Share

บทที่ 9

Author: โม่เสียวชี่
เมื่อได้ยินคําถามนี้ น้ำตาในดวงตาของหลินยวนก็ไหลออกมาในที่สุด นางส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า"ไม่ใช่ ข้าไม่เคยทําร้ายพี่หญิงเลย ตอนนั้นเป็นข้าที่ทําถ้วยแตก เป็นความผิดของข้าเอง แต่คนที่ใส่ร้ายพี่หญิงคือเสี่ยวชุ่ย...”

นางพยายามอย่างยิ่งที่จะบอกเฉียวเนี่ยนว่าตัวเองไม่เคยทําร้ายนาง

แต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะพิงอยู่ข้างประตู ถามนางอย่างอ่อนโยนว่า “แล้วทําไมเจ้าไม่บอกเมื่อสามปีก่อนล่ะ?”

หลินยวนอึ้งไปชั่วขณะ ไม่ทันได้เข้าใจว่าคําพูดของเฉียวเนี่ยนหมายความว่าอย่างไร?

มุมปากของเฉียวเนี่ยนโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันอย่างรุนแรง “เจ้าเป็นคนทําถ้วยแตกเอง แปดคํานี้ เมื่อสามปีก่อนต่อหน้าฮองเฮากับองค์หญิง ทําไมเจ้าถึงไม่พูด?”

หลินยวนถอยหลังไปก้าวหนึ่งราวกับยืนไม่มั่น “ข้า ข้าไม่กล้า... นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าเข้าวัง เป็นครั้งแรกที่เจอคนสูงศักดิ์มากมายขนาดนี้ ข้า ตอนนั้นข้ากลัวมาก ข้า...”

“แล้วตอนนี้เจ้าจะมาพูดอะไรกับข้าอีกล่ะ?” เฉียวเนี่ยนขัดจังหวะคําพูดของหลินยวนอีกครั้ง

ต้องพูดอะไรกันแน่ถึงจะให้นางทําเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นตลอดสามปีที่ผ่านมา

หลินยวนร้องไห้สะอึกสะอื้น ก้มหน้าลง ไม่กล้ามองเฉียวเนี่ยนอีก “ขอแค่พี่หญิงให้อภัยข้า ข้ายอมคืนทุกอย่างให้พี่หญิง ข้าจะบอกพ่อแม่และพี่ชายว่า พี่หญิงท่านไม่เคยรังแกข้า เรือนลั่วเหมย ข้าก็สามารถคืนให้กับพี่หญิงได้ ยังมี ยังมีพี่เหิงด้วย ข้า ข้าก็สามารถคืนให้กับพี่หญิงได้หมด”

ฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็เข้าใจจุดประสงค์ที่หลินยวนมาในวันนี้แล้ว

“หลินยวน ข้าเคยบอกแล้วว่านั่นคือพ่อแม่และพี่ชายของเจ้า ไม่เกี่ยวกับข้า” นางส่ายหัวเล็กน้อยและพ่นลมหายใจที่ขุ่นมัวออกมาจากอกอย่างรุนแรง แม้ว่าเรือนลั่วเหมยสร้างขึ้นเพราะชอบ แต่ล้วนเป็นความพยายามของท่านโหว และควรเป็นของเจ้าด้วย แม้แต่เรือนฟางเหอแห่งนี้ หากเจ้าต้องการก็แค่พูดประโยคเดียวเท่านั้น”

ได้ยินดังนั้น หลินยวนก็ส่ายหัวทันที “ข้าไม่เอา ข้าไม่ได้มาแย่งที่อยู่กับพี่หญิง”

“ข้ารู้” เฉียวเนี่ยนยิ้มบางๆ แฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันเล็กน้อย “เจ้ามาเพื่อเซียวเหิง”

พูดอะไรขอให้นางให้อภัย อ้อมค้อมขนาดนี้ ก็เพื่อผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น

นางพูดเข้าเรื่องของหลินยวนทันที ทําให้หลินยวนหน้าแดงทันที

กลับได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องอะไรอยู่ เมื่อสามปีก่อนตอนที่ข้ายังไม่ถูกลงโทษเข้ากรมซักล้าง การหมั้นหมายนี้ก็ตกอยู่กับเจ้าแล้ว ตอนนี้แม้ว่าข้าจะยังอาศัยอยู่ในจวนโหว แต่ทั้งหมดเป็นเพราะท่านย่ารักข้าเท่านั้น ข้าถึงขั้นไม่ได้แซ่หลินแล้ว ในจวนโหวนี้ข้าเป็นเพียงคนนอก การหมั้นหมายระหว่างตระกูลเซียวกับตระกูลหลินอย่างไรก็ไม่ตกอยู่ที่ข้า”

“อีกอย่าง เมื่อครู่ตอนอยู่กับท่านย่าข้าก็พูดชัดเจนแล้ว ข้าไม่ชอบเซียวเหิงอีกแล้ว เจ้าตั้งใจมาลองใจข้าเพราะเรื่องนี้ มันไม่จําเป็นจริงๆ”

“ข้าไม่ได้มาเพื่อหยั่งเชิงพี่หญิง” หลินยวนเหมือนถูกเข้าใจผิด รู้สึกใจร้อนเล็กน้อย “ข้าขอร้องพี่หญิงให้อภัยจากใจจริง เพียงแต่...”

เพียงแค่หยั่งเชิงท่าทีของเฉียวเนี่ยน ก็เป็นจุดประสงค์หนึ่งเช่นกัน

แต่นางต้องยอมรับว่านางรู้สึกกลัวจริงๆ

ท่าทีของเซียวเหิงในวันนี้ทําให้นางจับต้นชนปลายไม่ถูก นางเป็นห่วงจริงๆ ว่าคนที่เซียวเหิงอยากแต่งงานด้วยคือเฉียวเนี่ยน ดังนั้นจึงรีบมาหาเฉียวเนี่ยนที่นี่

“ไม่ว่ายังไง ความคิดของข้าก็ชัดเจนอยู่แล้ว สุขภาพของท่านย่าไม่ดีเท่าเมื่อก่อน ข้าแค่อยากดูแลท่านย่าให้ดีๆ อย่างอื่น ข้าไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น เฉียวเนี่ยนเล่าความคิดของตัวเองให้หลินยวนฟังอย่างละเอียดลออ แค่อยากให้หลินยวนรู้ว่าต่อไปถ้าไม่มีอะไรทําก็อย่ามาหาเรื่องเขาบ่อยๆ

คนของจวนโหวนี้ นอกจากท่านย่าแล้ว นางไม่อยากเห็นหน้าใครเลยจริงๆ

หลินยวนยืนอยู่ที่เดิมและกัดริมฝีปากล่างของตัวเองโดยไม่พูดอะไร

ใบหน้ายังมีคราบน้ำตา บนขนตายังมีคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งติดอยู่

เฉียวเนี่ยนคิดว่า ถ้าหลินเย่ว์มาตอนนี้ คงเหมือนกับตอนที่ผลักตัวเองตกตึกเมื่อสามปีก่อน เตะนางลงไปในสระบัวโดยไม่พูดไม่จา

อากาศที่นี่หนาวมาก ตกน้ำนางกลัวจะป่วยหลายวันเอาได้

แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว เฉียวเนี่ยนอดนวดขมับตัวเองไม่ได้ แค่อยากรีบส่งตัวหายนะนี้ไป “วันนี้ข้าตื่นเช้าไปหน่อย ตอนนี้เหนื่อยจริงๆ ถ้าเจ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ข้าก็ไม่ไปส่งเจ้าแล้ว”

พอฟังออกถึงการไล่แขกของเฉียวเนี่ยน หลินยวนก็ไม่อยากอยู่แบบหน้าด้านๆ อีกแล้ว จึงทําได้เพียงพยักหน้า “งั้นพี่หญิงพักผ่อนให้สบายนะ ข้า ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ”

พูดจบ หลินยวนก็โค้งตัวทําความเคารพแล้วเดินออกไปข้างนอก

หลินยวนเพิ่งออกจากบ้านไม่นานหนิงซวงก็เข้ามาแล้ว

“คุณหนู คุณหนูรองมาคุยอะไรกับท่านหรือเจ้าคะ?” เด็กสาวทําหน้าสงสัยใคร่รู้ พลางมองแผ่นหลังของหลินยวนอย่างอดไม่ได้ “บ่าวเห็นดวงตาของนางแดงก่ำ ร้องไห้แล้วหรือเจ้าคะ?”

เฉียวเนี่ยนไม่มีกะจิตกะใจจะรับมือกับหนิงซวง จึงเดินเข้าไปข้างใน “เจ้าอยากรู้อยากเห็นขนาดนี้ ไม่สู้ไปถามนางโดยตรงดีกว่า”

หนิงซวงตามมาอย่างหน้าด้านๆ “บ่าวเป็นบ่าวของคุณหนู มีเหตุผลอะไรที่ต้องไปหาคุณหนูรองกัน?”

สิ้นเสียงฝีเท้าของเฉียวเนี่ยนก็หยุดลงเช่นกัน

นางหันไปมองหนิงซวงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

หนิงซวงตกใจ ขยิบตาให้เฉียวเนี่ยนสองครั้ง “คุณหนู ท่านเป็นอะไรไป?”

“ข้ารู้ว่าเจ้านายของเจ้าส่งเจ้ามาปรนนิบัติข้าเพราะมีจุดประสงค์ของเขา ข้าจะไม่ทําให้เจ้าลําบากใจ แต่เจ้าก็ไม่จําเป็นต้องเตือนข้าตลอดเวลาว่าเจ้าเป็นคนของข้า เพราะข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่”

เฉียวเนี่ยนอยู่ในกรมซักล้างมาสามปี ในสถานที่แห่งนั้น คนรอบข้างล้วนเป็นศัตรูของนาง ดังนั้นนางจึงเคยชินกับการพูดจาที่เย็นชาและดุดันเช่นนี้

นางไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะทําร้ายจิตใจของสาวใช้คนหนึ่ง

ดวงตาคู่โตของหนิงซวงแทบจะเต็มไปด้วยน้ำตาทันที

ต่างจากหลินยวน เฉียวเนี่ยนมองนาง ใจอ่อนลงทันที

แต่นางก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรปลอบนางหรือไม่ จึงได้แต่ขมวดคิ้ว “ข้าจะนอนสักพัก เจ้าไปทํางานเถอะ”

พูดจบก็หันหลังเดินเข้าไปในห้อง

หนิงซวงยืนอยู่ที่เดิม ได้แต่มองเฉียวเนี่ยนขวางนางเอาไว้ข้างนอก น้ำตาไหลพรากลงอาบแก้มในที่สุด

แต่ไม่นานนางก็เช็ดน้ำตาออก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคับข้องใจเมื่อสักครู่กลับเต็มไปด้วยความไม่สนใจ

คุณหนูของนางถูกทรมานอยู่ในกรมซักล้างเป็นเวลาสามปี ตอนนี้ต่อให้ไม่มีน้ำใจแล้วจะเป็นไรไป

คุณหนูมีแผลมากมายอยู่บนร่างกาย หากตนเองไม่โหดร้ายสักหน่อย เกรงว่าก็คงไม่รอดแล้ว

แม้จะถูกคุณหนูเข้าใจผิด แต่นางเชื่อว่าขอแค่จริงใจต่อคุณหนู สักวันหนึ่งคุณหนูจะสามารถมองเห็นความจริงใจของนางได้

หนิงซวงแอบให้กําลังใจตัวเอง แล้วจึงร้องเรียกในห้อง “เช่นนั้นคุณหนูพักผ่อนให้สบายนะเจ้าคะ บ่าวจะเฝ้าอยู่ข้างนอก หากคุณหนูต้องการอะไรก็บอกบ่าวได้เลย”

เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ร่างกายของเฉียวเนี่ยนก็ชะงักไปเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้

ที่ไหนสักแห่งในหัวใจเหมือนมีกระแสอุ่นๆ ไหลผ่าน

นางเองก็บอกไม่ถูกว่ามันรู้สึกอย่างไรกันแน่ แต่...อารมณ์ที่วุ่นวายเพราะหลินยวนเมื่อสักครู่ได้บรรเทาลงไม่น้อย

นางถอนหายใจยาวและกําลังจะเข้านอน แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องที่น่าตกใจดังมาจากข้างนอก

"แย่แล้ว! ใครก็ได้มาเร็ว คุณหนูรองตกน้ำแล้ว”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Ann-Earth Oua-nguan
ยัยคุณหนูรองสร้างเรื่องอีกรึ
goodnovel comment avatar
Sita
ติดตามตอนต่อไปค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 10

    เฉียวเนี่ยนไม่ทันแม้แต่จะคลุมเสื้อนอกที่เพิ่งถอดออกแล้วก็วิ่งออกไป"เกิดอะไรขึ้น? ใครตะโกนอยู่?”หนิงซวงเองก็เดินตามหลังเฉียวเนี่ยนอย่างร้อนใจพลางส่ายหน้า “บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ เพิ่งได้ยินเสียงเรียก คุณหนูสวมเสื้อผ้าสักชุด ข้างนอกหนาวมาก”แต่เฉียวเนี่ยนไหนเลยจะมีกะจิตกะใจใส่เสื้อผ้าหลินยวนตกน้ำ จะตกที่ไหนได้อีกก็คือสระบัวของเรือนฟางเหอไม่ใช่หรือ?ตอนนั้นหลินยวนทําถ้วยแตกใบเดียวนางก็ถูกทรมานอยู่ถึงสามปี ถ้าหลินยวนเกิดเรื่องขึ้นกับนาง ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่หลินเย่ว์คนเดียวคงตีนางจนตายแน่เมื่อเฉียวเนี่ยนมาถึง หลินยวนยังคงกระโผลกกระเผลกอยู่ในน้ำผิวน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งได้แตกเป็นรูใหญ่รูหนึ่งแล้วบนสะพานหินมีสาวใช้และเด็กรับใช้จํานวนไม่น้อยกําลังเฝ้าดูอยู่เฉียวเนี่ยนก้าวเท้ายาวๆ วิ่งเข้าไป"พวกเจ้าทุกคนว่ายน้ำไม่เป็นหรือ? ทําไมไม่ช่วยคน?!”กลับเห็นเด็กรับใช้หลายคนทําหน้าลําบากใจ “พวกบ่าวช่วยได้ก็จริง แต่ถ้าทําลายความบริสุทธิ์ของคุณหนูรองจะทําอย่างไรขอรับ?”“ความบริสุทธิ์ยังสําคัญกว่าชีวิตอีกหรือ?” เฉียวเนี่ยนถลึงตาใส่เด็กรับใช้ที่กําลังพูดอยู่อย่างดุร้าย แล้วกระโดดลงไปในน้ำโ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 11

    คำพูดของเฉียวเนี่ยน เหมือนดั่งฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ จนทำให้หลินเย่ว์เกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะในมโนภาพเห็นแต่เฉียวเนี่ยนดิ้นรนอยู่ในน้ำ ส่วนนางกำนัลอื่นก็อยู่ข้างบ่อซักล้าง ต่างพากันหัวเราะเป็นการใหญ่พลันรู้สึกเจ็บในหัวอกมากขึ้น เขาคิดจะพูดอะไรต่ออีก แต่คล้ายมีบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ จวบจนแผ่นหลังของเฉียวเนี่ยนถูกบานประตูขวางกั้นจนมองไม่เห็นอีก จึงค่อยมีสติกลับคืนมาบ้าง“คุณหนู ฮือๆๆ...” เสียงร่ำไห้ของเสี่ยวชุ่ยดังขึ้นที่ข้างหู ทำให้รู้สึกรำคาญยิ่งหลินยวนถลึงตาใส่เสี่ยวชุ่ย “เอาแต่ร้องไห้อยู่ได้ ไม่รีบไปตามหมอมาอีก?”เสี่ยวชุ่ยเพิ่งจะนึกได้ จึงรีบออกไปทันทีหลินเย่ว์ส่งหลินยวนกลับไปยังเรือนลั่วเหมย ส่วนหมอประจำจวนก็มาพร้อมกับฮูหยินหลินขณะที่หมอกำลังตรวจชีพจรดูอาการให้หลินยวนอยู่นั้น ฮูหยินหลินก็พาหลินเย่ว์ออกไปข้างนอก “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? น้องเจ้าอยู่ดีๆ ตกน้ำได้อย่างไร หรือเป็นเพราะว่าเนี่ยนเนี่ยน...”“ท่านแม่” หลินเย่ว์ขมวดคิ้ว ขัดจังหวะการพูดของฮูหยินหลินทันที “เพราะเนี่ยนเนี่ยนช่วยยวนเอ๋อร์ไว้ต่างหาก”กล่าวพลาง เขาคล้ายกับนึกอะไรได้ จึงหันไปมองเสี่ยวชุ่ย “เจ้ามานี่”ใบหน้าซีก

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 12

    ผู้มาใหม่คือเพื่อนสนิทของฮูหยินหลิน พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยนั่นเองเมื่อเห็นว่าในที่สุดก็มีคนมาห้ามปรามหลินเย่ว์ เหล่านางกำนัลที่อยู่ในบ่อจึงต่างพากันร่ำไห้ระงมอออกมา “พระสนม...”“ฮือๆๆ พระสนมโปรดช่วยพวกเราด้วยเพคะ”นางกำนัลสิบกว่าคนร้องไห้ขึ้นมาพร้อมกัน ฟังแล้วเป็นที่หนวกหูยิ่งพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ปรายตามองดูนางกำนัลใหญ่ที่อยู่ด้านข้างนางกำนัลใหญ่เข้าใจดี จึงกล่าวเสียงตวาด “ยังไม่รีบไปเปลี่ยนชุดอีก หากล้มป่วยขึ้นมา ทำให้เหล่าพระสนมเสียงานเสียการ พวกเจ้าจะมีกี่หัวพอให้ตัด?”เมื่อได้ยินดังนี้ เหล่านางกำนัลจึงหยุดร้องไห้ พร้อมคลานขึ้นจากบ่อน้ำแล้วแยกย้ายไปยังเรือนของตนทันทีรอจนทุกคนไปหมดแล้ว พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยค่อยหันมามองราวตากผ้าในมือหลินเย่ว์ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวเสียงดุ “อะไรกัน ท่านโหวน้อยจะตีข้าด้วยหรืออย่างไร?”หลินเย่ว์ตกใจจนทิ้งราวตากผ้าลงจากมือ พร้อมประสานมือกล่าวตอบ “กระหม่อมมิบังอาจ”“ขนาดบุกเข้าวังมาเช่นนี้ ยังมีสิ่งใดไม่กล้าทำอีก?” เห็นชัดว่าพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเริ่มกริ้วบ้างแล้วนางมองว่าหลินเย่ว์ทำการวู่วามเกินไปในกรมซักล้างแห่งนี้ แม้เป็นที่ๆ นับว

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 13

    แม้แต่ท่านโหวหลินก็อดมองหน้าเฉียวเนี่ยนไม่ได้ แต่ยังคงพูดคุยกับหลินเย่ว์ต่อ “เคราะห์ดีที่วันนี้มีพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยมาออกหน้าให้ มิฉะนั้นอย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่ข้าเองก็อาจไม่ได้ออกจากวังมาอีก!”เฉียวเนี่ยนมองดูพื้นที่อยู่เบื้องหน้าตน ในใจแอบรู้สึกถึงความเย้ยหยันคำพูดนี้ น่าจะพูดให้นางฟังมากกว่าขณะกำลังคิดอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงหลินยวนแว่วมา “ท่านพ่อ...”น้ำเสียงอ่อนหวานนั้น แฝงด้วยความอ่อนแรง ระคนความร้อนใจ คล้ายพร้อมจะขาดใจได้ทุกเมื่อกระนั้นเฉียวเนี่ยนคิ้วขมวดเล็กน้อย พลันเห็นหลินยวนเดินอย่างอ่อนระโหยเข้ามาโดยมีสาวใช้เสี่ยวชุ่ยคอยประคอง ทันทีที่เห็นใบหน้าหลินเย่ว์มีเลือดไหลซึม น้ำตานางก็ร่วงหล่นลงพลัน พร้อมคุกเข่าลงข้างกายหลินเย่ว์ “ท่านพ่อ ขอท่านอย่าได้โกรธมาก แค่กๆๆ แค่กๆๆ...”กล่าวยังไม่ทันจบประโยค หลินหยวนก็เกิดอาการไอรุนแรงขึ้นมาท่านโหวหลินเป็นห่วงเสียจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ พลางตวาดไปทางเสี่ยวชุ่ย “ยังไม่รีบพยุงคุณหนูขึ้นมาอีก!”จนแม้แต่ฮูหยินหลินซึ่งแต่เดิมปกป้องหลินเย่ว์อยู่ ยังรีบไปพยุงให้นางยืนขึ้น “เจ้ายังป่วยอยู่ ออกมาทำไมกัน”“ข้า...ได้ยินว่าท่านพ่อจะลงโทษพี่ชาย” น้

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 14

    เฉียวเนี่ยนรู้สึกหวาดหวั่นในใจ ขณะยืนอยู่กลางลานในตำหนักของพระสนมเต๋อกุ้ยเฟย จิตใจยังคงหวั่นวิตกไม่หายนับแต่ทำงานในกรมซักล้างมาสามปี นางยังไม่เคยมาตำหนักนี้ แต่พอรู้สึกได้ว่าบรรยากาศที่นี่แตกต่างจากกรมซักล้างโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดความอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกนางกลัวว่าตนจะเหมือนเมื่อสามปีที่แล้ว เข้ามาแล้วไม่ได้กลับออกไปอีกไม่รู้ว่ายืนอยู่นานเพียงไหน รู้เพียงนิ้วเท้าหนาวเย็นจนเกือบไร้ความรู้สึก กว่าจะมีคนมาเรียกนางเข้าไปพบพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยทันทีที่ผลักประตูเข้าไป ก็มีไออุ่นมาปะทะใบหน้า จนเฉียวเนี่ยนรู้สึกแสบถึงปลายจมูกนางสูดจมูกเล็กน้อย ไม่ทันเดินเข้าด้านในก็ได้ยินเสียงพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยดังลอดออกมา “ข้าเห็นชุดที่ส่งซักแล้ว ซักได้ดีมากจริงๆ”เฉียวเนี่ยนเพิ่งจะเห็นหน้านาง พลางรีบคุกเข่าลง “บ่าวถวายบังคมพระสนมกุ้ยเฟยเพคะ”เพราะนางทำงานเป็นบ่าวไพร่ในกรมซักล้างจนเคยชิน แม้ตอนนี้จะกลับไปอยู่จวนโหวตามเดิม แต่เวลาพบผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ยังมักจะกล่าวแทนตัวเองว่า ‘บ่าว’ อยู่เสมอพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยชะงักเล็กน้อย คล้ายกับนึกสิ่งใดขึ้นมาได้ จึงส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเบาๆ “เจ้าช่างเหมือนกับที่แม่เจ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 15

    เฉียวเนี่ยนแอบรู้สึกตกใจ จนแม้แต่นางกำนัลผู้นั้นก็กวาดสายตามองดูเฉียวเนี่ยนและเซียวเหิงด้วยความฉงน ก่อนตอบรับสั้นๆ ว่า “เจ้าค่ะ”หลังจากนั้น นางกำนัลก็จากไปทันทีเซียวเหิงกลับเดินมาผายมือต่อเฉียวเนี่ยนอย่างเปิดเผย “แม่นางเฉียว เชิญ”เมื่อหมดหนทาง เฉียวเนี่ยนจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามเซียวเหิงออกจากวังไปเพียงแต่วันนี้รู้สึกทางเดินออกจากวังยาวไกลกว่าปกติ เฉียวเนี่ยนพยายามมองไปข้างหน้าเป็นระยะ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นประตูบานใหญ่ของวังหลวงเสียทีทั้งคู่ต่างไม่พูดไม่จาเงียบงันเสียจนได้ยินเสียงพื้นรองเท้าเสียดสีกับพื้นทรายด้านล่างซึ่งสภาพการณ์เช่นนี้ หากเป็นแต่ก่อนจะไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักเพราะเท่าที่เซียวเหิงจำได้ นางเป็นหญิงที่ช่างพูดช่างจา วันๆ มักจะบ่นโน่นบ่นนี่ไม่หยุดหย่อนและความเงียบในเวลานี้ ทำให้เขาไม่คุ้นชินในที่สุดจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน “เรื่องพี่ชายเจ้า ข้าได้ยินมาแล้ว ฝ่าบาทอาจจะทรงกริ้วบ้าง แต่มิใช่เรื่องใหญ่อันใด เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล”เฉียวเนี่ยนไม่เคยคิดว่าเซียวเหิงจะพูดกับนางเช่นนี้ นี่หมายความว่ากระไร?ปลอบใจกระนั้นรึ?แต่ว่า นางมิได้กังวลอะไรเลยนางยังคง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 16

    เฉียวเนี่ยนไม่นึกว่าฮูหยินเฒ่าจู่ๆ จะถามเช่นนี้ เมื่อดูความคาดหวังจากสายตาของนาง ทำให้เฉียวเนี่ยนเข้าใจโดยพลัน ว่าฮูหยินเฒ่าต้องการเป็นแม่สื่อให้นางกับเซียวเหิงนั่นเองแม้เมื่อวานนางจะพูดชัดเจนแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับเซียวเหิงอีก แต่ในสายตาของฮูหยินเฒ่า ทั้งคู่โตมาด้วยกัน อีกทั้งเซียวเหิงก็เป็นคนโปรดของฮ่องเต้ เหมาะที่เฉียวเนี่ยนจะฝากชีวิตไว้ในภายภาคหน้าแต่ว่า เมื่อก่อนความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวเหิงมักจะเข้าทำนองดอกไม้มีใจแต่สายน้ำไหลผ่าน มาวันนี้เขากับหลินยวนได้รักใคร่ชอบพอ นางจึงไม่มีเหตุผล อีกทั้งไม่มีแก่ใจจะไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีกจึงรีบส่ายหน้าเร็วพลัน “ท่านย่า วันนี้แม่ทัพเซียวยังได้ฝากขนมมาทางข้าเพื่อมอบให้หลินยวน พวกเขาต่างหากถึงเป็นคู่สร้างคู่สม ต่อไปท่านก็อย่าคิดเรื่องนี้อีกเลย”ฮูหยินเฒ่าเป็นคนดื้อแพ่งไม่น้อย จึงได้ถอนหายใจ “เฮ่ย ย่าเพียงแต่เห็นว่าแต่ก่อนเจ้ากับเด็กหนุ่มตระกูลเซียวสนิทสนมกันดี แล้วต้องมาขาดกันเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายนัก”เฉียวเนี่ยนฉีกยิ้มเล็กน้อย พลางซบศีรษะลงบนไหล่ฮูหยินเฒ่า “ต่อไปข้าคิดแต่จะอยู่กับท่านย่า จริงนะเจ้าคะ”นางรู้ดีว่าตนกับเซียวเหิงรู้จักม

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 17

    พวกเขาต่างพูดมาถึงขั้นนี้แล้ว หากเป็นไปได้ เฉียวเนี่ยนก็แทบอยากหันหลังจากไปทันทีแต่ว่า นางไม่มีเงินติดตัว ข้างนอกก็ไม่มีสหายสักคน หากออกไปตอนนี้ นงก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ใดได้อีกที่สำคัญ ท่านย่ายังอยู่ในจวนนี้นางจะปล่อยให้คนแก่เป็นห่วงได้อย่างไร?เพราะฉะนั้น แม้ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์จะพูดจาไม่เข้าหูสักเพียงใด ยามนี้นางก็ได้แต่ฟังอย่างเดียวและอดทนไว้สายตาไปอยู่ที่ชามข้าวที่วางอยู่ตรงกลางโต๊ะ เฉียวเนี่ยนรู้แล้วว่าบทสรุปของละครฉากนี้อยู่ตรงที่ใดในดวงตาเริ่มมีหยาดน้ำเอ่อขึ้นมา แต่นางก็ฝืนเก็บกักมันเอาไว้จากนั้นจึงถือตะเกียบคีบเนื้อปลาในชามข้าวขึ้นมา และส่งเข้าปากข้างโสตแว่วเสียงหัวเราะเย้ยหยันของหลินเย่ว์ “ตอนนี้ยอมกินแล้วรึ? เห็นทีว่าฐานะคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวยังมีความน่าสนใจอยู่บ้าง”เฉียวเนี่ยนปรายตามองดูหลินเย่ว์เล็กน้อย ไม่สนใจคำพูดเย้ยหยันของเขา เพียงมองหน้าท่านโหวหลินแล้วย่อตัวคารวะเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปาก“ท่านโหวอย่าเพิ่งโกรธ ใช่ว่าข้าถือตัวไม่ยอมกินเนื้อปลาที่ท่านโหวน้อยคีบให้ หากแต่เพราะสองปีก่อนทำงานจนเสียสุขภาพ กินอาหารทะเลครั้งใด ร่างกายจะขึ้นผดผื่น ซ้ำยังมีอาการคัน

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 468

    แล้วจะให้เซียวเหอทําอย่างไร?หรือว่าจะทําให้พี่ใหญ่น้องของพวกเขาแตกหักกันเพื่อนางจริงๆ?ไม่สู้ถือโอกาสนี้จากไป หลุดพ้นทุกคนในเมืองหลวงให้หมดสิ้นนางตั้งตารอคอยมานานแล้ว ไปหาโลกใหม่นอกเมืองหลวง ไปหาตัวเองใหม่นางรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วแต่ในมุมมองของหนิงซวง อยู่ต่อก็ดีเหมือนกันคุณชายใหญ่เซียวเป็นคนดี จี้เยว่ก็เป็นคนดีเช่นกัน นางอยู่ที่นี่กับคุณหนูของนาง ไม่ได้รู้สึกน้อยใจแม้แต่น้อยเพียงแต่ ในเมื่อคุณหนูบอกว่าถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว นั่นย่อมมีเหตุผลแน่นอนหนิงซวงจึงพยักหน้าอย่างหนักแน่น "ข้าล้วนเชื่อฟังคุณหนู"ตกดึกเมื่อเซียวเหอกลับมา ท้องฟ้าก็มืดมากแล้วตัวเขาติดกลิ่นเหล้าอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ของเขา ส่วนใหญ่เป็นของพ่อเซียววันนี้พ่อเซียวมีความสุขจริงๆสั่งให้คนทําอาหารโต๊ะใหญ่ ดึงเขาไว้แล้วพูดไม่หยุด ระหว่างนั้นยิ่งดีใจจนร้องไห้หลายครั้งแน่นอนว่ายังพูดถึงหัวข้อเกี่ยวกับเซียวเหิงอยู่บ้างพ่อเซียวบอกว่า พวกเขาสองคนพี่ใหญ่น้องวางใจกันตั้งแต่เด็ก บอกว่าเซียวเหิงเคารพเขาที่เป็นพี่ใหญ่ตั้งแต่เด็กบอกว่านิสัยของเซียวเหิงดูเหมือนสุขุมเยือกเย็น แต่ความจริงแล้วกลับดื้อรั้นมากบอกว่าใน

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 467

    ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเฉียวเนี่ยนกับเซียวเหิงเป็นอย่างไร ย่อมเข้าใจดีว่าการจากไปของเซียวเหิงในครั้งนี้ จะต้องเป็นเพราะทนเห็นเฉียวเนี่ยนกับเซียวเหอรักกันเช่นนี้ไม่ได้แน่เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวสีหน้าของเซียวเหอก็มืดมนลงเช่นกันบรรยากาศในห้องโถงตกอยู่ในความอึดอัดใจแม่เซียวได้สติก่อน ผลักเซียวชิงหน่วนเบาๆ หนึ่งที บอกเป็นนัยว่าห้ามพูดถึงอีก จากนั้นก็พูดเสียงดังว่า "คาดว่าในกองทัพคงมีเรื่องต้องไป ไม่พูดถึงเขาแล้ว!"เซียวชิงหน่วนเพิ่งรู้ตัวว่า "ใช่ ใช่ ใช่ พี่รองเพราะงานทหารยุ่ง ไม่ใช่เพราะพี่..."พูดยังไม่ทันจบ เซียวชิงหน่วนก็ปิดปากตัวเองไว้ อยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาดสีหน้าของเฉียวเนี่ยนและเซียวเหอยิ่งเข้มขึ้นพ่อเซียวอดถลึงตาใส่เซียวชิงหน่วนไม่ได้ แล้วจึงค่อยมองไปทางราชครูชิว "วันนี้ที่จวนตระกูลเซียวมีเรื่องมงคล ราชครูชิวจะอยู่ดื่มกับข้าน้อยสักแก้วหรือไม่ขอรับ?"ราชครูชิวก็ทําเป็นไม่ได้ยินที่เซียวชิงหน่วนพูดเมื่อครู่ เขาปฏิเสธอย่างยิ้มแย้มว่า "ไม่ล่ะ คนชั่วชิวอวี่ยังไงก็เป็นหลานชายแท้ๆ ของข้า ข้าคงต้องกลับไปที่จวนก่อน!"พูดจบ ราชครูชิวก็ลุกขึ้นเซี

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 466

    ระหว่างที่พูดก็เลิกม่านรถเดินออกไปแต่ก่อนที่จะกระโดดลงจากรถม้า ก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "หากนางตาย ก็เป็นนางก่อกรรมทําเข็ญเอง แต่เนี่ยนเนี่ยนล่ะ นางทำอะไรผิด?"สิ้นเสียง หลินเย่ว์ก็ก้าวยาวๆ จากไปแล้วเขาไม่สามารถอยู่ในรถม้าคันนั้นได้แม้แต่วินาทีเดียวเป็นความจริงที่เขาไม่อยากเห็นหลินยวนตายถึงอย่างไรนั่นก็เป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขา!ตอนแรกนางอยากฆ่าตัวตายด้วยการชนเสา เขาไม่ได้ห้ามเพราะเขาคิดว่านางแกล้งทําแต่วันนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะตาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะรีบวิ่งเข้าไปน้องสาวของเขาเคยอ่อนโยนและใจดี แต่เพิ่งเข้ามาในจวนตระกูลเซียวได้ไม่นาน ก็กลายเป็นคนที่โหดร้ายเช่นนี้แล้ว?หลินเย่ว์คิดไม่ออกแต่สิ่งที่คิดไม่ออกยิ่งกว่าคือเนี่ยนเนี่ยนทําอะไรผิด?นางทําผิดอะไรถึงต้องถูกจับเป็นเชลยต่อหน้าชิวอวี่ไปให้ชิวอวี่ข่มเหง?นางทําอะไรผิด ต้องหลบเข้าไปในพุ่มไม้หนามโดยไม่คํานึงถึงอะไร ทําให้ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล?นางก็เป็นน้องสาวของเขาเหมือนกันนะ!น้องสาวที่เขาตามใจมาสิบห้าปี มีสิทธิ์อะไรมาได้รับความอัปยศเช่นนี้?มีสิทธิ์อะไร พวกเขาแค่พูดไม่กี่คํา วันหล

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 465

    รถม้าของจวนโหวรออยู่นอกจวนตระกูลเซียวตั้งนานแล้วหลินยวนถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มคนรับใช้และยกเข้าไปในรถม้า ดึงดูดความสนใจของคนเดินถนนให้หันมาดูท่านโหวหลินและฮูหยินหลินตามขึ้นรถม้า คิดแต่จะรีบกลับจวนโหว ให้หมอประจำจวนรีบรักษาหลินยวนแต่ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะไม่ออกมาเสียทีท่านโหวหลินร้อนใจจนอยากเข้าไปเรียกคน จากนั้นถึงได้เห็นหลินเย่ว์ออกจากจวนแล้วขึ้นรถม้าไป"เร็ว รีบกลับจวน!" ท่านโหวหลินร้องเรียกอย่างร้อนใจ รถม้าก็มุ่งหน้าไปทางจวนโหวอย่างรวดเร็วและหัวใจของท่านโหวหลินก็มีโอกาสหายใจได้บ้างในเวลานี้เมื่อเห็นหลินยวนที่เต็มไปด้วยเลือด สีหน้าของท่านโหวหลินก็มืดครึ้ม แต่จู่ๆ ก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขามองไปทางหลินเย่ว์ "เจ้าก็เหมือนกัน ทําไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่บอกล่วงหน้าล่ะ? วันนี้ข้ากับแม่เจ้ามาไม่ได้เตรียมใจไว้เลยสักนิด"แต่เห็นได้ชัดว่าหลินเย่ว์เพิ่งเริ่มค้นหานักลอบสังหารชุดดําเมื่อไม่กี่วันก่อน!หลินเย่ว์กําลังใช้ผ้าเช็ดหน้าพันแผลที่มือขวาของตัวเอง สีหน้าของเขาไม่ได้ดีไปกว่าท่านโหวหลินสักเท่าไร "แจ้งให้พวกท่านทราบล่วงหน้า เพื่อที่พวกเจ้าจะได้แอบส่งข่าวให้ยวนเอ๋อร์เหรอ?"ได้ยิ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 464

    พูดจบก็หันไปพูดกับพ่อเซียวว่า "ขอพี่เซียวยืมด้วยขอรับ"ตระกูลเซียวเป็นท่านแม่ทัพมาหลายชั่วอายุคน สิ่งที่ขาดไม่ได้ที่สุดในจวนก็คือแส้หนังพ่อเซียวพยักหน้าเล็กน้อยและคํารามเสียงต่ำ ไม่นานก็มีคนส่งแส้หนังมาท่านโหวหลินกํามือไว้ แล้วตะโกนว่า "หลินยวน คุกเข่าให้ดี"หลินยวนเองก็รู้ว่าวันนี้ตนคงหนีไม่พ้นการเฆี่ยนตี แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่ท่านโหวหลินและฮูหยินหลินหามาให้ตน อย่างไรก็ดีกว่าตาย!ตอนนี้จึงได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ปล่อยหลินเย่ว์แล้วค่อยๆ คุกเข่าตัวตรงหลินเย่ว์สูดหายใจเข้าลึกๆ ถอยไปด้านข้างและเอามือที่บาดเจ็บไว้ด้านหลังท่านโหวหลินก้าวไปข้างหน้า ยกแส้ม้าในมือขึ้น แล้วฟาดไปที่หลังของหลินยวนอย่างแรง"เพียะ!"แส้ที่ทําจากหนังวัวนั้นเหนียวเป็นพิเศษและเสียงดังมากเมื่อตีลงบนร่างกายเพียงครู่เดียว บนหลังของหลินยวนก็มีรอยเลือดสายหนึ่งตกลงมาแล้ว"เจ้าใจดําอํามหิต ทําร้ายคนอื่นทําร้ายตัวเอง วันนี้ข้าจะให้คําอธิบายแก่ทุกคน"ท่านโหวหลินดื่มเสร็จก็ฟาดแส้ใส่หลินยวนอีกครั้งท่านโหวหลินก็เป็นนายทหารเช่นกัน แรงเฆี่ยนตีไม่เบาแน่นอน เสียงเฆี่ยนตีดังก้องไปทั่วคฤหาสน์ตระกูลเซียว แผ่นหลังของหล

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 463

    เมื่อคําพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดใจแม้แต่ท่านโหวหลินกับฮูหยินหลินก็คิดไม่ถึงว่าเฉียวเนี่ยนจะตอบตกลงอย่างง่ายดายเช่นนี้เซียวเหอรู้สึกปวดใจ อดไม่ได้ที่จะหันไปมองนาง น้ำเสียงเย็นชาแฝงไปด้วยความอ่อนโยน กระซิบว่า "เจ้าไม่จําเป็นต้องประนีประนอม"แน่นอนว่าเขาสามารถออกหน้าแทนนางได้ ทําให้หลินยวนและจวนโหวต้องก้มหัวให้นางเฉียวเนี่ยนเนี่ยนรู้ว่าเซียวเหอทําเพื่อตัวเองคําว่า 'ไม่จําเป็นต้องประนีประนอม' นั้นเข้าสู่หัวใจของเฉียวเนี่ยนเนี่ยนอย่างแท้จริงแต่นางไม่อยากข้องเกี่ยวกับคนของจวนโหวอีกแล้วจริงๆไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ไม่อยากแล้วทั้งนั้นนางแค่อยากอยู่ให้ห่างจากพวกเขาให้ไกลที่สุด ชาตินี้ไม่ได้พบกันอีกจะดีที่สุดดังนั้นนางจึงส่ายหัวเล็กน้อยและหันไปมองเซียวเหอเล็กน้อยพลางกระซิบว่า "แบบนี้ก็ดีแล้ว"เสียงกระซิบของทั้งสองคนดังเข้าหูเซียวเหิง รู้สึกแสบแก้วหูเหลือเกินพวกเขาเอียงตัวเข้าหากัน หัวเหมือนจะชนกัน สนิทสนมกันเป็นพิเศษข้อมือของเฉียวเนี่ยนยังคงถูกเซียวเหอกุมไว้ในฝ่ามือเช่นเดิม แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงข้อนี้เหมือนว่าการสัมผัสผิวกายของทั้งสองคนเป็นเรื่องป

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 462

    ท่านโหวหลินก็ปาดน้ำตาเช่นกัน "พ่อรู้ เจ้าเองก็ไม่อยากเห็นหน้าพวกเรา ขอเพียงเจ้ายอมไว้ชีวิตยวนเอ๋อร์ ครอบครัวของพวกเราจะไม่มีวันปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าอีก!""เนี่ยนเนี่ยน ยวนเอ๋อร์เพิ่งอยู่กับแม่ได้เพียงสามปีเท่านั้น เดิมทีนางควรจะอยู่เคียงข้างแม่เสมอและได้รับการปกป้องจากแม่ ตอนนี้ เจ้า เจ้าคิดเสียว่าช่วยแม่ชําระหนี้ก้อนนี้ได้หรือไม่? เจ้าไว้ชีวิตนางได้ไหม? แม่โขกหัวให้เจ้าแล้ว"พูดจบ ฮูหยินหลินก็โขกหัวต่อหน้าทุกคนจริงๆแม่เซียวตกใจ รีบปรี่เข้าไปประคองฮูหยินหลินทันที "นี่ท่าน ท่านทําอะไรอยู่เนี่ย""นางจะบังคับให้เนี่ยนเนี่ยนตาย" น้ำเสียงเย็นชาของเซียวเหอดังขึ้น ดวงตาเรียวยาวเต็มไปด้วยความเย็นชา "ท่านทั้งสองยังไงก็เลี้ยงดูเนี่ยนเนี่ยนมาสิบห้าปีแล้ว แม้ว่าจะตัดสายสัมพันธ์กัน แม้ว่าเนี่ยนจะทนทุกข์ทรมานมาสามปี แต่ในสายตาของคนนอก พวกท่านก็ยังคงเลี้ยงดูเนี่ยนเนี่ยนมาสิบห้าปี ตอนนี้พวกท่านใช้บุญคุณมาบังคับตอบแทน แม้กระทั่งคุกเข่าโขกหัวก็ยอม ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการยัดข้อหาเนรคุณใส่เนี่ยนเนี่ยน บังคับให้นางพูดคําว่าให้อภัยออกมา แต่ทั้งสองท่านอย่าลืมว่าคนที่เกือบถูกข่มเหงคือนาง คนที่เกือบตายก็คือ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 461

    หลินเย่ว์ไม่ขยับ มือทั้งสองของเขาห้อยลง ปล่อยให้หลินยวนกอดอยู่แบบนี้ที่ด้านข้าง ท่านโหวหลินและฮูหยินหลินเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะปาดน้ำตาเฉียวเนี่ยนยืนอยู่ข้างหลังเซียวเหอ มองฉากที่พี่ใหญ่น้องกอดกันด้วยสายตาเย็นชา ถ้าบอกว่าในใจไม่รู้สึกอะไรเลย นั่นต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ๆนางรู้ว่าหลินยวนเป็นตัวปลอมก็รู้ว่านั่นควรจะเป็นพี่ใหญ่ของนางยิ่งรู้ว่าความรักและความโปรดปรานของคนในตระกูลหลินที่มีต่อหลินยวนนั้น เดิมทีควรเป็นของนางดังนั้นในตอนนี้ เมื่อเห็นหลินยวนแย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นของนางก่อนหน้านี้อย่างโจ่งแจ้ง หัวใจของนางก็จมดิ่งลงไปในเหวลึกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คิ้วและดวงตาคู่นั้นยิ่งเย็นจนน่ากลัวโชคดีที่นางไม่สนใจแล้วตอนนี้สิ่งเหล่านั้นที่สามารถถูกแย่งไปได้ง่ายๆ นั้นถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะไม่ใช่ของล้ำค่าอะไร นางย่อมไม่เสียดายอยู่แล้วแต่ในขณะนั้นเอง ฮูหยินหลินก็หันมองทุกคนและคุกเข่าลงอย่างช้าๆเมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนต่างก็ตกใจแม่เซียวรีบเข้าไปประคอง แต่กลับถูกเซียวชิงหน่วนดึงกลับมาได้ยินเพียงฮูหยินหลินพูดว่า "ยวนเอ๋อร์ทําผิดพลาดครั้งใหญ่ในวันนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 460

    กําปั้นคู่หนึ่งถูกกําแน่นจนเกิดเสียงกรอบแกร้บโดยไม่รู้ตัวแต่ในขณะนี้ไม่มีใครสนใจเขาเลยราชครูชิวก็น้ำตาไหลพรากตามไปด้วย "คิดไม่ถึงว่าวันนี้ข้าจะได้เห็นเรื่องมงคลเช่นนี้ ดี ดีมาก! เยี่ยมไปเลย!"เซียวเหอมีบุญคุณต่อเขา ในใจเขารู้สึกซาบซึ้งใจ ย่อมคาดหวังให้เซียวเหอดีขึ้นมาตอนนี้เห็นเซียวเหอลุกขึ้นยืนด้วยตาตัวเอง จะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?แม้แต่ท่านโหวหลินและฮูหยินหลิน ในขณะนี้ต่างก็ตกตะลึงไปด้วย?พวกเขาไม่สามารถคิดได้เลยว่าคนที่ถูกตัดสิน‘โทษตาย’โดยทั้งโรงหมอหลวงจะยืนขึ้นได้อย่างไรกัน!และในตอนนั้นเอง เสียงหัวเราะเบาๆ ก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน"ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ..."คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหลินยวนนางเพิ่งโดนฝ่ามือไป ตอนนี้ยังลุกไม่ขึ้นเลยเมื่อเห็นเซียวเหอลุกขึ้นยืน นางก็ตระหนักว่านางแพ้แล้วเฉียวเนี่ยน รักษาเซียวเหอให้หายได้จริงๆ ด้วยและนาง ก็ถูกทุกคนรังเกียจแล้วจริงๆน่าขำไหม?นางพยายามมาตั้งนาน แต่สุดท้ายก็ยังสู้เฉียวเนี่ยนไม่ได้มีดสั้นที่หล่นอยู่ข้างๆหลินยวนเอื้อมมือไปหยิบมาเมื่อเห็นเช่นนี้ แม้แต่ท่านโหวหลินและฮูหยินหลินก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว และตะโกนด้วยเสียงต่ำว่า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status