“เครียดจนป่วยเลยเหรอคะ”
“ใช่..แต่ฉันคิดว่าไม่นานยัยโสก็จะหายเครียดแล้วเพราะนักสืบบอกฉันมาว่าเริ่มเจอเบาะแสตะวันแล้วหลังจากนี้เธอจะได้ไม่ต้องสวมรอยตะวันเป็นอีก”
“ร..เหรอคะ”
ณจันทร์เริ่มหลบสายตาลงเล็กน้อยรู้ว่าวันนี้จะต้องมาถึงสักวันแต่หลังจากเธอมีความสุขกับนนทวัตรเธอก็เริ่มที่จะไม่ได้เผื่อใจกับความเจ็บปวดไว้
“สวมรอย!”
นนทวัตรแทบยืนไม่อยู่เขากำมือแน่นพยายามสงบอารมณ์และฟังเรื่องราวที่สองคนนั้นกำลังคุยกันต่อ
“ฉันรู้นะว่าช่วงนี้เธอกับนนทวัตรตัวติดกันแทบจะตลอดแล้วฉันก็พอจะดูออกว่าเธอรักนนทวัตรไปแล้ว”
ถึงสารภีจะไม่ได้ยุ่มย่ามอะไรกับณจันทร์เหมือนโสภิตาแต่เธอก็รู้ความเคลื่อนไหวของหญิงสาวและนนทวัตรตลอดจนเธอแน่ใจว่าณจันทร์ในเวลานี้น่าจะรักนนทวัตรจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว
“คือ”
“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกผิดที่ยัยโสโลภมากเองถ้าไม่อยากได้เงินไปพยุงบริษัทคงไม่ต้องจ้างเธอมาหลอกลวงบ้านของนนทวัตรหรอก...ฉันเห็นใจเธอนะแต่ก็อยากจะให้เธอทำใจเอาไว้ด้วยว่าเดี๋ยวปานตะวันก็กลับมา..ที่ฉันจะพูดก็มีเท่านี้แหละเธอเข้างานไปเถอะ”
“ค่ะ”
ณจันทร์พึ่งรู้สาเหตุที่แท้จริงในการหมั้นหมายก็ครั้งนี้แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของเธอและตอนนี้เธอก็ไม่มีอะไรที่จะโต้ตอบกับสารภีเพราะเรื่องความรู้สึกของเธอที่สารภีพูดมามันก็จริงทุกอย่าง
สารภีมองตามหลังณจันทร์ที่เดินโซซัดโซเซก้มหน้ามองแต่พื้นด้วยสีหน้าที่พอใจสารภีเห็นนนทวัตรเดินตามณจันทร์ออกมาตั้งแต่แรกแล้วจึงได้เอ่ยเรื่องความจริงออกไปเพื่อตั้งใจจะให้นนทวัตรยิน
“ชีวิตของพวกแกต้องมีแต่ความเจ็บปวดยิ่งกว่าฉันร้อยเท่าพันเท่า”
ใช่แล้ว.. ทุกอย่างที่เธออยากให้เป็นมันกำลังเป็นไปตามแผนเธอทุกอย่าง
“มากับผม”
นนทวัตรกระชากคนตัวเล็กจนตัวลอยขณะที่สาวเจ้ากำลังจะเดินกลับเข้าไปในงาน
“ไปไหนคะคุณนน”
นนทวัตรไม่พูดไม่จาพาหญิงสาวมาที่รถได้ก็จับเธอยัดเข้ารถและพาขับมาจอดรถคุยกันที่หน้าสวนสาธารณะแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง
“พาฉันออกมาจากงานทำไมคะคุณนน”
ณจันทร์เอ่ยถามชายหนุ่มเป็นครั้งที่สิบก็ว่าได้แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบเหมือนเดิม
“คุณเป็นใครกันแน่”
สาวเจ้าเริ่มไปไม่เป็นเมื่อเห็นแววตาแห่งความอ่อนโยนหายไปจากดวงตาของชายหนุ่ม
“อ..อะไรคะ”
“ผมได้ยินสิ่งที่คุณพูดกับคุณป้าสารภีทุกอย่าง..เรื่องทุกอย่างเป็นแผนการทั้งหมดงั้นสิทั้งทำเป็นคนดีมาทำให้ผมรักมันคือการแสดงทั้งนั้นใช่ไหม”
มือของนนทวัตรตอนนี้กำพวงมาลัยเอาไว้แน่นด้วยกลัวว่าจะพลั้งทำอะไรให้คนข้างๆเจ็บตัว
“คือ..ฉัน”
ณจันทร์เริ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยรู้ว่าหากชายหนุ่มได้ฟังที่เธอคุยกับสารภีคงจะรู้หมดทุกอย่างแล้ว
“ที่ผ่านมามันมีอะไรจริงบ้างห้ะ”
เสียงตวาดลั่นทำสาวเจ้าสะดุ้งเฮือกทือทั้งสองกุมกันแน่นขอบตาเริ่มร้อนผ่าวและเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาด้วยรู้ว่านนทวัตรคงผิดหวังในตัวเธอมากๆ
“บอกผมให้ผมดูไม่โง่สักหน่อยได้ไหมว่าจริงๆแล้วคุณคือใครชื่ออะไรกันแน่”
“ฉันชื่อ..ณจันทร์ค่ะ..ฉันไม่ได้อยากหลอกลวงคุณแต่ว่าตอนนั้นฉันมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน”
ณจันทร์เอ่ยตอบตามความจริงด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
“ก็เพราะเงิน..ยังจะมีหน้ามาพูดอีกว่าไม่ได้อยากหลอกลวงทั้งที่ทำไปทุกอย่างก็เพื่อเงินทั้งนั้น”
นนทวัตรเริ่มสะบัดหน้าหนีไม่อยากจะหันมามองคนที่แก้ตัวหน้าด้านๆ
“คุณฟังฉันอธิบายก่อนได้หรือเปล่าคะ..นะคะคุณนนความรู้สึกดีๆที่ฉันมีให้คุณไม่เคยเป็นเรื่องหลอกลวงนะคะ”
“เงียบ!”
เป็นอีกครั้งที่ณจันทร์สะดุ้งเฮือกเพราะถูกตวาด
“ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นหลังจากนี้หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก”
“ค..คุณนน”
ณจันทร์มองจ้องนนทวัตรผ่านม่านน้ำตาเสียงของเธอแทบไม่มีรู้สึกใจสลายเมื่อต้องจากกับชายหนุ่มด้วยความผิดใจกัน
“ออกไปจากรถผมได้แล้ว”
นนทวัตรกัดฟันพูดทั้งยังไม่ยอมหันมามองหน้าคนข้างๆแม้แต่น้อยเมื่อเธอลงรถไปได้น้ำตาลูกผู้ชายก็เริ่มไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้เพราะรู้สึกผิดหวังเสียความรู้สึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“พราวกลับไปที่บ้านกับเค้าตอนนี้จันทร์อยู่ที่บ้านแล้ว...จันทร์บอกว่าคุณนนรู้ความจริงเรารีบกลับไปหาจันทร์ที่บ้านเถอะ”
ณิชารีบวิ่งแจ้นมาหาพราวมุกในห้องทำงานหลังจากที่ได้รับสายของณจันทร์เมื่อครู่
“หา..อ..โอเค”
สาวเจ้ารีบปิดแฟ้มเอกสารที่กำลังอ่านคราแรกจะกลับดึกแต่ตอนนี้เห็นทีจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้แล้ว
“ฮือๆ..อือ..ฮื่อๆๆ..”
ณ บ้านแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครแม้นที่นี่จะมีชื่อว่าเมืองที่ไม่เคยหลับไหลแต่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้เมื่อเลยกลางดึกบ้านแทบทุกหลังก็เงียบสงัดต่างจากบ้านของพราวมุกที่มีเพื่อนสาวที่กำลังอกหักอย่างณจันทร์ร้องห่มร้องให้เจียนขาดใจ
“จันทร์เอ้ย..จะเป็นปกติได้เมื่อไรล่ะเนี่ย”
พราวมุกสาวสวยร่างสูงเอ่ยกับณิชาเพื่อนรักอีกคนที่ยืนกอดอกมองณจันทร์กันอยู่ห่างๆ ทั้งสองรู้ว่าณจันทร์เป็นคนที่อ่อนแอและอ่อนไหวง่ายแต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเห็นเพื่อนรักเสียใจปานขาดใจเช่นนี้
“เราเข้าไปหาจันทร์ดีไหม”
“หนม..”
ยังไม่ทันที่สาวแว่นตัวเล็กอย่างณิชาจะเลื่อนประตูกระจกไปที่ห้องนั่งเล่นเธอก็ถูกพราวมุกดึงแขนเอาไว้ก่อน
“ตัวก็รู้ว่าจันทร์ไม่ชอบให้เราเห็นอาการเสียใจขืนเราเข้าไปจันทร์ก็ทำตัวเข้มแข็งไม่ยอมปล่อยความเสียใจออกมาอีกให้จันทร์ได้ร้องระบายความทุกข์ออกมาให้มากที่สุดดีกว่าพรุ่งนี้เราค่อยชวนจันทร์ทำกิจกรรมอย่างอื่นให้สบายใจขึ้น”
“ก็จริงอย่างที่ตัวว่านะพราว...ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับจันทร์ขนาดนี้นะ”
ณิชาหน้าเสียเธอสองจิตสองใจแต่ก็ยอมปล่อยให้ณจันทร์ร้องให้ไปคนเดียวไปก่อนแอบสงสารเพื่อนรักจับหัวใจเพราะเด็กกำพร้าอย่างพวกเธอถือว่าอาภัพพ่อแม่อยู่แล้วตอนนี้ยังต้องมาดูเพื่อนอาภัพเรื่องความรักอีก
เพล้ง..เพล้ง
ในห้องวีไอพีของผับหรูย่านใจกลางเมืองตอนนี้มีนนทวัตรที่กำลังเมาได้ที่นอนกลิ้งไปมาบนโซฟามือไม้ปีดป่ายกวาดขวดน้ำเมาหล่นล่วงกระจายสภาพของประธานหนุ่มตอนนี้สลัดคราบความเนี้ยบออกไปสิ้นเชิง
“เฮ้อ..”
กวินเจ้าของผับหรูยืนกอดอกมองสภาพเพื่อนที่กำลังมีแผลใจด้วยสายตาเวทนาตอนนี้สิ่งที่เขาทำให้นนทวัตรได้ก็คงจะเป็นการดูแลอยู่ห่างๆให้เพื่อนนั้นระบายความเสียใจออกมาให้พอเท่านั้น
เช้าวันต่อมา
“เมื่อคืนจันทร์ร้องจนหลับไปตรงนี้เลยเหรอ”
พราวมุกเดินลงมาจากชั้นบนเห็นณิชายืนกอดอกจ้องอะไรบางอย่างที่ห้องนั่งเล่นพอเธอเดินเข้ามาถึงตัวณิชาก็ต้องยกมือเรียวทั้งสองกดอกตามณิชาไปด้วยอีกคนเพราะรู้ได้ทันทีเลยว่าเมื่อคืนณจันทร์คงร้องให้จนผลอยหลับไปไม่ได้ขึ้นไปนอนบนห้อง
“อืม..”
ณิชาพยักหน้าเล็กน้อยทั้งยังมองไปยังเพื่อนรักด้วยสายตาของความสงสารสุดหัวใจ
“จันทร์เป็นอะไรล่ะลูก”
สองสาวถลึงตามองหน้ากันด้วยอาการตกใจก่อนจะหันมายังต้นเสียง
“แม่ครู”
ณิชาและพราวมุกรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้เธอต้องนั่งอธิบายเรื่องราวกับแม่ครูยาวแน่นอน
“เฮ้อ”
ดวงเดือนฟังเรื่องราวความจริงทั้งหมดก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แสดงว่าที่บอกแม่ว่าเจ้านายให้เงินล่วงหน้ามาก่อนโกหกแม่กันน่ะสิ”
สองสาวก้ทหน้างุดกับคนที่กำลังมองมายังพวกเธออย่างคาดโทษ
“พวกหนูขอโทษค่ะแม่ครูแค่อยากให้แม่ครูสบายใจเท่านั้นค่ะ”
พราวมุกรีบยกมือไหว้แม่ครูดวงเดือนท่วมหัว
“เฮ้อ.. พวกเรานี่นะ”
ดวงเดือนถอนหายใจอ่อนอีกครั้งก่อนจะมองไปยังณจันทร์ที่ฟุบหลับอยู่บนโซฟาด้วยสายตาเป็นห่วง
สองวันต่อมา
วันนี้นนทวัตรเข้ามาหาโสภิตาในช่วงเย็นเพื่อที่จะมาคุยเรื่องที่เขาได้รับรู้
“ผมรู้เรื่องหมดแล้วครับว่าณจันทร์สวมรอยเป็นปานตะวัน”
เรื่องนี้โสภิตารู้แล้วว่าอย่างไรนนทวัตรก็ต้องเข้ามาคุยกับเธอ
“หนูจันทร์โทรบอกน้าตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะค่ะ...น้าต้องขอโทษคุณนนด้วยไม่มีอะไรแก้ตัวทั้งสิ้น..แต่น้าอยากจะให้คุณนนโทษแค่น้าเพียงคนเดียวเพราะน้าเป็นคนวานให้ณจันทร์สวมรอยเอง”
ตอนนี้โสภิตารู้สึกผิดไปเสียทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นดูแลลูกสาวตัวเองไม่ดีจนต้องพลอยทำให้คนอื่นเดือดร้อนเจ็บปวดหัวใจกันอยู่เช่นนี้
“แต่เธอก็ทำมันเพื่อเงินนี่ครับ...ช่างมันเถอะครับผมเข้าใจว่าคุณน้าต้องการเงินพยุงบริษัทผมจะเป็นคนให้เงินคุณน้าเอง..แล้วเรื่องการหลอกลวงผมจะไม่บอกคุณพ่อคุณแม่ให้พวกท่านเสียความรู้สึกเหมือนผมแต่ผมมีข้อแม้คุณน้าต้องบอกกับครอบครัวผมเองว่าต้องการให้ปานตะวันถอนหมั้นกับผมและหลังจากที่ผมช่วยเหลือบริษัทคุณน้าแล้วกรุณาอย่ามายุ่งกับครอบครัวผมอีก”
นนทวัตรคิดไคร่ตรองเรื่องนี้มาดีแล้วเพราะเขารู้ว่าพ่อของเขาคงเสียสุขภาพจิตแน่ถ้าต้องมารับรู้เรื่องหลอกลวงอะไรพวกนี้
“น้าขอบคุณมากนะคะแล้วก็ต้องขอโทษคุณนนอีกครั้งขอโทษจริงๆ”
โสภิตาเริ่มน้ำตาคลอรู้ว่านนทวัตรคงโกรธเธอมากจริงๆแต่ก็ต้องขอบคุณที่เขาเลือกที่จะช่วนเธอและไม่บอกเรื่องที่น่าละอายใจของเธอกับพ่อแม่ของเขา
“ผมขอตัวครับ”
ว่าจบชายหนุ่มก็หันหลังกลับทันทีเพราะเรื่องที่เขาจะพูดมีเพียงเท่านี้
“เจ็บปวดมากไหมล่ะลูก”ดวงเดือนเข้ามาคุยกับณจันทร์ว่าเธอรู้ความจริงทั้งหมดหลังจากที่หญิงสาวตื่นแล้ว“จันทร์ทนได้จ่ะแม่ครูเดี๋ยวจันทร์ก็กลับมาเข้มแข็งแล้วไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”สาวเจ้ายังคงมีรอยยิ้มให้กับแม่ครูของเธอเสมอแต่รอยยิ้มนั้นดวงเดือนรู้ดีว่าลูกของเธอกำลังปกปิดความรู้สึกที่เจ็บปวดอยู่ซึ่งเธอไม่ต้องการแบบนั้น“ถ้ามันเสียใจก็ระบายมันออกมาให้หมดลูกไม่ต้องเก็บเอาไว้คนเรามันไม่ได้เก่งได้ทุกวันหรอกนะจันทร์”ณจันทร์มองจ้องแม่ครูของเธอด้วยแววตาไหววูบก่อนจะสวมกอดสะอึกสะอื้นปล่อยโฮออกมาอีกพักใหญ่ดวงเดือนยังคงนั่งเงียบกอดปลอบอยู่ข้างๆณจันทร์เธอรู้ว่าความรู้สึกทุกข์มันไม่ได้หายไปง่ายๆแต่หากได้ระบายออกมาบ้างมันก็จะทำให้คลายความทุกข์ไม่มากก็น้อยพราวมุกที่พยายามติดต่อหานนทวัตรก็ติดต่อไม่ได้เธอจึงตัดสินใจมาเล่าความจริงให้กวินฟังเพื่อที่จะให้เขาช่วยให้เพื่อนเธอปรับความเข้าใจกับนนทวัตรหากต้องจากกันก็ขอให้จากกันด้วยดีกว่านี้“ผมว่าแล้วว่าทำไมตอนนั้นเจอปานตะวันดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”กวินฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของพราวมุกก็ถึงบางอ้อ“คุณพาฉันไปหาคุณนนได้ไหมคะฉันอยากอธิบายกับเค้าว่าที่จันทร์ทำไปตอนนั
“ถ้าช่วงนี้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณโสคุณจะว่าอะไรไหมคะแม่บ้านเธอก็ไม่มีฉันสงสารเธอค่ะ”อนงค์นาถมองคนที่พึ่งตื่นจากการเป็นลมมานั่งร้องให้ด้วยสายตาหดหู่“ดีเหมือนกันเพราะผมว่าคุณโสอยู่คนเดียวคงไม่ดีแน่”ภัทรพลเห็นด้วยที่ภรรยาจะอยู่เป็นเพื่อนโสภิตาด้วยคิดว่าโสภิตาอาจจะเสียใจจนไม่มีสติได้ทุกเวลา“คุณแปลกใจเรื่องหนูตะวันทร์กับหนูจันทร์ไหมคะ”“ผมก็มีคิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมเด็กสองคนถึงได้เหมือนกันขนาดนั้นทั้งที่ไม่ใช่เครือญาติกันเลยแต่โลกนี้ก็มีเรื่องแปลกอยู่เสมออย่าคิดมากเลยคุณตอนนี้เราต้องดูแลคุณโสก่อนดีกว่า”“ค่ะ”ร้านอาหารXXXเย็นวันนี้ณจันทร์เลิกงานได้ก็ออกมาที่ร้านอาหารแถวชานเมืองเพราะจู่ๆณจันทร์ก็ได้รับสายจากสารภีว่าต้องการให้เธอไปพบแต่ยังไม่บอกว่าเรื่องอะไรRrrrr“คุณสาอยู่ที่ไหนคะจันทร์มาที่ร้านแล้วไม่เห็นคุณเลยค่ะ..อื้อ..”ยังไม่ทันที่ณจันทร์จะได้คำตอบจากสารภีสติของเธอก็ดับวูบลงไปวันต่อมา“ตอนนี้ทางเราจับคนร้ายที่กระทำกับคุณปานตะวันได้แล้วและผู้ชายทั้งสองคนก็สารภาพว่าสารภีเป็นคนจ้างให้พวกเขาทำครับ..ตอนนี้เรากำลังตามหาตัวของคนร้ายอย่างสุดความสามารถคุณโสไม่ต้องห่วงนะครับ”เช้าของวันนี
“เรื่องอะไร”“แกรู้ว่าภรรยาฉันเป็นเพื่อนคุณจันทร์แต่สิ่งที่ฉันจะพูดไม่ได้พูดเพื่อช่วยแก้ตัวให้ใครแต่แค่อยากให้แกได้ฟังแล้วไตร่ตรองดู...พราวบอกกับฉันว่าคุณจันทร์ไม่ใช่คนชอบโกหกหลอกลวงใครที่ยอมรับปากทำงานให้คุณโสเพราะเธอต้องการเงินไปรักษาแม่ครูที่ต้องรับการผ่าตัดด่วนงานของเธอเสร็จสิ้นไปตั้งแต่จบงานหมั้นแต่ที่เป็นปานตะวันต่อเพราะเห็นใจคุณโสที่ยังไม่เจอตัวลูกสาวตัวจริงอีกอย่างเรื่องที่คุณโสให้ปานตะวันมาหมั้นกับแกเพื่อที่จะหาเงินพยุงบริษัทคุณจันทร์ก็ไม่รู้เรื่องและเรื่องความรู้สึกดีๆที่เธอมีให้แกนั่นก็ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงเหมือนกัน”“แกดูจะเชื่อคำภรรยาของแกเหลือเกินนะ”“ใช่เพราะฉันดูออกว่าพราวจะไม่โกหกฉันแน่แล้วฉันก็เชื่อว่าถ้าแกคิดดีๆแล้วพิจารณาแกก็จะดูออกว่าคุณจันทร์ไม่ได้เสแสร้งเวลาอยู่กับแก...ฉันขอพูดแค่นี้จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่แก”เท่าที่กวินรู้จักสามสาวภายในกี่เดือนเขาก็ดูออกว่าพวกเธอจริงใจกับคนรอบข้างและจิตใจดีกันมากๆกว่าณจันทร์จะได้กลับมาที่บ้านก็เป็นเวลาเกือบกลางดึกเพราะกลับมาจากที้เกิดเหตุก็ต้องถูกสอบปากคำต่อตอนนี้เธอทั้งเหนื่อยและเพลียและใจเสียกับเรื่องที่รู้ว่าสารภีเป็นคนส
“มึงไม่ต้องมาพูด..กูเจอคุณรุจก่อนมึงแต่เค้าก็เลือกมึงเพราะกูมันก็แค่คนไม่มีหัวนอนปลายตีนกูคิดไว้ตั้งแต่มึงแต่งงานกูจะทำทุกอย่างให้ครอบครัวมึงฉิบหาย...ตั้งแต่ตอนนี้ฟังกูให้ดีล่ะอย่าพึ่งจุกอกตายไปซะก่อนวันที่กูรู้ว่ามึงท้องลูกแฝดกูก็จ้างพยาบาลกับหมอไม่ให้บอกมึงว่าเด็กในท้องคือเด็กแฝดแล้วก็บอกให้หมอบังคับให้มึงผ่าเก็บลูกไว้ให้มึงหนึ่งคนกูเอาไปหนึ่งคน.. ลูกมึงที่พึ่งออกคนพี่กูเอาไปให้บ้านเด็กกำพร้าให้มันอยู่อย่างลำบากไร้พ่อแม่แต่กูก็ยังเห็นใจมึงเก็บลูกไว้ให้มึงอีกคนแต่กูก็เลี้ยงมันมาแบบผิดๆให้พวกมึงที่เป็นพ่อแม่ทุกข์ใจสมน้ำหน้าพวกมึงส่วนคุณรุจที่เสือกไม่เลือกกูเป็นเมียกูก็ค่อยๆให้มันกินสารพิษวันละเล็กละน้อยจนมันป่วยตายไป.. ยิ่งกูเห็นมึงมีน้ำตานะอีโสกูนี่โตรสะใจ”โสภิตาฟังคนที่กำลังพล่ามอย่างไม่รู้สึกผิดด้วยความปวดใจอนงค์นาถในตอนนี้รู้สึกเห็นใจโสภิตาที่มีงูพิษอยู่ข้างกายมาตั้วแต่เล็กจนโตแต่ก็มารู้ตัวในวันที่สายไปแล้วไม่อยากจะคิดว่าคนหน้าซื่อๆอย่างสารภีจะกระทำการอะไรเช่นนี้ได้“ที่บริษัทคุณรุจจะล้มละลายกูก็จ้างคนเปลี่ยนบัญชีโกงเงินเข้ากระเป๋าฉลาดไหมล่ะ...แล้วกูก็บังคับให้มึงหน้าด้านไปรื้อสั
“ฮือๆ..อือ..ฮื่อๆๆ..”ณ บ้านแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครแม้นที่นี่จะมีชื่อว่าเมืองที่ไม่เคยหลับไหลแต่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้เมื่อเลยกลางดึกบ้านแทบทุกหลังก็เงียบสงัดต่างจากบ้านของพราวมุกที่มีเพื่อนสาวที่กำลังอกหักอย่างณจันทร์ร้องห่มร้องให้เจียนขาดใจ“จันทร์เอ้ย..จะเป็นปกติได้เมื่อไรล่ะเนี่ย”พราวมุกสาวสวยร่างสูงเอ่ยกับณิชาเพื่อนรักอีกคนที่ยืนกอดอกมองณจันทร์กันอยู่ห่างๆ ทั้งสองรู้ว่าณจันทร์เป็นคนที่อ่อนแอและอ่อนไหวง่ายแต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเห็นเพื่อนรักเสียใจปานขาดใจเช่นนี้“เราเข้าไปหาจันทร์ดีไหม”“หนม..”ยังไม่ทันที่สาวแว่นตัวเล็กอย่างณิชาจะเลื่อนประตูกระจกไปที่ห้องนั่งเล่นเธอก็ถูกพราวมุกดึงแขนเอาไว้ก่อน“ตัวก็รู้ว่าจันทร์ไม่ชอบให้เราเห็นอาการเสียใจขืนเราเข้าไปจันทร์ก็ทำตัวเข้มแข็งไม่ยอมปล่อยความเสียใจออกมาอีกให้จันทร์ได้ร้องระบายความทุกข์ออกมาให้มากที่สุดดีกว่าพรุ่งนี้เราค่อยชวนจันทร์ทำกิจกรรมอย่างอื่นให้สบายใจขึ้น”“ก็จริงอย่างที่ตัวว่านะพราว...ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับจันทร์ขนาดนี้นะ”ณิชาหน้าเสียเธอสองจิตสองใจแต่ก็ยอมปล่อยให้ณจันทร์ร้องให้ไปคนเดียวไปก่อนแอบสงสารเพื
เรื่องราวก่อนหน้าณ เมืองใหญ่ของกรุงเทพมหานครยามค่ำคืนริมฟุตบาทใล้กับบีทีเอสแห่งหนึ่งค่อนข้างคึกคักเพราะเต็มไปด้วยผู้คนที่จับจ่ายซื้ออาหารเย็นกลับไปทานที่พักหลังเลิกงานบางกลุ่มก็นั่งสังสรรค์กันเพราะวันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์แต่กลุ่มที่นั่งทานอาหารกันแล้วดูท่าจะไม่เฮฮาก็เป็นกลุ่มของณจันทร์พราวมุกและณิชา เพราะวันนี้มีข่าวร้ายก็คือณจันทร์ถูกไล่ออกโดยเรื่องไม่เป็นเรื่องในขณะที่ชีวิตของเธอกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต“ทำไมโชคไม่ดีแบบนี้นะแม่ครูกำลังป่วยเค้ายังมาตกงานตอนนี้อีก”ณจันทร์เอ่ยเสียงอ่อนเขี่ยช้อนไปมาบนจานข้าวพลาสติกสีฟ้าแม้นอาหารตรงหน้าจะเรียงรายไปด้วยของอร่อยและท้องของเธอก็ส่งเสียงร้องครวญครางเรียกร้องอาหารแต่เธอก็ไม่อยากตักมันเข้าปากแม้แต่คำเดียวเพราะเครียดที่มาตกงานช่วงที่แม่ครูของเธอป่วยและต้องการใช้เงินในการรักษา“เพราะยัยน้ำเน่านั่นแท้ๆเลยงี่เง่าสารพัดไม่ถูกชะตาตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว”พราวมุกสบถอย่างคนอารมณ์เสียเพราะเธอรู้ตั้งแต่แรกว่าน้ำหนึ่งลูกสาวของเจ้าของบริษัทบัญชีที่เธอและณจันทร์ทำงานอยู่ไม่ชอบพวกเธอตั้งแต่เข้าไปสมัครงานกันแล้วยิ่งพักหลังมานี้น้ำหนึ่งมาบริหารงานแทนพ่อของตัวเองเธอแล
20.00 น.สามสาวนั่งล้อมวงมองหน้ากันในห้องพักห้องน้อยของพวกเธอเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะกลับมทำให้พวกเธอมีอะไรที่จะต้องคิดหนักอยู่พอสมควรเหตุการณ์หลังจากที่สารภีให้โชควนรถกลับไปเพราะสารภีต้องการทำความรู้จักกับสามสาวและวานให้ณจันทร์ช่วยปลอมตัวเป็นหลานสาวของเธอจนกว่าจะถึงวันหมั้นโดยตอบแทนเป็นเงินหนึ่งก้อน“ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีคนที่เหมือนจันทร์อย่างกับฝาแฝดแน่ะ”เป็นพราวมุกเริ่มเปิดประเด็นทะลายความเงียบที่เกิดขึ้นเพราะเธอแอบทึ่งในใจพอสมควรหลังจากที่สารภีเปิดรูปหลานของเธอให้ดูไม่คิดว่าหน้าตารูปร่างของณจันทร์จะไปเหมือนกับปานตะวันลูกของโสภิตาขนาดนั้น“ตอนแรกเค้าก็ตกใจเหมือนกันถึงว่าทำไมคุณน้าถึงได้มาทักด้วยสีหน้าเศร้าๆแบบนั้น”ณจันทร์เองก็ตกใจไม่ต่างจากเพื่อนทั้งสองแอบเห็นใจโสภิตาลึกๆที่จู่ๆลูกสาวก็หายตัวไปทำให้ทุกข์ใจจนสีหน้าหม่นหมองอยู่ตลอดเวลา“แล้วข้อเสนอที่พวกเค้าให้มาตัวว่าไงอะจันทร์จะรับไหม”ณิชาเกริ่นถามณจันทร์ด้วยอยากรู้คำตอบที่ณจันทร์ยังไม่ได้ให้กับโสภิตาและสารภี“อันที่จริงเค้าไม่อยากที่จะโกหกใครเลย..แต่เงินที่คุณน้าเค้าเสนอมาให้จำนวนเงินก้อนนั้นมันทำให้แม่ครูผ่าตัดได้โดยที่ไม
“ขอบคุณหนูจันทร์มากเลยที่ยอมช่วยฉัน”หลังจากสารภีออกจากห้องไปแล้วโสภิตาก็พาณจันทร์มานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่นเรื่องที่เธอจะเสริมอะไรต่อจากสารภีคงไม่มีเพราะรู้ว่าพี่สาวของเธอน่าจะบอกทุกอย่างกับณจันทร์หมดแล้วตอนนี้ที่เธออยากจะคุยกับณจันทร์ก็คือเรื่องที่จะขอบคุณหญิงสาวเท่านั้น“เราต่างก็มีข้อแลกเปลี่ยนกันอยู่แล้วค่ะคุณน้า”ณจันทร์เห็นว่าเรื่องนี้โสภิตาไม่ต้องลำบากขอบคุณเธอด้วยซ้ำเพราะค่าตอบแทนที่โสภิตาเสนอให้เป็นเธอต่างหากที่ต้องขอบคุณ“ทีหลังเรียกฉันว่าคุณแม่จะได้ชินปากนะ”“ค่ะ.. คุณแม่”ณจันทร์เริ่มอึกอักรู้สึกตื้นตันในใจแปลกๆขอบตาเริ่มร้อนผ่าวเพราะน้ำตาแห่งความปิติกำลังจะไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้แต่เธอก็พยายามกลั้นเอาไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องอ่อนไหวกับคำว่าแม่เมื่อต้องใช้คำนี้เนียกโสภิตาทั้งที่เธอเองก็คุ้นเคยกับคำว่าแม่เมื่อต้องเรียกแม่ครูหรืออาจจะเป็นเพราะตอนนี้โสภิตามีสถานะเป็นแม่ของเธอเท่านั้นโสภิตาน้ำตาคลอก็เริ่มรู้สึกปิติในใจไม่ต่างจากณจันทร์เช่นกันน้ำตาจู่ๆก็ไหลพรากออกมาพูดอะไรต่อไปไม่ออกเพราะรู้สึกเอ็นดูณจันทร์เช่นลูกสาวจริงๆทั้งที่เจอกันเพียงไม่เท่าไร“คุณแม่เป็นอะไรเหรอ