“เจ็บปวดมากไหมล่ะลูก”
ดวงเดือนเข้ามาคุยกับณจันทร์ว่าเธอรู้ความจริงทั้งหมดหลังจากที่หญิงสาวตื่นแล้ว
“จันทร์ทนได้จ่ะแม่ครูเดี๋ยวจันทร์ก็กลับมาเข้มแข็งแล้วไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
สาวเจ้ายังคงมีรอยยิ้มให้กับแม่ครูของเธอเสมอแต่รอยยิ้มนั้นดวงเดือนรู้ดีว่าลูกของเธอกำลังปกปิดความรู้สึกที่เจ็บปวดอยู่ซึ่งเธอไม่ต้องการแบบนั้น
“ถ้ามันเสียใจก็ระบายมันออกมาให้หมดลูกไม่ต้องเก็บเอาไว้คนเรามันไม่ได้เก่งได้ทุกวันหรอกนะจันทร์”
ณจันทร์มองจ้องแม่ครูของเธอด้วยแววตาไหววูบก่อนจะสวมกอดสะอึกสะอื้นปล่อยโฮออกมาอีกพักใหญ่ดวงเดือนยังคงนั่งเงียบกอดปลอบอยู่ข้างๆณจันทร์เธอรู้ว่าความรู้สึกทุกข์มันไม่ได้หายไปง่ายๆแต่หากได้ระบายออกมาบ้างมันก็จะทำให้คลายความทุกข์ไม่มากก็น้อย
พราวมุกที่พยายามติดต่อหานนทวัตรก็ติดต่อไม่ได้เธอจึงตัดสินใจมาเล่าความจริงให้กวินฟังเพื่อที่จะให้เขาช่วยให้เพื่อนเธอปรับความเข้าใจกับนนทวัตรหากต้องจากกันก็ขอให้จากกันด้วยดีกว่านี้
“ผมว่าแล้วว่าทำไมตอนนั้นเจอปานตะวันดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”
กวินฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของพราวมุกก็ถึงบางอ้อ
“คุณพาฉันไปหาคุณนนได้ไหมคะฉันอยากอธิบายกับเค้าว่าที่จันทร์ทำไปตอนนั้นก็เพราะเราต้องหาเงินไปรักษาแม่ครูแล้วจันทร์ก็ไม่รู้ด้วยว่าที่คุณโสให้คุณปานตะวันหมั้นกับคุณนนเพราะต้องการเงินไปพยุงบริษัท”
พราวมุกคิดว่าหากนนทวัตรได้รับรู้ข้อนี้เขาคงไม่โกรธณจันทร์ขนาดนี้แน่
“เพื่อนผมตอนนี้มันน่าจะยังโกรธอยู่แล้วพนันได้เลยว่ามันไม่ฟังอะไรทั้งนั้นรอให้มันใจเย็นกว่านี้ก่อนดีกว่า”
“แล้ว..คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณนนจะเอาเรื่องเพื่อนฉันไหม”
“ไม่หรอกผมรู้มาว่านนไปคุยกับคุณโสภิตาแล้วว่าจะเอาเงินช่วยบริษัทคุณโสเองแลกกับการที่จะให้คุณโสไปพูดเรื่องถอนหมั้นแล้วหลังจากนั้นก็ห้ามครอบครัวคุณโสไปยุ่งกับครอบครัวตัวเองอีก”
“ถึงกับตัดขาดกันแบบนี้...คงโกรธมากแน่ๆ”
พราวมุกทิ้งตัวลงโซฟาด้วยท่าทีเหนื่อยใจเธอไม่อยากให้นนทวัตรมองณจันทร์ไม่ดีเพราะเพื่อนเธอไม่ได้ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง
“ใช่..”
กวินรู้เลยว่าคนอย่างนนทวัตรหากอยู่ในความโกรธแบบนี้หัวแข็งไม่ฟังอะไรแน่นอนหากเป็นเขาเจอแบบนี้ก็คงโกรธจัดเหมือนกันทางเดียวที่ทำได้คือปล่อยให้เวลารักษาแผลใจของนนทวัตรหากเพื่อนเขาดีขึ้นแล้วคงคุยอะไรด้วยง่ายขึ้น
วันเวลาพ้นผ่านนานร่วมสองเดือนหลังจากที่หมางใจกันในวันนั้นณจันทร์กับนนทวัตรก็เยียวยาหัวใจตัวเองโดยการหันมาสนใจแต่งานและหมดความสดใสจนคนรอบข้างรู้สึกได้แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีเพราะเป็นเรื่องของแผลใจ
ตอนนี้นนทวัตรมีสถานะโสดร่วมสองเดือนแล้วเพราะหลังจากที่นนทวัตรไปหาโสภิตาวันนั้นไม่กี่วันโสภิตาก็ไปเจรจาขอถอนหมั้นปานตะวันกับทางบ้านนนทวัตรทันทีโดยให้เหตุผลว่าลูกสาวของเธอเป็นคนอยากถอนหมั้นเองทำเอาทางบ้านนนทวัตรแปลกใจกันอยู่พอสมควรทั้งที่เห็นเด็กสองคนเริ่มจะรักกันดีแต่ทำไมกลับมีเรื่องขอถอนหมั้นออกมาได้แต่ก็ยังคงไม่ได้เค้นถามเรื่องราวจากลูกชายเพราะหลังจากเรื่องถอนหมั้นจบนนทวัตรก็ขอไปบริหารงานที่ต่างจังหวัดแทนที่จะอยู่ที่สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานคร
“คุณโสภิตาคือแม่ของคุณปานตะวันใช่ไหมครับ”
เช้าของวันนี้ขณะที่โสภิตาและสารภีนั่งทานกาแฟกันอยู่ที่หน้าบ้านจู่ๆตำรวจหลายนายก็กรูกันเข้ามาที่บ้านของโสภิตา
“ค่ะฉันคือแม่ของตะวันคุณตำรวจเจอเธอเหรอคะ”
โสภิตาเอ่ยด้วยท่าทีมีความหวังแต่แอบแปลกใจว่าทำไมตำรวจมาถามเธอเรื่องปานตะวันทั้งที่เธอก็ไม่ได้ไปแจ้งความเรื่องลูกหายรอพึ่งนักสืบอย่างเดียว
“ครับ..ผมมีข่าวที่จะต้องแจ้งให้คุณทราบเราได้พบร่างของคุณปานตะวันถูกฆาตรกรรมอยู่ที่ป่าบริเวณชายแดนครับ”
“อ..อะไรนะ..”
ยังไม่ทันที่ตำรวจจะเล่ารายละเอียดอะไรต่อโสภิตาก็ไม่รับรู้อะไรแล้วเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าตำรวจหลายนาย
“ฮือๆๆ...”
หลังจากตำรวจกลับไปพักใหญ่โสภิตาฟื้นมาได้ก็ร้องให้ไม่หยุดโดยมีสารภีคอยกอดปลอบใจอยู่ข้างๆ
“ทำใจนะโสอย่างน้อยเราก็ยังได้ร่างของตะวันมาทำพิธี..แต่พี่คงไม่อยู่ช่วยโสทำพิธีนะพี่ทำใจไม่ได้ขอไปบวชให้หายทุกข์ใจแล้วกัน”
“ใครช่างใจร้ายทำลูกโส..ฮือๆๆ”
โสภิตาสะอื้นปานจะขาดใจเหมือนตอนนี้คนที่เธอรักก็จากเธอไปกันหมดจนเธอมองอนาคตไม่ออกแล้วว่าจะอยู่ต่อไปยังไง
“ไหนบอกไม่เหลือหลักฐานไงไอ้พวกโง่ทำไมตำรวจหามันเจอได้ห้ะ”
สารภีโทรหาใครบางคนในกลางดึกทั้งรีบเก็บของลงกระเป๋าอย่างเร่งรีบ
เกือบเที่ยงคืนแล้วแต่ณจันทร์ยังคงไม่นอนเพราะเธอยังคงอดคิดเรื่องเก่าไม่ได้เธอยังคงเปิดวิดีโอเก่าๆวนไปทุกครั้งที่นึกถึงนนทวัตรแอบตำหนิตัวเองที่ตั้งใจว่าจะสนใจแค่งานแต่ก็ยังอดใจเปิดเรื่องราวเก่าๆดูไม่ได้
ทางด้านนนทวัตรตอนนี้ยังคงนั่งดื่มทุกวันหลังเลิกงานเขาดื่มทุกวันเพื่อให้ตัวเองนอนหลับโดยที่ไม่คิดเรื่องความเจ็บปวดแต่บางครั้งการดื่มหนักๆก็ยิ่งทำให้ภาพเก่าๆไหลกลับมาในหัวอย่างไม่ควรจะเป็น
“ทำไม..ทำไมผมลืมภาพคุณไม่ได้ซะที”
ว่าจบก็ขว้างมือถือที่เปิดภาพณจันทร์เอาไว้กับผนังห้องจนแตกกระจายและยกขวดไวน์ราราแพงกรอกปากอีกอึกใหญ่ยิ่งนานวันเข้าความเศร้าก็เหมือนจะทวีคูณไม่ได้ลดลงเพราะดันไปคิดถึงโหยหาคนที่ไม่ควรคิดถึง
วันต่อมา
“มันเป็นไปได้ยังไงคุณโส”
ภัทรพลรู้ข่าวก็รีบพาภรรยามาที่บ้านของโสภิตาทันที
“โสก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะตอนนี้ต้องรอตำรวจหาหลักฐานว่าตะวันไปที่นั่นได้ยังไง”
“แต่..ตำรวจบอกว่าหนูตะวันน่าจะจากไปตั้งแต่สี่เดือนก่อนเค้าสันนิษฐานผิดหรือเปล่าผมว่าเรื่องนี้มันแปลกๆนะ”
“ฉันผิดเองค่ะ...ตะวันที่พวกคุณเจอไม่ใช่เธอหรอกค่ะ”
อนงค์นาถและภัทรพลมองหน้าโสภิตาด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
โสภิตาเลือกที่จะเล่าความจริงเพราะตอนนี้เธอไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
“เฮ้อ..เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ”
“ฉันก็คิดแบบนั้นค่ะ”
ภัทรพลกับอนงค์นาถได้ฟังความจริงก็ผิดหวังในตัวโสภิตาแต่ตอนนี้ทั้งสองก็ยังมีความเห็นใจโสภิตามากกว่า
“ขอบคุณพวกคุณทั้งสองมากๆที่ให้อภัยฉัน”
“เราเลิกพูดเรื่องเก่าเถอะค่ะ..แล้วคุณโสอยู่คนเดียวเหรอคะ”
อนงค์นาถเห็นสภาพของโสภิตาก็รู้สึกเป็นห่วง
“ค่ะ..พี่สาทำใจเรื่องตะวันไม่ได้เลยขอไปบวชค่ะตอนนี้ฉันเลยต้องจัดการทุกอย่างคนเดียว”
“สวัสดีครับคุณโส”
“สวัสดีค่ะสารวัตร”
โสภิตารีบยืนต้อนรับสารวัตรพงษ์พัฒน์พร้อมกับตำรวจอีกสองคน
“ผมจะแจ้งเรื่องความคืบหน้าเรื่องคนที่ไปกับคุณตะวันครับ”
“ค่ะ.. สารวัตรพูดได้เลยค่ะสองคนนี้เป็นเพื่อนฉันเองค่ะ”
เมื่อได้รับอนุญาตให้พูดพงษ์พัฒน์ก็แจ้งความคืบหน้าที่ได้รู้ว่าวันที่ปานตะวันเดินทางไปที่เกิดเหตุเธอไม่ได้ไปคนเดียวแต่มีสารภีเป็นคนไปด้วยและขากลับจากกล้องวงจรจับได้คือสารภีกลับมาคนเดียวและเชื่อว่าฆาตรกรคือสารภีส่วนมีคนช่วยหรือไม่นั้นต้องสอบสวนจากสารภีอีกครั้ง
ทุกคนรู้แบบนี้ต่างก็อึ้งไปตามๆกันและเป็นอีกครั้งที่โสภิตาเป็นลมไม่รับรู้อะไรและเป็นสองสามีภรรยาที่สนทนากับตำรวจแทนว่าตอนนี้สารภีไม่อยู่ขอไปบวชและตำรวจก็ให้ความเห็นว่าสารภีคงไม่ได้ไปบวชแต่ตอนนี้หลบหนีมากกว่า
“ถ้าช่วงนี้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณโสคุณจะว่าอะไรไหมคะแม่บ้านเธอก็ไม่มีฉันสงสารเธอค่ะ”อนงค์นาถมองคนที่พึ่งตื่นจากการเป็นลมมานั่งร้องให้ด้วยสายตาหดหู่“ดีเหมือนกันเพราะผมว่าคุณโสอยู่คนเดียวคงไม่ดีแน่”ภัทรพลเห็นด้วยที่ภรรยาจะอยู่เป็นเพื่อนโสภิตาด้วยคิดว่าโสภิตาอาจจะเสียใจจนไม่มีสติได้ทุกเวลา“คุณแปลกใจเรื่องหนูตะวันทร์กับหนูจันทร์ไหมคะ”“ผมก็มีคิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมเด็กสองคนถึงได้เหมือนกันขนาดนั้นทั้งที่ไม่ใช่เครือญาติกันเลยแต่โลกนี้ก็มีเรื่องแปลกอยู่เสมออย่าคิดมากเลยคุณตอนนี้เราต้องดูแลคุณโสก่อนดีกว่า”“ค่ะ”ร้านอาหารXXXเย็นวันนี้ณจันทร์เลิกงานได้ก็ออกมาที่ร้านอาหารแถวชานเมืองเพราะจู่ๆณจันทร์ก็ได้รับสายจากสารภีว่าต้องการให้เธอไปพบแต่ยังไม่บอกว่าเรื่องอะไรRrrrr“คุณสาอยู่ที่ไหนคะจันทร์มาที่ร้านแล้วไม่เห็นคุณเลยค่ะ..อื้อ..”ยังไม่ทันที่ณจันทร์จะได้คำตอบจากสารภีสติของเธอก็ดับวูบลงไปวันต่อมา“ตอนนี้ทางเราจับคนร้ายที่กระทำกับคุณปานตะวันได้แล้วและผู้ชายทั้งสองคนก็สารภาพว่าสารภีเป็นคนจ้างให้พวกเขาทำครับ..ตอนนี้เรากำลังตามหาตัวของคนร้ายอย่างสุดความสามารถคุณโสไม่ต้องห่วงนะครับ”เช้าของวันนี
“เรื่องอะไร”“แกรู้ว่าภรรยาฉันเป็นเพื่อนคุณจันทร์แต่สิ่งที่ฉันจะพูดไม่ได้พูดเพื่อช่วยแก้ตัวให้ใครแต่แค่อยากให้แกได้ฟังแล้วไตร่ตรองดู...พราวบอกกับฉันว่าคุณจันทร์ไม่ใช่คนชอบโกหกหลอกลวงใครที่ยอมรับปากทำงานให้คุณโสเพราะเธอต้องการเงินไปรักษาแม่ครูที่ต้องรับการผ่าตัดด่วนงานของเธอเสร็จสิ้นไปตั้งแต่จบงานหมั้นแต่ที่เป็นปานตะวันต่อเพราะเห็นใจคุณโสที่ยังไม่เจอตัวลูกสาวตัวจริงอีกอย่างเรื่องที่คุณโสให้ปานตะวันมาหมั้นกับแกเพื่อที่จะหาเงินพยุงบริษัทคุณจันทร์ก็ไม่รู้เรื่องและเรื่องความรู้สึกดีๆที่เธอมีให้แกนั่นก็ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงเหมือนกัน”“แกดูจะเชื่อคำภรรยาของแกเหลือเกินนะ”“ใช่เพราะฉันดูออกว่าพราวจะไม่โกหกฉันแน่แล้วฉันก็เชื่อว่าถ้าแกคิดดีๆแล้วพิจารณาแกก็จะดูออกว่าคุณจันทร์ไม่ได้เสแสร้งเวลาอยู่กับแก...ฉันขอพูดแค่นี้จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่แก”เท่าที่กวินรู้จักสามสาวภายในกี่เดือนเขาก็ดูออกว่าพวกเธอจริงใจกับคนรอบข้างและจิตใจดีกันมากๆกว่าณจันทร์จะได้กลับมาที่บ้านก็เป็นเวลาเกือบกลางดึกเพราะกลับมาจากที้เกิดเหตุก็ต้องถูกสอบปากคำต่อตอนนี้เธอทั้งเหนื่อยและเพลียและใจเสียกับเรื่องที่รู้ว่าสารภีเป็นคนส
“มึงไม่ต้องมาพูด..กูเจอคุณรุจก่อนมึงแต่เค้าก็เลือกมึงเพราะกูมันก็แค่คนไม่มีหัวนอนปลายตีนกูคิดไว้ตั้งแต่มึงแต่งงานกูจะทำทุกอย่างให้ครอบครัวมึงฉิบหาย...ตั้งแต่ตอนนี้ฟังกูให้ดีล่ะอย่าพึ่งจุกอกตายไปซะก่อนวันที่กูรู้ว่ามึงท้องลูกแฝดกูก็จ้างพยาบาลกับหมอไม่ให้บอกมึงว่าเด็กในท้องคือเด็กแฝดแล้วก็บอกให้หมอบังคับให้มึงผ่าเก็บลูกไว้ให้มึงหนึ่งคนกูเอาไปหนึ่งคน.. ลูกมึงที่พึ่งออกคนพี่กูเอาไปให้บ้านเด็กกำพร้าให้มันอยู่อย่างลำบากไร้พ่อแม่แต่กูก็ยังเห็นใจมึงเก็บลูกไว้ให้มึงอีกคนแต่กูก็เลี้ยงมันมาแบบผิดๆให้พวกมึงที่เป็นพ่อแม่ทุกข์ใจสมน้ำหน้าพวกมึงส่วนคุณรุจที่เสือกไม่เลือกกูเป็นเมียกูก็ค่อยๆให้มันกินสารพิษวันละเล็กละน้อยจนมันป่วยตายไป.. ยิ่งกูเห็นมึงมีน้ำตานะอีโสกูนี่โตรสะใจ”โสภิตาฟังคนที่กำลังพล่ามอย่างไม่รู้สึกผิดด้วยความปวดใจอนงค์นาถในตอนนี้รู้สึกเห็นใจโสภิตาที่มีงูพิษอยู่ข้างกายมาตั้วแต่เล็กจนโตแต่ก็มารู้ตัวในวันที่สายไปแล้วไม่อยากจะคิดว่าคนหน้าซื่อๆอย่างสารภีจะกระทำการอะไรเช่นนี้ได้“ที่บริษัทคุณรุจจะล้มละลายกูก็จ้างคนเปลี่ยนบัญชีโกงเงินเข้ากระเป๋าฉลาดไหมล่ะ...แล้วกูก็บังคับให้มึงหน้าด้านไปรื้อสั
“ฮือๆ..อือ..ฮื่อๆๆ..”ณ บ้านแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครแม้นที่นี่จะมีชื่อว่าเมืองที่ไม่เคยหลับไหลแต่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้เมื่อเลยกลางดึกบ้านแทบทุกหลังก็เงียบสงัดต่างจากบ้านของพราวมุกที่มีเพื่อนสาวที่กำลังอกหักอย่างณจันทร์ร้องห่มร้องให้เจียนขาดใจ“จันทร์เอ้ย..จะเป็นปกติได้เมื่อไรล่ะเนี่ย”พราวมุกสาวสวยร่างสูงเอ่ยกับณิชาเพื่อนรักอีกคนที่ยืนกอดอกมองณจันทร์กันอยู่ห่างๆ ทั้งสองรู้ว่าณจันทร์เป็นคนที่อ่อนแอและอ่อนไหวง่ายแต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเห็นเพื่อนรักเสียใจปานขาดใจเช่นนี้“เราเข้าไปหาจันทร์ดีไหม”“หนม..”ยังไม่ทันที่สาวแว่นตัวเล็กอย่างณิชาจะเลื่อนประตูกระจกไปที่ห้องนั่งเล่นเธอก็ถูกพราวมุกดึงแขนเอาไว้ก่อน“ตัวก็รู้ว่าจันทร์ไม่ชอบให้เราเห็นอาการเสียใจขืนเราเข้าไปจันทร์ก็ทำตัวเข้มแข็งไม่ยอมปล่อยความเสียใจออกมาอีกให้จันทร์ได้ร้องระบายความทุกข์ออกมาให้มากที่สุดดีกว่าพรุ่งนี้เราค่อยชวนจันทร์ทำกิจกรรมอย่างอื่นให้สบายใจขึ้น”“ก็จริงอย่างที่ตัวว่านะพราว...ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับจันทร์ขนาดนี้นะ”ณิชาหน้าเสียเธอสองจิตสองใจแต่ก็ยอมปล่อยให้ณจันทร์ร้องให้ไปคนเดียวไปก่อนแอบสงสารเพื
เรื่องราวก่อนหน้าณ เมืองใหญ่ของกรุงเทพมหานครยามค่ำคืนริมฟุตบาทใล้กับบีทีเอสแห่งหนึ่งค่อนข้างคึกคักเพราะเต็มไปด้วยผู้คนที่จับจ่ายซื้ออาหารเย็นกลับไปทานที่พักหลังเลิกงานบางกลุ่มก็นั่งสังสรรค์กันเพราะวันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์แต่กลุ่มที่นั่งทานอาหารกันแล้วดูท่าจะไม่เฮฮาก็เป็นกลุ่มของณจันทร์พราวมุกและณิชา เพราะวันนี้มีข่าวร้ายก็คือณจันทร์ถูกไล่ออกโดยเรื่องไม่เป็นเรื่องในขณะที่ชีวิตของเธอกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต“ทำไมโชคไม่ดีแบบนี้นะแม่ครูกำลังป่วยเค้ายังมาตกงานตอนนี้อีก”ณจันทร์เอ่ยเสียงอ่อนเขี่ยช้อนไปมาบนจานข้าวพลาสติกสีฟ้าแม้นอาหารตรงหน้าจะเรียงรายไปด้วยของอร่อยและท้องของเธอก็ส่งเสียงร้องครวญครางเรียกร้องอาหารแต่เธอก็ไม่อยากตักมันเข้าปากแม้แต่คำเดียวเพราะเครียดที่มาตกงานช่วงที่แม่ครูของเธอป่วยและต้องการใช้เงินในการรักษา“เพราะยัยน้ำเน่านั่นแท้ๆเลยงี่เง่าสารพัดไม่ถูกชะตาตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว”พราวมุกสบถอย่างคนอารมณ์เสียเพราะเธอรู้ตั้งแต่แรกว่าน้ำหนึ่งลูกสาวของเจ้าของบริษัทบัญชีที่เธอและณจันทร์ทำงานอยู่ไม่ชอบพวกเธอตั้งแต่เข้าไปสมัครงานกันแล้วยิ่งพักหลังมานี้น้ำหนึ่งมาบริหารงานแทนพ่อของตัวเองเธอแล
20.00 น.สามสาวนั่งล้อมวงมองหน้ากันในห้องพักห้องน้อยของพวกเธอเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะกลับมทำให้พวกเธอมีอะไรที่จะต้องคิดหนักอยู่พอสมควรเหตุการณ์หลังจากที่สารภีให้โชควนรถกลับไปเพราะสารภีต้องการทำความรู้จักกับสามสาวและวานให้ณจันทร์ช่วยปลอมตัวเป็นหลานสาวของเธอจนกว่าจะถึงวันหมั้นโดยตอบแทนเป็นเงินหนึ่งก้อน“ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีคนที่เหมือนจันทร์อย่างกับฝาแฝดแน่ะ”เป็นพราวมุกเริ่มเปิดประเด็นทะลายความเงียบที่เกิดขึ้นเพราะเธอแอบทึ่งในใจพอสมควรหลังจากที่สารภีเปิดรูปหลานของเธอให้ดูไม่คิดว่าหน้าตารูปร่างของณจันทร์จะไปเหมือนกับปานตะวันลูกของโสภิตาขนาดนั้น“ตอนแรกเค้าก็ตกใจเหมือนกันถึงว่าทำไมคุณน้าถึงได้มาทักด้วยสีหน้าเศร้าๆแบบนั้น”ณจันทร์เองก็ตกใจไม่ต่างจากเพื่อนทั้งสองแอบเห็นใจโสภิตาลึกๆที่จู่ๆลูกสาวก็หายตัวไปทำให้ทุกข์ใจจนสีหน้าหม่นหมองอยู่ตลอดเวลา“แล้วข้อเสนอที่พวกเค้าให้มาตัวว่าไงอะจันทร์จะรับไหม”ณิชาเกริ่นถามณจันทร์ด้วยอยากรู้คำตอบที่ณจันทร์ยังไม่ได้ให้กับโสภิตาและสารภี“อันที่จริงเค้าไม่อยากที่จะโกหกใครเลย..แต่เงินที่คุณน้าเค้าเสนอมาให้จำนวนเงินก้อนนั้นมันทำให้แม่ครูผ่าตัดได้โดยที่ไม
“ขอบคุณหนูจันทร์มากเลยที่ยอมช่วยฉัน”หลังจากสารภีออกจากห้องไปแล้วโสภิตาก็พาณจันทร์มานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่นเรื่องที่เธอจะเสริมอะไรต่อจากสารภีคงไม่มีเพราะรู้ว่าพี่สาวของเธอน่าจะบอกทุกอย่างกับณจันทร์หมดแล้วตอนนี้ที่เธออยากจะคุยกับณจันทร์ก็คือเรื่องที่จะขอบคุณหญิงสาวเท่านั้น“เราต่างก็มีข้อแลกเปลี่ยนกันอยู่แล้วค่ะคุณน้า”ณจันทร์เห็นว่าเรื่องนี้โสภิตาไม่ต้องลำบากขอบคุณเธอด้วยซ้ำเพราะค่าตอบแทนที่โสภิตาเสนอให้เป็นเธอต่างหากที่ต้องขอบคุณ“ทีหลังเรียกฉันว่าคุณแม่จะได้ชินปากนะ”“ค่ะ.. คุณแม่”ณจันทร์เริ่มอึกอักรู้สึกตื้นตันในใจแปลกๆขอบตาเริ่มร้อนผ่าวเพราะน้ำตาแห่งความปิติกำลังจะไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้แต่เธอก็พยายามกลั้นเอาไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องอ่อนไหวกับคำว่าแม่เมื่อต้องใช้คำนี้เนียกโสภิตาทั้งที่เธอเองก็คุ้นเคยกับคำว่าแม่เมื่อต้องเรียกแม่ครูหรืออาจจะเป็นเพราะตอนนี้โสภิตามีสถานะเป็นแม่ของเธอเท่านั้นโสภิตาน้ำตาคลอก็เริ่มรู้สึกปิติในใจไม่ต่างจากณจันทร์เช่นกันน้ำตาจู่ๆก็ไหลพรากออกมาพูดอะไรต่อไปไม่ออกเพราะรู้สึกเอ็นดูณจันทร์เช่นลูกสาวจริงๆทั้งที่เจอกันเพียงไม่เท่าไร“คุณแม่เป็นอะไรเหรอ
“ไล่ฉันออกน่ะสิไปทำลูกเค้าขนาดนั้น..ถ้ารู้ว่าจะถูกไล่ออกยัยน้ำเน่าหน้าพังมากกว่านี้แน่”“ว่าแล้วเชียว”ณจันทร์คิดเอาไว้แล้วเชียวว่ายัยคุณหนูน้ำหนึ่งนั่นต้องหาเรื่องพราวมุกจนได้“เฮ้อ..ช่างมันเถอะแล้วนี่เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าเดี๋ยวเค้าหายาทาให้”ณิชารีบหยิบกล่องปฐมพยาบาลก่อนจะดึงพราวมุกมานั่งที่เก้าอี้“ทายาเสร็จไปกินบุฟเฟ่กันเค้าเลี้ยงเองได้เงินจากคุณโสให้ค่าเสียเวลาวันนี้5พัน”ณจันทร์อยากให้วันนี้เป็นวันที่ดีจึงพยายามไม่พูดถึงพฤติกรรมของน้ำหนึ่งหรือตำหนิพราวมุกเรื่องใจร้อนลงไม่ลงมือเพราะไหนๆเรื่องมันก็ผ่านมาจนทำให้พราวมุกถูกไล่ออกแล้วพูดไปก็เหมือนซ้ำเติม“โอเค๊..หายเจ็บละไปกันเถอะไม่ต้องทายาละ”พราวมุกลุกพรวดยิ้มแฉ่งอย่างคนที่ไม่เคยผ่านการมีเรื่องมีราวมาเพราะการได้ทานบุฟเฟ่ห์คือความสุขที่กลบเรื่องหมองใจของเธอแล้ว“หายเจ็บทันทีเลยเนอะ”ณิชาแทบเก็บกล่องปฐมพยาบาลไม่ทันทั้งส่ายกัวปนอมยิ้มให้กับพฤติกรรมของพราวมุกวันต่อมา“เฮ้อ..เสร็จซะที”ณจันทร์นั่งถอนหายใจดื่มน้ำอึกใหญ่สองสามอึกอยู่ที่เก้าอี้สาธารณะในห้างดังเธออยู่ที่นี่ตั้งแต่ห้างเปิดยันตอนเย็นเพราะได้รับมอบหมายจากสารภีว่าให้มาชุบตัว