Share

Chapter 49. นางเป็นภรรยาข้า ไม่ว่าอย่างไรข้าจะดูแลนางเอง

            “ท่านแม่ รีบช่วยเข่อซิงก่อนเถิดเจ้าค่ะ”

            หญิงงามในชุดสีม่วงหัวเราะในลำคอแล้วเดินไปทางหานหรงเหยาและหลิวเข่อซิง  นางขยับปลายนิ้วเล็กน้อย โซ่ที่รัดรอบลำคอก็หลุดออก แม้ใบหน้าระบายยิ้มแต่ดวงตามีแววหวั่นวิตก

            “อุ้มนางลงมา” 

            หานหรงเหยาไม่รอช้ารีบอุ้มร่างไร้เรี่ยวแรงของหลิวเข่อซิงลงจากเตียงหยกโลหิตแล้วประคองนางไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม

            “ท่าน...ท่านแม่...”

            “เด็กโง่ เหตุใดทำตัวเองเจ็บเช่นนี้”   นางพูดด้วยสีหน้าเวทนา

            “นางจะดีขึ้นใช่ไหม” หานหรงเหยาเอ่ยถาม แต่คำตอบที่ได้ทำให้เขาหน้าซีดลงไปทันที

            “นางถูกหยกโลหิตดูดพลังชีวิตไปจนพร่องแล้ว เดิมทีนางก็เป็นเพียงจิ้งจอกแดงตัวน้อยที่ข้าชุบชีวิตให้กลายร่างเป็นมนุษย์ได้ และพลังชีวิตของนางก็ถ่ายเทไปที่ตัวเจ้าเสียครึ่งหนึ่งแล้ว”

            “อะไรนะ...เข่อซิง ทำไมเจ้าทำเช่นนี้”  เขาก้มหน้ามองคนในอ้อมอกที่หายใจแผ่วเบา แต่นางยังคงฝืนยิ้มให้เขา

            “ข้า...ข้าอยู่มาหนึ่งร้อยสิบหกปีแล้ว แต่ท่านเพิ่งใช้ชีวิตได้แค่ยี่สิบปีเอง ข้าจึงแบ่งชีวิตครึ่งหนึ่งของข้าให้ท่าน”

            “เช่นนั้นเจ้าเอาชีวิตของเจ้ากลับไป เข่อซิงเจ้าต้องมีชีวิตอยู่ เจ้าเป็นภรรยาของข้า เจ้าจะทอดทิ้งข้าอย่างนั้นรึ”

            “ทำเช่นนั้นไม่ได้ ร่างกายแทบไม่ไหวแล้ว”  นางถอนหายใจเบาๆ ใช้ปลายนิ้วแตะกึ่งกลางหน้าผากของเข่อซิง ไออุ่นไหลเวียนในร่าง  เลือดที่ไหลก็หยุดทันทีและบาดแผลค่อยๆ สมานกันช้าๆ

            “ข้าทำได้แค่ประคองร่างนี้ไว้ไม่ให้แตกสลาย นางต้องกลับหุบเขาจื่อเซ่อ หมอกสีม่วงที่นั้นจะช่วยฟื้นฟูให้นางกลับคืนร่างมนุษย์ได้อีกครั้ง”

            “ได้...ข้าจะพานางกลับชายแดนไปหุบเขาจื่อเซ่อ” หานหรงเหยาก้มมองหญิงสาวที่หลับตาพริ้มราวกับนางแค่หลับไป

            “ให้ข้าพาเข่อซิงกลับไปเถิด”   หลิวชิงเซียงเข้ามาหมายจะประคองร่างที่อ่อนยวบราวไร้กระดูกของเข่อซิง แต่หานหรงเหยากลับกอดนางแน่นขึ้นไม่ให้ผู้ใดแตะต้อง

            “นางเป็นภรรยาข้า ไม่ว่าอย่างไรข้าจะดูแลนางเอง”

            “คนที่จะเข้าไปหุบเขานั้นต้องเป็นคนในสกุลหลิวเท่านั้น...” หลิวชิงเซียงสบตากับหานหรงเหยา

            “หมายความว่าอย่างไร” ซุนเจ้าเฟิงพูดแทรก “เจ้าจะให้หรงเหยาแต่งเข้าสกุลหลิวอย่างนั้นรึ”

            หานหรงเหยานิ่งงันไป เขาก้มมองใบหน้าของเข่อซิง ทุกครั้งที่เขามองมาจะเห็นนางยิ้มให้เสมอ เสียงหัวเราะกังวานใสยังคงก้องอยู่ในหู และทุกสิ่งทุกอย่างที่นางทำเพื่อเขา รวมทั้งยอมมอบหัวใจของตนให้เขา ชายหนุ่มจับมือน้อยของนางมาวางบนตำแหน่งหัวใจของเขา

            “ได้ ข้าหานหรงเหยายินดีแต่งงานเข้าสกุลหลิว”.

หุบเขาจื่อเซ่อ

            แม้เดินทางอย่างเร่งรีบ แต่เพราะเป็นรถม้าก็ใช้เวลากว่าสิบวันจึงมาถึงหุบเขาจื่อเซ่อ  ระหว่างทางหานหรงเหยาคอยดูแลเข่อซิงที่หลับใหลไม่ได้สติอย่างดียิ่ง คอยหยดน้ำใส่ปากให้อย่างใจเย็น เช็ดเนื้อตัวและโอบกอดยามค่ำคืน

            เสียงเคาะข้างรถม้าดังขึ้นสองสามครั้งก่อนที่คนด้านนอกจะส่งเสียงพูด

            “คุณชายหาน มาถึงหุบเขาจื่อเซ่อแล้ว จากนี้ข้าจะเป็นสารถีบังคับรถม้าเข้าไปในหุบเขาเอง”  เป็นเสียงของหลิวชิงเซียงเอ่ยขึ้น  ผ้าม่านหน้าต่างถูกตลบเปิดออก ปรากฏใบหน้าอ่อนโยนของชายหนุ่ม

            “รบกวนผู้ดูแลหลิวแล้ว”

            หลิวชิงเซียงไม่เอ่ยอะไรอีก นางรอจนสารถีคนเดิมลงจากรถแล้วจึงกระโดดขึ้นไปนั่งแทน จากจุดนี้ไป นอกจากคน เอ่อ ปีศาจสกุลหลิวแล้ว ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เส้นทาง  นางเดินล่วงหน้ามาก่อนแล้วเพื่อตระเตรียมที่พักสำหรับทั้งสองคน  รถม้าเคลื่อนไปอย่างช้าๆ หลิวชิงเซียงบังคับม้าพลางคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา ใครจะเลยจะคิดว่าคุณชายรองสกุลหานจะรักมั่นในตัวเข่อซิงมากถึงกับยอมเป็นฝ่ายแต่งงานเข้าสกุลหลิว

            ชายหนุ่มประคองร่างบอบบางไว้ในอ้อมอก นางเพียงหลับใหลไปเท่านั้น ลมหายใจยังสม่ำเสมอและมุมปากยังคลี่ยิ้มน้อยๆ  แล้วมองไปด้านนอกที่ปกคลุมด้วยหมอกสีม่วง

            “เจ้าจิ้งจอกแดงขี้เซ้าจะนอนไปถึงเมื่อไหร่นะ” เขาพูดกับนางแม้รู้ดีว่านางไม่สามารถโต้ตอบเขาได้        “นี่นะหรือ ที่ๆ เจ้าเติบโต” 

            หานหรงเหยาพึมพำเบาๆ แล้วอดคิดถึงเหตุการณ์ที่เขาคุกเข่าต่อหน้าบิดามารดาเพื่อขอแต่งงานเข้าสกุลหลิว มารดาถึงกับเป็นลมไปรอบหนึ่ง แต่เป็นหานลี่จูและหลัวซู่เหมยที่พูดกล่อมให้มารดาบิดาของเขายอมรับ โดยพี่ใหญ่อ้างเรื่องที่เขาเจ็บป่วยมาตั้งแต่กำเนิด การแต่งงานเข้าสกุลหลิวช่วยแก้เคล็ดเสริมดวงให้เขา  ทั้งสองไม่พูดเรื่องที่หลิวเข่อซิงเป็นปีศาจจิ้งจอกแดงเลยสักนิด  ซ้ำยังสนับสนุนให้เขาได้แต่งงานกับนาง ทำให้เขาซาบซึ้งใจมาก  หานหลี่เจี๋ยแม้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เพื่อให้พี่รองได้สมหวังก็ยอมคุกเข่าขอร้องด้วย ทำให้บิดามารดายินยอมให้ลูกชายคนรองแต่งงานเข้าสกุลหลิว

            ‘พี่สะใภ้เจ้าตั้งครรภ์อ่อนๆ ข้าจะให้บ่าวไพร่ในจวนดูแลเรื่องงานวิวาห์ให้’

            ‘พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ช่วยเหลือข้ากับเข่อซิงในครั้งนี้  นับว่าข้าเป็นหนี้พวกท่านแล้ว’

            ‘หนี้อะไรกัน เราพี่น้องกัน ที่ผ่านมา...’

            ‘ที่ผ่านมาพี่ใหญ่ดูแลข้าอย่างดี ข้าต้องไม่ลืมบุญคุณอย่างแน่นอน ข้ารีบแต่งงานและต้องพาเข่อซิงกลับไปรักษาชายแดน’

            ‘วางใจเถิด เรื่องที่นี่ข้าจัดการเอง’

            ‘หลี่เจี๋ย...เจ้าต้องช่วยพี่ใหญ่ดูแลเรื่องในจวนให้ดี’

            ‘ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ’ หานหลี่เจี๋ยยกมือขึ้นกอดอกแล้วพูด แต่เรียกเสียงหัวเราะให้คนเป็นพี่ทั้งสอง

            ‘พี่รอง ท่านแค่ไปชายแดน ประเดี๋ยวก็กลับมาแล้วมิใช่หรือ?’ คราวนี้หานหลี่เจี๋ยทำเสียงอ่อนลง หานหรงเหยากลับมาบ้านได้แค่เดือนเศษๆ ก็จะกลับไปอีกแล้ว

            หานหรงเหยาสบตากับหานลี่จู มีบางเรื่องที่เพียงมองตาก็เข้าใจโดยไม่ต้องเอ่ยสิ่งใดอีก

            ‘แน่นอน ถ้าเข่อซิงแข็งแรงดีเมื่อไหร่ พี่จะพานางกลับมาเยี่ยมท่านพ่อท่านแม่และเจ้า’ เขายื่นมือไปแตะไหล่น้องชาย ‘เจ้าโตแล้ว เป็นท่านอาแล้วต้องดูแลคนในจวนให้ดี’

            ‘ข้าทราบแล้ว’

            เพื่อรักษา ‘ร่างกาย’ ของหลิวเข่อซิง นางจึงหลับใหลตลอดเวลา หลิวชิงเซียงและคนสกุลหลิวเข้ามาช่วยจัดพิธีแต่งงานเร่งด่วนนี้ หานหรงเหยาไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทาของผู้อื่น เขาเองก็เพิ่งรู้ว่า ในเมืองหลวงแห่งนี้ ปีศาจจิ้งจอกแดงสกุลหลิวมิได้อยู่แค่ในหอนางโลม แต่เบื้องหน้าที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วว่าเป็นตระกูลวานิชและได้เป็นถึงวานิชหลวงที่ทำการค้าขายกับทางการได้อย่างเปิดเผย  ฐานะของหลิวเข่อซิงแม้ได้ชื่อว่าเป็นบุตรบุญธรรมแต่ไม่ด้อยไปกว่าลูกสาวสกุลเก่าแก่  เขาแต่งงานเข้าตระกูลหลิว พิธีจัดได้ยิ่งใหญ่สมฐานะแม้จะใช้เวลาเตรียมงานแค่สามวัน

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status