Share

Chapter 34. นางเป็นแค่สาวใช้

            บิดามารดาลอบสบตากันแล้วถอนหายใจ บุตรชายคนรองนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับหญิงสาวที่บุตรชายประกาศว่าจะแต่งเป็นภรรยา  ที่ผ่านมาสองภรรยาหวังใจให้ลูกชายได้แต่งงานมีครอบครัวเฉกเช่นผู้อื่น แต่เพราะหัวใจที่อ่อนแอแต่กำเนิด คอยประคับประคองชีวิตให้ผ่านแต่ละวันได้ก็แสนยากเข็น ที่สำคัญ พวกเขาก็เคยทำร้ายจิตใจหานหรงเหยามาแล้วครั้งหนึ่ง  ทั้งที่รู้ว่าหานหรงเหยามั่นรักกับหลัวซู่เหมย แต่สองตระกูลก็ลงความเห็นว่า  ควรให้นางเข้าสกุลหานด้วยการแต่งงานกับหานลี่จู  ครั้งนั้นหานหรงเหยาถึงกับไม่อาจอยู่ในเมืองหลวงได้อีก แม้ปากเอ่ยแสดงความยินดีแต่ในใจย่อมเจ็บปวด  ประจวบกับองค์ชายสามเปรยว่าต้องการกุนซือช่วยวางแผนการรบที่ชายแดน หานหรงเหยาฝืนคำห้ามปรามของบิดาเดินทางเข้ากองทัพในฐานะที่ปรึกษา แรกทีเดียวคิดว่าหานหรงเหยาจะอยู่เพียงไม่กี่เดือน แต่กลายเป็นสามปีไม่กลับบ้าน มีเพียงจดหมายโต้ตอบและคอยส่งยาให้ต้มดื่มเป็นประจำ

            คนเป็นพ่อแม่ย่อมดีใจที่รู้ว่าลูกชายจะแต่งงาน ทว่าหากหญิงสาวที่ลูกเลือกสมฐานะกันสักหน่อยคงไม่มีปัญหาอันใด แต่หญิงสาวที่หานหรงเหยาต้องการให้เป็นภรรยา  เป็นหญิงกำพร้าที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า มีเพียงใบหน้างดงามและรูปร่างอรชน กิริยามารยาทก็หยาบกระด้าง ไม่มีความรู้ด้านโคลงกลอนหรือดนตรีก็ไม่มี  นางเป็นเพียงสาวใช้ขั้นต่ำใช้แรงงานเท่านั้น  มอบฐานะอนุให้นางก็นับว่ามากแล้ว แต่หานหรงเหยาต้องการให้นางเป็นภรรยาและเป็นภรรยาเอกเท่านั้น

            “อย่างไรลูกกับนางก็มีความสัมพันธ์กันแล้ว ขอท่านพ่อท่านแม่สนับสนุนลูกกับเข่อซิงด้วย”

            หานกั๋วกงระบายลมหายใจหนักหน่วง “เจ้าคิดแต่งงานย่อมเป็นเรื่องดี แต่นาง...นางเป็นแค่สาวใช้ เจ้ารับนางเป็นอนุก็มากพอแล้ว หากจะยกนางเป็นภรรยาเอก พ่อเกรงว่าไม่เหมาะสม”

            “ก่อนหน้านี้ลูกสุขภาพไม่สู้ดี คนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้ดี ไม่มีใครอยากแต่งงานกับคนใกล้ตายอย่างลูก แต่เข่อซิงไม่เคยรังเกียจคนใกล้ตายอย่างลูก นางดูแลลูกอย่างดี ท่านแม่ท่านพ่อก็เห็น เวลานี้ร่างกายลูกแข็งแรงกว่าแต่เดิมมากนั้นก็เพราะนาง”

            “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าลองทบทวนดูก่อนดีหรือไม่” มารดาหาทางประนีประนอม “ตั้งแต่เจ้ากลับมาครั้งนี้ก็ไม่เหมือนครั้งก่อน  เจ้าดูสิ แม่สื่อมาจวนเราเยอะแค่ไหน สตรีทั่วทั้งเมืองหลวงต่างปรารถนาจะเป็นสะใภ้สกุลหาน”

            “ถ้าไม่ใช่เข่อซิง ลูกก็ไม่แต่งงาน” หานหรงเหยายืนกรานและบีบมือเข่อซิงแน่น

            หลิวเข่อซิงกลัวว่าตนเองจะทำให้หานหรงเหยาต้องผิดใจกับบิดามารดาของเขา นางอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง นางไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งใดก็ได้ ขอแค่ได้อยู่ข้างกายเขาก็พอ

            “จะว่าไปครอบครัวเราเป็นหนี้บุญคุณหลิวเข่อซิงด้วยซ้ำไป”  หานลี่จูเอ่ยเสียงเรียบ

            “เจ้าพูดอะไรออกมา” มารดาส่งเสียงดุอย่างไม่พอใจนัก

            “ท่านแม่ก็เห็น น้องรองแข็งแรงขึ้นมาก หัวใจก็ดีขึ้น ท่านหมอหลวงมาตรวจยังประหลาดใจ เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ก็ว่าได้ นั้นก็เพราะมีหลิวเข่อซิงมาอยู่ข้างกายน้องรอง นางอาจมีดวงชะตาเกื้อหนุนให้หรงเหยาของเรากลับมาเป็นปกติก็ได้  ถ้าคิดเช่นนี้แล้ว เราควรตอบแทนนางถึงจะถูกต้อง”

            “จริงด้วย” หานหลี่เจี๋ยส่งเสียงสนับสนุน “ท่านพ่อท่านแม่ก็เห็น พี่รองใบหน้าผ่องใส สุขภาพแข็งแรงใช้ชีวิตปกติทั้งที่ไม่ได้ดื่มยาบำรุงใด หากท่านพ่อท่านแม่พรากพวกเขาสองคน พี่รองอาจกลับมาเจ็บป่วยอีกก็เป็นได้ มิสู้เราส่งเสริมให้ทั้งคู่ได้สมหวัง สืบสกุลหานของเราดีกว่าขอรับ”

            “หลี่เจี๋ยพูดมีเหตุผล” หานลี่จูยิ้ม “มิใช่ว่าเจ้ากลัวมารดาจะบังคับให้แต่งงานหรอกหรือ”

            “พี่ใหญ่! ข้าอายุแค่สิบเจ็ดจะรีบแต่งงานไปทำไมกันเล่า”  หลี่เจี๋ยยิ้มทะเล้นที่ถูกจับได้

            หานกั๋วกงและฮูหยินมองหน้ากันอีกครั้ง ที่ลูกชายคนโตพูดมาก็ถูก ทั้งสองทำทุกวิถีทางเพื่อให้หานหรงเหยาแข็งแรง ไม่ว่าหมอเทวดาที่ไหนก็เชิญมาตรวจรักษา ให้ขึ้นเขาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ทำกันมาแล้ว หรือแม้แต่แต่งงานสะเดาะเคราะห์ แต่ครั้งนั้นหานหรงเหยาไม่ยินยอม

            “ถ้าเช่นนั้น คงต้องให้ซู่เหมยช่วยจัดการเรื่องนี้แทนแม่แล้ว”  นางหานเจียอีหันไปมองลูกสะใภ้ที่ใบหน้าแย้มยิ้ม  แต่หากรู้ไม่ว่า หลัวซู่เหมยกำมือแน่นจนเล็บจิกที่กลางฝ่ามือ หานลี่จูรู้จักภรรยาของตนเองดี หลัวซู่เหม่ยไม่เอ่ยปากรับ  เขาจึงยื่นมือไปแต่หลังมือของนางเบาๆ แล้วกุมหลังมือนาง

            “ลำบากเจ้าแล้ว ซู่เหม่ย”

            หลัวซู่เหมยสูดลมหายใจลึกแล้วเอ่ยตอบ “ข้าเป็นสะใภ้สกุลหานต้องทำเต็มที่อยู่แล้ว แม้นางเป็นกำพร้าก็จะจัดงานให้ดี เรื่องานพิธีจะให้ขาดตกบกพร่องไม่ได้ ผู้ใดรู้เข้าจะมาดูแคลนตระกูลหานได้”

            “ดี เช่นนั้นแม่ต้องฝากเจ้าแล้ว”

            “ท่านแม่ไม่ต้องเป็นกังวลเจ้าค่ะ”

            “เอาล่ะๆ ลุกขึ้นได้แล้ว” หานกั๋วกงพูดขึ้น หากฟ้าลิขิตชะตามาเป็นเช่นนี้ก็คงไม่อาจขัดขวางได้ “พวกเจ้าก็ช่วยกันแผ่กิ่งก้านให้สกุลหานกันได้แล้ว”

            หลัวซู่เหมยตัวเกร็งขึ้นมาทันที แต่หานลี่จูชิงพูดขึ้นมาก่อน

            “กำลังจะมีเรื่องมงคลในบ้าน ก็พักเรื่องหาอนุให้ข้าก่อนเถิด  อย่างไรเวลานี้เร่งรีบจัดงานมงคลให้น้องรองก่อนจะดีกว่า”

            “คงต้องเป็นเช่นนั้น” มารดาพยักหน้ารับแล้วสบตากับหลิวเข่อซิง จะว่าไปเด็กคนนี้ก็ดูไม่เลวร้ายอะไรนัก “ขัดเกลาเรื่องมารยาทเสียหน่อยยามเข้าสังคมพบเจอบรรดาฮูหยินตระกูลอื่นจะได้ไม่อับอาย”

            “ท่านพ่อท่านแม่ ลูกคิดว่าหลังแต่งงานแล้วลูกกับเข่อซิงจะกลับไปช่วยงานองค์ชายสามที่ชายแดนขอรับ”

            “อะไรกัน! เจ้าจะไปอยู่ไกลแม่อีกแล้วรึ!” มารดาทำท่าจะเป็นลม

            “ท่านแม่โปรดระงับอารมณ์ก่อน” หานลี่จูรีบไกล่เกลี่ย “น้องรอง ท่านแม่ยังไม่แข็งแรง เรื่องนี้ค่อยคุยกันเถิด”

            “แต่...”

            “ท่านแม่สำคัญที่สุด  ท่านรีบไปดูท่านแม่เถิด” หลิวเข่อซิงรีบกระตุกแขนเสื้อของหานหรงเหยาไว้ไม่ให้พูดอะไรอีก แค่อนุญาตให้นางอยู่กับหานหรงเหยาได้ นางก็ดีใจมากแล้ว

            หานหรงเหยาประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืน  กำลังก้าวเข้าไปดูมารดา แต่นางโบกมือห้ามไว้

            “แม่ไม่เป็นอะไร พักสักเดี๋ยวก็ดีขึ้น พวกเจ้าก็...มีอะไรก็ไปทำเถอะ”

            หานลี่จูจึงประคองหลัวซู่เหมยขึ้นเพื่อเดินออกไปด้านอก  หานหรงเหยาจับมือหลิวเข่อซิง ส่วนหานหลี่เจี๋ยยังทำคงทำหน้าทะเล้นแล้วเดินตามพี่ๆ ออกไป

            “ดูสิ พวกเขาโตขึ้นมากแล้วนะ” คนเป็นพ่อพูดพลางส่ายหน้าไปมา “เหมือนไม่นานมานี้ ข้ายังเห็นพวกเขาแย่งชิงของเล่นกันอยู่เลย”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status