ดวงตาคู่งามฉ่ำวาวด้วยหยาดน้ำตา หลิวเข่อซิงส่ายหน้าไปมา นางเป็นปีศาจจิ้งจอกแดงก็จริง แต่ไม่เคยทำร้ายมนุษย์
“ข้า...ข้าไม่เคยทำร้ายใคร...ท่าน ปะ...ปล่อยข้าไปเถิด”
“ปีศาจอย่างพวกเจ้า หากไม่เสพพลังชีวิตจากมนุษย์จะอยู่ได้อย่างไร” เขายังคงใบหน้าแย้มยิ้ม “และหากไม่ได้เสพพลังหยางจากบุรุษจะมีพลังได้อย่างไร”
หลิวเข่อซิงส่ายหน้าทั้งน้ำตา “ข้าไม่...”
“เจ้าจะปฏิเสธไปไย ในเมื่อตัวเจ้าก็รู้ดีว่าตนเองมีปราณหยางไหลเวียนในกาย” เขาลดมือลงจากปลายคางของปีศาจสาว “ทำชั่วมามากแล้ว ข้าจะขอหัวใจของเจ้าเอาไว้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ก็แล้วกัน”
“หัวใจของข้า...” นางยกมือกุมหัวใจตนเอง นางลืมไปได้อย่างไรว่าหัวใจของจิ้งจอกคือยาวิเศษชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะปีศาจจิ้งจอกแดงที่กินพลังพลังวิญญาณของมนุษย์ และจะยิ่งดีขึ้นเมื่อปีศาจตนนั้นได้กินพลังหยางบริสุทธิ์
ไม่หรอก นางไม่ได้ลืม แต่ทำเป็นจำไม่ได้ เดิมนางเป็นจิ้งจอกแดงตัวน้อย แต่ถูก ‘ท่านแม่’ มอบปราณปิศาจให้กลายเป็นปีศาจที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ เพื่อที่นางจะได้สะสมพลังหยาง ทว่านางขลาดกลัวจนเกินไป จึงเป็นได้แค่ปีศาจขั้นต่ำ คอยรับใช้ท่านแม่และบรรดาศิษย์พี่ นางถูกเลี้ยงดูเพื่อเอา ‘หัวใจ’ มาสังเวยพวกเขาเท่านั้น มีชีวิตมาร้อยสิบหกปี นางหลงลืมความจริงอันสำคัญนี้ จนกระทั่งนางได้พบหานหรงเหยา เขาทำให้นางลืมความจริงที่นางถูกสร้างเพื่อสิ่งใด นางทุ่มเททุกสิ่งที่มีเพื่อให้เขาได้มีชีวิตยืนยาว แม้จะไม่มีนางในช่วงเวลานั้นก็ตาม
“นี่เจ้ามีความรักอย่างนั้นรึ” สีหน้าของนักพรตซีห่าวเปลี่ยนเป็นประหลาด “เจ้าไม่รู้หรือไรว่ามนุษย์กับปีศาจไม่ควรรักกัน”
หลิวเข่อซิงกัดริมฝีปากแน่น นางย่อมรู้เรื่องนี้ดี แต่หานหรงเหยาไม่เหมือนผู้อื่น เขาจริงใจกับนาง
“เจ้าคิดว่าเขาจริงใจกับเจ้าสินะ” นักพรตหนุ่มหัวเราะ คาดเดาความคิดนางได้ไม่ยาก “เขาจริงใจกับเจ้าแต่เขารักเจ้าหรือไม่”
“รัก....”
นางรักเขานั้นเป็นเรื่องชัดเจนอยู่แล้ว
แต่เขารักนางหรือไม่นั้น นางไม่อาจล่วงรู้จิตใจของเขาได้
นักพรตหนุ่มอ้าปากแต่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร เขาก็รับรู้ได้ว่ามีคนและปีศาจหนึ่งตนกำลังเข้ามา นักพรตซีห่าวหันหลังให้เข่อซิง เพียงชั่วอึดใจผ้าม่านโปร่งบางสะบัดพลิ้วไหวเผยร่างสตรีงดงามในชุดสีแดงเพลิง และบุรุษรูปร่างสูงโปร่งที่ปกติมักถือพัดในมือ แต่ครั้งนี้มือข้างนั้นถือกระบี่ ปลายกระบี่ยังมีหยดเลือดติดอยู่
“เข่อซิง” หานหรงเหยามองข้ามไหล่นักพรตหนุ่ม เห็นร่างปีศาจของหลิวเข่อซิงหมอบอยู่บนแท่งหยกขนาดใหญ่คล้ายเตียง
“หรงเหยา” หลิวเข่อซิงมองชายหนุ่มผ่านม่านน้ำตา “อย่า...อย่าเข้ามา”
“ไม่ได้เจอกันนาน นักพรตซีห่าว” หลิวชิงเซียงเอ่ยขึ้น
“แค่ห้าสิบปีเจ้าเรียกว่านานรึ” นักพรตซีห่าวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาไม่ยิ้ม
“ถ้าห้าสิบปีที่แล้ว ข้าไม่ละเว้นชีวิตเจ้า เจ้าคงไม่กลายเป็นหนามตำมือข้าเช่นนี้”
นักพรตซีห่าวสยะยิ้มแล้วสะบัดแส้ม้าในมือ เกิดกระแสลมฟาดใส่ร่างของหญิงสาว หลิวชิงเซียงกระโดดตัวลอยตวัดฝ่ามือซัดดกลับ แต่เหมือนสิ่งที่นางซัดออกไปปะทะกับสิ่งที่มองไม่เห็น กระแทกใส่ทำให้ร่างของนางกระเด็นออกไป ซุนเจ้าเฟิงกระโดดเข้าไปใช้ร่างกายของตนรับร่างของหญิงสาวไว้ทัน ทำให้นางไม่กระแทกเข้ากับผนังห้อง เขาจับไหล่นางไว้ให้นางผยุงตัวยืนได้มั่นคงแล้วโน้มหน้าลงถาม
“เป็นอะไรหรือไม่”
“ปล่อยข้า” นางสะบัดตัวออกจากมืออุ่นของเขา
“นี่! ข้าช่วยเจ้าได้...นะ...” ยังไม่ทันพูดจบประโยคดี ซุนเจ้าเฟิงต้องอ้าปากค้าง ใบหูของหญิงสาวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหูของจิ้งจอกแดงและหางยาวฟู่ฟองปรากฎออกมา
“จะ...เจ้า...เจ้า...”
หลิวชิงเซียงเพียงปรายตามองซุนเจ้าเฟิง นางไม่ใส่ใจว่าอีกฝ่ายจะเบิกตาโตจ้องมองนางด้วยความรู้สึกเช่นไร เวลานี้นางต้องรีบช่วยหลิวเข่อซิงออกมาจากเตียงหยกโลหิตนั้นเสียก่อน
“หรงเหยา!” ซุนเจ้าเฟิงหันไปเรียกสหายที่ฟาดฟันกระบี่ใส่สาวกของนักพรตอยู่ “เจ้ารู้เรื่องนี้!”
“อื้ม” ชายหนุ่มยกเท้าถีบคนที่พุ่งเข้าใส่ เขาไม่ได้เคลื่อนไหวเช่นนี้นานแล้ว อาจเพราะร่างกายขับพิษออกมาแล้วและได้พลังหยินของหลิวเข่อซิงมาปรับสมดุลร่างกายอย่างที่หลิวชิงเซียงเคยอธิบายไว้
“นะ...นาง...พวกนางมีหู มีหาง!”
“จิ้งจอกแดง หรือเรียกให้ถูกคือปีศาจจิ้งจอกแดง” หานหรงเหยาเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สายตามองหาหลิวเข่อซิง ม่านโปร่งบางที่สะบัดพลิ้วไหวเผยร่างอ่อนระโหยที่หมอบอยู่บนก้อนหยกขนาดใหญ่
“เข่อซิง!”
ซุนเจ้าเฟิงเห็นหานหรงเหยาจะพุ่งไปหาหญิงสาวที่มีหูและหางจิ้งจอกแดงงอกออกมา เขาคว้าแขนสหายไว้ก่อนแล้วตะคอกเรียกสติ
“นางเป็นปีศาจ!”
“ข้ารู้” ดวงตาของหานหรงเหยายังจับจ้องร่างที่เปื้อนเลือดบนเตียงหยกนั้น “เข่อซิง!”
“เจ้าถูกมนต์ดำของพวกนางเข้าแล้ว” ซุนเจ้าเฟิงรีบห้ามสหายไว้ไม่ให้เข้าไปใกล้กว่านี้
“ข้ามีสติครบถ้วนทุกอย่าง” หานหรงเหยาหันมาพูดด้วยสายตาเจ็บปวด “เป็นนางที่ช่วยชีวิตข้า และนางเป็นภรรยาของข้า ข้าจะไม่มีวันทอดทิ้งนางเพียงเพราะนางเป็นปีศาจ!”
เขาเคยเสียคนรักอย่างหลัวซู่เหมยมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ เขาปวดใจยิ่งกว่า เจ็บปวดจนใจเจ็บร้าวไปหมด หากสูญเสียนางไป เขาคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้
“เจ้าไม่จำเป็นต้องช่วยข้าหรือช่วยนาง แต่ขอให้รู้ไว้ว่าเข่อซิงเป็น ปีศาจที่ดี ข้ากับเจ้าเคยร่วมสู้รบกับข้าศึกมาก่อน เราล้วนรู้ดีว่ามนุษย์ด้วยกันแสนน่ากลัวและน่ารังเกียจยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน เจ้าอย่าขวางไม่ให้ข้าไปช่วยเข่อซิงเลย”
ซุนเจ้าเฟิงไม่รู้ตัวว่าปล่อยมือจากแขนของสหายตั้งแต่เมื่อใด กว่าจะได้สติก็เห็นร่างของหานหรงเหยาพุ่งตัวไปหาหลิวเข่อซิงแล้ว
“อย่าเข้ามา!” หญิงสาวตะโกนสุดเสียงแม้เสียงจะแหบแห้งและการส่งเสียงทำให้นางเจ็บลำคอมากยิ่งขึ้น “หนีไป อย่าเข้ามาใกล้”
“เข่อซิง!”
“นี่เป็นหยกโลหิตที่ดูดกลืนพลังชีวิต ยกนี่ดูดพลังชีวิตไป ท่านอย่าเข้ามา”
หลิวเข่อซิงพูดถึงตอนนี้ก็กระอักโลหิตออกมา บรรดาศิษย์พี่เคยสอนนางให้ใช้มนต์คาถา แต่นางไม่เคยทำสำเร็จ หญิงสาวรู้ว่าเขาจะต้องเข้ามาช่วย นางจึงยันกายขึ้นนั่งแล้วรวบรวมเรี่ยวแรงที่มี ตั้งสมาธิแล้วใช้พลังปราณผลักร่างของหานหรงเหยาออกห่าง
ซุนเจ้าเฟิงเข้าใจผิดคิดว่า หานหรงเหยาถูกกระแทกออกมาจึงเข้าไปพยุง เขาหันไปมองหลิวเข่อซิง ทว่ากลับเห็นนางกระอักโลหิตออกมา เนื้อตัวนางเปื้อนเปรอะโลหิต แม้แต่น้ำตาที่ไหลก็กลายเป็นสีแดงชาด
“ข้าไม่เป็นอะไร พวกท่านรีบไปเสีย” “พูดบ้าอะไร!” หลิวชิงเซียงที่ประมือกับนักพรตซีห่าวอยู่ตะคอกออกมา “เจ้าจะถูกหยกโลหิตดูดพลังชีวิตไปหมด เจ้าจะสลายกลายเป็นธุลี!” “อย่าห่วงไป ก่อนนางจะสลายไป ข้าจะควักหัวใจออกมาเช่นเดียวกับที่จะทำกับเจ้า” “ห้าสิบปีที่แล้วเจ้าทำไม่เสร็จ วันนี้เจ้าก็คิดว่าจะทำได้เรอะ!” นางสะแขนเสื้อขึ้นรับแส้หางม้าที่ฟาดลงมา ครั้งนี้เสื้อของนางฉีกขาดและเลือดสีสดกระเซ็นออกมา “เจ้าอยู่หอนางโลมแต่ไม่กินพลังหยางของบุรุษหรือไร เรี่ยวแรงจึงมีเพียงแค่นี้” นักพรตซีห่าวหัวเราะ “เจ้าอายุเท่าไหร่กัน ห้าร้อยปีใช่หรือไม่ ยังคงเชื่อใจว่ามนุษย์จะรักกับปีศาจอย่างเจ้าได้อยู่อีกเหรอ” เพราะถูกสะกิดแผลเก่า หลิวชิงเซียงพุ่งเข้าใส่อย่างไม่กลัวตาย ไม่สิ! นางไม่ยอมตายเพราะนักพรตชั่วที่เคยเปิดโปงร่างปีศาจของนางต่อหน้าชายคนรัก มันทำให้คนผู้นั้นทอดทิ้งนาง ทั้งที่นางเคยช่วยชีวิตเขา สิ่งที่นางไม่ยอมรับคือหลิวเข่อซิงเหมือนกับนางในอดีต แต่หลิวเข่อซิงไม่เหมือนนาง เพราะหานหรงเหยามีความจริงใจและมั่นรักอย่างแท้จริง แม้รู้ว่านางเป็น
“ท่านแม่ รีบช่วยเข่อซิงก่อนเถิดเจ้าค่ะ” หญิงงามในชุดสีม่วงหัวเราะในลำคอแล้วเดินไปทางหานหรงเหยาและหลิวเข่อซิง นางขยับปลายนิ้วเล็กน้อย โซ่ที่รัดรอบลำคอก็หลุดออก แม้ใบหน้าระบายยิ้มแต่ดวงตามีแววหวั่นวิตก “อุ้มนางลงมา” หานหรงเหยาไม่รอช้ารีบอุ้มร่างไร้เรี่ยวแรงของหลิวเข่อซิงลงจากเตียงหยกโลหิตแล้วประคองนางไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม “ท่าน...ท่านแม่...” “เด็กโง่ เหตุใดทำตัวเองเจ็บเช่นนี้” นางพูดด้วยสีหน้าเวทนา “นางจะดีขึ้นใช่ไหม” หานหรงเหยาเอ่ยถาม แต่คำตอบที่ได้ทำให้เขาหน้าซีดลงไปทันที “นางถูกหยกโลหิตดูดพลังชีวิตไปจนพร่องแล้ว เดิมทีนางก็เป็นเพียงจิ้งจอกแดงตัวน้อยที่ข้าชุบชีวิตให้กลายร่างเป็นมนุษย์ได้ และพลังชีวิตของนางก็ถ่ายเทไปที่ตัวเจ้าเสียครึ่งหนึ่งแล้ว” “อะไรนะ...เข่อซิง ทำไมเจ้าทำเช่นนี้” เขาก้มหน้ามองคนในอ้อมอกที่หายใจแผ่วเบา แต่นางยังคงฝืนยิ้มให้เขา “ข้า...ข้าอยู่มาหนึ่งร้อยสิบหกปีแล้ว แต่ท่านเพิ่งใช้ชีวิตได้แค่ยี่สิบปีเอง ข้าจึงแบ่งชีวิตครึ่งหนึ่งของข้าให้ท่าน”
เพราะนางหลับใหลไม่ได้สติ แม้สวมชุดเจ้าสาวสีแดงมงคล เขาก็ต้องคอยประคองนางอยู่ตลอดเวลา แต่เขาไม่รู้สึกเป็นภาระแต่อย่างใด ร่างเล็กเอียงซบต้นแขนของเขา มือใหญ่เกาะกุมมือเล็กไว้มั่น หลิวชิงเซียง คอยประคองยามที่ต้องคารวะให้กันและกัน เมื่อเสร็จพิธีทั้งหมด พวกเขาไม่ได้ส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ แต่ขึ้นรถม้าที่ตระเตรียมไว้ออกนอกเมืองทันที “เจ้าติดค้างคืนเข้าหอของข้าอยู่นะ ซิงเอ๋อร์” เขาลูบใบหน้าน้อยที่หลับตาพริ้ม บางครั้งนางเหมือนอยู่ในห้วงฝัน แต่คงเป็นฝันดี เพราะนางยิ้มตลอดเวลา ราวครึ่งชั่วยามรถม้าก็หยุด หลิวชิงเซียงลงจากรถม้าแล้วส่งเสียงบอกหานหรงเหยาว่าถึงที่หมายแล้ว เขาเปิดผ่านประตูรถม้าก้าวลงมาก่อน กวาดตามองกระท่อมหลังเล็กที่มีดอกไม้นานาพรรณรายล้อม ไม่น่าเชื่อว่านี่คือสถานที่ที่ปีศาจอยู่ “ตำหนักของท่านแม่อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก ท่านกับเข่อซิงพักที่นี่ หมอกสีม่วงที่ปกคลุมบริเวณนี้ไม่ทำอันตรายท่าน แต่ถ้าเป็นคนธรรมดาอาจถึงแก่ชีวิตได้” “ข้าทราบแล้ว” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม “ข้าต้องดูแลเข่อซิงอย่างไร” “ให้นางนอนหลับเช่นนี้ ห
ซุนเจ้าเฟิงยอมรับว่าผ่านอะไรมามาก แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอเรื่องราวแปลกประหลาดเช่นนี้ เพื่อได้อยู่ดูแลคนรัก หานหรงเหยายอมแต่งเข้าสกุลหลิว ตระกูลวานิชที่มั่งคั่งในเมืองหลวง พิธีแต่งงานจัดใหญ่โตสมฐานะ แต่น้อยคนที่จะสังเกตว่าเจ้าสาวไม่ได้สติ ถูกประคองตลอดเวลา เขาพูดอะไรไม่ออก อยากถามย้ำการตัดสินใจครั้งนี้ แต่แววตาของหานหรงเหยาชัดเจนแล้วว่า ต้องการอยู่เคียงข้างหลิวเข่อซิง เขาทำได้เพียงแค่มองสหายรักเข้าพิธีแต่งงาน จนทั้งสองเดินทางออกจากเมืองหลวง เดิมทีเขาควรได้เดินทางกลับชายแดนก่อน แต่กลายเป็นว่าหานหรงเหยาออกเดินทางก่อนเขา และเป็นอีกครั้งที่เขาต้องนั่งฟังเสด็จพ่อเสด็จแม่ พยายามกล่อมให้เขาเลือกชายาเสียที “จะว่าไปลูกก็มีความดีความชอบไม่น้อย เหตุใดจึงไม่สามารถเลือกชายาของตนเองได้เล่า” ชายหนุ่มบ่นพึมพำแล้วยกน้ำชาขึ้นดื่ม “จะบ่ายเบี่ยงไปไย อย่างไรก็ต้องแต่งงาน” “ลูกแค่อยากเลือกคนที่จะมาเป็นชายาด้วยตนเอง” เขาเงยหน้าสบตากับบิดามารดาซึ่งเป็นฮ่องเต้และฮองเฮา “เสด็จพ่อเสด็จแม่จะกังวลเรื่องลูกไปทำไมกัน ในเมื่อพี่น้องคนอื่นล้วนแต
ว่ากันว่า...เหล่าปีศาจจะกิน ‘พลังชีวิต’ จากมนุษย์เพื่อให้ตนมีชีวิตอยู่ได้ แต่ถ้าได้เสพ ‘พลังหยาง’ จากบุรุษจะเพิ่มอิทธิฤทธิ์ให้ตน แต่การทำเช่นนั้นจะทำให้มนุษย์ผู้นั้นอายุไขสั้นลงหรือตายได้ ในขณะเดียวกัน ‘หัวใจ’ของปีศาจจิ้งจอกแดงเป็นตัวยาหายากชนิดหนึ่ง ว่ากันว่าสามารถรักษาได้ทุกโรคปีศาจจิ้งจอกแดงจึงเป็นทั้งผู้ล่าและผู้ถูกล่าเช่นกันแนะนำตัวละครหลิวเข่อซิง-เข่อซิง : ปีศาจจิ้งจอกแดงอายหนึ่งร้อยสิบหกปีหานหรงเหยา : ที่ปรึกษา(กุนซือ)ของกองทัพ มาทำงานร่วมกับซุนเจ้าเฟิง แม่ทัพใหญ่ที่อยู่ชายแดนหลิวชิงเซียง -ชิงเซียง : ปีศาจจิ้งจอกแดงอายุห้าร้อยห้าสิบปี เป็นศิษย์พี่ของหลิวเข่อซิงซุนเจ้าเฟิง : องค์ชายสามและเป็นแม่ทัพใหญ่ประจำชายแดน เป็นสหายรักของหานหรงเหยา พิธีแต่งงานจัดอย่างยิ่งใหญ่สมกับเป็นงานมงคลของตระกูลหานและเจ้าสาวแสนงามดุจบุปผาสวรรค์ เสียงดนตรี คำอวยพร ของขวัญ วิจิตรตระการตาราวกับงานรื่นเริงของเหล่าปวงเทพ งานมงคลยิ่งใหญ่นี้คงกลายเป็นที่กล่าวถึงไปอีกนานแสนนาน ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวในชุดสีแดงสวยงดงาม ขณะที่เจ้า
พ่อบ้านจูส่ายหน้าไปมา เขาอับอายกับหลานสาวห่างๆ คนนี้นัก แต่จะทำอย่างไรได้ ภรรยาของเขาบังคับขู่เข็ญให้รับนางมาทำงานในจวน หากวันหน้าได้ดี ทั้งสองก็พลอยได้ดีไปด้วย แต่นางมาอยู่ที่นี่ครึ่งปีแล้ว ทั้งพยายามปีนป่ายขึ้นเตียงองค์ชายสามนับครั้งไม่ถ้วน เขาไม่ถูกองค์ชายสามขับไล่ก็นับว่าบุญแล้ว“พ่อบ้านจู ให้คนเตรียมสุราอาหารไว้ที่ห้องตำรา ข้ากับที่ปรึกษาหานจะไปที่นั้น”“ขอรับท่านแม่ทัพซุน” เนื่องจากซุนเจ้าเฟิงไม่ชอบให้ใครเรียกเขาว่าองค์ชาย แต่ยินดีให้เรียก ‘ท่านแม่ทัพซุน’ ซุนเจ้าเฟิงประจำการที่ชายแดนมาสามปี ทุกคนจึงคุ้นชินกับคำเรียกขานนี้“ตัวข้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ข้าจะไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน อีกประเดี๋ยวค่อยกินข้าวดื่มสุราและคุยงานกันต่อที่ห้องตำรา” ซุนเจ้าเฟิงตบบ่าหานหรงเหยา“ได้” หานหรงเหยาพยักหน้ารับแล้วเดินไปที่เรือนของตนซุนเจ้าเฟิงมองแผ่นหลังของสหายรักเผลอถอนหายใจอีกครั้ง คุณชายรองแห่งตระกูลหานแม้ถูกเลี้ยงดูประคบประหงมดุจไข่ในหิน แต่ในวัยเด็ก ทั้งสองเป็นเด็กจึงซุกซนและเข้ากันได้เป็นอย่างดีจึงกลายเป็นสหายรักกัน แต่เดิมหานหรงเหยามิใช่คนเย็นชาเช่นนี้ แต่เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่
นางพยายามแล้วจริงๆ แอบดูบรรดาศิษย์จัดการกับมนุษย์ที่จับมาเป็นอาหาร แต่เสียงร้องโหยหวนนั้นทำให้นางหวาดกลัวจนต้องปิดตาทุกครั้งไป ก็มันน่ากลัวจริงๆนี่ ให้มนุษย์ผู้ชายมานอนทับบนร่างแบบนั้น ไหนจะเสียงครวญครางเจ็บปวดนั้นอีก แค่คิดนางก็ยกมือปิดหูแล้ว “แต่ข้าก็พยายามแล้วนะ” นางยังอดเถียงไม่ได้ แม้น้ำเสียงแผ่วเบายิ่งกว่าเสียงยุง “พยายามแล้ว? เจ้าช่างกล้าพูดคำนี้” หญิงสาวหน้าหงายเพราะถูกนิ้วเรียวจิ้มหน้าผากอย่างแรง นางเสียหลักถอยหลังแล้วล้มลงก้นกระแทกพื้น ดวงหน้าเล็กทำหน้าเศร้าพลางลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ แต่กระนั้นก็ไม่กล้าสบตากับศิษย์พี่ที่ยืนจ้องมองนางเหมือนนางเป็นยิ่งกว่าหนูสกปรกเสียอีก “ขืนเจ้าทำตัวเช่นนี้ต้องอดตายแน่” “ไม่หรอก ถ้าพวกศิษย์แบ่งเศษพลังชีวิตของมนุษย์ให้ข้ากินบ้าง” นางฉีกยิ้มกว้าง “อีกอย่าง...ข้ากินไม่จุหรอก” “ไม่ได้!!” เหล่าปีศาจจิ้งจอกแดงประสานเสียงโดยมิได้นัดหมาย ซ้ำยังถลึงตาใส่อย่างไร้เมตตา ถูกตวาดเสียงดังหลิวเข่อซิงได้แต่หดคอเหมือนเต่า แต่นางไม่มีกระดองให้หลบ“แล้ว...แล้วข้าต้องทำอย
หานหรงเหยานั่งลงข้างเตียง เฝ้ามองจิ้งจอกแดงแสนสวยหลับอย่างสบายบนเตียงนอนของเขา คนทั่วไปอาจหวาดกลัวหรือตื่นตระหนก แต่เขาผู้ได้ยินและได้เห็นเรื่องราวมากมายในใต้หล้ากลับเห็นเป็นธรรมดาสามัญหญิงสาวแปลกหน้าหมดสติในอ้อมแขนของเขา ด้วยเกรงว่าจะทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงใช้เสื้อคลุมของตนคลุมร่างของนางแล้วอุ้มขึ้นหลังม้า ทว่าระหว่างที่เดินทางกลับมาที่จวนแม่ทัพซุน ร่างที่เขาโอบเอวไว้กันนางหล่นกลับค่อยๆ เล็กลงไปเรื่อยๆ เสื้อคลุมยวบลงไปตามขนาดของเจ้าของร่างก่อนจะประตูจวน เขาก้มมองด้วยแววตาประหลาดใจ แต่เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยของผู้อื่นจึงอุ้มร่างน้อยเข้ามาในห้องตัวเองและปล่อยให้นาง เอ่อ... จิ้งจอกแดงตัวน้อยหลับใหลบนเตียงของเขาถูกแล้ว หญิงสาวผู้นั้นกลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงหรือจิ้งจอกแดงกลายร่างเป็นหญิงสาวกันล่ะเขายื่นปลายนิ้วเขี่ยปลายจมูกของจิ้งจอกน้อย เขาเองก็ไม่คิดว่าคืนนี้จะต้องแบ่งปันเตียงนอนให้ผู้อื่นจึงไม่ได้เตรียมที่นอนสำรองไว้ หรือคืนนี้เขาต้องนอนกับเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้แล้ว เพราะสัมผัสอ่อนโยนทำให้หลิวเข่อซิงรู้สึกตัว ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง จนเมื่อดวงตาปรับกับสิ่งรอบตัว จึงเห็นว่ามีดวงต