Share

Chapter 46. แต่ข้าทนเห็นท่านตายไม่ได้

            หลิวชิงเซียงไม่มีเวลาจะมาโต้เถียงกับซุนเจ้าเฟิง  นางจึงหันไปพูดหานหรงเหยาที่ควบม้าขนาบข้าง

“ดูแลสหายของเจ้าให้ดี หากได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น เจ้าก็รับผิดชอบเอาเองก็แล้วกัน”

            ซุนเจ้าเฟิงรู้สึกถ้อยคำของนางแปลกหู ไม่ใช่คำพูดนอบน้อมและยังบังอาจสั่งสหาของเขาอีก  หานหรงเหยาสบตากับซุนเจ้าเฟิง เขาไม่มีเวลาอธิบายเรื่องทั้งหมด และไม่รู้ว่าสหายจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้หรือไม่

            ทั้งสามมาถึงอารามฝั่งตะวันตก  มองผิวเผินด้านนอกดูสงบร่มรื่นแต่คนที่ผ่านสนามรบมาโชกโชนอย่างซุนเจ้าเฟิงย่อมรู้ดีว่า ที่นี่ไม่ใช่อารามธรรมดาอย่างแน่นอน  เขาหันไปสบตากับหานหรงเหยาที่กระชับกระบี่ในมือ   หลิวชิงเซียงไม่มีเวลาสนใจเรื่องใดอีก นางก้าวเท้าเข้าไปในอาราม  ยังไม่ทันยกเท้าข้ามธรณีประตูก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่พุ่งออกมาทำให้นางผงะถอยหลัง  ยันต์กระดาษสีเหลืองมีอักขระสีแดงพุ่งเข้าใส่หญิงสาวราวลูกศร  นางเบี่ยงตัวหลบแต่ยันต์แผ่นนั้นปาดแขนเสื้อของนางขาด

            “บัดซบ! เจ้านักพรตชั่วทำเสื้อข้าขาดเรอะ!”  หลิวชิงเซียงกระทืบ เท้าอย่างไม่พอใจ “วันนั้นข้าไม่ควรปล่อยให้เจ้ารอดตายเลย”

            หญิงสาววาดมือในอากาศ ยันต์แผ่นนั้นกลับส่องแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นผืนผ้าขนาดใหญ่ร่อนเข้ามาหมายจะห่อหุ้มมัดตัวนาง ดวงตางดงามเบิกกว้าง  ไม่คิดว่าผ่านมาห้าสิบปี  ฝีมือของนักรพตนอกรีตจะพัฒนาขึ้นถึงเพียงนี้  ทว่ากระบี่ของซุนเจ้าเฟิงฟาดลงมาแยกยันต์แผ่นนั้นเป็นสองซีก

            “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”  ซุนเจ้าเฟิงถามพลางก้มมองแขนเสื้อที่ขาด พลางถอนหายใจโล่งอกที่ไม่เห็นคราบเลือด

            หลิวชิงเซียงมองเขาอย่างประหลาดใ จ อาจเพราะเขาเป็นโอรสของฮ่องเต้และมีปราณชีวิตที่แข็งแกร่ง มนต์ดำหรือคุณไสยจึงไม่อาจทำอันตรายเขาได้

            “นี่มันคืออะไร”  ซุนเจ้าเฟิงใช้ปลายกระบี่เขี่ยยันต์กระดาษที่กลับสู่ขนาดเดิมแต่ยังขาดเป็นสองชิ้นซึ่งนอนสงบนิ่งบนพื้น “เมื่อครู่เจ้าพูดถึงใครกัน นักพรตอะไรนะ”

            “นักพรตซีห่าว”  นางเอ่ยแต่สบตากับหานหรงเหยา “เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าต้องการช่วยนาง”

            “นางเป็นภรรยาของข้า ข้าย่อมต้องช่วยนาง”

            “ยังไม่ได้เข้าพิธีเสียหน่อย” มุมปากของนางยกยิ้มเหมือนยิ้มเยาะ “หากทำไปเพื่อคุณธรรมในใจก็ไม่ต้องก้าวเท้าเข้าไป อย่างไรข้าเป็นศิษย์พี่และนางก็เป็นคนของสกุลหลิว ข้าต้องช่วยนางอยู่แล้ว”

            “นางคือภรรยาของข้า”   หานหรงเหยายืนยันคำเดิม “ชั่วชีวิตนี้

ข้าหานหรงเหยาจะมีหลิวเข่อซิงเป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”

            ถ้อยคำหนักแน่นนั้นทำให้หลิวชิงเซียงเบือนหน้าหนี  ครั้งหนึ่งในชีวิตของนางก็เคยมีบุรุษเอ่ยเช่นนี้ แต่สุดท้ายเขาก็จากไปเพราะนางคือปีศาจ  แต่หานหรงเหยาที่รู้อยู่แก่ใจว่าเข่อซิงคือปีศาจ ยังคงยืนกรานจะแต่งงานกัน  ช่างเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนางเสียหน่อย อย่างไรเสีย หน้าที่ของนางคือพาตัวหลิวเข่อซิงออกมา  

นางสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่อ่อนระโรยของหลิวเข่อซิง รู้ดีว่าต้องรีบเข้าไปด้านใน  หลิวชิงเซียงก้าวเข้าไปในด้านก็ถูกต้อนรับด้วยเหล่าสาวกของนักพรตที่ชักกระบี่พุ่งเข้าใส่ ร่างเพรียวบางในชุดสีแดงเพลิงสะบัดแขนเสื้อเพียงครั้งเดียว กลุ่มคนที่พุ่งเข้ามาก็กระเด็นตัวลอยไปกระแทกกับผนังอารามทันที  ซุนเจ้าเฟิงถึงกับอ้าปากค้าง เขารู้ว่านางมีวรยุทธ์แต่ไม่คิดว่าจะมีพละกำลังมากขนาดนี้

ไม่ใช่สิ นี่ไม่ใช่การใช้วิชายุทธ์แต่เป็น...  ราวกับอีกฝ่ายล่วงรู้ความคิด หลิวชิงเซียงหันมาส่งยิ้มเย้าล้อให้ซุนเจ้าเฟิงแล้วหันไปเอ่ยกับหานหรงเหยา

            “ซีห่าวเป็นนักพรตนอกรีต ฝึกบำเพ็ญเพียรมากว่าร้อยปีเพื่อหวังเป็นเทพเซียน เขามองว่าปีศาจทุกตนชั่วร้าย การกำจัดปีศาจเป็นการหนทางสู่ความเป็นเซียน แต่ดูเหมือนเขาจะเป็นปีศาจมากกว่าพวกข้าเสียอีก”

            “ทำไมเขาต้องลักพาตัวเข่อซิง”  หานหรงเหยายกกระบี่ขึ้นรับสาวกที่ฟาดกระบี่ใส่เขา

            “หัวใจของจิ้งจอกแดงเป็นยาชนิดหนึ่ง”  หลิวชิงเซียงพูดพลางประมือกับคนที่มาขวางทางนาง “โดยเฉพาะปีศาจอย่างนาง”

            “พวกเจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอันใดกัน” 

‘ปีศาจบ้าบออะไรกัน มันเป็นเรื่องเล่าให้เด็กกลัวมิใช่หรือ?’

ซุนเจ้าเฟิงยกเท้าถีบคนที่กระโจนเข้าใส่ ตั้งแต่กลับมาเมืองหลวงไม่ได้ยืดเส้นยืดสายนานแล้ว ได้ขยับตัวเสียบ้างนับว่าไม่เลวเลยทีเดียว

“เดี๋ยวก็รู้”  หลิวชิงเซียงหัวเราะในลำคอ แล้วแหวกเหล่าสาวกไม่กลัวตัวเข้าไปด้านในของอาราม

ด้านในของอาราม

            เพียงการขยับตัวเล็กน้อยก็ทำให้ลำคอเจ็บร้าวไปหมด แต่ความเจ็บปวดนี้เรียกสติให้ลืมตาอีกครั้ง  หญิงสาวยกมือขึ้นแตะลำคอแล้วพบว่าโซ่เงินเส้นเล็กนั้นยังรัดรอบลำคออยู่ น้ำเหนียวหนืดสีแดงนี้คือเลือดโซ่รัดบาดผิว  หลิวเข่อซิงยันกายขึ้นนั่ง  กวาดตามองไปโดยรอบ ผ้าม่านโปร่งสีขาวพลิ้วไหวน้อยๆ  นางอยู่บนเตียงหยกสีเขียวมรกตเย็นราวก้อนน้ำแข็ง แต่หัวใจของนางรุมร้อนจนต้องยกมือขึ้นกุมหัวใจ

            “ตื่นแล้วรึ”

            เสียงทุ้มกังวานเอ่ยขึ้นทำให้หลิวเข่อซิงหันไปมอง เขาคือนักพรตซีห่าวที่มีใบหน้าอ่อนโยนเปี่ยมเมตตาแต่แววตาตรงข้าม เขาใช้แส้หางม้าในมือปัดผ้าม่านโปร่งออกเพื่อก้าวเท้าเข้ามาใกล้  หญิงสาวขยับตัวถอยหนีอย่างหวาดกลัว แต่นักพรตซีห่าวยกมือขึ้น แม้ในมือว่างเปล่าแต่ทำท่าเหมือนกระตุกเชือก ทำให้ร่างของนางเหมือนถูกกระชากให้มาที่ขอบเตียง

            “โอ๊ย!”  ร่างกายนางเต็มไปด้วยบาดแผล กระทบกระเทือนเล็กน้อยก็ทำให้เลือดไหลซึมออกจากแผลเดิม หยดเลือดสีสดตกลงบนเตียงหยก ทว่าราวกับเตียงนี้ดูดซึมเลือดที่หยดที่ตกกระทบ  ดวงตาของหลิวเข่อซิงเบิกกว้างอย่างตกใจ นางเคยอ่านในตำราที่บรรดาศิษย์พี่ยัดใส่มือให้นางอ่าน

            “หยก...หยกโลหิต”

            “นับว่าเจ้าไม่โง่นัก”  นักพรตซีห่าวยิ้มแล้วใช้แส้หางม้าเชยคางนางขึ้น  ทำราวกับไม่ต้องการแตะต้องตัวนางด้วยซ้ำ “เจ้าเป็นปีศาจจิ้งจอกแดงสกุลหลิวสินะ อาจารย์ของเจ้า อ่อ ไม่สิ นางให้เจ้าเรียกท่านแม่ ท่านแม่ของเจ้าสร้างใบหน้าและเรือนร่างนี้เพื่อยั่วยวนบุรุษโดยแท้”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status