[ทรมานก่อนแล้วค่อยสะใจ] เฉียวเนี่ยนเป็นแก้วตาดวงใจของจวนโหวมาสิบห้าปี แต่วันนั้นจู่ๆ ก็ได้รับแจ้งว่าตัวเองเป็นแค่บุตรสาวตัวปลอม ตั้งแต่นั้นมา พ่อแม่ที่รักและทะนุถนอมนางก็กลายเป็นของหลินยวน พี่ชายที่รักและทะนุถนอมนางก็ผลักนางลงจากเรือนเพื่อหลินยวน แม้แต่คู่หมั้นของนาง แม่ทัพเซียว ที่ถูกแต่งตั้งเพราะผลงานก็ยังเลือกที่จะยืนอยู่ข้างหลินยวน เพื่อหลินยวน พวกเขาได้แต่มองดูนางถูกใส่ร้ายอย่างไม่สะทกสะท้าน ปล่อยให้นางถูกปรับให้เป็นทาสในกรมซักล้างเป็นเวลาสามปีเต็ม ไม่ถามไม่ไถ่เลย ใครจะคิดว่าวันหนึ่งหลังจากสามปีผ่านไป ท่านโหวและภรรยาของเขากลับร้องไห้ต่อหน้านาง “เนี่ยนเนี่ยน พ่อกับแม่ทำผิดแล้ว กลับบ้านกับพ่อและแม่เถอะนะ” ท่านโหวน้อยที่หยิ่งผยองมาตลอดคุกเข่าอยู่นอกประตูของนางทั้งคืน "เนี่ยนเนี่ยน เจ้าให้อภัยพี่ได้ไหม?" แม่ทัพเซียวผู้มีผลงานยอดเยี่ยมทางด้านรบยิ่งเดินมาหานางพร้อมกับบาดแผลที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด “เนี่ยนเนี่ยน เจ้าสงสารข้าหน่อย มองข้าอีกสักครั้งจะได้ไหม?” แต่หัวใจของนางได้ตายไปในวันและคืนที่นับไม่ถ้วนในช่วงสามปีที่ผ่านมาแล้ว ปวดใจหรือ? เฮอะ ตายเป็นขี้เถ้าสิถึงจะดี! หลังจากนั้น เฉียวเนี่ยนก็ได้พบกับผู้ชายที่ดวงตาเต็มไปด้วยนาง มองท่าทางที่มีความสุขของนาง แต่คนรู้จักเก่าเหล่านั้นกลับไม่กล้าเข้าใกล้แม้แต่ก้าวเดียว เพราะกลัวว่าในอนาคต พวกเขาจะไม่ได้เห็นหน้านางแม้กระทั้งยืนมองจากที่ไกลๆ ...
Lihat lebih banyakแต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน
เซียวเหิงมิได้ปฏิเสธและก็มิได้เอ่ยวาจาใดเพียงยกมือสะบัดเบา ๆ ก็เห็นชายฉกรรจ์กว่าสิบคนโผล่ออกมาจากตรอกซอยรอบด้านดูออกว่าแต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือในกองทัพสีหน้าเซียวเหอยิ่งอึมครึม สองดวงตาจับจ้องเซียวเหิงแน่นิ่ง "เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?"เซียวเหิงจึงล้วงออกมาจากอกเสื้อ หยิบยาขึ้นมาหนึ่งเม็ด "นี่คือยาที่ข้าไปขอจากสำนักราชาโอสถมา สามารถเสริมสร้างร่างกาย บำรุงกล้ามเนื้อ ฟื้นฟูโลหิต เหมาะสำหรับพี่ใหญ่ที่สุด"ขาของเซียวเหอที่มิได้ใช้มาห้าปี กล้ามเนื้อย่อมหดลีบไปไม่น้อยยานี้สามารถช่วยให้เขาฟื้นตัวได้โดยเร็วแต่ยาที่ดูเหมือนดีต่อเขาถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงต้องหลอกล่อให้ออกจากจวนก่อนจึงค่อยยื่นให้?เซียวเหอมิได้ตอบ เพียงรอฟังเซียวเหิงพูดต่อเป็นดังคาด เซียวเหิงหลุบตาลง คล้ายไม่กล้าสบตาเซียวเหอ "เพียงแต่ยานี้มีผลข้างเคียงหนึ่ง หลังกินเข้าไป จะทำให้หลับไหลถึงสิบสองชั่วยาม"สิบสองชั่วยาม เพียงพอให้เขาทำเรื่องต่าง ๆ ได้มากมายระหว่างที่หว่างคิ้วของเซียวเหอขมวดต่ำลง เขาก็เข้าใจแล้วว่าเซียวเหิงตั้งใจจะทำสิ่งใดกันแน่สายตาของเขากวาดมองชายฉกรรจ์ที่ล้อมอยู่อย่างช้า ๆ หัวใจก็พลันจมดิ่งถึงก้น
แม้ว่านางจะพูดไว้ว่าสามปี แต่เขาก็เคยพูดไว้ว่าหากนางอยากจะไปเมื่อไหร่ก็ย่อมได้เขารู้ดีว่าความรักนั้นไม่สามารถบังคับกันได้เขาชอบนางมากจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามเอาชนะใจนางให้ได้แต่หากนางไม่ชอบเขา เขาก็ไม่มีทางไปบังคับนางได้นิสัยของเขาต่างจากเซียวเหิงโดยสิ้นเชิงนึกถึงตรงนี้ ในใจของเซียวเหอก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้น นึกถึงเซียวเหิงที่มีนิสัยแบบนั้น ดวงตาของเขาก็หมองลงไปทันใดนั้น เขาก็หันไปพูดกับเฉียวเนี่ยน "หรือไม่ก็... ให้ข้าไปจากเมืองหลวงด้วยกันกับเจ้าก็ได้"ได้ยินคำนี้ เฉียวเนี่ยนเงยหน้าขึ้นมองเซียวเหอทันที ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจเขาจะคิดที่จะออกจากเมืองหลวงไปกับนางได้อย่างไร?เมื่อเห็นการตอบสนองของนางที่ตกใจขนาดนี้ เซียวเหอก็รู้ทันทีว่าเขาคงพูดสิ่งที่ตรงใจนางไปแล้ว เขาจึงยิ้มเล็กน้อย "ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเกี่ยวกับเหิงเอ๋อร์ ดังนั้น ข้าจึงอยากบอกเจ้าไว้ เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าสามารถจัดการทุกอย่างได้"เขาไม่จับเป็นต้องรับภาระอะไรของตระกูลเซียวอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถไปกับนางโดยไม่ต้องกังวลอะไร ออกไปชมภูเขาและแม่น้ำที่ไม่เคยเห็น และสัมผัสกับวัฒนธรรมที่ไม่เคยได้พบ
เซียวเหิงหยุดฝีเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากห้องโถง ศีรษะของเขาเอียงไปเล็กน้อย เพียงแค่มองดูแผ่นหลังนั้นก็สามารถทำให้คนรู้สึกถึงความหงุดหงิดที่เขากำลังมีในขณะนี้เขาไม่ได้หันกลับมา ยังคงหันหลังให้กับทุกคนพ่อเซียวตวาดเสียงดัง "ไอ้ลูกเวร อย่าได้ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้อีก ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าแน่!"คำขู่นั้นไม่ได้สร้างความเจ็บปวดอะไร เซียวเหิงไม่แม้แต่จะตอบรับ เพียงแค่ยกเท้าเดินออกไปจากธรณีประตูพ่อเซียวโกรธจนแทบคลั่ง และลุกขึ้นเหมือนจะตามไป แต่กลับถูกแม่เซียวขวางไว้จนในที่สุด ความโกรธของพ่อเซียวก็ตกไประบายที่แม่เซียวแทน "ดูเจ้าซิ สอนลูกประสาอะไร!"ในขณะที่พ่อเซียวกำลังโกรธ แน่นอนว่าแม่เซียวไม่อาจโต้เถียงอะไรได้ จึงเพียงแต่ปลอบโยนว่า "พอได้แล้วเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะสั่งสอนเขาเอง อย่าให้ตัวเองเครียดจนเสียสุขภาพนะเจ้าคะ หน่วนหน่วน พาท่านพ่อเจ้าไปนั่งพักผ่อนหน่อย"พ่อเซียวรักและเอ็นดูเซียวชิงหน่วนมากที่สุด การที่เซียวชิงหน่วนมาเป็นคนปลอบประโลมจึงเหมาะสมที่สุดเซียวชิงหน่วนตอบรับทันที แล้วก้าวไปประคองแขนพ่อเซียว "ท่านพ่อ ให้หน่วนหน่วนเล่นหมากรุกกับท่านพ่อดีหรือไม่เจ้าคะ?"ความโกรธของ
นอกจากนี้ ยังมีคำพูดบางประการที่กล่าวใส่ร้ายเฉียวเนี่ยนแต่ที่น่าสังเกตคือ ลายมือของคนเขียน...พ่อเซียวเผลอถลึงตาใส่เซียวเหิงเด็กนี่ไม่โง่ เขียนด้วยมือซ้าย เป็นเพียงเขาคนเดียวที่เป็นพ่อจะรู้ได้ทันใดนั้นเขาก็เก็บจดหมายไว้ แล้วถามต่อไปว่า "ทำไมคนนั้นถึงมาหาเจ้า? เจ้ามีเรื่องอะไรกับสะใภ้ใหญ่ของตระกูลข้าหรือ?"หญิงชราตกใจจนรีบปฏิเสธ "ไม่มี ไม่มีเรื่องอะไรเลยเจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นแค่คนธรรมดา จะมีเรื่องอะไรกับนายหญิงน้อยใหญ่ได้เล่า? แค่... "หญิงชรากำลังจะพูด แต่กลับหยุดคำพูดไว้เซียวชิงหน่วนที่มีนิสัยร้อนรนอยู่แล้ว เมื่อเห็นหญิงชราพูดติดอ่าง จึงโกรธจัดจนไม่สามารถทนได้ "อย่ามัวแต่พูดอ้อมค้อม รีบพูดมาให้จบ!"หญิงชราจึงพูดด้วยเสียงอ่อน ๆ อีกครั้ง "แค่... ข้าน้อยชอบพูดคุยกับผู้คน ไปมาหาสู่กับพวกหญิงสาวหลายคนตามปกติ ก็เลย..."คำพูดถัดไปไม่จำเป็นต้องพูดต่อ ทุกคนก็น่าจะเดากันได้ว่า นี่คือหญิงชราที่มีชื่อเสียงเรื่องปากเปราะในเมืองหลวง!แต่อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่ปากพล่อยพวกนี้โดยปกติจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับชนชั้นสูงเท่าไหร่ จึงไม่มีใครในตระกูลเซียวที่จำนางได้ทว่าทหารในกองทัพของเซียวเหิงส่วนใ
แคว้นจิ้ง ยี่สิบแปดเดือนสิบสองมันเป็นวันที่อากาศกำลังหนาวเย็นพอดีเฉียวเนี่ยนซักเสื้อผ้าชุดสุดท้ายในตอนเช้าเสร็จ ยังไม่ทันเช็ดมือที่หนาวจนชาให้แห้งก็ได้ยินนางกำนัลอาวุโสจากกรมซักล้างตะโกนเรียกนางว่า “เฉียวเนี่ยน เร็วเข้า จวนโหวมีคนมารับเจ้าแล้ว!”นางยืนอึ้งอยู่ที่เดิมจวนโหว ช่างเป็นคําที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยยิ่งนักนางเคยเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของจวนโหวมาสิบห้าปี แต่เมื่อสามปีก่อนกลับได้รับแจ้งว่าตนเองเป็นตัวปลอมเป็นนางกำนัลอาวุโสที่ทําคลอดในตอนนั้นที่เห็นแก่ตัว นำลูกของตัวเองกับคุณหนูของจวนโหวแลกเปลี่ยนกัน และก่อนตายก็ค้นพบมโนธรรมและบอกความจริงออกมาเฉียวเนี่ยนจําได้แม่นว่าวันนั้นที่ท่านโหวสองสามีภรรยาได้รู้จักกับหลินยวนลุกสาวแท้ๆ นั้นตื่นเต้นแค่ไหน พวกเขากอดกันทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ ส่วนนางยืนมองอยู่ข้างๆ อย่างทําอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าพ่อแม่ที่ตัวเองเรียกมาสิบห้าปี ทําไมจู่ๆ ถึงไม่ใช่พ่อแม่ของตัวเองแล้วอาจเป็นเพราะมองเห็นความผิดหวังของนางได้ ท่านโหวหลินจึงสัญญากับนางว่า นางยังคงเป็นคุณหนูของจวนโหว และยังให้หลินยวนเรียกนางว่าพี่สาว แม้แต่ฮูหยินหลินก็ยังบอกว่า พวกเขาย...
Komen