“ถ้าช่วงนี้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณโสคุณจะว่าอะไรไหมคะแม่บ้านเธอก็ไม่มีฉันสงสารเธอค่ะ”
อนงค์นาถมองคนที่พึ่งตื่นจากการเป็นลมมานั่งร้องให้ด้วยสายตาหดหู่
“ดีเหมือนกันเพราะผมว่าคุณโสอยู่คนเดียวคงไม่ดีแน่”
ภัทรพลเห็นด้วยที่ภรรยาจะอยู่เป็นเพื่อนโสภิตาด้วยคิดว่าโสภิตาอาจจะเสียใจจนไม่มีสติได้ทุกเวลา
“คุณแปลกใจเรื่องหนูตะวันทร์กับหนูจันทร์ไหมคะ”
“ผมก็มีคิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมเด็กสองคนถึงได้เหมือนกันขนาดนั้นทั้งที่ไม่ใช่เครือญาติกันเลยแต่โลกนี้ก็มีเรื่องแปลกอยู่เสมออย่าคิดมากเลยคุณตอนนี้เราต้องดูแลคุณโสก่อนดีกว่า”
“ค่ะ”
ร้านอาหารXXX
เย็นวันนี้ณจันทร์เลิกงานได้ก็ออกมาที่ร้านอาหารแถวชานเมืองเพราะจู่ๆณจันทร์ก็ได้รับสายจากสารภีว่าต้องการให้เธอไปพบแต่ยังไม่บอกว่าเรื่องอะไร
Rrrrr
“คุณสาอยู่ที่ไหนคะจันทร์มาที่ร้านแล้วไม่เห็นคุณเลยค่ะ..อื้อ..”
ยังไม่ทันที่ณจันทร์จะได้คำตอบจากสารภีสติของเธอก็ดับวูบลงไป
วันต่อมา
“ตอนนี้ทางเราจับคนร้ายที่กระทำกับคุณปานตะวันได้แล้วและผู้ชายทั้งสองคนก็สารภาพว่าสารภีเป็นคนจ้างให้พวกเขาทำครับ..ตอนนี้เรากำลังตามหาตัวของคนร้ายอย่างสุดความสามารถคุณโสไม่ต้องห่วงนะครับ”
เช้าของวันนี้ดูท่าจะมีข่าวร้ายตั้งแต่หัววันโสภิตาได้แต่นั่งฟังความคืบหน้าของคดีไปร้องให้ไปอย่างพูดอะไรไม่ออกเพราะความรู้สึกผิดหวังเจ็บปวดมันจุกอกไปหมดที่ลูกรักก็ต้องมาตายซ้ำคนที่ทำยังเป็นคนในครอบครัวอีกอยากจะรู้สาเหตุเหลือเกินว่าสารภีทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร
อนงค์นาถมองโสภิตาด้วยแววตาที่สงสารจับใจเพราะหากเป็นเธอต้องมาเจออะไรเลวร้ายแบบนี้ไม่รู้เลยว่าจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร
“สวัสดีค่ะคุณโสคุณนาถ”
พราวมุกเดินนำหน้าณิชามาในบ้านของโสภิตาสองสาวไม่ได้ตกใจอะไรที่เห็นตำรวจอยู่ที่นี่เพราะพอจะรู้ข่าวจากกวินมาแล้ว
“หนูพราวมาที่นี่มีธุระอะไรเหรอจ้ะ”
เป็นอนงค์นาถที่เอ่ยถามสองสาวที่กำลังนั่งลงที่โซฟาข้างๆเธอ
“คือพราวกับหนมผิงรู้ข่าวจากคุณวินเรื่องคุณตะวันเมื่อเช้าค่ะแล้วก็รู้ด้วยว่าคุณสาเป็นคนทำเรื่องสำคัญที่เรามาที่นี่ก็เพราะเมื่อวานจันทร์ได้รับสายจากคุณสาให้ไปหาที่ร้านXXXแล้วจันทร์ก็หายไปเลยทั้งคืนติดต่อก็ไม่ได้ค่ะ”
หากพราวมุกและณิชารู้เรื่อง่าสารภีเป็นคนร้ายตั้งแต่เมื่อวานคงไม่เกิดเรื่องน่ากังวลใจกับณจันทร์แบบนี้แน่
“คุณสองคนแน่ใจใช่ไหมครับว่าคุณจันทร์ไปหาสารภีจริงๆ”
พงษ์พัฒน์โพร่งถามสองสาวเพราะถ้าหากณจันทร์ไปหาสารภีจริงเขาคงหาเบาะแสตามตัวสารภีได้เร็วขึ้น
“ค่ะเธอส่งข้อความไว้ให้เราเมื่อวานตอนเย็นค่ะ”
ณิชาเป็นคนเปิดแชทในมือถือให้กับตำรวจหนุ่มได้ดู
“เป็นไปได้ว่าตอนนี้สารภีรู้แล้วว่ายังไงตำรวจก็ต้องหาหลักฐานได้ตอนนี้เธอน่าจะใช้คุณจันทร์เป็นตัวประกันครับ”
“แล้วจะช่วยเพื่อนฉันได้ยังไงคะคุณตำรวจ”
ณิชาเริ่มนั่งไม่ติดที่คนอื่นๆก็มีสีหน้ากังวลไปตามๆกัน
“ผมจะให้คนดูตามกล้องวงจรปิดแถวร้านอาหารที่คุณจันทร์ไปคงจะได้เบาะแสครับ”
“คุณโส..คุณโสคะ”
อนงค์นาถรีบประคองตัวของโสภิตาที่เป็นลมฟุบอยู่กับโซฟาพราะตอนนี้ทั้งร่างกายและจิตใจของเธออ่อนแอที่จะมารับรู้อะไรเลวร้ายเล่นนี้
“ทำแบบนี้ทำไมคะ”
ณจันทร์ที่ถูกจับมัดนอนฟุบอยู่ในรถตู้ที่มีสารภีเป็นคนขับเธอไม่เข้าใจว่าทำไมสารภีต้องมาทำร้ายเธอเช่นนี้
“มึงไม่ต้องรู้หรอก..ถ้ากูหนีออกไปนอกประเทศได้มึงก็ได้ตายแล้ว”
สารภีเอ่ยเสียงแข็งกับคนที่พึ่งตื่นมาโวยวายเธอไม่บอกเรื่องราวอะไรกับณจันทร์ที่พาหญิงสาวมาก็เผื่อมีเหตุฉุกเฉินที่เธอจะต้องใช้ณจันทร์เป็นตัวประกันแต่หากเธอรอดออกไปชายแดนได้ตอนนั้นก็ถึงเวลาที่เธอจะจัดการกับณจันทร์โดยที่วันนั้นโสภิตาก็จะได้รู้ว่าลูกสาวของตัวเองทั้งสองถูกเธอกำจัดจนหมด
“บ้าจริง”
สารภีสบถอย่างอารมณ์เสียเมื่อเห็นว่าเบื้องหน้ามีด่านตรวจที่ท่าจะให้รถทุกคันหยุดตรวจตอนนี้เธอจึงทำได้แค่หันหัวรถกลับเท่านั้นและการกระทำของเธอก็ทำให้เหล่าตำรวจเห็นว่ามีบางอย่างผิดสังเกตเพราะรถที่สารภีขับมาเป็นรถตู้ที่ค่อนข้างเด่น
“ลงมานี่”
สารภีเห็นว่ามีตำรวจขับรถตามเธอมาจึงเลือกที่จะจอดรถและลากณจันทร์หนีเข้าป่าเพราะยังไงเธอก็จะไม่ยอมถูกจับง่ายๆเด็ดขาด
“จะไปไหน”
“เงียบแล้วทำตามที่ฉันบอกไม่อย่างนั้นเธอได้นอนจมกองเลือดตรงนี้แน่”
ณจันทร์เริ่มหน้าถอดสีเมื่อตอนนี้ถูกมัดมือไม่พอเธอยังมีปืนที่จ่อมายังหน้าท้องของเธออีกอยากจะขัดขืนแทบแย่แต่เธอก็ทำไม่ได้ด้วยกลัวจะมีอะไรกระทบลูกน้อยในท้อง...ใช่เรื่องนี้เธอรู้ตัวเองมาเป็นอาทิตย์แล้วเพราะรู้ได้ว่าตัวเองไม่มีประจำเดือนมาร่วมสองเดือนแล้วและไม่ได้คิดจะบอกใคร
“คุณสาคุณไปทำผิดอะไรมาคะถึงต้องหนีตำรวจแบบนี้”
“กูบอกว่ามึงไม่ต้องรู้ไงเดี๋ยวก็ฟาดด้วยปืนซะหรอก”
ณจันทร์รีบหลบหน้าหนีคนที่ง้างปืนกำลังจะฟาดหน้าของเธอ
“หยุด..ทิ้งปืนซะ”
สารภีรีบหันหน้าไปยังต้นเสียงตอนนี้ตำรวจสี่ห้านายยืนขวางเรียงหน้าเธอเอาไว้เพราะพวกเขารู้อยู่แล้วว่าคนร้ายจะต้องเลือกที่จะหลบหนีเข้าป่าไม่ไกลจากจุดตรวจ
“ต..ตำรวจ”
ณจันทร์พอจะใจชื้นขึ้นได้เมื่อรู้ว่างานนี้เธอจะไม่ต้องดับอนาถอย่างที่สารภีเคยขู่
สถานีตำรวจ
“มีสายแจ้งข่าวมาว่าสารภีถูกรวบตัวแล้วครับส่วนคุณณจันทร์ที่ถูกจับเป็นตัวประกันปลอดภัยดีตอนนี้คุณจันทร์กำลังถูกพาตัวกลับมาที่นี่ครับ”
ทุกคนที่นั่งรอฟังข่าวในสถานีตำรวจอย่างใจจดใจจ่อต่างก็โล่งใจเมื่อได้รับข่าวดีจากสารวัตรหนุ่ม
“ทำไมมาโผล่ที่นี่ได้เห็นคุณพ่อคุณแม่แกบ่นอยู่ว่าติดต่อยาก”
กวินมองคนที่เดินซังกะตายเข้ามาในห้องทำงานของเขาด้วยสายตาแปลกใจว่าทำไมวันนี้เพื่อนรักที่ติดต่อยากเย็นเหลือเกินเข้ามาที่นี่ได้
“ฉันแค่อยากทำงานเงียบๆไม่ได้อยากให้ใครติดต่อ”
“ฉันเข้าใจว่าช่วงนี้แกจริงจังเรื่องงานแต่รู้หรือเปล่าว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นบ้าง”
กวินลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานเพื่อที่ตะมานั่งคุยกับนนทวัตรอย่างจริงจังเพราะรู้ว่าเพื่อนตนยังไม่รู้เรื่องเลวร้ายที่เกิดกับครอบครัวโสภิตาแน่
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องคุณตะวัน.. ตอนนี้เธอไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”
แค่คำเกริ่นของกวินก็ทำนนทวัตรหูผึ่งอยากจะฟังกวินขยายความให้เร็วที่สุด
“เป็นฝีมือคุณสาแต่ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไรเมื่อวานคุณสาก็ลักพาตัวคุณจันทร์ไปเป็นตัวประกันดีที่ตำรวจช่วยเอาไว้ได้”
เรื่องที่กวินว่ามาถึงจะไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมากแต่ก็เป็นเรื่องที่สะเทือนใจนนทวัตรพอสมควร
“แล้วณจันทร์เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เธอปลอดภัยดีนายจะไปเยี่ยมเธอไหมล่ะ”
กวินรู้ว่ายังไงนนทวัตรก็ไม่มีทางลืมคนที่เคยมีความรู้สึกดีๆด้วยง่ายๆ
“ฉันจะไปทำไม”
นนทวัตรเริ่มหันหน้าหนีกวินแม้นปากจะบอกไม่แต่ในใจเป็นห่วงหญิงสาวจนเก็บอาการไม่อยู่
“ถ้าฉันจะพูดอะไรกับแก.. จะเชื่อฉันหรือเปล่า”
“เรื่องอะไร”“แกรู้ว่าภรรยาฉันเป็นเพื่อนคุณจันทร์แต่สิ่งที่ฉันจะพูดไม่ได้พูดเพื่อช่วยแก้ตัวให้ใครแต่แค่อยากให้แกได้ฟังแล้วไตร่ตรองดู...พราวบอกกับฉันว่าคุณจันทร์ไม่ใช่คนชอบโกหกหลอกลวงใครที่ยอมรับปากทำงานให้คุณโสเพราะเธอต้องการเงินไปรักษาแม่ครูที่ต้องรับการผ่าตัดด่วนงานของเธอเสร็จสิ้นไปตั้งแต่จบงานหมั้นแต่ที่เป็นปานตะวันต่อเพราะเห็นใจคุณโสที่ยังไม่เจอตัวลูกสาวตัวจริงอีกอย่างเรื่องที่คุณโสให้ปานตะวันมาหมั้นกับแกเพื่อที่จะหาเงินพยุงบริษัทคุณจันทร์ก็ไม่รู้เรื่องและเรื่องความรู้สึกดีๆที่เธอมีให้แกนั่นก็ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงเหมือนกัน”“แกดูจะเชื่อคำภรรยาของแกเหลือเกินนะ”“ใช่เพราะฉันดูออกว่าพราวจะไม่โกหกฉันแน่แล้วฉันก็เชื่อว่าถ้าแกคิดดีๆแล้วพิจารณาแกก็จะดูออกว่าคุณจันทร์ไม่ได้เสแสร้งเวลาอยู่กับแก...ฉันขอพูดแค่นี้จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่แก”เท่าที่กวินรู้จักสามสาวภายในกี่เดือนเขาก็ดูออกว่าพวกเธอจริงใจกับคนรอบข้างและจิตใจดีกันมากๆกว่าณจันทร์จะได้กลับมาที่บ้านก็เป็นเวลาเกือบกลางดึกเพราะกลับมาจากที้เกิดเหตุก็ต้องถูกสอบปากคำต่อตอนนี้เธอทั้งเหนื่อยและเพลียและใจเสียกับเรื่องที่รู้ว่าสารภีเป็นคนส
“มึงไม่ต้องมาพูด..กูเจอคุณรุจก่อนมึงแต่เค้าก็เลือกมึงเพราะกูมันก็แค่คนไม่มีหัวนอนปลายตีนกูคิดไว้ตั้งแต่มึงแต่งงานกูจะทำทุกอย่างให้ครอบครัวมึงฉิบหาย...ตั้งแต่ตอนนี้ฟังกูให้ดีล่ะอย่าพึ่งจุกอกตายไปซะก่อนวันที่กูรู้ว่ามึงท้องลูกแฝดกูก็จ้างพยาบาลกับหมอไม่ให้บอกมึงว่าเด็กในท้องคือเด็กแฝดแล้วก็บอกให้หมอบังคับให้มึงผ่าเก็บลูกไว้ให้มึงหนึ่งคนกูเอาไปหนึ่งคน.. ลูกมึงที่พึ่งออกคนพี่กูเอาไปให้บ้านเด็กกำพร้าให้มันอยู่อย่างลำบากไร้พ่อแม่แต่กูก็ยังเห็นใจมึงเก็บลูกไว้ให้มึงอีกคนแต่กูก็เลี้ยงมันมาแบบผิดๆให้พวกมึงที่เป็นพ่อแม่ทุกข์ใจสมน้ำหน้าพวกมึงส่วนคุณรุจที่เสือกไม่เลือกกูเป็นเมียกูก็ค่อยๆให้มันกินสารพิษวันละเล็กละน้อยจนมันป่วยตายไป.. ยิ่งกูเห็นมึงมีน้ำตานะอีโสกูนี่โตรสะใจ”โสภิตาฟังคนที่กำลังพล่ามอย่างไม่รู้สึกผิดด้วยความปวดใจอนงค์นาถในตอนนี้รู้สึกเห็นใจโสภิตาที่มีงูพิษอยู่ข้างกายมาตั้วแต่เล็กจนโตแต่ก็มารู้ตัวในวันที่สายไปแล้วไม่อยากจะคิดว่าคนหน้าซื่อๆอย่างสารภีจะกระทำการอะไรเช่นนี้ได้“ที่บริษัทคุณรุจจะล้มละลายกูก็จ้างคนเปลี่ยนบัญชีโกงเงินเข้ากระเป๋าฉลาดไหมล่ะ...แล้วกูก็บังคับให้มึงหน้าด้านไปรื้อสั
“ฮือๆ..อือ..ฮื่อๆๆ..”ณ บ้านแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครแม้นที่นี่จะมีชื่อว่าเมืองที่ไม่เคยหลับไหลแต่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้เมื่อเลยกลางดึกบ้านแทบทุกหลังก็เงียบสงัดต่างจากบ้านของพราวมุกที่มีเพื่อนสาวที่กำลังอกหักอย่างณจันทร์ร้องห่มร้องให้เจียนขาดใจ“จันทร์เอ้ย..จะเป็นปกติได้เมื่อไรล่ะเนี่ย”พราวมุกสาวสวยร่างสูงเอ่ยกับณิชาเพื่อนรักอีกคนที่ยืนกอดอกมองณจันทร์กันอยู่ห่างๆ ทั้งสองรู้ว่าณจันทร์เป็นคนที่อ่อนแอและอ่อนไหวง่ายแต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเห็นเพื่อนรักเสียใจปานขาดใจเช่นนี้“เราเข้าไปหาจันทร์ดีไหม”“หนม..”ยังไม่ทันที่สาวแว่นตัวเล็กอย่างณิชาจะเลื่อนประตูกระจกไปที่ห้องนั่งเล่นเธอก็ถูกพราวมุกดึงแขนเอาไว้ก่อน“ตัวก็รู้ว่าจันทร์ไม่ชอบให้เราเห็นอาการเสียใจขืนเราเข้าไปจันทร์ก็ทำตัวเข้มแข็งไม่ยอมปล่อยความเสียใจออกมาอีกให้จันทร์ได้ร้องระบายความทุกข์ออกมาให้มากที่สุดดีกว่าพรุ่งนี้เราค่อยชวนจันทร์ทำกิจกรรมอย่างอื่นให้สบายใจขึ้น”“ก็จริงอย่างที่ตัวว่านะพราว...ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับจันทร์ขนาดนี้นะ”ณิชาหน้าเสียเธอสองจิตสองใจแต่ก็ยอมปล่อยให้ณจันทร์ร้องให้ไปคนเดียวไปก่อนแอบสงสารเพื
เรื่องราวก่อนหน้าณ เมืองใหญ่ของกรุงเทพมหานครยามค่ำคืนริมฟุตบาทใล้กับบีทีเอสแห่งหนึ่งค่อนข้างคึกคักเพราะเต็มไปด้วยผู้คนที่จับจ่ายซื้ออาหารเย็นกลับไปทานที่พักหลังเลิกงานบางกลุ่มก็นั่งสังสรรค์กันเพราะวันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์แต่กลุ่มที่นั่งทานอาหารกันแล้วดูท่าจะไม่เฮฮาก็เป็นกลุ่มของณจันทร์พราวมุกและณิชา เพราะวันนี้มีข่าวร้ายก็คือณจันทร์ถูกไล่ออกโดยเรื่องไม่เป็นเรื่องในขณะที่ชีวิตของเธอกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต“ทำไมโชคไม่ดีแบบนี้นะแม่ครูกำลังป่วยเค้ายังมาตกงานตอนนี้อีก”ณจันทร์เอ่ยเสียงอ่อนเขี่ยช้อนไปมาบนจานข้าวพลาสติกสีฟ้าแม้นอาหารตรงหน้าจะเรียงรายไปด้วยของอร่อยและท้องของเธอก็ส่งเสียงร้องครวญครางเรียกร้องอาหารแต่เธอก็ไม่อยากตักมันเข้าปากแม้แต่คำเดียวเพราะเครียดที่มาตกงานช่วงที่แม่ครูของเธอป่วยและต้องการใช้เงินในการรักษา“เพราะยัยน้ำเน่านั่นแท้ๆเลยงี่เง่าสารพัดไม่ถูกชะตาตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว”พราวมุกสบถอย่างคนอารมณ์เสียเพราะเธอรู้ตั้งแต่แรกว่าน้ำหนึ่งลูกสาวของเจ้าของบริษัทบัญชีที่เธอและณจันทร์ทำงานอยู่ไม่ชอบพวกเธอตั้งแต่เข้าไปสมัครงานกันแล้วยิ่งพักหลังมานี้น้ำหนึ่งมาบริหารงานแทนพ่อของตัวเองเธอแล
20.00 น.สามสาวนั่งล้อมวงมองหน้ากันในห้องพักห้องน้อยของพวกเธอเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะกลับมทำให้พวกเธอมีอะไรที่จะต้องคิดหนักอยู่พอสมควรเหตุการณ์หลังจากที่สารภีให้โชควนรถกลับไปเพราะสารภีต้องการทำความรู้จักกับสามสาวและวานให้ณจันทร์ช่วยปลอมตัวเป็นหลานสาวของเธอจนกว่าจะถึงวันหมั้นโดยตอบแทนเป็นเงินหนึ่งก้อน“ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีคนที่เหมือนจันทร์อย่างกับฝาแฝดแน่ะ”เป็นพราวมุกเริ่มเปิดประเด็นทะลายความเงียบที่เกิดขึ้นเพราะเธอแอบทึ่งในใจพอสมควรหลังจากที่สารภีเปิดรูปหลานของเธอให้ดูไม่คิดว่าหน้าตารูปร่างของณจันทร์จะไปเหมือนกับปานตะวันลูกของโสภิตาขนาดนั้น“ตอนแรกเค้าก็ตกใจเหมือนกันถึงว่าทำไมคุณน้าถึงได้มาทักด้วยสีหน้าเศร้าๆแบบนั้น”ณจันทร์เองก็ตกใจไม่ต่างจากเพื่อนทั้งสองแอบเห็นใจโสภิตาลึกๆที่จู่ๆลูกสาวก็หายตัวไปทำให้ทุกข์ใจจนสีหน้าหม่นหมองอยู่ตลอดเวลา“แล้วข้อเสนอที่พวกเค้าให้มาตัวว่าไงอะจันทร์จะรับไหม”ณิชาเกริ่นถามณจันทร์ด้วยอยากรู้คำตอบที่ณจันทร์ยังไม่ได้ให้กับโสภิตาและสารภี“อันที่จริงเค้าไม่อยากที่จะโกหกใครเลย..แต่เงินที่คุณน้าเค้าเสนอมาให้จำนวนเงินก้อนนั้นมันทำให้แม่ครูผ่าตัดได้โดยที่ไม
“ขอบคุณหนูจันทร์มากเลยที่ยอมช่วยฉัน”หลังจากสารภีออกจากห้องไปแล้วโสภิตาก็พาณจันทร์มานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่นเรื่องที่เธอจะเสริมอะไรต่อจากสารภีคงไม่มีเพราะรู้ว่าพี่สาวของเธอน่าจะบอกทุกอย่างกับณจันทร์หมดแล้วตอนนี้ที่เธออยากจะคุยกับณจันทร์ก็คือเรื่องที่จะขอบคุณหญิงสาวเท่านั้น“เราต่างก็มีข้อแลกเปลี่ยนกันอยู่แล้วค่ะคุณน้า”ณจันทร์เห็นว่าเรื่องนี้โสภิตาไม่ต้องลำบากขอบคุณเธอด้วยซ้ำเพราะค่าตอบแทนที่โสภิตาเสนอให้เป็นเธอต่างหากที่ต้องขอบคุณ“ทีหลังเรียกฉันว่าคุณแม่จะได้ชินปากนะ”“ค่ะ.. คุณแม่”ณจันทร์เริ่มอึกอักรู้สึกตื้นตันในใจแปลกๆขอบตาเริ่มร้อนผ่าวเพราะน้ำตาแห่งความปิติกำลังจะไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้แต่เธอก็พยายามกลั้นเอาไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องอ่อนไหวกับคำว่าแม่เมื่อต้องใช้คำนี้เนียกโสภิตาทั้งที่เธอเองก็คุ้นเคยกับคำว่าแม่เมื่อต้องเรียกแม่ครูหรืออาจจะเป็นเพราะตอนนี้โสภิตามีสถานะเป็นแม่ของเธอเท่านั้นโสภิตาน้ำตาคลอก็เริ่มรู้สึกปิติในใจไม่ต่างจากณจันทร์เช่นกันน้ำตาจู่ๆก็ไหลพรากออกมาพูดอะไรต่อไปไม่ออกเพราะรู้สึกเอ็นดูณจันทร์เช่นลูกสาวจริงๆทั้งที่เจอกันเพียงไม่เท่าไร“คุณแม่เป็นอะไรเหรอ
“ไล่ฉันออกน่ะสิไปทำลูกเค้าขนาดนั้น..ถ้ารู้ว่าจะถูกไล่ออกยัยน้ำเน่าหน้าพังมากกว่านี้แน่”“ว่าแล้วเชียว”ณจันทร์คิดเอาไว้แล้วเชียวว่ายัยคุณหนูน้ำหนึ่งนั่นต้องหาเรื่องพราวมุกจนได้“เฮ้อ..ช่างมันเถอะแล้วนี่เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าเดี๋ยวเค้าหายาทาให้”ณิชารีบหยิบกล่องปฐมพยาบาลก่อนจะดึงพราวมุกมานั่งที่เก้าอี้“ทายาเสร็จไปกินบุฟเฟ่กันเค้าเลี้ยงเองได้เงินจากคุณโสให้ค่าเสียเวลาวันนี้5พัน”ณจันทร์อยากให้วันนี้เป็นวันที่ดีจึงพยายามไม่พูดถึงพฤติกรรมของน้ำหนึ่งหรือตำหนิพราวมุกเรื่องใจร้อนลงไม่ลงมือเพราะไหนๆเรื่องมันก็ผ่านมาจนทำให้พราวมุกถูกไล่ออกแล้วพูดไปก็เหมือนซ้ำเติม“โอเค๊..หายเจ็บละไปกันเถอะไม่ต้องทายาละ”พราวมุกลุกพรวดยิ้มแฉ่งอย่างคนที่ไม่เคยผ่านการมีเรื่องมีราวมาเพราะการได้ทานบุฟเฟ่ห์คือความสุขที่กลบเรื่องหมองใจของเธอแล้ว“หายเจ็บทันทีเลยเนอะ”ณิชาแทบเก็บกล่องปฐมพยาบาลไม่ทันทั้งส่ายกัวปนอมยิ้มให้กับพฤติกรรมของพราวมุกวันต่อมา“เฮ้อ..เสร็จซะที”ณจันทร์นั่งถอนหายใจดื่มน้ำอึกใหญ่สองสามอึกอยู่ที่เก้าอี้สาธารณะในห้างดังเธออยู่ที่นี่ตั้งแต่ห้างเปิดยันตอนเย็นเพราะได้รับมอบหมายจากสารภีว่าให้มาชุบตัว
“เพราะคู่หมั้นคุณมันรวยกว่าผมแต่นั้นใช่ไหมคุณถึงได้คืนดีกับผมยากนัก”ธนกร หนุ่มวัย22ย่าง23ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนแฟนเก่าของปานตะวัน เขาเคืองใจกับเหตุการณ์วันนี้พอสมควรเพราะไม่คิดว่าปานตะวันที่รักกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งเมื่อเลิกกับเขาได้ไม่เท่าไรก็จะหมั้นกับนักธุรกิจที่โปรไฟล์ดีกว่าเขาหลายเท่าธนกรคบกับปานตะวันตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งด้วยกันที่มหาลัยดังตลอดเวลาที่คบกับธนกรชอบนอกใจปานตะวันตลอดแต่ก็ไม่เปิดตัวใครเป็นแฟนเหมือนปานตะวันจนกระทั่งล่าสุดที่ปานตะวันเลิกเด็ดขาดกับธนกรก็เพราะชายหนุ่มดันเจ้าชู้ไม่เลือกโดยการไปนอนกับเพื่อนของปานตะวันทำให้เธอตัดทั้งเพื่อนตัดทั้งแฟนไปในคราวเดียว ธนกรพยายามง้อปานตะวันตลอดหลังจากเลิกกันแล้วยิ่งได้มารู้ว่าหญิงสาวกำลังจะหมั้นกับคนอื่นดขาก็ยิ่งรู้สึกหวงก้างหนักกว่าเดิมหลายเท่าและจะพยายามแย่งเธอกลับมาเป็นของเขาให้ได้ณจันทร์กลับห้องพักมาได้เธอก็รีบเล่าเรื่องที่น่าตกใจให้กับณิชาและพราวมุกได้ฟัง“แล้วได้พูดคุยอะไรกับคุณนนหรือเปล่าจันทร์”พราวมุกตกใจไปกับเพื่อนด้วยไม่ใช่แค่เรื่องที่เจอคนจะลวนลามแต่เรื่องที่ณจันทร์เจอนนทวัตรแล้วเขาอาจจะแปลกในถึงเรื่องการแต