20.00 น.
สามสาวนั่งล้อมวงมองหน้ากันในห้องพักห้องน้อยของพวกเธอเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะกลับมทำให้พวกเธอมีอะไรที่จะต้องคิดหนักอยู่พอสมควร
เหตุการณ์หลังจากที่สารภีให้โชควนรถกลับไปเพราะสารภีต้องการทำความรู้จักกับสามสาวและวานให้ณจันทร์ช่วยปลอมตัวเป็นหลานสาวของเธอจนกว่าจะถึงวันหมั้นโดยตอบแทนเป็นเงินหนึ่งก้อน
“ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีคนที่เหมือนจันทร์อย่างกับฝาแฝดแน่ะ”
เป็นพราวมุกเริ่มเปิดประเด็นทะลายความเงียบที่เกิดขึ้นเพราะเธอแอบทึ่งในใจพอสมควรหลังจากที่สารภีเปิดรูปหลานของเธอให้ดูไม่คิดว่าหน้าตารูปร่างของณจันทร์จะไปเหมือนกับปานตะวันลูกของโสภิตาขนาดนั้น
“ตอนแรกเค้าก็ตกใจเหมือนกันถึงว่าทำไมคุณน้าถึงได้มาทักด้วยสีหน้าเศร้าๆแบบนั้น”
ณจันทร์เองก็ตกใจไม่ต่างจากเพื่อนทั้งสองแอบเห็นใจโสภิตาลึกๆที่จู่ๆลูกสาวก็หายตัวไปทำให้ทุกข์ใจจนสีหน้าหม่นหมองอยู่ตลอดเวลา
“แล้วข้อเสนอที่พวกเค้าให้มาตัวว่าไงอะจันทร์จะรับไหม”
ณิชาเกริ่นถามณจันทร์ด้วยอยากรู้คำตอบที่ณจันทร์ยังไม่ได้ให้กับโสภิตาและสารภี
“อันที่จริงเค้าไม่อยากที่จะโกหกใครเลย..แต่เงินที่คุณน้าเค้าเสนอมาให้จำนวนเงินก้อนนั้นมันทำให้แม่ครูผ่าตัดได้โดยที่ไม่ต้องรอคิว”
สีหน้าของณจันทร์ตอนนี้ดูลำบากใจพอสมควร
“แต่ตัวก็ไม่ต้องโกหกนานไม่ใช่เหรอแค่งานหมั้นจบทุกอย่างก็จบดีไม่ดีคุณน้าเค้าอาจจะตามตัวลูกสาวเค้าเจอก่อนวันงานก็ได้”
พราวมุกรู้ว่าณจันทร์เป็นคนตรงไปตรงมาแค่ไหนรู้ว่าเพื่อนเธอลำบากใจหากเปลี่ยนเป็นเธอทำแทนได้คงดี
“เอาเป็นว่าเค้าจะรับงานนี้เพื่อแม่ครู”
ณจันทร์มองหน้าสองสาวที่รอฟังคำตอบของเธอก่อนจะตัดสินใจตกลงที่จะรับงานนี้ด้วยชั่งน้ำหนักดูแล้วเธอคิดว่าชีวิตของแม่ครูสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด
“พวกเราจะคอยสู้อยู่ข้างๆเสมอมีอะไรให้ช่วยก็บอกนะจันทร์”
พราวมุกโผเข้ากอดณจันทร์รู้สึกขอบคุณเพื่อนจากหัวใจที่เสียสละตัวเองเพื่อแม่ครู
“ตัวทำทุกอย่างได้อย่างราบรื่นอยู่แล้วล่ะ”
ณิชาโผรวบกอดเพื่อนทั้งสองสร้างพลังบวกให้ณจันทร์มีกำลังใจทำสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจทำรู้ว่าเรื่องนี้ทำให้ณจันทร์ลำบากใจพอสมควรแต่ก็ยังเลือกที่จะทำเพราะฉะนั้นเธอที่เป็นคนใกล้ชิดก็ต้องให้กำลังใจณจันทร์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เช้าวันต่อมา
“ณจันทร์ยอมตกลงแล้วนะ..เธอพึ่งโทรบอกพี่เมื่อคืน”
สารภีบอกกับโสภิตาที่พึ่งลงมาทานอาหารเช้าด้วยกัน
“ทำไมเธอยอมตกลงง่ายๆล่ะคะดูตอนที่เราพูดเรื่องที่จะให้เธอทำดูเธอลำบากใจพอสมควรเลย”
“ก็เงินที่เราเสนอให้มากพอสมควร..พี่คิดแต่แรกแล้วว่ายังไงณจันทร์ก็ต้องยอมตกลง”
“จะว่าไปโสก็รู้สึกคุ้นเคยกับณจันทร์แปลกๆนะคะ”
โสภิตาแอบนึกถึงสายตาของณจันทร์แม้จะมองกันไม่นานแต่สายตาคู่นั้นก็ทำให้เธอนึกถึงได้แทบจะตลอดเวลา
“ก็คงจะเป็นเพราะเธอเหมือนกับปานตะวันมากนั่นแหละ”
“คงอย่างนั้นค่ะ..อีกอย่างโสใจไม่ค่อยดีเท่าไรที่ต้องหลอกลวงทางบ้านของคุณพล”
“หรืออยากจะให้งานหมั้นยกเลิกแล้วบริษัทที่คุณนิรุจรักพังไม่เป็นท่าล่ะยัยโส”
สารภียกชื่อสามีที่เสียไปของโสภิตาเพื่ออยากให้น้องสาวของเธอมองว่าเรื่องไหนสำคัญที่สุด
“เฮ้อ..”
โสภิตาถอนหายใจด้วสีหน้าไม่สู้ดีเธอรู้ว่าสามีเธอและภัทรพลเป็นเพื่อนรักกันมากจนเธอรู้สึกละอายใจที่ต้องหลอกลวงเพื่อนของสามีเช่นนี้แต่ก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ
“ทานข้าวเสร็จแล้วพี่ว่าจะโทรหาณจันทร์ให้มาที่นี่จะได้ทำความรู้จักว่าคนรอบตัวยัยตะวันมีใครกันบ้าง”
“ค่ะ..พี่สาคะแล้วถ้าเลยงานหมั้นแล้วนักสืบยังตามยัยตะวันกลับมาไม่ได้ล่ะคะ”
“ค่อยว่ากันว่าจะเอายังไงต่อแต่เราต้องได้ของหมั้นให้ได้เพราะนั่นจะเป็นสิ่งที่พยุงบริษัทของคุณรุจเอาไว้ได้”
โสภิตาและสารภีเป็นพี่น้องต่างพ่อแม่กันสารภีถูกพ่อและแม่ของโสภิตารับอุปการะมาตั้งแต่โสภิตายังไม่เกิดเพราะคราแรกพ่อและแม่ของโสภิตาเข้าใจว่าตัวเองน่าจะไม่มีบุญได้มีลูกเป็นของตัวเอง แต่หลังจากที่รับสารภีมาเป็นลูกบุญธรรมได้ไม่นานแม่ของโสภิตาก็เกิดตั้งท้อง
โสภิตาเคารพสารภีเฉกเช่นพี่สาวจริงๆตลอดมาและเธอก็เชื่อฟังสารภีทุกอย่างด้วยถูกพ่อและแม่สอนให้เคารพพี่ตั้งแต่จำความได้ โสภิตาได้แต่งงานกับนิรุจเจ้าของบริษัทอสังหาจนมีลูกด้วยกันคือปานตะวัน ในขณะที่ปานตะวันยังเล็กๆก็มีสารภีคอยดูแลตลอดจนเรียกว่าแม่อีกคนก็ว่าได้เพราะโสภิตาต้องช่วยสามีทำงาน ทางสารภีเองเมื่อช่วงเป็นสาวก็กระเตงหลานไปไหนมาไหนด้วยตลอดจนคนเข้าใจว่าเธอมีครอบครัวแล้วจึงไม่มีใครมาจีบจนครองตัวเป็นโสดอยู่จนปัจจุบัน
หลังจากที่นิรุจเสียไปด้วยโรคร้ายก่อนวัยอันควรแถมยังมีวิกฤตของบริษัทอีกโสภิตาจึงเคว้งแทบไม่มีจุดยืนก็ได้สารภีคอยชี้แนะแนวทางตลอดว่าจะเอาอย่างไรต่อไป เช่นตอนนี้ที่สารภีแนะนำให้โสภิตาทวงสัญญาจากครอบครัวของภัทรพลคนที่เป็นเพื่อนรักกับนิรุจเพราะเธอพึ่งมาเห็นสัญญาของนิรุจกับภัทรพลหลังจากนิรุจเสียว่าทั้งสองจะให้ลูกชายและลูกสาวแต่งงานกัน
คราแรกโสภิตาไม่ได้อยากทวงสัญญานี้เพราะเคยได้ยินสามีพูดว่าให้มันเป็นโมฆะเพราะไม่อยากบังคับจิตใจลูกแต่เธอก็ต้องยอมทำตามที่สารภีบอกเพราะรู้ว่าหากให้ปานตะวันหมั้นกับลูกชายของภัทรพลสินสอดหมั้นและสินสอดแต่งคงพอที่จะทำให้กิจการของเธอดำเนินต่อไปได้ แต่ใครจะไปคิดว่าเมื่อผู้ใหญ่ตกลงกันดีแล้วปานตะวันจะหนีไปเช่นนี้
ณจันทร์เข้ามาหาสารภีในช่วงบ่ายเมื่อมาถึงสารภีก็เล่าประวัติณจันทร์ว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายชื่ออะไรและรวมไปถึงบอกถึงนิสัยคร่าวๆของปานตะวันให้ณจันทร์ได้รับรู้จวบจนเรื่องการแต่งตัวการใช้ชีวิตว่าปานตะวันจะต้องใช้ของมีแบรนด์มียี่ห้อและทานอาหารดีๆเท่านั้นและอีกเรื่องที่ทำให้ณจันทร์แปลกใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปก็คือวันเกิดของปานตะวันที่ทำให้หญิงสาวรู้ว่าเธอและปานตะวันรุ่นราวคราวเดียวกัน
“นี่ชุดของคุณตะวันมีแต่แบบนี้เหรอคะ”
ณจันทร์เริ่มหน้าเสียหลังจากที่สารภีพาเธอมาดูตู้เสื้อผ้าของปานตะวันเพราะในตู้มีแต่ของแพงๆเท่านั้นยังไม่พอยังมีความเปิดตรงนั้นเว้าตรงนี้ของชุดแต่ละชุดณจันทร์ไม่รู้เลยว่าเธอจะกล้าใส่หรือเปล่าเพราะปกติแล้วหากไม่ใช่ชุดทำงานก็เป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาๆเท่านั้นที่เธอเคยใส่
“ใช่..ต่อไปนี้ถ้าเธออยู่ในชื่อปานตะวันก็ต้องแต่งตัวแบบนี้..อ่อ..อีกอย่างปานตะวันเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงอย่าลืมข้อนี้ด้วยล่ะ..ส่วนรูปเพื่อนสนิทของปานตะวันแล้วก็รูปคนในบ้านของนนทวัตรฉันส่งเป็นข้อความไปให้เธอแล้วจำให้ได้ล่ะ”
“ค่ะ”
“ของว่างค่ะพี่สาหนูจันทร์”
โสภิตาเตรียมผลไม้และขนมคุ้กกี้ขึ้นมาให้ทั้งสองในห้องของปานตะวัน
“ขอบคุณค่ะคุณน้า”
ณจันทร์รีบรับจานของว่างจากโสภิตาตามมารยาท
“ข้อมูลคร่าวๆพี่บอกจันทร์ไปแล้วเรามีรายละเอียดตรงไหนอยากจะเสริมก็คุยต่อเลยนะโสพี่จะไปพักหน่อย”
“ค่ะ”
“ขอบคุณหนูจันทร์มากเลยที่ยอมช่วยฉัน”หลังจากสารภีออกจากห้องไปแล้วโสภิตาก็พาณจันทร์มานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่นเรื่องที่เธอจะเสริมอะไรต่อจากสารภีคงไม่มีเพราะรู้ว่าพี่สาวของเธอน่าจะบอกทุกอย่างกับณจันทร์หมดแล้วตอนนี้ที่เธออยากจะคุยกับณจันทร์ก็คือเรื่องที่จะขอบคุณหญิงสาวเท่านั้น“เราต่างก็มีข้อแลกเปลี่ยนกันอยู่แล้วค่ะคุณน้า”ณจันทร์เห็นว่าเรื่องนี้โสภิตาไม่ต้องลำบากขอบคุณเธอด้วยซ้ำเพราะค่าตอบแทนที่โสภิตาเสนอให้เป็นเธอต่างหากที่ต้องขอบคุณ“ทีหลังเรียกฉันว่าคุณแม่จะได้ชินปากนะ”“ค่ะ.. คุณแม่”ณจันทร์เริ่มอึกอักรู้สึกตื้นตันในใจแปลกๆขอบตาเริ่มร้อนผ่าวเพราะน้ำตาแห่งความปิติกำลังจะไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้แต่เธอก็พยายามกลั้นเอาไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องอ่อนไหวกับคำว่าแม่เมื่อต้องใช้คำนี้เนียกโสภิตาทั้งที่เธอเองก็คุ้นเคยกับคำว่าแม่เมื่อต้องเรียกแม่ครูหรืออาจจะเป็นเพราะตอนนี้โสภิตามีสถานะเป็นแม่ของเธอเท่านั้นโสภิตาน้ำตาคลอก็เริ่มรู้สึกปิติในใจไม่ต่างจากณจันทร์เช่นกันน้ำตาจู่ๆก็ไหลพรากออกมาพูดอะไรต่อไปไม่ออกเพราะรู้สึกเอ็นดูณจันทร์เช่นลูกสาวจริงๆทั้งที่เจอกันเพียงไม่เท่าไร“คุณแม่เป็นอะไรเหรอ
“ไล่ฉันออกน่ะสิไปทำลูกเค้าขนาดนั้น..ถ้ารู้ว่าจะถูกไล่ออกยัยน้ำเน่าหน้าพังมากกว่านี้แน่”“ว่าแล้วเชียว”ณจันทร์คิดเอาไว้แล้วเชียวว่ายัยคุณหนูน้ำหนึ่งนั่นต้องหาเรื่องพราวมุกจนได้“เฮ้อ..ช่างมันเถอะแล้วนี่เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าเดี๋ยวเค้าหายาทาให้”ณิชารีบหยิบกล่องปฐมพยาบาลก่อนจะดึงพราวมุกมานั่งที่เก้าอี้“ทายาเสร็จไปกินบุฟเฟ่กันเค้าเลี้ยงเองได้เงินจากคุณโสให้ค่าเสียเวลาวันนี้5พัน”ณจันทร์อยากให้วันนี้เป็นวันที่ดีจึงพยายามไม่พูดถึงพฤติกรรมของน้ำหนึ่งหรือตำหนิพราวมุกเรื่องใจร้อนลงไม่ลงมือเพราะไหนๆเรื่องมันก็ผ่านมาจนทำให้พราวมุกถูกไล่ออกแล้วพูดไปก็เหมือนซ้ำเติม“โอเค๊..หายเจ็บละไปกันเถอะไม่ต้องทายาละ”พราวมุกลุกพรวดยิ้มแฉ่งอย่างคนที่ไม่เคยผ่านการมีเรื่องมีราวมาเพราะการได้ทานบุฟเฟ่ห์คือความสุขที่กลบเรื่องหมองใจของเธอแล้ว“หายเจ็บทันทีเลยเนอะ”ณิชาแทบเก็บกล่องปฐมพยาบาลไม่ทันทั้งส่ายกัวปนอมยิ้มให้กับพฤติกรรมของพราวมุกวันต่อมา“เฮ้อ..เสร็จซะที”ณจันทร์นั่งถอนหายใจดื่มน้ำอึกใหญ่สองสามอึกอยู่ที่เก้าอี้สาธารณะในห้างดังเธออยู่ที่นี่ตั้งแต่ห้างเปิดยันตอนเย็นเพราะได้รับมอบหมายจากสารภีว่าให้มาชุบตัว
“เพราะคู่หมั้นคุณมันรวยกว่าผมแต่นั้นใช่ไหมคุณถึงได้คืนดีกับผมยากนัก”ธนกร หนุ่มวัย22ย่าง23ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนแฟนเก่าของปานตะวัน เขาเคืองใจกับเหตุการณ์วันนี้พอสมควรเพราะไม่คิดว่าปานตะวันที่รักกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งเมื่อเลิกกับเขาได้ไม่เท่าไรก็จะหมั้นกับนักธุรกิจที่โปรไฟล์ดีกว่าเขาหลายเท่าธนกรคบกับปานตะวันตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งด้วยกันที่มหาลัยดังตลอดเวลาที่คบกับธนกรชอบนอกใจปานตะวันตลอดแต่ก็ไม่เปิดตัวใครเป็นแฟนเหมือนปานตะวันจนกระทั่งล่าสุดที่ปานตะวันเลิกเด็ดขาดกับธนกรก็เพราะชายหนุ่มดันเจ้าชู้ไม่เลือกโดยการไปนอนกับเพื่อนของปานตะวันทำให้เธอตัดทั้งเพื่อนตัดทั้งแฟนไปในคราวเดียว ธนกรพยายามง้อปานตะวันตลอดหลังจากเลิกกันแล้วยิ่งได้มารู้ว่าหญิงสาวกำลังจะหมั้นกับคนอื่นดขาก็ยิ่งรู้สึกหวงก้างหนักกว่าเดิมหลายเท่าและจะพยายามแย่งเธอกลับมาเป็นของเขาให้ได้ณจันทร์กลับห้องพักมาได้เธอก็รีบเล่าเรื่องที่น่าตกใจให้กับณิชาและพราวมุกได้ฟัง“แล้วได้พูดคุยอะไรกับคุณนนหรือเปล่าจันทร์”พราวมุกตกใจไปกับเพื่อนด้วยไม่ใช่แค่เรื่องที่เจอคนจะลวนลามแต่เรื่องที่ณจันทร์เจอนนทวัตรแล้วเขาอาจจะแปลกในถึงเรื่องการแต
หลังจากจบมื้ออาหารเหล่าผู้ใหญ่ก็ให้คนที่กำลังจะหมั้นมาพูดคุยกันสองต่อสองที่สวนหย่อมหลังบ้านหลังใหญ่“วันนั้นคุณเป็นอะไรหรือเปล่า”เป็นนนทวัตรที่เปิดประเด็นพูดกับหญิงสาวถึงเรื่องเหตุการณ์วันนั้น“เอ่อ..คือ..วันนั้นฉันต้องขอโทษคุณนนด้วยนะคะที่ไม่ได้อยู่ขอบคุณคือฉันตกใจมากน่ะค่ะ”ณจันทร์คิดเอาไว้แล้วว่ายังไงนนทวัตรก็ต้องได้มีโอกาสถามเธอเรื่องนี้แน่นอน“อืม..”นนทวัตรหยุดเดินหันมามองหน้าหญิงสาวอีกครั้งเพื่อที่จะดูสีหน้าแววตาของเธอว่าต้องการขอบคุณเขาหรือพูดเพราะตอนนี้มีผู้ใหญ่เฝ้ามองอยู่กันแน่แล้วก็ต้องแปลกใจกับสีหน้าและแววตาของหญิงสาวที่ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากที่เขาเคยเจอความเย่อหยิ่งที่เขาเคยเห็นในแววตาของหญิงสาวไม่มีแม้แต่น้อยแต่เขาก็ยังวางใจมองเธอในแง่ดีไม่ได้อยู่ดี“ตอนนี้ผมไม่สนเรื่องขอบคุณหรือไม่ขอบคุณแล้วล่ะแต่คำถามที่ผมถามไปคุณยังไม่ได้ตอบ”“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”ณจันทร์ตอบกลับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มร่าที่แท้ที่เขาถามก็เพราะเป็นห่วงเธอนั่นเอง“เปล่า..ผมไม่ได้เป็นห่วงผมแค่ถามตามมารยาท”นนทวัตรส่ายหัวทั้งมีสีหน้าเมินเฉยต่อรอยยิ้มของหญิงสาวแถมคำตอบของเขาที่ให้เธอก็ทำเอ
วันต่อมา“นักสืบแจ้งพี่มาว่าถ้าเราไม่ดำเนินการโอนเงินงวดล่าสุดให้เค้าจะไม่ดำเนินการตามหาตะวันต่อแล้วนะโส”สารภีคุยโทรศัพท์กับสำนักงานนักสืบที่เธอว่าจ้างเรียบร้อยก็กลับมาคุยกับโสภิตาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล“พี่สาบอกนักสืบนะคะว่าเดี๋ยวโสจะรีบโอนให้ภายในเย็นวันพรุ่งนี้ค่ะไม่ต้องห่วง”“แล้วโสเอาเงินมาจากไหน”“โสว่าจะเอาเครื่องเพชรที่คุณรุจเคยซื้อให้ไปขายค่ะ”“แต่นั่นมันของแทนใจคุณรุจเลยนะโส”“ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการตามหาตะวันแล้วล่ะค่ะพี่สา”โสภิตารู้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นและวิธีแก้ปัญหาคือวิธีที่เธอไตร่ตรองมาดีแล้ว“จะมาที่นี่ก็น่าจะโทรบอกกันก่อนนะคะคุณนนน้าจะได้เตรียมต้อนรับ”โสภิตารีบเข้ามารับหน้านนทวัตรเธอไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเข้ามาหาที่บ้านกะทันหัน“ผมยุ่งๆน่ะครับเลยลืมที่จะโทรบอกทางนี้ก่อนพอดีคุณพ่อให้ผมมารับปานตะวันไปดูสถานที่จัดงานน่ะครับ”“เอ่อ..”โสภิตาเริ่มไปไม่เป็นเพราะเธอไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์ฉุกละหุกเลยไม่รู้ว่าจะตอบนนทวัตรว่าอย่างไร“ตะวันออกไปข้างนอกกับเพื่อนน่ะเดี๋ยวป้าจะลองโทรตามให้นะ”สิ้นเสียงของสารภีโสภิตาค่อยเริ่มหายใจหายคอคล่องหน่อยหากเธออยู่คน
“ฉันว่าชุดนี้สวยดีนะคะ”ณจันทร์มองตัวเองในกระจกหมุนซ้ายหมุนขวารู้สึกว่าชอบชุดที่ใส่เป็นพิเศษเพราะเป็นชุดผ้าไหมแขนยาวรัดรูปเปิดช่วงไหล่พองามและเป็นกระโปรงหางปลาที่ยาวกำลังดีน่าจะลุกนั่งและเดินได้สะดวกด้วย“เห็นไหมคะฉันบอกแล้วว่าชุดนี้เข้ากับคุณที่สุดไปให้คุณนนดูก่อนดีกว่าค่ะว่าชอบหรือเปล่า”พริมมาว่าจบก็พาณจันทร์ออกมาจากห้องลองชุด“ชุดนี้เป็นไงคะคุณนนคุณโอเคหรือเปล่า”นนทวัตรมองไปยังคนที่พึ่งออกมาจากห้องแต่งตัวเขารู้สึกว่าชุดที่หญิงสาวใส่เข้ากับเธอมากกว่าชุดแหวกหน้าแหวกหลังที่เธอเลือกครั้งแรกเสียอีก“อืม..”“เอาชุดนี้เลยค่ะไม่ต้องแก้ด้วย”ณจันทร์หันมาบอกกับพริมมาด้วยรอยยิ้มเพราะเมื่อเธอชอบนนทวัตรชอบเรื่องชุดหมั้นก็จะไม่มีปัญหาอะไรแล้วเธอจะได้กลับเสียที“ผมนึกว่าคุณจะโวยวายซะอีกที่ไม่ได้ชุดที่ตัวเองชอบทำไมจู่ๆอยากเปลี่ยนแนวซะล่ะชุดก่อนหน้าที่คุณเลือกทั้งแหวกหน้าแหวกหลังตอนนี้กลับอยากได้ชุดเรียบๆ”นนทวัตรที่กำลังขับรถกลับไปส่งปานตะวันที่บ้านเขาก็อดที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้เรื่องที่หญิงสาวยอมเปลี่ยนชุดหมั้นอย่างง่ายดาย“แล้วมันเข้ากับฉันไหมล่ะคะ”“ก็..ดูดีกว่าชุดที่เลือกครั้งก่อนเยอะ
“เค้าไม่ยอมเลิกกับตะวันง่ายๆหรอกนะ”ณจันทร์ตัวแทบลอยเมื่อถูกผู้ชายคนที่จะลวนลามเธอวันนั้นกระชากตัวก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า“ปล่อยฉันค่ะ..คุณมาที่นี่ได้ยังไง”สาวเจ้ารีบสะบัดมือออกจากมือหนาที่เหนียวเป็นปลาหมึกด้วยกลัวว่าจะมีใครมาเห็นแล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่“เพราะคู่หมั้นตะวันหล่อกว่ารวยกว่าเค้าใช่หรือเปล่าถึงไม่ยอมคืนดีกับเค้าง่ายๆ”ธนกรกระชากตัวหญิงสาวมากอดเอาไว้แน่น ณจันทร์ชะงักฉุกคิดก่อนจะมองคนตรงหน้าอย่างเพ่งพิจารณาและคิดว่าเขาคงเป็นแฟนเก่าปานตะวันแน่นอนด้วยพอจะจับใจความจากคำที่ชายหนุ่มพูดได้“ปล่อยเดี๋ยวนี้ไม่อย่างนั้นจะเรียกคนมาลากคุณออกไป”ยิ่งรู้ว่าเขาคือแฟนเก่าของปานตะวันเธอก็ต้องยิ่งอยู่ให้ห่างเพราะวันนี้เป็นวันหมั้นของปานตะวันและนนทวัตรเธอจะทำอะไรให้ชื่อเสียงของปานตะวันเสียหายไม่ได้“ทำอะไรกัน”ณจันทร์ผงะและรีบผละตัวออกจากอ้อมแขนคนที่โอบเธอเอาไว้และรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังจะมีเรื่องผิดใจกับนนทวัตรแน่นอน“แล้ววันหลังผมจะมาหาคุณใหม่”ธนกรมองค้อนไปยังนนทวัตรและหันมากระซิบกับหญิงสาวก่อนจะรีบเดินหนีออกไป ทิ้งระเบิดให้ณจันทร์เป็นฝ่ายรับหน้าอยู่ตรงนี้เพีย
อาทิตย์ต่อมา“จะทำยังไงดีคะพี่สาตอนนี้ไม่มีวี่แววว่าจะเจอตะวันเลย”โสภิตาเริ่มมีอาการเครียดทานอะไรไม่ค่อยลงแม้นจะได้เงินจากสินสอดหมั้นมาพยุงบริษัทแต่ทุกข์ใจที่ผ่านจากงานหมั้นของปานตะวันมาเป็นอาทิตย์แล้วนักสืบยังไม่มีวี่แววว่าจะตามตัวลูกสาวของเธอเจอเลย“เอาน่า..ตอนนี้ก็ใจเย็นไปก่อนถ้าทางบ้านนั้นถามก็บอกว่าตะวันไปเที่ยวต่างประเทศก็ได้..ไม่แน่ตะวันอาจจะอยากกลับมาบ้านเองก็ได้นะโสอย่าเครียดไปก่อนเลย”เป็นสารภีที่เข้ามากอดปลอบโสภิตาด้วยเห็นว่าน้องเธอเครียดไปก็ไม่ได้อะไรวันต่อมาโรงพยาบาลXXX“คุณยายคะ”พราวมุกรีบรับร่างของหญิงชราที่กำลังจะเป็นลมขณะที่เธอเดินเข้ามาในห้องน้ำของโรงพยาบาลเพื่อที่จะจัดระเบียบชุดก่อนจะขึ้นไปสัมภาษณ์งาน“คุณพยาบาลคะช่วยด้วยค่ะ”เมื่อเห็นว่ามีพยาบาลเดินเข้ามาพราวมุกจึงรีบเรียกให้เขามาช่วยพยุงหญิงชราทันทีครึ่งชั่วโมงต่อมา“คุณท่านความดันสูงมากเลยนะคะช่วงนี้ต้องพักผ่อนให้เพียงพอแล้วก็ทานอาหารที่มีไขมันต่ำไม่มีรสจัดนะคะ”หมอสาวไม่ลืมกำชับกับแก้วเกตหญิงวัยเกือบ80ที่เป็นผู้บริหารเก่าของโรงพยาบาลนี้“ฟังด้วยนะครับคุณยายไม่อย่างนั้นผมจะให้คนทำอาหารคลีนให้ทานทุกวันแล้วก็ห