Share

Chapter 3. นางพยายามแล้วจริงๆ

นางพยายามแล้วจริงๆ  แอบดูบรรดาศิษย์จัดการกับมนุษย์ที่จับมาเป็นอาหาร แต่เสียงร้องโหยหวนนั้นทำให้นางหวาดกลัวจนต้องปิดตาทุกครั้งไป  ก็มันน่ากลัวจริงๆนี่ ให้มนุษย์ผู้ชายมานอนทับบนร่างแบบนั้น ไหนจะเสียงครวญครางเจ็บปวดนั้นอีก แค่คิดนางก็ยกมือปิดหูแล้ว

            “แต่ข้าก็พยายามแล้วนะ”  นางยังอดเถียงไม่ได้ แม้น้ำเสียงแผ่วเบายิ่งกว่าเสียงยุง

            “พยายามแล้ว? เจ้าช่างกล้าพูดคำนี้” 

            หญิงสาวหน้าหงายเพราะถูกนิ้วเรียวจิ้มหน้าผากอย่างแรง   นางเสียหลักถอยหลังแล้วล้มลงก้นกระแทกพื้น ดวงหน้าเล็กทำหน้าเศร้าพลางลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ  แต่กระนั้นก็ไม่กล้าสบตากับศิษย์พี่ที่ยืนจ้องมองนางเหมือนนางเป็นยิ่งกว่าหนูสกปรกเสียอีก

            “ขืนเจ้าทำตัวเช่นนี้ต้องอดตายแน่”

            “ไม่หรอก ถ้าพวกศิษย์แบ่งเศษพลังชีวิตของมนุษย์ให้ข้ากินบ้าง”  นางฉีกยิ้มกว้าง “อีกอย่าง...ข้ากินไม่จุหรอก”

            “ไม่ได้!!”   เหล่าปีศาจจิ้งจอกแดงประสานเสียงโดยมิได้นัดหมาย ซ้ำยังถลึงตาใส่อย่างไร้เมตตา

            ถูกตวาดเสียงดังหลิวเข่อซิงได้แต่หดคอเหมือนเต่า แต่นางไม่มีกระดองให้หลบ

“แล้ว...แล้วข้าต้องทำอย่างไร”

            บรรดาศิษย์พี่ต่างมองหน้ากันแล้วหันมาปรึกษา  หลิวเข่อซิงได้ยินเพียงเสียงงึมงำ นางลุกขึ้นแล้วปัดฝุ่นดินออกจากประโปรงผ้าฝ้ายเนื้อหยาบ  พลันสายตาของนางก็เห็น 'ท่านแม่' ก้าวเดินอย่างงามสง่าจนนางเผลอจ้องมองอ้าปากค้าง  กว่าจะรู้ตัวก็ถูกศิษย์พี่ตบคางที่ค้างอยู่ให้หุบปากสนิทแล้วก้มหน้าหลบสายตาที่นางไม่อาจบรรยายถึงความงามและน่าสะพรึงกลัวในคราวเดียวกันได้

            “ถ้าเช่นนั้นก็ส่งนางไปอยู่หอชมบุหลัน ไปอยู่รับใช้หลิวชิงเซียง และคอยเรียนรู้งานก็แล้วกัน”

            “หอชมบุหลัน หอนางโลมอันดับหนึ่งของผิงเหยาใช่ไหมเจ้าคะ”  หลิวเข่อซิงเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น  ตั้งแต่นางจำความได้ก็อยู่แค่ในหุบเขาแห่งนี้มาตลอด

            “ให้ชิงเซียงช่วยอบรมน่าจะดี”   เสียงสนับสนุนดังขึ้นหลายเสียงทำให้หลิวเข่อซิงไม่อาจเก็บอาการดีใจราวกับได้ออกไปท่องเที่ยวได้เลย

            “เอาตามนี้ เจ้าก็เตรียมตัวเสีย อีกสองวันเดินทางออกจากหุบเขาเข้าเมืองผิงเหยา ครั้งนี้เจ้าต้องเดินทางเพียงลำพัง ไม่มีใครช่วยดูแลเจ้าอีกแล้ว”

            “ข้าทราบแล้วท่านแม่”   นางพยักหน้ารับ “ข้าจะเรียนรู้จากพี่ชิงเซียงและจะเป็นปีศาจจิ้งจอกแดงที่เก่งกาจน่าเกรงขามเช่นเดียวศิษย์พี่”

            คำพูดของนางทำเอาบรรดาศิษย์พี่ที่ได้ยินถึงกับหัวเราะตัวงอ  ‘ท่านแม่’ ได้แต่ยกมุมปากยิ้มเล็กน้อยก่อนหมุนตัวจากไปพร้อมเรียกปีศาจตนอื่นให้ไปรับใช้นาง

            เพราะเป็นเพียงปีศาจชั้นต่ำสุด และถูกละเลยมาโดยตลอด แต่ก่อนออกเดินทางนางยังได้รับห่อผ้าใส่ของสำคัญและอาภรณ์ชุดงาม  นางไม่เคยออกจากหุบเขา แต่เส้นทางไปเมืองผิงเหยาไม่ยากเย็น เพียงแต่เดินตามเส้นทางที่มนุษย์ใช้กันประจำ  นางใช้เวลาค่อนวันมาถึงเมืองผิงเหยาได้สำเร็จ

            ปีศาจจิ้งจอกแดงในร่างของหญิงสาวสอบถามกับชาวบ้านถึงเส้นทางไปหอชมบุหลันว่าไม่ไกลนัก  เพราะนางกินเพียงแค่เศษพลังชีวิต การเดินทางเพียงแค่นี้จึงอ่อนแรง   ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มอ่อนแสงเต็มที  นางมองเห็นสะพานข้ามคลองเบื้องหน้า แม้ไม่ไกลนัก แต่ร่างกายที่แทบไร้แรงเดินทำให้ทุกข์ท้อในใจ

            “แค่ข้ามสะพานนี้ไปเดินต่อไปอีกนิดก็จะถึงหอชมบุหลันแล้ว” 

หลิวเข่อซิงบอกตัวเอง รวบรวมเรี่ยวแรงอันน้อยนิดเพื่อก้าวเดินต่อไป  เคยได้ยินเหล่าศิษย์พี่มักพูดถึงหลิวชิงเซียงในความเก่งกาจมากด้วยพลังในการควบคุมผู้อื่น   หอชมบุหลันเป็นหอนางโลมเลื่องชื่อ  มีปีศาจหลายตนอาศัยสถานที่แห่งนี้เสพพลังวิญญาณของเหล่ามนุษย์

            เพราะไม่เคยพบหลิวชิงเซียงมาก่อน  นางได้แต่หวังว่าหลิวชิงเซียงจะเมตตาแบ่งปันพลังชีวิตมนุษย์ให้นางบ้าง  จนกว่านางจะเก่งกล้าในการกินพลังชีวิตจากมนุษย์ได้ด้วยตนเอง ปีศาจจิ้งจอกแดงก้าวเดินอย่างยากลำบาก มือข้างหนึ่งยังกระชับห่อผ้าแน่น  อีกข้างจับบนราวสะพานเพื่อทรงตัวมิให้ล้มลงไป   แล้วดวงตาของนางก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่บนสะพาน  ดวงตามองเหม่อไปที่ผืนน้ำเบื้องหน้า

            แววตาแบบนี้ นางเคยเห็น   แววตาที่ไร้อาลัยอาวรณ์ต่อการมีชีวิตอยู่

            สวรรค์! คนผู้นั้นกำลังจะฆ่าตัวตาย!

            หลิวเข่อซิงเห็นเขาเอนตัวไปด้านหน้านอกราวสะพาน  นางรวบรวมเรี่ยวแรงพุ่งเข้าใส่กอดรั้งร่างใหญ่ไว้ไม่ให้เขากระโดดลงแม่น้ำไป

            ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่ามีคนเข้ามาใกล้  แต่หานหรงเหยาหาได้ใส่ใจไม่ จนกระทั้งจู่ๆ ก็มีมือเล็กสอดเข้ามากอดเอวเขาแน่น            เขาเอี้ยวตัวหันไปมองก็เห็นหญิงสาวร่างเล็กในชุดผ้าต่วนสีครามเงยหน้าขึ้นมาพอดี

            “เจ้าจะฆ่าตัวตายหรือ?”

            แม้รู้ตัวว่ามีคนโผเข้า แต่หานหรงเหยาไม่คิดว่าจะถูกกอดจากด้านหลังเช่นนี้ เมื่อเอี้ยวตัวหันกลับไปมองจึงเห็นเพียงหญิงสาวท่าทางไร้เดียงสา เขาถูกเข้าใจผิดจนชาชิน กำลังจะอ้าปากปฏิเสธแต่อีกฝ่ายกลับแสดงท่าทียินดีเสียเต็มประดา

            “เช่นนั้นเจ้าจงรีบฆ่าตัวตายเสียเถิด แต่ดวงจิตของเจ้า ข้าขอเถอะนะ ข้าหิวมาก”

            ดวงตาที่เคยสงบนิ่งของหานหรงเหยามีแววไหวระริก ร้อยทั้งร้อยมีแต่คนห้ามมิให้คนฆ่าตัวตาย มีนางเป็นคนแรกที่มีสีหน้าดีอกดีใจซ้ำอยากกินดวงจิตบ้าบออะไรอีก

            “แม่นาง...เจ้า...”

            ยังไม่ทันทีเขาจะเอ่ยอะไรได้จบประโยค  ร่างของหญิงสาวก็อ่อนยวบทรุดลงไป เขารีบประคองนางไว้ แต่ดวงตาของนางก็ปิดสนิทลง เหลือเพียงรอยยิ้มดีใจไว้บนใบหน้า

            “แม่นาง”   หานหรงเหยาเรียกหญิงสาวแปลกหน้าอีกหลายครั้ง ไม่วี่แววว่านางจะฟื้นได้สติ  เขาจึงช้อนตัวนางอุ้มขึ้นอย่างไม่มีหนทางอื่น ในเสี้ยววินาทีนั้นเขาเห็นละอองสีขาวโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า

            หิมะแรกแห่งปีมาแล้ว

            เขาก้มมองร่างเล็กในวงแขน ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง ไม่อาจทิ้งนางไว้ที่นี่ได้ และไม่รู้นางเป็นใครจึงไม่อาจพานางไปส่งได้ จำเป็นต้องอุ้มนางขึ้นหลังม้ากลับมาจวนแม่ทัพซุน  หวังเพียงให้นางตื่นฟื้นแล้วส่งตัวนางไปในที่ของนาง

            ทว่าแววตาดีอกดีใจที่เห็นเข้าใจผิดคิดว่าเขาจะฆ่าตัวตายนั้น  ทำให้บุรุษน้ำแข็งพันปีอย่างเขาเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว.

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status