แค่คิดถึง...”

โสภิตาปาดน้ำตาเสียงสั่น

“ถ้าคุณแม่คิดถึงคุณตะวัน..จันทร์ยินดีที่จะให้คุณแม่มองจันทร์เป็นคุณตะวันนะคะแม้จะชั่วคราวแต่ถ้ามันเป็นความสุขของคุณแม่จันทร์ยินดีค่ะ”

“ขอบใจนะ..ขอบใจจริงๆ”

โสภิตามองหน้าณจันทร์ให้เต็มตาสองมือเรียวโอบพวงแก้มคนตรงหน้าเอาไว้หลวมๆก่อนจะโผกอดณจันทร์เอาไว้แน่นตอนนี้เธอรู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงปานตะวันมากเมื่อได้กอดณจันทร์แบบนี้ทำให้ความรู้สึกของเธอดีขึ้นมาได้บ้าง

“พี่รู้นะโสว่าเธอคิดถึงตะวันมากแต่การให้ความสำคัญกับคนอื่นเทียบเท่าตะวันถ้าลูกเธอรู้ไม่ดีแน่เธอก็รู้นิสัยลูกเธอดีนี่”

หลังจากที่ณจันทร์กลับไปได้สารภีเห็นทีจะต้องเตือนน้องสาวตัวเองเสียหน่อย

“พี่สาเห็น”

คำพูดแค่นี้ของสารภีก็ทำให้โสภิตารู้แล้วว่าพี่สาวของเธอคงเห็นตอนที่เธอร้องให้โผกอดกับณจันทร์แน่

“อืม..รักษาระยะห่างจากณจันทร์ให้ดีจะดีกว่านะ”

“โสจะพยายามค่ะ”

โสภิตาพยักหน้ารับคำคนเป็นพี่เธอเองก็ลืมคิดข้อนี้ไปว่าถ้าปานตะวันรู้ว่าเธอให้ความสำคัญกับใครเสมือนลูกอีกคนคงไม่พอใจจริงๆอย่างที่พี่เธอว่า

“เรื่องหมั้นทำไมไม่ปฏิเสธไปล่ะ...เดี๋ยวนี้เค้าไม่คลุมถุงชนลูกกันแล้วนะ”

กวินมองหน้าเพื่อนรักอย่างนนทวัตรด้วยสายตาเป็นห่วงเพราะร่วมอาทิตย์แล้วที่นนทวัตรมาดื่มที่นี่ทุกวันหลังเลิกงานกว่าจะกลับก็ปาเข้าไปกลางดึกรู้ว่าเพื่อนทุกข์ใจเรื่องที่จะต้องหมั้นกับคนที่ไม่ได้รักแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ปฏิเสธไป

“ถ้าไม่ใช่สัญญาของคุณพ่อกับคุณอานิรุจฉันจะไม่สนใจเลย..พ่อฉันเป็นคนรักษาสัจจะมากฉันไม่อยากทำให้ท่านคิดมาก”

นนทวัตรว่าพร้อมยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอึกใหญ่เขาไม่พอใจที่ทางบ้านโสภิตามาทวงสัญญาก็จริงแต่ยังไงก็ต้องยอมไปก่อนหากพี่ชายทั้งสองของเขายังไม่แต่งงานเรื่องนี้เขาคงลอยตัวแต่ดันมาเหลือเขาคนเดียวแค่นั้นจึงจำต้องยอมรับชะตากรรมนี้ไป

“โดยที่แกก็ต้องยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเนี่ยนะ”

“ฉันคิดว่าคงไม่ถึงวันแต่งหรอกเดี๋ยวแม่คุณหนูนั่นก็จะต้องเป็นคนเอ่ยปากอยากถอนหมั้นเองโดยที่ฉันจะได้ดูไม่เป็นฝ่ายผิด”

“อย่าบอกว่ามีแผนในใจ”

กวินเริ่มขมวดคิ้วเขาคิดเอาไว้แล้วว่าคนอย่างนนทวัตรไม่มีทางยอมให้เรื่องที่ไม่ชอบใจเกิดขึ้นได้ง่ายๆแน่

“คอยดูก็แล้วกัน”

ตอนนี้นนทวัตรยังไม่บอกอะไรกับกวินเพราะเขาจะรอให้ผ่านพ้นงานหมั้นที่จะมาถึงไปก่อนแล้วแผนการของเขาก็จะเริ่มขึ้นหลังจากนั้น

“วันนี้ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะจันทร์”

ณิชาเห็นณจันทร์มีสีหน้าเปื้อนยิ้มตั้งแต่เธอกลับมาจากทำงานแล้วไม่รู้เหมือนกันว่าสาวเจ้าอารมณ์ดีมาจากไหนจนเธออดเอ่ยหยอกไม่ได้

“หมอโทรมาบอกว่าอาการแม่ครูตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงถ้าเป็นแบบนี้จนถึงวันที่เข้าผ่าตัดหัวใจแม่ครูฟื้นตัวเร็วแน่”

ณจันทร์กะว่าจะรอให้พราวมุกกลับมาแล้วจะบอกเรื่องอาการของแม่ครูกับเพื่อนทั้งสองทีเดียวแต่เมื่อณิชาจับสังเกตุถึงความสุขของเธอได้จึงต้องเฉลยเรื่องที่จะเซอร์ไพรซ์ อีกเรื่องที่ทำให้เธออารมณ์ดีแต่ไม่ได้พูดออกไปก็เพราะรู้สึกปลื้มปริ่มในหัวใจกับอ้อมกอดของโสภิตาไม่หาย

“ดีใจจังเลยแล้วต้องรอให้งานหมั้นผ่านไปก่อนใช่ไหมทางคุณโสเค้าถึงจะให้เงินก้อนมา”

สีหน้าณิชาดูมีความสุขสดใจขึ้นมากะทันหันเมื่อได้ยินข่าวดีเรื่องอาการของแม่ครู

“อืม”

“อีกแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นขอให้แม่ครูอาการดีขึ้นๆอย่างเดียวเถิ้ด..”

สาวแว่นพนมมือยกขึ้นเหนือหัวภาวนาให้แม่ครูของเธออาการดีขึ้นเรื่อยๆเพราะอีกไม่นานณจันทร์ก็จะได้เงินจากโสภิตามารักษาแม่ครูแล้ว

แกร๊ก

สองสาวหันสายตาไปทางประตูห้องพร้อมกันรู้ได้ทันทีว่าพราวมุกกลับมาแล้วแต่สภาพของพราวมุกทำให้สองสาวต้องขมวดคิ้ว

“พราว..ทำไมกลับมาสภาพนี้ล่ะ”

ณจันทร์มองพราวมุกที่กำลังเดินมาหาด้วยสีหน้าเป็นกังวลเพราะผมเผ้าของพราวมุกยุ่งเหยิงแถมใบหน้ายังเขียวช้ำอีกด้วย

“นันสิ”

ณิชาเริ่มขยับแว่นชะโงกหน้ามองพราวมุกให้ชัดว่ามีรอยเขียวช้ำตรงไหนบ้างพอเห็นว่าแทบจะทั้งหน้าก็เริ่มมีสีหน้าไม่ดี

“ก็ฟัดกับยัยน้ำเน่ามาน่ะสิ”

พราวมุกวางกระเป๋าได้ก็ยืนเท้าเอวบุ้ยปากเอ่ยบอกกับเพื่อนทั้งสองถึงสาเหตุด้วยน้ำเสียงที่ปนโมโห

“มีเรื่องอะไรอีกเหรอ”

ณจันทร์มีสีหน้าระอาเมื่อได้ยินชื่อของบุคคลนี้อีกแล้ว

“ก็ยัยนั่นบอกว่าเค้าไม่ส่งงานทั้งที่เค้าทำเสร็จส่งไปตั้งแต่เมื่อวานแต่ตัวเองเอาไปไว้ใต้โต๊ะเค้าไปค้นเจอเลยรู้ว่าถูกแกล้งเลยชกหน้าไปให้หายหมั่นไส้แล้วก็ฟาดกันไปมาจนยัยนั่นก็เยินจนต้องเข้าโรงพยาบาลสงสัยต้องเปลี่ยนจมูกใหม่ล่ะมั้ง”

“โห..แล้วนี่ทางพ่อแม่เค้าว่าไงไปฟาดลูกสาวเค้าก่อนแบบนั้น”

ณิชารู้ได้ทันทีว่าการทำร้ายร่างกายกันในที่ทำงานใม่ใช่เรื่องเล็กแน่แล้วพราวมุกก็ดันเป็นคนลงมือก่อนอีกแม้จะถูกแกล้งก็เถอะยังไงก็ต้องถูกมองเป็นคนหัวรุนแรงอยู่ดี

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status