Share

Chapter 48. ยอมตาย

            “ข้าไม่เป็นอะไร พวกท่านรีบไปเสีย”

            “พูดบ้าอะไร!”  หลิวชิงเซียงที่ประมือกับนักพรตซีห่าวอยู่ตะคอกออกมา “เจ้าจะถูกหยกโลหิตดูดพลังชีวิตไปหมด เจ้าจะสลายกลายเป็นธุลี!”

            “อย่าห่วงไป ก่อนนางจะสลายไป ข้าจะควักหัวใจออกมาเช่นเดียวกับที่จะทำกับเจ้า”

            “ห้าสิบปีที่แล้วเจ้าทำไม่เสร็จ วันนี้เจ้าก็คิดว่าจะทำได้เรอะ!”  นางสะแขนเสื้อขึ้นรับแส้หางม้าที่ฟาดลงมา  ครั้งนี้เสื้อของนางฉีกขาดและเลือดสีสดกระเซ็นออกมา

            “เจ้าอยู่หอนางโลมแต่ไม่กินพลังหยางของบุรุษหรือไร เรี่ยวแรงจึงมีเพียงแค่นี้” นักพรตซีห่าวหัวเราะ “เจ้าอายุเท่าไหร่กัน ห้าร้อยปีใช่หรือไม่ ยังคงเชื่อใจว่ามนุษย์จะรักกับปีศาจอย่างเจ้าได้อยู่อีกเหรอ”

            เพราะถูกสะกิดแผลเก่า หลิวชิงเซียงพุ่งเข้าใส่อย่างไม่กลัวตาย ไม่สิ! นางไม่ยอมตายเพราะนักพรตชั่วที่เคยเปิดโปงร่างปีศาจของนางต่อหน้าชายคนรัก  มันทำให้คนผู้นั้นทอดทิ้งนาง ทั้งที่นางเคยช่วยชีวิตเขา  สิ่งที่นางไม่ยอมรับคือหลิวเข่อซิงเหมือนกับนางในอดีต  แต่หลิวเข่อซิงไม่เหมือนนาง เพราะหานหรงเหยามีความจริงใจและมั่นรักอย่างแท้จริง แม้รู้ว่านางเป็นปีศาจก็ยินดีให้นางอยู่ข้างกาย

            นักพรตซีห่าวซัดฝ่ามือเข้าใส่หน้าอกของปีศาจสาว ร่างของหลิวชิงเซียงกระเด็นลอยออกมาตกกระแทกพื้นแล้วกระอักโลหิตออกมา  นางยันกายขึ้นแต่ไม่มีแรงทำให้ทรุดลงไปที่เดิม ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นยันต์แผ่นหนึ่งพุ่งเข้าใส่  นางผงะถอยหลังให้ให้ยันต์ที่คลี่ขยายกลายเป็นผ้าแผ่นใหญ่ที่พร้อมคลุมร่างนาง ทว่ากระบี่เล่มหนึ่งฟาดลงมาทำให้ยันต์ขาด หลิวชิงเซียงเบิกตากว้างไม่คิดว่าซุนเจ้าเฟิงจะเข้ามาช่วย

            “นักพรตนี่ก็คนใช่ไหม” เขาถามพลางกระตุกยิ้มที่มุมปาก “คงไม่ได้หนังเหนียวฟันแทงไม่เข้าหรอกนะ”

            “ข้าจะไปช่วยเข่อซิง”  นางพยายามลุกขึ้นแต่ร่างไร้เรี่ยวแรงทรุดลงกับพื้น บัดซบ! ตั้งแต่เข้าเมืองหลวงมา นางไม่ได้กินพลังหยางจากบุรุษ มาบัดนี้ใช้พลังที่มีต่อสู้กับนักพรตจนแทบหมดสิ้น

            “ไม่ต้องห่วงข้า...หนี...หนีไป”  เสียงของหลิวเข่อซิงอ่อนระโหยโรยแรง นางมองหานหรงเหยาที่ยังฝ่าม่านอาคมเข้ามาหานาง “ท่านจะเข้ามาไม่ได้”

            “เข่อซิง!”  ราวกับกำลังเดินฝ่าพายุทะเลทรายทั้งที่ตรงหน้าเป็นเพียงผ้าม่านโปร่งพลิ้วไหวไปมา แต่ม่านโปร่งนี้ราวกับมีชีวิต ขัดขวางไม่ให้เขาเข้าใกล้นาง

            “ไม่ได้นะ ท่านจะตายเพราะข้าไม่ได้” นางส่ายหน้าไปมา “ข้ามีชีวิตอยู่มาหนึ่งร้อยสิบหกปี นับว่ามากพอแล้ว ท่าน...ท่านเพิ่งอายุยี่สิบปี ท่านต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป มีชีวิตที่ดีและมีความสุข”

“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าตาย! เจ้าก็ห้ามตาย”  เขาพูดรู้สึกปวดร้าวแผ่นอกไปหมด

            ‘แต่ข้าทนเห็นท่านตายไม่ได้’

            หลิวเข่อซิงดึงปิ่นเงินที่ปักผมออก เส้นผมยาวสลายคลี่คลุมร่างบอบบาง นางดึงสลักออก ปิ่นเงินกลายเป็นมีดแหลมคมอันเล็ก ปิ่นนี้ศิษย์พี่มอบให้นางไว้ป้องกันตัว นางก้มมองปลายแหลมคมของมีด ยิ่งเขาเข้าใกล้นางมากเท่าไหร่ พลังชีวิตของเขาจะเหลือน้อยลง หากเขาได้กินหัวใจจิ้งจอกแดงของนาง เขาจะ..จะรอด

            “เข่อซิง! เจ้าคิดจะทำอะไร หยุดนะ!”

            หลิวชิงเซียงตะโกนสุดเสียง  หานหรงเหยารวบรวมเรี่ยวแรงพุ่งฝ่าแรงกดดันทั้งปวงเข้าไปหา คว้าข้อมือของเข่อซิงที่ง้างขึ้นสูงก่อนที่จะจ้วงแทงหน้าอกตนเอง

            “หรงเหยา...”

             “ชีวิตข้าจะมีความสุขได้อย่างไร” เขาจับมือนางไว้แน่น “เจ้าคือความสุขของข้า จะเป็นหรือตายข้าก็ขออยู่เคียงข้างเจ้า!”

            ฉับพลัน! อากาศในห้องหมุนเปลี่ยน เกิดลมพายุบ้าคลั่งพัดเอาทุกสิ่งกระจัดกระจายไปทั่วทิศ กระชากร่างของนักพรตซีห่าวกระเด็นไปกระแทกกระถางธูปขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ม่านโปร่งที่ขยับไหวเมื่อครู่หยุดนิ่งไม่ไหวติง และเพียงพริบตา พวกมันก็ร่วงลงมากองบนพื้นกลายเป็นเพียงผืนผ้าธรรมดา

            ร่างหญิงงามในอาภรณ์สีม่วงปรากฏเบื้องหน้า ใบหน้างดงามหยาดเยิ้มทำเอาผู้ที่เผลอสบตาถึงกับตะลึงงันไปทันที นางเยื้องย่างไปนั่งที่เก้าอี้ราวกับเป็นเจ้าของอารามแห่งนี้ เพียงแค่ตวัดปลายนิ้วก็ลากเอาร่างของนักพรตซี่ห่าวมากองเบื้องหน้า

            “ท่านแม่”  หลิวชิงเซียงพูดเสียงสั่น ไม่คิดว่าท่านแม่จะมาด้วยตนเอง

            “แปลกใจอะไรกัน” น้ำเสียงหวานใสเอ่ยปนหัวเราะน้อย “ลูกสาวข้าจะออกเรือน ข้าก็ต้องมาอยู่แล้ว”

            นางเอ่ยแล้วใช้ปลายเท้าเชยคางของนักพรตหนุ่มขึ้น “เจ้าลูกเต่านี่ไม่เลิกราเสียที เห็นทีคราวนี้ข้าจะต้องลงมือเอง”

            “นางปีศาจ เจ้าคิดจะทำอะไร”

            “ข้าเป็นปีศาจแล้วอย่างไร นักพรตอย่างเจ้าดีกว่าข้าตรงไหน” นางเอียงคอมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีขบขัน “ข้าก็อยู่ของข้าดีๆ เจ้าแส่มาหาเรื่องคนในสกุลหลิวของข้าเอง”

            “พูดดีให้ตัวเองอย่างนั้นรึ”  นักพรตหนุ่มพยายามยันกายขึ้นแต่แผ่นหลังเหมือนถูกกดทับจนต้องนอนหมอบกับพื้นอย่างเสียไม่ได้ 

            “ถ้าชิงเซียงของข้าไม่เมตตา เจ้าจะมีชีวิตมาทำร้ายนางในวันนี้อีกเรอะ”   นางหัวเราะเยาะ แล้วปรายตามองหลิวชิงเซียงที่ค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นยืน

            “จะฆ่าก็ฆ่าอย่ามัวพูดจาทวงบุญคุณอยู่เลย!”

            “ฆ่าทำไม ให้เจ้าอยู่มิสู้ตายไม่ดีกว่ารึ” นางยิ้มแล้วหงายฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นค่อยๆ กำเข้าหากัน เสียงกระดูกของนักพรตซีห่าวลั่นกร๊อบพร้อมเสียงร้องโหยหวน  ร่างกายบิดเบี้ยวผิดรูปน่าเวทนา  ดวงตาเบิกกว้างจนแทบถลนออกมาจากเบ้าตา

            หลิวชิงเซียงสูดลมหายใจลึก เมื่อเห็น ‘ท่านแม่’ ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาใกล้ร่างของนักพรตซีห่าว หางสีแดงสดเก้าหางสะบัดไปมา ท่านแม่โน้มหน้าลงแล้วสูดเอาพลังวิญญาณของนักพรตหนุ่มที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์แต่แท้จริงแล้วอายุแปดสิบ เขาไม่อาจขยับตัวต่อต้านปีศาจจิ้งจอกแดงอายุกว่าพันปีได้ สภาพเขาตอนนี้ไม่ต่างจากเด็กสิบขวบด้วยซ้ำ

            เคยผ่านสนามรบมานับไม่ถ้วน ซากศพคนตายมีรูปแบบใดที่ไม่เคยพบเห็น การทรมานเพื่อเค้นคำตอบที่ต้องการจากข้าศึก แต่ซุนเจ้าเฟิงเพิ่งเคยเห็นสิ่งพิสดารเช่นนี้เป็นครั้งแรก  หญิงงามเย้ายวนในอาภรณ์สีม่วงดุจอัญมณีเงยตัวขึ้นสบตากับเขา ทว่าหลิวชิงเซียงขยับเท้าใช้ตัวเองบังร่างเขาไว้

            “ท่านแม่...”

            “ชิงเซียง”  นางหัวเราะเสียงกังวานใส “เจ้าคิดว่าแม่จะทำอะไรแม่ทัพซุนรึ”

            “ปะ...เปล่าเจ้าค่ะ” ทั้งที่พูดไปเช่นนั้นแต่ในใจคิดตรงข้าม

            ซุนเจ้าเฟิงที่ไม่เคยปกป้องผู้อื่นมาตลอดทั้งชีวิต แต่วันนี้กลับมีสตรีนางหนึ่งกำลังปกป้องเขาอยู่ หัวใจที่เย็นชาของเขาอุ่นซ่านและวูบไหวแปลกพิกล

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status