“ขอบคุณหนูจันทร์มากเลยที่ยอมช่วยฉัน”
หลังจากสารภีออกจากห้องไปแล้วโสภิตาก็พาณจันทร์มานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่นเรื่องที่เธอจะเสริมอะไรต่อจากสารภีคงไม่มีเพราะรู้ว่าพี่สาวของเธอน่าจะบอกทุกอย่างกับณจันทร์หมดแล้วตอนนี้ที่เธออยากจะคุยกับณจันทร์ก็คือเรื่องที่จะขอบคุณหญิงสาวเท่านั้น
“เราต่างก็มีข้อแลกเปลี่ยนกันอยู่แล้วค่ะคุณน้า”
ณจันทร์เห็นว่าเรื่องนี้โสภิตาไม่ต้องลำบากขอบคุณเธอด้วยซ้ำเพราะค่าตอบแทนที่โสภิตาเสนอให้เป็นเธอต่างหากที่ต้องขอบคุณ
“ทีหลังเรียกฉันว่าคุณแม่จะได้ชินปากนะ”
“ค่ะ.. คุณแม่”
ณจันทร์เริ่มอึกอักรู้สึกตื้นตันในใจแปลกๆขอบตาเริ่มร้อนผ่าวเพราะน้ำตาแห่งความปิติกำลังจะไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้แต่เธอก็พยายามกลั้นเอาไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องอ่อนไหวกับคำว่าแม่เมื่อต้องใช้คำนี้เนียกโสภิตาทั้งที่เธอเองก็คุ้นเคยกับคำว่าแม่เมื่อต้องเรียกแม่ครูหรืออาจจะเป็นเพราะตอนนี้โสภิตามีสถานะเป็นแม่ของเธอเท่านั้น
โสภิตาน้ำตาคลอก็เริ่มรู้สึกปิติในใจไม่ต่างจากณจันทร์เช่นกันน้ำตาจู่ๆก็ไหลพรากออกมาพูดอะไรต่อไปไม่ออกเพราะรู้สึกเอ็นดูณจันทร์เช่นลูกสาวจริงๆทั้งที่เจอกันเพียงไม่เท่าไร
“คุณแม่เป็นอะไรเหรอคะ”
“แค่คิดถึง...”
โสภิตาปาดน้ำตาเสียงสั่น
“ถ้าคุณแม่คิดถึงคุณตะวัน..จันทร์ยินดีที่จะให้คุณแม่มองจันทร์เป็นคุณตะวันนะคะแม้จะชั่วคราวแต่ถ้ามันเป็นความสุขของคุณแม่จันทร์ยินดีค่ะ”
“ขอบใจนะ..ขอบใจจริงๆ”
โสภิตามองหน้าณจันทร์ให้เต็มตาสองมือเรียวโอบพวงแก้มคนตรงหน้าเอาไว้หลวมๆก่อนจะโผกอดณจันทร์เอาไว้แน่นตอนนี้เธอรู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงปานตะวันมากเมื่อได้กอดณจันทร์แบบนี้ทำให้ความรู้สึกของเธอดีขึ้นมาได้บ้าง
“พี่รู้นะโสว่าเธอคิดถึงตะวันมากแต่การให้ความสำคัญกับคนอื่นเทียบเท่าตะวันถ้าลูกเธอรู้ไม่ดีแน่เธอก็รู้นิสัยลูกเธอดีนี่”
หลังจากที่ณจันทร์กลับไปได้สารภีเห็นทีจะต้องเตือนน้องสาวตัวเองเสียหน่อย
“พี่สาเห็น”
คำพูดแค่นี้ของสารภีก็ทำให้โสภิตารู้แล้วว่าพี่สาวของเธอคงเห็นตอนที่เธอร้องให้โผกอดกับณจันทร์แน่
“อืม..รักษาระยะห่างจากณจันทร์ให้ดีจะดีกว่านะ”
“โสจะพยายามค่ะ”
โสภิตาพยักหน้ารับคำคนเป็นพี่เธอเองก็ลืมคิดข้อนี้ไปว่าถ้าปานตะวันรู้ว่าเธอให้ความสำคัญกับใครเสมือนลูกอีกคนคงไม่พอใจจริงๆอย่างที่พี่เธอว่า
“เรื่องหมั้นทำไมไม่ปฏิเสธไปล่ะ...เดี๋ยวนี้เค้าไม่คลุมถุงชนลูกกันแล้วนะ”
กวินมองหน้าเพื่อนรักอย่างนนทวัตรด้วยสายตาเป็นห่วงเพราะร่วมอาทิตย์แล้วที่นนทวัตรมาดื่มที่นี่ทุกวันหลังเลิกงานกว่าจะกลับก็ปาเข้าไปกลางดึกรู้ว่าเพื่อนทุกข์ใจเรื่องที่จะต้องหมั้นกับคนที่ไม่ได้รักแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ปฏิเสธไป
“ถ้าไม่ใช่สัญญาของคุณพ่อกับคุณอานิรุจฉันจะไม่สนใจเลย..พ่อฉันเป็นคนรักษาสัจจะมากฉันไม่อยากทำให้ท่านคิดมาก”
นนทวัตรว่าพร้อมยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอึกใหญ่เขาไม่พอใจที่ทางบ้านโสภิตามาทวงสัญญาก็จริงแต่ยังไงก็ต้องยอมไปก่อนหากพี่ชายทั้งสองของเขายังไม่แต่งงานเรื่องนี้เขาคงลอยตัวแต่ดันมาเหลือเขาคนเดียวแค่นั้นจึงจำต้องยอมรับชะตากรรมนี้ไป
“โดยที่แกก็ต้องยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเนี่ยนะ”
“ฉันคิดว่าคงไม่ถึงวันแต่งหรอกเดี๋ยวแม่คุณหนูนั่นก็จะต้องเป็นคนเอ่ยปากอยากถอนหมั้นเองโดยที่ฉันจะได้ดูไม่เป็นฝ่ายผิด”
“อย่าบอกว่ามีแผนในใจ”
กวินเริ่มขมวดคิ้วเขาคิดเอาไว้แล้วว่าคนอย่างนนทวัตรไม่มีทางยอมให้เรื่องที่ไม่ชอบใจเกิดขึ้นได้ง่ายๆแน่
“คอยดูก็แล้วกัน”
ตอนนี้นนทวัตรยังไม่บอกอะไรกับกวินเพราะเขาจะรอให้ผ่านพ้นงานหมั้นที่จะมาถึงไปก่อนแล้วแผนการของเขาก็จะเริ่มขึ้นหลังจากนั้น
“วันนี้ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะจันทร์”
ณิชาเห็นณจันทร์มีสีหน้าเปื้อนยิ้มตั้งแต่เธอกลับมาจากทำงานแล้วไม่รู้เหมือนกันว่าสาวเจ้าอารมณ์ดีมาจากไหนจนเธออดเอ่ยหยอกไม่ได้
“หมอโทรมาบอกว่าอาการแม่ครูตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงถ้าเป็นแบบนี้จนถึงวันที่เข้าผ่าตัดหัวใจแม่ครูฟื้นตัวเร็วแน่”
ณจันทร์กะว่าจะรอให้พราวมุกกลับมาแล้วจะบอกเรื่องอาการของแม่ครูกับเพื่อนทั้งสองทีเดียวแต่เมื่อณิชาจับสังเกตุถึงความสุขของเธอได้จึงต้องเฉลยเรื่องที่จะเซอร์ไพรซ์ อีกเรื่องที่ทำให้เธออารมณ์ดีแต่ไม่ได้พูดออกไปก็เพราะรู้สึกปลื้มปริ่มในหัวใจกับอ้อมกอดของโสภิตาไม่หาย
“ดีใจจังเลยแล้วต้องรอให้งานหมั้นผ่านไปก่อนใช่ไหมทางคุณโสเค้าถึงจะให้เงินก้อนมา”
สีหน้าณิชาดูมีความสุขสดใจขึ้นมากะทันหันเมื่อได้ยินข่าวดีเรื่องอาการของแม่ครู
“อืม”
“อีกแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นขอให้แม่ครูอาการดีขึ้นๆอย่างเดียวเถิ้ด..”
สาวแว่นพนมมือยกขึ้นเหนือหัวภาวนาให้แม่ครูของเธออาการดีขึ้นเรื่อยๆเพราะอีกไม่นานณจันทร์ก็จะได้เงินจากโสภิตามารักษาแม่ครูแล้ว
แกร๊ก
สองสาวหันสายตาไปทางประตูห้องพร้อมกันรู้ได้ทันทีว่าพราวมุกกลับมาแล้วแต่สภาพของพราวมุกทำให้สองสาวต้องขมวดคิ้ว
“พราว..ทำไมกลับมาสภาพนี้ล่ะ”
ณจันทร์มองพราวมุกที่กำลังเดินมาหาด้วยสีหน้าเป็นกังวลเพราะผมเผ้าของพราวมุกยุ่งเหยิงแถมใบหน้ายังเขียวช้ำอีกด้วย
“นันสิ”
ณิชาเริ่มขยับแว่นชะโงกหน้ามองพราวมุกให้ชัดว่ามีรอยเขียวช้ำตรงไหนบ้างพอเห็นว่าแทบจะทั้งหน้าก็เริ่มมีสีหน้าไม่ดี
“ก็ฟัดกับยัยน้ำเน่ามาน่ะสิ”
พราวมุกวางกระเป๋าได้ก็ยืนเท้าเอวบุ้ยปากเอ่ยบอกกับเพื่อนทั้งสองถึงสาเหตุด้วยน้ำเสียงที่ปนโมโห
“มีเรื่องอะไรอีกเหรอ”
ณจันทร์มีสีหน้าระอาเมื่อได้ยินชื่อของบุคคลนี้อีกแล้ว
“ก็ยัยนั่นบอกว่าเค้าไม่ส่งงานทั้งที่เค้าทำเสร็จส่งไปตั้งแต่เมื่อวานแต่ตัวเองเอาไปไว้ใต้โต๊ะเค้าไปค้นเจอเลยรู้ว่าถูกแกล้งเลยชกหน้าไปให้หายหมั่นไส้แล้วก็ฟาดกันไปมาจนยัยนั่นก็เยินจนต้องเข้าโรงพยาบาลสงสัยต้องเปลี่ยนจมูกใหม่ล่ะมั้ง”
“โห..แล้วนี่ทางพ่อแม่เค้าว่าไงไปฟาดลูกสาวเค้าก่อนแบบนั้น”
ณิชารู้ได้ทันทีว่าการทำร้ายร่างกายกันในที่ทำงานใม่ใช่เรื่องเล็กแน่แล้วพราวมุกก็ดันเป็นคนลงมือก่อนอีกแม้จะถูกแกล้งก็เถอะยังไงก็ต้องถูกมองเป็นคนหัวรุนแรงอยู่ดี
“ไล่ฉันออกน่ะสิไปทำลูกเค้าขนาดนั้น..ถ้ารู้ว่าจะถูกไล่ออกยัยน้ำเน่าหน้าพังมากกว่านี้แน่”“ว่าแล้วเชียว”ณจันทร์คิดเอาไว้แล้วเชียวว่ายัยคุณหนูน้ำหนึ่งนั่นต้องหาเรื่องพราวมุกจนได้“เฮ้อ..ช่างมันเถอะแล้วนี่เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าเดี๋ยวเค้าหายาทาให้”ณิชารีบหยิบกล่องปฐมพยาบาลก่อนจะดึงพราวมุกมานั่งที่เก้าอี้“ทายาเสร็จไปกินบุฟเฟ่กันเค้าเลี้ยงเองได้เงินจากคุณโสให้ค่าเสียเวลาวันนี้5พัน”ณจันทร์อยากให้วันนี้เป็นวันที่ดีจึงพยายามไม่พูดถึงพฤติกรรมของน้ำหนึ่งหรือตำหนิพราวมุกเรื่องใจร้อนลงไม่ลงมือเพราะไหนๆเรื่องมันก็ผ่านมาจนทำให้พราวมุกถูกไล่ออกแล้วพูดไปก็เหมือนซ้ำเติม“โอเค๊..หายเจ็บละไปกันเถอะไม่ต้องทายาละ”พราวมุกลุกพรวดยิ้มแฉ่งอย่างคนที่ไม่เคยผ่านการมีเรื่องมีราวมาเพราะการได้ทานบุฟเฟ่ห์คือความสุขที่กลบเรื่องหมองใจของเธอแล้ว“หายเจ็บทันทีเลยเนอะ”ณิชาแทบเก็บกล่องปฐมพยาบาลไม่ทันทั้งส่ายกัวปนอมยิ้มให้กับพฤติกรรมของพราวมุกวันต่อมา“เฮ้อ..เสร็จซะที”ณจันทร์นั่งถอนหายใจดื่มน้ำอึกใหญ่สองสามอึกอยู่ที่เก้าอี้สาธารณะในห้างดังเธออยู่ที่นี่ตั้งแต่ห้างเปิดยันตอนเย็นเพราะได้รับมอบหมายจากสารภีว่าให้มาชุบตัว
“เพราะคู่หมั้นคุณมันรวยกว่าผมแต่นั้นใช่ไหมคุณถึงได้คืนดีกับผมยากนัก”ธนกร หนุ่มวัย22ย่าง23ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนแฟนเก่าของปานตะวัน เขาเคืองใจกับเหตุการณ์วันนี้พอสมควรเพราะไม่คิดว่าปานตะวันที่รักกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งเมื่อเลิกกับเขาได้ไม่เท่าไรก็จะหมั้นกับนักธุรกิจที่โปรไฟล์ดีกว่าเขาหลายเท่าธนกรคบกับปานตะวันตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งด้วยกันที่มหาลัยดังตลอดเวลาที่คบกับธนกรชอบนอกใจปานตะวันตลอดแต่ก็ไม่เปิดตัวใครเป็นแฟนเหมือนปานตะวันจนกระทั่งล่าสุดที่ปานตะวันเลิกเด็ดขาดกับธนกรก็เพราะชายหนุ่มดันเจ้าชู้ไม่เลือกโดยการไปนอนกับเพื่อนของปานตะวันทำให้เธอตัดทั้งเพื่อนตัดทั้งแฟนไปในคราวเดียว ธนกรพยายามง้อปานตะวันตลอดหลังจากเลิกกันแล้วยิ่งได้มารู้ว่าหญิงสาวกำลังจะหมั้นกับคนอื่นดขาก็ยิ่งรู้สึกหวงก้างหนักกว่าเดิมหลายเท่าและจะพยายามแย่งเธอกลับมาเป็นของเขาให้ได้ณจันทร์กลับห้องพักมาได้เธอก็รีบเล่าเรื่องที่น่าตกใจให้กับณิชาและพราวมุกได้ฟัง“แล้วได้พูดคุยอะไรกับคุณนนหรือเปล่าจันทร์”พราวมุกตกใจไปกับเพื่อนด้วยไม่ใช่แค่เรื่องที่เจอคนจะลวนลามแต่เรื่องที่ณจันทร์เจอนนทวัตรแล้วเขาอาจจะแปลกในถึงเรื่องการแต
หลังจากจบมื้ออาหารเหล่าผู้ใหญ่ก็ให้คนที่กำลังจะหมั้นมาพูดคุยกันสองต่อสองที่สวนหย่อมหลังบ้านหลังใหญ่“วันนั้นคุณเป็นอะไรหรือเปล่า”เป็นนนทวัตรที่เปิดประเด็นพูดกับหญิงสาวถึงเรื่องเหตุการณ์วันนั้น“เอ่อ..คือ..วันนั้นฉันต้องขอโทษคุณนนด้วยนะคะที่ไม่ได้อยู่ขอบคุณคือฉันตกใจมากน่ะค่ะ”ณจันทร์คิดเอาไว้แล้วว่ายังไงนนทวัตรก็ต้องได้มีโอกาสถามเธอเรื่องนี้แน่นอน“อืม..”นนทวัตรหยุดเดินหันมามองหน้าหญิงสาวอีกครั้งเพื่อที่จะดูสีหน้าแววตาของเธอว่าต้องการขอบคุณเขาหรือพูดเพราะตอนนี้มีผู้ใหญ่เฝ้ามองอยู่กันแน่แล้วก็ต้องแปลกใจกับสีหน้าและแววตาของหญิงสาวที่ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากที่เขาเคยเจอความเย่อหยิ่งที่เขาเคยเห็นในแววตาของหญิงสาวไม่มีแม้แต่น้อยแต่เขาก็ยังวางใจมองเธอในแง่ดีไม่ได้อยู่ดี“ตอนนี้ผมไม่สนเรื่องขอบคุณหรือไม่ขอบคุณแล้วล่ะแต่คำถามที่ผมถามไปคุณยังไม่ได้ตอบ”“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”ณจันทร์ตอบกลับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มร่าที่แท้ที่เขาถามก็เพราะเป็นห่วงเธอนั่นเอง“เปล่า..ผมไม่ได้เป็นห่วงผมแค่ถามตามมารยาท”นนทวัตรส่ายหัวทั้งมีสีหน้าเมินเฉยต่อรอยยิ้มของหญิงสาวแถมคำตอบของเขาที่ให้เธอก็ทำเอ
วันต่อมา“นักสืบแจ้งพี่มาว่าถ้าเราไม่ดำเนินการโอนเงินงวดล่าสุดให้เค้าจะไม่ดำเนินการตามหาตะวันต่อแล้วนะโส”สารภีคุยโทรศัพท์กับสำนักงานนักสืบที่เธอว่าจ้างเรียบร้อยก็กลับมาคุยกับโสภิตาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล“พี่สาบอกนักสืบนะคะว่าเดี๋ยวโสจะรีบโอนให้ภายในเย็นวันพรุ่งนี้ค่ะไม่ต้องห่วง”“แล้วโสเอาเงินมาจากไหน”“โสว่าจะเอาเครื่องเพชรที่คุณรุจเคยซื้อให้ไปขายค่ะ”“แต่นั่นมันของแทนใจคุณรุจเลยนะโส”“ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการตามหาตะวันแล้วล่ะค่ะพี่สา”โสภิตารู้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นและวิธีแก้ปัญหาคือวิธีที่เธอไตร่ตรองมาดีแล้ว“จะมาที่นี่ก็น่าจะโทรบอกกันก่อนนะคะคุณนนน้าจะได้เตรียมต้อนรับ”โสภิตารีบเข้ามารับหน้านนทวัตรเธอไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเข้ามาหาที่บ้านกะทันหัน“ผมยุ่งๆน่ะครับเลยลืมที่จะโทรบอกทางนี้ก่อนพอดีคุณพ่อให้ผมมารับปานตะวันไปดูสถานที่จัดงานน่ะครับ”“เอ่อ..”โสภิตาเริ่มไปไม่เป็นเพราะเธอไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์ฉุกละหุกเลยไม่รู้ว่าจะตอบนนทวัตรว่าอย่างไร“ตะวันออกไปข้างนอกกับเพื่อนน่ะเดี๋ยวป้าจะลองโทรตามให้นะ”สิ้นเสียงของสารภีโสภิตาค่อยเริ่มหายใจหายคอคล่องหน่อยหากเธออยู่คน
“ฉันว่าชุดนี้สวยดีนะคะ”ณจันทร์มองตัวเองในกระจกหมุนซ้ายหมุนขวารู้สึกว่าชอบชุดที่ใส่เป็นพิเศษเพราะเป็นชุดผ้าไหมแขนยาวรัดรูปเปิดช่วงไหล่พองามและเป็นกระโปรงหางปลาที่ยาวกำลังดีน่าจะลุกนั่งและเดินได้สะดวกด้วย“เห็นไหมคะฉันบอกแล้วว่าชุดนี้เข้ากับคุณที่สุดไปให้คุณนนดูก่อนดีกว่าค่ะว่าชอบหรือเปล่า”พริมมาว่าจบก็พาณจันทร์ออกมาจากห้องลองชุด“ชุดนี้เป็นไงคะคุณนนคุณโอเคหรือเปล่า”นนทวัตรมองไปยังคนที่พึ่งออกมาจากห้องแต่งตัวเขารู้สึกว่าชุดที่หญิงสาวใส่เข้ากับเธอมากกว่าชุดแหวกหน้าแหวกหลังที่เธอเลือกครั้งแรกเสียอีก“อืม..”“เอาชุดนี้เลยค่ะไม่ต้องแก้ด้วย”ณจันทร์หันมาบอกกับพริมมาด้วยรอยยิ้มเพราะเมื่อเธอชอบนนทวัตรชอบเรื่องชุดหมั้นก็จะไม่มีปัญหาอะไรแล้วเธอจะได้กลับเสียที“ผมนึกว่าคุณจะโวยวายซะอีกที่ไม่ได้ชุดที่ตัวเองชอบทำไมจู่ๆอยากเปลี่ยนแนวซะล่ะชุดก่อนหน้าที่คุณเลือกทั้งแหวกหน้าแหวกหลังตอนนี้กลับอยากได้ชุดเรียบๆ”นนทวัตรที่กำลังขับรถกลับไปส่งปานตะวันที่บ้านเขาก็อดที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้เรื่องที่หญิงสาวยอมเปลี่ยนชุดหมั้นอย่างง่ายดาย“แล้วมันเข้ากับฉันไหมล่ะคะ”“ก็..ดูดีกว่าชุดที่เลือกครั้งก่อนเยอะ
“เค้าไม่ยอมเลิกกับตะวันง่ายๆหรอกนะ”ณจันทร์ตัวแทบลอยเมื่อถูกผู้ชายคนที่จะลวนลามเธอวันนั้นกระชากตัวก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า“ปล่อยฉันค่ะ..คุณมาที่นี่ได้ยังไง”สาวเจ้ารีบสะบัดมือออกจากมือหนาที่เหนียวเป็นปลาหมึกด้วยกลัวว่าจะมีใครมาเห็นแล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่“เพราะคู่หมั้นตะวันหล่อกว่ารวยกว่าเค้าใช่หรือเปล่าถึงไม่ยอมคืนดีกับเค้าง่ายๆ”ธนกรกระชากตัวหญิงสาวมากอดเอาไว้แน่น ณจันทร์ชะงักฉุกคิดก่อนจะมองคนตรงหน้าอย่างเพ่งพิจารณาและคิดว่าเขาคงเป็นแฟนเก่าปานตะวันแน่นอนด้วยพอจะจับใจความจากคำที่ชายหนุ่มพูดได้“ปล่อยเดี๋ยวนี้ไม่อย่างนั้นจะเรียกคนมาลากคุณออกไป”ยิ่งรู้ว่าเขาคือแฟนเก่าของปานตะวันเธอก็ต้องยิ่งอยู่ให้ห่างเพราะวันนี้เป็นวันหมั้นของปานตะวันและนนทวัตรเธอจะทำอะไรให้ชื่อเสียงของปานตะวันเสียหายไม่ได้“ทำอะไรกัน”ณจันทร์ผงะและรีบผละตัวออกจากอ้อมแขนคนที่โอบเธอเอาไว้และรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังจะมีเรื่องผิดใจกับนนทวัตรแน่นอน“แล้ววันหลังผมจะมาหาคุณใหม่”ธนกรมองค้อนไปยังนนทวัตรและหันมากระซิบกับหญิงสาวก่อนจะรีบเดินหนีออกไป ทิ้งระเบิดให้ณจันทร์เป็นฝ่ายรับหน้าอยู่ตรงนี้เพีย
อาทิตย์ต่อมา“จะทำยังไงดีคะพี่สาตอนนี้ไม่มีวี่แววว่าจะเจอตะวันเลย”โสภิตาเริ่มมีอาการเครียดทานอะไรไม่ค่อยลงแม้นจะได้เงินจากสินสอดหมั้นมาพยุงบริษัทแต่ทุกข์ใจที่ผ่านจากงานหมั้นของปานตะวันมาเป็นอาทิตย์แล้วนักสืบยังไม่มีวี่แววว่าจะตามตัวลูกสาวของเธอเจอเลย“เอาน่า..ตอนนี้ก็ใจเย็นไปก่อนถ้าทางบ้านนั้นถามก็บอกว่าตะวันไปเที่ยวต่างประเทศก็ได้..ไม่แน่ตะวันอาจจะอยากกลับมาบ้านเองก็ได้นะโสอย่าเครียดไปก่อนเลย”เป็นสารภีที่เข้ามากอดปลอบโสภิตาด้วยเห็นว่าน้องเธอเครียดไปก็ไม่ได้อะไรวันต่อมาโรงพยาบาลXXX“คุณยายคะ”พราวมุกรีบรับร่างของหญิงชราที่กำลังจะเป็นลมขณะที่เธอเดินเข้ามาในห้องน้ำของโรงพยาบาลเพื่อที่จะจัดระเบียบชุดก่อนจะขึ้นไปสัมภาษณ์งาน“คุณพยาบาลคะช่วยด้วยค่ะ”เมื่อเห็นว่ามีพยาบาลเดินเข้ามาพราวมุกจึงรีบเรียกให้เขามาช่วยพยุงหญิงชราทันทีครึ่งชั่วโมงต่อมา“คุณท่านความดันสูงมากเลยนะคะช่วงนี้ต้องพักผ่อนให้เพียงพอแล้วก็ทานอาหารที่มีไขมันต่ำไม่มีรสจัดนะคะ”หมอสาวไม่ลืมกำชับกับแก้วเกตหญิงวัยเกือบ80ที่เป็นผู้บริหารเก่าของโรงพยาบาลนี้“ฟังด้วยนะครับคุณยายไม่อย่างนั้นผมจะให้คนทำอาหารคลีนให้ทานทุกวันแล้วก็ห
ห้างสรรพสินค้าณจันทร์กลับจากสัมภาษณ์งานเธอก็เข้ามาในห้างสรรพสินค้าเพื่อเข้ามาในโซนเครื่องเขียนเธอต้องหาสมุดปากกาเตรียมเอาไว้สำหรับการทำงาน“ตะวัน”“อ้าว..เกว”ณจันทร์หันไปตามเสียงเรียกเมื่อเห็นหน้าผู้หญิงสาวสวยที่เรียกชื่อปานตะวันณจันทร์ก็จำได้ทันทีว่าหญิงสาวคือกมลเนตรหรือเกวนางแบบสาวและเป็นลูกสาวเจ้าของคลินิกเสริมความงามหลายแห่ง“ไม่นึกว่าจะเจอแกในร้านแบบนี้นะ”กมลเนตรมองเพื่อนตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าตรงหน้าด้วยสายตาของความสงสัยไม่ยักรู้ว่าคุณหนูไฮโซอย่างปานตะวันจะมาแต่งตัวเฉิ่มๆเชยๆไม่มีแบรนด์แต่เธอก็ไม่ได้ทักเรื่องนี้ออกไปเพียงทักทายด้วยความสงสัยว่าปานตะวันมาทำอะไรที่ร้านเครื่องเขียนเพราะปกติแล้วเรื่องการซื้อของยิบย่อยพวกนี้เพื่อนเธอไม่ได้ชอบอยู่แล้ว“อ๋อ..ก็ดูอะไรไปเพลินๆน่ะ”ณจันทร์เริ่มปั้นหน้าไม่ถูกแต่ก็พยายามทำตัวให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้“แกหายโกรธฉันแล้วเหรอถึงยอมพูดกับฉัน”“โกรธ..”ณจันทร์นึกไปถึงเรื่องเมื่องานวันหมั้นเพราะคิดว่ากมลเนตรน่าจะหมายถึงเรื่องที่ไม่สบายและไม่ได้ไปงานวันหมั้นของปานตะวัน“ที่เกวไม่สบายแล้วไม่ได้ไปงานหมั้นน่ะเหรอเรื่องนั้นฉันไม่ได้โกรธอะไรอยู่แล้ว