เมื่อหญิงใบ้ไร้ศักดิ์ ต้องกลายมาเป็นสนมไร้ศักดิ์ ของฮ่องเต้ผู้ชึ่งรูปงามที่สุดในเจ็ดคาบสมุทร
View More"แต่ฝ่าบาทหมดหนทางแล้วท่านอ๋องจะต้องไม่เป็นอะไรหยวนกังก็จะพาท่านอ่องหนีออกมาเช่นกันตามที่ตกลงกันไว้ตอนนี้แค่เพียงช่วยให้ฝ่าบาทหนีออกมาก่อน ท่านอ๋องขวางพวกมันไว้เพื่อให้ฝ่าบาทหนีอกมาฝ่าบาทอย่าทำให้ความตั้งใจของท่านอ๋องเสียเปล่า""แต่ท่านอาบาดเจ็บไม่น้อยข้าจะไปช่วยท่านอา เจ้าขลาดเขลาเพียงนั้นเชียวหรือป้อคุน"ป้อคุนทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น"ฝ่าบาท หนีก่อนก่อนเถอะขอรับ ความปลอดภัยของฝ่าบาทสำคัญที่สุดท่านอ๋องทรงเข้าใจข้อนี้ดีจึงพยายามที่จะกันทหารพวกนั้นเพื่อให้ฝ่าบาทหนีไปหากว่าฝ่าบาทยังเป็นว่าสิ่งที่ป้อคุนหยวนกังและท่านอ๋องทำไปทั้งหมดนั้นขลาดเขลาป้อคุนจะขอให้ฝ่าบาททรงสังหารป้อคุนเสียไม่เช่นนั้นป้อคุนก็ไม่อาจปล่อยให้ฝ่าบาท กลับไปที่ด่านปงเปียง"อู่อินเฉิงทรุดกายลงปล่อยกระบี่ลงข้างกาย"ข้าไม่อาจปล่อยท่านอาไว้ที่นั่นป้อคุนเข้าใจไหมท่านอาเป้นเหมือนบิดาเป็นเป็นพี่น้องและเป็นเหมือนคนที่หวังดีกับข้าเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้""ฝ่าบาท ท่านอ๋องจะดีใจหากทว่าฝ่าบาทปลอดภัยและด้วยความภักดีของหยวนกังจะไม่มีทางให้ท่านอ๋องต้องตาย"อู่อินเฉิงพยักหน้า"กันเถอะไปรอที่ด่านชายแดนแคว้นใต้"สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ท่านอาเราทั้งหมดลงเรือลำเดียวกันแล้วข้าไม่อาจดูดายปล่อยให้ท่านอาและพวกเขาต้องเผชิญศึกเพียงลำพัง เช่นนั้นจึงขอยืนยันคำเดิมว่าจะอยู่ที่นี่แต่สัญญาว่าหากเราทั้งหมดไม่อาจต้านทัพของอิงฉางได้ข้าจะเร้นกายไปยังที่ปลอดภัยพร้อมกันนั้นท่านอาเองก็สำคัญไม่น้อยการกอบกู้บัลลังก์ของเฉิงอู่ต้องกาศัยท่านอา เช่นนั้นหากเราทั้งหมดไม่อาจต่อกรก็ควรจะหนีไปเสียแต่ในตอนนี้ก็ต้องลองยืนหยัดให้ถึงที่สุดก่อน”ชิงกวานอ๋องถอนหายใจปฏิเสธไม่ได้ว่าที่อินเฉิงพูดมาทุกอย่างล้วนสำคัญเขาเองจากประสบการณ์ที่ผ่านมารู้ดีว่าด่านปงเปียงมีกำลังเพียงหยิบมือไม่อาจต่อกรกับทหารของอินฉางฮ่องเต้ได้แม้จะมีฝีมือดีแค่ไหนก้ไม่อาจต่อกรกับทหารจำนวนมากราวกับมดปลวกได้“ฝ่าบาทอย่าลืมคำมั่นนี้หากว่าไม่อาจต่อกรฝ่าบาทจะต้องหนีไปเสียอย่าได้ห่วงใครไม่ว่าจะใครหรือแม้กระทั่งชิงกวานอ๋อง”อู่อิงเฉิงยิ้มน้อยๆ“อิงเฉิงสัญญาจะไม่ทำให้ท่านอาจต้องเป้นกังวล“ดี เช่นนั้นร่วมรบเคียงข้างสร้างขวัญกำลังใจ ป้อคุนหยวนกังอารักขาฝ่าบาทจนถึงที่สุดหากไม่ไหวสิ่งเดียวที่ต้องทำแบบไม่ต้องคิดคือพาฝ่าบาทเร้นกายไปเสียแล้วพบกันที่จุดนัดพบข้ามผ่านด่านชายแดนแคว้นใต้”สี่แรงร่วมใจฟ
“เช่นนั้นหยงเจิ้งกลับไปที่นั่น เสด็จพ่อกับฮองเฮาตั้งใจออกผนวช จึงขาดคนคอยดูแล”“จะดีไหมหากให้ป้อคุนไปคอยดูที่นั่น พร้อมกับหยวนกัง”“ข้าตั้งใจประทานงานแต่งงานให้กับป้อคุนและซือหรูเสียเพราะสองคนรอเวลานี้มานาน”หยงเจิ้งพูดยิ้มๆ“ดีเลย เช่นนั้นส่งข่าวให้เจียเกอช่วยดูแลพวกเขา ระหว่างนี้คนทั้งหมดภักดียิ่งนักไม่มีสิ่งใดให้หนักใจ ฝ่าบาทหยงเจิ้งจึงจะออกผนวชได้อย่างหมดห่วงเสียที”“ที่นี่คงเงียบเหงาหากไม่มีป้อคุนหยวนกังและซือหรู”“ชิงกวานน้อย ขอตามไปที่วังหลวงแคว้นใต้กับท่านอาทั้งสอง ข้าเองก็ไม่อาจขัดเพราะหยวนกังกับป้อคุนดูแลชิงกวานน้อยอีกทั้งยังฝึกปรือวรยุทธ์ให้จนเชี่ยวชาญ”“คงจะต้องคิดถึงทุกคน”อินเฉิงกอดรวบร่างอุ้ยอ้ายไว้ในอ้อมแขน“มีข้าอยู่เจ้าจะไม่ต้องเหงา”“ฝ่าบาทเอาแต่ใจใครกันจะลืมได้ เมื่อคราวอยู่ที่ตำหนักฤดูหนาวก็เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน”“เช่นนั้นอย่างไรเล่าเจ้าจึงตั้งครรภ์ข้าจึงไม่ต้องรอนาน หากไม่ไปที่ตำหนักฤดูหนาวรำลึกความหลังกันเจ้าจะตั้งครรภ์หรือไร ข้าเองตามใจชิงกวานน้อยที่อยากจะมีน้อง”หยงเจิ้งยิ้มเขินอาย ใบหน้าแดงระเรื่อ อู่อินเฉิงกอดไว้แน่น“ข้ารักเจ้ามีเจ้าคนเดียวตลอดไปข้าสัญญาและจะไม
อินเฉิงลุกขึ้นพิงแท่นบรรทมเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่างมองเห็นชัดเจนแจ่มใส ทั้งสองตารอยยิ้มเป็นสุข ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของหยงเจิ้งที่หลับใหลไปกับอ้อมกอดของเขา ความสุขที่มาถึงยามที่ผ่านความทุกข์ระทม จึงนับว่าเป็นความสุขที่แท้จริงสายลมพัดผ่าน ชิงกวานอ๋องวิ่งหลบซุกตัวยังโขดหิน หยวนกังเกาหัวแกรกๆ ป้อคุนวิ่งตาม หันหน้าหันหลังไม่พบ อ๋องน้อยว่าแอบหลบอยู่ตรงไหนหยวนกังส่ายหน้าไปมา ลูบเคราวยาว“เราสองคนคงจะแก่ไปแล้วจึงไม่อาจหาท่านอ๋องน้อยพบ”“เชิญท่านเพียงลำพังเลยหยวนกัง ข้ายังไม่อยากจะแก่ท่านอ๋องน้อยวิ่งหลบรวดเร็วเหมือนชิงกวานอ๋องที่พลิกพลิ้วยิ่งกว่าใคร อีกหน่อยหากฝึกปรือวิชากระบี่คงหาตัวจับยาก”หยวนกังอมยิ้ม“ข้า ได้ยินว่าท่านอ๋องน้อยทรงขออนุญาตฝ่าบาทฝึกวิชากระบี่ เราสองคนคงต้องลับคมกันหน่อยเพื่อรอวันถวายการฝึกสอน”“ฮ่าาา เหมือนจริงๆ ช่างเหมือนท่านอ๋องชิงกวานเสียจริง มุ่งมั่นยิ่งนัก เราสองคนคงต้อง ทุ่มเทฝึกสอนกันให้มากหน่อย”ป้อคุนเอ่ยขึ้นดังๆ“หยวนกัง…ป้อคุน…..”ชิงกวานน้อยวิ่งออกจากที่ซ่อน กระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของหยวนกัง“ฮ่าาาาท่านอ๋องในที่สุดก็ยอมออกมา”ป้อคุนอมยิ้ม“ก็ข้าได้ยินว่า ท่านอาทั้ง
ดวงตาพร่ามัวกลอกกลิ้งไปมาทั้งซ้ายและขวา เสียงอ้อแอ้ขององค์ชายน้อยดังแว่วมา แต่ไกล“ชิงกวานน้อยของแม่ เจ้าจะรีบตื่นแต่เช้าทำไมกันเสด็จพ่อยังคงหลับใหล”เสียงหวานของหยงเจิ้งทำเอาอินเฉิงยิ้มกว้างยกมือขึ้นคลำที่ดวงตาทั้งสองข้างสูดลมหายใจลึกๆ“เสี่ยวเจิ้ง”หยงเจิ้งขยับกายหันมา มองร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาลืมตาอยู่บนแท่นบรรทม รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นที่ใบหน้างาม“ฝ่าบาท ท่านฟื้นแล้ว”ดวงตาซ้ายขวากลอกกลิ้งไปมา มองเห็นใบหน้างามเด่นชัด“ข้านอนไปนานแค่ไหน เสี่ยวเจิ้งกับองค์ชายน้อยถึงได้มาอยู่ข้างกายข้าได้”“องค์ชายน้อยชิงกวาน”อุ้มร่างเล็กที่ส่งเสียงอ้อแอ้ปลุกยามเช้ามาใกล้ๆ อินเฉิงรับเอาร่างเล็กจิ๋วไว้ในอ้อมแขน“ชิงกวาน ชื่อนี้เหมาะกับเจ้าเสียจริง เจ้า เป็นคนที่ทำให้ พ่อกับแม่ได้มีวันนี้วันที่เราพร้อมหน้า”หยงเจิ้งปาดน้ำตาที่เอ่อล้นขอบตา อินเฉิงดึงมือหยงเจิ้งให้นั่งลงข้างๆ เขาจูบซับน้ำตาให้เบาๆ“ท่านอาไม่อยากเห็นน้ำตาเจ้าหยงเจิ้งของข้า ดวงตานี้ของท่านอาอยากเห็นรอยยิ้มของเจ้า มิใช่หยาดน้ำตา”หยงเจิ้งยิ้มทั้งน้ำตา“มีวันนี้ได้เพราะท่านอ๋อง ข้าหยงเจิ้งเช่นไรจะกล้าขัดคำสั่ง”ยิ้มกว้างสดใส อินเฉิงกอดรวบร่าง
“ข้า อัปลักษณ์เพียงนี้ เป็นท่านอาที่จะต้องดูแลหยงเจิ้งต่อไป เป็นท่านอาอินเฉิงจึงวางใจ”หมอหลวงวิ่งถือหลวมยาเข้ามา อินเฉิง ขยับกายให้หมอหลวงตรวจดูอาการของ ชิงกวานอ๋อง“ฝ่าบาท ชิงกวานอ๋องไร้ความสามารถไม่อาจดูแลนาง ฝ่าบาทจึงคู่ควรที่สุด”หมอหลวงลุกขึ้นยืนประสานมือตรงหน้าอินเฉิงพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอินเฉิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา หยวนกังเบือนหน้าหนีปาดน้ำตาที่ไหลริน“ท่านอา เราไปพักที่ตำหนักให้ท่านหมอ จัดเทียบยาดีไหม”น้ำเสียงอ่อนโยน“หยวนกังตามอาจารย์ให้ข้าทีข้าอยากจะพักเสียหน่อย ฝ่าบาทพยุงชิงกวานไปเถิด ให้หยวนกังตามอาจารย์”หยวนกังยิ้มกว้าง เหมือนจะเริ่มมีความหวังว่าอาจารย์กับวิชาแพทย์เถื่อนจะสามารถช่วยชีวิตท่านอ๋องได้“หยวนกังรีบไปแล้วท่านอ๋องอดทนหน่อย”วิ่งออกจากท้องพระโรงกระโดดขึ้นหลังม้าควบออกไปราวกับลูกดอกพุ่งเข้าสู่เป้าอินเฉิงพยุงชิงกวานอ๋องหมอหลวงตรวจดูอาการของป้อคุนอย่างเร่งรีบบนแท่นบรรทม ร่างสูงองอาจนอนเหยียดยาวใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้กลับซีดขาว แต่แววตายังอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกครั้งที่อินเฉิงเคยเห็น เลือดสดๆ ยังไหลซึมออกจากบาดแผล“ท่านอาอดทนหน่อย อาจารย์ปู่กำลังมา”“เพื่อฝ่าบาทต่างหาก
อินฉางดวงตาเหลือกลานเมื่อเห็นว่า หมิงเยว่ล้มลงคว่ำหน้าลงกับพื้นเลือดอาบไปทั่วร่างบาง ตรงเข้าหอบเอาร่างบางที่หายใจรวยริน“ม่ายยยยไม่นะหมิงเยว่ต้องไม่ใช่เจ้าต้องไม่ใช่เจ้าหมิงเยว่ขะขะข้าขอโทษ หมิงเยว่ ข้าไม่ให้เจ้าตายไม่หมิงเยว่ อย่าทำแบบนี้หมิงเยว่”ทว่าร่างโชกเลือดหาได้ขยับเขยื่อนเคลื่อนไหวไม่ยังคงนิ่งงัน ดวงตาอาบไปด้วยหยาดน้ำตา สิ้นลมหายใจโดยไม่ได้ร่ำลา“หมิงเยว่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”อินฉางอุ้มร่างโชกเลือดไว้ในอ้อมแขนดวงตาแดงก่ำ“อินฉิง ท่านจะต้องรับผิดชอบ ปาถั่วรับบัญชาข้า ฆ่าอู่อินเฉิงกับป้อคุนแล้วสับร่างเป็นชิ้นๆ ”ปาถั่วก้มหน้าประสานมืออินฉางเดินโซเซพาร่างไร้วิญญาณของหมิงเยว่ออกจากท้องพระโรง“ยิง”ปาถั่วสั่งพลธนูทว่ายังไม่ทันได้เหนี่ยวคันธนู พลธนูทั้งหลายต่างล้มลงไปกองกับพื้นองครักษ์หลายนายต่างวิ่งถือกระบี่เข้ามาล้อมชิงกวานอ๋องที่ในมือกำกระบี่ ฟาดฟันสังหารมือยิงธนูจนบาดเจ็บล้มตาย“ฝ่าบาท”พยุง อินเฉิงที่ถูกลูกดอกปักเข้าที่ขาข้างขวา“ท่านอา มาทันเวลาพอดี”“อย่าเพิ่งพูดอะไร ฝ่าบาทจงรีบเปิดประตูให้คนของเรา ชิงกวานจะหันเหความสนใจของคนพวกนี้ ป้อคุนยังไหวหรือไม่”ป้อคุนที่ไม่อาจขยับกาย“ชิงกวา
ทัพของอู่อินเฉิง ดาหน้าที่ประตูวังหลวงแคว้นเหว่ย พลธนูเหนี่ยวคันธนูสุดแรงรอเพียงคำสั่งให้ยิงอยู่บนป้อมปราการสูงบนประตูวังทั้งสี่ด้าน“ยิง”ป้อคุนทะยานเข้ามาขวางอู่อินเฉิงที่ตกเป็นเป้าของธนูใช้กระบี่ในมือกวัดแกว่งคุ้มภัย อู่อินเฉิงเองก็กำกระบี่ในมือกวัดแกว่งปัดป้อง เหล่าทหารโห่ร้องหาได้สะทกสะท้านต่อความเจ็บความตายตรงหน้า“บุกเข้าไปในวังหลวงจับตัวอู่อินฉางมาคุกเข่าตรงหน้าฝ่าบาท”ป้อตี้ออกคำสั่ง ดังลั่น หทารกล้าทั้งหลายต่างพุ่งตัวเข้าไปยังประตูวัง ออกแรงดันประตู ให้เปิดอ้าออกเพื่อให้กองทัพเข้าไปภายในห่างจากวังหลวงสิบลี้“ท่านอ๋องเปลวไฟ ลุกไหม้อยู่ที่วังหลวงเกรงว่าตอนนี้ทัพของฝ่าบาทคงถึงที่นั่นแล้ว”หยวนกังเอ่ยปากด้วยสีหน้ากังวล“เร่งเดินทางอารักขาฝ่าบาท ข้าไม่อาจวางใจอู่อินฉางหาใช่ผู้ที่ซื่อตรงไม่จะต้องซ่อนกลโกงไว้รอฝ่าบาทเป็นแน่”ชิงกวานอ๋องควบม้าเร็วรี่ยังกลุ่มควันที่ลอยวนบนท้องฟ้าอินฉางนั่ ไขว่ห้างอยู่บนบัลลังก์มังกรในท้องพระโรง ในมือมีจอกสุรารสเลิศ ข้างกายเป็นหมิงเยว่ ที่นั่งก้มหน้ามองมือตัวเอง กับปาถั่วที่กุมกระบี่ข้างเอวไว้แน่นเสียงโห่ร้องใกล้เข้ามา อินเฉิงก้าวขายาวๆยังหน้าบัลลั
“ข้าหากจะต้องตายเพราะการณ์นี้ ก็คงจะต้องยอมเพราะเลือกข้างผิดเดิม อู่อินเฉิงไม่จะไม่เคยใส่ใจ กองทัพแต่ทว่าชิงกวานอ๋องกับผูกใจ เหล่าทหารกล้าบทเรียนครั้งนี้ ไม่อาจแก้ไขแม้ตอนนี้จะมีที่มั่นและกำลังคนแต่หากชิงกวานอ๋อง เอ่ยปากไม่แน่ว่าเหล่าทาหรพวกนี้จะย้ายข้างหรือไม่”“ข้าน้อยได้ยินมาว่า ชิงกวานอ๋องในครั้งนี้ไม่ได้ มาด้วยมีเพียงอู่อินเฉิงเท่านั้น”ปาถั่วขมวดคิ้ว“บางทีนี่อาจเป็นแผนการตลบหลังไม่อาจวางใจ”ถอนหายใจยาวตำหนักชิงหนิงกง“ฮองเฮาอู่อินเฉิงยกทัพกลับมาที่วังหลวง คงจะถึงวังหลวงในอีกไม่ช้า”หมิงเยว่ ลุกขึ้นจากแท่นนอนสีหน้าแสดงความดีใจ“เขากลับมาแล้วเขาไม่ได้ทอดทิ้งข้าเขายังรักข้าอย่างน้อยก็กลับมาทวงบัลลังก์และคงจะมารับข้าเป็นฮองเฮาของเขาเหมือนเคย”ตงฟางหัวถอนหายใจ หมิงเยว่หลายเดือนที่ผ่านมา สติหลุดลอย พูดจาเลื่อนเปื้อนติดอยู่ในความเพ้อฝันเสียมากกว่าความจริง“ฮองเฮา ไม่แน่ว่าอู่อินเฉิงจะกลับมาหาฮองเฮา”“เขาต้องมาในเมื่อในใจเขามีข้าเพียงคนเดียว เขาทำทุกอย่างเพื่อข้า ข้ารู้แล้วข้าเองก็จะทำทุกอย่างเพื่อเขาเช่นกันเขาจะได้ไม่ต้องลำบากทวงคืนบัลลังก์”ดวงตาเป็นประกายสดใสตงฟางหัวถอนหายใจ“ฮองเฮา
“ตื่นสินางใบ้ เอาแต่นอนอยู่ได้ วันนี้มีงานสำคัญ เจ้าจะต้องรีบไปช่วยทำอาหารในวัง”เสี่ยวเจิ้งลุกพลวดจากแท่นนอนที่ทำจากไม้ไผ่หญิงอ้วนร่างท้วมนามจงหลานหรือป้าจงตวาดดังลั่น“เสี่ยวเจิ้งนี่ต้องเป็นเจ้าที่ต้องนำไป”ยกหลัวใส่บนแผ่นหลังเล็ก แล้วยัดทุกอย่างเท่าที่จะยัดได้ลงไป“อือ อือ”อยากจะบอกว่าหนักแต่เปล่งเสียงได้เพียงเท่านั้น“อย่าโวยวาย”ป้าจงดุ เสี่ยวเจิ้งได้เพียงก้มหน้ามองพื้นจงหลินรีบแบ่งของบนหลัวของเสี่ยวเจิ้งมาไว้บนหลัวของตัวเองบ้าง“ท่านแม่ ใจร้ายกับเสี่ยวเจิ้งจริงๆ เฮ้อเสี่ยวเจิ้งถ้าเจ้า.. ไม่เป็นใบ้คงจะดีกว่านี้ ใบหน้าเจ้าก็หาได้ขี้ริ้วไม่ ไป๊ไปกันเถิด”จูงมือเสี่ยวเจิ้งที่รักเหมือนน้องสาวเสี่ยวเจิ้งยิ้มโบกมือให้จงหลินเห็นว่าไม่เป็นไร เดินตามทางไปพร้อมกันเพื่อเข้าสู่วังหลวง “ฮ่องเต้เสด็จจจจ ฮองเฮาเสด็จจจจจ”ร่างสูงเกินบุรุษอื่นที่เด่นสง่ามองเห็นในระยะไกล เสี่ยวเจิ้งยืนนิ่งนี่หรือคือฮ่องเต้ ที่ได้ยินคนเล่าขานว่าเป็นฮ่องเต้รูปงามที่สุดในเจ็ดคราบสมุทรจงหลินกระตุกแขนเสื้อกลัวว่าเสี่ยวเจิ้งจะไม่ได้ยินคำขานของขันที ดึงร่างเล็กกว่าของเสี่ยวเจิ้งหลบเข้าข้างทาง กดศรีษะให้ก้มจนไม่เห็...
Comments