Share

บทที่ 10

Author: โม่เสียวชี่
เฉียวเนี่ยนไม่ทันแม้แต่จะคลุมเสื้อนอกที่เพิ่งถอดออกแล้วก็วิ่งออกไป"เกิดอะไรขึ้น? ใครตะโกนอยู่?”

หนิงซวงเองก็เดินตามหลังเฉียวเนี่ยนอย่างร้อนใจพลางส่ายหน้า “บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ เพิ่งได้ยินเสียงเรียก คุณหนูสวมเสื้อผ้าสักชุด ข้างนอกหนาวมาก”

แต่เฉียวเนี่ยนไหนเลยจะมีกะจิตกะใจใส่เสื้อผ้า

หลินยวนตกน้ำ จะตกที่ไหนได้อีก

ก็คือสระบัวของเรือนฟางเหอไม่ใช่หรือ?

ตอนนั้นหลินยวนทําถ้วยแตกใบเดียวนางก็ถูกทรมานอยู่ถึงสามปี ถ้าหลินยวนเกิดเรื่องขึ้นกับนาง ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่หลินเย่ว์คนเดียวคงตีนางจนตายแน่

เมื่อเฉียวเนี่ยนมาถึง หลินยวนยังคงกระโผลกกระเผลกอยู่ในน้ำ

ผิวน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งได้แตกเป็นรูใหญ่รูหนึ่งแล้ว

บนสะพานหินมีสาวใช้และเด็กรับใช้จํานวนไม่น้อยกําลังเฝ้าดูอยู่

เฉียวเนี่ยนก้าวเท้ายาวๆ วิ่งเข้าไป"พวกเจ้าทุกคนว่ายน้ำไม่เป็นหรือ? ทําไมไม่ช่วยคน?!”

กลับเห็นเด็กรับใช้หลายคนทําหน้าลําบากใจ “พวกบ่าวช่วยได้ก็จริง แต่ถ้าทําลายความบริสุทธิ์ของคุณหนูรองจะทําอย่างไรขอรับ?”

“ความบริสุทธิ์ยังสําคัญกว่าชีวิตอีกหรือ?” เฉียวเนี่ยนถลึงตาใส่เด็กรับใช้ที่กําลังพูดอยู่อย่างดุร้าย

แล้วกระโดดลงไปในน้ำโดยไม่พูดไม่จา

น้ำในสระไม่ลึก แต่เย็นจนเข้ากระดูก

ด้านล่างของแม่น้ำเต็มไปด้วยโคลนและไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคงและจะจมลงหากประมาทเล็กน้อย

เฉียวเนี่ยนใช้ความพยายามอย่างมากในการช่วยหลินยวนให้รอดมาได้ หนิงซวงบนฝั่งได้เตรียมเสื้อผ้าหนาๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากเฉียวเนี่ยนและหลินยวนขึ้นจากน้ำแล้ว ก็ห่อตัวทั้งสองคนไว้อย่างแน่นหนา

"ยังมัวทําอะไรอยู่? เรียกหมอประจําจวนสิ พวกเจ้าช่วยพาคุณหนูทั้งสองกลับห้องให้ข้าหน่อย ตั้งเตาให้ร้อน เตรียมน้ำชาขิง”

เมื่อหนิงซวงออกคําสั่ง เหล่าคนรับใช้ที่มุงดูอยู่ก็แยกย้ายกันไปทํางานทันที

และเวลานี้เอง เสี่ยวชุ่ยสาวใช้ของหลินยวนก็บุกเข้ามาในเรือนฟางเหอในที่สุด

ด้านหลังเสี่ยวชุ่ยยังมีหลินเย่ว์

เห็นหลินยวนตกน้ำแล้วหน้าซีด ท่าทางกระเซอะกระเซิง เสี่ยวชุ่ยก็ร้อนใจขึ้นมาทันที รีบวิ่งเข้ามากอดหลินยวนไว้ “คุณหนู ท่านไม่เป็นไรนะเจ้าคะ? ตกลงไปในน้ำได้อย่างไร?”

จากนั้น เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก เสี่ยวชุ่ยพลันมองเฉียวเนี่ยน “เป็นเจ้า เจ้าผลักคุณหนูของข้าตกน้ำ”

ท่าทางที่ชี้หน้าด่านางอย่างมั่นอกมั่นใจนั้นเหมือนกับเมื่อสามปีก่อนไม่มีผิด

เฉียวเนี่ยนรู้สึกเพียงว่าไฟในใจของตนลุกโหมขึ้นมาทันที แต่ยังไม่ทันที่นางจะมีปฏิกิริยาใดๆ หนิงซวงก็พุ่งตัวเข้าไปก่อน แล้วตบหน้าเสี่ยวชุ่ยไปหนึ่งฉาด

“เพียะ!” เสียงที่คมชัดดังก้องไปทั่วท้องฟ้าของเรือนฟางเหอ

ชั่วขณะหนึ่ง เฉียวเนี่ยนถึงกับหยุดหายใจ

แม้แต่หลินเย่ว์ก็ยังตกตะลึงอยู่ ไม่คิดว่าหนิงซวงจะทําแบบนี้

มีเพียงหนิงซวงที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มือข้างหนึ่งเท้าสะเอว อีกข้างหนึ่งชี้ไปที่จมูกของเสี่ยวชุ่ยแล้วด่าว่า “เจ้าคนชั้นต่ำ ปากน่ะถ้าใช้ไม่เป็นข้าก็จะฉีกให้เจ้าแล้ว! ถ้าไม่ใช่คุณหนูของข้ากระโดดลงน้ำไปช่วยคนโดยไม่คํานึงถึงความปลอดภัย ตอนนี้เจ้านายของเจ้าคงแข็งไปแล้ว ในฐานะที่เป็นสาวใช้เห็นเจ้านายตกที่นั่งลําบาก ไม่พูดก็รีบมาดูแลทันที มีแต่จะพ่นขี้ออกมาเต็มปาก! คุณหนูของข้าช่วยคนอยู่เห็นได้ด้วยตาสิบกว่าคู่ที่เรือนฟางเหอหยวน เจ้าบอกว่าคุณหนูของข้าผลักเจ้านายของเจ้าแล้วเจ้าก็เอาหลักฐานออกมาสิ ถ้าเอาออกมาไม่ได้ ดูสิว่าข้าจะฉีกปากเน่าๆ ของเจ้าให้เละหรือเปล่า!”

……

รุนแรงมาก!

เฉียวเนี่ยนจ้องมองหนิงซวงด้วยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสาวน้อยร่างเล็กคนนี้จะเก่งขนาดนี้

และในตอนนี้ผู้คนรอบข้างก็ได้สติแล้ว โดยเฉพาะหลินยวน

ตอนนี้นางยังคงถูกสาวใช้คนอื่นประคองอยู่ เพราะดิ้นรนอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน สําลักน้ำไปหลายอึก ตอนนี้เวลาพูดจึงไม่มีแรง

นางกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำเหมือนเลือด “เจ้า เจ้าลงมือตีคนได้อย่างไร?”

ท่าทางของสาวใช้ที่ปกป้องนางรู้สึกน้อยใจมากจริงๆ

หลินเย่ว์ก็ขมวดคิ้วทันทีและตะโกนใส่หนิงซวงว่า "บังอาจ! กล้าลงมือต่อหน้าข้าหรือ? เจ้ากล้าดียังไงกัน?”

“ข้า”

เฉียวเนี่ยนจึงเอ่ยปากพูดเบาๆ

นางห่อตัวด้วยเสื้อนวมหนาๆ ใบหน้าของนางถูกแช่แข็งจนซีดเล็กน้อย หยดน้ำบนข้าของนางยังคงหยดลงมา แต่ก็มีน้ำแข็งจํานวนไม่น้อย

เมื่อเทียบกับหลินยวนแล้ว นางดูสงบเป็นพิเศษ เห็นได้ชัดว่าระยะห่างระหว่างนางกับหลินเย่ว์ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว แต่กลับทําให้หลินเย่ว์รู้สึกว่าระยะห่างระหว่างพวกเขาช่างไกลเหลือเกิน

“สาวใช้ของข้าสั่งสอนคนใช้ชั้นต่ำที่ไม่เคารพข้าและเคยใส่ร้ายข้าในเรือนของข้า ข้าไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร”

เคยใส่ร้าย

สามคํานี้ทําให้หลินยวนและหลินเย่ว์นึกถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย

หลินยวนขดตัวอยู่ในอ้อมอกของสาวใช้ สําลักไอออกมาสองครั้งอย่างน่าสงสาร แล้วถึงค่อยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ ว่า “แต่ แต่ก็ตีคนไม่ได้นะ...”

เมื่อเห็นน้ำตาของหลินยวนไหลไม่หยุด หลินเย่ว์ก็อดนึกถึงเรื่องลําดับวงศ์ตระกูลไม่ได้ เมื่อคิดว่าเฉียวเนี่ยนจงใจพูดถึงในตอนนี้ก็เพื่อให้เขารู้สึกละอายใจ จึงขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างเฉียบขาดว่า “ยวนเอ๋อร์พูดถูก ไม่ว่ายังไงก็ตีคนไม่ได้! ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าว่ายน้ำไม่เป็นด้วยซ้ำ”

ประโยคสุดท้ายพูดกับเฉียวเนี่ยน สายตาเย็นชา ราวกับมั่นใจว่านางกําลังโกหก!

น้องสาวของตนเอง ตกลงจะว่ายน้ำเป็นหรือไม่ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร?

นึกถึงตอนนั้นที่พวกเขาไปล่องเรือที่ชานเมืองด้วยกัน เฉียวเนี่ยนเผลอทําต่างหูที่เซียวเหิงส่งให้ตกลงไปในทะเลสาบ ร้อนใจจนกระโดดลงจากเรือทันที ถ้าไม่ใช่เพราะเขากับเซียวเหิงว่ายน้ำเก่ง วันนั้นเฉียวเนี่ยนคงจมน้ำตายไปแล้ว

ดังนั้นหนิงซวงจึงบอกว่าเฉียวเนี่ยนเป็นคนช่วยไว้ หลินเย่ว์จึงไม่เชื่อเลย

ร่างกายของเฉียวเนี่ยนเริ่มสั่นเล็กน้อย แต่แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าหนาวหรือโกรธเพราะหลินเย่ว์กันแน่

“ดังนั้น ท่านโหวน้อยก็คิดว่าข้าผลักคุณหนูหลินหรือ?” นางถามกลับอย่างเย็นชา น้ำเสียงสั่นเทิ้ม ความโกรธในใจกําลังจะระเบิดออกมา แต่สุดท้ายก็ถูกนางกดกลับไปอย่างเอาเป็นเอาตาย

หลินเย่ว์ไม่ได้พูดอะไร ไม่ใช่ว่าไม่อยากพูด แต่เมื่อเห็นท่าทางของนางแล้ว คําพูดที่ทําร้ายคนอื่นเหล่านั้นก็พูดไม่ออกอย่างอธิบายไม่ถูก

ดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงมองไปที่หลินยวนอีกครั้ง

เพียงแค่มองอย่างเงียบๆ แบบนี้ แต่เมื่อสบสายตาของนาง หลินยวนก็ก้มหน้าลงอย่างเงียบๆ

เหมือนเมื่อสามปีก่อน ไม่พูดอะไรสักคํา

จนเมื่อตอนที่นางอยู่ในห้อง คําขอโทษทั้งน้ำตาของนางจึงดูน่าขันเป็นพิเศษ

“เฮอะ!”

เฉียวเนี่ยนก็หัวเราะออกมา

น้ำเสียงที่ไม่ดังนักกลับแฝงไว้ด้วยการประชดประชันอย่างรุนแรง

ร่างกายของหลินยวนสั่นเทิ้มตามไปด้วย น้ำตาไหลพรากราวกับเขื่อนที่แตกทลาย

หลินเย่ว์ทนดูท่าทางของหลินยวนไม่ได้จริงๆ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ แต่ก็ไม่อาจโกรธเฉียวเนี่ยนได้ จึงทําได้เพียงตะคอกใส่หนิงซวงอย่างโมโหว่า “ไสหัวไปรับโทษโบยซะ!”

ใบหน้าเล็กๆ ของหนิงซวงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่นางก็ไม่อยากให้เฉียวเนี่ยนลําบากใจ จึงทําความเคารพทันที

แต่มือเย็นจับแขนนางและหยุดนางไว้

ใบหน้าของเฉียวเนี่ยนยังคงสงบนิ่ง แต่ดวงตาซ่อนความเกลียดชังไว้อย่างชัดเจนขณะมองหลินเย่ว์ “วันนี้หนิงซวงไม่ว่าง นางยังต้องคอยปรนนิบัติข้าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนคุณหนูหลินตกลงไปในน้ำได้อย่างไรและใครเป็นคนช่วยขึ้นมา ท่านโหวน้อยถามรายละเอียดในภายหลังก็จะรู้ความจริงได้”

พูดจบนางก็ดึงหนิงซวงเดินกลับไป

เพียงแต่ยังเดินไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็หยุดลงอีก เอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วพูดช้าๆ ว่า “เมื่อก่อนน้ำไม่เป็น แต่เมื่อหนึ่งปีก่อนนางบ่าวในวังหลายคนร่วมมือกันจับข้าโยนลงในสระซักล้าง ยืนถือราวตากผ้าป้องกันอยู่ริมฝั่ง ผ่านไปครึ่งชั่วยามถึงอนุญาตให้ข้าขึ้นมา หลังจากนั้นก็เป็นแล้ว”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (6)
goodnovel comment avatar
Nrn O Yt
นางเอกแบบสู้คนฉันชอบ
goodnovel comment avatar
Mini plant
พลัๆนรๆรนไ
goodnovel comment avatar
Mini plant
ดดฃยะะบะีำรีลนะนยยบ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 11

    คำพูดของเฉียวเนี่ยน เหมือนดั่งฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ จนทำให้หลินเย่ว์เกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะในมโนภาพเห็นแต่เฉียวเนี่ยนดิ้นรนอยู่ในน้ำ ส่วนนางกำนัลอื่นก็อยู่ข้างบ่อซักล้าง ต่างพากันหัวเราะเป็นการใหญ่พลันรู้สึกเจ็บในหัวอกมากขึ้น เขาคิดจะพูดอะไรต่ออีก แต่คล้ายมีบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ จวบจนแผ่นหลังของเฉียวเนี่ยนถูกบานประตูขวางกั้นจนมองไม่เห็นอีก จึงค่อยมีสติกลับคืนมาบ้าง“คุณหนู ฮือๆๆ...” เสียงร่ำไห้ของเสี่ยวชุ่ยดังขึ้นที่ข้างหู ทำให้รู้สึกรำคาญยิ่งหลินยวนถลึงตาใส่เสี่ยวชุ่ย “เอาแต่ร้องไห้อยู่ได้ ไม่รีบไปตามหมอมาอีก?”เสี่ยวชุ่ยเพิ่งจะนึกได้ จึงรีบออกไปทันทีหลินเย่ว์ส่งหลินยวนกลับไปยังเรือนลั่วเหมย ส่วนหมอประจำจวนก็มาพร้อมกับฮูหยินหลินขณะที่หมอกำลังตรวจชีพจรดูอาการให้หลินยวนอยู่นั้น ฮูหยินหลินก็พาหลินเย่ว์ออกไปข้างนอก “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? น้องเจ้าอยู่ดีๆ ตกน้ำได้อย่างไร หรือเป็นเพราะว่าเนี่ยนเนี่ยน...”“ท่านแม่” หลินเย่ว์ขมวดคิ้ว ขัดจังหวะการพูดของฮูหยินหลินทันที “เพราะเนี่ยนเนี่ยนช่วยยวนเอ๋อร์ไว้ต่างหาก”กล่าวพลาง เขาคล้ายกับนึกอะไรได้ จึงหันไปมองเสี่ยวชุ่ย “เจ้ามานี่”ใบหน้าซีก

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 12

    ผู้มาใหม่คือเพื่อนสนิทของฮูหยินหลิน พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยนั่นเองเมื่อเห็นว่าในที่สุดก็มีคนมาห้ามปรามหลินเย่ว์ เหล่านางกำนัลที่อยู่ในบ่อจึงต่างพากันร่ำไห้ระงมอออกมา “พระสนม...”“ฮือๆๆ พระสนมโปรดช่วยพวกเราด้วยเพคะ”นางกำนัลสิบกว่าคนร้องไห้ขึ้นมาพร้อมกัน ฟังแล้วเป็นที่หนวกหูยิ่งพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ปรายตามองดูนางกำนัลใหญ่ที่อยู่ด้านข้างนางกำนัลใหญ่เข้าใจดี จึงกล่าวเสียงตวาด “ยังไม่รีบไปเปลี่ยนชุดอีก หากล้มป่วยขึ้นมา ทำให้เหล่าพระสนมเสียงานเสียการ พวกเจ้าจะมีกี่หัวพอให้ตัด?”เมื่อได้ยินดังนี้ เหล่านางกำนัลจึงหยุดร้องไห้ พร้อมคลานขึ้นจากบ่อน้ำแล้วแยกย้ายไปยังเรือนของตนทันทีรอจนทุกคนไปหมดแล้ว พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยค่อยหันมามองราวตากผ้าในมือหลินเย่ว์ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวเสียงดุ “อะไรกัน ท่านโหวน้อยจะตีข้าด้วยหรืออย่างไร?”หลินเย่ว์ตกใจจนทิ้งราวตากผ้าลงจากมือ พร้อมประสานมือกล่าวตอบ “กระหม่อมมิบังอาจ”“ขนาดบุกเข้าวังมาเช่นนี้ ยังมีสิ่งใดไม่กล้าทำอีก?” เห็นชัดว่าพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเริ่มกริ้วบ้างแล้วนางมองว่าหลินเย่ว์ทำการวู่วามเกินไปในกรมซักล้างแห่งนี้ แม้เป็นที่ๆ นับว

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 13

    แม้แต่ท่านโหวหลินก็อดมองหน้าเฉียวเนี่ยนไม่ได้ แต่ยังคงพูดคุยกับหลินเย่ว์ต่อ “เคราะห์ดีที่วันนี้มีพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยมาออกหน้าให้ มิฉะนั้นอย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่ข้าเองก็อาจไม่ได้ออกจากวังมาอีก!”เฉียวเนี่ยนมองดูพื้นที่อยู่เบื้องหน้าตน ในใจแอบรู้สึกถึงความเย้ยหยันคำพูดนี้ น่าจะพูดให้นางฟังมากกว่าขณะกำลังคิดอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงหลินยวนแว่วมา “ท่านพ่อ...”น้ำเสียงอ่อนหวานนั้น แฝงด้วยความอ่อนแรง ระคนความร้อนใจ คล้ายพร้อมจะขาดใจได้ทุกเมื่อกระนั้นเฉียวเนี่ยนคิ้วขมวดเล็กน้อย พลันเห็นหลินยวนเดินอย่างอ่อนระโหยเข้ามาโดยมีสาวใช้เสี่ยวชุ่ยคอยประคอง ทันทีที่เห็นใบหน้าหลินเย่ว์มีเลือดไหลซึม น้ำตานางก็ร่วงหล่นลงพลัน พร้อมคุกเข่าลงข้างกายหลินเย่ว์ “ท่านพ่อ ขอท่านอย่าได้โกรธมาก แค่กๆๆ แค่กๆๆ...”กล่าวยังไม่ทันจบประโยค หลินหยวนก็เกิดอาการไอรุนแรงขึ้นมาท่านโหวหลินเป็นห่วงเสียจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ พลางตวาดไปทางเสี่ยวชุ่ย “ยังไม่รีบพยุงคุณหนูขึ้นมาอีก!”จนแม้แต่ฮูหยินหลินซึ่งแต่เดิมปกป้องหลินเย่ว์อยู่ ยังรีบไปพยุงให้นางยืนขึ้น “เจ้ายังป่วยอยู่ ออกมาทำไมกัน”“ข้า...ได้ยินว่าท่านพ่อจะลงโทษพี่ชาย” น้

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 14

    เฉียวเนี่ยนรู้สึกหวาดหวั่นในใจ ขณะยืนอยู่กลางลานในตำหนักของพระสนมเต๋อกุ้ยเฟย จิตใจยังคงหวั่นวิตกไม่หายนับแต่ทำงานในกรมซักล้างมาสามปี นางยังไม่เคยมาตำหนักนี้ แต่พอรู้สึกได้ว่าบรรยากาศที่นี่แตกต่างจากกรมซักล้างโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดความอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกนางกลัวว่าตนจะเหมือนเมื่อสามปีที่แล้ว เข้ามาแล้วไม่ได้กลับออกไปอีกไม่รู้ว่ายืนอยู่นานเพียงไหน รู้เพียงนิ้วเท้าหนาวเย็นจนเกือบไร้ความรู้สึก กว่าจะมีคนมาเรียกนางเข้าไปพบพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยทันทีที่ผลักประตูเข้าไป ก็มีไออุ่นมาปะทะใบหน้า จนเฉียวเนี่ยนรู้สึกแสบถึงปลายจมูกนางสูดจมูกเล็กน้อย ไม่ทันเดินเข้าด้านในก็ได้ยินเสียงพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยดังลอดออกมา “ข้าเห็นชุดที่ส่งซักแล้ว ซักได้ดีมากจริงๆ”เฉียวเนี่ยนเพิ่งจะเห็นหน้านาง พลางรีบคุกเข่าลง “บ่าวถวายบังคมพระสนมกุ้ยเฟยเพคะ”เพราะนางทำงานเป็นบ่าวไพร่ในกรมซักล้างจนเคยชิน แม้ตอนนี้จะกลับไปอยู่จวนโหวตามเดิม แต่เวลาพบผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ยังมักจะกล่าวแทนตัวเองว่า ‘บ่าว’ อยู่เสมอพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยชะงักเล็กน้อย คล้ายกับนึกสิ่งใดขึ้นมาได้ จึงส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเบาๆ “เจ้าช่างเหมือนกับที่แม่เจ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 15

    เฉียวเนี่ยนแอบรู้สึกตกใจ จนแม้แต่นางกำนัลผู้นั้นก็กวาดสายตามองดูเฉียวเนี่ยนและเซียวเหิงด้วยความฉงน ก่อนตอบรับสั้นๆ ว่า “เจ้าค่ะ”หลังจากนั้น นางกำนัลก็จากไปทันทีเซียวเหิงกลับเดินมาผายมือต่อเฉียวเนี่ยนอย่างเปิดเผย “แม่นางเฉียว เชิญ”เมื่อหมดหนทาง เฉียวเนี่ยนจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามเซียวเหิงออกจากวังไปเพียงแต่วันนี้รู้สึกทางเดินออกจากวังยาวไกลกว่าปกติ เฉียวเนี่ยนพยายามมองไปข้างหน้าเป็นระยะ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นประตูบานใหญ่ของวังหลวงเสียทีทั้งคู่ต่างไม่พูดไม่จาเงียบงันเสียจนได้ยินเสียงพื้นรองเท้าเสียดสีกับพื้นทรายด้านล่างซึ่งสภาพการณ์เช่นนี้ หากเป็นแต่ก่อนจะไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักเพราะเท่าที่เซียวเหิงจำได้ นางเป็นหญิงที่ช่างพูดช่างจา วันๆ มักจะบ่นโน่นบ่นนี่ไม่หยุดหย่อนและความเงียบในเวลานี้ ทำให้เขาไม่คุ้นชินในที่สุดจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน “เรื่องพี่ชายเจ้า ข้าได้ยินมาแล้ว ฝ่าบาทอาจจะทรงกริ้วบ้าง แต่มิใช่เรื่องใหญ่อันใด เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล”เฉียวเนี่ยนไม่เคยคิดว่าเซียวเหิงจะพูดกับนางเช่นนี้ นี่หมายความว่ากระไร?ปลอบใจกระนั้นรึ?แต่ว่า นางมิได้กังวลอะไรเลยนางยังคง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 16

    เฉียวเนี่ยนไม่นึกว่าฮูหยินเฒ่าจู่ๆ จะถามเช่นนี้ เมื่อดูความคาดหวังจากสายตาของนาง ทำให้เฉียวเนี่ยนเข้าใจโดยพลัน ว่าฮูหยินเฒ่าต้องการเป็นแม่สื่อให้นางกับเซียวเหิงนั่นเองแม้เมื่อวานนางจะพูดชัดเจนแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับเซียวเหิงอีก แต่ในสายตาของฮูหยินเฒ่า ทั้งคู่โตมาด้วยกัน อีกทั้งเซียวเหิงก็เป็นคนโปรดของฮ่องเต้ เหมาะที่เฉียวเนี่ยนจะฝากชีวิตไว้ในภายภาคหน้าแต่ว่า เมื่อก่อนความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวเหิงมักจะเข้าทำนองดอกไม้มีใจแต่สายน้ำไหลผ่าน มาวันนี้เขากับหลินยวนได้รักใคร่ชอบพอ นางจึงไม่มีเหตุผล อีกทั้งไม่มีแก่ใจจะไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีกจึงรีบส่ายหน้าเร็วพลัน “ท่านย่า วันนี้แม่ทัพเซียวยังได้ฝากขนมมาทางข้าเพื่อมอบให้หลินยวน พวกเขาต่างหากถึงเป็นคู่สร้างคู่สม ต่อไปท่านก็อย่าคิดเรื่องนี้อีกเลย”ฮูหยินเฒ่าเป็นคนดื้อแพ่งไม่น้อย จึงได้ถอนหายใจ “เฮ่ย ย่าเพียงแต่เห็นว่าแต่ก่อนเจ้ากับเด็กหนุ่มตระกูลเซียวสนิทสนมกันดี แล้วต้องมาขาดกันเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายนัก”เฉียวเนี่ยนฉีกยิ้มเล็กน้อย พลางซบศีรษะลงบนไหล่ฮูหยินเฒ่า “ต่อไปข้าคิดแต่จะอยู่กับท่านย่า จริงนะเจ้าคะ”นางรู้ดีว่าตนกับเซียวเหิงรู้จักม

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 17

    พวกเขาต่างพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว หากเป็นไปได้ เฉียวเนี่ยนก็แทบอยากหันหลังจากไปทันทีแต่ว่า นางไม่มีเงินติดตัว ข้างนอกก็ไม่มีสหายสักคน หากออกไปตอนนี้ นงก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ใดได้อีกที่สำคัญ ท่านย่ายังอยู่ในจวนนี้นางจะปล่อยให้คนแก่เป็นห่วงได้อย่างไร?เพราะฉะนั้น แม้ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์จะพูดจาไม่เข้าหูสักเพียงใด ยามนี้นางก็ได้แต่ฟังอย่างเดียวและอดทนไว้สายตาไปอยู่ที่ชามข้าวที่วางอยู่ตรงกลางโต๊ะ เฉียวเนี่ยนรู้แล้วว่าบทสรุปของละครฉากนี้อยู่ตรงที่ใดในดวงตาเริ่มมีหยาดน้ำเอ่อขึ้นมา แต่นางก็ฝืนเก็บกักมันเอาไว้จากนั้นจึงถือตะเกียบคีบเนื้อปลาในชามข้าวขึ้นมา และส่งเข้าปากข้างโสตแว่วเสียงหัวเราะเย้ยหยันของหลินเย่ว์ “ตอนนี้ยอมกินแล้วรึ? เห็นทีว่าฐานะคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวยังมีความน่าสนใจอยู่บ้าง”เฉียวเนี่ยนปรายตามองดูหลินเย่ว์เล็กน้อย ไม่สนใจคำพูดเย้ยหยันของเขา เพียงมองหน้าท่านโหวหลินแล้วย่อตัวคารวะเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปาก“ท่านโหวอย่าเพิ่งโกรธ ใช่ว่าข้าถือตัวไม่ยอมกินเนื้อปลาที่ท่านโหวน้อยคีบให้ หากแต่เพราะสองปีก่อนทำงานจนเสียสุขภาพ กินอาหารทะเลครั้งใด ร่างกายจะขึ้นผดผื่น ซ้ำยังมีอาการคัน

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 18

    ข้อเสนอกะทันหันเช่นนี้ทำให้เซียวเหิงนึกตกใจเพียงแต่เขายังไม่ทันเอ่ยปาก หมัดของหลินเย่ว์ก็ประเคนเข้าให้ก่อนแล้วดีที่เซียวเหิงมีปฏิกิริยาฉับไว เพียงแค่เอี้ยวตัวก็สามารถหลบหลีกได้หลินเย่ว์พลาดเป้าหมาย ทั้งร่างจึงฟุบลงไปที่โต๊ะ กับแกล้มหลายอย่างร่วงลงพื้นหมดเขาหยิบผักขึ้นมากำมือหนึ่ง พร้อมโยนใส่หน้าเซียวเหิง เซียวเหิงถอยหลังกรูด หลบเลี่ยงเป็นพัลวัน สีหน้าเริ่มมีความไม่พอใจผุดขึ้น “เจ้าเป็นบ้าอะไรขึ้นมา?”เขาจงใจเลี่ยงไม่พูดคำว่าบ้าคลั่ง เหตุเพราะที่ผ่านมา ให้หลินเย่ว์เมาเพียงไหนก็ไม่เคยคลุ้มคลั่งเช่นนี้มาก่อนแต่วันนี้ เหมือนเขามีความในใจแอบแฝงหลินเย่ว์ลุกขึ้นยืน เสื้อผ้าหรูหราได้เปื้อนคราบสกปรกไปไม่น้อยแต่เขากลับไม่สนใจ มีเพียงชี้นิ้วไปทางเซียวเหิง “ขอเตือนให้รู้ หากเจ้ากล้าผิดต่อยวนเอ๋อร์ ก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ”เซียวเหิงมีสีหน้าเย็นชา พลางปัดคอเสื้อให้เรียบร้อย ก่อนยิ้มเบาๆ “คำพูดประโยคนี้ เมื่อก่อนเจ้าก็เคยพูดไว้”เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้หมายถึงยวนเอ๋อร์ หากแต่เป็นเนี่ยนเนี่ยนหลินเย่ว์สะอึกเล็กน้อย แต่ก็โต้ตอบเร็วพลัน “แต่ตอนนี้คนที่หมั้นหมายกับเจ้าคือยวนเอ๋อร์ เ

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 468

    แล้วจะให้เซียวเหอทําอย่างไร?หรือว่าจะทําให้พี่ใหญ่น้องของพวกเขาแตกหักกันเพื่อนางจริงๆ?ไม่สู้ถือโอกาสนี้จากไป หลุดพ้นทุกคนในเมืองหลวงให้หมดสิ้นนางตั้งตารอคอยมานานแล้ว ไปหาโลกใหม่นอกเมืองหลวง ไปหาตัวเองใหม่นางรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วแต่ในมุมมองของหนิงซวง อยู่ต่อก็ดีเหมือนกันคุณชายใหญ่เซียวเป็นคนดี จี้เยว่ก็เป็นคนดีเช่นกัน นางอยู่ที่นี่กับคุณหนูของนาง ไม่ได้รู้สึกน้อยใจแม้แต่น้อยเพียงแต่ ในเมื่อคุณหนูบอกว่าถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว นั่นย่อมมีเหตุผลแน่นอนหนิงซวงจึงพยักหน้าอย่างหนักแน่น "ข้าล้วนเชื่อฟังคุณหนู"ตกดึกเมื่อเซียวเหอกลับมา ท้องฟ้าก็มืดมากแล้วตัวเขาติดกลิ่นเหล้าอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ของเขา ส่วนใหญ่เป็นของพ่อเซียววันนี้พ่อเซียวมีความสุขจริงๆสั่งให้คนทําอาหารโต๊ะใหญ่ ดึงเขาไว้แล้วพูดไม่หยุด ระหว่างนั้นยิ่งดีใจจนร้องไห้หลายครั้งแน่นอนว่ายังพูดถึงหัวข้อเกี่ยวกับเซียวเหิงอยู่บ้างพ่อเซียวบอกว่า พวกเขาสองคนพี่ใหญ่น้องวางใจกันตั้งแต่เด็ก บอกว่าเซียวเหิงเคารพเขาที่เป็นพี่ใหญ่ตั้งแต่เด็กบอกว่านิสัยของเซียวเหิงดูเหมือนสุขุมเยือกเย็น แต่ความจริงแล้วกลับดื้อรั้นมากบอกว่าใน

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 467

    ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเฉียวเนี่ยนกับเซียวเหิงเป็นอย่างไร ย่อมเข้าใจดีว่าการจากไปของเซียวเหิงในครั้งนี้ จะต้องเป็นเพราะทนเห็นเฉียวเนี่ยนกับเซียวเหอรักกันเช่นนี้ไม่ได้แน่เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวสีหน้าของเซียวเหอก็มืดมนลงเช่นกันบรรยากาศในห้องโถงตกอยู่ในความอึดอัดใจแม่เซียวได้สติก่อน ผลักเซียวชิงหน่วนเบาๆ หนึ่งที บอกเป็นนัยว่าห้ามพูดถึงอีก จากนั้นก็พูดเสียงดังว่า "คาดว่าในกองทัพคงมีเรื่องต้องไป ไม่พูดถึงเขาแล้ว!"เซียวชิงหน่วนเพิ่งรู้ตัวว่า "ใช่ ใช่ ใช่ พี่รองเพราะงานทหารยุ่ง ไม่ใช่เพราะพี่..."พูดยังไม่ทันจบ เซียวชิงหน่วนก็ปิดปากตัวเองไว้ อยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาดสีหน้าของเฉียวเนี่ยนและเซียวเหอยิ่งเข้มขึ้นพ่อเซียวอดถลึงตาใส่เซียวชิงหน่วนไม่ได้ แล้วจึงค่อยมองไปทางราชครูชิว "วันนี้ที่จวนตระกูลเซียวมีเรื่องมงคล ราชครูชิวจะอยู่ดื่มกับข้าน้อยสักแก้วหรือไม่ขอรับ?"ราชครูชิวก็ทําเป็นไม่ได้ยินที่เซียวชิงหน่วนพูดเมื่อครู่ เขาปฏิเสธอย่างยิ้มแย้มว่า "ไม่ล่ะ คนชั่วชิวอวี่ยังไงก็เป็นหลานชายแท้ๆ ของข้า ข้าคงต้องกลับไปที่จวนก่อน!"พูดจบ ราชครูชิวก็ลุกขึ้นเซี

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 466

    ระหว่างที่พูดก็เลิกม่านรถเดินออกไปแต่ก่อนที่จะกระโดดลงจากรถม้า ก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "หากนางตาย ก็เป็นนางก่อกรรมทําเข็ญเอง แต่เนี่ยนเนี่ยนล่ะ นางทำอะไรผิด?"สิ้นเสียง หลินเย่ว์ก็ก้าวยาวๆ จากไปแล้วเขาไม่สามารถอยู่ในรถม้าคันนั้นได้แม้แต่วินาทีเดียวเป็นความจริงที่เขาไม่อยากเห็นหลินยวนตายถึงอย่างไรนั่นก็เป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขา!ตอนแรกนางอยากฆ่าตัวตายด้วยการชนเสา เขาไม่ได้ห้ามเพราะเขาคิดว่านางแกล้งทําแต่วันนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะตาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะรีบวิ่งเข้าไปน้องสาวของเขาเคยอ่อนโยนและใจดี แต่เพิ่งเข้ามาในจวนตระกูลเซียวได้ไม่นาน ก็กลายเป็นคนที่โหดร้ายเช่นนี้แล้ว?หลินเย่ว์คิดไม่ออกแต่สิ่งที่คิดไม่ออกยิ่งกว่าคือเนี่ยนเนี่ยนทําอะไรผิด?นางทําผิดอะไรถึงต้องถูกจับเป็นเชลยต่อหน้าชิวอวี่ไปให้ชิวอวี่ข่มเหง?นางทําอะไรผิด ต้องหลบเข้าไปในพุ่มไม้หนามโดยไม่คํานึงถึงอะไร ทําให้ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล?นางก็เป็นน้องสาวของเขาเหมือนกันนะ!น้องสาวที่เขาตามใจมาสิบห้าปี มีสิทธิ์อะไรมาได้รับความอัปยศเช่นนี้?มีสิทธิ์อะไร พวกเขาแค่พูดไม่กี่คํา วันหล

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 465

    รถม้าของจวนโหวรออยู่นอกจวนตระกูลเซียวตั้งนานแล้วหลินยวนถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มคนรับใช้และยกเข้าไปในรถม้า ดึงดูดความสนใจของคนเดินถนนให้หันมาดูท่านโหวหลินและฮูหยินหลินตามขึ้นรถม้า คิดแต่จะรีบกลับจวนโหว ให้หมอประจำจวนรีบรักษาหลินยวนแต่ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะไม่ออกมาเสียทีท่านโหวหลินร้อนใจจนอยากเข้าไปเรียกคน จากนั้นถึงได้เห็นหลินเย่ว์ออกจากจวนแล้วขึ้นรถม้าไป"เร็ว รีบกลับจวน!" ท่านโหวหลินร้องเรียกอย่างร้อนใจ รถม้าก็มุ่งหน้าไปทางจวนโหวอย่างรวดเร็วและหัวใจของท่านโหวหลินก็มีโอกาสหายใจได้บ้างในเวลานี้เมื่อเห็นหลินยวนที่เต็มไปด้วยเลือด สีหน้าของท่านโหวหลินก็มืดครึ้ม แต่จู่ๆ ก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขามองไปทางหลินเย่ว์ "เจ้าก็เหมือนกัน ทําไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่บอกล่วงหน้าล่ะ? วันนี้ข้ากับแม่เจ้ามาไม่ได้เตรียมใจไว้เลยสักนิด"แต่เห็นได้ชัดว่าหลินเย่ว์เพิ่งเริ่มค้นหานักลอบสังหารชุดดําเมื่อไม่กี่วันก่อน!หลินเย่ว์กําลังใช้ผ้าเช็ดหน้าพันแผลที่มือขวาของตัวเอง สีหน้าของเขาไม่ได้ดีไปกว่าท่านโหวหลินสักเท่าไร "แจ้งให้พวกท่านทราบล่วงหน้า เพื่อที่พวกเจ้าจะได้แอบส่งข่าวให้ยวนเอ๋อร์เหรอ?"ได้ยิ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 464

    พูดจบก็หันไปพูดกับพ่อเซียวว่า "ขอพี่เซียวยืมด้วยขอรับ"ตระกูลเซียวเป็นท่านแม่ทัพมาหลายชั่วอายุคน สิ่งที่ขาดไม่ได้ที่สุดในจวนก็คือแส้หนังพ่อเซียวพยักหน้าเล็กน้อยและคํารามเสียงต่ำ ไม่นานก็มีคนส่งแส้หนังมาท่านโหวหลินกํามือไว้ แล้วตะโกนว่า "หลินยวน คุกเข่าให้ดี"หลินยวนเองก็รู้ว่าวันนี้ตนคงหนีไม่พ้นการเฆี่ยนตี แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ท่านโหวหลินและฮูหยินหลินหามาให้ตน อย่างไรก็ดีกว่าตาย!ตอนนี้จึงได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ปล่อยหลินเย่ว์แล้วค่อยๆ คุกเข่าตัวตรงหลินเย่ว์สูดหายใจเข้าลึกๆ ถอยไปด้านข้างและเอามือที่บาดเจ็บไว้ด้านหลังท่านโหวหลินก้าวไปข้างหน้า ยกแส้ม้าในมือขึ้น แล้วฟาดไปที่หลังของหลินยวนอย่างแรง"เพียะ!"แส้ที่ทําจากหนังวัวนั้นเหนียวเป็นพิเศษและเสียงดังมากเมื่อตีลงบนร่างกายเพียงครู่เดียว บนหลังของหลินยวนก็มีรอยเลือดสายหนึ่งตกลงมาแล้ว"เจ้าใจดําอํามหิต ทําร้ายคนอื่นทําร้ายตัวเอง วันนี้ข้าจะให้คําอธิบายแก่ทุกคน"ท่านโหวหลินดื่มเสร็จก็ฟาดแส้ใส่หลินยวนอีกครั้งท่านโหวหลินก็เป็นนายทหารเช่นกัน แรงเฆี่ยนตีไม่เบาแน่นอน เสียงเฆี่ยนตีดังก้องไปทั่วคฤหาสน์ตระกูลเซียว แผ่นหลังของหล

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 463

    เมื่อคําพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดใจแม้แต่ท่านโหวหลินกับฮูหยินหลินก็คิดไม่ถึงว่าเฉียวเนี่ยนจะตอบตกลงอย่างง่ายดายเช่นนี้เซียวเหอรู้สึกปวดใจ อดไม่ได้ที่จะหันไปมองนาง น้ำเสียงเย็นชาแฝงไปด้วยความอ่อนโยน กระซิบว่า "เจ้าไม่จําเป็นต้องประนีประนอม"แน่นอนว่าเขาสามารถออกหน้าแทนนางได้ ทําให้หลินยวนและจวนโหวต้องก้มหัวให้นางเฉียวเนี่ยนเนี่ยนรู้ว่าเซียวเหอทําเพื่อตัวเองคําว่า 'ไม่จําเป็นต้องประนีประนอม' นั้นเข้าสู่หัวใจของเฉียวเนี่ยนเนี่ยนอย่างแท้จริงแต่นางไม่อยากข้องเกี่ยวกับคนของจวนโหวอีกแล้วจริงๆไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ไม่อยากแล้วทั้งนั้นนางแค่อยากอยู่ให้ห่างจากพวกเขาให้ไกลที่สุด ชาตินี้ไม่ได้พบกันอีกจะดีที่สุดดังนั้นนางจึงส่ายหัวเล็กน้อยและหันไปมองเซียวเหอเล็กน้อยพลางกระซิบว่า "แบบนี้ก็ดีแล้ว"เสียงกระซิบของทั้งสองคนดังเข้าหูเซียวเหิง รู้สึกแสบแก้วหูเหลือเกินพวกเขาเอียงตัวเข้าหากัน หัวเหมือนจะชนกัน สนิทสนมกันเป็นพิเศษข้อมือของเฉียวเนี่ยนยังคงถูกเซียวเหอกุมไว้ในฝ่ามือเช่นเดิม แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงข้อนี้เหมือนว่าการสัมผัสผิวกายของทั้งสองคนเป็นเรื่องป

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 462

    ท่านโหวหลินก็ปาดน้ำตาเช่นกัน "พ่อรู้ เจ้าเองก็ไม่อยากเห็นหน้าพวกเรา ขอเพียงเจ้ายอมไว้ชีวิตยวนเอ๋อร์ ครอบครัวของพวกเราจะไม่มีวันปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าอีก!""เนี่ยนเนี่ยน ยวนเอ๋อร์เพิ่งอยู่กับแม่ได้เพียงสามปีเท่านั้น เดิมทีนางควรจะอยู่เคียงข้างแม่เสมอและได้รับการปกป้องจากแม่ ตอนนี้ เจ้า เจ้าคิดเสียว่าช่วยแม่ชําระหนี้ก้อนนี้ได้หรือไม่? เจ้าไว้ชีวิตนางได้ไหม? แม่โขกหัวให้เจ้าแล้ว"พูดจบ ฮูหยินหลินก็โขกหัวต่อหน้าทุกคนจริงๆแม่เซียวตกใจ รีบปรี่เข้าไปประคองฮูหยินหลินทันที "นี่ท่าน ท่านทําอะไรอยู่เนี่ย""นางจะบังคับให้เนี่ยนเนี่ยนตาย" น้ำเสียงเย็นชาของเซียวเหอดังขึ้น ดวงตาเรียวยาวเต็มไปด้วยความเย็นชา "ท่านทั้งสองยังไงก็เลี้ยงดูเนี่ยนเนี่ยนมาสิบห้าปีแล้ว แม้ว่าจะตัดสายสัมพันธ์กัน แม้ว่าเนี่ยนจะทนทุกข์ทรมานมาสามปี แต่ในสายตาของคนนอก พวกท่านก็ยังคงเลี้ยงดูเนี่ยนเนี่ยนมาสิบห้าปี ตอนนี้พวกท่านใช้บุญคุณมาบังคับตอบแทน แม้กระทั่งคุกเข่าโขกหัวก็ยอม ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการยัดข้อหาเนรคุณใส่เนี่ยนเนี่ยน บังคับให้นางพูดคําว่าให้อภัยออกมา แต่ทั้งสองท่านอย่าลืมว่าคนที่เกือบถูกข่มเหงคือนาง คนที่เกือบตายก็คือ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 461

    หลินเย่ว์ไม่ขยับ มือทั้งสองของเขาห้อยลง ปล่อยให้หลินยวนกอดอยู่แบบนี้ที่ด้านข้าง ท่านโหวหลินและฮูหยินหลินเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะปาดน้ำตาเฉียวเนี่ยนยืนอยู่ข้างหลังเซียวเหอ มองฉากที่พี่ใหญ่น้องกอดกันด้วยสายตาเย็นชา ถ้าบอกว่าในใจไม่รู้สึกอะไรเลย นั่นต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ๆนางรู้ว่าหลินยวนเป็นตัวปลอมก็รู้ว่านั่นควรจะเป็นพี่ใหญ่ของนางยิ่งรู้ว่าความรักและความโปรดปรานของคนในตระกูลหลินที่มีต่อหลินยวนนั้น เดิมทีควรเป็นของนางดังนั้นในตอนนี้ เมื่อเห็นหลินยวนแย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นของนางก่อนหน้านี้อย่างโจ่งแจ้ง หัวใจของนางก็จมดิ่งลงไปในเหวลึกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คิ้วและดวงตาคู่นั้นยิ่งเย็นจนน่ากลัวโชคดีที่นางไม่สนใจแล้วตอนนี้สิ่งเหล่านั้นที่สามารถถูกแย่งไปได้ง่ายๆ นั้นถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะไม่ใช่ของล้ำค่าอะไร นางย่อมไม่เสียดายอยู่แล้วแต่ในขณะนั้นเอง ฮูหยินหลินก็หันมองทุกคนและคุกเข่าลงอย่างช้าๆเมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนต่างก็ตกใจแม่เซียวรีบเข้าไปประคอง แต่กลับถูกเซียวชิงหน่วนดึงกลับมาได้ยินเพียงฮูหยินหลินพูดว่า "ยวนเอ๋อร์ทําผิดพลาดครั้งใหญ่ในวันนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 460

    กําปั้นคู่หนึ่งถูกกําแน่นจนเกิดเสียงกรอบแกร้บโดยไม่รู้ตัวแต่ในขณะนี้ไม่มีใครสนใจเขาเลยราชครูชิวก็น้ำตาไหลพรากตามไปด้วย "คิดไม่ถึงว่าวันนี้ข้าจะได้เห็นเรื่องมงคลเช่นนี้ ดี ดีมาก! เยี่ยมไปเลย!"เซียวเหอมีบุญคุณต่อเขา ในใจเขารู้สึกซาบซึ้งใจ ย่อมคาดหวังให้เซียวเหอดีขึ้นมาตอนนี้เห็นเซียวเหอลุกขึ้นยืนด้วยตาตัวเอง จะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?แม้แต่ท่านโหวหลินและฮูหยินหลิน ในขณะนี้ต่างก็ตกตะลึงไปด้วย?พวกเขาไม่สามารถคิดได้เลยว่าคนที่ถูกตัดสิน‘โทษตาย’โดยทั้งโรงหมอหลวงจะยืนขึ้นได้อย่างไรกัน!และในตอนนั้นเอง เสียงหัวเราะเบาๆ ก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน"ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ..."คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหลินยวนนางเพิ่งโดนฝ่ามือไป ตอนนี้ยังลุกไม่ขึ้นเลยเมื่อเห็นเซียวเหอลุกขึ้นยืน นางก็ตระหนักว่านางแพ้แล้วเฉียวเนี่ยน รักษาเซียวเหอให้หายได้จริงๆ ด้วยและนาง ก็ถูกทุกคนรังเกียจแล้วจริงๆน่าขำไหม?นางพยายามมาตั้งนาน แต่สุดท้ายก็ยังสู้เฉียวเนี่ยนไม่ได้มีดสั้นที่หล่นอยู่ข้างๆหลินยวนเอื้อมมือไปหยิบมาเมื่อเห็นเช่นนี้ แม้แต่ท่านโหวหลินและฮูหยินหลินก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว และตะโกนด้วยเสียงต่ำว่า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status