แชร์

บทที่ 9

ผู้เขียน: โม่เสียวชี่
เมื่อได้ยินคําถามนี้ น้ำตาในดวงตาของหลินยวนก็ไหลออกมาในที่สุด นางส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า"ไม่ใช่ ข้าไม่เคยทําร้ายพี่หญิงเลย ตอนนั้นเป็นข้าที่ทําถ้วยแตก เป็นความผิดของข้าเอง แต่คนที่ใส่ร้ายพี่หญิงคือเสี่ยวชุ่ย...”

นางพยายามอย่างยิ่งที่จะบอกเฉียวเนี่ยนว่าตัวเองไม่เคยทําร้ายนาง

แต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะพิงอยู่ข้างประตู ถามนางอย่างอ่อนโยนว่า “แล้วทําไมเจ้าไม่บอกเมื่อสามปีก่อนล่ะ?”

หลินยวนอึ้งไปชั่วขณะ ไม่ทันได้เข้าใจว่าคําพูดของเฉียวเนี่ยนหมายความว่าอย่างไร?

มุมปากของเฉียวเนี่ยนโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันอย่างรุนแรง “เจ้าเป็นคนทําถ้วยแตกเอง แปดคํานี้ เมื่อสามปีก่อนต่อหน้าฮองเฮากับองค์หญิง ทําไมเจ้าถึงไม่พูด?”

หลินยวนถอยหลังไปก้าวหนึ่งราวกับยืนไม่มั่น “ข้า ข้าไม่กล้า... นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าเข้าวัง เป็นครั้งแรกที่เจอคนสูงศักดิ์มากมายขนาดนี้ ข้า ตอนนั้นข้ากลัวมาก ข้า...”

“แล้วตอนนี้เจ้าจะมาพูดอะไรกับข้าอีกล่ะ?” เฉียวเนี่ยนขัดจังหวะคําพูดของหลินยวนอีกครั้ง

ต้องพูดอะไรกันแน่ถึงจะให้นางทําเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นตลอดสามปีที่ผ่านมา

หลินยวนร้องไห้สะอึกสะอื้น ก้มหน้าลง ไม่กล้ามองเฉียวเนี่ยนอีก “ขอแค่พี่หญิงให้อภัยข้า ข้ายอมคืนทุกอย่างให้พี่หญิง ข้าจะบอกพ่อแม่และพี่ชายว่า พี่หญิงท่านไม่เคยรังแกข้า เรือนลั่วเหมย ข้าก็สามารถคืนให้กับพี่หญิงได้ ยังมี ยังมีพี่เหิงด้วย ข้า ข้าก็สามารถคืนให้กับพี่หญิงได้หมด”

ฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็เข้าใจจุดประสงค์ที่หลินยวนมาในวันนี้แล้ว

“หลินยวน ข้าเคยบอกแล้วว่านั่นคือพ่อแม่และพี่ชายของเจ้า ไม่เกี่ยวกับข้า” นางส่ายหัวเล็กน้อยและพ่นลมหายใจที่ขุ่นมัวออกมาจากอกอย่างรุนแรง แม้ว่าเรือนลั่วเหมยสร้างขึ้นเพราะชอบ แต่ล้วนเป็นความพยายามของท่านโหว และควรเป็นของเจ้าด้วย แม้แต่เรือนฟางเหอแห่งนี้ หากเจ้าต้องการก็แค่พูดประโยคเดียวเท่านั้น”

ได้ยินดังนั้น หลินยวนก็ส่ายหัวทันที “ข้าไม่เอา ข้าไม่ได้มาแย่งที่อยู่กับพี่หญิง”

“ข้ารู้” เฉียวเนี่ยนยิ้มบางๆ แฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันเล็กน้อย “เจ้ามาเพื่อเซียวเหิง”

พูดอะไรขอให้นางให้อภัย อ้อมค้อมขนาดนี้ ก็เพื่อผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น

นางพูดเข้าเรื่องของหลินยวนทันที ทําให้หลินยวนหน้าแดงทันที

กลับได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องอะไรอยู่ เมื่อสามปีก่อนตอนที่ข้ายังไม่ถูกลงโทษเข้ากรมซักล้าง การหมั้นหมายนี้ก็ตกอยู่กับเจ้าแล้ว ตอนนี้แม้ว่าข้าจะยังอาศัยอยู่ในจวนโหว แต่ทั้งหมดเป็นเพราะท่านย่ารักข้าเท่านั้น ข้าถึงขั้นไม่ได้แซ่หลินแล้ว ในจวนโหวนี้ข้าเป็นเพียงคนนอก การหมั้นหมายระหว่างตระกูลเซียวกับตระกูลหลินอย่างไรก็ไม่ตกอยู่ที่ข้า”

“อีกอย่าง เมื่อครู่ตอนอยู่กับท่านย่าข้าก็พูดชัดเจนแล้ว ข้าไม่ชอบเซียวเหิงอีกแล้ว เจ้าตั้งใจมาลองใจข้าเพราะเรื่องนี้ มันไม่จําเป็นจริงๆ”

“ข้าไม่ได้มาเพื่อหยั่งเชิงพี่หญิง” หลินยวนเหมือนถูกเข้าใจผิด รู้สึกใจร้อนเล็กน้อย “ข้าขอร้องพี่หญิงให้อภัยจากใจจริง เพียงแต่...”

เพียงแค่หยั่งเชิงท่าทีของเฉียวเนี่ยน ก็เป็นจุดประสงค์หนึ่งเช่นกัน

แต่นางต้องยอมรับว่านางรู้สึกกลัวจริงๆ

ท่าทีของเซียวเหิงในวันนี้ทําให้นางจับต้นชนปลายไม่ถูก นางเป็นห่วงจริงๆ ว่าคนที่เซียวเหิงอยากแต่งงานด้วยคือเฉียวเนี่ยน ดังนั้นจึงรีบมาหาเฉียวเนี่ยนที่นี่

“ไม่ว่ายังไง ความคิดของข้าก็ชัดเจนอยู่แล้ว สุขภาพของท่านย่าไม่ดีเท่าเมื่อก่อน ข้าแค่อยากดูแลท่านย่าให้ดีๆ อย่างอื่น ข้าไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น เฉียวเนี่ยนเล่าความคิดของตัวเองให้หลินยวนฟังอย่างละเอียดลออ แค่อยากให้หลินยวนรู้ว่าต่อไปถ้าไม่มีอะไรทําก็อย่ามาหาเรื่องเขาบ่อยๆ

คนของจวนโหวนี้ นอกจากท่านย่าแล้ว นางไม่อยากเห็นหน้าใครเลยจริงๆ

หลินยวนยืนอยู่ที่เดิมและกัดริมฝีปากล่างของตัวเองโดยไม่พูดอะไร

ใบหน้ายังมีคราบน้ำตา บนขนตายังมีคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งติดอยู่

เฉียวเนี่ยนคิดว่า ถ้าหลินเย่ว์มาตอนนี้ คงเหมือนกับตอนที่ผลักตัวเองตกตึกเมื่อสามปีก่อน เตะนางลงไปในสระบัวโดยไม่พูดไม่จา

อากาศที่นี่หนาวมาก ตกน้ำนางกลัวจะป่วยหลายวันเอาได้

แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว เฉียวเนี่ยนอดนวดขมับตัวเองไม่ได้ แค่อยากรีบส่งตัวหายนะนี้ไป “วันนี้ข้าตื่นเช้าไปหน่อย ตอนนี้เหนื่อยจริงๆ ถ้าเจ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ข้าก็ไม่ไปส่งเจ้าแล้ว”

พอฟังออกถึงการไล่แขกของเฉียวเนี่ยน หลินยวนก็ไม่อยากอยู่แบบหน้าด้านๆ อีกแล้ว จึงทําได้เพียงพยักหน้า “งั้นพี่หญิงพักผ่อนให้สบายนะ ข้า ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ”

พูดจบ หลินยวนก็โค้งตัวทําความเคารพแล้วเดินออกไปข้างนอก

หลินยวนเพิ่งออกจากบ้านไม่นานหนิงซวงก็เข้ามาแล้ว

“คุณหนู คุณหนูรองมาคุยอะไรกับท่านหรือเจ้าคะ?” เด็กสาวทําหน้าสงสัยใคร่รู้ พลางมองแผ่นหลังของหลินยวนอย่างอดไม่ได้ “บ่าวเห็นดวงตาของนางแดงก่ำ ร้องไห้แล้วหรือเจ้าคะ?”

เฉียวเนี่ยนไม่มีกะจิตกะใจจะรับมือกับหนิงซวง จึงเดินเข้าไปข้างใน “เจ้าอยากรู้อยากเห็นขนาดนี้ ไม่สู้ไปถามนางโดยตรงดีกว่า”

หนิงซวงตามมาอย่างหน้าด้านๆ “บ่าวเป็นบ่าวของคุณหนู มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปหาคุณหนูรองกัน?”

สิ้นเสียงฝีเท้าของเฉียวเนี่ยนก็หยุดลงเช่นกัน

นางหันไปมองหนิงซวงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

หนิงซวงตกใจ ขยิบตาให้เฉียวเนี่ยนสองครั้ง “คุณหนู ท่านเป็นอะไรไป?”

“ข้ารู้ว่าเจ้านายของเจ้าส่งเจ้ามาปรนนิบัติข้าเพราะมีจุดประสงค์ของเขา ข้าจะไม่ทําให้เจ้าลําบากใจ แต่เจ้าก็ไม่จําเป็นต้องเตือนข้าตลอดเวลาว่าเจ้าเป็นคนของข้า เพราะข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่”

เฉียวเนี่ยนอยู่ในกรมซักล้างมาสามปี ในสถานที่แห่งนั้น คนรอบข้างล้วนเป็นศัตรูของนาง ดังนั้นนางจึงเคยชินกับการพูดจาที่เย็นชาและดุดันเช่นนี้

นางไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะทําร้ายจิตใจของสาวใช้คนหนึ่ง

ดวงตาคู่โตของหนิงซวงแทบจะเต็มไปด้วยน้ำตาทันที

ต่างจากหลินยวน เฉียวเนี่ยนมองนาง ใจอ่อนลงทันที

แต่นางก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรปลอบนางหรือไม่ จึงได้แต่ขมวดคิ้ว “ข้าจะนอนสักพัก เจ้าไปทํางานเถอะ”

พูดจบก็หันหลังเดินเข้าไปในห้อง

หนิงซวงยืนอยู่ที่เดิม ได้แต่มองเฉียวเนี่ยนขวางนางเอาไว้ข้างนอก น้ำตาไหลพรากลงอาบแก้มในที่สุด

แต่ไม่นานนางก็เช็ดน้ำตาออก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคับข้องใจเมื่อสักครู่กลับเต็มไปด้วยความไม่สนใจ

คุณหนูของนางถูกทรมานอยู่ในกรมซักล้างเป็นเวลาสามปี ตอนนี้ต่อให้ไม่มีน้ำใจแล้วจะเป็นไรไป

คุณหนูมีแผลมากมายอยู่บนร่างกาย หากตนเองไม่โหดร้ายสักหน่อย เกรงว่าก็คงไม่รอดแล้ว

แม้จะถูกคุณหนูเข้าใจผิด แต่นางเชื่อว่าขอแค่จริงใจต่อคุณหนู สักวันหนึ่งคุณหนูจะสามารถมองเห็นความจริงใจของนางได้

หนิงซวงแอบให้กําลังใจตัวเอง แล้วจึงร้องเรียกในห้อง “เช่นนั้นคุณหนูพักผ่อนให้สบายนะเจ้าคะ บ่าวจะเฝ้าอยู่ข้างนอก หากคุณหนูต้องการอะไรก็บอกบ่าวได้เลย”

เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ร่างกายของเฉียวเนี่ยนก็ชะงักไปเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้

ที่ไหนสักแห่งในหัวใจเหมือนมีกระแสอุ่นๆ ไหลผ่าน

นางเองก็บอกไม่ถูกว่ามันรู้สึกอย่างไรกันแน่ แต่...อารมณ์ที่วุ่นวายเพราะหลินยวนเมื่อสักครู่ได้บรรเทาลงไม่น้อย

นางถอนหายใจยาวและกําลังจะเข้านอน แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องที่น่าตกใจดังมาจากข้างนอก

"แย่แล้ว! ใครก็ได้มาเร็ว คุณหนูรองตกน้ำแล้ว”

ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Ann-Earth Oua-nguan
ยัยคุณหนูรองสร้างเรื่องอีกรึ
goodnovel comment avatar
Sita
ติดตามตอนต่อไปค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 10

    เฉียวเนี่ยนไม่ทันแม้แต่จะคลุมเสื้อนอกที่เพิ่งถอดออกแล้วก็วิ่งออกไป"เกิดอะไรขึ้น? ใครตะโกนอยู่?”หนิงซวงเองก็เดินตามหลังเฉียวเนี่ยนอย่างร้อนใจพลางส่ายหน้า “บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ เพิ่งได้ยินเสียงเรียก คุณหนูสวมเสื้อผ้าสักชุด ข้างนอกหนาวมาก”แต่เฉียวเนี่ยนไหนเลยจะมีกะจิตกะใจใส่เสื้อผ้าหลินยวนตกน้ำ จะตกที่ไหนได้อีกก็คือสระบัวของเรือนฟางเหอไม่ใช่หรือ?ตอนนั้นหลินยวนทําถ้วยแตกใบเดียวนางก็ถูกทรมานอยู่ถึงสามปี ถ้าหลินยวนเกิดเรื่องขึ้นกับนาง ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่หลินเย่ว์คนเดียวคงตีนางจนตายแน่เมื่อเฉียวเนี่ยนมาถึง หลินยวนยังคงกระโผลกกระเผลกอยู่ในน้ำผิวน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งได้แตกเป็นรูใหญ่รูหนึ่งแล้วบนสะพานหินมีสาวใช้และเด็กรับใช้จํานวนไม่น้อยกําลังเฝ้าดูอยู่เฉียวเนี่ยนก้าวเท้ายาวๆ วิ่งเข้าไป"พวกเจ้าทุกคนว่ายน้ำไม่เป็นหรือ? ทําไมไม่ช่วยคน?!”กลับเห็นเด็กรับใช้หลายคนทําหน้าลําบากใจ “พวกบ่าวช่วยได้ก็จริง แต่ถ้าทําลายความบริสุทธิ์ของคุณหนูรองจะทําอย่างไรขอรับ?”“ความบริสุทธิ์ยังสําคัญกว่าชีวิตอีกหรือ?” เฉียวเนี่ยนถลึงตาใส่เด็กรับใช้ที่กําลังพูดอยู่อย่างดุร้าย แล้วกระโดดลงไปในน้ำโ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 11

    คำพูดของเฉียวเนี่ยน เหมือนดั่งฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ จนทำให้หลินเย่ว์เกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะในมโนภาพเห็นแต่เฉียวเนี่ยนดิ้นรนอยู่ในน้ำ ส่วนนางกำนัลอื่นก็อยู่ข้างบ่อซักล้าง ต่างพากันหัวเราะเป็นการใหญ่พลันรู้สึกเจ็บในหัวอกมากขึ้น เขาคิดจะพูดอะไรต่ออีก แต่คล้ายมีบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ จวบจนแผ่นหลังของเฉียวเนี่ยนถูกบานประตูขวางกั้นจนมองไม่เห็นอีก จึงค่อยมีสติกลับคืนมาบ้าง“คุณหนู ฮือๆๆ...” เสียงร่ำไห้ของเสี่ยวชุ่ยดังขึ้นที่ข้างหู ทำให้รู้สึกรำคาญยิ่งหลินยวนถลึงตาใส่เสี่ยวชุ่ย “เอาแต่ร้องไห้อยู่ได้ ไม่รีบไปตามหมอมาอีก?”เสี่ยวชุ่ยเพิ่งจะนึกได้ จึงรีบออกไปทันทีหลินเย่ว์ส่งหลินยวนกลับไปยังเรือนลั่วเหมย ส่วนหมอประจำจวนก็มาพร้อมกับฮูหยินหลินขณะที่หมอกำลังตรวจชีพจรดูอาการให้หลินยวนอยู่นั้น ฮูหยินหลินก็พาหลินเย่ว์ออกไปข้างนอก “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? น้องเจ้าอยู่ดีๆ ตกน้ำได้อย่างไร หรือเป็นเพราะว่าเนี่ยนเนี่ยน...”“ท่านแม่” หลินเย่ว์ขมวดคิ้ว ขัดจังหวะการพูดของฮูหยินหลินทันที “เพราะเนี่ยนเนี่ยนช่วยยวนเอ๋อร์ไว้ต่างหาก”กล่าวพลาง เขาคล้ายกับนึกอะไรได้ จึงหันไปมองเสี่ยวชุ่ย “เจ้ามานี่”ใบหน้าซีก

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 12

    ผู้มาใหม่คือเพื่อนสนิทของฮูหยินหลิน พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยนั่นเองเมื่อเห็นว่าในที่สุดก็มีคนมาห้ามปรามหลินเย่ว์ เหล่านางกำนัลที่อยู่ในบ่อจึงต่างพากันร่ำไห้ระงมอออกมา “พระสนม...”“ฮือๆๆ พระสนมโปรดช่วยพวกเราด้วยเพคะ”นางกำนัลสิบกว่าคนร้องไห้ขึ้นมาพร้อมกัน ฟังแล้วเป็นที่หนวกหูยิ่งพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ปรายตามองดูนางกำนัลใหญ่ที่อยู่ด้านข้างนางกำนัลใหญ่เข้าใจดี จึงกล่าวเสียงตวาด “ยังไม่รีบไปเปลี่ยนชุดอีก หากล้มป่วยขึ้นมา ทำให้เหล่าพระสนมเสียงานเสียการ พวกเจ้าจะมีกี่หัวพอให้ตัด?”เมื่อได้ยินดังนี้ เหล่านางกำนัลจึงหยุดร้องไห้ พร้อมคลานขึ้นจากบ่อน้ำแล้วแยกย้ายไปยังเรือนของตนทันทีรอจนทุกคนไปหมดแล้ว พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยค่อยหันมามองราวตากผ้าในมือหลินเย่ว์ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวเสียงดุ “อะไรกัน ท่านโหวน้อยจะตีข้าด้วยหรืออย่างไร?”หลินเย่ว์ตกใจจนทิ้งราวตากผ้าลงจากมือ พร้อมประสานมือกล่าวตอบ “กระหม่อมมิบังอาจ”“ขนาดบุกเข้าวังมาเช่นนี้ ยังมีสิ่งใดไม่กล้าทำอีก?” เห็นชัดว่าพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเริ่มกริ้วบ้างแล้วนางมองว่าหลินเย่ว์ทำการวู่วามเกินไปในกรมซักล้างแห่งนี้ แม้เป็นที่ๆ นับว

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 13

    แม้แต่ท่านโหวหลินก็อดมองหน้าเฉียวเนี่ยนไม่ได้ แต่ยังคงพูดคุยกับหลินเย่ว์ต่อ “เคราะห์ดีที่วันนี้มีพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยมาออกหน้าให้ มิฉะนั้นอย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่ข้าเองก็อาจไม่ได้ออกจากวังมาอีก!”เฉียวเนี่ยนมองดูพื้นที่อยู่เบื้องหน้าตน ในใจแอบรู้สึกถึงความเย้ยหยันคำพูดนี้ น่าจะพูดให้นางฟังมากกว่าขณะกำลังคิดอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงหลินยวนแว่วมา “ท่านพ่อ...”น้ำเสียงอ่อนหวานนั้น แฝงด้วยความอ่อนแรง ระคนความร้อนใจ คล้ายพร้อมจะขาดใจได้ทุกเมื่อกระนั้นเฉียวเนี่ยนคิ้วขมวดเล็กน้อย พลันเห็นหลินยวนเดินอย่างอ่อนระโหยเข้ามาโดยมีสาวใช้เสี่ยวชุ่ยคอยประคอง ทันทีที่เห็นใบหน้าหลินเย่ว์มีเลือดไหลซึม น้ำตานางก็ร่วงหล่นลงพลัน พร้อมคุกเข่าลงข้างกายหลินเย่ว์ “ท่านพ่อ ขอท่านอย่าได้โกรธมาก แค่กๆๆ แค่กๆๆ...”กล่าวยังไม่ทันจบประโยค หลินหยวนก็เกิดอาการไอรุนแรงขึ้นมาท่านโหวหลินเป็นห่วงเสียจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ พลางตวาดไปทางเสี่ยวชุ่ย “ยังไม่รีบพยุงคุณหนูขึ้นมาอีก!”จนแม้แต่ฮูหยินหลินซึ่งแต่เดิมปกป้องหลินเย่ว์อยู่ ยังรีบไปพยุงให้นางยืนขึ้น “เจ้ายังป่วยอยู่ ออกมาทำไมกัน”“ข้า...ได้ยินว่าท่านพ่อจะลงโทษพี่ชาย” น้

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 14

    เฉียวเนี่ยนรู้สึกหวาดหวั่นในใจ ขณะยืนอยู่กลางลานในตำหนักของพระสนมเต๋อกุ้ยเฟย จิตใจยังคงหวั่นวิตกไม่หายนับแต่ทำงานในกรมซักล้างมาสามปี นางยังไม่เคยมาตำหนักนี้ แต่พอรู้สึกได้ว่าบรรยากาศที่นี่แตกต่างจากกรมซักล้างโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดความอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกนางกลัวว่าตนจะเหมือนเมื่อสามปีที่แล้ว เข้ามาแล้วไม่ได้กลับออกไปอีกไม่รู้ว่ายืนอยู่นานเพียงไหน รู้เพียงนิ้วเท้าหนาวเย็นจนเกือบไร้ความรู้สึก กว่าจะมีคนมาเรียกนางเข้าไปพบพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยทันทีที่ผลักประตูเข้าไป ก็มีไออุ่นมาปะทะใบหน้า จนเฉียวเนี่ยนรู้สึกแสบถึงปลายจมูกนางสูดจมูกเล็กน้อย ไม่ทันเดินเข้าด้านในก็ได้ยินเสียงพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยดังลอดออกมา “ข้าเห็นชุดที่ส่งซักแล้ว ซักได้ดีมากจริงๆ”เฉียวเนี่ยนเพิ่งจะเห็นหน้านาง พลางรีบคุกเข่าลง “บ่าวถวายบังคมพระสนมกุ้ยเฟยเพคะ”เพราะนางทำงานเป็นบ่าวไพร่ในกรมซักล้างจนเคยชิน แม้ตอนนี้จะกลับไปอยู่จวนโหวตามเดิม แต่เวลาพบผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ยังมักจะกล่าวแทนตัวเองว่า ‘บ่าว’ อยู่เสมอพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยชะงักเล็กน้อย คล้ายกับนึกสิ่งใดขึ้นมาได้ จึงส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเบาๆ “เจ้าช่างเหมือนกับที่แม่เจ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 15

    เฉียวเนี่ยนแอบรู้สึกตกใจ จนแม้แต่นางกำนัลผู้นั้นก็กวาดสายตามองดูเฉียวเนี่ยนและเซียวเหิงด้วยความฉงน ก่อนตอบรับสั้นๆ ว่า “เจ้าค่ะ”หลังจากนั้น นางกำนัลก็จากไปทันทีเซียวเหิงกลับเดินมาผายมือต่อเฉียวเนี่ยนอย่างเปิดเผย “แม่นางเฉียว เชิญ”เมื่อหมดหนทาง เฉียวเนี่ยนจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามเซียวเหิงออกจากวังไปเพียงแต่วันนี้รู้สึกทางเดินออกจากวังยาวไกลกว่าปกติ เฉียวเนี่ยนพยายามมองไปข้างหน้าเป็นระยะ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นประตูบานใหญ่ของวังหลวงเสียทีทั้งคู่ต่างไม่พูดไม่จาเงียบงันเสียจนได้ยินเสียงพื้นรองเท้าเสียดสีกับพื้นทรายด้านล่างซึ่งสภาพการณ์เช่นนี้ หากเป็นแต่ก่อนจะไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักเพราะเท่าที่เซียวเหิงจำได้ นางเป็นหญิงที่ช่างพูดช่างจา วันๆ มักจะบ่นโน่นบ่นนี่ไม่หยุดหย่อนและความเงียบในเวลานี้ ทำให้เขาไม่คุ้นชินในที่สุดจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน “เรื่องพี่ชายเจ้า ข้าได้ยินมาแล้ว ฝ่าบาทอาจจะทรงกริ้วบ้าง แต่มิใช่เรื่องใหญ่อันใด เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล”เฉียวเนี่ยนไม่เคยคิดว่าเซียวเหิงจะพูดกับนางเช่นนี้ นี่หมายความว่ากระไร?ปลอบใจกระนั้นรึ?แต่ว่า นางมิได้กังวลอะไรเลยนางยังคง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 16

    เฉียวเนี่ยนไม่นึกว่าฮูหยินเฒ่าจู่ๆ จะถามเช่นนี้ เมื่อดูความคาดหวังจากสายตาของนาง ทำให้เฉียวเนี่ยนเข้าใจโดยพลัน ว่าฮูหยินเฒ่าต้องการเป็นแม่สื่อให้นางกับเซียวเหิงนั่นเองแม้เมื่อวานนางจะพูดชัดเจนแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับเซียวเหิงอีก แต่ในสายตาของฮูหยินเฒ่า ทั้งคู่โตมาด้วยกัน อีกทั้งเซียวเหิงก็เป็นคนโปรดของฮ่องเต้ เหมาะที่เฉียวเนี่ยนจะฝากชีวิตไว้ในภายภาคหน้าแต่ว่า เมื่อก่อนความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวเหิงมักจะเข้าทำนองดอกไม้มีใจแต่สายน้ำไหลผ่าน มาวันนี้เขากับหลินยวนได้รักใคร่ชอบพอ นางจึงไม่มีเหตุผล อีกทั้งไม่มีแก่ใจจะไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีกจึงรีบส่ายหน้าเร็วพลัน “ท่านย่า วันนี้แม่ทัพเซียวยังได้ฝากขนมมาทางข้าเพื่อมอบให้หลินยวน พวกเขาต่างหากถึงเป็นคู่สร้างคู่สม ต่อไปท่านก็อย่าคิดเรื่องนี้อีกเลย”ฮูหยินเฒ่าเป็นคนดื้อแพ่งไม่น้อย จึงได้ถอนหายใจ “เฮ่ย ย่าเพียงแต่เห็นว่าแต่ก่อนเจ้ากับเด็กหนุ่มตระกูลเซียวสนิทสนมกันดี แล้วต้องมาขาดกันเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายนัก”เฉียวเนี่ยนฉีกยิ้มเล็กน้อย พลางซบศีรษะลงบนไหล่ฮูหยินเฒ่า “ต่อไปข้าคิดแต่จะอยู่กับท่านย่า จริงนะเจ้าคะ”นางรู้ดีว่าตนกับเซียวเหิงรู้จักม

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 17

    พวกเขาต่างพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว หากเป็นไปได้ เฉียวเนี่ยนก็แทบอยากหันหลังจากไปทันทีแต่ว่า นางไม่มีเงินติดตัว ข้างนอกก็ไม่มีสหายสักคน หากออกไปตอนนี้ นงก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ใดได้อีกที่สำคัญ ท่านย่ายังอยู่ในจวนนี้นางจะปล่อยให้คนแก่เป็นห่วงได้อย่างไร?เพราะฉะนั้น แม้ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์จะพูดจาไม่เข้าหูสักเพียงใด ยามนี้นางก็ได้แต่ฟังอย่างเดียวและอดทนไว้สายตาไปอยู่ที่ชามข้าวที่วางอยู่ตรงกลางโต๊ะ เฉียวเนี่ยนรู้แล้วว่าบทสรุปของละครฉากนี้อยู่ตรงที่ใดในดวงตาเริ่มมีหยาดน้ำเอ่อขึ้นมา แต่นางก็ฝืนเก็บกักมันเอาไว้จากนั้นจึงถือตะเกียบคีบเนื้อปลาในชามข้าวขึ้นมา และส่งเข้าปากข้างโสตแว่วเสียงหัวเราะเย้ยหยันของหลินเย่ว์ “ตอนนี้ยอมกินแล้วรึ? เห็นทีว่าฐานะคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวยังมีความน่าสนใจอยู่บ้าง”เฉียวเนี่ยนปรายตามองดูหลินเย่ว์เล็กน้อย ไม่สนใจคำพูดเย้ยหยันของเขา เพียงมองหน้าท่านโหวหลินแล้วย่อตัวคารวะเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปาก“ท่านโหวอย่าเพิ่งโกรธ ใช่ว่าข้าถือตัวไม่ยอมกินเนื้อปลาที่ท่านโหวน้อยคีบให้ หากแต่เพราะสองปีก่อนทำงานจนเสียสุขภาพ กินอาหารทะเลครั้งใด ร่างกายจะขึ้นผดผื่น ซ้ำยังมีอาการคัน

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 312

    โจมตี!ชั่วขณะหนึ่ง เงาคนในที่มืดโหมกระหน่ํา แสงเย็นวาบปรากฏขึ้น พากันโจมตีโจรภูเขาเหล่านั้นพวกโจรภูเขาไหนเลยจะคาดคิดว่าเหล้าที่ดื่มดีๆ นี้จะถูกฆ่าถึงหน้าบ้าน ชั่วขณะนั้นพวกเขาตื่นตระหนกจนทําอะไรไม่ถูกยังไงก็ตาม พวกเขาเคยชินกับความเป็นความตาย พอได้ยินเสียงตะโกนของหัวหน้าโจรภูเขา พวกโจรภูเขาที่ตื่นตระหนกก็สงบลง และหยิบอาวุธออกมาทีละคนสถานการณ์การต่อสู้นั้นรุนแรงมากเซียวเหิงเดินอ้อมมาถึงหน้ากรงอย่างรวดเร็ว กระบี่ยาวในมือฟันโซ่บนกรงจนขาดหัวหน้าโจรภูเขาทางนั้นสังเกตเห็นสถานการณ์ทางนี้ จึงหยิบมีดพร้าที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาฟันใส่เซียวเหิงทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงไอสังหารจากด้านหลัง เซียวเหิงก็รีบเบี่ยงตัวหลบ กระบี่ยาวโบกสะบัด โจมตีไปยังหัวหน้าโจรภูเขาคนนั้นสิ่งที่ทําให้เซียวเหิงคาดไม่ถึงก็คือ วรยุทธของหัวหน้าโจรภูเขาคนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลยชั่วขณะหนึ่ง เขาและหัวหน้าโจรภูเขาต่อสู้กันอย่างแยกไม่ออกหางตาเหลือบเห็นจิ่งเหยียนเพิ่งออกจากกรง ก็มีโจรภูเขาบุกโจมตีเขาโชคดีที่จิ่งเหยียนมีดาบอยู่ในมือและสามารถป้องกันมันได้แต่จิ่งเหยียนถูกขังอยู่ในกรงเจ็ดวัน ยังไม่รู้ว่าได้รับความทรมาน

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 311

    ภูเขาหกชีพจรตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองหยงเป่ยเหอโจวเจิ้น เทือกเขาสูงชัน มองจากที่ไกลๆ ดูเหมือนจะมีภูเขาหกลูก จึงได้ชื่อมาดังนี้ภูมิประเทศในภูเขานั้นยากลําบาก ป้องกันง่ายแต่โจมตีไม่ง่าย บวกกับเทือกเขาที่เชื่อมต่อกัน โจรภูเขาเหล่านั้นจึงหลบหนีไปยังภูเขาอื่นได้ง่ายมาก ดังนั้นจึงทําให้โจรภูเขากลุ่มนี้หยิ่งผยองมาหลายปีแน่นอนว่านี่เป็นเพราะการสมรู้ร่วมคิดระหว่างเจ้าหน้าที่และโจรท้องฟ้ายามค่ำคืนค่อยๆ มืดลงภายในค่ายกลับคึกคักเป็นพิเศษพวกโจรภูเขาก่อกองไฟ ดื่มเหล้าและกินเนื้อ มีความสุขมากจู่ๆ ก็ได้ยินโจรภูเขาคนหนึ่งพูดขึ้นมาทันทีว่า "พี่ใหญ่ ท่านว่าครั้งนี้ใต้เท้าหยูสามารถเอาทองคําหมื่นตําลึงมาได้จริงหรือ?"ตอนนี้หัวหน้าโจรภูเขา มือซ้ายจับขาแกะข้างหนึ่ง มือขวาถือไหเหล้า ดวงตาที่ถูกย้อมด้วยสีเหล้ามีสีขุ่นมัวเล็กน้อย มองชายที่ถูกขังอยู่ในกรงที่อยู่ไม่ไกลแล้วหัวเราะเยาะ"หยูว่านอันบอกว่า คนที่มาครั้งนี้ล้วนเป็นคนของเซียวเหิง คนที่ถูกข้าแทงทะลุหัวใจโดยตรง และคนที่ถูกเจ้ารองตัดแขน รวมกับคนที่อยู่ในกรง สามคนล้วนเป็นรองท่านแม่ทัพของเซียวเหิง"ได้ยินคําพูดนี้ โจรภูเขาพลันตกใจ "เซียวเหิง?

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 310

    พูดไป หยูว่านอันก็นำทางเซียวเหิงเข้าห้องหนึ่งในห้อง กลิ่นควาเลือดคละคลุ้งรุนแรงบนเตียงมีใครคนหนึ่งนอนอยู่ เป็นหลัวซ่างนั่นเองตอนนี้เขามิได้นอนหลับแต่อย่างใด ได้ยินวามเคลื่อนไหวดังขึ้นพลันหันขวับ ครั้นเห็นเป็นเซียวเหิง หลัวซ่างเบิกตาโพลงทันใด ดวงตาหม่นหมองแต่เดิมเหมือนได้แสงส่องสว่างเขาพยายามลุกจากเตียงโดยไม่สนความบาดเจ็บบนร่าง แทบจะกลิ้นคลานไปคารวะเบื้องหน้าเซียวเหิงแล้ว “ข้าน้อยคารวะท่านแม่ทัพ!”เสียงสั่นเครือนั้น อัดแน่นไปด้วยความเศร้าโศกสุดพรรณนาสายตาของเซียวเหิง มองไปยังแขนเสื้อฝั่งซ้ายของหลัวซ่างคล้อยหลังการเคลื่อนไหวอันรุนแรงของหลัวซ่าง แขนเสื้อกลับยังคงนิ่งเหมือนว่างเปล่าไหล่ซ้ายของเขา ถูกฟันขาดเกือบถึงสะบักเซียวเหิงสีหน้าคร่ำเคร่ง แรงกดดันรอบกายหนักหน่วงลงอีกหลายส่วน ขยับประคองกายหลัวซ่าง ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นเยือก “บอกมา”หลัวซ่างตามติดเซียวเหิงมานาน ย่อมรู้ดีว่าเซียวเหิงหมายถึงอะไร จึงเอ่ยตอบทันที “ข้าและคนอื่นเดินทางถึงเหอโจวเมื่อสิบวันก่อน หลังจากทำความเข้าใจภูมิศาสตร์ของหุบเขาลิ่วม่ายแล้ว จึงนำทัพขึ้นเขา แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด เหมือนโจรภูเขาพวกนั้นเตรียมก

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 309

    เมื่อได้ยิน เฉียวเนี่ยนกับจิ่งโหรวต่างตะลึงงันทันใด“เจ้าพูดบ้าอะไร!” จิ่งโหรวแทบทนเตะเขาอีกไม่ไหว ทว่าสติที่เหลือบอกนางว่า ทำแบบนี้ไม่ได้สวีหวาชิงต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ถึงได้พูดเช่นนี้!เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วแน่น สะกดความกระวนกระวายในใจไว้ ก่อนเอ่ยถามเสียงเข้ม “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”“แน่นอนว่าพ่อข้าบอกมา!” เมื่อเห็นท่าทีของสตรีทั้งสองเริ่มร้อนรน สวีหวาชิงจึงเผยสีหน้าย่ามใจขึ้น “เมื่อคืนฮ่องเต้ทราบข่าวแล้ว จิ่งเหยียนนำทัพขึ้นโจมตีบนเขา พ่ายแพ้ครั้งใหญ่ สิ้นทั้งกองทัพ!”สี่คำท้ายประโยคนั้น สวีหวาชิงพูดหนักแน่น ซึ่งสี่คำนี้เสมือนเป็นหินก้อนใหญ่ กดทับหัวใจเฉียวเนี่ยนไว้ชั่วขณะหนึ่ง นางถูกสี่คำท้ายประโยคนั้นสะกดไว้จนหายใจแทบไม่ได้ในที่สุดจิ่งโหรวไม่ทนอีกต่อไป พุ่งใส่สวีหวาชิงไม่สนสิ่งอื่นใด “ใครใช้ให้แกพูดจาเหลวไหล! ใครใช้ให้เจ้าแช่งพี่ชายข้า!”หมัดเล็กๆ ของนางนั้นพละกำลังเหลือล้น สวีหวาชิงถูกชกไปสองหมัดต่อกัน รู้สึกหน้ามืดตาลาย ก่อนร่วงผล็อยลงพื้นอีกครั้งเมื่อเห็นจิ่งโหรวคิดจะเข้าไปซ้ำ เฉียวเนี่ยนก็รีบเรียกหนิงซวงเข้าไปรั้งไว้“หนิงซวง พาแม่นางจิ่งกลับจวน!”พูดจบ นางหันมองจิ่งโ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 308

    เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเคร่ง สังหรณ์ใจถึงความผิดปกติ “เช่นนั้นนางอยู่ที่ใด?”ไม่คาดคิดว่า ยังพูดไม่ทันจบ เสียงเบาะแว้งพลันดังขึ้นจากห้องพักเล็กชั้นสองวินาทีต่อมา ชายคนหนึ่งถูกคนผลักออกจากห้องพัก ล้มลงบนระเบียงทางเดินเต็มแรงนั่นคือสวีหวาชิง!แต่เสียงจิ่งโหรวกลับเต็มไปด้วยความความเกรี้ยวกราด ดังออกจากห้องพัก “อันธพาลอะไรกัน ถึงกล้าหาเรื่องข้า! กินข้าวแล้วไม่มีปัญญาจ่ายก็บอกว่าในอาหารมีหนอน ไม่คู่ควรกับพี่สะใภ้ฉันก็บอกว่านางเป็นหญิงมั่วโลกีย์ ข้าว่าเจ้าต่างหากที่มั่วโลกีย์ ทั้งตระกูลเจ้าล้วนแต่มั่วโลกีย์ทั้งสิ้น!”สิ้นประโยคที่เหลือ เก้าอี้ตัวหนึ่งปลิวออกจากห้องพัก กระแทกใส่ร่างสวีหวาชิงอย่างแม่นยำหน้าอกสวีหวาชิงหลั่งเลือดทันใดทว่าจิ่งโหรวสองแขนเท้าสะเอว เดินออกจากห้องพัก ดวงตาคมกริบเขม็งจ้องสวีหวาชิง “ข้าขอเตือนเจ้า ถ้ากล้าทำให้ข้าได้ยินว่าเจ้าพูดจาถึงพี่สะใภ้ข้าอีกละก็ ข้าจะตีเจ้าทุกครั้งที่เจอ!”หลายวันก่อนสวีหวาชิงได้ยินว่าน้องสาวของจิ่งเหยียนอยู่หลังครัว นึกถึงความอับอายที่ได้รับมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงตัดสินใจมาเอาคืนจากจิ่งโหรวแทนดังนั้น เขาจึงโกหกว่ามีหนอนในอาหาร ต้องการให้

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 307

    เฉียวเนี่ยนโดนจิ่งโหรวถามกลับแบบเช่นนี้จนชะงักค้างไปความรู้สึกไม่เป็นสุขจากการถูกนางเมินเฉยที่คาใจมาโดยตลอดนั้น พรั่งพรูออกออกมาในชั่วพริบตา ก่อนขยายตัวอย่างไร้ที่สิ้นสุดในที่สุดนางก็มิอาจคงสีหน้าราบเรียบดังเดิมได้อีกต่อไป คิ้วขมวดเคร่ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล “เจ้ารู้เรื่องอะไรมา?”หากจิ่งโหรวไม่รู้อะไรเหมือนพ่อแม่ของจิ่งเหยียน ยามนี้คงไม่ถามนางเช่นนี้เมื่อเห็นท่าทางเป็นกังวลของเฉียวเนี่ยน จิ่งโหรวขบฟันกรามกรอด เอ่ยคำพูดในใจลอดไรฟัน “สิ่งเดียวที่่ข้ารู้คือ ที่พี่ชายข้าไปครานี้ เป็นเพราะเจ้า!”เมื่อได้ยิน เฉียวเนี่ยนใจสะท้านค้างทันใด ยังไม่ทันได้ถามไถ่ดี ก็ได้ยินจิ่งโหรวเอ่ยต่อ “พี่ชายข้าบอกว่า เขาต้องให้อนาคตอันมั่นคงกับเจ้า เขาไม่อยากให้เจ้าโดนรังแก ดังนั้นเขาต้องต้องสร้างผลงานทางกองทัพ ต้องปกป้องเจ้า! หากไม่มีเจ้า ครานี้พี่ชายข้า คงไม่ต้องไปปราบโจร”คำพูดนี้ ทำเอาเฉียวเนี่ยนหน้าซีดไร้สีเลือดเป็นอย่างที่นางคิดไว้จริงๆที่จิ่งเหยียนไปปราบโจรกะทันหัน เกี่ยวข้องกับนางอย่างที่คิดไว้จริง!สองแขนที่ซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อสั่นระริกไม่เป็นสุข เฉียวเนี่ยนตื่นตระหนกสติหลุดอย่างหมดส

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 306

    ที่จริงเฉียวเนี่ยนรู้ดีว่าตนไม่ได้เจอจิ่งเหยียนมานานแล้วแรกเริ่มคือท่านย่าป่วยหนัก จากนั้นนางคอยเฝ้าทั้งคืน ไม่มีเวลาไปเจอจิ่งเหยียนจริงๆแค่คิดดู ต่อให้จิ่งเหยียนมา ก็ต้องถูกจวนโหวปฏิเสธอยู่ข้างนอกแน่นอนดังนั้น สำหรับที่อยู่ของจิ่งเหยียน นางไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยแต่ใครเล่าจะรู้ว่าเมื่อได้ยินนางถามเช่นนี้ สีหน้าจิ่งโหรวจะคร่ำเคร่งขึ้นทันตา แม้แต่พ่อแม่ของจิ่งเหยียนยังค่อยๆขมวดคิ้ว ไม่ปริปากพูดจาเมื่อเห็นสถานการณ์ ในใจเฉียวเนี่ยนพลันรู้สึกไม่สงบขึ้นมาหลายส่วน “เป็นอะไรไป? จิ่งเหยียนไปไหนแล้วล่ะ?”แม่ของจิ่งเหยียนสีหน้าฉายแววเศร้าโศกพ่อของจิ่งเหยียนเป็นฝ่ายโบกมือ “เห้อ เขาเป็นรองแม่ทัพราชสำนัก ราชสำนักจะให้เขาไปที่ใด เขาย่อมต้องไปที่นั่น! ได้ยินว่าไปปราบโจร ไปได้หลายวันแล้ว! ”ปราบโจร?เมื่อได้ยินสองคำนี้ เฉียวเนี่ยนตื่นตระหนกทันใด ในหัวฉายภาพท่าทางของโจรภูเขาเหี้ยมโหดพวกนั้น นางถามออกไปอย่างอดไม่ได้ “คงมิใช่ โจรภูเขาแห่งหยงเป่ยเหอโจวเจิ้นใช่ไหม?”“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” พ่อของจิ่งเหยียนตกตะลึงไม่แพ้กัน “ได้ยินมาแบบนั้นเช่นกัน ว่าเป็นเหอโจวเจิ้นอะไรสักอย่าง เหมือนเพราะโจรภูเขา

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 305

    ในที่สุดก็เดินออกจากจวนโหวเฉียวเนี่ยนยืนอยู่หน้าประตูบานสูงบานนั้น เงยหน้ามองแผ่นป้ายที่แขวนด้วยผ้าไหมสีขาวแผ่นนั้น ในใจรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในที่สุดนางก็สามารถจากไปได้ ในที่สุดก็หลุดพ้นจากคนของตระกูลหลินได้ ท่านย่าต้องมีความสุขมากแน่ๆหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนหยุดเดินแล้วมองย้อนกลับไป ยังนึกว่าเฉียวเนี่ยนตัดใจไม่ได้ จึงพูดเสียงเบาว่า "คุณหนู หรือว่าพวกเราจะอยู่ต่ออีกสองวันดีไหมเจ้าคะ?"ฮูหยินหลินพูดถูก อีกสองวันก็จะถึงการตายครบเจ็ดวันของฮูหยินเฒ่าแล้ว รอให้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยไปก็ได้แต่ไม่คิด เฉียวเนี่ยนกลับส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ จากนั้นดึงหนิงซวงแล้วก้าวยาวๆ จากไปในบ้านหลังเล็กที่ไม่ไกลจากจวนโหวนั้น ผู้เฒ่าทั้งสองของตระกูลจิ่งมองดูกองอัญมณีที่นํามาส่งอย่างทําอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนมาถึง ทั้งสองก็รีบเข้าไปทําความเคารพ แล้วถึงพูดว่า "คุณหนู ท่านจะทําอะไรหรือขอรับ?"เฉียวเนี่ยนยิ้มบางๆ "ข้าตัดสายสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว วันหลังท่านลุงกับท่านป้าไม่ต้องเรียกข้าเป็นคุณหนูใหญ่แล้ว เรียกข้าว่าเนี่ยนเนี่ยนก็พอเจ้าค่ะ""ตัดสายสัมพันธ์หรือ" จิ่งโหรวยืนอยู่ไม่ไกล ขมวดคิ้วมองเฉียวเน

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 304

    ใบหน้าของหนิงซวงเต็มไปด้วยความสุข "บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!"เฉียวเนี่ยนยิ้มด้วยความพึงพอใจ กลับได้ยินหนิงซวงถามขึ้นอย่างกะทันหันว่า "แต่ว่า คุณหนูเตรียมจะไปไหนหรือเจ้าคะ?""ไปอยู่กับจิ่งเหยียนสองวันก่อน แล้วค่อยๆ คิดว่าจะไปที่ไหนละกัน!" เฉียวเนี่ยนกล่าวเช่นนั้นวันข้างหน้า นางจะอยู่เมืองหลวงต่อหรือจากไป นางยังไม่ได้คิดให้ดี เพียงแค่คิดว่าในเมื่อนางตัดสินใจจะอยู่กับจิ่งเหยียนแล้ว ไม่ว่าจะอยู่หรือจากไปก็ต้องปรึกษากับจิ่งเหยียนก่อนแต่ตอนนี้ นางไม่อยากอยู่ในจวนโหวอีกต่อไปแล้ว!เมื่อได้ยินคําพูดของเฉียวเนี่ยน หนิงซวงก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้ ของรางวัลในห้องเก็บของเหล่านั้น จะให้หวังเอ้อไปส่งที่จวนรองแม่ทัพจิ่งก่อนหรือไม่เจ้าคะ?""อืม ส่งไป" เฉียวเนี่ยนพยักหน้าตอบรับ นั่นเป็นรางวัลที่ฮ่องเต้กับกุ้ยเฟยประทานให้นาง เพราะการแต่งงานครั้งนั้น ทําให้นางเกือบเอาชีวิตไม่รอด รางวัลนี้ย่อมต้องรับไปหนิงซวงรับคําแล้วรีบไปทําอย่างรีบร้อนอาจเป็นเพราะนางทํางานอย่างเร่งรีบเกินไป โกดังเก็บของเพิ่งย้ายหมด ฮูหยินหลินก็มาแล้วเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนกําลังแบกห่อผ้าและกํา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status