แชร์

บทที่ 9

ผู้เขียน: โม่เสียวชี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-10 16:06:29
เมื่อได้ยินคําถามนี้ น้ำตาในดวงตาของหลินยวนก็ไหลออกมาในที่สุด นางส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า"ไม่ใช่ ข้าไม่เคยทําร้ายพี่หญิงเลย ตอนนั้นเป็นข้าที่ทําถ้วยแตก เป็นความผิดของข้าเอง แต่คนที่ใส่ร้ายพี่หญิงคือเสี่ยวชุ่ย...”

นางพยายามอย่างยิ่งที่จะบอกเฉียวเนี่ยนว่าตัวเองไม่เคยทําร้ายนาง

แต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะพิงอยู่ข้างประตู ถามนางอย่างอ่อนโยนว่า “แล้วทําไมเจ้าไม่บอกเมื่อสามปีก่อนล่ะ?”

หลินยวนอึ้งไปชั่วขณะ ไม่ทันได้เข้าใจว่าคําพูดของเฉียวเนี่ยนหมายความว่าอย่างไร?

มุมปากของเฉียวเนี่ยนโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันอย่างรุนแรง “เจ้าเป็นคนทําถ้วยแตกเอง แปดคํานี้ เมื่อสามปีก่อนต่อหน้าฮองเฮากับองค์หญิง ทําไมเจ้าถึงไม่พูด?”

หลินยวนถอยหลังไปก้าวหนึ่งราวกับยืนไม่มั่น “ข้า ข้าไม่กล้า... นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าเข้าวัง เป็นครั้งแรกที่เจอคนสูงศักดิ์มากมายขนาดนี้ ข้า ตอนนั้นข้ากลัวมาก ข้า...”

“แล้วตอนนี้เจ้าจะมาพูดอะไรกับข้าอีกล่ะ?” เฉียวเนี่ยนขัดจังหวะคําพูดของหลินยวนอีกครั้ง

ต้องพูดอะไรกันแน่ถึงจะให้นางทําเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นตลอดสามปีที่ผ่านมา

หลินยวนร้องไห้สะอึกสะอื้น ก้มหน้าลง ไม่กล้ามองเฉียวเนี่ยนอีก “ขอแค่พี่หญิงให้อภัยข้า ข้ายอมคืนทุกอย่างให้พี่หญิง ข้าจะบอกพ่อแม่และพี่ชายว่า พี่หญิงท่านไม่เคยรังแกข้า เรือนลั่วเหมย ข้าก็สามารถคืนให้กับพี่หญิงได้ ยังมี ยังมีพี่เหิงด้วย ข้า ข้าก็สามารถคืนให้กับพี่หญิงได้หมด”

ฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็เข้าใจจุดประสงค์ที่หลินยวนมาในวันนี้แล้ว

“หลินยวน ข้าเคยบอกแล้วว่านั่นคือพ่อแม่และพี่ชายของเจ้า ไม่เกี่ยวกับข้า” นางส่ายหัวเล็กน้อยและพ่นลมหายใจที่ขุ่นมัวออกมาจากอกอย่างรุนแรง แม้ว่าเรือนลั่วเหมยสร้างขึ้นเพราะชอบ แต่ล้วนเป็นความพยายามของท่านโหว และควรเป็นของเจ้าด้วย แม้แต่เรือนฟางเหอแห่งนี้ หากเจ้าต้องการก็แค่พูดประโยคเดียวเท่านั้น”

ได้ยินดังนั้น หลินยวนก็ส่ายหัวทันที “ข้าไม่เอา ข้าไม่ได้มาแย่งที่อยู่กับพี่หญิง”

“ข้ารู้” เฉียวเนี่ยนยิ้มบางๆ แฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันเล็กน้อย “เจ้ามาเพื่อเซียวเหิง”

พูดอะไรขอให้นางให้อภัย อ้อมค้อมขนาดนี้ ก็เพื่อผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น

นางพูดเข้าเรื่องของหลินยวนทันที ทําให้หลินยวนหน้าแดงทันที

กลับได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องอะไรอยู่ เมื่อสามปีก่อนตอนที่ข้ายังไม่ถูกลงโทษเข้ากรมซักล้าง การหมั้นหมายนี้ก็ตกอยู่กับเจ้าแล้ว ตอนนี้แม้ว่าข้าจะยังอาศัยอยู่ในจวนโหว แต่ทั้งหมดเป็นเพราะท่านย่ารักข้าเท่านั้น ข้าถึงขั้นไม่ได้แซ่หลินแล้ว ในจวนโหวนี้ข้าเป็นเพียงคนนอก การหมั้นหมายระหว่างตระกูลเซียวกับตระกูลหลินอย่างไรก็ไม่ตกอยู่ที่ข้า”

“อีกอย่าง เมื่อครู่ตอนอยู่กับท่านย่าข้าก็พูดชัดเจนแล้ว ข้าไม่ชอบเซียวเหิงอีกแล้ว เจ้าตั้งใจมาลองใจข้าเพราะเรื่องนี้ มันไม่จําเป็นจริงๆ”

“ข้าไม่ได้มาเพื่อหยั่งเชิงพี่หญิง” หลินยวนเหมือนถูกเข้าใจผิด รู้สึกใจร้อนเล็กน้อย “ข้าขอร้องพี่หญิงให้อภัยจากใจจริง เพียงแต่...”

เพียงแค่หยั่งเชิงท่าทีของเฉียวเนี่ยน ก็เป็นจุดประสงค์หนึ่งเช่นกัน

แต่นางต้องยอมรับว่านางรู้สึกกลัวจริงๆ

ท่าทีของเซียวเหิงในวันนี้ทําให้นางจับต้นชนปลายไม่ถูก นางเป็นห่วงจริงๆ ว่าคนที่เซียวเหิงอยากแต่งงานด้วยคือเฉียวเนี่ยน ดังนั้นจึงรีบมาหาเฉียวเนี่ยนที่นี่

“ไม่ว่ายังไง ความคิดของข้าก็ชัดเจนอยู่แล้ว สุขภาพของท่านย่าไม่ดีเท่าเมื่อก่อน ข้าแค่อยากดูแลท่านย่าให้ดีๆ อย่างอื่น ข้าไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น เฉียวเนี่ยนเล่าความคิดของตัวเองให้หลินยวนฟังอย่างละเอียดลออ แค่อยากให้หลินยวนรู้ว่าต่อไปถ้าไม่มีอะไรทําก็อย่ามาหาเรื่องเขาบ่อยๆ

คนของจวนโหวนี้ นอกจากท่านย่าแล้ว นางไม่อยากเห็นหน้าใครเลยจริงๆ

หลินยวนยืนอยู่ที่เดิมและกัดริมฝีปากล่างของตัวเองโดยไม่พูดอะไร

ใบหน้ายังมีคราบน้ำตา บนขนตายังมีคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งติดอยู่

เฉียวเนี่ยนคิดว่า ถ้าหลินเย่ว์มาตอนนี้ คงเหมือนกับตอนที่ผลักตัวเองตกตึกเมื่อสามปีก่อน เตะนางลงไปในสระบัวโดยไม่พูดไม่จา

อากาศที่นี่หนาวมาก ตกน้ำนางกลัวจะป่วยหลายวันเอาได้

แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว เฉียวเนี่ยนอดนวดขมับตัวเองไม่ได้ แค่อยากรีบส่งตัวหายนะนี้ไป “วันนี้ข้าตื่นเช้าไปหน่อย ตอนนี้เหนื่อยจริงๆ ถ้าเจ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ข้าก็ไม่ไปส่งเจ้าแล้ว”

พอฟังออกถึงการไล่แขกของเฉียวเนี่ยน หลินยวนก็ไม่อยากอยู่แบบหน้าด้านๆ อีกแล้ว จึงทําได้เพียงพยักหน้า “งั้นพี่หญิงพักผ่อนให้สบายนะ ข้า ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ”

พูดจบ หลินยวนก็โค้งตัวทําความเคารพแล้วเดินออกไปข้างนอก

หลินยวนเพิ่งออกจากบ้านไม่นานหนิงซวงก็เข้ามาแล้ว

“คุณหนู คุณหนูรองมาคุยอะไรกับท่านหรือเจ้าคะ?” เด็กสาวทําหน้าสงสัยใคร่รู้ พลางมองแผ่นหลังของหลินยวนอย่างอดไม่ได้ “บ่าวเห็นดวงตาของนางแดงก่ำ ร้องไห้แล้วหรือเจ้าคะ?”

เฉียวเนี่ยนไม่มีกะจิตกะใจจะรับมือกับหนิงซวง จึงเดินเข้าไปข้างใน “เจ้าอยากรู้อยากเห็นขนาดนี้ ไม่สู้ไปถามนางโดยตรงดีกว่า”

หนิงซวงตามมาอย่างหน้าด้านๆ “บ่าวเป็นบ่าวของคุณหนู มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปหาคุณหนูรองกัน?”

สิ้นเสียงฝีเท้าของเฉียวเนี่ยนก็หยุดลงเช่นกัน

นางหันไปมองหนิงซวงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

หนิงซวงตกใจ ขยิบตาให้เฉียวเนี่ยนสองครั้ง “คุณหนู ท่านเป็นอะไรไป?”

“ข้ารู้ว่าเจ้านายของเจ้าส่งเจ้ามาปรนนิบัติข้าเพราะมีจุดประสงค์ของเขา ข้าจะไม่ทําให้เจ้าลําบากใจ แต่เจ้าก็ไม่จําเป็นต้องเตือนข้าตลอดเวลาว่าเจ้าเป็นคนของข้า เพราะข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่”

เฉียวเนี่ยนอยู่ในกรมซักล้างมาสามปี ในสถานที่แห่งนั้น คนรอบข้างล้วนเป็นศัตรูของนาง ดังนั้นนางจึงเคยชินกับการพูดจาที่เย็นชาและดุดันเช่นนี้

นางไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะทําร้ายจิตใจของสาวใช้คนหนึ่ง

ดวงตาคู่โตของหนิงซวงแทบจะเต็มไปด้วยน้ำตาทันที

ต่างจากหลินยวน เฉียวเนี่ยนมองนาง ใจอ่อนลงทันที

แต่นางก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรปลอบนางหรือไม่ จึงได้แต่ขมวดคิ้ว “ข้าจะนอนสักพัก เจ้าไปทํางานเถอะ”

พูดจบก็หันหลังเดินเข้าไปในห้อง

หนิงซวงยืนอยู่ที่เดิม ได้แต่มองเฉียวเนี่ยนขวางนางเอาไว้ข้างนอก น้ำตาไหลพรากลงอาบแก้มในที่สุด

แต่ไม่นานนางก็เช็ดน้ำตาออก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคับข้องใจเมื่อสักครู่กลับเต็มไปด้วยความไม่สนใจ

คุณหนูของนางถูกทรมานอยู่ในกรมซักล้างเป็นเวลาสามปี ตอนนี้ต่อให้ไม่มีน้ำใจแล้วจะเป็นไรไป

คุณหนูมีแผลมากมายอยู่บนร่างกาย หากตนเองไม่โหดร้ายสักหน่อย เกรงว่าก็คงไม่รอดแล้ว

แม้จะถูกคุณหนูเข้าใจผิด แต่นางเชื่อว่าขอแค่จริงใจต่อคุณหนู สักวันหนึ่งคุณหนูจะสามารถมองเห็นความจริงใจของนางได้

หนิงซวงแอบให้กําลังใจตัวเอง แล้วจึงร้องเรียกในห้อง “เช่นนั้นคุณหนูพักผ่อนให้สบายนะเจ้าคะ บ่าวจะเฝ้าอยู่ข้างนอก หากคุณหนูต้องการอะไรก็บอกบ่าวได้เลย”

เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ร่างกายของเฉียวเนี่ยนก็ชะงักไปเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้

ที่ไหนสักแห่งในหัวใจเหมือนมีกระแสอุ่นๆ ไหลผ่าน

นางเองก็บอกไม่ถูกว่ามันรู้สึกอย่างไรกันแน่ แต่...อารมณ์ที่วุ่นวายเพราะหลินยวนเมื่อสักครู่ได้บรรเทาลงไม่น้อย

นางถอนหายใจยาวและกําลังจะเข้านอน แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องที่น่าตกใจดังมาจากข้างนอก

"แย่แล้ว! ใครก็ได้มาเร็ว คุณหนูรองตกน้ำแล้ว”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 10

    เฉียวเนี่ยนไม่ทันแม้แต่จะคลุมเสื้อนอกที่เพิ่งถอดออกแล้วก็วิ่งออกไป"เกิดอะไรขึ้น? ใครตะโกนอยู่?”หนิงซวงเองก็เดินตามหลังเฉียวเนี่ยนอย่างร้อนใจพลางส่ายหน้า “บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ เพิ่งได้ยินเสียงเรียก คุณหนูสวมเสื้อผ้าสักชุด ข้างนอกหนาวมาก”แต่เฉียวเนี่ยนไหนเลยจะมีกะจิตกะใจใส่เสื้อผ้าหลินยวนตกน้ำ จะตกที่ไหนได้อีกก็คือสระบัวของเรือนฟางเหอไม่ใช่หรือ?ตอนนั้นหลินยวนทําถ้วยแตกใบเดียวนางก็ถูกทรมานอยู่ถึงสามปี ถ้าหลินยวนเกิดเรื่องขึ้นกับนาง ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่หลินเย่ว์คนเดียวคงตีนางจนตายแน่เมื่อเฉียวเนี่ยนมาถึง หลินยวนยังคงกระโผลกกระเผลกอยู่ในน้ำผิวน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งได้แตกเป็นรูใหญ่รูหนึ่งแล้วบนสะพานหินมีสาวใช้และเด็กรับใช้จํานวนไม่น้อยกําลังเฝ้าดูอยู่เฉียวเนี่ยนก้าวเท้ายาวๆ วิ่งเข้าไป"พวกเจ้าทุกคนว่ายน้ำไม่เป็นหรือ? ทําไมไม่ช่วยคน?!”กลับเห็นเด็กรับใช้หลายคนทําหน้าลําบากใจ “พวกบ่าวช่วยได้ก็จริง แต่ถ้าทําลายความบริสุทธิ์ของคุณหนูรองจะทําอย่างไรขอรับ?”“ความบริสุทธิ์ยังสําคัญกว่าชีวิตอีกหรือ?” เฉียวเนี่ยนถลึงตาใส่เด็กรับใช้ที่กําลังพูดอยู่อย่างดุร้าย แล้วกระโดดลงไปในน้ำโ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 11

    คำพูดของเฉียวเนี่ยน เหมือนดั่งฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ จนทำให้หลินเย่ว์เกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะในมโนภาพเห็นแต่เฉียวเนี่ยนดิ้นรนอยู่ในน้ำ ส่วนนางกำนัลอื่นก็อยู่ข้างบ่อซักล้าง ต่างพากันหัวเราะเป็นการใหญ่พลันรู้สึกเจ็บในหัวอกมากขึ้น เขาคิดจะพูดอะไรต่ออีก แต่คล้ายมีบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ จวบจนแผ่นหลังของเฉียวเนี่ยนถูกบานประตูขวางกั้นจนมองไม่เห็นอีก จึงค่อยมีสติกลับคืนมาบ้าง“คุณหนู ฮือๆๆ...” เสียงร่ำไห้ของเสี่ยวชุ่ยดังขึ้นที่ข้างหู ทำให้รู้สึกรำคาญยิ่งหลินยวนถลึงตาใส่เสี่ยวชุ่ย “เอาแต่ร้องไห้อยู่ได้ ไม่รีบไปตามหมอมาอีก?”เสี่ยวชุ่ยเพิ่งจะนึกได้ จึงรีบออกไปทันทีหลินเย่ว์ส่งหลินยวนกลับไปยังเรือนลั่วเหมย ส่วนหมอประจำจวนก็มาพร้อมกับฮูหยินหลินขณะที่หมอกำลังตรวจชีพจรดูอาการให้หลินยวนอยู่นั้น ฮูหยินหลินก็พาหลินเย่ว์ออกไปข้างนอก “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? น้องเจ้าอยู่ดีๆ ตกน้ำได้อย่างไร หรือเป็นเพราะว่าเนี่ยนเนี่ยน...”“ท่านแม่” หลินเย่ว์ขมวดคิ้ว ขัดจังหวะการพูดของฮูหยินหลินทันที “เพราะเนี่ยนเนี่ยนช่วยยวนเอ๋อร์ไว้ต่างหาก”กล่าวพลาง เขาคล้ายกับนึกอะไรได้ จึงหันไปมองเสี่ยวชุ่ย “เจ้ามานี่”ใบหน้าซีก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 12

    ผู้มาใหม่คือเพื่อนสนิทของฮูหยินหลิน พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยนั่นเองเมื่อเห็นว่าในที่สุดก็มีคนมาห้ามปรามหลินเย่ว์ เหล่านางกำนัลที่อยู่ในบ่อจึงต่างพากันร่ำไห้ระงมอออกมา “พระสนม...”“ฮือๆๆ พระสนมโปรดช่วยพวกเราด้วยเพคะ”นางกำนัลสิบกว่าคนร้องไห้ขึ้นมาพร้อมกัน ฟังแล้วเป็นที่หนวกหูยิ่งพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ปรายตามองดูนางกำนัลใหญ่ที่อยู่ด้านข้างนางกำนัลใหญ่เข้าใจดี จึงกล่าวเสียงตวาด “ยังไม่รีบไปเปลี่ยนชุดอีก หากล้มป่วยขึ้นมา ทำให้เหล่าพระสนมเสียงานเสียการ พวกเจ้าจะมีกี่หัวพอให้ตัด?”เมื่อได้ยินดังนี้ เหล่านางกำนัลจึงหยุดร้องไห้ พร้อมคลานขึ้นจากบ่อน้ำแล้วแยกย้ายไปยังเรือนของตนทันทีรอจนทุกคนไปหมดแล้ว พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยค่อยหันมามองราวตากผ้าในมือหลินเย่ว์ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวเสียงดุ “อะไรกัน ท่านโหวน้อยจะตีข้าด้วยหรืออย่างไร?”หลินเย่ว์ตกใจจนทิ้งราวตากผ้าลงจากมือ พร้อมประสานมือกล่าวตอบ “กระหม่อมมิบังอาจ”“ขนาดบุกเข้าวังมาเช่นนี้ ยังมีสิ่งใดไม่กล้าทำอีก?” เห็นชัดว่าพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเริ่มกริ้วบ้างแล้วนางมองว่าหลินเย่ว์ทำการวู่วามเกินไปในกรมซักล้างแห่งนี้ แม้เป็นที่ๆ นับว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 13

    แม้แต่ท่านโหวหลินก็อดมองหน้าเฉียวเนี่ยนไม่ได้ แต่ยังคงพูดคุยกับหลินเย่ว์ต่อ “เคราะห์ดีที่วันนี้มีพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยมาออกหน้าให้ มิฉะนั้นอย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่ข้าเองก็อาจไม่ได้ออกจากวังมาอีก!”เฉียวเนี่ยนมองดูพื้นที่อยู่เบื้องหน้าตน ในใจแอบรู้สึกถึงความเย้ยหยันคำพูดนี้ น่าจะพูดให้นางฟังมากกว่าขณะกำลังคิดอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงหลินยวนแว่วมา “ท่านพ่อ...”น้ำเสียงอ่อนหวานนั้น แฝงด้วยความอ่อนแรง ระคนความร้อนใจ คล้ายพร้อมจะขาดใจได้ทุกเมื่อกระนั้นเฉียวเนี่ยนคิ้วขมวดเล็กน้อย พลันเห็นหลินยวนเดินอย่างอ่อนระโหยเข้ามาโดยมีสาวใช้เสี่ยวชุ่ยคอยประคอง ทันทีที่เห็นใบหน้าหลินเย่ว์มีเลือดไหลซึม น้ำตานางก็ร่วงหล่นลงพลัน พร้อมคุกเข่าลงข้างกายหลินเย่ว์ “ท่านพ่อ ขอท่านอย่าได้โกรธมาก แค่กๆๆ แค่กๆๆ...”กล่าวยังไม่ทันจบประโยค หลินหยวนก็เกิดอาการไอรุนแรงขึ้นมาท่านโหวหลินเป็นห่วงเสียจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ พลางตวาดไปทางเสี่ยวชุ่ย “ยังไม่รีบพยุงคุณหนูขึ้นมาอีก!”จนแม้แต่ฮูหยินหลินซึ่งแต่เดิมปกป้องหลินเย่ว์อยู่ ยังรีบไปพยุงให้นางยืนขึ้น “เจ้ายังป่วยอยู่ ออกมาทำไมกัน”“ข้า...ได้ยินว่าท่านพ่อจะลงโทษพี่ชาย” น้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 14

    เฉียวเนี่ยนรู้สึกหวาดหวั่นในใจ ขณะยืนอยู่กลางลานในตำหนักของพระสนมเต๋อกุ้ยเฟย จิตใจยังคงหวั่นวิตกไม่หายนับแต่ทำงานในกรมซักล้างมาสามปี นางยังไม่เคยมาตำหนักนี้ แต่พอรู้สึกได้ว่าบรรยากาศที่นี่แตกต่างจากกรมซักล้างโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดความอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกนางกลัวว่าตนจะเหมือนเมื่อสามปีที่แล้ว เข้ามาแล้วไม่ได้กลับออกไปอีกไม่รู้ว่ายืนอยู่นานเพียงไหน รู้เพียงนิ้วเท้าหนาวเย็นจนเกือบไร้ความรู้สึก กว่าจะมีคนมาเรียกนางเข้าไปพบพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยทันทีที่ผลักประตูเข้าไป ก็มีไออุ่นมาปะทะใบหน้า จนเฉียวเนี่ยนรู้สึกแสบถึงปลายจมูกนางสูดจมูกเล็กน้อย ไม่ทันเดินเข้าด้านในก็ได้ยินเสียงพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยดังลอดออกมา “ข้าเห็นชุดที่ส่งซักแล้ว ซักได้ดีมากจริงๆ”เฉียวเนี่ยนเพิ่งจะเห็นหน้านาง พลางรีบคุกเข่าลง “บ่าวถวายบังคมพระสนมกุ้ยเฟยเพคะ”เพราะนางทำงานเป็นบ่าวไพร่ในกรมซักล้างจนเคยชิน แม้ตอนนี้จะกลับไปอยู่จวนโหวตามเดิม แต่เวลาพบผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ยังมักจะกล่าวแทนตัวเองว่า ‘บ่าว’ อยู่เสมอพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยชะงักเล็กน้อย คล้ายกับนึกสิ่งใดขึ้นมาได้ จึงส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเบาๆ “เจ้าช่างเหมือนกับที่แม่เจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 15

    เฉียวเนี่ยนแอบรู้สึกตกใจ จนแม้แต่นางกำนัลผู้นั้นก็กวาดสายตามองดูเฉียวเนี่ยนและเซียวเหิงด้วยความฉงน ก่อนตอบรับสั้นๆ ว่า “เจ้าค่ะ”หลังจากนั้น นางกำนัลก็จากไปทันทีเซียวเหิงกลับเดินมาผายมือต่อเฉียวเนี่ยนอย่างเปิดเผย “แม่นางเฉียว เชิญ”เมื่อหมดหนทาง เฉียวเนี่ยนจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามเซียวเหิงออกจากวังไปเพียงแต่วันนี้รู้สึกทางเดินออกจากวังยาวไกลกว่าปกติ เฉียวเนี่ยนพยายามมองไปข้างหน้าเป็นระยะ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นประตูบานใหญ่ของวังหลวงเสียทีทั้งคู่ต่างไม่พูดไม่จาเงียบงันเสียจนได้ยินเสียงพื้นรองเท้าเสียดสีกับพื้นทรายด้านล่างซึ่งสภาพการณ์เช่นนี้ หากเป็นแต่ก่อนจะไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักเพราะเท่าที่เซียวเหิงจำได้ นางเป็นหญิงที่ช่างพูดช่างจา วันๆ มักจะบ่นโน่นบ่นนี่ไม่หยุดหย่อนและความเงียบในเวลานี้ ทำให้เขาไม่คุ้นชินในที่สุดจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน “เรื่องพี่ชายเจ้า ข้าได้ยินมาแล้ว ฝ่าบาทอาจจะทรงกริ้วบ้าง แต่มิใช่เรื่องใหญ่อันใด เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล”เฉียวเนี่ยนไม่เคยคิดว่าเซียวเหิงจะพูดกับนางเช่นนี้ นี่หมายความว่ากระไร?ปลอบใจกระนั้นรึ?แต่ว่า นางมิได้กังวลอะไรเลยนางยังคง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 16

    เฉียวเนี่ยนไม่นึกว่าฮูหยินเฒ่าจู่ๆ จะถามเช่นนี้ เมื่อดูความคาดหวังจากสายตาของนาง ทำให้เฉียวเนี่ยนเข้าใจโดยพลัน ว่าฮูหยินเฒ่าต้องการเป็นแม่สื่อให้นางกับเซียวเหิงนั่นเองแม้เมื่อวานนางจะพูดชัดเจนแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับเซียวเหิงอีก แต่ในสายตาของฮูหยินเฒ่า ทั้งคู่โตมาด้วยกัน อีกทั้งเซียวเหิงก็เป็นคนโปรดของฮ่องเต้ เหมาะที่เฉียวเนี่ยนจะฝากชีวิตไว้ในภายภาคหน้าแต่ว่า เมื่อก่อนความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวเหิงมักจะเข้าทำนองดอกไม้มีใจแต่สายน้ำไหลผ่าน มาวันนี้เขากับหลินยวนได้รักใคร่ชอบพอ นางจึงไม่มีเหตุผล อีกทั้งไม่มีแก่ใจจะไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีกจึงรีบส่ายหน้าเร็วพลัน “ท่านย่า วันนี้แม่ทัพเซียวยังได้ฝากขนมมาทางข้าเพื่อมอบให้หลินยวน พวกเขาต่างหากถึงเป็นคู่สร้างคู่สม ต่อไปท่านก็อย่าคิดเรื่องนี้อีกเลย”ฮูหยินเฒ่าเป็นคนดื้อแพ่งไม่น้อย จึงได้ถอนหายใจ “เฮ่ย ย่าเพียงแต่เห็นว่าแต่ก่อนเจ้ากับเด็กหนุ่มตระกูลเซียวสนิทสนมกันดี แล้วต้องมาขาดกันเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายนัก”เฉียวเนี่ยนฉีกยิ้มเล็กน้อย พลางซบศีรษะลงบนไหล่ฮูหยินเฒ่า “ต่อไปข้าคิดแต่จะอยู่กับท่านย่า จริงนะเจ้าคะ”นางรู้ดีว่าตนกับเซียวเหิงรู้จักม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 17

    พวกเขาต่างพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว หากเป็นไปได้ เฉียวเนี่ยนก็แทบอยากหันหลังจากไปทันทีแต่ว่า นางไม่มีเงินติดตัว ข้างนอกก็ไม่มีสหายสักคน หากออกไปตอนนี้ นงก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ใดได้อีกที่สำคัญ ท่านย่ายังอยู่ในจวนนี้นางจะปล่อยให้คนแก่เป็นห่วงได้อย่างไร?เพราะฉะนั้น แม้ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์จะพูดจาไม่เข้าหูสักเพียงใด ยามนี้นางก็ได้แต่ฟังอย่างเดียวและอดทนไว้สายตาไปอยู่ที่ชามข้าวที่วางอยู่ตรงกลางโต๊ะ เฉียวเนี่ยนรู้แล้วว่าบทสรุปของละครฉากนี้อยู่ตรงที่ใดในดวงตาเริ่มมีหยาดน้ำเอ่อขึ้นมา แต่นางก็ฝืนเก็บกักมันเอาไว้จากนั้นจึงถือตะเกียบคีบเนื้อปลาในชามข้าวขึ้นมา และส่งเข้าปากข้างโสตแว่วเสียงหัวเราะเย้ยหยันของหลินเย่ว์ “ตอนนี้ยอมกินแล้วรึ? เห็นทีว่าฐานะคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวยังมีความน่าสนใจอยู่บ้าง”เฉียวเนี่ยนปรายตามองดูหลินเย่ว์เล็กน้อย ไม่สนใจคำพูดเย้ยหยันของเขา เพียงมองหน้าท่านโหวหลินแล้วย่อตัวคารวะเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปาก“ท่านโหวอย่าเพิ่งโกรธ ใช่ว่าข้าถือตัวไม่ยอมกินเนื้อปลาที่ท่านโหวน้อยคีบให้ หากแต่เพราะสองปีก่อนทำงานจนเสียสุขภาพ กินอาหารทะเลครั้งใด ร่างกายจะขึ้นผดผื่น ซ้ำยังมีอาการคัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 40

    พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยลุกขึ้นตาม “บาดแผลของเจ้ายังไม่หายดี ห้าม...”ที่จริงเมื่อครู่เฉียวเนี่ยนเคยถูกพระสนมเต๋อเฟยซาบซึ้งใจในชั่วขณะหนึ่ง แต่ตอนนี้ความซาบซึ้งใจนั้นได้มลายหายไปนานแล้วนางยิ้มให้พระสนมเต๋อเฟย “พระสนมวางใจเถิด” พูดจบก็เดินออกไปข้างนอกจะวางใจในอาการบาดเจ็บของนางหรือวางใจในหมิงอ๋อง ก็ต้องให้พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยค่อยๆ คิดไปเองสามปีนี้ที่เฉียวเนี่ยนอยู่ในหน่วยงานซักล้าง แม้ว่าส่วนใหญ่จะซักเสื้อผ้าอยู่ในหน่วยงานซักล้าง แต่ก็มีเวลาไม่น้อยที่กลับไปส่งของตามมามาตามตําหนักต่างๆดังนั้นนางจึงคุ้นเคยกับเส้นทางในตำหนักเป็นอย่างดีไม่นานหลังจากนั้นนางก็พบด้านนอกห้องทรงอักษรหลังจากได้รับรายงาน นางตามพ่อสามีคนหนึ่งเข้าไปในห้องทรงอักษร กลับเห็นว่าในห้องทรงอักษรนอกจากท่านโหวหลินและฮูหยินแล้ว เซียวเหิงก็อยู่ด้วยทั้งหมดมาฟ้องเหรอ?เฉียวเนี่ยนแอบเยาะเย้ยอยู่ในใจ แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกมา ก้าวเข้าไปคุกเข่าทําความเคารพ “ข้าน้อยเฉียวเนี่ยนถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”หน้าโต๊ะมีร่างสีเหลืองสดใสมองเฉียวเนี่ยนอย่างพินิจพิเคราะห์"เจ้าคือเฉียวเนี่ยนหรือ?"น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม แ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 39

    หมิงอ๋องพาคนเข้าตำหนักโดยตรงเมื่อเฉียวเนี่ยนตื่นมา เขาอยู่ในตำหนักของพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเมื่อเห็นห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เฉียวเนี่ยนถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ทันถูกหมิงอ๋องอุ้มขึ้นรถม้าก็สลบไปแล้ว ใจพลันหนักอึ้ง ดิ้นรนลุกขึ้นตามสัญชาตญาณโชคไม่ดีที่พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกําลังผลักประตูเข้ามา เห็นนางตื่นแล้วก็รีบเข้ามาต้อนรับ “รีบหมอบลง แผลเจ้ายังไม่หายดี อย่าดิ้นจะดีกว่า”เพียงแต่เฉียวเนี่ยนลุกขึ้นนั่งแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะหมอบกลับอีก จึงลงจากเตียงไปทําความเคารพพระสนมเต๋อกุ้ยเฟย แต่กลับถูกขวางไว้ “เจ้าเด็กคนนี้ บาดเจ็บหนักขนาดนี้ยังจะสนใจพิธีหยุมหยิมเช่นนี้อีกทําไม?”พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยพูดพลางกวักมือเรียกนางกํานัลที่กําลังถือยาอยู่นางกํานัลส่งยามาให้ พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยรับมา แล้วตักขึ้นมาหนึ่งช้อนด้วยมือตนเอง เป่าแล้วส่งไปที่ปากของเฉียวเนี่ยน “นี่เป็นยาที่ทางโรงหมอหลวงสั่งไว้ อาการบาดเจ็บภายนอกดี มา ดื่มตอนร้อนๆ”เฉียวเนี่ยนตกใจ “ข้าน้อยทำเองเพคะ” นางกําลังจะเอื้อมมือไปรับ แต่กลับถูกพระสนมเต๋อเฟยหลบทัน"เจ้ายังเจ็บอยู่จะมาเองได้ยังไง? เด็กดี อ้าปากหน่อย”น้ำเสียงของพระสนมเต๋อกุ้

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 38

    เมื่อสบสายตาดุดันของหมิงอ๋อง เซียวเหิงก็ตอบกลับด้วยแววตาดุดัน “กระหม่อมเพียงคํานึงถึงภาพรวมเป็นสําคัญ”ในเมื่อหมิงอ๋องจะเกี่ยวดองกับจวนโหว ก็ไม่ควรทําเรื่องให้น่าเกลียดเกินไปแต่ใครจะรู้ว่าพอคําพูดนี้ออกจากปาก หมิงอ๋องกลับหัวเราะหยัน “แม่ทัพเซียวช่างยิ่งใหญ่เสียจริง ขนาดใหญ่เช่นนี้ เมื่อครู่ทําไมไม่พูดสักคํา เป็นใบ้แล้วหรือ?”เมื่อครู่ตอนที่เฉียวเนี่ยนถูกตี ปากของเขาถูกเย็บแล้วหรือ?ได้ยินหมิงอ๋องถามเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนก็อดปวดใจไม่ได้แต่เห็นได้ชัดว่านางตัดใจจากเซียวเหิงแล้ว เห็นชัดอยู่แล้วว่าเซียวเหิงไม่ชอบนางทําไมหัวใจดวงนี้ถึงยังเจ็บหนักขนาดนี้ล่ะ?นางกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ เกลียดตัวเองที่ไร้ประโยชน์ ในดวงตามีอะไรบางอย่างที่อ่อนโยน แต่กลับถูกนางกดกลับไปอย่างรวดเร็วเซียวเหิงสังเกตสีหน้าของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อมองจากมุมของเขา นางหลบอยู่หลังหมิงอ๋องเกือบครึ่งตัว ท่าทางสนิทสนม ทําให้เขายิ่งกลุ้มใจ“เรื่องในวันนี้ใครถูกใครผิด ทุกคนย่อมรู้กันดีอยู่แล้ว เสี่ยวโหวเหย่สั่งสอนน้องสาวของตนสักหน่อย แม้ลงมือหนักไปหน่อย แต่อย่างไรก็เป็นเรื่องภายในจวนโหว” เรื่องนี้ กระหม่อมไม่

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 37

    เมื่อเห็นหมิงอ๋อง ทุกคนต่างก็คุกเข่าลงทําความเคารพเซียวเหิงเป็นคนที่ได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้ ไม่จําเป็นต้องคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ดังนั้นตอนนี้จึงทําได้เพียงประสานมือคํานับเท่านั้นส่วนเฉียวเนี่ยนยังไม่ทันคุกเข่าก็ถูกหมิงอ๋องจับไว้แล้วมือใหญ่ของเขามีอุณหภูมิที่ร้อนระอุ เมื่อผสมปนเปกับนาง สามารถรู้สึกถึงร่างกายที่สั่นเทาของนางได้อย่างชัดเจนเขาไม่คิดเลยว่านางที่รับมือกับการทุบตีของหลินเย่ว์อย่างใจเย็นต่อหน้าทุกคน กลับตัวสั่นอย่างรุนแรงเช่นนี้เฉียวเนี่ยนก็ไม่รู้ว่าหมิงอ๋องที่ออกไปกับเจ้าอาวาสแล้วทําไมจู่ๆ ถึงปรากฏตัวออกมา แต่ในขณะนี้ นางยังคงรู้สึกซาบซึ้งใจกับการปรากฏตัวของหมิงอ๋องหลินเย่ว์ลงมืออย่างเหี้ยมโหด นางยืนไม่มั่นคงมานานแล้ว หากหมิงอ๋องไม่ปรากฏตัวออกมาทันเวลา เกรงว่านางคงล้มลงกับพื้นอีกครั้งต่อหน้าทุกคนแล้ว“ขอบคุณเพคะ”นางกล่าวขอบคุณด้วยเสียงเบาๆ เสียงเล็กๆ น้อยๆ ไม่เพียงพอที่จะทําให้คนนอกได้ยินแต่หมิงอ๋องกลับได้ยินอย่างชัดเจนคําเล็กๆ น้อยๆ สองคํานี้เป็นเหมือนเข็มสองเล่มที่แทงลึกเข้าไปในหัวใจของเขาจนทําให้ความโกรธของเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนทันใดนั้นก

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 36

    “ใช่แล้ว เดิมทีเจ้าก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของจวนโหวอยู่แล้ว อาศัยความร่ำรวยมั่งคั่งที่ได้รับมาหลายปีอย่างเสียเปล่ายังไม่พอใจอีกหรือ?”“มันมากเกินไปจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะแช่งให้พี่ชายของตัวเองไปตาย พระโพธิสัตว์กําลังจะโกรธแล้วจริงๆ ”พอคนพวกนั้นพูด คนรอบข้างที่จําเฉียวเนี่ยนไม่ได้ก็เริ่มคล้อยตามกัน ชั่วขณะหนึ่ง เฉียวเนี่ยนกลายเป็นคนที่คนนับหมื่นชี้หน้าด่าประจานแต่ก็ไม่รู้ว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมาเฉียวเนี่ยนถูกทุบตีจนชินแล้วหรือเปล่า นางถูกทุบตีอย่างหนักขนาดนี้ยังลุกขึ้นมาได้นางยันตัวลุกขึ้นนั่ง เผชิญหน้ากับคําตําหนิของทุกคนก็เพียงแค่ถ่มน้ำลายไปด้านข้างอย่างลวกๆถ้าไม่ใช่เป็นเพราะน้ำลายที่เจือปนไปด้วยของเหลวแดงก่ำ ดูจากสีหน้าของนางแล้วคงดูไม่ออกว่านางเคยโดนตีมาก่อนนางเงยหน้าขึ้นมองฝูงชนที่มุงดูอยู่รอบๆซ่งไป๋เซวียน เซียวชิงหน่วน หลินยวน เซียวเหิง...พวกเขาบางคนมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น บางคนเสแสร้งแกล้งทํา และบางคนก็มีสีหน้าเย็นชาตั้งแต่ต้นจนจบในที่สุด สายตาของเฉียวเนี่ยนก็ตกลงบนใบหน้าของหลินเย่ว์ใบหน้านี้เคยแกล้งทําเป็นน่าเกลียดเพื่อเอาใจนาง แต่วันนี้เมื่อเผชิญหน้ากับนางมีเพียงค

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 35

    หลินเย่ว์ย่อมตะลึงค้างเช่นกันใช่สิ เฉียวเนี่ยนมาขออพรให้ท่านย่าสุขสงบ ไฉนเขาถึงพูดจาเช่นนั้นออกไปได้? เขาเป็นอะไรไป?ไฉนทุกครั้งที่เจอเฉียวเนี่ยนถึงต้องพูดจาไม่เหมาะไม่ควรอยู่ร่ำไป?หลินเย่ว์ใจเต้นเบาๆ คิดตามว่าหากท่านย่ามีอันเป็นไปเพราะคำพูดเมื่อครู่ของตน อย่าว่าแต่เฉียวเนี่ยนเลย ตัวเขาก็ไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองไปชั่วชีวิตเช่นกัน!ทว่า อีกครั้งแล้วหรือว่าเรื่องนี้ไม่ควรโทษเฉียวเนี่ยน?เหตุใดยามเขาเผชิญหน้ากับยวนเอ๋อร์ถึงเข้าใจมีเหตุผลได้ แต่เมื่อเจอเฉียวเนี่ยนก็โมโหแสลงใจแล้ว?เรื่องพวกนี้ไม่ได้เกิดจากเฉียวเนี่ยนหรอกหรือ?พูดอะไรออกมาว่าเขาตายไปเมื่อสามปีก่อน พูดอะไรว่าเขาไม่มีสิทธิ์สอนนาง?เขาอยากทำให้นางเห็นว่าตนมีคุณสมบัติพอสั่งสอนนางหรือไม่!นับตั้งแต่เฉียวเนี่ยนกลับจวนเป็นต้นมา โทสะที่สั่งสมทั้งหมดก็ปะทุออกมายามนี้ หลินเย่ว์ปรี่เข้าไปคว้าเฉียวเนี่ยนทันใดเฉียวเนี่ยนตกตะลึง ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะลงไม้ลงมือกับนางที่นี่ แต่นางตอบสนองทัน หลีกตัวหลบได้ทว่าหลินเย่ว์อายุมากกว่านางกี่ปี ทั้งเรียนการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ย่อมเหนือชั้นกว่าเฉียวเนี่ยน เพียงไม่กี่กระบวนท่าก็เอาชนะ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 34

    ทว่า ยังคงตอกกลับอีกเรื่องหนึ่งได้ “ท่านเซียวพูดจาน่าขันยิ่ง ข้าแซ่เฉียว ไฉนต้องถึงมือแซ่หลินให้มาสอนด้วย”“เฉียวเนี่ยน!” หลินเย่ว์ระเบิดโทสะ “เจ้าอย่าอวดดีนัก!”“คนที่อวดดีคือพวกเจ้า!” วันนี้เฉียวเนี่ยนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ “ข้าแค่อยากมาขอเครื่องรางคุ้มครองให้ท่านย่าเท่านั้น ท้ายสุดมันไปขัดขวางเรื่องอะไรพวกเจ้ากัน? พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาทำตัวสูงส่งชี้หน้าวิจารณ์ข้า? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้า หลินเย่ว์! ยามข้าโดนสาดสีใส่ร้ายเจ้าทำได้แค่เงียบไปปริปาก ยามนี้คิดจะวางมาดมาสั่งสอนข้าหรือ? เจ้ามีสิทธิ์อะไร?”“ข้าเป็นพี่ชายเจ้า ข้ามีสิทธิ์สั่งสอนเจ้า!” หลินเย่ว์ตะคอกด้วยความโกรธจัดถึงแม้วันนี้เซียวชิงหน่วนเป็นฝ่ายผิด แต่ไมตรีของสองครอบครัวนั้นแน่นแฟ้น ทุกอย่างรอกลับจวนแล้วค่อยว่ากันได้ เขาเองก็ไปร้องเรียนบิดามารดาตระกูลเซียวด้วยตัวเองได้ ให้พวกเขาสั่งสอนเซียวชิงหน่วนให้ดีไม่ว่าอย่างไร เฉียวเนี่ยนก็ไควรลงไม้ลงมือ!แต่ใครจะรู้ ครั้นเอ่ยคำพูดนี้ไป เฉียวเนี่ยนกลับหัวเราะออกมา “เจ้าว่าอะไร? พี่ชาย? อย่าทำให้น่าขันไปมากกว่านี้เลย!”“เฉียวเนี่ยน!” หลินเย่ว์ตะโกนรุนแรงกว่าเดิม แทบอยากผรุสวาทด่าไปแล้ว

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 33

    ทุกคนตะลึงงันในบัดดลไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนจะตบเซียวชิงหน่วนอย่างไม่มีบอกกล่าวเช่นนี้!ดังนั้น ต่อให้ข้างกายเซียวชิงหน่วนจะเป็นเซียวเหิงกับหลินเย่ว์ ก็ไม่มีใครขัดขวางฝ่ามือนี้ตบบนหน้านางได้ทว่าฝ่ามือนี้กลับเหมือนปลุกฝูงชนที่เคยเงียบงันให้ตื่นขึ้นหลินเย่ว์ปรี่ขึ้นมาก้าวหนึ่ง คว้ามือเฉียวเนี่ยนไว้ “เจ้าทำอะไร? ยังไม่ขอโทษแม่นางเซียวอีก!”ดวงตาเย็นเยียบของเฉียวเนี่ยนปราดมองมายังหลินเย่ว์ “ปล่อย”เสียงไม่ดัง ทั้งยังไม่ได้มีอานุภาพร้ายแรงแต่อย่างใดแต่คำพูดราบเรียบเดาใจไม่ออกสองคำนี้ กลับทำเอาหัวใจหลินเย่ว์กระตุกหดตัวทันทีเขาปล่อยมืออย่างลืมตัวเฉียวเนี่ยนดึงมือกลับ ลูบข้อมือปวดหนึบที่ถูกหลินเย่ว์บีบไว้ เสียงหลินยวนข้างๆดังขึ้นตาม “ท่านพี่ ถึงวาจาแม่นางเซียวจะขัดหูไปบ้าง แต่ท่านไม่ควรลงไม้ลงมือ ทั้งยังในวัดวา......เช่นนี้จะถูกพระโพธิสัตว์ลงโทษเอา!”แต่เฉียวเนี่ยนกลับไม่แม้แต่มองหลินยวน เอ่ยเสียงราบเรียบตอบ “หากเจ้ายังปากมากแม้อีกคำเดียว แม้แต่เจ้าข้าก็ตบไม่เว้น”หลินยวนกระบอกตาแดงก่ำ มองเฉียวเนี่ยนด้วยความน้อยใจหากแต่เฉียวเนี่ยนกลับมองไปยังเซียวเหิง “แม่ทัพเซียวมีอะไ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 32

    ทว่าเฉียวเนี่ยนในตอนนี้แค่อยากอยู่ในมุมเงียบๆ ทางที่ดีคือไม่ต้องให้ใครได้พบเจอทั้งสิ้นเฉกเช่นยามนี้ ดูเล่นใหญ่เรียกร้องความสนใจเกินไปแล้วยิ่งไปกว่านั้น แม้นางตอบรับการแต่งงานครานี้ไป แต่อย่างไรเสียก็ยังมิได้รับการเห็นชอบจากฮ่องเต้ ถือว่าเรื่องราวไม่มีทีท่าจะเกิดด้วยซ้ำไม่ควรจับมือหมิงอ๋องต่อหน้าสายตาฝูงชนจริงๆโชคดี หลังจากหมิงอ๋องเข้าวัดไปก็เจอเจ้าอาวาสวัดฝ่าหัว ยามประกอบพิธีทางศาสนาจึงปล่อยมือเฉียวเนี่ยนไปเองเฉียวเนี่ยนรีบดึงมือกลับมา ลอบถอนหายใจบางเบาท่านเจ้าอาวาสเดินเข้ามาต้อนรับหมิงอ๋องเป็นพิเศษ เขาต้องการเทศนาธรรมให้หมิงอ๋องหมิงอ๋องหันมองเฉียวเนี่ยน “เจ้าไปรอข้างข้างนอก หนึ่งชั่วยามก็เสร็จแล้ว สายหน่อยข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง”วันนี้เฉียวเนี่ยนมิได้ตั้งใจออกมานานนัก แค่อยากขอเครื่องรางคุ้มครองแล้วกลับ ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของหมิงอ๋องแล้ว ไม่เพียงชะงักไป แต่หมิงอ๋องพูดจบก็จากไป ไม่ได้หันมองว่าเฉียวเนี่ยนมีปฏิกิริยาเช่นไรกระทั่งแผ่นหลังหมิงอ๋องหายลับจากสายตา หนิงซวงที่อยู่ด้านหลังเมื่อครู่ก็ปรี่เข้ามา ถามเสียงเบาอย่างมิอาจทนไหว“คุณหนู ฝ่าบาทหมิงอ๋องรู้ได้เช่นไรว่า

DMCA.com Protection Status