Share

ตอนที่36 สวมรอย

“เครียดจนป่วยเลยเหรอคะ”

“ใช่..แต่ฉันคิดว่าไม่นานยัยโสก็จะหายเครียดแล้วเพราะนักสืบบอกฉันมาว่าเริ่มเจอเบาะแสตะวันแล้วหลังจากนี้เธอจะได้ไม่ต้องสวมรอยตะวันเป็นอีก”

“ร..เหรอคะ”

ณจันทร์เริ่มหลบสายตาลงเล็กน้อยรู้ว่าวันนี้จะต้องมาถึงสักวันแต่หลังจากเธอมีความสุขกับนนทวัตรเธอก็เริ่มที่จะไม่ได้เผื่อใจกับความเจ็บปวดไว้

“สวมรอย!”

นนทวัตรแทบยืนไม่อยู่เขากำมือแน่นพยายามสงบอารมณ์และฟังเรื่องราวที่สองคนนั้นกำลังคุยกันต่อ

“ฉันรู้นะว่าช่วงนี้เธอกับนนทวัตรตัวติดกันแทบจะตลอดแล้วฉันก็พอจะดูออกว่าเธอรักนนทวัตรไปแล้ว”

ถึงสารภีจะไม่ได้ยุ่มย่ามอะไรกับณจันทร์เหมือนโสภิตาแต่เธอก็รู้ความเคลื่อนไหวของหญิงสาวและนนทวัตรตลอดจนเธอแน่ใจว่าณจันทร์ในเวลานี้น่าจะรักนนทวัตรจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว

“คือ”

“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกผิดที่ยัยโสโลภมากเองถ้าไม่อยากได้เงินไปพยุงบริษัทคงไม่ต้องจ้างเธอมาหลอกลวงบ้านของนนทวัตรหรอก...ฉันเห็นใจเธอนะแต่ก็อยากจะให้เธอทำใจเอาไว้ด้วยว่าเดี๋ยวปานตะวันก็กลับมา..ที่ฉันจะพูดก็มีเท่านี้แหละเธอเข้างานไปเถอะ”

“ค่ะ”

ณจันทร์พึ่งรู้สาเหตุที่แท้จริงในการหมั้นหมายก็ครั้งนี้แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของเธอและตอนนี้เธอก็ไม่มีอะไรที่จะโต้ตอบกับสารภีเพราะเรื่องความรู้สึกของเธอที่สารภีพูดมามันก็จริงทุกอย่าง

สารภีมองตามหลังณจันทร์ที่เดินโซซัดโซเซก้มหน้ามองแต่พื้นด้วยสีหน้าที่พอใจสารภีเห็นนนทวัตรเดินตามณจันทร์ออกมาตั้งแต่แรกแล้วจึงได้เอ่ยเรื่องความจริงออกไปเพื่อตั้งใจจะให้นนทวัตรยิน

“ชีวิตของพวกแกต้องมีแต่ความเจ็บปวดยิ่งกว่าฉันร้อยเท่าพันเท่า”

ใช่แล้ว.. ทุกอย่างที่เธออยากให้เป็นมันกำลังเป็นไปตามแผนเธอทุกอย่าง

“มากับผม”

นนทวัตรกระชากคนตัวเล็กจนตัวลอยขณะที่สาวเจ้ากำลังจะเดินกลับเข้าไปในงาน

“ไปไหนคะคุณนน”

นนทวัตรไม่พูดไม่จาพาหญิงสาวมาที่รถได้ก็จับเธอยัดเข้ารถและพาขับมาจอดรถคุยกันที่หน้าสวนสาธารณะแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง

“พาฉันออกมาจากงานทำไมคะคุณนน”

ณจันทร์เอ่ยถามชายหนุ่มเป็นครั้งที่สิบก็ว่าได้แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบเหมือนเดิม

“คุณเป็นใครกันแน่”

สาวเจ้าเริ่มไปไม่เป็นเมื่อเห็นแววตาแห่งความอ่อนโยนหายไปจากดวงตาของชายหนุ่ม

“อ..อะไรคะ”

“ผมได้ยินสิ่งที่คุณพูดกับคุณป้าสารภีทุกอย่าง..เรื่องทุกอย่างเป็นแผนการทั้งหมดงั้นสิทั้งทำเป็นคนดีมาทำให้ผมรักมันคือการแสดงทั้งนั้นใช่ไหม”

มือของนนทวัตรตอนนี้กำพวงมาลัยเอาไว้แน่นด้วยกลัวว่าจะพลั้งทำอะไรให้คนข้างๆเจ็บตัว

“คือ..ฉัน”

ณจันทร์เริ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยรู้ว่าหากชายหนุ่มได้ฟังที่เธอคุยกับสารภีคงจะรู้หมดทุกอย่างแล้ว

“ที่ผ่านมามันมีอะไรจริงบ้างห้ะ”

เสียงตวาดลั่นทำสาวเจ้าสะดุ้งเฮือกทือทั้งสองกุมกันแน่นขอบตาเริ่มร้อนผ่าวและเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาด้วยรู้ว่านนทวัตรคงผิดหวังในตัวเธอมากๆ

“บอกผมให้ผมดูไม่โง่สักหน่อยได้ไหมว่าจริงๆแล้วคุณคือใครชื่ออะไรกันแน่”

“ฉันชื่อ..ณจันทร์ค่ะ..ฉันไม่ได้อยากหลอกลวงคุณแต่ว่าตอนนั้นฉันมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน”

ณจันทร์เอ่ยตอบตามความจริงด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

“ก็เพราะเงิน..ยังจะมีหน้ามาพูดอีกว่าไม่ได้อยากหลอกลวงทั้งที่ทำไปทุกอย่างก็เพื่อเงินทั้งนั้น”

นนทวัตรเริ่มสะบัดหน้าหนีไม่อยากจะหันมามองคนที่แก้ตัวหน้าด้านๆ

“คุณฟังฉันอธิบายก่อนได้หรือเปล่าคะ..นะคะคุณนนความรู้สึกดีๆที่ฉันมีให้คุณไม่เคยเป็นเรื่องหลอกลวงนะคะ”

“เงียบ!”

เป็นอีกครั้งที่ณจันทร์สะดุ้งเฮือกเพราะถูกตวาด

“ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นหลังจากนี้หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก”

“ค..คุณนน”

ณจันทร์มองจ้องนนทวัตรผ่านม่านน้ำตาเสียงของเธอแทบไม่มีรู้สึกใจสลายเมื่อต้องจากกับชายหนุ่มด้วยความผิดใจกัน

“ออกไปจากรถผมได้แล้ว”

นนทวัตรกัดฟันพูดทั้งยังไม่ยอมหันมามองหน้าคนข้างๆแม้แต่น้อยเมื่อเธอลงรถไปได้น้ำตาลูกผู้ชายก็เริ่มไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้เพราะรู้สึกผิดหวังเสียความรู้สึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“พราวกลับไปที่บ้านกับเค้าตอนนี้จันทร์อยู่ที่บ้านแล้ว...จันทร์บอกว่าคุณนนรู้ความจริงเรารีบกลับไปหาจันทร์ที่บ้านเถอะ”

ณิชารีบวิ่งแจ้นมาหาพราวมุกในห้องทำงานหลังจากที่ได้รับสายของณจันทร์เมื่อครู่

“หา..อ..โอเค”

สาวเจ้ารีบปิดแฟ้มเอกสารที่กำลังอ่านคราแรกจะกลับดึกแต่ตอนนี้เห็นทีจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้แล้ว

“ฮือๆ..อือ..ฮื่อๆๆ..”

ณ บ้านแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครแม้นที่นี่จะมีชื่อว่าเมืองที่ไม่เคยหลับไหลแต่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้เมื่อเลยกลางดึกบ้านแทบทุกหลังก็เงียบสงัดต่างจากบ้านของพราวมุกที่มีเพื่อนสาวที่กำลังอกหักอย่างณจันทร์ร้องห่มร้องให้เจียนขาดใจ

“จันทร์เอ้ย..จะเป็นปกติได้เมื่อไรล่ะเนี่ย”

พราวมุกสาวสวยร่างสูงเอ่ยกับณิชาเพื่อนรักอีกคนที่ยืนกอดอกมองณจันทร์กันอยู่ห่างๆ ทั้งสองรู้ว่าณจันทร์เป็นคนที่อ่อนแอและอ่อนไหวง่ายแต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเห็นเพื่อนรักเสียใจปานขาดใจเช่นนี้

“เราเข้าไปหาจันทร์ดีไหม”

“หนม..”

ยังไม่ทันที่สาวแว่นตัวเล็กอย่างณิชาจะเลื่อนประตูกระจกไปที่ห้องนั่งเล่นเธอก็ถูกพราวมุกดึงแขนเอาไว้ก่อน

“ตัวก็รู้ว่าจันทร์ไม่ชอบให้เราเห็นอาการเสียใจขืนเราเข้าไปจันทร์ก็ทำตัวเข้มแข็งไม่ยอมปล่อยความเสียใจออกมาอีกให้จันทร์ได้ร้องระบายความทุกข์ออกมาให้มากที่สุดดีกว่าพรุ่งนี้เราค่อยชวนจันทร์ทำกิจกรรมอย่างอื่นให้สบายใจขึ้น”

“ก็จริงอย่างที่ตัวว่านะพราว...ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับจันทร์ขนาดนี้นะ”

ณิชาหน้าเสียเธอสองจิตสองใจแต่ก็ยอมปล่อยให้ณจันทร์ร้องให้ไปคนเดียวไปก่อนแอบสงสารเพื่อนรักจับหัวใจเพราะเด็กกำพร้าอย่างพวกเธอถือว่าอาภัพพ่อแม่อยู่แล้วตอนนี้ยังต้องมาดูเพื่อนอาภัพเรื่องความรักอีก

เพล้ง..เพล้ง

ในห้องวีไอพีของผับหรูย่านใจกลางเมืองตอนนี้มีนนทวัตรที่กำลังเมาได้ที่นอนกลิ้งไปมาบนโซฟามือไม้ปีดป่ายกวาดขวดน้ำเมาหล่นล่วงกระจายสภาพของประธานหนุ่มตอนนี้สลัดคราบความเนี้ยบออกไปสิ้นเชิง

“เฮ้อ..”

กวินเจ้าของผับหรูยืนกอดอกมองสภาพเพื่อนที่กำลังมีแผลใจด้วยสายตาเวทนาตอนนี้สิ่งที่เขาทำให้นนทวัตรได้ก็คงจะเป็นการดูแลอยู่ห่างๆให้เพื่อนนั้นระบายความเสียใจออกมาให้พอเท่านั้น

เช้าวันต่อมา

“เมื่อคืนจันทร์ร้องจนหลับไปตรงนี้เลยเหรอ”

พราวมุกเดินลงมาจากชั้นบนเห็นณิชายืนกอดอกจ้องอะไรบางอย่างที่ห้องนั่งเล่นพอเธอเดินเข้ามาถึงตัวณิชาก็ต้องยกมือเรียวทั้งสองกดอกตามณิชาไปด้วยอีกคนเพราะรู้ได้ทันทีเลยว่าเมื่อคืนณจันทร์คงร้องให้จนผลอยหลับไปไม่ได้ขึ้นไปนอนบนห้อง

“อืม..”

ณิชาพยักหน้าเล็กน้อยทั้งยังมองไปยังเพื่อนรักด้วยสายตาของความสงสารสุดหัวใจ

“จันทร์เป็นอะไรล่ะลูก”

สองสาวถลึงตามองหน้ากันด้วยอาการตกใจก่อนจะหันมายังต้นเสียง

“แม่ครู”

ณิชาและพราวมุกรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้เธอต้องนั่งอธิบายเรื่องราวกับแม่ครูยาวแน่นอน

“เฮ้อ”

ดวงเดือนฟังเรื่องราวความจริงทั้งหมดก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“แสดงว่าที่บอกแม่ว่าเจ้านายให้เงินล่วงหน้ามาก่อนโกหกแม่กันน่ะสิ”

สองสาวก้ทหน้างุดกับคนที่กำลังมองมายังพวกเธออย่างคาดโทษ

“พวกหนูขอโทษค่ะแม่ครูแค่อยากให้แม่ครูสบายใจเท่านั้นค่ะ”

พราวมุกรีบยกมือไหว้แม่ครูดวงเดือนท่วมหัว

“เฮ้อ.. พวกเรานี่นะ”

ดวงเดือนถอนหายใจอ่อนอีกครั้งก่อนจะมองไปยังณจันทร์ที่ฟุบหลับอยู่บนโซฟาด้วยสายตาเป็นห่วง

สองวันต่อมา

วันนี้นนทวัตรเข้ามาหาโสภิตาในช่วงเย็นเพื่อที่จะมาคุยเรื่องที่เขาได้รับรู้

“ผมรู้เรื่องหมดแล้วครับว่าณจันทร์สวมรอยเป็นปานตะวัน”

เรื่องนี้โสภิตารู้แล้วว่าอย่างไรนนทวัตรก็ต้องเข้ามาคุยกับเธอ

“หนูจันทร์โทรบอกน้าตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะค่ะ...น้าต้องขอโทษคุณนนด้วยไม่มีอะไรแก้ตัวทั้งสิ้น..แต่น้าอยากจะให้คุณนนโทษแค่น้าเพียงคนเดียวเพราะน้าเป็นคนวานให้ณจันทร์สวมรอยเอง”

ตอนนี้โสภิตารู้สึกผิดไปเสียทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นดูแลลูกสาวตัวเองไม่ดีจนต้องพลอยทำให้คนอื่นเดือดร้อนเจ็บปวดหัวใจกันอยู่เช่นนี้

“แต่เธอก็ทำมันเพื่อเงินนี่ครับ...ช่างมันเถอะครับผมเข้าใจว่าคุณน้าต้องการเงินพยุงบริษัทผมจะเป็นคนให้เงินคุณน้าเอง..แล้วเรื่องการหลอกลวงผมจะไม่บอกคุณพ่อคุณแม่ให้พวกท่านเสียความรู้สึกเหมือนผมแต่ผมมีข้อแม้คุณน้าต้องบอกกับครอบครัวผมเองว่าต้องการให้ปานตะวันถอนหมั้นกับผมและหลังจากที่ผมช่วยเหลือบริษัทคุณน้าแล้วกรุณาอย่ามายุ่งกับครอบครัวผมอีก”

นนทวัตรคิดไคร่ตรองเรื่องนี้มาดีแล้วเพราะเขารู้ว่าพ่อของเขาคงเสียสุขภาพจิตแน่ถ้าต้องมารับรู้เรื่องหลอกลวงอะไรพวกนี้

“น้าขอบคุณมากนะคะแล้วก็ต้องขอโทษคุณนนอีกครั้งขอโทษจริงๆ”

โสภิตาเริ่มน้ำตาคลอรู้ว่านนทวัตรคงโกรธเธอมากจริงๆแต่ก็ต้องขอบคุณที่เขาเลือกที่จะช่วนเธอและไม่บอกเรื่องที่น่าละอายใจของเธอกับพ่อแม่ของเขา

“ผมขอตัวครับ”

ว่าจบชายหนุ่มก็หันหลังกลับทันทีเพราะเรื่องที่เขาจะพูดมีเพียงเท่านี้

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status