แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: โม่เสียวชี่
อีกด้านหนึ่ง เฉียวเนี่ยนประคองฮูหยินชราเพิ่งกลับห้อง ฮูหยินชราก็ป่วยแล้ว

ก็เหมือนกับที่ฮูหยินหลินกล่าวไว้ สุขภาพของฮูหยินชราไม่ดีเท่าเมื่อก่อนแล้วจริงๆ

แม้ว่าวันนี้จะตั้งใจควบคุมอารมณ์ของตัวเองแล้ว แต่ก็ยังตื่นเต้นเกินไป หลังจากนอนลงก็หอบหายใจอย่างหนัก

ดีที่ซูมามาที่ปรนนิบัติฮูหยินชราคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว จึงเรียกหมอมาเฝ้าอยู่นอกห้องของฮูหยินชรา รอจนฮูหยินชราล้มตัวลงนอนจึงฝังเข็มและนวดให้ ผ่านไปหนึ่งก้านธูป ฮูหยินชราถึงค่อยรู้สึกดีขึ้น

กระบวนการนี้ไม่ถือว่าน่าหวาดเสียวมากนัก แต่เฉียวเนี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยังตกใจจนทําอะไรไม่ถูกอยู่ดี

เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเฉียวเนี่ยน ฮูหยินชรานั่งพิงหัวเตียงและกวักมือเรียกนาง

จมูกของเฉียวเนี่ยนแดงเล็กน้อย แต่ก็กลัวว่าหากตัวเองมีอารมณ์รุนแรงจะทําให้ฮูหยินชราล้มป่วยอีก จึงฝืนกลั้นน้ำตาแล้วเดินไปที่ข้างเตียงของฮูหยินชรา

“ตกใจหมดเลย?” ฮูหยินชรายิ้มอย่างอบอุ่น

เฉียวเนี่ยนสูดจมูกฟุดฟิด จับมือของฮูหยินชราไว้แน่น “ท่านย่ารับปากว่าเนี่ยนเนี่ยนจะมีอายุยืนยาวเป็นร้อยปี”

นางเหลือแต่ท่านย่าแล้ว

ฮูหยินชรามองเฉียวเนี่ยนอย่างอ่อนโยน “ท่านย่าก็อยากมีชีวิตยืนยาว ปกป้องเนี่ยนเนี่ยนตลอดไป...”

แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่สามารถปกป้องได้นานนัก

คิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นฮูหยินชราก็ถามขึ้นว่า “เนี่ยนเนี่ยน ย่าช่วยหาคู่แต่งงานให้เจ้าดีหรือไม่?”

ในขณะที่ร่างกายของนางยังนับว่าแข็งแรงดี สามารถหาคู่แต่งงานที่ดีให้กับจวนโหวได้ในขณะที่ยังพูดคุยได้ไม่กี่คํา เช่นนี้จึงจะถือว่าปกป้องนางไปทั้งชีวิต

เฉียวเนี่ยนเข้าใจความหมายของท่านย่า แต่ยังคงส่ายหน้า หลุบตาลง “เนี่ยนเนี่ยนแค่อยากเฝ้าท่านย่าเท่านั้น”

สามปีที่ผ่านมาทําให้นางมองเห็นสิ่งต่างๆ มากเกินไป

แม้แต่ญาติสนิทที่อยู่กับตนมาสิบห้าปียังสามารถทอดทิ้งนางได้ในชั่วข้ามคืน นางจะฝากชีวิตทั้งชีวิตให้กับคนที่ไม่รู้จัก ที่เรียกว่าสามีได้อย่างไร?

นางคิดว่าชีวิตนี้จะอยู่กับท่านย่าเท่านั้น หลังจากท่านย่าถึงแก่กรรมแล้วนางก็จะย้ายออกจากจวนโหว ต่อไปไปออกบวชก็ยังดีกว่าไปพัวพันกับคนอื่นๆ ในจวนโหว

ฮูหยินรู้ว่าเฉียวเนี่ยนเป็นคนหัวแข็งตั้งแต่เด็ก เรื่องที่นางไม่เต็มใจก็ไม่มีใครสามารถโน้มน้าวใจนางได้ จึงทําได้เพียงถอนหายใจเล็กน้อยและไม่พูดอะไรอีก

เฉียวเนี่ยนอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินเฒ่าอีกครู่หนึ่ง รอจนฮูหยินเฒ่าหลับไปแล้วถึงจากไป

ใครจะรู้ว่านางเพิ่งกลับมาถึงเรือนฟางเหอได้ไม่นาน ก็ได้ยินหนิงซวงมารายงานว่า “คุณหนู คุณหนูรองมาเยี่ยมท่านแล้ว”

หลินยวน?

เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รอเอ่ยปากก็ได้ยินหนิงซวงพูดอีกว่า “คุณหนูรองมาคนเดียว”

ได้ยินคําพูดนี้ เฉียวเนี่ยนกลับหัวเราะอีก “นางให้เจ้าพูดแบบนี้หรือ?”

หนิงซวงกะพริบตาที่ไร้เดียงสาคู่นั้น แล้วพยักหน้า จากนั้นพูดว่า “หากคุณหนูไม่อยากพบ บ่าวจะไปปฏิเสธนางเดี๋ยวนี้”

ดูสิ แม้แต่สาวใช้คนหนึ่งก็รู้ว่านางไม่อยากพบหลินยวน

แต่นางหลินยวนกลับไม่รู้

ยังจงใจให้หนิงซวงบอกนางว่า หญิงรับใช้ที่ใส่ร้ายนางว่าทําถ้วยแตกไม่ได้ตามมาด้วย

ทําให้คนหัวเราะจริงๆ

ตอนนั้นคนที่ใส่ร้ายนางคือสาวใช้ของหลินยวนไม่ผิด แต่ทําถ้วยแตกกลับไม่กล้ายอมรับ ได้แต่มองสาวใช้ของตัวเองใส่ร้ายนางแต่กลับขดตัวอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรสักคํา ยอมรับโดยปริยายว่าคนที่ทําให้นางต้องรับผิดคือหลินยวน!

ดังนั้นเฉียวเนี่ยนจึงไม่เข้าใจว่าทําไมหลินยวนถึงคิดว่านางจะได้พบกับนาง

จากนั้นนางก็พูดอย่างเย็นชาว่า "แค่บอกว่าข้าหลับไปแล้วก็พอ"

“เจ้าค่ะ!” หนิงซวงรับคําแล้วออกไป ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงกลับมา

สีหน้าดูอ่อนเพลีย เหมือนไม่ค่อยกล้าเอ่ยปาก “คุณหนู คุณหนูรองบอกว่าวันนี้นางตั้งใจมาขอโทษท่าน หากท่านไม่พบนาง นางก็จะยืนอยู่ข้างนอกไม่ไปไหนตลอด บ่าวเห็นว่าวันนี้ หิมะใกล้จะตกแล้ว”

จริงๆ แล้วหนิงซวงก็ไม่รู้ว่าคุณหนูรองคนนี้ต้องการพบคุณหนูของนางเพราะเรื่องอะไร

แต่ถึงอย่างไรคุณหนูรองก็เป็นแก้วตาดวงใจของจวนโหว หากตากหิมะอยู่ข้างนอกจริง ก็ไม่รู้ว่าคนในจวนจะซุบซิบอะไรกัน

มันไม่ดีต่อคุณหนูของนาง

เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย แอบถอนหายใจ ในที่สุดก็เอ่ยปากอย่างเหนื่อยใจ “งั้นเจ้าให้นางเข้ามาเถอะ”

“เจ้าค่ะ” หนิงซวงรับคําแล้วเดินจากไป ไม่นานหลินยวนก็เดินเข้ามา

ในเวลานี้เฉียวเนี่ยนกําลังนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชาด้านนอกและทายารักษาอาการบวมเป็นน้ำเหลืองที่หลังมือ

หลินยวนเห็นนิ้วมือทั้งห้าของเฉียวเนี่ยนที่ช้ำช้ำทันที หัวใจก็เต้นตึกตักอย่างอดไม่ได้

จากนั้นนางก็ก้าวไปข้างหน้าและโค้งคํานับ "ยวนเอ๋อร์คารวะพี่หญิง"

เฉียวเนี่ยนไม่แม้แต่จะยกเปลือกตาขึ้น เพียงพูดว่า “นั่งลง”

น้ำเสียงนุ่มนวล แต่แฝงไปด้วยความเย็นชา

หลินยวนไม่ได้นั่ง แต่กลับเดินเข้ามา “ยวนเอ๋อร์ทายาให้พี่หญิงนะเจ้าคะ”

ระหว่างที่พูด นางก็หยิบยาขี้ผึ้งบนโต๊ะน้ำชาขึ้นมา ทําท่าจะเช็ดไปที่หลังมือของเฉียวเนี่ยน

แต่เฉียวเนี่ยนกลับซ่อนมือไว้ในแขนเสื้อ

ในที่สุดนางก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลินยวน มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ย “อากาศหนาวมาก คุณหนูหลินไม่อยู่ในห้องของตัวเอง มาหาข้าทําไมเจ้าคะ?”

อาจเป็นเพราะท่าทีที่เย็นชาของเฉียวเนี่ยนทําให้หลินยวนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ดวงตาของนางแดงก่ำเล็กน้อย ยืนอยู่ที่เดิม น้ำเสียงอ่อนโยน “ยวนเอ๋อร์มาขอโทษพี่หญิง เรื่องในตอนนั้นเป็นความผิดของยวนเอ๋อร์ ถ้าไม่ใช่เพราะยวนเอ๋อร์ทําถ้วยแตก พี่หญิงก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดนี้หรอก” พี่หญิงจะตีหรือด่ายวนเอ๋อร์ก็ไม่มีคําบ่น ขอแค่พี่หญิงหายโกรธก็พอ”

ท่าทางของหลินยวนเหมือนอยากจะคุกเข่าลงตรงหน้านาง

พูดจากใจจริงจริงๆ

แต่เฉียวเนี่ยนกลับทําเพียงมองด้วยสายตาเย็นชา รอให้นางพูดจบจึงถามออกไปประโยคหนึ่ง “เจ้าคิดว่า ตอนนั้นเจ้าแค่ทําถ้วยแตกหรือ?”

ประโยคเดียวทําให้หลินยวนสําลัก

เฉียวเนี่ยนค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปที่ข้างประตู มองดูกิ่งไม้ที่โดดเดี่ยวหลายกิ่งยืนตระหง่านอยู่บนสระบัวที่ถูกแช่แข็งมานานแล้วก็อดสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้

อากาศที่หนาวเย็นได้แทรกซึมเข้าไปในปอดของนางทันที ทําให้ออร่าของนางเย็นลงเล็กน้อย

“เจ้าต่างหากที่เป็นบุตรสาวของภรรยาเอกของจวนโหว สิบห้าปีข้างหน้า เป็นข้าที่แย่งชิงความมั่งคั่งและเกียรติยศของเจ้า ดังนั้นข้ารู้ว่าท่านโหวและฮูหยินควรดูแลเจ้า ท่านโหวน้อยควรปกป้องเจ้า แม้แต่เรือนลั่วเหมยที่ข้าชอบที่สุดก็ควรเป็นของเจ้า “หลินยวน ตอนนั้นหลังจากที่เจ้ากลับมา ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้านะ”

“ข้าเคยคิดอยากกลับไปหาพ่อแม่ผู้ให้กําเนิดของข้า ท่านโหวบอกว่าพ่อแม่ผู้ให้กําเนิดของข้าล้วนถึงแก่กรรมแล้ว ให้ข้าอยู่ในจวนอย่างสบายใจ สําหรับเรื่องนี้ ข้าซาบซึ้งใจมาก และแอบสาบานกับตัวเองว่าวันหลังจะคบค้าสมาคมกับเจ้าให้ดี แม้ว่าในใจจะมีความแตกต่าง แต่...”

พูดถึงตรงนี้ เฉียวเนี่ยนก็หันมามองหลินยวน “เจ้าลองถามใจตัวเองดู ข้าเคยทําร้ายเจ้าหรือไม่?”

ดวงตาของหลินยวนแดงก่ำ ราวกับจะหลั่งน้ำตาออกมาได้ทุกเวลา

ชั่วขณะหนึ่ง เฉียวเนี่ยนรู้สึกหมดแรงเล็กน้อย

หากถูกคนอื่นของจวนโหวเห็นเข้า เกรงว่าคงจะใส่ร้ายว่าเป็นนางรังแกนางอีก

ตอนนั้น หลินเย่ว์ไม่ได้เตะนางตกตึกเพราะท่าทางของหลินยวนหรอกหรือ?

แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่เคยทําอะไรเลย

เฉียวเนี่ยนใจหายวาบ มองดอกไม้สีขาวที่กําลังจะร้องไห้ดอกนั้นด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงยิ่งแข็งกระด้าง “แต่ทําไมเจ้าถึงทําร้ายข้า?”

ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Sita
ขอติดตามตอนต่อไปค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 9

    เมื่อได้ยินคําถามนี้ น้ำตาในดวงตาของหลินยวนก็ไหลออกมาในที่สุด นางส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า"ไม่ใช่ ข้าไม่เคยทําร้ายพี่หญิงเลย ตอนนั้นเป็นข้าที่ทําถ้วยแตก เป็นความผิดของข้าเอง แต่คนที่ใส่ร้ายพี่หญิงคือเสี่ยวชุ่ย...”นางพยายามอย่างยิ่งที่จะบอกเฉียวเนี่ยนว่าตัวเองไม่เคยทําร้ายนางแต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะพิงอยู่ข้างประตู ถามนางอย่างอ่อนโยนว่า “แล้วทําไมเจ้าไม่บอกเมื่อสามปีก่อนล่ะ?”หลินยวนอึ้งไปชั่วขณะ ไม่ทันได้เข้าใจว่าคําพูดของเฉียวเนี่ยนหมายความว่าอย่างไร?มุมปากของเฉียวเนี่ยนโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันอย่างรุนแรง “เจ้าเป็นคนทําถ้วยแตกเอง แปดคํานี้ เมื่อสามปีก่อนต่อหน้าฮองเฮากับองค์หญิง ทําไมเจ้าถึงไม่พูด?”หลินยวนถอยหลังไปก้าวหนึ่งราวกับยืนไม่มั่น “ข้า ข้าไม่กล้า... นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าเข้าวัง เป็นครั้งแรกที่เจอคนสูงศักดิ์มากมายขนาดนี้ ข้า ตอนนั้นข้ากลัวมาก ข้า...”“แล้วตอนนี้เจ้าจะมาพูดอะไรกับข้าอีกล่ะ?” เฉียวเนี่ยนขัดจังหวะคําพูดของหลินยวนอีกครั้งต้องพูดอะไรกันแน่ถึงจะให้นางทําเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นตลอดสามปีที่ผ่านมาหลินยวนร้องไห้สะอึกสะอื้น ก้มหน้าลง ไม่กล้ามองเฉียวเนี่

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 10

    เฉียวเนี่ยนไม่ทันแม้แต่จะคลุมเสื้อนอกที่เพิ่งถอดออกแล้วก็วิ่งออกไป"เกิดอะไรขึ้น? ใครตะโกนอยู่?”หนิงซวงเองก็เดินตามหลังเฉียวเนี่ยนอย่างร้อนใจพลางส่ายหน้า “บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ เพิ่งได้ยินเสียงเรียก คุณหนูสวมเสื้อผ้าสักชุด ข้างนอกหนาวมาก”แต่เฉียวเนี่ยนไหนเลยจะมีกะจิตกะใจใส่เสื้อผ้าหลินยวนตกน้ำ จะตกที่ไหนได้อีกก็คือสระบัวของเรือนฟางเหอไม่ใช่หรือ?ตอนนั้นหลินยวนทําถ้วยแตกใบเดียวนางก็ถูกทรมานอยู่ถึงสามปี ถ้าหลินยวนเกิดเรื่องขึ้นกับนาง ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่หลินเย่ว์คนเดียวคงตีนางจนตายแน่เมื่อเฉียวเนี่ยนมาถึง หลินยวนยังคงกระโผลกกระเผลกอยู่ในน้ำผิวน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งได้แตกเป็นรูใหญ่รูหนึ่งแล้วบนสะพานหินมีสาวใช้และเด็กรับใช้จํานวนไม่น้อยกําลังเฝ้าดูอยู่เฉียวเนี่ยนก้าวเท้ายาวๆ วิ่งเข้าไป"พวกเจ้าทุกคนว่ายน้ำไม่เป็นหรือ? ทําไมไม่ช่วยคน?!”กลับเห็นเด็กรับใช้หลายคนทําหน้าลําบากใจ “พวกบ่าวช่วยได้ก็จริง แต่ถ้าทําลายความบริสุทธิ์ของคุณหนูรองจะทําอย่างไรขอรับ?”“ความบริสุทธิ์ยังสําคัญกว่าชีวิตอีกหรือ?” เฉียวเนี่ยนถลึงตาใส่เด็กรับใช้ที่กําลังพูดอยู่อย่างดุร้าย แล้วกระโดดลงไปในน้ำโ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 11

    คำพูดของเฉียวเนี่ยน เหมือนดั่งฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ จนทำให้หลินเย่ว์เกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะในมโนภาพเห็นแต่เฉียวเนี่ยนดิ้นรนอยู่ในน้ำ ส่วนนางกำนัลอื่นก็อยู่ข้างบ่อซักล้าง ต่างพากันหัวเราะเป็นการใหญ่พลันรู้สึกเจ็บในหัวอกมากขึ้น เขาคิดจะพูดอะไรต่ออีก แต่คล้ายมีบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ จวบจนแผ่นหลังของเฉียวเนี่ยนถูกบานประตูขวางกั้นจนมองไม่เห็นอีก จึงค่อยมีสติกลับคืนมาบ้าง“คุณหนู ฮือๆๆ...” เสียงร่ำไห้ของเสี่ยวชุ่ยดังขึ้นที่ข้างหู ทำให้รู้สึกรำคาญยิ่งหลินยวนถลึงตาใส่เสี่ยวชุ่ย “เอาแต่ร้องไห้อยู่ได้ ไม่รีบไปตามหมอมาอีก?”เสี่ยวชุ่ยเพิ่งจะนึกได้ จึงรีบออกไปทันทีหลินเย่ว์ส่งหลินยวนกลับไปยังเรือนลั่วเหมย ส่วนหมอประจำจวนก็มาพร้อมกับฮูหยินหลินขณะที่หมอกำลังตรวจชีพจรดูอาการให้หลินยวนอยู่นั้น ฮูหยินหลินก็พาหลินเย่ว์ออกไปข้างนอก “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? น้องเจ้าอยู่ดีๆ ตกน้ำได้อย่างไร หรือเป็นเพราะว่าเนี่ยนเนี่ยน...”“ท่านแม่” หลินเย่ว์ขมวดคิ้ว ขัดจังหวะการพูดของฮูหยินหลินทันที “เพราะเนี่ยนเนี่ยนช่วยยวนเอ๋อร์ไว้ต่างหาก”กล่าวพลาง เขาคล้ายกับนึกอะไรได้ จึงหันไปมองเสี่ยวชุ่ย “เจ้ามานี่”ใบหน้าซีก

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 12

    ผู้มาใหม่คือเพื่อนสนิทของฮูหยินหลิน พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยนั่นเองเมื่อเห็นว่าในที่สุดก็มีคนมาห้ามปรามหลินเย่ว์ เหล่านางกำนัลที่อยู่ในบ่อจึงต่างพากันร่ำไห้ระงมอออกมา “พระสนม...”“ฮือๆๆ พระสนมโปรดช่วยพวกเราด้วยเพคะ”นางกำนัลสิบกว่าคนร้องไห้ขึ้นมาพร้อมกัน ฟังแล้วเป็นที่หนวกหูยิ่งพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ปรายตามองดูนางกำนัลใหญ่ที่อยู่ด้านข้างนางกำนัลใหญ่เข้าใจดี จึงกล่าวเสียงตวาด “ยังไม่รีบไปเปลี่ยนชุดอีก หากล้มป่วยขึ้นมา ทำให้เหล่าพระสนมเสียงานเสียการ พวกเจ้าจะมีกี่หัวพอให้ตัด?”เมื่อได้ยินดังนี้ เหล่านางกำนัลจึงหยุดร้องไห้ พร้อมคลานขึ้นจากบ่อน้ำแล้วแยกย้ายไปยังเรือนของตนทันทีรอจนทุกคนไปหมดแล้ว พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยค่อยหันมามองราวตากผ้าในมือหลินเย่ว์ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวเสียงดุ “อะไรกัน ท่านโหวน้อยจะตีข้าด้วยหรืออย่างไร?”หลินเย่ว์ตกใจจนทิ้งราวตากผ้าลงจากมือ พร้อมประสานมือกล่าวตอบ “กระหม่อมมิบังอาจ”“ขนาดบุกเข้าวังมาเช่นนี้ ยังมีสิ่งใดไม่กล้าทำอีก?” เห็นชัดว่าพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเริ่มกริ้วบ้างแล้วนางมองว่าหลินเย่ว์ทำการวู่วามเกินไปในกรมซักล้างแห่งนี้ แม้เป็นที่ๆ นับว

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 13

    แม้แต่ท่านโหวหลินก็อดมองหน้าเฉียวเนี่ยนไม่ได้ แต่ยังคงพูดคุยกับหลินเย่ว์ต่อ “เคราะห์ดีที่วันนี้มีพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยมาออกหน้าให้ มิฉะนั้นอย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่ข้าเองก็อาจไม่ได้ออกจากวังมาอีก!”เฉียวเนี่ยนมองดูพื้นที่อยู่เบื้องหน้าตน ในใจแอบรู้สึกถึงความเย้ยหยันคำพูดนี้ น่าจะพูดให้นางฟังมากกว่าขณะกำลังคิดอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงหลินยวนแว่วมา “ท่านพ่อ...”น้ำเสียงอ่อนหวานนั้น แฝงด้วยความอ่อนแรง ระคนความร้อนใจ คล้ายพร้อมจะขาดใจได้ทุกเมื่อกระนั้นเฉียวเนี่ยนคิ้วขมวดเล็กน้อย พลันเห็นหลินยวนเดินอย่างอ่อนระโหยเข้ามาโดยมีสาวใช้เสี่ยวชุ่ยคอยประคอง ทันทีที่เห็นใบหน้าหลินเย่ว์มีเลือดไหลซึม น้ำตานางก็ร่วงหล่นลงพลัน พร้อมคุกเข่าลงข้างกายหลินเย่ว์ “ท่านพ่อ ขอท่านอย่าได้โกรธมาก แค่กๆๆ แค่กๆๆ...”กล่าวยังไม่ทันจบประโยค หลินหยวนก็เกิดอาการไอรุนแรงขึ้นมาท่านโหวหลินเป็นห่วงเสียจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ พลางตวาดไปทางเสี่ยวชุ่ย “ยังไม่รีบพยุงคุณหนูขึ้นมาอีก!”จนแม้แต่ฮูหยินหลินซึ่งแต่เดิมปกป้องหลินเย่ว์อยู่ ยังรีบไปพยุงให้นางยืนขึ้น “เจ้ายังป่วยอยู่ ออกมาทำไมกัน”“ข้า...ได้ยินว่าท่านพ่อจะลงโทษพี่ชาย” น้

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 14

    เฉียวเนี่ยนรู้สึกหวาดหวั่นในใจ ขณะยืนอยู่กลางลานในตำหนักของพระสนมเต๋อกุ้ยเฟย จิตใจยังคงหวั่นวิตกไม่หายนับแต่ทำงานในกรมซักล้างมาสามปี นางยังไม่เคยมาตำหนักนี้ แต่พอรู้สึกได้ว่าบรรยากาศที่นี่แตกต่างจากกรมซักล้างโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดความอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกนางกลัวว่าตนจะเหมือนเมื่อสามปีที่แล้ว เข้ามาแล้วไม่ได้กลับออกไปอีกไม่รู้ว่ายืนอยู่นานเพียงไหน รู้เพียงนิ้วเท้าหนาวเย็นจนเกือบไร้ความรู้สึก กว่าจะมีคนมาเรียกนางเข้าไปพบพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยทันทีที่ผลักประตูเข้าไป ก็มีไออุ่นมาปะทะใบหน้า จนเฉียวเนี่ยนรู้สึกแสบถึงปลายจมูกนางสูดจมูกเล็กน้อย ไม่ทันเดินเข้าด้านในก็ได้ยินเสียงพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยดังลอดออกมา “ข้าเห็นชุดที่ส่งซักแล้ว ซักได้ดีมากจริงๆ”เฉียวเนี่ยนเพิ่งจะเห็นหน้านาง พลางรีบคุกเข่าลง “บ่าวถวายบังคมพระสนมกุ้ยเฟยเพคะ”เพราะนางทำงานเป็นบ่าวไพร่ในกรมซักล้างจนเคยชิน แม้ตอนนี้จะกลับไปอยู่จวนโหวตามเดิม แต่เวลาพบผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ยังมักจะกล่าวแทนตัวเองว่า ‘บ่าว’ อยู่เสมอพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยชะงักเล็กน้อย คล้ายกับนึกสิ่งใดขึ้นมาได้ จึงส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเบาๆ “เจ้าช่างเหมือนกับที่แม่เจ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 15

    เฉียวเนี่ยนแอบรู้สึกตกใจ จนแม้แต่นางกำนัลผู้นั้นก็กวาดสายตามองดูเฉียวเนี่ยนและเซียวเหิงด้วยความฉงน ก่อนตอบรับสั้นๆ ว่า “เจ้าค่ะ”หลังจากนั้น นางกำนัลก็จากไปทันทีเซียวเหิงกลับเดินมาผายมือต่อเฉียวเนี่ยนอย่างเปิดเผย “แม่นางเฉียว เชิญ”เมื่อหมดหนทาง เฉียวเนี่ยนจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามเซียวเหิงออกจากวังไปเพียงแต่วันนี้รู้สึกทางเดินออกจากวังยาวไกลกว่าปกติ เฉียวเนี่ยนพยายามมองไปข้างหน้าเป็นระยะ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นประตูบานใหญ่ของวังหลวงเสียทีทั้งคู่ต่างไม่พูดไม่จาเงียบงันเสียจนได้ยินเสียงพื้นรองเท้าเสียดสีกับพื้นทรายด้านล่างซึ่งสภาพการณ์เช่นนี้ หากเป็นแต่ก่อนจะไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักเพราะเท่าที่เซียวเหิงจำได้ นางเป็นหญิงที่ช่างพูดช่างจา วันๆ มักจะบ่นโน่นบ่นนี่ไม่หยุดหย่อนและความเงียบในเวลานี้ ทำให้เขาไม่คุ้นชินในที่สุดจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน “เรื่องพี่ชายเจ้า ข้าได้ยินมาแล้ว ฝ่าบาทอาจจะทรงกริ้วบ้าง แต่มิใช่เรื่องใหญ่อันใด เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล”เฉียวเนี่ยนไม่เคยคิดว่าเซียวเหิงจะพูดกับนางเช่นนี้ นี่หมายความว่ากระไร?ปลอบใจกระนั้นรึ?แต่ว่า นางมิได้กังวลอะไรเลยนางยังคง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 16

    เฉียวเนี่ยนไม่นึกว่าฮูหยินเฒ่าจู่ๆ จะถามเช่นนี้ เมื่อดูความคาดหวังจากสายตาของนาง ทำให้เฉียวเนี่ยนเข้าใจโดยพลัน ว่าฮูหยินเฒ่าต้องการเป็นแม่สื่อให้นางกับเซียวเหิงนั่นเองแม้เมื่อวานนางจะพูดชัดเจนแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับเซียวเหิงอีก แต่ในสายตาของฮูหยินเฒ่า ทั้งคู่โตมาด้วยกัน อีกทั้งเซียวเหิงก็เป็นคนโปรดของฮ่องเต้ เหมาะที่เฉียวเนี่ยนจะฝากชีวิตไว้ในภายภาคหน้าแต่ว่า เมื่อก่อนความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวเหิงมักจะเข้าทำนองดอกไม้มีใจแต่สายน้ำไหลผ่าน มาวันนี้เขากับหลินยวนได้รักใคร่ชอบพอ นางจึงไม่มีเหตุผล อีกทั้งไม่มีแก่ใจจะไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีกจึงรีบส่ายหน้าเร็วพลัน “ท่านย่า วันนี้แม่ทัพเซียวยังได้ฝากขนมมาทางข้าเพื่อมอบให้หลินยวน พวกเขาต่างหากถึงเป็นคู่สร้างคู่สม ต่อไปท่านก็อย่าคิดเรื่องนี้อีกเลย”ฮูหยินเฒ่าเป็นคนดื้อแพ่งไม่น้อย จึงได้ถอนหายใจ “เฮ่ย ย่าเพียงแต่เห็นว่าแต่ก่อนเจ้ากับเด็กหนุ่มตระกูลเซียวสนิทสนมกันดี แล้วต้องมาขาดกันเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายนัก”เฉียวเนี่ยนฉีกยิ้มเล็กน้อย พลางซบศีรษะลงบนไหล่ฮูหยินเฒ่า “ต่อไปข้าคิดแต่จะอยู่กับท่านย่า จริงนะเจ้าคะ”นางรู้ดีว่าตนกับเซียวเหิงรู้จักม

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 312

    โจมตี!ชั่วขณะหนึ่ง เงาคนในที่มืดโหมกระหน่ํา แสงเย็นวาบปรากฏขึ้น พากันโจมตีโจรภูเขาเหล่านั้นพวกโจรภูเขาไหนเลยจะคาดคิดว่าเหล้าที่ดื่มดีๆ นี้จะถูกฆ่าถึงหน้าบ้าน ชั่วขณะนั้นพวกเขาตื่นตระหนกจนทําอะไรไม่ถูกยังไงก็ตาม พวกเขาเคยชินกับความเป็นความตาย พอได้ยินเสียงตะโกนของหัวหน้าโจรภูเขา พวกโจรภูเขาที่ตื่นตระหนกก็สงบลง และหยิบอาวุธออกมาทีละคนสถานการณ์การต่อสู้นั้นรุนแรงมากเซียวเหิงเดินอ้อมมาถึงหน้ากรงอย่างรวดเร็ว กระบี่ยาวในมือฟันโซ่บนกรงจนขาดหัวหน้าโจรภูเขาทางนั้นสังเกตเห็นสถานการณ์ทางนี้ จึงหยิบมีดพร้าที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาฟันใส่เซียวเหิงทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงไอสังหารจากด้านหลัง เซียวเหิงก็รีบเบี่ยงตัวหลบ กระบี่ยาวโบกสะบัด โจมตีไปยังหัวหน้าโจรภูเขาคนนั้นสิ่งที่ทําให้เซียวเหิงคาดไม่ถึงก็คือ วรยุทธของหัวหน้าโจรภูเขาคนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลยชั่วขณะหนึ่ง เขาและหัวหน้าโจรภูเขาต่อสู้กันอย่างแยกไม่ออกหางตาเหลือบเห็นจิ่งเหยียนเพิ่งออกจากกรง ก็มีโจรภูเขาบุกโจมตีเขาโชคดีที่จิ่งเหยียนมีดาบอยู่ในมือและสามารถป้องกันมันได้แต่จิ่งเหยียนถูกขังอยู่ในกรงเจ็ดวัน ยังไม่รู้ว่าได้รับความทรมาน

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 311

    ภูเขาหกชีพจรตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองหยงเป่ยเหอโจวเจิ้น เทือกเขาสูงชัน มองจากที่ไกลๆ ดูเหมือนจะมีภูเขาหกลูก จึงได้ชื่อมาดังนี้ภูมิประเทศในภูเขานั้นยากลําบาก ป้องกันง่ายแต่โจมตีไม่ง่าย บวกกับเทือกเขาที่เชื่อมต่อกัน โจรภูเขาเหล่านั้นจึงหลบหนีไปยังภูเขาอื่นได้ง่ายมาก ดังนั้นจึงทําให้โจรภูเขากลุ่มนี้หยิ่งผยองมาหลายปีแน่นอนว่านี่เป็นเพราะการสมรู้ร่วมคิดระหว่างเจ้าหน้าที่และโจรท้องฟ้ายามค่ำคืนค่อยๆ มืดลงภายในค่ายกลับคึกคักเป็นพิเศษพวกโจรภูเขาก่อกองไฟ ดื่มเหล้าและกินเนื้อ มีความสุขมากจู่ๆ ก็ได้ยินโจรภูเขาคนหนึ่งพูดขึ้นมาทันทีว่า "พี่ใหญ่ ท่านว่าครั้งนี้ใต้เท้าหยูสามารถเอาทองคําหมื่นตําลึงมาได้จริงหรือ?"ตอนนี้หัวหน้าโจรภูเขา มือซ้ายจับขาแกะข้างหนึ่ง มือขวาถือไหเหล้า ดวงตาที่ถูกย้อมด้วยสีเหล้ามีสีขุ่นมัวเล็กน้อย มองชายที่ถูกขังอยู่ในกรงที่อยู่ไม่ไกลแล้วหัวเราะเยาะ"หยูว่านอันบอกว่า คนที่มาครั้งนี้ล้วนเป็นคนของเซียวเหิง คนที่ถูกข้าแทงทะลุหัวใจโดยตรง และคนที่ถูกเจ้ารองตัดแขน รวมกับคนที่อยู่ในกรง สามคนล้วนเป็นรองท่านแม่ทัพของเซียวเหิง"ได้ยินคําพูดนี้ โจรภูเขาพลันตกใจ "เซียวเหิง?

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 310

    พูดไป หยูว่านอันก็นำทางเซียวเหิงเข้าห้องหนึ่งในห้อง กลิ่นควาเลือดคละคลุ้งรุนแรงบนเตียงมีใครคนหนึ่งนอนอยู่ เป็นหลัวซ่างนั่นเองตอนนี้เขามิได้นอนหลับแต่อย่างใด ได้ยินวามเคลื่อนไหวดังขึ้นพลันหันขวับ ครั้นเห็นเป็นเซียวเหิง หลัวซ่างเบิกตาโพลงทันใด ดวงตาหม่นหมองแต่เดิมเหมือนได้แสงส่องสว่างเขาพยายามลุกจากเตียงโดยไม่สนความบาดเจ็บบนร่าง แทบจะกลิ้นคลานไปคารวะเบื้องหน้าเซียวเหิงแล้ว “ข้าน้อยคารวะท่านแม่ทัพ!”เสียงสั่นเครือนั้น อัดแน่นไปด้วยความเศร้าโศกสุดพรรณนาสายตาของเซียวเหิง มองไปยังแขนเสื้อฝั่งซ้ายของหลัวซ่างคล้อยหลังการเคลื่อนไหวอันรุนแรงของหลัวซ่าง แขนเสื้อกลับยังคงนิ่งเหมือนว่างเปล่าไหล่ซ้ายของเขา ถูกฟันขาดเกือบถึงสะบักเซียวเหิงสีหน้าคร่ำเคร่ง แรงกดดันรอบกายหนักหน่วงลงอีกหลายส่วน ขยับประคองกายหลัวซ่าง ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นเยือก “บอกมา”หลัวซ่างตามติดเซียวเหิงมานาน ย่อมรู้ดีว่าเซียวเหิงหมายถึงอะไร จึงเอ่ยตอบทันที “ข้าและคนอื่นเดินทางถึงเหอโจวเมื่อสิบวันก่อน หลังจากทำความเข้าใจภูมิศาสตร์ของหุบเขาลิ่วม่ายแล้ว จึงนำทัพขึ้นเขา แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด เหมือนโจรภูเขาพวกนั้นเตรียมก

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 309

    เมื่อได้ยิน เฉียวเนี่ยนกับจิ่งโหรวต่างตะลึงงันทันใด“เจ้าพูดบ้าอะไร!” จิ่งโหรวแทบทนเตะเขาอีกไม่ไหว ทว่าสติที่เหลือบอกนางว่า ทำแบบนี้ไม่ได้สวีหวาชิงต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ถึงได้พูดเช่นนี้!เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วแน่น สะกดความกระวนกระวายในใจไว้ ก่อนเอ่ยถามเสียงเข้ม “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”“แน่นอนว่าพ่อข้าบอกมา!” เมื่อเห็นท่าทีของสตรีทั้งสองเริ่มร้อนรน สวีหวาชิงจึงเผยสีหน้าย่ามใจขึ้น “เมื่อคืนฮ่องเต้ทราบข่าวแล้ว จิ่งเหยียนนำทัพขึ้นโจมตีบนเขา พ่ายแพ้ครั้งใหญ่ สิ้นทั้งกองทัพ!”สี่คำท้ายประโยคนั้น สวีหวาชิงพูดหนักแน่น ซึ่งสี่คำนี้เสมือนเป็นหินก้อนใหญ่ กดทับหัวใจเฉียวเนี่ยนไว้ชั่วขณะหนึ่ง นางถูกสี่คำท้ายประโยคนั้นสะกดไว้จนหายใจแทบไม่ได้ในที่สุดจิ่งโหรวไม่ทนอีกต่อไป พุ่งใส่สวีหวาชิงไม่สนสิ่งอื่นใด “ใครใช้ให้แกพูดจาเหลวไหล! ใครใช้ให้เจ้าแช่งพี่ชายข้า!”หมัดเล็กๆ ของนางนั้นพละกำลังเหลือล้น สวีหวาชิงถูกชกไปสองหมัดต่อกัน รู้สึกหน้ามืดตาลาย ก่อนร่วงผล็อยลงพื้นอีกครั้งเมื่อเห็นจิ่งโหรวคิดจะเข้าไปซ้ำ เฉียวเนี่ยนก็รีบเรียกหนิงซวงเข้าไปรั้งไว้“หนิงซวง พาแม่นางจิ่งกลับจวน!”พูดจบ นางหันมองจิ่งโ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 308

    เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเคร่ง สังหรณ์ใจถึงความผิดปกติ “เช่นนั้นนางอยู่ที่ใด?”ไม่คาดคิดว่า ยังพูดไม่ทันจบ เสียงเบาะแว้งพลันดังขึ้นจากห้องพักเล็กชั้นสองวินาทีต่อมา ชายคนหนึ่งถูกคนผลักออกจากห้องพัก ล้มลงบนระเบียงทางเดินเต็มแรงนั่นคือสวีหวาชิง!แต่เสียงจิ่งโหรวกลับเต็มไปด้วยความความเกรี้ยวกราด ดังออกจากห้องพัก “อันธพาลอะไรกัน ถึงกล้าหาเรื่องข้า! กินข้าวแล้วไม่มีปัญญาจ่ายก็บอกว่าในอาหารมีหนอน ไม่คู่ควรกับพี่สะใภ้ฉันก็บอกว่านางเป็นหญิงมั่วโลกีย์ ข้าว่าเจ้าต่างหากที่มั่วโลกีย์ ทั้งตระกูลเจ้าล้วนแต่มั่วโลกีย์ทั้งสิ้น!”สิ้นประโยคที่เหลือ เก้าอี้ตัวหนึ่งปลิวออกจากห้องพัก กระแทกใส่ร่างสวีหวาชิงอย่างแม่นยำหน้าอกสวีหวาชิงหลั่งเลือดทันใดทว่าจิ่งโหรวสองแขนเท้าสะเอว เดินออกจากห้องพัก ดวงตาคมกริบเขม็งจ้องสวีหวาชิง “ข้าขอเตือนเจ้า ถ้ากล้าทำให้ข้าได้ยินว่าเจ้าพูดจาถึงพี่สะใภ้ข้าอีกละก็ ข้าจะตีเจ้าทุกครั้งที่เจอ!”หลายวันก่อนสวีหวาชิงได้ยินว่าน้องสาวของจิ่งเหยียนอยู่หลังครัว นึกถึงความอับอายที่ได้รับมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงตัดสินใจมาเอาคืนจากจิ่งโหรวแทนดังนั้น เขาจึงโกหกว่ามีหนอนในอาหาร ต้องการให้

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 307

    เฉียวเนี่ยนโดนจิ่งโหรวถามกลับแบบเช่นนี้จนชะงักค้างไปความรู้สึกไม่เป็นสุขจากการถูกนางเมินเฉยที่คาใจมาโดยตลอดนั้น พรั่งพรูออกออกมาในชั่วพริบตา ก่อนขยายตัวอย่างไร้ที่สิ้นสุดในที่สุดนางก็มิอาจคงสีหน้าราบเรียบดังเดิมได้อีกต่อไป คิ้วขมวดเคร่ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล “เจ้ารู้เรื่องอะไรมา?”หากจิ่งโหรวไม่รู้อะไรเหมือนพ่อแม่ของจิ่งเหยียน ยามนี้คงไม่ถามนางเช่นนี้เมื่อเห็นท่าทางเป็นกังวลของเฉียวเนี่ยน จิ่งโหรวขบฟันกรามกรอด เอ่ยคำพูดในใจลอดไรฟัน “สิ่งเดียวที่่ข้ารู้คือ ที่พี่ชายข้าไปครานี้ เป็นเพราะเจ้า!”เมื่อได้ยิน เฉียวเนี่ยนใจสะท้านค้างทันใด ยังไม่ทันได้ถามไถ่ดี ก็ได้ยินจิ่งโหรวเอ่ยต่อ “พี่ชายข้าบอกว่า เขาต้องให้อนาคตอันมั่นคงกับเจ้า เขาไม่อยากให้เจ้าโดนรังแก ดังนั้นเขาต้องต้องสร้างผลงานทางกองทัพ ต้องปกป้องเจ้า! หากไม่มีเจ้า ครานี้พี่ชายข้า คงไม่ต้องไปปราบโจร”คำพูดนี้ ทำเอาเฉียวเนี่ยนหน้าซีดไร้สีเลือดเป็นอย่างที่นางคิดไว้จริงๆที่จิ่งเหยียนไปปราบโจรกะทันหัน เกี่ยวข้องกับนางอย่างที่คิดไว้จริง!สองแขนที่ซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อสั่นระริกไม่เป็นสุข เฉียวเนี่ยนตื่นตระหนกสติหลุดอย่างหมดส

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 306

    ที่จริงเฉียวเนี่ยนรู้ดีว่าตนไม่ได้เจอจิ่งเหยียนมานานแล้วแรกเริ่มคือท่านย่าป่วยหนัก จากนั้นนางคอยเฝ้าทั้งคืน ไม่มีเวลาไปเจอจิ่งเหยียนจริงๆแค่คิดดู ต่อให้จิ่งเหยียนมา ก็ต้องถูกจวนโหวปฏิเสธอยู่ข้างนอกแน่นอนดังนั้น สำหรับที่อยู่ของจิ่งเหยียน นางไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยแต่ใครเล่าจะรู้ว่าเมื่อได้ยินนางถามเช่นนี้ สีหน้าจิ่งโหรวจะคร่ำเคร่งขึ้นทันตา แม้แต่พ่อแม่ของจิ่งเหยียนยังค่อยๆขมวดคิ้ว ไม่ปริปากพูดจาเมื่อเห็นสถานการณ์ ในใจเฉียวเนี่ยนพลันรู้สึกไม่สงบขึ้นมาหลายส่วน “เป็นอะไรไป? จิ่งเหยียนไปไหนแล้วล่ะ?”แม่ของจิ่งเหยียนสีหน้าฉายแววเศร้าโศกพ่อของจิ่งเหยียนเป็นฝ่ายโบกมือ “เห้อ เขาเป็นรองแม่ทัพราชสำนัก ราชสำนักจะให้เขาไปที่ใด เขาย่อมต้องไปที่นั่น! ได้ยินว่าไปปราบโจร ไปได้หลายวันแล้ว! ”ปราบโจร?เมื่อได้ยินสองคำนี้ เฉียวเนี่ยนตื่นตระหนกทันใด ในหัวฉายภาพท่าทางของโจรภูเขาเหี้ยมโหดพวกนั้น นางถามออกไปอย่างอดไม่ได้ “คงมิใช่ โจรภูเขาแห่งหยงเป่ยเหอโจวเจิ้นใช่ไหม?”“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” พ่อของจิ่งเหยียนตกตะลึงไม่แพ้กัน “ได้ยินมาแบบนั้นเช่นกัน ว่าเป็นเหอโจวเจิ้นอะไรสักอย่าง เหมือนเพราะโจรภูเขา

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 305

    ในที่สุดก็เดินออกจากจวนโหวเฉียวเนี่ยนยืนอยู่หน้าประตูบานสูงบานนั้น เงยหน้ามองแผ่นป้ายที่แขวนด้วยผ้าไหมสีขาวแผ่นนั้น ในใจรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในที่สุดนางก็สามารถจากไปได้ ในที่สุดก็หลุดพ้นจากคนของตระกูลหลินได้ ท่านย่าต้องมีความสุขมากแน่ๆหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนหยุดเดินแล้วมองย้อนกลับไป ยังนึกว่าเฉียวเนี่ยนตัดใจไม่ได้ จึงพูดเสียงเบาว่า "คุณหนู หรือว่าพวกเราจะอยู่ต่ออีกสองวันดีไหมเจ้าคะ?"ฮูหยินหลินพูดถูก อีกสองวันก็จะถึงการตายครบเจ็ดวันของฮูหยินเฒ่าแล้ว รอให้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยไปก็ได้แต่ไม่คิด เฉียวเนี่ยนกลับส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ จากนั้นดึงหนิงซวงแล้วก้าวยาวๆ จากไปในบ้านหลังเล็กที่ไม่ไกลจากจวนโหวนั้น ผู้เฒ่าทั้งสองของตระกูลจิ่งมองดูกองอัญมณีที่นํามาส่งอย่างทําอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนมาถึง ทั้งสองก็รีบเข้าไปทําความเคารพ แล้วถึงพูดว่า "คุณหนู ท่านจะทําอะไรหรือขอรับ?"เฉียวเนี่ยนยิ้มบางๆ "ข้าตัดสายสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว วันหลังท่านลุงกับท่านป้าไม่ต้องเรียกข้าเป็นคุณหนูใหญ่แล้ว เรียกข้าว่าเนี่ยนเนี่ยนก็พอเจ้าค่ะ""ตัดสายสัมพันธ์หรือ" จิ่งโหรวยืนอยู่ไม่ไกล ขมวดคิ้วมองเฉียวเน

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 304

    ใบหน้าของหนิงซวงเต็มไปด้วยความสุข "บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!"เฉียวเนี่ยนยิ้มด้วยความพึงพอใจ กลับได้ยินหนิงซวงถามขึ้นอย่างกะทันหันว่า "แต่ว่า คุณหนูเตรียมจะไปไหนหรือเจ้าคะ?""ไปอยู่กับจิ่งเหยียนสองวันก่อน แล้วค่อยๆ คิดว่าจะไปที่ไหนละกัน!" เฉียวเนี่ยนกล่าวเช่นนั้นวันข้างหน้า นางจะอยู่เมืองหลวงต่อหรือจากไป นางยังไม่ได้คิดให้ดี เพียงแค่คิดว่าในเมื่อนางตัดสินใจจะอยู่กับจิ่งเหยียนแล้ว ไม่ว่าจะอยู่หรือจากไปก็ต้องปรึกษากับจิ่งเหยียนก่อนแต่ตอนนี้ นางไม่อยากอยู่ในจวนโหวอีกต่อไปแล้ว!เมื่อได้ยินคําพูดของเฉียวเนี่ยน หนิงซวงก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้ ของรางวัลในห้องเก็บของเหล่านั้น จะให้หวังเอ้อไปส่งที่จวนรองแม่ทัพจิ่งก่อนหรือไม่เจ้าคะ?""อืม ส่งไป" เฉียวเนี่ยนพยักหน้าตอบรับ นั่นเป็นรางวัลที่ฮ่องเต้กับกุ้ยเฟยประทานให้นาง เพราะการแต่งงานครั้งนั้น ทําให้นางเกือบเอาชีวิตไม่รอด รางวัลนี้ย่อมต้องรับไปหนิงซวงรับคําแล้วรีบไปทําอย่างรีบร้อนอาจเป็นเพราะนางทํางานอย่างเร่งรีบเกินไป โกดังเก็บของเพิ่งย้ายหมด ฮูหยินหลินก็มาแล้วเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนกําลังแบกห่อผ้าและกํา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status