แชร์

บทที่ 13

ผู้เขียน: โม่เสียวชี่
แม้แต่ท่านโหวหลินก็อดมองหน้าเฉียวเนี่ยนไม่ได้ แต่ยังคงพูดคุยกับหลินเย่ว์ต่อ “เคราะห์ดีที่วันนี้มีพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยมาออกหน้าให้ มิฉะนั้นอย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่ข้าเองก็อาจไม่ได้ออกจากวังมาอีก!”

เฉียวเนี่ยนมองดูพื้นที่อยู่เบื้องหน้าตน ในใจแอบรู้สึกถึงความเย้ยหยัน

คำพูดนี้ น่าจะพูดให้นางฟังมากกว่า

ขณะกำลังคิดอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงหลินยวนแว่วมา “ท่านพ่อ...”

น้ำเสียงอ่อนหวานนั้น แฝงด้วยความอ่อนแรง ระคนความร้อนใจ คล้ายพร้อมจะขาดใจได้ทุกเมื่อกระนั้น

เฉียวเนี่ยนคิ้วขมวดเล็กน้อย พลันเห็นหลินยวนเดินอย่างอ่อนระโหยเข้ามาโดยมีสาวใช้เสี่ยวชุ่ยคอยประคอง ทันทีที่เห็นใบหน้าหลินเย่ว์มีเลือดไหลซึม น้ำตานางก็ร่วงหล่นลงพลัน พร้อมคุกเข่าลงข้างกายหลินเย่ว์ “ท่านพ่อ ขอท่านอย่าได้โกรธมาก แค่กๆๆ แค่กๆๆ...”

กล่าวยังไม่ทันจบประโยค หลินหยวนก็เกิดอาการไอรุนแรงขึ้นมา

ท่านโหวหลินเป็นห่วงเสียจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ พลางตวาดไปทางเสี่ยวชุ่ย “ยังไม่รีบพยุงคุณหนูขึ้นมาอีก!”

จนแม้แต่ฮูหยินหลินซึ่งแต่เดิมปกป้องหลินเย่ว์อยู่ ยังรีบไปพยุงให้นางยืนขึ้น “เจ้ายังป่วยอยู่ ออกมาทำไมกัน”

“ข้า...ได้ยินว่าท่านพ่อจะลงโทษพี่ชาย” น้ำตาหลินยวนร่วงเผาะเป็นเม็ดโตๆ “ข้า...รู้ว่าคงเพราะพี่ชายไปก่อเรื่องไว้ จึงทำให้ท่านพ่อโกรธถึงเพียงนี้ แต่พี่ชายมิใช่คนเกเร เขาทำสิ่งใดก็ย่อมมีเหตุผลของเขา ขอท่านพ่อโปรดเห็นแก่ยวนเอ๋อร์สักครั้ง อภัยให้พี่ชายด้วยเถิด...”

ทุกคำที่นางกล่าวมา ล้วนทำให้ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์ใจอ่อนลงในบัดดล

หลินเย่ว์ตื้นตันใจยิ่ง แต่กลับเหลียวมองไปทางเฉียวเนี่ยนโดยไม่ตั้งใจ

พลางเห็นอีกฝ่ายใบหน้าเฉยชา สีหน้าคล้ายไม่รู้สึกรู้สม ก็ให้รู้สึกปวดใจยิ่ง

ยวนเอ๋อร์แม้จะไม่สบายยังออกมาขอร้องแทนเขา แล้วนางล่ะ?

ทั้งที่รู้ว่าเขาไปสั่งสอนนางกำนัลกลุ่มนั้นก็เพื่อนาง นางกลับไม่มองหน้าเขาแม้แต่น้อย!

โทสะในใจท่านโหวหลิน เลือนหายเพราะคำพูดของหลินยวนไปกว่าครึ่ง แต่ยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวด พลางกล่าว “เอาเถิด เรื่องวันนี้ให้ถือเป็นบทเรียนให้เจ้า” กล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อ เดินจากไปทันที

รอจนท่านโหวหลินออกไปแล้ว ฮูหยินหลินรีบสั่งให้บ่าวไพร่พยุงหลินเย่ว์ลุกขึ้น “รีบไปตามหมอมาทำแผลให้คุณชายโดยเร็ว!”

บ่าวไพร่รับคำแล้วออกไปทันที หลินยวนเริ่มไอขึ้นมาอีก ฮูหยินหลินจึงหันไปดูแลนางบ้าง

เฉียนเนี่ยนยืนมองเหตุการณ์เบื้องหน้า รู้สึกคล้ายตนเองเป็นคนนอก เมื่อเห็นว่าเรื่องต่างๆ ไม่เกี่ยวข้องกับตนแล้ว จึงหันหลังคิดจะออกไป

แต่ยังไม่ทันได้ก้าวพ้นจากห้องโถง ก็ได้ยินเสียงหลินเย่ว์เอ่ยปาก “เจ้าไม่มีสิ่งใดจะพูดบ้างรึ?”

เฉียวเนี่ยนหยุดก้าวเดิน พลางหันกลับมามองหน้าหลินเย่ว์ “ท่านโหวน้อยต้องการให้ข้าพูดอะไรบ้าง?”

หลินเย่ว์เจ็บแปลบขึ้นในใจ “ข้าไม่อยากฟังเจ้าพูดสิ่งใด แต่สิ่งที่ข้าทำก็ล้วนเพื่อเจ้า แล้วเจ้าจะไม่พูดอะไรกับข้าบ้างรึ?”

เขาถึงขั้นปล่อยมือที่กุมบาดแผลลง ปล่อยให้โลหิตสีแดงฉานบาดตาเฉียวเนี่ยน

เขาคิดในใจ ไม่ได้หวังให้นางเป็นห่วงเขาเช่นเดียวกับยวนเอ๋อร์ แต่ขอเพียงนางเห็นใจเขาสักนิด เพียงนิดเดียวก็ยังดี

เท่ากับว่าการกระทำของเขาในวันนี้ ไม่นับว่าเสียเปล่า

แต่ว่า ในสายตาเฉียวเนี่ยนมีแต่ความเย็นชา นางกวาดตาไปยังผู้อื่นที่อยู่ในห้องโถง สีหน้าทุกคนล้วนแสดงความรู้สึกเดียวกัน คือหวังให้นางพูดสิ่งใดออกมาบ้าง

พูดในเรื่องที่พวกเขาต้องการจะฟัง

แต่ทว่า เฉียวเนี่ยนละสายตากลับคืนมา มองหน้าหลินเย่ว์ มุมปากผุดรอยยิ้มหยันรางๆ “ท่านโหวน้อยน่าจะดื่มจนเมามาก กระทั่งแยกไม่ออกว่าสิ่งที่ทำในวันนี้ เพื่อข้าจริงๆ หรือเพื่อชดเชยความรู้สึกผิดในใจท่านกันแน่”

“หลินเนี่ยน!” หลินเย่ว์ตวาดเสียงลั่น มองหน้าเฉียวเนี่ยนด้วยความรู้สึกผิดหวังยิ่ง

นางทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

ไฉนจึงเป็นไปได้?

แม้แต่หลินยวนยังอดไม่ได้ที่จะพูดแทนหลินเย่ว์ “พี่เนี่ยน พี่ชายไม่เคยบุ่มบ่ามเช่นนี้มาก่อน วันนี้ทำเพราะท่านจริงๆ...”

“หากท่านโหวน้อยคิดทำเพื่อข้าจริง คนแรกที่ควรสั่งสอนหาใช่เหล่านางกำนัลที่กรมซักล้างไม่” เฉียวเนี่ยนเอ่ยปากเนิบๆ ดูเย็นชายิ่ง

แม้นางจะไม่ได้มองหน้าเสี่ยวชุ่ย แต่ทุกคนในห้องโถงต่างก็รู้ดี คนที่นางกล่าวถึงก็คือเสี่ยวชุ่ยนั่นเอง

ที่นางถูกข่มเหงรังแกมาสามปีเต็ม ตัวการอันดับหนึ่งก็คือเสี่ยวชุ่ย และวันนี้คนที่ชี้หน้ากล่าวหานางก็คือเสี่ยวชุ่ยอีก แต่ว่า หลินเย่ว์ได้ทำอะไรบ้าง?

เขากลับไปสั่งสอนนางกำนัลกลุ่มนั้นแทน

ช่างน่าขำยิ่งนัก!

หน้าอกหลินเย่ว์กระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง ลำคอคล้ายมีมือใหญ่มาบีบไว้แน่น ไฟโทสะคุกรุ่นจนแทบอยากระเบิดออกมา

ทันใดนั้น พ่อบ้านหลิวแห่งจวนโหวอุ้มห่อผ้าขนาดใหญ่ห่อหนึ่ง เดินปรี่เข้ามาในห้องโถง “ฮูหยิน พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยให้คนส่งห่อเสื้อผ้ามาขอรับ”

แม้ปากจะรายงาน แต่ห่อผ้านั้นหาได้ส่งไปเบื้องหน้าฮูหยินหลินไม่ กลับไปยืนข้างเฉียวเนี่ยนแทน “ซ้ำยังกล่าวว่า คุณหนูซักเสื้อผ้าได้ดี ที่ส่งมาเป็นชุดเลอค่า ให้ผู้อื่นซัก พระสนมจะไม่วางใจ”

ขณะพูดจา ที่น่าขำก็คือแม้แต่พ่อบ้านหลิวยังคล้ายกับร้อนตัว พลางลอบดูสีหน้าเฉียวเนี่ยนเป็นระยะ

เฉียวเนี่ยนกลับเข้าใจดี นี่คงเป็นสิ่งที่ฮูหยินหลินได้พูดมา พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกำลังหาวิธีให้อยู่

มีคุณหนูของตระกูลขุนนางใดบ้าง ที่รับซักเสื้อผ้าให้แก่คนในวัง?

ลบหลู่นาง ก็เท่ากับตบหน้าคนของจวนโหวด้วย

นางหันไปพยักหน้าให้หนิงซวงรับเอาห่อผ้าไว้ พร้อมได้ยินพ่อบ้านหลิวกล่าวต่อ “พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยยังกำชับมาอีกว่า เสื้อผ้าเหล่านี้พรุ่งนี้เช้าจะต้องส่งเข้าวัง เพราะนางยังต้องสวมใส่อีก!”

พรุ่งนี้เช้าส่งเข้าวัง ก็แปลว่าคืนนี้ต้องซักให้สะอาด

เฉียวเนี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมพยักหน้าเบาๆ จากนั้นจึงหันไปทางหลินเย่ว์ “หากจำเป็นต้องพูดสิ่งใดจริง งั้น...ข้าขอขอบคุณท่านโหวน้อย”

ขอบคุณที่เข้าวังช่วยนางรับเอางานอัปยศเช่นนี้มา

เมื่อกล่าวจบ เฉียวเนี่ยนจึงเดินออกไปโดยไม่เหลียวหลังอีก หนิงซวงอุ้มห่อผ้าติดตามไป ระหว่างทางไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว

จวบจนกลับถึงเรือนฟางเหอ เฉียวเนี่ยนบอกให้นางไปเตรียมน้ำไว้ นางจึงอุ้มห่อผ้าพลางกล่าวตอบ “วันนี้คุณหนูตกน้ำมา ควรรีบไปพักผ่อนเสีย เสื้อผ้าเหล่านี้บ่าวจะซักให้เอง!”

วันนี้ แม้ว่าคุณหนูจะได้ดื่มน้ำขิงไป ทั้งยังแช่น้ำอุ่นอีก แต่อย่างไรก็คือได้รับความหนาวเย็นมา

ขนาดคุณหนูรองยังล้มป่วย แล้วคุณหนูของนางจะรอดได้อย่างไร?

เสื้อผ้าเหล่านี้คุณหนูซักไม่ได้ นางจะต้องพักผ่อน!

แต่เฉียวเนี่ยนกลับแย่งห่อผ้ามาจากมือหนิงซวง “พระสนมกุ้ยเฟยบอกว่าเสื้อผ้าเหล่านี้หากข้าไม่ซักเอง นางจะไม่วางใจ เรื่องวันนี้เจ้าก็เห็นอยู่ ถ้าข้าไม่ซักด้วยตัวเอง พรุ่งนี้เกรงว่าจะมีเรื่องตามมาอีก ไปเถิด ข้าจะใช้น้ำเย็น”

ชุดอาภรณ์ล้ำค่าไม่ควรแช่ด้วยน้ำอุ่น หากซักแล้วเสียหายก็จะเป็นเรื่องใหญ่

หนิงซวงไม่ขยับตัว ยังคงยืนนิ่งมองดูเฉียวเนี่ยน ปลายจมูกแสบขึ้นมา

เฉียวเนี่ยนมองนางด้วยความแปลกใจ “ทำไมรึ?”

“คุณหนูเจ้าคะ...” หนิงซวงเอ่ยปาก น้ำตาก็พรั่งพรูลงมาทันที “พวกเขารังแกท่านนัก แต่ละคนคอยจ้องจะเล่นงานท่านทั้งสิ้น ฮือๆๆ...”

เด็กคนนี้พอร้องไห้ก็แทบหยุดไม่ได้

เฉียวเนี่ยนถอนหายใจด้วยความจนปัญญา แต่ว่า นางก็ไม่รู้จะปลอบใจหนิงซวงอย่างไรดี และไม่รู้จะให้คำตอบอย่างไรด้วย

เพราะนางเองก็อยากรู้ เหตุใดพวกเขาจึงจ้องจะรังแกนางเพียงผู้เดียว?

เพราะนางไม่ใช่ลูกในไส้กระนั้นรึ?

เคราะห์ดีที่เสื้อผ้ามีไม่มากนัก เฉียวเนี่ยนซักเสร็จก่อนฟ้าจะมืดลง รุ่งขึ้นจึงนำไปส่งมอบให้พ่อบ้านหลิว ให้เขาส่งต่อเข้าวังไป

แต่ไม่คาดคิดว่า พ่อบ้านหลิวกลับบอกนางว่า พระสนมกุ้ยเฟยรับสั่งให้นางไปส่งด้วยตนเอง

นางจึงอุ้มห่อผ้ายืนตะลึงอยู่กับที่

ให้นาง เข้าวังอีกครั้งกระนั้นรึ?

ความคิดเห็น (11)
goodnovel comment avatar
ChanSaeng Sureesiri
สนุกค่ะ น่าติดตาม
goodnovel comment avatar
Sita
ขอติดตามตอนต่อไปค่ะ สนุกมากค่ะ
goodnovel comment avatar
rattana sirikitpanichkool
น่าติดตามมากไปค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 14

    เฉียวเนี่ยนรู้สึกหวาดหวั่นในใจ ขณะยืนอยู่กลางลานในตำหนักของพระสนมเต๋อกุ้ยเฟย จิตใจยังคงหวั่นวิตกไม่หายนับแต่ทำงานในกรมซักล้างมาสามปี นางยังไม่เคยมาตำหนักนี้ แต่พอรู้สึกได้ว่าบรรยากาศที่นี่แตกต่างจากกรมซักล้างโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดความอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกนางกลัวว่าตนจะเหมือนเมื่อสามปีที่แล้ว เข้ามาแล้วไม่ได้กลับออกไปอีกไม่รู้ว่ายืนอยู่นานเพียงไหน รู้เพียงนิ้วเท้าหนาวเย็นจนเกือบไร้ความรู้สึก กว่าจะมีคนมาเรียกนางเข้าไปพบพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยทันทีที่ผลักประตูเข้าไป ก็มีไออุ่นมาปะทะใบหน้า จนเฉียวเนี่ยนรู้สึกแสบถึงปลายจมูกนางสูดจมูกเล็กน้อย ไม่ทันเดินเข้าด้านในก็ได้ยินเสียงพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยดังลอดออกมา “ข้าเห็นชุดที่ส่งซักแล้ว ซักได้ดีมากจริงๆ”เฉียวเนี่ยนเพิ่งจะเห็นหน้านาง พลางรีบคุกเข่าลง “บ่าวถวายบังคมพระสนมกุ้ยเฟยเพคะ”เพราะนางทำงานเป็นบ่าวไพร่ในกรมซักล้างจนเคยชิน แม้ตอนนี้จะกลับไปอยู่จวนโหวตามเดิม แต่เวลาพบผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ยังมักจะกล่าวแทนตัวเองว่า ‘บ่าว’ อยู่เสมอพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยชะงักเล็กน้อย คล้ายกับนึกสิ่งใดขึ้นมาได้ จึงส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเบาๆ “เจ้าช่างเหมือนกับที่แม่เจ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 15

    เฉียวเนี่ยนแอบรู้สึกตกใจ จนแม้แต่นางกำนัลผู้นั้นก็กวาดสายตามองดูเฉียวเนี่ยนและเซียวเหิงด้วยความฉงน ก่อนตอบรับสั้นๆ ว่า “เจ้าค่ะ”หลังจากนั้น นางกำนัลก็จากไปทันทีเซียวเหิงกลับเดินมาผายมือต่อเฉียวเนี่ยนอย่างเปิดเผย “แม่นางเฉียว เชิญ”เมื่อหมดหนทาง เฉียวเนี่ยนจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามเซียวเหิงออกจากวังไปเพียงแต่วันนี้รู้สึกทางเดินออกจากวังยาวไกลกว่าปกติ เฉียวเนี่ยนพยายามมองไปข้างหน้าเป็นระยะ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นประตูบานใหญ่ของวังหลวงเสียทีทั้งคู่ต่างไม่พูดไม่จาเงียบงันเสียจนได้ยินเสียงพื้นรองเท้าเสียดสีกับพื้นทรายด้านล่างซึ่งสภาพการณ์เช่นนี้ หากเป็นแต่ก่อนจะไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักเพราะเท่าที่เซียวเหิงจำได้ นางเป็นหญิงที่ช่างพูดช่างจา วันๆ มักจะบ่นโน่นบ่นนี่ไม่หยุดหย่อนและความเงียบในเวลานี้ ทำให้เขาไม่คุ้นชินในที่สุดจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน “เรื่องพี่ชายเจ้า ข้าได้ยินมาแล้ว ฝ่าบาทอาจจะทรงกริ้วบ้าง แต่มิใช่เรื่องใหญ่อันใด เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล”เฉียวเนี่ยนไม่เคยคิดว่าเซียวเหิงจะพูดกับนางเช่นนี้ นี่หมายความว่ากระไร?ปลอบใจกระนั้นรึ?แต่ว่า นางมิได้กังวลอะไรเลยนางยังคง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 16

    เฉียวเนี่ยนไม่นึกว่าฮูหยินเฒ่าจู่ๆ จะถามเช่นนี้ เมื่อดูความคาดหวังจากสายตาของนาง ทำให้เฉียวเนี่ยนเข้าใจโดยพลัน ว่าฮูหยินเฒ่าต้องการเป็นแม่สื่อให้นางกับเซียวเหิงนั่นเองแม้เมื่อวานนางจะพูดชัดเจนแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับเซียวเหิงอีก แต่ในสายตาของฮูหยินเฒ่า ทั้งคู่โตมาด้วยกัน อีกทั้งเซียวเหิงก็เป็นคนโปรดของฮ่องเต้ เหมาะที่เฉียวเนี่ยนจะฝากชีวิตไว้ในภายภาคหน้าแต่ว่า เมื่อก่อนความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวเหิงมักจะเข้าทำนองดอกไม้มีใจแต่สายน้ำไหลผ่าน มาวันนี้เขากับหลินยวนได้รักใคร่ชอบพอ นางจึงไม่มีเหตุผล อีกทั้งไม่มีแก่ใจจะไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีกจึงรีบส่ายหน้าเร็วพลัน “ท่านย่า วันนี้แม่ทัพเซียวยังได้ฝากขนมมาทางข้าเพื่อมอบให้หลินยวน พวกเขาต่างหากถึงเป็นคู่สร้างคู่สม ต่อไปท่านก็อย่าคิดเรื่องนี้อีกเลย”ฮูหยินเฒ่าเป็นคนดื้อแพ่งไม่น้อย จึงได้ถอนหายใจ “เฮ่ย ย่าเพียงแต่เห็นว่าแต่ก่อนเจ้ากับเด็กหนุ่มตระกูลเซียวสนิทสนมกันดี แล้วต้องมาขาดกันเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายนัก”เฉียวเนี่ยนฉีกยิ้มเล็กน้อย พลางซบศีรษะลงบนไหล่ฮูหยินเฒ่า “ต่อไปข้าคิดแต่จะอยู่กับท่านย่า จริงนะเจ้าคะ”นางรู้ดีว่าตนกับเซียวเหิงรู้จักม

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 17

    พวกเขาต่างพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว หากเป็นไปได้ เฉียวเนี่ยนก็แทบอยากหันหลังจากไปทันทีแต่ว่า นางไม่มีเงินติดตัว ข้างนอกก็ไม่มีสหายสักคน หากออกไปตอนนี้ นงก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ใดได้อีกที่สำคัญ ท่านย่ายังอยู่ในจวนนี้นางจะปล่อยให้คนแก่เป็นห่วงได้อย่างไร?เพราะฉะนั้น แม้ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์จะพูดจาไม่เข้าหูสักเพียงใด ยามนี้นางก็ได้แต่ฟังอย่างเดียวและอดทนไว้สายตาไปอยู่ที่ชามข้าวที่วางอยู่ตรงกลางโต๊ะ เฉียวเนี่ยนรู้แล้วว่าบทสรุปของละครฉากนี้อยู่ตรงที่ใดในดวงตาเริ่มมีหยาดน้ำเอ่อขึ้นมา แต่นางก็ฝืนเก็บกักมันเอาไว้จากนั้นจึงถือตะเกียบคีบเนื้อปลาในชามข้าวขึ้นมา และส่งเข้าปากข้างโสตแว่วเสียงหัวเราะเย้ยหยันของหลินเย่ว์ “ตอนนี้ยอมกินแล้วรึ? เห็นทีว่าฐานะคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวยังมีความน่าสนใจอยู่บ้าง”เฉียวเนี่ยนปรายตามองดูหลินเย่ว์เล็กน้อย ไม่สนใจคำพูดเย้ยหยันของเขา เพียงมองหน้าท่านโหวหลินแล้วย่อตัวคารวะเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปาก“ท่านโหวอย่าเพิ่งโกรธ ใช่ว่าข้าถือตัวไม่ยอมกินเนื้อปลาที่ท่านโหวน้อยคีบให้ หากแต่เพราะสองปีก่อนทำงานจนเสียสุขภาพ กินอาหารทะเลครั้งใด ร่างกายจะขึ้นผดผื่น ซ้ำยังมีอาการคัน

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 18

    ข้อเสนอกะทันหันเช่นนี้ทำให้เซียวเหิงนึกตกใจเพียงแต่เขายังไม่ทันเอ่ยปาก หมัดของหลินเย่ว์ก็ประเคนเข้าให้ก่อนแล้วดีที่เซียวเหิงมีปฏิกิริยาฉับไว เพียงแค่เอี้ยวตัวก็สามารถหลบหลีกได้หลินเย่ว์พลาดเป้าหมาย ทั้งร่างจึงฟุบลงไปที่โต๊ะ กับแกล้มหลายอย่างร่วงลงพื้นหมดเขาหยิบผักขึ้นมากำมือหนึ่ง พร้อมโยนใส่หน้าเซียวเหิง เซียวเหิงถอยหลังกรูด หลบเลี่ยงเป็นพัลวัน สีหน้าเริ่มมีความไม่พอใจผุดขึ้น “เจ้าเป็นบ้าอะไรขึ้นมา?”เขาจงใจเลี่ยงไม่พูดคำว่าบ้าคลั่ง เหตุเพราะที่ผ่านมา ให้หลินเย่ว์เมาเพียงไหนก็ไม่เคยคลุ้มคลั่งเช่นนี้มาก่อนแต่วันนี้ เหมือนเขามีความในใจแอบแฝงหลินเย่ว์ลุกขึ้นยืน เสื้อผ้าหรูหราได้เปื้อนคราบสกปรกไปไม่น้อยแต่เขากลับไม่สนใจ มีเพียงชี้นิ้วไปทางเซียวเหิง “ขอเตือนให้รู้ หากเจ้ากล้าผิดต่อยวนเอ๋อร์ ก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ”เซียวเหิงมีสีหน้าเย็นชา พลางปัดคอเสื้อให้เรียบร้อย ก่อนยิ้มเบาๆ “คำพูดประโยคนี้ เมื่อก่อนเจ้าก็เคยพูดไว้”เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้หมายถึงยวนเอ๋อร์ หากแต่เป็นเนี่ยนเนี่ยนหลินเย่ว์สะอึกเล็กน้อย แต่ก็โต้ตอบเร็วพลัน “แต่ตอนนี้คนที่หมั้นหมายกับเจ้าคือยวนเอ๋อร์ เ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 19

    มาเยี่ยมนางเวลานี้?เห็นทีคงไม่ใช่การเยี่ยมธรรมดากระมัง?เฉียวเนี่ยนลุกขึ้นพร้อมออกไปต้อนรับ เมื่อพบฮูหยินหลินก็โน้มกายลงคารวะ “คารวะฮูหยินเจ้าค่ะ”เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนยังไม่คิดเรียกนางว่าท่านแม่ ฮูหยินหลินก็แอบเสียใจอยู่ลึกๆแต่ต่อหน้าเฉียวเนี่ยน นางไม่ต้องการแสดงออกให้เห็น จึงเดินไปจับมือเฉียวเนี่ยนไว้ พาไปนั่งลงด้านข้าง “แม่กลัวว่าเจ้าจะเสียใจ จึงมาดูเสียหน่อย”เฉียวเนี่ยนหลุบตาลงต่ำ ไม่ได้ตอบกลับมีเพียงดึงมือตนกลับคืนเบาๆฮูหยินหลินรู้สึกถึงได้ จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมแอบถอนหายใจก่อนจะกล่าวต่อ “ที่ผ่านมาท่านย่ารักเจ้าที่สุด แม้จะรู้ว่าเจ้าไม่ใช่สายเลือดตระกูลหลินโดยแท้ แต่ในใจนาง ยังคงเป็นหลานรักเสมอ”ข้อนี้เฉียวเนี่ยนเห็นชอบด้วยใครดีต่อนาง ใครจริงใจต่อนาง นางย่อมแยกแยะออกได้ท่านย่ารู้ตัวว่าสุขภาพไม่ไหวแล้ว ยังใช้เป็นข้ออ้างไปทูลขอฮองเฮาให้ปล่อยนางออกจากวังมา ลำพังเพียงแค่ข้อนี้ ก็นับเป็นบุญคุณใหญ่หลวงที่เฉียวเนี่ยนไม่อาจตอบแทนได้หมดเปลือกตาที่หลุบต่ำสั่นไหวเบาๆ นางพยายามไม่ให้ฮูหยินหลินได้เห็นว่ามีน้ำตาคลออยู่แต่อย่างไรฮูหยินหลินก็เป็นมารดาของเฉียวเนี่ยนมาถึงสิบห

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 20

    เฉียวเนี่ยนรู้จักหมิงอ๋องเป็นอย่างดีเพราะเต๋อกุ้ยเฟยกับฮูหยินหลินเป็นเพื่อนสนิทมานาน ลูกๆ ของพวกนางจึงเคยเล่นหัวมาแต่เล็ก แต่เนื่องจากหมิงอ๋องเป็นองค์ชาย ฐานะสูงส่ง เวลาเด็กๆ เล่นด้วยกันก็จะมีความระมัดระวังบ้างต่อมาทุกคนต่างเติบใหญ่ หมิงอ๋องต้องเรียนหนัก ไม่ค่อยได้กลับวังบ่อยนัก การไปหามาสู่จึงค่อยๆ ลดลงเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่นับว่าสนิทมาก เพียงแค่เคยรู้จักเท่านั้นตอนเฉียวเนี่ยนไปอยู่กรมซักล้างยังเคยได้พบหมิงอ๋องครั้งหนึ่ง เพียงแต่ตอนนั้นนางสวมชุดประจำตำแหน่งนางกำนัล ตามหลังมามาคุกเข่าอยู่ที่พื้น หมิงอ๋องจึงไม่ทันสังเกตเห็นนางแต่ยามนี้หมิงอ๋องนั่งอยู่ด้านข้างเต๋อกุ้ยเฟยแล้ว แต่งกายด้วยชุดผ้าไหมเรียบง่ายทำให้มีบุคลิกสง่างามยิ่งทั้งยังมีรูปร่างสูงใหญ่ แม้นั่งอยู่ยังดูสูงกว่าเต๋อกุ้ยเฟยเกือบหนึ่งช่วงหัวพระพักตร์ดูคล้ายกับฮ่องเต้ เครื่องหน้าดูขึงขัง มีเพียงดวงตาที่คล้ายเต๋อกุ้ยเฟย มองดูผู้ใดก็ล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนโยน บางครั้งยังแฝงความเมตตาสงสารต่อผู้นั้นอีกและในยามนี้เมื่อเขาเห็นเฉียวเนี่ยน ความเห็นใจในดวงตาแทบเอ่อล้นออกมาเสียด้วยซ้ำเฉียวเนี่ยนไม่ชอบดวงตาเช่นนี้เลย เพราะ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 21

    อาจเป็นความเย็นชาในน้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นเคยยิ่ง พาให้เฉียวเนี่ยนตกใจ จนต้องถอยหลังกรูดไปสองก้าวแต่เพราะรีบร้อนเกินเหตุจึงทำให้เข่าอ่อน ร่างกายคล้ายจะทรุดลงพื้นดีที่หมิงอ๋องมือไวและตาไว รีบฉุดตัวนางขึ้นมาก่อนเพียงแต่การฉุดนี้ ทำให้ระยะห่างของพวกเขาเข้าใกล้มากยิ่งขึ้น หากมองจากไกลๆ จะดูคล้ายหมิงอ๋องกำลังโอบเฉียวเนี่ยนอยู่สายตาคมกริบของเซียวเหิงจ้องเขม็งไปยังมือหมิงอ๋องที่จับแขนเฉียวเนี่ยนแน่นอยู่ พร้อมแววตาดุดันมากยิ่งขึ้น“ไม่เป็นไรนะ?” หมิงอ๋องถามเสียงอ่อนโยนเฉียวเนี่ยนส่ายหน้า เกิดความรู้สึกร้อนตัวอย่างไร้เหตุผลมีเรื่องอันใดต้องร้อนตัวด้วย?อย่าว่าแต่นางกับเซียวเหิงแทบไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก หรือต่อให้มี นั่นก็เป็นเพียง ‘ญาติในนาม’ เท่านั้นนางจะอยู่กับผู้ใด คิดทำสิ่งใดบ้าง ล้วนไม่ใช่ธุระของเขาทั้งที่จริงแล้ว เซียวเหิงอาจจะไม่สนใจด้วยซ้ำเพราะนางคิดมากไปเองต่างหากพลางสูดลมหายใจเข้าลึก เฉียวเนี่ยนระงับอารมณ์ที่สับสนปนเปในใจ โน้มกายลงคารวะต่อเซียวเหิงที่อยู่ไม่ไกลนัก “คารวะท่านแม่ทัพเซียว”หมิงอ๋องหันไปทางเซียวเหิง “แม่ทัพเซียวมาเข้าเฝ้าอีกแล้วรึ?”คำว่า ‘อีกแล้ว

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 288

    นั่นมันต้องเจ็บขนาดไหนกัน!เนี่ยนเนี่ยนของนางต้องเจ็บขนาดไหนกัน!ฮูหยินเฒ่าแค่คิด ก็รู้สึกปวดใจแทบขาดแล้วย่าอย่างนาง ช่างไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!นางเอาแต่อยู่ในจวนนี้ทั้งวันทั้งคืน ไยแม้แต่ข่าวเล็กน้อยก็ยังไม่ได้รับ?หากนางรู้เร็วกว่านี้ว่าหมิงอ๋องคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไร นางคงไม่มีทางให้เนี่ยนเนี่ยนเข้าวังหรอกหากนางรู้ว่าหลินเย่ว์ไอ้สารเลวนั่นทำเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ นางคงตีเขาให้ตายแน่!หาก...หากนางจากไปเร็วกว่านี้ เนี่ยนเนี่ยนของนางคงไม่ต้องลำบาก ต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม! อยู่ที่จวนโหวมาตลอดขนาดนี้!เป็นนางเองที่ไร้ประโยชน์!เป็นเพราะนางแก่แล้ว ทนได้ไม่ไหวแล้ว ไม่เพียงแต่ปกป้องเนี่ยนเนี่ยนของนางไม่ได้ ยังกลายเป็นภาระของนางด้วย!พวกเขายังให้นางกินน้ำล้างจานด้วย!หลานสาวแท้ๆ ที่นางรักทะนุทะนอมมาตั้งแต่เด็ก!พวกเขากล้าให้นางกินน้ำล้างจานได้อย่างไรกัน!ฮูหยินเฒ่ายิ่งคิด ความเจ็บปวดในใจก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนสุดท้าย ก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมาเสียงโหยหวนและแก่ชราที่ดังเรื่อยๆ นั้น แฝงไปด้วยความเสียใจมากมายและช่วยอะไรไม่ได้นางถึงขนาดที่ไม่รู้แล้วว่า ให้เฉียวเนี่ยนออกมาจากกรมซักล้าง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 287

    เฉียวเนี่ยนวิ่งไปด้วย เช็ดคราบเลือดตรงมุมปากไปด้วย นางจะให้ท่านย่าเห็นสภาพนางกระอักเลือดไม่ได้!เมื่อมาถึงนอกห้องฮูหยินเฒ่า ก็เห็นซูมามากับหมอประจำจวนรออยู่หน้าประตูห้องก่อนแล้วครั้นเห็นเฉียวเนี่ยน หมอประจำจวนก็คำนับเฉียวเนี่ยนรีบไถ่ถาม "เป็นอย่างไรบ้าง? ท่านย่าข้าเป็นอย่างไรบ้าง?"หมอประจำจวนถึงได้ตอบ "คุณหนูใหญ่ ร่างกายของฮูหยินเฒ่าเสียหายอย่างรุนแรง แม้ข้าน้อยจะฝังเข็มรักษาชีพจรหัวใจของฮูหยินเฒ่าไว้มั่นได้ แต่ เกรงว่าคงยืนหยัดได้ไม่เกินสิบวัน"เฉียวเนี่ยนอึ้งไป พลางส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย "ไม่ ไม่จริง ซูมามาบอกว่า วันนี้สภาพท่านย่าไม่เลว แถมยังลุกจากเตียงได้อยู่เลยมิใช่หรือ... "เหตุใดแม้แต่สิบวันก็ทนไม่ไหวแล้วเล่า?ซูมามาปาดน้ำตาไร้สุ้มเสียงแต่หมอประจำจวนกลับถอนหายใจเล็กน้อย กล่าว "หากไม่เคยได้รับการกระตุ้น บางทีฮูหยินเฒ่าอาจทนได้สองสามเดือน เฮ้อ!"ได้ยินเช่นนี้ น้ำตาเฉียวเนี่ยนพลันไหลลงมาไม่หยุด แม้แต่ลมหายใจก็สับสนไปชั่วขณะอย่างไรเสียก็เป็นเรื่องของนางที่ทำร้ายฮูหยินเฒ่า!เมื่อครู่นางควรตวัดดาบจบหลินยวนไปเสีย!ซูมามารีบเข้ามาเช็ดน้ำตาให้นาง และกล่าวโน้

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 286

    แต่ในเวลานี้เอง ร่างๆหนึ่งปรี่เข้ามาในห้อง ผลักเฉียวเนี่ยนออกและเพราะการกระแทกนี้ ทำให้ดาบยาวทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทางยาวตรงหน้าอกหลินยวนหลินเย่ว์ตกใจหน้าถอดสี รีบอุ้มหลินยวนไปข้างนอกทันทีแต่คาดไม่ถึงว่า เฉียวเนี่ยนไล่ตามออกมาเหมือนกับคนบ้า ถือดาบยาวตวัดฟันลงบนหลังของหลินเย่ว์หลินเย่ว์หลบไม่ทัน หลังรับดาบเฉียวเนี่ยนไปเต็มๆ สองมือไร้เรี่ยวแรงทันที และล้มลงไปบนพื้นพร้อมกับหลินยวนท่านโหวหลินที่เร่งตามาเห็นภาพนี้ ก็ปรี่เข้ามาจับสองมือของเฉียวเนี่ยนไว้ทันที พลางตะคอกอย่างกราดเกรี้ยว “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”หากไม่ใช่เพราะทหารองครักษ์ที่ถูกแย่งดาบไปรีบมารายงาน เกรงว่าเมื่อพวกเขามาถึง หลินยวนคงตายภายใต้ดาบของนางไปแล้วแต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนแทบจะตะโกนเดือดดาลอย่างบ้าบิ่น “ใช่ข้าบ้าไปแล้ว! หากไม่ใช่เพราะนางส่งคนไปพูดไร้สาระต่อหน้าท่านย่า ท่านย่าก็คงจะไม่เป็นไร! วันนี้ข้าจะต้องตัดลิ้นนางให้ได้ ข้าจะดูว่าต่อไปเจ้าจะเอาอะไรออกมาทำร้ายท่านย่าอีก!”ท่านโหวหลินเหมือนเพิ่งจะรู้ว่าจู่ๆ ที่ฮูหยินเฒ่าอาการกำเริบเกิดมาจากหลินยวน จึงมองไปที่หลินยวนด้วยสีหน้าตกตะลึงทันทีเห็นเพียงอีกฝ้ายหมอบอยู่

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 285

    เรือนลั่วเหมย ประตูใหญ่ปิดสนิทเฉียวเนี่ยนถีบประตูเปิด ย่างสามขุมเข้าไปในเรือนลั่วเหมยคนรับใช้ สาวใช้ภายในเรือน แต่ละคนเตรียมพร้อมรออยู่ ราวกับคาดเดาได้ว่าเฉียวเนี่ยนจะมาแต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะถือดาบเข้ามาด้วย!กระนั้น แม้พวกเขาจะเคยเห็นความดุร้ายของเฉียวเนี่ยน ทว่ากลับไม่เคยเห็นเฉียวเนี่ยนฆ่าคน จึงคิดว่าเฉียวเนี่ยนแค่มาขู่ก็เท่านั้นมีคนรับใช้ใจกล้าคนหนึ่งเข้ามาพูดโน้มน้าว “คุณหนูใหญ่โปรดระงับโทสะ อย่าทำเรื่องโง่ๆ รอท่านโหวมา…อ๊าก!”ไม่รอให้คนรับใช้คนนั้นพูดจบ เฉียวเนี่ยนก็ฟัดดาบลงไป คนรับใช้คนนั้นถูกฟันเข้าที่แขนทันที เลือดแดงสดไหลลงมาดวงตาสองข้างของเฉียวเนี่ยนแดงก่ำ ตะโกนเสียงดัง “หลินยวน ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”จากนั้น เหลือบมองกลุ่มคนรับใช้สาวใช้ที่ยังขวางอยู่ตรงหน้าตัวเอง แล้วตะคอกเสียงเย็น “ใครกล้าขวางข้า!”เหล่าสาวใช้ที่ขี้ขลาดบางส่วนรีบวิ่งหนีเตลิดกันหมด ทว่ายังพอมีใจกล้าอยู่บ้าง ขวางอยู่ข้างหน้าเฉียวเนี่ยน “คุณหนูใหญ่ใจเย็นก่อนๆ หากฆ่าคุณหนูรองจริง ท่านโหวจะปล่อยคุณหนูไปได้อย่างไร?”เฉียวเนี่ยนจ้องคนรับใช้คนนั้นเขม็ง พลางกดเสียงต่ำ “รนหาที่ตาย!”ดาบยา

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 284

    เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซูมามาก็ห้ามเสียงสะอื้นไม่ได้แล้ว “ฮู ฮูหยินเฒ่ารู้เรื่องที่คุณหนูใหญ่จะตัดขาดท่านโหว จึงบีบเค้นถามบ่าว บ่าวไม่กล้าพูดมาก ฮูหยินเฒ่าจึงบีบให้นังพวกใจสกปรกเหล่านี้พูด…”“ฮูหยินเฒ่าไม่เพียงรู้เรื่องที่คุณหนูตัดขาดจวนโหว ยังรู้เรื่องก่อนหน้าที่คุณหนูเกือบถูกหมิงอ๋องตีตาย รู้ว่าท่านโหวน้อยรังแกคุณหนูอย่างไร ดังนั้นฮูหยินเฒ่าก็เลย ก็เลย…”พูดมาถึงตอนท้าย ซูมามาร่ำไห้จนพูดออกมาไม่ได้แล้วส่วนเฉียวเนี่ยน เดือดดาลจนสั่นเทาไปทั่วร่างนางมีสีหน้าเย็นชา ค่อยๆเดินไปทางสาวใช้พวกนั้นพวกสาวใช้แต่ละคนต่างหลุบตาต่ำก้มหน้า จิตใจกระวนกระวาย ไม่กล้าเหลือบมองเฉียวเนี่ยนได้ยินเพียงสุ้มเสียงสั่นเทาของเฉียวเนี่ยนดังออกมา และเจือไปด้วยโทสะ “ข้ากำชับหลายครั้งหลายหนแล้วว่าห้ามเปิดเผยเรื่องของข้าให้ท่านย่าฟัง พวกเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน ถึงกล้าเอ่ยถึงข้าในเรือนของท่านย่า!”เหล่าสาวใช้ต่างตกใจพากันร่ำไห้โขกหัว “บ่าวผิดไปแล้ว ขอคุณหนูใหญ่ยกโทษให้ด้วย!”“บ่าวรู้ความผิดแล้ว บ่าวไม่กล้าทำอีกแล้ว!”ทว่าสายตาของเฉียวเนี่ยน กลับถูกสาวใช้หนึ่งในนั้นดึงดูดไปนางขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็น “เ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 283

    หลังจากเฉียวเนี่ยนก้มกราบเสร็จ ก็ลุกขึ้นยืน กล่าวกับคนรับใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่นอกห้องโถง “ไปเอากระดาษ พู่กันมา”คนรับใช้ไหนเลยจะกล้าขยับ พลางมองไปที่ท่านโหวหลินด้วยความลำบากใจแต่กลับพบว่า ท่านโหวหลินกำลังหายใจแรง คล้ายว่าถูกยั่วโมโหสุดขีดแล้วส่วนฮูหยินหลินปาดน้ำตาไม่หยุด พูดไม่ออกเลยสักคำมีเพียงหลินเย่ว์ที่ยังพูดออกมาได้ในตอนนี้ “เฉียวเนี่ยน เจ้าคิดให้ดีนะ ไม่มีจวนโหว…”“ข้าคิดดีแล้ว” เฉียวเนี่ยนขัดคำพูดหลินเย่ว์อย่างไม่แยแส จากนั้นสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ท่านโหวหลินอย่างเย็นชา น้ำเสียงเจือไปด้วยความถากถาง “บัดนี้พวกท่านบอกปัดด้วยข้ออ้างต่างๆเช่นนี้ เหมือนกับว่าจวนโหวขาดข้าไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น”ไม่ใช่ว่ายืนยันแล้วหรอกหรือว่าจวนโหวเอาแต่ใช้ประโยชน์นางมาตลอด?ได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดท่านโหวหลินก็โมโหจนขาดสติ และตะคอกขึ้นมาด้วยโทสะทันที “ไปเอากระดาษกับพู่กันมา!”จวนโหวขาดนางไม่ได้?พูดเรื่องตลกอะไร!เรือพังยังมีตะปูสามพัน ต่อให้จวนโหวเขาไม่ดีแค่ไหน ก็ไม่มีวันตกต่ำถึงขั้นต้องพึ่งพาเฉียวเนี่ยนที่เป็นสตรีคนหนึ่งหรอก!เขาคำนึงถึงอนาคตทึกอย่างเพื่อนาง นางไม่รับน้ำใจก็ช่าง ตอนนี้กลับ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 282

    น้ำเสียง ดูเย็นชาเป็นพิเศษแต่กลับทำให้หลินเย่ว์โมโหไม่น้อย "ไม่ขัดขวาง? เฉียวเนี่ยน เจ้ามองตัวเองสำคัญเกินไปแล้ว? ที่พ่อแม่สนใจเรื่องแต่งงานของเจ้า เป็นเพราะพวกเขายังยอมรับเจ้าเป็นลูกสาว! หากตัดขาดกัน จวนโหวจะสนใจเจ้าอีกได้อย่างไร!"ได้ยินวาจานี้ จู่ๆ เฉียวเนี่ยนพลันหัวเราะขึ้นมา ก่อนกล่าว "ดังนั้น ข้าจะตัดขาดความสัมพันธ์"สิ่งที่หลินเย่ว์พูดเมื่อครู่ เหล่านนั้น คือเหตุผลที่นางอยากตัดขาดความสัมพันธ์!หลินเย่ว์นิ่งอึ้งรู้สึกแต่ว่าเฉียวเนี่ยนถูกผีเข้าสิงขณะกำลังคิดว่าควรจะด่าเตือนนางอย่างไร กลับไม่คาดคิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน"ท่านโหวหลินดูออกหรือไม่ว่าตราประทับนั้นเป็นของปลอม?"เสียงของนางอ่อนเบา ไม่เจือไปด้วยโทสะแม้แต่น้อยราวกับว่าแค่ถามเรื่องที่ปกติมากๆเรื่องหนึ่ง เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับนางแต่คำพูดนี้กลับทำให้หลินเย่ว์และฮูหยินหลินขมวดคิ้วสองข้าง "ตราประทับปลอมอะไร? เจ้าว่าตราประทับราชครูนั่นเป็นของปลอมหรือ?"เฉียวเนี่ยนไม่ตอบ ดวงตาคู่หนึ่งมองไปที่ท่านโหวหลินอย่างสงบนิ่งมากพบว่าท่านโหวหลินตาเป็นประกาย กล่าวอย่างปากแข็ง "นั่น นั่นมันเป็นตราประทับของรา

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 281

    จวบจนรถม้านั่นขับออกไปไกลแล้ว จิ่งเหยียนถึงได้โบกมือ สั่งเหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังกลับไปจากนั้นก้มตัวลงไปเก็บปิ่นปักผมที่อยู่บนพื้นขึ้นมา เดินอ้อมไปอยู่ด้านหลังเฉียวเนี่ยนและม้วยมวลผมที่ง่ายที่สุดให้นางในระหว่างที่ทำผมให้นางเขาถึงได้พบว่า มือขวาของตัวเองยังออกแรงไม่ได้จนถึงตอนนี้นึกถึงเซียวเหอแม้เขาจะกักตัวมาตลอดห้าปี กระนั้นฝีมือการต่อสู้กลับยังคงเก่งกาจเหมือนเดิม จิ่งเหยียนอดหัวเราะเสียงเบาออกมาไม่ได้ครั้นได้ยินเสียงหัวเราะที่มาจกความจริงใจภายใน เฉียวเนี่ยนก็อดสงสัยไม่ได้ "เป็นอะไรหรือ?"จิ่งเหยียนเก็บความคิดไว้ และส่ายหัวเล็กน้อย "ไม่มีอะไร"ระหว่างสนทนา เขาปรายตามองแผ่นป้ายสูงจวนราชครูนั้น แววตาทมึนถึงลง ก่อนกล่าว "ข้าจะส่งเจ้ากลับ"เฉียวเนี่ยนถึงได้สูดหายใจเข้าลึก และพยักหน้าอย่างช้าๆถึงเวลาควรกลับแล้วไม่นาน เฉียวเนี่ยนก็กลับมาถึงจวนแต่คาดไม่ถึงว่า จะบังเอิิญเจอท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ที่กำลังออกมาจากจวนพอดีเห็นเฉียวเนี่ยนตามจิ่งเหยียนมา ท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ต่างก็ตกตะลึงเดิมทีพวกเขากำลังจะไปจวนราชครู แต่ไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะกลับมาก่อนก้าวหนึ่งท่านโหวหลิ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 280

    แต่ไม่คิดเลยว่า จู่ๆบนหลังมือของจิ่งเหยียนเกิดความเจ็บแปลบอย่างรุนแรงขึ้นมา ทำให้ไม่อาจถือแม้แต่ปิ่นปักผมไว้ได้ปิ่นปักผมร่วงลงบนพื้น เกิดเสียงกระทบดังออกมาและที่ร่วงมาพร้อมกันนั้น ยังมีหินกลมก้อนหนึ่งด้วยนี่มัน...ทั่วบริเวณ เงียบสงัดไปชั่วขณะทว่ามีเสียงเกือกม้าค่อยๆดังเข้ามาทุกคนทอกมองไปทางต้นเสียง เห็นไม่ไกลนัก มีรถม้าคันหนึ่งมุ่งตรงมาที่จวนราชครูคือรถม้าของตระกูลเซียว!เฉียวเนี่ยนตกใจ จับมือจิ่งเหยียนไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว ก่อนคิ้วงามขมวดขึ้นเล็กน้อยเซียวเหิงมาได้อย่างไร?แต่ที่ไม่คาดคิดคือ รถม้ามาหยุดอยู่นอกจวนราชครู มือขาวเรียวยาวข้างหนึ่งแหวกผ้าม่านรถออก เสียงเย็นยะเยือกดังออกมา "ราชครูชิว ไม่เจอกันนานเลย"เฉียวเนี่ยนตกใจอีกครา สุ้มเสียงนี้ หาใช่เซียวเหิง!นางมองไปทางรถม้าทันที เห็นใบหน้าขาวที่แทบจะเหมือนป่วยภายใต้ม่านรถที่ถูกเปิดออกนั้น บนใบหน้าที่ซูบผอม หูตาคอจมูกดูดุดัน ออร่าแม่ทัพใหญ่ที่เลือนรางนั้นไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อยเป็นเซียวเหอ!จิ่งเหยียนเองก็คาดไม่ถึงว่าผู้มาจะเป็นเซียวเหอ จึงอุทานอย่างตกใจออกมา "ท่านแม่ทัพ!"เขาเคยเป็นผู้นำทัพแนวหน้าใต้บัญชาเซียวเห

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status