Share

บทที่ 10

Author: โม่เสียวชี่
last update Last Updated: 2024-12-10 16:06:29
เฉียวเนี่ยนไม่ทันแม้แต่จะคลุมเสื้อนอกที่เพิ่งถอดออกแล้วก็วิ่งออกไป"เกิดอะไรขึ้น? ใครตะโกนอยู่?”

หนิงซวงเองก็เดินตามหลังเฉียวเนี่ยนอย่างร้อนใจพลางส่ายหน้า “บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ เพิ่งได้ยินเสียงเรียก คุณหนูสวมเสื้อผ้าสักชุด ข้างนอกหนาวมาก”

แต่เฉียวเนี่ยนไหนเลยจะมีกะจิตกะใจใส่เสื้อผ้า

หลินยวนตกน้ำ จะตกที่ไหนได้อีก

ก็คือสระบัวของเรือนฟางเหอไม่ใช่หรือ?

ตอนนั้นหลินยวนทําถ้วยแตกใบเดียวนางก็ถูกทรมานอยู่ถึงสามปี ถ้าหลินยวนเกิดเรื่องขึ้นกับนาง ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่หลินเย่ว์คนเดียวคงตีนางจนตายแน่

เมื่อเฉียวเนี่ยนมาถึง หลินยวนยังคงกระโผลกกระเผลกอยู่ในน้ำ

ผิวน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งได้แตกเป็นรูใหญ่รูหนึ่งแล้ว

บนสะพานหินมีสาวใช้และเด็กรับใช้จํานวนไม่น้อยกําลังเฝ้าดูอยู่

เฉียวเนี่ยนก้าวเท้ายาวๆ วิ่งเข้าไป"พวกเจ้าทุกคนว่ายน้ำไม่เป็นหรือ? ทําไมไม่ช่วยคน?!”

กลับเห็นเด็กรับใช้หลายคนทําหน้าลําบากใจ “พวกบ่าวช่วยได้ก็จริง แต่ถ้าทําลายความบริสุทธิ์ของคุณหนูรองจะทําอย่างไรขอรับ?”

“ความบริสุทธิ์ยังสําคัญกว่าชีวิตอีกหรือ?” เฉียวเนี่ยนถลึงตาใส่เด็กรับใช้ที่กําลังพูดอยู่อย่างดุร้าย

แล้วกระโดดลงไปในน้ำโดยไม่พูดไม่จา

น้ำในสระไม่ลึก แต่เย็นจนเข้ากระดูก

ด้านล่างของแม่น้ำเต็มไปด้วยโคลนและไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคงและจะจมลงหากประมาทเล็กน้อย

เฉียวเนี่ยนใช้ความพยายามอย่างมากในการช่วยหลินยวนให้รอดมาได้ หนิงซวงบนฝั่งได้เตรียมเสื้อผ้าหนาๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากเฉียวเนี่ยนและหลินยวนขึ้นจากน้ำแล้ว ก็ห่อตัวทั้งสองคนไว้อย่างแน่นหนา

"ยังมัวทําอะไรอยู่? เรียกหมอประจําจวนสิ พวกเจ้าช่วยพาคุณหนูทั้งสองกลับห้องให้ข้าหน่อย ตั้งเตาให้ร้อน เตรียมน้ำชาขิง”

เมื่อหนิงซวงออกคําสั่ง เหล่าคนรับใช้ที่มุงดูอยู่ก็แยกย้ายกันไปทํางานทันที

และเวลานี้เอง เสี่ยวชุ่ยสาวใช้ของหลินยวนก็บุกเข้ามาในเรือนฟางเหอในที่สุด

ด้านหลังเสี่ยวชุ่ยยังมีหลินเย่ว์

เห็นหลินยวนตกน้ำแล้วหน้าซีด ท่าทางกระเซอะกระเซิง เสี่ยวชุ่ยก็ร้อนใจขึ้นมาทันที รีบวิ่งเข้ามากอดหลินยวนไว้ “คุณหนู ท่านไม่เป็นไรนะเจ้าคะ? ตกลงไปในน้ำได้อย่างไร?”

จากนั้น เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก เสี่ยวชุ่ยพลันมองเฉียวเนี่ยน “เป็นเจ้า เจ้าผลักคุณหนูของข้าตกน้ำ”

ท่าทางที่ชี้หน้าด่านางอย่างมั่นอกมั่นใจนั้นเหมือนกับเมื่อสามปีก่อนไม่มีผิด

เฉียวเนี่ยนรู้สึกเพียงว่าไฟในใจของตนลุกโหมขึ้นมาทันที แต่ยังไม่ทันที่นางจะมีปฏิกิริยาใดๆ หนิงซวงก็พุ่งตัวเข้าไปก่อน แล้วตบหน้าเสี่ยวชุ่ยไปหนึ่งฉาด

“เพียะ!” เสียงที่คมชัดดังก้องไปทั่วท้องฟ้าของเรือนฟางเหอ

ชั่วขณะหนึ่ง เฉียวเนี่ยนถึงกับหยุดหายใจ

แม้แต่หลินเย่ว์ก็ยังตกตะลึงอยู่ ไม่คิดว่าหนิงซวงจะทําแบบนี้

มีเพียงหนิงซวงที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มือข้างหนึ่งเท้าสะเอว อีกข้างหนึ่งชี้ไปที่จมูกของเสี่ยวชุ่ยแล้วด่าว่า “เจ้าคนชั้นต่ำ ปากน่ะถ้าใช้ไม่เป็นข้าก็จะฉีกให้เจ้าแล้ว! ถ้าไม่ใช่คุณหนูของข้ากระโดดลงน้ำไปช่วยคนโดยไม่คํานึงถึงความปลอดภัย ตอนนี้เจ้านายของเจ้าคงแข็งไปแล้ว ในฐานะที่เป็นสาวใช้เห็นเจ้านายตกที่นั่งลําบาก ไม่พูดก็รีบมาดูแลทันที มีแต่จะพ่นขี้ออกมาเต็มปาก! คุณหนูของข้าช่วยคนอยู่เห็นได้ด้วยตาสิบกว่าคู่ที่เรือนฟางเหอหยวน เจ้าบอกว่าคุณหนูของข้าผลักเจ้านายของเจ้าแล้วเจ้าก็เอาหลักฐานออกมาสิ ถ้าเอาออกมาไม่ได้ ดูสิว่าข้าจะฉีกปากเน่าๆ ของเจ้าให้เละหรือเปล่า!”

……

รุนแรงมาก!

เฉียวเนี่ยนจ้องมองหนิงซวงด้วยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสาวน้อยร่างเล็กคนนี้จะเก่งขนาดนี้

และในตอนนี้ผู้คนรอบข้างก็ได้สติแล้ว โดยเฉพาะหลินยวน

ตอนนี้นางยังคงถูกสาวใช้คนอื่นประคองอยู่ เพราะดิ้นรนอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน สําลักน้ำไปหลายอึก ตอนนี้เวลาพูดจึงไม่มีแรง

นางกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำเหมือนเลือด “เจ้า เจ้าลงมือตีคนได้อย่างไร?”

ท่าทางของสาวใช้ที่ปกป้องนางรู้สึกน้อยใจมากจริงๆ

หลินเย่ว์ก็ขมวดคิ้วทันทีและตะโกนใส่หนิงซวงว่า "บังอาจ! กล้าลงมือต่อหน้าข้าหรือ? เจ้ากล้าดียังไงกัน?”

“ข้า”

เฉียวเนี่ยนจึงเอ่ยปากพูดเบาๆ

นางห่อตัวด้วยเสื้อนวมหนาๆ ใบหน้าของนางถูกแช่แข็งจนซีดเล็กน้อย หยดน้ำบนข้าของนางยังคงหยดลงมา แต่ก็มีน้ำแข็งจํานวนไม่น้อย

เมื่อเทียบกับหลินยวนแล้ว นางดูสงบเป็นพิเศษ เห็นได้ชัดว่าระยะห่างระหว่างนางกับหลินเย่ว์ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว แต่กลับทําให้หลินเย่ว์รู้สึกว่าระยะห่างระหว่างพวกเขาช่างไกลเหลือเกิน

“สาวใช้ของข้าสั่งสอนคนใช้ชั้นต่ำที่ไม่เคารพข้าและเคยใส่ร้ายข้าในเรือนของข้า ข้าไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร”

เคยใส่ร้าย

สามคํานี้ทําให้หลินยวนและหลินเย่ว์นึกถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย

หลินยวนขดตัวอยู่ในอ้อมอกของสาวใช้ สําลักไอออกมาสองครั้งอย่างน่าสงสาร แล้วถึงค่อยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ ว่า “แต่ แต่ก็ตีคนไม่ได้นะ...”

เมื่อเห็นน้ำตาของหลินยวนไหลไม่หยุด หลินเย่ว์ก็อดนึกถึงเรื่องลําดับวงศ์ตระกูลไม่ได้ เมื่อคิดว่าเฉียวเนี่ยนจงใจพูดถึงในตอนนี้ก็เพื่อให้เขารู้สึกละอายใจ จึงขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างเฉียบขาดว่า “ยวนเอ๋อร์พูดถูก ไม่ว่ายังไงก็ตีคนไม่ได้! ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าว่ายน้ำไม่เป็นด้วยซ้ำ”

ประโยคสุดท้ายพูดกับเฉียวเนี่ยน สายตาเย็นชา ราวกับมั่นใจว่านางกําลังโกหก!

น้องสาวของตนเอง ตกลงจะว่ายน้ำเป็นหรือไม่ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร?

นึกถึงตอนนั้นที่พวกเขาไปล่องเรือที่ชานเมืองด้วยกัน เฉียวเนี่ยนเผลอทําต่างหูที่เซียวเหิงส่งให้ตกลงไปในทะเลสาบ ร้อนใจจนกระโดดลงจากเรือทันที ถ้าไม่ใช่เพราะเขากับเซียวเหิงว่ายน้ำเก่ง วันนั้นเฉียวเนี่ยนคงจมน้ำตายไปแล้ว

ดังนั้นหนิงซวงจึงบอกว่าเฉียวเนี่ยนเป็นคนช่วยไว้ หลินเย่ว์จึงไม่เชื่อเลย

ร่างกายของเฉียวเนี่ยนเริ่มสั่นเล็กน้อย แต่แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าหนาวหรือโกรธเพราะหลินเย่ว์กันแน่

“ดังนั้น ท่านโหวน้อยก็คิดว่าข้าผลักคุณหนูหลินหรือ?” นางถามกลับอย่างเย็นชา น้ำเสียงสั่นเทิ้ม ความโกรธในใจกําลังจะระเบิดออกมา แต่สุดท้ายก็ถูกนางกดกลับไปอย่างเอาเป็นเอาตาย

หลินเย่ว์ไม่ได้พูดอะไร ไม่ใช่ว่าไม่อยากพูด แต่เมื่อเห็นท่าทางของนางแล้ว คําพูดที่ทําร้ายคนอื่นเหล่านั้นก็พูดไม่ออกอย่างอธิบายไม่ถูก

ดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงมองไปที่หลินยวนอีกครั้ง

เพียงแค่มองอย่างเงียบๆ แบบนี้ แต่เมื่อสบสายตาของนาง หลินยวนก็ก้มหน้าลงอย่างเงียบๆ

เหมือนเมื่อสามปีก่อน ไม่พูดอะไรสักคํา

จนเมื่อตอนที่นางอยู่ในห้อง คําขอโทษทั้งน้ำตาของนางจึงดูน่าขันเป็นพิเศษ

“เฮอะ!”

เฉียวเนี่ยนก็หัวเราะออกมา

น้ำเสียงที่ไม่ดังนักกลับแฝงไว้ด้วยการประชดประชันอย่างรุนแรง

ร่างกายของหลินยวนสั่นเทิ้มตามไปด้วย น้ำตาไหลพรากราวกับเขื่อนที่แตกทลาย

หลินเย่ว์ทนดูท่าทางของหลินยวนไม่ได้จริงๆ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ แต่ก็ไม่อาจโกรธเฉียวเนี่ยนได้ จึงทําได้เพียงตะคอกใส่หนิงซวงอย่างโมโหว่า “ไสหัวไปรับโทษโบยซะ!”

ใบหน้าเล็กๆ ของหนิงซวงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่นางก็ไม่อยากให้เฉียวเนี่ยนลําบากใจ จึงทําความเคารพทันที

แต่มือเย็นจับแขนนางและหยุดนางไว้

ใบหน้าของเฉียวเนี่ยนยังคงสงบนิ่ง แต่ดวงตาซ่อนความเกลียดชังไว้อย่างชัดเจนขณะมองหลินเย่ว์ “วันนี้หนิงซวงไม่ว่าง นางยังต้องคอยปรนนิบัติข้าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนคุณหนูหลินตกลงไปในน้ำได้อย่างไรและใครเป็นคนช่วยขึ้นมา ท่านโหวน้อยถามรายละเอียดในภายหลังก็จะรู้ความจริงได้”

พูดจบนางก็ดึงหนิงซวงเดินกลับไป

เพียงแต่ยังเดินไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็หยุดลงอีก เอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วพูดช้าๆ ว่า “เมื่อก่อนน้ำไม่เป็น แต่เมื่อหนึ่งปีก่อนนางบ่าวในวังหลายคนร่วมมือกันจับข้าโยนลงในสระซักล้าง ยืนถือราวตากผ้าป้องกันอยู่ริมฝั่ง ผ่านไปครึ่งชั่วยามถึงอนุญาตให้ข้าขึ้นมา หลังจากนั้นก็เป็นแล้ว”

Related chapters

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 11

    คำพูดของเฉียวเนี่ยน เหมือนดั่งฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ จนทำให้หลินเย่ว์เกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะในมโนภาพเห็นแต่เฉียวเนี่ยนดิ้นรนอยู่ในน้ำ ส่วนนางกำนัลอื่นก็อยู่ข้างบ่อซักล้าง ต่างพากันหัวเราะเป็นการใหญ่พลันรู้สึกเจ็บในหัวอกมากขึ้น เขาคิดจะพูดอะไรต่ออีก แต่คล้ายมีบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ จวบจนแผ่นหลังของเฉียวเนี่ยนถูกบานประตูขวางกั้นจนมองไม่เห็นอีก จึงค่อยมีสติกลับคืนมาบ้าง“คุณหนู ฮือๆๆ...” เสียงร่ำไห้ของเสี่ยวชุ่ยดังขึ้นที่ข้างหู ทำให้รู้สึกรำคาญยิ่งหลินยวนถลึงตาใส่เสี่ยวชุ่ย “เอาแต่ร้องไห้อยู่ได้ ไม่รีบไปตามหมอมาอีก?”เสี่ยวชุ่ยเพิ่งจะนึกได้ จึงรีบออกไปทันทีหลินเย่ว์ส่งหลินยวนกลับไปยังเรือนลั่วเหมย ส่วนหมอประจำจวนก็มาพร้อมกับฮูหยินหลินขณะที่หมอกำลังตรวจชีพจรดูอาการให้หลินยวนอยู่นั้น ฮูหยินหลินก็พาหลินเย่ว์ออกไปข้างนอก “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? น้องเจ้าอยู่ดีๆ ตกน้ำได้อย่างไร หรือเป็นเพราะว่าเนี่ยนเนี่ยน...”“ท่านแม่” หลินเย่ว์ขมวดคิ้ว ขัดจังหวะการพูดของฮูหยินหลินทันที “เพราะเนี่ยนเนี่ยนช่วยยวนเอ๋อร์ไว้ต่างหาก”กล่าวพลาง เขาคล้ายกับนึกอะไรได้ จึงหันไปมองเสี่ยวชุ่ย “เจ้ามานี่”ใบหน้าซีก

    Last Updated : 2024-12-10
  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 12

    ผู้มาใหม่คือเพื่อนสนิทของฮูหยินหลิน พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยนั่นเองเมื่อเห็นว่าในที่สุดก็มีคนมาห้ามปรามหลินเย่ว์ เหล่านางกำนัลที่อยู่ในบ่อจึงต่างพากันร่ำไห้ระงมอออกมา “พระสนม...”“ฮือๆๆ พระสนมโปรดช่วยพวกเราด้วยเพคะ”นางกำนัลสิบกว่าคนร้องไห้ขึ้นมาพร้อมกัน ฟังแล้วเป็นที่หนวกหูยิ่งพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ปรายตามองดูนางกำนัลใหญ่ที่อยู่ด้านข้างนางกำนัลใหญ่เข้าใจดี จึงกล่าวเสียงตวาด “ยังไม่รีบไปเปลี่ยนชุดอีก หากล้มป่วยขึ้นมา ทำให้เหล่าพระสนมเสียงานเสียการ พวกเจ้าจะมีกี่หัวพอให้ตัด?”เมื่อได้ยินดังนี้ เหล่านางกำนัลจึงหยุดร้องไห้ พร้อมคลานขึ้นจากบ่อน้ำแล้วแยกย้ายไปยังเรือนของตนทันทีรอจนทุกคนไปหมดแล้ว พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยค่อยหันมามองราวตากผ้าในมือหลินเย่ว์ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวเสียงดุ “อะไรกัน ท่านโหวน้อยจะตีข้าด้วยหรืออย่างไร?”หลินเย่ว์ตกใจจนทิ้งราวตากผ้าลงจากมือ พร้อมประสานมือกล่าวตอบ “กระหม่อมมิบังอาจ”“ขนาดบุกเข้าวังมาเช่นนี้ ยังมีสิ่งใดไม่กล้าทำอีก?” เห็นชัดว่าพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเริ่มกริ้วบ้างแล้วนางมองว่าหลินเย่ว์ทำการวู่วามเกินไปในกรมซักล้างแห่งนี้ แม้เป็นที่ๆ นับว

    Last Updated : 2024-12-10
  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 13

    แม้แต่ท่านโหวหลินก็อดมองหน้าเฉียวเนี่ยนไม่ได้ แต่ยังคงพูดคุยกับหลินเย่ว์ต่อ “เคราะห์ดีที่วันนี้มีพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยมาออกหน้าให้ มิฉะนั้นอย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่ข้าเองก็อาจไม่ได้ออกจากวังมาอีก!”เฉียวเนี่ยนมองดูพื้นที่อยู่เบื้องหน้าตน ในใจแอบรู้สึกถึงความเย้ยหยันคำพูดนี้ น่าจะพูดให้นางฟังมากกว่าขณะกำลังคิดอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงหลินยวนแว่วมา “ท่านพ่อ...”น้ำเสียงอ่อนหวานนั้น แฝงด้วยความอ่อนแรง ระคนความร้อนใจ คล้ายพร้อมจะขาดใจได้ทุกเมื่อกระนั้นเฉียวเนี่ยนคิ้วขมวดเล็กน้อย พลันเห็นหลินยวนเดินอย่างอ่อนระโหยเข้ามาโดยมีสาวใช้เสี่ยวชุ่ยคอยประคอง ทันทีที่เห็นใบหน้าหลินเย่ว์มีเลือดไหลซึม น้ำตานางก็ร่วงหล่นลงพลัน พร้อมคุกเข่าลงข้างกายหลินเย่ว์ “ท่านพ่อ ขอท่านอย่าได้โกรธมาก แค่กๆๆ แค่กๆๆ...”กล่าวยังไม่ทันจบประโยค หลินหยวนก็เกิดอาการไอรุนแรงขึ้นมาท่านโหวหลินเป็นห่วงเสียจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ พลางตวาดไปทางเสี่ยวชุ่ย “ยังไม่รีบพยุงคุณหนูขึ้นมาอีก!”จนแม้แต่ฮูหยินหลินซึ่งแต่เดิมปกป้องหลินเย่ว์อยู่ ยังรีบไปพยุงให้นางยืนขึ้น “เจ้ายังป่วยอยู่ ออกมาทำไมกัน”“ข้า...ได้ยินว่าท่านพ่อจะลงโทษพี่ชาย” น้

    Last Updated : 2024-12-10
  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 14

    เฉียวเนี่ยนรู้สึกหวาดหวั่นในใจ ขณะยืนอยู่กลางลานในตำหนักของพระสนมเต๋อกุ้ยเฟย จิตใจยังคงหวั่นวิตกไม่หายนับแต่ทำงานในกรมซักล้างมาสามปี นางยังไม่เคยมาตำหนักนี้ แต่พอรู้สึกได้ว่าบรรยากาศที่นี่แตกต่างจากกรมซักล้างโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดความอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกนางกลัวว่าตนจะเหมือนเมื่อสามปีที่แล้ว เข้ามาแล้วไม่ได้กลับออกไปอีกไม่รู้ว่ายืนอยู่นานเพียงไหน รู้เพียงนิ้วเท้าหนาวเย็นจนเกือบไร้ความรู้สึก กว่าจะมีคนมาเรียกนางเข้าไปพบพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยทันทีที่ผลักประตูเข้าไป ก็มีไออุ่นมาปะทะใบหน้า จนเฉียวเนี่ยนรู้สึกแสบถึงปลายจมูกนางสูดจมูกเล็กน้อย ไม่ทันเดินเข้าด้านในก็ได้ยินเสียงพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยดังลอดออกมา “ข้าเห็นชุดที่ส่งซักแล้ว ซักได้ดีมากจริงๆ”เฉียวเนี่ยนเพิ่งจะเห็นหน้านาง พลางรีบคุกเข่าลง “บ่าวถวายบังคมพระสนมกุ้ยเฟยเพคะ”เพราะนางทำงานเป็นบ่าวไพร่ในกรมซักล้างจนเคยชิน แม้ตอนนี้จะกลับไปอยู่จวนโหวตามเดิม แต่เวลาพบผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ยังมักจะกล่าวแทนตัวเองว่า ‘บ่าว’ อยู่เสมอพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยชะงักเล็กน้อย คล้ายกับนึกสิ่งใดขึ้นมาได้ จึงส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเบาๆ “เจ้าช่างเหมือนกับที่แม่เจ

    Last Updated : 2024-12-10
  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 15

    เฉียวเนี่ยนแอบรู้สึกตกใจ จนแม้แต่นางกำนัลผู้นั้นก็กวาดสายตามองดูเฉียวเนี่ยนและเซียวเหิงด้วยความฉงน ก่อนตอบรับสั้นๆ ว่า “เจ้าค่ะ”หลังจากนั้น นางกำนัลก็จากไปทันทีเซียวเหิงกลับเดินมาผายมือต่อเฉียวเนี่ยนอย่างเปิดเผย “แม่นางเฉียว เชิญ”เมื่อหมดหนทาง เฉียวเนี่ยนจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามเซียวเหิงออกจากวังไปเพียงแต่วันนี้รู้สึกทางเดินออกจากวังยาวไกลกว่าปกติ เฉียวเนี่ยนพยายามมองไปข้างหน้าเป็นระยะ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นประตูบานใหญ่ของวังหลวงเสียทีทั้งคู่ต่างไม่พูดไม่จาเงียบงันเสียจนได้ยินเสียงพื้นรองเท้าเสียดสีกับพื้นทรายด้านล่างซึ่งสภาพการณ์เช่นนี้ หากเป็นแต่ก่อนจะไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักเพราะเท่าที่เซียวเหิงจำได้ นางเป็นหญิงที่ช่างพูดช่างจา วันๆ มักจะบ่นโน่นบ่นนี่ไม่หยุดหย่อนและความเงียบในเวลานี้ ทำให้เขาไม่คุ้นชินในที่สุดจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน “เรื่องพี่ชายเจ้า ข้าได้ยินมาแล้ว ฝ่าบาทอาจจะทรงกริ้วบ้าง แต่มิใช่เรื่องใหญ่อันใด เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล”เฉียวเนี่ยนไม่เคยคิดว่าเซียวเหิงจะพูดกับนางเช่นนี้ นี่หมายความว่ากระไร?ปลอบใจกระนั้นรึ?แต่ว่า นางมิได้กังวลอะไรเลยนางยังคง

    Last Updated : 2024-12-10
  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 16

    เฉียวเนี่ยนไม่นึกว่าฮูหยินเฒ่าจู่ๆ จะถามเช่นนี้ เมื่อดูความคาดหวังจากสายตาของนาง ทำให้เฉียวเนี่ยนเข้าใจโดยพลัน ว่าฮูหยินเฒ่าต้องการเป็นแม่สื่อให้นางกับเซียวเหิงนั่นเองแม้เมื่อวานนางจะพูดชัดเจนแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับเซียวเหิงอีก แต่ในสายตาของฮูหยินเฒ่า ทั้งคู่โตมาด้วยกัน อีกทั้งเซียวเหิงก็เป็นคนโปรดของฮ่องเต้ เหมาะที่เฉียวเนี่ยนจะฝากชีวิตไว้ในภายภาคหน้าแต่ว่า เมื่อก่อนความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวเหิงมักจะเข้าทำนองดอกไม้มีใจแต่สายน้ำไหลผ่าน มาวันนี้เขากับหลินยวนได้รักใคร่ชอบพอ นางจึงไม่มีเหตุผล อีกทั้งไม่มีแก่ใจจะไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีกจึงรีบส่ายหน้าเร็วพลัน “ท่านย่า วันนี้แม่ทัพเซียวยังได้ฝากขนมมาทางข้าเพื่อมอบให้หลินยวน พวกเขาต่างหากถึงเป็นคู่สร้างคู่สม ต่อไปท่านก็อย่าคิดเรื่องนี้อีกเลย”ฮูหยินเฒ่าเป็นคนดื้อแพ่งไม่น้อย จึงได้ถอนหายใจ “เฮ่ย ย่าเพียงแต่เห็นว่าแต่ก่อนเจ้ากับเด็กหนุ่มตระกูลเซียวสนิทสนมกันดี แล้วต้องมาขาดกันเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายนัก”เฉียวเนี่ยนฉีกยิ้มเล็กน้อย พลางซบศีรษะลงบนไหล่ฮูหยินเฒ่า “ต่อไปข้าคิดแต่จะอยู่กับท่านย่า จริงนะเจ้าคะ”นางรู้ดีว่าตนกับเซียวเหิงรู้จักม

    Last Updated : 2024-12-10
  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 17

    พวกเขาต่างพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว หากเป็นไปได้ เฉียวเนี่ยนก็แทบอยากหันหลังจากไปทันทีแต่ว่า นางไม่มีเงินติดตัว ข้างนอกก็ไม่มีสหายสักคน หากออกไปตอนนี้ นงก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ใดได้อีกที่สำคัญ ท่านย่ายังอยู่ในจวนนี้นางจะปล่อยให้คนแก่เป็นห่วงได้อย่างไร?เพราะฉะนั้น แม้ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์จะพูดจาไม่เข้าหูสักเพียงใด ยามนี้นางก็ได้แต่ฟังอย่างเดียวและอดทนไว้สายตาไปอยู่ที่ชามข้าวที่วางอยู่ตรงกลางโต๊ะ เฉียวเนี่ยนรู้แล้วว่าบทสรุปของละครฉากนี้อยู่ตรงที่ใดในดวงตาเริ่มมีหยาดน้ำเอ่อขึ้นมา แต่นางก็ฝืนเก็บกักมันเอาไว้จากนั้นจึงถือตะเกียบคีบเนื้อปลาในชามข้าวขึ้นมา และส่งเข้าปากข้างโสตแว่วเสียงหัวเราะเย้ยหยันของหลินเย่ว์ “ตอนนี้ยอมกินแล้วรึ? เห็นทีว่าฐานะคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวยังมีความน่าสนใจอยู่บ้าง”เฉียวเนี่ยนปรายตามองดูหลินเย่ว์เล็กน้อย ไม่สนใจคำพูดเย้ยหยันของเขา เพียงมองหน้าท่านโหวหลินแล้วย่อตัวคารวะเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปาก“ท่านโหวอย่าเพิ่งโกรธ ใช่ว่าข้าถือตัวไม่ยอมกินเนื้อปลาที่ท่านโหวน้อยคีบให้ หากแต่เพราะสองปีก่อนทำงานจนเสียสุขภาพ กินอาหารทะเลครั้งใด ร่างกายจะขึ้นผดผื่น ซ้ำยังมีอาการคัน

    Last Updated : 2024-12-10
  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 18

    ข้อเสนอกะทันหันเช่นนี้ทำให้เซียวเหิงนึกตกใจเพียงแต่เขายังไม่ทันเอ่ยปาก หมัดของหลินเย่ว์ก็ประเคนเข้าให้ก่อนแล้วดีที่เซียวเหิงมีปฏิกิริยาฉับไว เพียงแค่เอี้ยวตัวก็สามารถหลบหลีกได้หลินเย่ว์พลาดเป้าหมาย ทั้งร่างจึงฟุบลงไปที่โต๊ะ กับแกล้มหลายอย่างร่วงลงพื้นหมดเขาหยิบผักขึ้นมากำมือหนึ่ง พร้อมโยนใส่หน้าเซียวเหิง เซียวเหิงถอยหลังกรูด หลบเลี่ยงเป็นพัลวัน สีหน้าเริ่มมีความไม่พอใจผุดขึ้น “เจ้าเป็นบ้าอะไรขึ้นมา?”เขาจงใจเลี่ยงไม่พูดคำว่าบ้าคลั่ง เหตุเพราะที่ผ่านมา ให้หลินเย่ว์เมาเพียงไหนก็ไม่เคยคลุ้มคลั่งเช่นนี้มาก่อนแต่วันนี้ เหมือนเขามีความในใจแอบแฝงหลินเย่ว์ลุกขึ้นยืน เสื้อผ้าหรูหราได้เปื้อนคราบสกปรกไปไม่น้อยแต่เขากลับไม่สนใจ มีเพียงชี้นิ้วไปทางเซียวเหิง “ขอเตือนให้รู้ หากเจ้ากล้าผิดต่อยวนเอ๋อร์ ก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ”เซียวเหิงมีสีหน้าเย็นชา พลางปัดคอเสื้อให้เรียบร้อย ก่อนยิ้มเบาๆ “คำพูดประโยคนี้ เมื่อก่อนเจ้าก็เคยพูดไว้”เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้หมายถึงยวนเอ๋อร์ หากแต่เป็นเนี่ยนเนี่ยนหลินเย่ว์สะอึกเล็กน้อย แต่ก็โต้ตอบเร็วพลัน “แต่ตอนนี้คนที่หมั้นหมายกับเจ้าคือยวนเอ๋อร์ เ

    Last Updated : 2024-12-10

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 40

    พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยลุกขึ้นตาม “บาดแผลของเจ้ายังไม่หายดี ห้าม...”ที่จริงเมื่อครู่เฉียวเนี่ยนเคยถูกพระสนมเต๋อเฟยซาบซึ้งใจในชั่วขณะหนึ่ง แต่ตอนนี้ความซาบซึ้งใจนั้นได้มลายหายไปนานแล้วนางยิ้มให้พระสนมเต๋อเฟย “พระสนมวางใจเถิด” พูดจบก็เดินออกไปข้างนอกจะวางใจในอาการบาดเจ็บของนางหรือวางใจในหมิงอ๋อง ก็ต้องให้พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยค่อยๆ คิดไปเองสามปีนี้ที่เฉียวเนี่ยนอยู่ในหน่วยงานซักล้าง แม้ว่าส่วนใหญ่จะซักเสื้อผ้าอยู่ในหน่วยงานซักล้าง แต่ก็มีเวลาไม่น้อยที่กลับไปส่งของตามมามาตามตําหนักต่างๆดังนั้นนางจึงคุ้นเคยกับเส้นทางในตำหนักเป็นอย่างดีไม่นานหลังจากนั้นนางก็พบด้านนอกห้องทรงอักษรหลังจากได้รับรายงาน นางตามพ่อสามีคนหนึ่งเข้าไปในห้องทรงอักษร กลับเห็นว่าในห้องทรงอักษรนอกจากท่านโหวหลินและฮูหยินแล้ว เซียวเหิงก็อยู่ด้วยทั้งหมดมาฟ้องเหรอ?เฉียวเนี่ยนแอบเยาะเย้ยอยู่ในใจ แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกมา ก้าวเข้าไปคุกเข่าทําความเคารพ “ข้าน้อยเฉียวเนี่ยนถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”หน้าโต๊ะมีร่างสีเหลืองสดใสมองเฉียวเนี่ยนอย่างพินิจพิเคราะห์"เจ้าคือเฉียวเนี่ยนหรือ?"น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม แ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 39

    หมิงอ๋องพาคนเข้าตำหนักโดยตรงเมื่อเฉียวเนี่ยนตื่นมา เขาอยู่ในตำหนักของพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเมื่อเห็นห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เฉียวเนี่ยนถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ทันถูกหมิงอ๋องอุ้มขึ้นรถม้าก็สลบไปแล้ว ใจพลันหนักอึ้ง ดิ้นรนลุกขึ้นตามสัญชาตญาณโชคไม่ดีที่พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกําลังผลักประตูเข้ามา เห็นนางตื่นแล้วก็รีบเข้ามาต้อนรับ “รีบหมอบลง แผลเจ้ายังไม่หายดี อย่าดิ้นจะดีกว่า”เพียงแต่เฉียวเนี่ยนลุกขึ้นนั่งแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะหมอบกลับอีก จึงลงจากเตียงไปทําความเคารพพระสนมเต๋อกุ้ยเฟย แต่กลับถูกขวางไว้ “เจ้าเด็กคนนี้ บาดเจ็บหนักขนาดนี้ยังจะสนใจพิธีหยุมหยิมเช่นนี้อีกทําไม?”พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยพูดพลางกวักมือเรียกนางกํานัลที่กําลังถือยาอยู่นางกํานัลส่งยามาให้ พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยรับมา แล้วตักขึ้นมาหนึ่งช้อนด้วยมือตนเอง เป่าแล้วส่งไปที่ปากของเฉียวเนี่ยน “นี่เป็นยาที่ทางโรงหมอหลวงสั่งไว้ อาการบาดเจ็บภายนอกดี มา ดื่มตอนร้อนๆ”เฉียวเนี่ยนตกใจ “ข้าน้อยทำเองเพคะ” นางกําลังจะเอื้อมมือไปรับ แต่กลับถูกพระสนมเต๋อเฟยหลบทัน"เจ้ายังเจ็บอยู่จะมาเองได้ยังไง? เด็กดี อ้าปากหน่อย”น้ำเสียงของพระสนมเต๋อกุ้

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 38

    เมื่อสบสายตาดุดันของหมิงอ๋อง เซียวเหิงก็ตอบกลับด้วยแววตาดุดัน “กระหม่อมเพียงคํานึงถึงภาพรวมเป็นสําคัญ”ในเมื่อหมิงอ๋องจะเกี่ยวดองกับจวนโหว ก็ไม่ควรทําเรื่องให้น่าเกลียดเกินไปแต่ใครจะรู้ว่าพอคําพูดนี้ออกจากปาก หมิงอ๋องกลับหัวเราะหยัน “แม่ทัพเซียวช่างยิ่งใหญ่เสียจริง ขนาดใหญ่เช่นนี้ เมื่อครู่ทําไมไม่พูดสักคํา เป็นใบ้แล้วหรือ?”เมื่อครู่ตอนที่เฉียวเนี่ยนถูกตี ปากของเขาถูกเย็บแล้วหรือ?ได้ยินหมิงอ๋องถามเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนก็อดปวดใจไม่ได้แต่เห็นได้ชัดว่านางตัดใจจากเซียวเหิงแล้ว เห็นชัดอยู่แล้วว่าเซียวเหิงไม่ชอบนางทําไมหัวใจดวงนี้ถึงยังเจ็บหนักขนาดนี้ล่ะ?นางกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ เกลียดตัวเองที่ไร้ประโยชน์ ในดวงตามีอะไรบางอย่างที่อ่อนโยน แต่กลับถูกนางกดกลับไปอย่างรวดเร็วเซียวเหิงสังเกตสีหน้าของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อมองจากมุมของเขา นางหลบอยู่หลังหมิงอ๋องเกือบครึ่งตัว ท่าทางสนิทสนม ทําให้เขายิ่งกลุ้มใจ“เรื่องในวันนี้ใครถูกใครผิด ทุกคนย่อมรู้กันดีอยู่แล้ว เสี่ยวโหวเหย่สั่งสอนน้องสาวของตนสักหน่อย แม้ลงมือหนักไปหน่อย แต่อย่างไรก็เป็นเรื่องภายในจวนโหว” เรื่องนี้ กระหม่อมไม่

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 37

    เมื่อเห็นหมิงอ๋อง ทุกคนต่างก็คุกเข่าลงทําความเคารพเซียวเหิงเป็นคนที่ได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้ ไม่จําเป็นต้องคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ดังนั้นตอนนี้จึงทําได้เพียงประสานมือคํานับเท่านั้นส่วนเฉียวเนี่ยนยังไม่ทันคุกเข่าก็ถูกหมิงอ๋องจับไว้แล้วมือใหญ่ของเขามีอุณหภูมิที่ร้อนระอุ เมื่อผสมปนเปกับนาง สามารถรู้สึกถึงร่างกายที่สั่นเทาของนางได้อย่างชัดเจนเขาไม่คิดเลยว่านางที่รับมือกับการทุบตีของหลินเย่ว์อย่างใจเย็นต่อหน้าทุกคน กลับตัวสั่นอย่างรุนแรงเช่นนี้เฉียวเนี่ยนก็ไม่รู้ว่าหมิงอ๋องที่ออกไปกับเจ้าอาวาสแล้วทําไมจู่ๆ ถึงปรากฏตัวออกมา แต่ในขณะนี้ นางยังคงรู้สึกซาบซึ้งใจกับการปรากฏตัวของหมิงอ๋องหลินเย่ว์ลงมืออย่างเหี้ยมโหด นางยืนไม่มั่นคงมานานแล้ว หากหมิงอ๋องไม่ปรากฏตัวออกมาทันเวลา เกรงว่านางคงล้มลงกับพื้นอีกครั้งต่อหน้าทุกคนแล้ว“ขอบคุณเพคะ”นางกล่าวขอบคุณด้วยเสียงเบาๆ เสียงเล็กๆ น้อยๆ ไม่เพียงพอที่จะทําให้คนนอกได้ยินแต่หมิงอ๋องกลับได้ยินอย่างชัดเจนคําเล็กๆ น้อยๆ สองคํานี้เป็นเหมือนเข็มสองเล่มที่แทงลึกเข้าไปในหัวใจของเขาจนทําให้ความโกรธของเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนทันใดนั้นก

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 36

    “ใช่แล้ว เดิมทีเจ้าก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของจวนโหวอยู่แล้ว อาศัยความร่ำรวยมั่งคั่งที่ได้รับมาหลายปีอย่างเสียเปล่ายังไม่พอใจอีกหรือ?”“มันมากเกินไปจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะแช่งให้พี่ชายของตัวเองไปตาย พระโพธิสัตว์กําลังจะโกรธแล้วจริงๆ ”พอคนพวกนั้นพูด คนรอบข้างที่จําเฉียวเนี่ยนไม่ได้ก็เริ่มคล้อยตามกัน ชั่วขณะหนึ่ง เฉียวเนี่ยนกลายเป็นคนที่คนนับหมื่นชี้หน้าด่าประจานแต่ก็ไม่รู้ว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมาเฉียวเนี่ยนถูกทุบตีจนชินแล้วหรือเปล่า นางถูกทุบตีอย่างหนักขนาดนี้ยังลุกขึ้นมาได้นางยันตัวลุกขึ้นนั่ง เผชิญหน้ากับคําตําหนิของทุกคนก็เพียงแค่ถ่มน้ำลายไปด้านข้างอย่างลวกๆถ้าไม่ใช่เป็นเพราะน้ำลายที่เจือปนไปด้วยของเหลวแดงก่ำ ดูจากสีหน้าของนางแล้วคงดูไม่ออกว่านางเคยโดนตีมาก่อนนางเงยหน้าขึ้นมองฝูงชนที่มุงดูอยู่รอบๆซ่งไป๋เซวียน เซียวชิงหน่วน หลินยวน เซียวเหิง...พวกเขาบางคนมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น บางคนเสแสร้งแกล้งทํา และบางคนก็มีสีหน้าเย็นชาตั้งแต่ต้นจนจบในที่สุด สายตาของเฉียวเนี่ยนก็ตกลงบนใบหน้าของหลินเย่ว์ใบหน้านี้เคยแกล้งทําเป็นน่าเกลียดเพื่อเอาใจนาง แต่วันนี้เมื่อเผชิญหน้ากับนางมีเพียงค

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 35

    หลินเย่ว์ย่อมตะลึงค้างเช่นกันใช่สิ เฉียวเนี่ยนมาขออพรให้ท่านย่าสุขสงบ ไฉนเขาถึงพูดจาเช่นนั้นออกไปได้? เขาเป็นอะไรไป?ไฉนทุกครั้งที่เจอเฉียวเนี่ยนถึงต้องพูดจาไม่เหมาะไม่ควรอยู่ร่ำไป?หลินเย่ว์ใจเต้นเบาๆ คิดตามว่าหากท่านย่ามีอันเป็นไปเพราะคำพูดเมื่อครู่ของตน อย่าว่าแต่เฉียวเนี่ยนเลย ตัวเขาก็ไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองไปชั่วชีวิตเช่นกัน!ทว่า อีกครั้งแล้วหรือว่าเรื่องนี้ไม่ควรโทษเฉียวเนี่ยน?เหตุใดยามเขาเผชิญหน้ากับยวนเอ๋อร์ถึงเข้าใจมีเหตุผลได้ แต่เมื่อเจอเฉียวเนี่ยนก็โมโหแสลงใจแล้ว?เรื่องพวกนี้ไม่ได้เกิดจากเฉียวเนี่ยนหรอกหรือ?พูดอะไรออกมาว่าเขาตายไปเมื่อสามปีก่อน พูดอะไรว่าเขาไม่มีสิทธิ์สอนนาง?เขาอยากทำให้นางเห็นว่าตนมีคุณสมบัติพอสั่งสอนนางหรือไม่!นับตั้งแต่เฉียวเนี่ยนกลับจวนเป็นต้นมา โทสะที่สั่งสมทั้งหมดก็ปะทุออกมายามนี้ หลินเย่ว์ปรี่เข้าไปคว้าเฉียวเนี่ยนทันใดเฉียวเนี่ยนตกตะลึง ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะลงไม้ลงมือกับนางที่นี่ แต่นางตอบสนองทัน หลีกตัวหลบได้ทว่าหลินเย่ว์อายุมากกว่านางกี่ปี ทั้งเรียนการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ย่อมเหนือชั้นกว่าเฉียวเนี่ยน เพียงไม่กี่กระบวนท่าก็เอาชนะ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 34

    ทว่า ยังคงตอกกลับอีกเรื่องหนึ่งได้ “ท่านเซียวพูดจาน่าขันยิ่ง ข้าแซ่เฉียว ไฉนต้องถึงมือแซ่หลินให้มาสอนด้วย”“เฉียวเนี่ยน!” หลินเย่ว์ระเบิดโทสะ “เจ้าอย่าอวดดีนัก!”“คนที่อวดดีคือพวกเจ้า!” วันนี้เฉียวเนี่ยนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ “ข้าแค่อยากมาขอเครื่องรางคุ้มครองให้ท่านย่าเท่านั้น ท้ายสุดมันไปขัดขวางเรื่องอะไรพวกเจ้ากัน? พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาทำตัวสูงส่งชี้หน้าวิจารณ์ข้า? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้า หลินเย่ว์! ยามข้าโดนสาดสีใส่ร้ายเจ้าทำได้แค่เงียบไปปริปาก ยามนี้คิดจะวางมาดมาสั่งสอนข้าหรือ? เจ้ามีสิทธิ์อะไร?”“ข้าเป็นพี่ชายเจ้า ข้ามีสิทธิ์สั่งสอนเจ้า!” หลินเย่ว์ตะคอกด้วยความโกรธจัดถึงแม้วันนี้เซียวชิงหน่วนเป็นฝ่ายผิด แต่ไมตรีของสองครอบครัวนั้นแน่นแฟ้น ทุกอย่างรอกลับจวนแล้วค่อยว่ากันได้ เขาเองก็ไปร้องเรียนบิดามารดาตระกูลเซียวด้วยตัวเองได้ ให้พวกเขาสั่งสอนเซียวชิงหน่วนให้ดีไม่ว่าอย่างไร เฉียวเนี่ยนก็ไควรลงไม้ลงมือ!แต่ใครจะรู้ ครั้นเอ่ยคำพูดนี้ไป เฉียวเนี่ยนกลับหัวเราะออกมา “เจ้าว่าอะไร? พี่ชาย? อย่าทำให้น่าขันไปมากกว่านี้เลย!”“เฉียวเนี่ยน!” หลินเย่ว์ตะโกนรุนแรงกว่าเดิม แทบอยากผรุสวาทด่าไปแล้ว

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 33

    ทุกคนตะลึงงันในบัดดลไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนจะตบเซียวชิงหน่วนอย่างไม่มีบอกกล่าวเช่นนี้!ดังนั้น ต่อให้ข้างกายเซียวชิงหน่วนจะเป็นเซียวเหิงกับหลินเย่ว์ ก็ไม่มีใครขัดขวางฝ่ามือนี้ตบบนหน้านางได้ทว่าฝ่ามือนี้กลับเหมือนปลุกฝูงชนที่เคยเงียบงันให้ตื่นขึ้นหลินเย่ว์ปรี่ขึ้นมาก้าวหนึ่ง คว้ามือเฉียวเนี่ยนไว้ “เจ้าทำอะไร? ยังไม่ขอโทษแม่นางเซียวอีก!”ดวงตาเย็นเยียบของเฉียวเนี่ยนปราดมองมายังหลินเย่ว์ “ปล่อย”เสียงไม่ดัง ทั้งยังไม่ได้มีอานุภาพร้ายแรงแต่อย่างใดแต่คำพูดราบเรียบเดาใจไม่ออกสองคำนี้ กลับทำเอาหัวใจหลินเย่ว์กระตุกหดตัวทันทีเขาปล่อยมืออย่างลืมตัวเฉียวเนี่ยนดึงมือกลับ ลูบข้อมือปวดหนึบที่ถูกหลินเย่ว์บีบไว้ เสียงหลินยวนข้างๆดังขึ้นตาม “ท่านพี่ ถึงวาจาแม่นางเซียวจะขัดหูไปบ้าง แต่ท่านไม่ควรลงไม้ลงมือ ทั้งยังในวัดวา......เช่นนี้จะถูกพระโพธิสัตว์ลงโทษเอา!”แต่เฉียวเนี่ยนกลับไม่แม้แต่มองหลินยวน เอ่ยเสียงราบเรียบตอบ “หากเจ้ายังปากมากแม้อีกคำเดียว แม้แต่เจ้าข้าก็ตบไม่เว้น”หลินยวนกระบอกตาแดงก่ำ มองเฉียวเนี่ยนด้วยความน้อยใจหากแต่เฉียวเนี่ยนกลับมองไปยังเซียวเหิง “แม่ทัพเซียวมีอะไ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 32

    ทว่าเฉียวเนี่ยนในตอนนี้แค่อยากอยู่ในมุมเงียบๆ ทางที่ดีคือไม่ต้องให้ใครได้พบเจอทั้งสิ้นเฉกเช่นยามนี้ ดูเล่นใหญ่เรียกร้องความสนใจเกินไปแล้วยิ่งไปกว่านั้น แม้นางตอบรับการแต่งงานครานี้ไป แต่อย่างไรเสียก็ยังมิได้รับการเห็นชอบจากฮ่องเต้ ถือว่าเรื่องราวไม่มีทีท่าจะเกิดด้วยซ้ำไม่ควรจับมือหมิงอ๋องต่อหน้าสายตาฝูงชนจริงๆโชคดี หลังจากหมิงอ๋องเข้าวัดไปก็เจอเจ้าอาวาสวัดฝ่าหัว ยามประกอบพิธีทางศาสนาจึงปล่อยมือเฉียวเนี่ยนไปเองเฉียวเนี่ยนรีบดึงมือกลับมา ลอบถอนหายใจบางเบาท่านเจ้าอาวาสเดินเข้ามาต้อนรับหมิงอ๋องเป็นพิเศษ เขาต้องการเทศนาธรรมให้หมิงอ๋องหมิงอ๋องหันมองเฉียวเนี่ยน “เจ้าไปรอข้างข้างนอก หนึ่งชั่วยามก็เสร็จแล้ว สายหน่อยข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง”วันนี้เฉียวเนี่ยนมิได้ตั้งใจออกมานานนัก แค่อยากขอเครื่องรางคุ้มครองแล้วกลับ ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของหมิงอ๋องแล้ว ไม่เพียงชะงักไป แต่หมิงอ๋องพูดจบก็จากไป ไม่ได้หันมองว่าเฉียวเนี่ยนมีปฏิกิริยาเช่นไรกระทั่งแผ่นหลังหมิงอ๋องหายลับจากสายตา หนิงซวงที่อยู่ด้านหลังเมื่อครู่ก็ปรี่เข้ามา ถามเสียงเบาอย่างมิอาจทนไหว“คุณหนู ฝ่าบาทหมิงอ๋องรู้ได้เช่นไรว่า

DMCA.com Protection Status