นางพยายามแล้วจริงๆ แอบดูบรรดาศิษย์จัดการกับมนุษย์ที่จับมาเป็นอาหาร แต่เสียงร้องโหยหวนนั้นทำให้นางหวาดกลัวจนต้องปิดตาทุกครั้งไป ก็มันน่ากลัวจริงๆนี่ ให้มนุษย์ผู้ชายมานอนทับบนร่างแบบนั้น ไหนจะเสียงครวญครางเจ็บปวดนั้นอีก แค่คิดนางก็ยกมือปิดหูแล้ว
“แต่ข้าก็พยายามแล้วนะ” นางยังอดเถียงไม่ได้ แม้น้ำเสียงแผ่วเบายิ่งกว่าเสียงยุง
“พยายามแล้ว? เจ้าช่างกล้าพูดคำนี้”
หญิงสาวหน้าหงายเพราะถูกนิ้วเรียวจิ้มหน้าผากอย่างแรง นางเสียหลักถอยหลังแล้วล้มลงก้นกระแทกพื้น ดวงหน้าเล็กทำหน้าเศร้าพลางลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ แต่กระนั้นก็ไม่กล้าสบตากับศิษย์พี่ที่ยืนจ้องมองนางเหมือนนางเป็นยิ่งกว่าหนูสกปรกเสียอีก
“ขืนเจ้าทำตัวเช่นนี้ต้องอดตายแน่”
“ไม่หรอก ถ้าพวกศิษย์แบ่งเศษพลังชีวิตของมนุษย์ให้ข้ากินบ้าง” นางฉีกยิ้มกว้าง “อีกอย่าง...ข้ากินไม่จุหรอก”
“ไม่ได้!!” เหล่าปีศาจจิ้งจอกแดงประสานเสียงโดยมิได้นัดหมาย ซ้ำยังถลึงตาใส่อย่างไร้เมตตา
ถูกตวาดเสียงดังหลิวเข่อซิงได้แต่หดคอเหมือนเต่า แต่นางไม่มีกระดองให้หลบ
“แล้ว...แล้วข้าต้องทำอย่างไร”
บรรดาศิษย์พี่ต่างมองหน้ากันแล้วหันมาปรึกษา หลิวเข่อซิงได้ยินเพียงเสียงงึมงำ นางลุกขึ้นแล้วปัดฝุ่นดินออกจากประโปรงผ้าฝ้ายเนื้อหยาบ พลันสายตาของนางก็เห็น 'ท่านแม่' ก้าวเดินอย่างงามสง่าจนนางเผลอจ้องมองอ้าปากค้าง กว่าจะรู้ตัวก็ถูกศิษย์พี่ตบคางที่ค้างอยู่ให้หุบปากสนิทแล้วก้มหน้าหลบสายตาที่นางไม่อาจบรรยายถึงความงามและน่าสะพรึงกลัวในคราวเดียวกันได้
“ถ้าเช่นนั้นก็ส่งนางไปอยู่หอชมบุหลัน ไปอยู่รับใช้หลิวชิงเซียง และคอยเรียนรู้งานก็แล้วกัน”
“หอชมบุหลัน หอนางโลมอันดับหนึ่งของผิงเหยาใช่ไหมเจ้าคะ” หลิวเข่อซิงเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น ตั้งแต่นางจำความได้ก็อยู่แค่ในหุบเขาแห่งนี้มาตลอด
“ให้ชิงเซียงช่วยอบรมน่าจะดี” เสียงสนับสนุนดังขึ้นหลายเสียงทำให้หลิวเข่อซิงไม่อาจเก็บอาการดีใจราวกับได้ออกไปท่องเที่ยวได้เลย
“เอาตามนี้ เจ้าก็เตรียมตัวเสีย อีกสองวันเดินทางออกจากหุบเขาเข้าเมืองผิงเหยา ครั้งนี้เจ้าต้องเดินทางเพียงลำพัง ไม่มีใครช่วยดูแลเจ้าอีกแล้ว”
“ข้าทราบแล้วท่านแม่” นางพยักหน้ารับ “ข้าจะเรียนรู้จากพี่ชิงเซียงและจะเป็นปีศาจจิ้งจอกแดงที่เก่งกาจน่าเกรงขามเช่นเดียวศิษย์พี่”
คำพูดของนางทำเอาบรรดาศิษย์พี่ที่ได้ยินถึงกับหัวเราะตัวงอ ‘ท่านแม่’ ได้แต่ยกมุมปากยิ้มเล็กน้อยก่อนหมุนตัวจากไปพร้อมเรียกปีศาจตนอื่นให้ไปรับใช้นาง
เพราะเป็นเพียงปีศาจชั้นต่ำสุด และถูกละเลยมาโดยตลอด แต่ก่อนออกเดินทางนางยังได้รับห่อผ้าใส่ของสำคัญและอาภรณ์ชุดงาม นางไม่เคยออกจากหุบเขา แต่เส้นทางไปเมืองผิงเหยาไม่ยากเย็น เพียงแต่เดินตามเส้นทางที่มนุษย์ใช้กันประจำ นางใช้เวลาค่อนวันมาถึงเมืองผิงเหยาได้สำเร็จ
ปีศาจจิ้งจอกแดงในร่างของหญิงสาวสอบถามกับชาวบ้านถึงเส้นทางไปหอชมบุหลันว่าไม่ไกลนัก เพราะนางกินเพียงแค่เศษพลังชีวิต การเดินทางเพียงแค่นี้จึงอ่อนแรง ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มอ่อนแสงเต็มที นางมองเห็นสะพานข้ามคลองเบื้องหน้า แม้ไม่ไกลนัก แต่ร่างกายที่แทบไร้แรงเดินทำให้ทุกข์ท้อในใจ
“แค่ข้ามสะพานนี้ไปเดินต่อไปอีกนิดก็จะถึงหอชมบุหลันแล้ว”
หลิวเข่อซิงบอกตัวเอง รวบรวมเรี่ยวแรงอันน้อยนิดเพื่อก้าวเดินต่อไป เคยได้ยินเหล่าศิษย์พี่มักพูดถึงหลิวชิงเซียงในความเก่งกาจมากด้วยพลังในการควบคุมผู้อื่น หอชมบุหลันเป็นหอนางโลมเลื่องชื่อ มีปีศาจหลายตนอาศัยสถานที่แห่งนี้เสพพลังวิญญาณของเหล่ามนุษย์
เพราะไม่เคยพบหลิวชิงเซียงมาก่อน นางได้แต่หวังว่าหลิวชิงเซียงจะเมตตาแบ่งปันพลังชีวิตมนุษย์ให้นางบ้าง จนกว่านางจะเก่งกล้าในการกินพลังชีวิตจากมนุษย์ได้ด้วยตนเอง ปีศาจจิ้งจอกแดงก้าวเดินอย่างยากลำบาก มือข้างหนึ่งยังกระชับห่อผ้าแน่น อีกข้างจับบนราวสะพานเพื่อทรงตัวมิให้ล้มลงไป แล้วดวงตาของนางก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่บนสะพาน ดวงตามองเหม่อไปที่ผืนน้ำเบื้องหน้า
แววตาแบบนี้ นางเคยเห็น แววตาที่ไร้อาลัยอาวรณ์ต่อการมีชีวิตอยู่
สวรรค์! คนผู้นั้นกำลังจะฆ่าตัวตาย!
หลิวเข่อซิงเห็นเขาเอนตัวไปด้านหน้านอกราวสะพาน นางรวบรวมเรี่ยวแรงพุ่งเข้าใส่กอดรั้งร่างใหญ่ไว้ไม่ให้เขากระโดดลงแม่น้ำไป
ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่ามีคนเข้ามาใกล้ แต่หานหรงเหยาหาได้ใส่ใจไม่ จนกระทั้งจู่ๆ ก็มีมือเล็กสอดเข้ามากอดเอวเขาแน่น เขาเอี้ยวตัวหันไปมองก็เห็นหญิงสาวร่างเล็กในชุดผ้าต่วนสีครามเงยหน้าขึ้นมาพอดี
“เจ้าจะฆ่าตัวตายหรือ?”
แม้รู้ตัวว่ามีคนโผเข้า แต่หานหรงเหยาไม่คิดว่าจะถูกกอดจากด้านหลังเช่นนี้ เมื่อเอี้ยวตัวหันกลับไปมองจึงเห็นเพียงหญิงสาวท่าทางไร้เดียงสา เขาถูกเข้าใจผิดจนชาชิน กำลังจะอ้าปากปฏิเสธแต่อีกฝ่ายกลับแสดงท่าทียินดีเสียเต็มประดา
“เช่นนั้นเจ้าจงรีบฆ่าตัวตายเสียเถิด แต่ดวงจิตของเจ้า ข้าขอเถอะนะ ข้าหิวมาก”
ดวงตาที่เคยสงบนิ่งของหานหรงเหยามีแววไหวระริก ร้อยทั้งร้อยมีแต่คนห้ามมิให้คนฆ่าตัวตาย มีนางเป็นคนแรกที่มีสีหน้าดีอกดีใจซ้ำอยากกินดวงจิตบ้าบออะไรอีก
“แม่นาง...เจ้า...”
ยังไม่ทันทีเขาจะเอ่ยอะไรได้จบประโยค ร่างของหญิงสาวก็อ่อนยวบทรุดลงไป เขารีบประคองนางไว้ แต่ดวงตาของนางก็ปิดสนิทลง เหลือเพียงรอยยิ้มดีใจไว้บนใบหน้า
“แม่นาง” หานหรงเหยาเรียกหญิงสาวแปลกหน้าอีกหลายครั้ง ไม่วี่แววว่านางจะฟื้นได้สติ เขาจึงช้อนตัวนางอุ้มขึ้นอย่างไม่มีหนทางอื่น ในเสี้ยววินาทีนั้นเขาเห็นละอองสีขาวโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า
หิมะแรกแห่งปีมาแล้ว
เขาก้มมองร่างเล็กในวงแขน ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง ไม่อาจทิ้งนางไว้ที่นี่ได้ และไม่รู้นางเป็นใครจึงไม่อาจพานางไปส่งได้ จำเป็นต้องอุ้มนางขึ้นหลังม้ากลับมาจวนแม่ทัพซุน หวังเพียงให้นางตื่นฟื้นแล้วส่งตัวนางไปในที่ของนาง
ทว่าแววตาดีอกดีใจที่เห็นเข้าใจผิดคิดว่าเขาจะฆ่าตัวตายนั้น ทำให้บุรุษน้ำแข็งพันปีอย่างเขาเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว.
หานหรงเหยานั่งลงข้างเตียง เฝ้ามองจิ้งจอกแดงแสนสวยหลับอย่างสบายบนเตียงนอนของเขา คนทั่วไปอาจหวาดกลัวหรือตื่นตระหนก แต่เขาผู้ได้ยินและได้เห็นเรื่องราวมากมายในใต้หล้ากลับเห็นเป็นธรรมดาสามัญหญิงสาวแปลกหน้าหมดสติในอ้อมแขนของเขา ด้วยเกรงว่าจะทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงใช้เสื้อคลุมของตนคลุมร่างของนางแล้วอุ้มขึ้นหลังม้า ทว่าระหว่างที่เดินทางกลับมาที่จวนแม่ทัพซุน ร่างที่เขาโอบเอวไว้กันนางหล่นกลับค่อยๆ เล็กลงไปเรื่อยๆ เสื้อคลุมยวบลงไปตามขนาดของเจ้าของร่างก่อนจะประตูจวน เขาก้มมองด้วยแววตาประหลาดใจ แต่เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยของผู้อื่นจึงอุ้มร่างน้อยเข้ามาในห้องตัวเองและปล่อยให้นาง เอ่อ... จิ้งจอกแดงตัวน้อยหลับใหลบนเตียงของเขาถูกแล้ว หญิงสาวผู้นั้นกลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงหรือจิ้งจอกแดงกลายร่างเป็นหญิงสาวกันล่ะเขายื่นปลายนิ้วเขี่ยปลายจมูกของจิ้งจอกน้อย เขาเองก็ไม่คิดว่าคืนนี้จะต้องแบ่งปันเตียงนอนให้ผู้อื่นจึงไม่ได้เตรียมที่นอนสำรองไว้ หรือคืนนี้เขาต้องนอนกับเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้แล้ว เพราะสัมผัสอ่อนโยนทำให้หลิวเข่อซิงรู้สึกตัว ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง จนเมื่อดวงตาปรับกับสิ่งรอบตัว จึงเห็นว่ามีดวงต
“ข้าควรกลัวเจ้าหรือ?” เขาหัวเราะในลำคอหันหลังให้นาง แต่กระนั้นประสาทหูรับรู้ว่านางกำลังสวมใส่อาภรณ์อยู่“ข้าไม่น่ากลัวเลยหรือ?” นางถามกลับใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วเพราะความหิว นางสาวเท้าเร็วๆ เดินมาที่โต๊ะกลม มีอาหารหลายจานส่งกลิ่นหอมเย้ายวนชวนน้ำลายสอ“ก็น่ากลัวอยู่” เขายิ้มขบขัน “นั่งเถิด”“อื้ม” นางรีบนั่งลงและรับตะเกียบจากเขา ไม่รอให้เจ้าของบ้านเชื้อเชิญนางรีบกินข้าวอย่างหิวโหย แม้จะได้พลังชีวิตมาเติมเต็มแต่ร่างกายนางยังต้องการอาหารบำรุงตัวเองเหมือนมนุษย์ทั่วไปเช่นกัน“ค่อยๆ กินไม่ต้องรีบ” เขาเตือนนางแล้วหยิบตะเกียบคอยคีบอาหารใส่ชามข้าวให้นาง นางผงกศีรษะเป็นเชิงขอบคุณและยังมีการบุ้ยปากบอกใบ้ให้เขาคีบเนื้อปลาให้นางอีก ชายหนุ่มทำให้อย่างไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังรับใช้นาง“อิ่มหรือไม่ อยากกินอะไรเพิ่มอีกไหม” เขาถามหลิวเข่อซิงกินอิ่มท้องและยังได้พลังชีวิตจากเขาจึงมีสติคิดวิเคราะห์เรื่องที่เกิดขึ้น นางกวาดตามองชายหนุ่มแล้วเอียงคอมองอย่างสงสัย“มีอะไรรึ”“เจ้าเป็นใครกัน”“ข้าแซ่หานชื่อหรงเหยา” เขายิ้มแล้วส่งน้ำให้นางดื่ม รอจนนางดื่มน้ำหมดจอกแล้วจึงยื่นผ้าเปียกให้ แต่นางทำหน้างุนงง เขาจึงจั
เรื่องพวกนี้หากเขาไม่ตอบสนอง ในสักวันคงเลิกราไปเอง “อื้ม” นางพยักหน้าหงึกหงักรับรู้ถึงปลายนิ้วของเขาที่รวบผมนางแล้วปักปิ่นให้ “ยามข้ากินเศษพลังชีวิตที่ศิษย์หลงเหลือไว้ให้ ก็ได้เสพรสชาติเหล่านี้ด้วย ไม่อร่อยเลยสักนิด แต่ก็ต้องกินไม่เช่นนั้นข้าก็จะทรมานมาก” “อย่างนั้นหรือ” “ข้าเป็นปีศาจอย่างไรเสียก็ต้องกลืนกินความรู้สึกเหล่านี้อยู่แล้ว” นางเบ้ปากแต่เมื่อหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับเขาแล้ว แล้วก็ยิ้มกว้างออกมา “แต่เจ้ามีวิญญาณบริสุทธิ์ อย่างไรถ้าเจ้าตายแล้วยกให้ข้านะ” “แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” “เพราะข้าไม่กล้าฆ่ามนุษย์ ซ้ำยังยั่วยวนมนุษย์ไม่เป็นอีก หากรอกินเพียงเศษพลังชีวิตที่ศิษย์พี่เหลือให้เกรงว่าต้องกลายเป็นปีศาจพิกลพิการไม่สมบูรณ์ ท่านแม่จึงให้ข้ามาหาศิษย์พี่ที่หอชมบุหลัน ให้สั่งสอนการเสพพลังชีวิตมนุษย์และพลังหยางด้วย” “หอชมบุหลัน เจ้าหมายถึงหอนางโลม...” ยังพูดไม่จบประโยคดีนางก็พยักหน้ารับ มิน่าเล่าถึงได้พบกันที่สะพานข้ามคลอง เพราะนางกำลังจะไปที่หอชมบุหลัน “แล้วเจ้าล่ะ ทำไมอยากฆ่าตัวตาย หรือเพราะหัวใจอ่อ
หญิงงามอันดับหนึ่งอันดับหนึ่งแห่งหอชมบุหลันนามหลิวชิงเซียงกำลังยืนข่มโทสะอยู่หน้าประตูทางเข้าหอนางโลม แม้หลิวชิงเซียงครอบครองความงามเกินคำบรรยาย แต่เวลานี้ทุกคนย่อมรู้ว่านางเปี่ยมไปด้วยไฟโทสะ จึงไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ มือเรียวกอดอกนิ่งงันแต่ปลายนิ้วเคาะที่แขนของตนด้วยความหงุดหงิด ‘ข้าส่งเข่อซิงไปให้เจ้าอบรมสั่งสอน ในฐานะศิษย์พี่เจ้าก็เมตตาเอ็นดูนางสักนิดเถิด’ ‘ทำไมท่านแม่ให้ข้าดูแลจิ้งจอกปัญญาอ่อนนั่น!’ ‘ชิงเซียง...เจ้าเองก็เคยถูกผู้อื่นตราหน้าเป็นปีศาจชั้นต่ำมาก่อน เจ้าควรเข้าใจนาง’ ‘ท่านแม่...’ ‘วาจาเรียกข้าท่านแม่ ยังมีความเชื่อฟังหรือไม่’ ‘ข้า...ข้าเข้าใจแล้ว’ นั้นเป็นเรื่องที่นางสนทนากับ ‘ท่านแม่’ ผ่านทูตอีกาสื่อสารที่ท่านแม่ส่งมา ความจริงเข่อซิงไม่ใช่ปีศาจตนแรกที่ท่านแม่ส่งมา ในหอชมบุหลันนี้เป็นที่อาศัยของเหล่าปีศาจจิ้งจอกแดงสกุลหลิว แม้มิใช่พี่น้องแต่ก็นับเป็นพี่น้อง ในหุบเขาจื่อเซ่อจะเรียกกันตามอายุหรือพลังปีศาจของแต่ละตน ส่วนนางนั้นทุกตนเรียกศิษย์พี่ใหญ่ ได้รับมอบหมายใ
“ไม่ได้ ท่านแม่ให้ข้าฝึกฝนเจ้า เจ้าก็ต้องออกรับแขกด้วยตนเอง”“แต่มันน่ากลัวนี่น่า ไหนจะเสียงร้องสยอดสยองนั้นอีก ข้า...ข้าไม่มั่นใจว่าจะทำได้”“เสียงร้องสยอดสยองอันใด นั้นเรียกเสียงครวญกระเส่าต่างหาก!” หลิวชิงเซียงถลึงตาใส่อีกครั้ง สวรรค์! นางทำผิดอันใดถึงต้องมาสั่งสอนเข่อซิง พลังชีวิตที่สะสมมาต้องสิ้นเปลืองไปเพราะเจ้าตัวโง่งมตนนี้แล้ว นางสูดลมหายใจอีกเฮือกใหญ่แล้วกัดฟันคลี่ยิ้มอ่อนโยนออกมา“เอาเป็นว่า เจ้าทำตามที่ข้าสอน ต้องพยายามให้มากขึ้นกว่าที่เคยทำมา ไม่เช่นนั้นจะเสียชื่อเสียงข้าหมด เจ้าเข้าใจหรือไม่”“อื้ม! ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะพยายามสุดความสามารถ จะต้องเก่งกาจให้เหมือนผู้ดูแลหลิวให้ได้!”“ได้แค่ปลายเล็บของข้าก่อนค่อยคุยโม้โอ้อวดตน” หลิวชิงเซียงส่ายหน้าระอาใจ “เจ้าเป็นเพียงปีศาจชั้นต่ำ พลังก็น้อยนิด หากไม่เสพพลังชีวิตจากมนุษย์ก็จะกลายร่างเป็นจิ้งจอกแดง อยู่ที่นี่แม้พวกเราเป็นปีศาจแต่ด้านนอกก็มีนักล่าปีศาจและนักพรตปราบมารอยู่มากมายที่จ้องสังหารพวกเรา เจ้าต้องระวังตัวให้ดี อย่าให้ผู้อื่นได้กลิ่นไอปีศาจจากตัวเจ้า”หลิวชิงเซียงกล่าวเป็นการเป็นงานไม่ได้ตวาดอีก ทำให้หลิวเข่อซิงฟังด้ว
ซุนเจ้าเฟิงเป่าลมออกทางปากทำหน้าบูดบึงแล้วเอ่ยขึ้น “เพราะเหตุนี้เจ้าจึงเป็นห่วงนางใช่หรือไม่” ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ย “เจ้าคงนึกหัวเราะเยาะข้าอยู่ในใจสินะ พบกันเพียงครู่เดียวกลับเป็นกังวลเช่นนี้” “ไม่ๆ เหตุใดข้าต้องหัวเราะเจ้าด้วย” ซุนเจ้าเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พบกันล้วนเกิดจากวาสนา เจ้าเป็นห่วงนางก็เป็นเรื่องดี เอาอย่างนี้ ลองแวะไปเยี่ยมนางดูสักครา หากนางต้องการให้ช่วยเหลือก็ทำตามสมควรเถิด” “ถ้าเช่นนั้น...” “ไป ไปกัน” “ไปไหน?” “ไปหอชมบุหลันอย่างไรเล่า” “ไปกลางวันแสกๆ อย่างนี้รึ” “วันนี้ไม่มีงานอะไรแล้วนี่” เขาเองก็กลับมาที่จวนเพราะสั่งงานที่ค่ายทหารเรียบร้อยดีแล้ว “ยาเจ้าก็กินแล้วไปกันตอนนี้เลย” หานหรงเหยากระดากใจเล็กน้อย มิใช่ว่าไม่เคยย่างเท้าเข้าหอนางโลม แต่ทุกครั้งที่ไปก็พาเหล่าทหารไปผ่อนหลังทำภารกิจสำคัญลุล่วง แต่ครั้งนี้.... ซุนเจ้าเฟิงไม่รอให้หานหรงเหยาคิดนาน คว้าข้อมือของสหายได้ก็แทบลากตัวปลิวมุ่งหน้าไปหอนางโลมอันดับหนึ่งของเมืองทันที ปลายนิ
“เข่อซิง” หญิงสาวได้ยินเสียงที่คุ้นเคย นางลุกขึ้นจากเตียงแต่ไร้เรี่ยวแรงและนึกได้ว่าหูกับหางจิ้งจอกแดงโผล่ออกมาแล้ว นางอยากขยับตัวหาที่ซ่อนแต่ก็ทำไม่ได้ ทำได้เพียงยกมือขึ้นปิดหูของตน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” หลิวชิงเซียงและหานหรงเหยาเอ่ยออกมาแทบพร้อมกัน หลิวชิงเซียงปรายตามองทางชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ ดูท่าทางเขาห่วงใยเจ้าตัวโง่งมนั้นจริงจัง เอ๊ะ? เขารู้หรือไม่ว่านางเป็น.... หานหรงเหยาไม่ได้สนใจใครอื่น ในสายตาของเขามีเพียงเจ้าจิ้งจอกแดงตัวน้อยที่นั่งบนเตียงและยกมือขึ้นปิดหู เขาสาวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็วไม่สนใจท่าทีตื่นตะลึงของซุนเจ้าเฟิง รีบถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกคลี่คลุมศีรษะของนาง แล้วโน้มหน้าลงประกบริมฝีปากกับหญิงสาวที่เบิกตากว้าง ลมหายใจอุ่นร้อนไหลเวียนเข้ามาในกายพร้อมกับพลังชีวิตทำให้หลิวเข่อซิงที่แทบหมดแรงสูดลมหายใจของเขาไปเฮือกใหญ่ นางหิวโหยและละโมบจนต้องยกมือขึ้นประกบใบหน้าของเขาไว้ไม่ยอมให้ถอยหนี ก็นางหิวนี่...หิวมากๆ ซุนเจ้าเฟิงอ้าปากค้าง เขาไม่เคยเห็นสหายจู่โจมสตรีเช่นนี้มาก่อน อย่าว
“สาวใช้?” หลิวเข่อซิงทวนคำแล้วก็เห็นว่าตำแหน่งนี้นางน่าจะทำได้ดี จากที่นาง ‘พยายาม’ เรียรรู้จากพี่เลี้ยงที่หลิวชิงเซียงส่งมาอบรมสั่งสอนแล้ว นางมั่นใจว่าตนเองเหมาะที่จะรับใช้ผู้อื่นเพื่อแลกกับการกินเศษพลังชีวิตเล็กๆ น้อยๆ เหมือนที่เคยอยู่ในหุบเขา“ได้ๆ ข้าเป็นสาวใช้ให้เจ้าเอง” นางรีบเสนอตัวแล้วหันไปถามหลิวชิงเซียง “ข้าไปเป็นสาวใช้ของเขาได้ไหม”“สาวใช้อะไรกัน ยังเรียกเจ้านายว่าเจ้านั้นเจ้านี้ ไร้มารยาทเสียจริง”“ได้ๆ ข้าจะพยายาม” นางไม่ถือสาที่ซุนเจ้าเฟิงตำหนินาง “ข้าต้องเรียกเจ้าว่าอะไร”“ใต้เท้า นายท่าน หรือที่ปรึกษาหาน ห้ามเรียกเจ้าๆ อย่างที่ผ่านมาอีก” ซุนเจ้าเฟิงทำตาดุใส่ ทำไมนางโง่งมขนาดนี้ เขาฝึกทหารเป็นหมื่นเป็นแสนยังไม่ยากเท่ากับคุยกับนางเลย“ได้ เช่นนั้น ข้าเรียกเจ้าว่านายท่าน”หานหรงเหยายิ้มและพยักหน้าให้ “ตามใจเจ้าเถิด”“จะพานางไปก็จ่ายค่าไถ่ตัวนางเสียก่อน” หลิวชิงเซียงยังคงยิ้มอ่อนหวานแต่แววตามีความรื่นเริง แน่นอนว่านางหาวิธีกำจัดเจ้าตัวโง่งม ออกไปพ้นหูพ้นตา และอีกทาง นางยังสามารถหาเหตุผลไปเยี่ยมเยือนเข่อซิงที่จวนแม่ทัพซุนได้ คนผู้นี้มีพลังชีวิตกล้าแกร่ง หากได้กลืนกินย