แชร์

สนมใบ้ไร้ศักด์
สนมใบ้ไร้ศักด์
ผู้แต่ง: จันทร์ส่องแสง

ลำบาก

ผู้แต่ง: จันทร์ส่องแสง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-22 16:25:32

“ตื่นสินางใบ้ เอาแต่นอนอยู่ได้ วันนี้มีงานสำคัญ เจ้าจะต้องรีบไปช่วยทำอาหารในวัง”

เสี่ยวเจิ้งลุกพลวดจากแท่นนอนที่ทำจากไม้ไผ่

หญิงอ้วนร่างท้วมนามจงหลานหรือป้าจงตวาดดังลั่น

“เสี่ยวเจิ้งนี่ต้องเป็นเจ้าที่ต้องนำไป”

ยกหลัวใส่บนแผ่นหลังเล็ก แล้วยัดทุกอย่างเท่าที่จะยัดได้ลงไป

“อือ อือ”

อยากจะบอกว่าหนักแต่เปล่งเสียงได้เพียงเท่านั้น

“อย่าโวยวาย”

ป้าจงดุ เสี่ยวเจิ้งได้เพียงก้มหน้ามองพื้น

จงหลินรีบแบ่งของบนหลัวของเสี่ยวเจิ้งมาไว้บนหลัวของตัวเองบ้าง

“ท่านแม่ ใจร้ายกับเสี่ยวเจิ้งจริงๆ เฮ้อเสี่ยวเจิ้งถ้าเจ้า.. ไม่เป็นใบ้คงจะดีกว่านี้ ใบหน้าเจ้าก็หาได้ขี้ริ้วไม่ ไป๊ไปกันเถิด”

จูงมือเสี่ยวเจิ้งที่รักเหมือนน้องสาว

เสี่ยวเจิ้งยิ้มโบกมือให้จงหลินเห็นว่าไม่เป็นไร เดินตามทางไปพร้อมกันเพื่อเข้าสู่วังหลวง

 “ฮ่องเต้เสด็จจจจ ฮองเฮาเสด็จจจจจ”

ร่างสูงเกินบุรุษอื่นที่เด่นสง่ามองเห็นในระยะไกล เสี่ยวเจิ้งยืนนิ่ง

นี่หรือคือฮ่องเต้ ที่ได้ยินคนเล่าขานว่าเป็นฮ่องเต้รูปงามที่สุดในเจ็ดคราบสมุทร

จงหลินกระตุกแขนเสื้อกลัวว่าเสี่ยวเจิ้งจะไม่ได้ยินคำขานของขันที ดึงร่างเล็กกว่าของเสี่ยวเจิ้งหลบเข้าข้างทาง กดศรีษะให้ก้มจนไม่เห็นใบหน้าขะมุกขะมอม

“ หลีกทางขบวนเสด็จกำลังจะผ่าน”

เสียงองครักษ์ไม่พูดเปล่าใช้ทวนในมือกวาดต้อนร่างของเหล่านางในห้องเครื่องให้หลบออกจากทางเดิน 

“โอ้ย” 

จงหลินเจ็บจนเผลอร้องออกมา เสี่ยวเจิ้งพยุงจงหลินให้ลุกขึ้น

“เร็วเข้าชักช้าอยู่ได้ ขบวนเสด็จถึงแล้ว” 

กระชากร่างเล็กของ เสี่ยวเจิ้งให้หลบไป

“ปล่อยนาง พวกเจ้าเห็นหรือไม่ทำให้นางเจ็บ”

เสียงอ่อนโยนของฮองเฮาหมิงเยว่ เอ่ยปากกับองครักษ์ดังประกาศิต เสี่ยวเจิ้งจ้องมองใบหน้างดงามราวเทพีสวรรค์เลยผ่านไปยังร่างสูงที่พยุงหมิงเยว่ไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม โลกทั้งใบเหมือนจะหยุดหมุนในทันที

จงหลิน ดึงชายเสื้อเสี่ยวเจิ้งให้คุกเข่าลงบนพื้น

“ฮองเฮา ให้องครักษ์ไล่พวกนางไปไกลๆ อาภรณ์ของเจ้าในงานพิธีจะเปรอะเปื้อนเพราะพวกนาง”

เสียงทุ้มอ่อนโยนยิ่งนัก 

“ฝ่าบาท ห่วงใยยิ่งแล้วหมิงเยว่เห็นว่าทั้งสองนางเป็นเพียงหญิงธรรมดา หากกระทำรุนแรงพวกนางจะบาดเจ็บเอาได้”

อู่อินเฉิงยิ้มอ่อนโยน แต่ยิ้มนั้นส่งให้กับหมิงเยว่คนเดียว

“เจ้าใส่ใจไปทุกคนแต่ดูรึเจ้าเองกับร่างกายอ่อนแอ ชีวิตพวกนางมีค่าใดกันหากเปรียบกับเจ้าแม้เจ้าบาดเจ็บแค่เพียงปลายก้อยข้าก็คง จะเจ็บซ้ำใจ”

“ไปไปไป”

องครักษ์ผลักร่างเสี่ยวเจิ้งกับจงหลินจนหงายหลังเมื่อได้ยินอู๋อินเฉิงพูดแบบนั้น 

ดวงตาคมของอู่อินเฉิงเผลอจ้องมองใบหน้าขมุกขะมอมของเสี่ยวเจิ้งที่ล้มกลิ้งข้าวของหกหระจาย สบตาเศร้าสร้อยนั้นอย่างพลั้งเผลอ ก่อนจะเบือนหน้าหนีเสียจากสายตานั้น

“ไล่พวกนางไปไกลๆ”

เอ่ยปากสำทับ พยุงหมิงเยว่จากไปยังลานพิธี

เสี่ยวเจิ้งกับจงหลินช่วยกันเก็บข้าวของใส่ในหลัวด้านหลังให้กันและกัน

“ไม่เห็นจะต้องไล่พวกเราเลย เราเองก็ไม่ได้อยากจะขวางขบวนเสด็จ ดูสิข้าวของเปื้อนดินเปื้อนทรายหมดแล้ว”

 เสี่ยวเจิ้งยิ้มเศร้าๆ

“เจ้าก็เอาแต่ยิ้มมองคนอื่นในแง่ดีตลอด เห็นหรือไม่ว่าชีวิตพวกเรายังไม่มีค่าเพียงการบาดเจ็บเท่าปลายก้อยของฮองเฮา”

เสี่ยวเจิ้งยกมืออุดปากจงหลินก่อนจะส่ายหน้าไปมาห้ามไม่ให้พูด

จงหลินถอนหายใจ

“เจ้า ใจดีแบบบนี้คนอื่นจึงเอาเปรียบเจ้า เสี่ยวเจิ้งจริงๆนะถ้าหากว่าเจ้าได้สวมอาภรณ์สีสวย ลบรอบเปื้อนขะมุกขะมอมบนใบหน้าของเจ้าออกเสียหน่อย เกรงว่า เจ้าต้องกลายเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งเลยทีเดียว”

เสี่ยวเจิ้งส่ายหน้ายิ้มๆเหมือนจะบอกว่ามันคือเรื่องเพ้อฝัน ส่งภาษามือให้จงหลินรีบไปยังห้องเครื่องช่วยนางในห้องเครื่องทำเครื่องเสวยให้ทันเวลาที่กำลังจะมีงานเลี้ยงรื่นเริงของวังหลวง

 จงหลิน ยอมเดินตามเสี่ยวเจิ้งไปโดยดี

“พวกเจ้ามาช้าเสียจริง ข้ากำลังคิดว่าจะไล่พวกเจ้ากลับไปเสีย ยายเฒ่าจงรับปากมั่นเหมาะว่าจะหาคนมาช่วยงานแต่ดูรึ พวกเจ้าเพิ่งจะมาถึง”

เสี่ยวเจิ้งประสานมือก้มหน้า จงหลินถอนหายใจยาว

“นายท่าน พวกเราติดขบวนเสด็จจึงล่าช้า โปรดเมตตาเราด้วย”

 เสี่ยวเจิ้งพยักหน้ายืนยันตามคำพูดของจงหลิน

“จะไล่กลับอย่างไรเล่า คนยิ่งน้อยๆไปไปช่วยกันหั่นผักหั่นหมูเตรียมวัตถุดิบ แต่บอกไว้ก่อนนะ ข้าลดค่าตอบแทนพวกเจ้าเพราะมาช้าเหลือเกิน ทำงานให้เสร็จจึงกินอาหารเช้าเพราะกงกงตู้ ขันทีพิธีการเพิ่งส่งคนมาเร่งให้เตรียมจัดเครื่องเสวยยามอู่(11.00-12.59)”

 เสี่ยวเจิ้งรีบเข้าไปข้างในปลดหลัวบนหลังให้จงหลิน แล้วหันหลังให้จงหลินปลดหลัวให้บ้าง

เลยยามอู่ไปแล้ว 

จงหลินยกถ้วยข้าวกับน้ำแกงมาวางบนโต๊ะ เสี่ยวเจิ้งเช็ดมือกับชายกระโปรงก่อนจะปาดเหงื่อที่ไหลรินบนใบหน้า คนอื่นๆต่างแยกย้ายกันไปพัก 

“ไม่เหลืออะไรให้กินแล้วคนอื่นตักไปกินจนสิ้น เสี่ยวจิ้งเราสองคนมีเพียงน้ำแกงกับ ผัดผัก”

เสี่ยวเจิ้งพยักหน้ายิ้มส่งสัญญาณว่าชอบกินผัดผัก จงหลินส่ายหน้าไปมานึกอิจฉาเสี่ยวเจิ้งที่ชีวิตช่างมีความสุขไม่เคยทุกข์ร้อนไม่ว่าจะเจอปัญหาเล็กใหญ่ใดๆก็ตาม

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   นางใบ้

    “กินเสร็จค่อยเดินทางกลับบ้านข้าว่าเราสองคนควรจะแวะที่ตลาดเสียหน่อย เลือกซื้อเครื่องสำอางหรือว่าเครื่องประดับกันดีไหม ข้าขอท่านแม่ว่าได้เงินค่าจ้างงวดนี้ข้ากับเจ้าเราสองคนจะแวะเที่ยวตลาดเสียหน่อย”เสี่ยวเจิ้งส่ายหน้าโบกมือ“เจ้าก็เป็นแบบนี้เราสองคน18ปีแล้วควรจะงดงามและใช้ชีวิตเยี่ยงหญิงสาวได้แล้ว เสี่ยวเจิ้งงงง เราสองคนผ่านวัยเด็กมาแล้ว ข้าอยากจะเห็นว่าเสี่ยวเจิ้งของเราหากอาบน้ำอาบท่าแต่งกายให้งดงามเสียหน่อยจะเป็นอย่างไรหนอ” เสี่ยวเจิ้งก้มหน้า จะเถียงว่าเก็บไว้ใช้ยามที่แก่ชราจะดีไหม หาได้สนใจวัยสาวที่กำลังจะผ่านเข้ามาไม่“น้าาา เจ้าต้องลองเปลี่ยนตัวเอง ข้าห่วงที่สุดก็เจ้านั่นแหละเสี่ยวเจิ้งใจดีเหลือเกิน คนผู้คนล้วนจ้องรังแกและเอาเปรียบเจ้า” เสี่ยวเจิ้งพุ้ยข้าวใส่ปาก ตาเฒ่าในห้องเครื่องคนเมื่อเช้าเดินเข้ามาข้างในวางก้อนเงินให้กับ เสี่ยวเจิ้งและจงหลินคนละก้อน“นายท่านทำไมมันน้อยแบบนี้”“พวกเจ้ามาช้า แล้วอีกอย่างนี่ข้าวนี่กับของที่พวกเจ้ากินไป ข้าก็หักออกจากค่าแรง ทำงานไม่ถึงวันก็เอาไปแค่นี้พอ”จงหลินลุกขึ้นยืน เท้าสะเอวผลักตาเฒ่าหงายหลัง“จะมากไปแล้วนะ กว่าจะได้กินก็เลยยามอู่ทำงานไม่ห

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   ต่อแต่นี้

    “อย่า เสี่ยวเจิ้งหนีไปกันเถอะ”แต่เสี่ยวเจิ้งหาสนใจคำพูดของจงหลินไม่ มือสังหารชะงักมือยกมืออีกข้างขึ้นกุมศรีษะที่มีเลือดไหลอาบเพราะก้อนหินก้อนไม่เล็กนักจากฝีมือการปาหินของเสี่ยวเจิ้ง คราวนี้จงหลินจึงช่วยปาก้อนหินเข้าใส่มือสังหารจนหนีกระเจิดกระเจิงเสี่ยวเจิ้งวิ่งเข้าไปพยุงร่างสูงที่กำลังจะล้มลง ชิงกวานอ๋องปรายตามองเสี่ยวเจิ้งก่อนที่สติจะดับวูบลงไป“ท่านอา ชิงกวานอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง”อู๋อินเฉิงก้าวขายาวๆด้วยความเร่งรีบยังจวนชิงกวานอ๋อง ร่างสูงวัยกลางคนนอน บนแท่นนอน มีหมอหลวงกำลังตรวจดูอาการบาดเจ็บ นางกำนัลและองค์รักษ์ต่างรายล้อม“ฝ่าบาท”ขยับกายลงจากแท่นนอนแต่อู่อินเฉิงพยุงไว้เสียก่อน“ท่านอาไม่ต้องลำบากท่านกำลัง บาดเจ็บ”“ขอบพระทัยฝ่าบาท กวานชิงอ๋องบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยไม่ได้สาหัสอะไรคมกระบี่ไม่ถูกจุดสำคัญ”“ใครกันช่างทำเรื่องร้ายแรงเพียงนี้”น้ำเสียงขุ่นเคือง“การเดินมาเพื่องานราชพิธีบวงสรวงบรรพบุรษในครั้งนี้ ข้าชิงกวานอ๋องคิดไว้แล้วว่าต้องมีผู้ปองร้าย”“ท่านอาหลานสัญญาจะสืบสวนตามหาคนที่ …ลอบทำร้ายท่านอาให้จงได้”“ในครั้งนี้หากไม่ได้เสี่ยวเจิ้ง และจงหลินมาช่วยไว้ ข้าชิงกวานอ๋องคงกลายเ

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   จงชัง

    เสี่ยวเจิ้งยิ้มส่งสัญญาณมือแสดงความขอบคุณ“หยวนกังรับคำสั่ง ต่อไปคุณหนูให้เรียกคุณหนูเจิ้งเหม่ยอิง และเชื่อฟังคำสั่งคุณหนูเหมือนดังคำสั่งของข้า”"น้อมรับคำสั่งท่านอ๋อง”หยวนกังประสานมือ หันไปสบตากับเสี่ยวเจิ้งยิ้มๆ“อีกไม่มีกี่วันเมื่อข้าหายดีจึงจัดงานรับขวัญเจ้าดีไหม เพื่อประกาศออกไปทั่วเขตวังหลวงว่าชิงกวานอ๋องรับบุตรีบุญธรรม ที่งดงามเพียบพร้อม”เสี่ยวเจิ้งโบกมือห้ามว่าไม่ควรจัดงาน"ไม่ได้ ข้าชิงกวานอ๋องไร้ภรรยาและลูกได้เจ้าคอยเกื้อกูล เจ้าช่วยชีวิตข้าข้ามอบทุกอย่างให้เจ้าจึงสมควรแล้วต่อไปอย่าถือเป็นบุญคุณเพราะนี่คือข้าที่ต้องตอบแทนเจ้าที่ช่วยชีวิตข้า"จงหลินดึงเสี่ยงเจิ้งให้ย่อกายลงพร้อมกันอู่อินเฉิงก้าวขายาวๆ ป้อคุนก้าวตามแทบไม่ทัน"ฝ่าบาท ช้าหน่อยพ่ะย่ะค่ะ""ส่งคนตามสืบที่มาที่ไปของเสี่ยวเจิ้งคนนั้นให้เร็วที่สุด ก่อนที่ท่านอาจะยกย่องนางในตำแหน่งใดๆ ""ฝ่าบาท ท่านอ๋องไม่มีภรรยาและลูกรับนางเป็นลูกบุญธรรมก็เหมาะสมยิ่งแล้ว""ท่านอาเป็นน้องคนเล็กของเสด็จพ่อ ยังหนุ่มแน่นอีกทั้งยังไม่มีภรรยาเป็นคนอ่อนโยนมีไมตรี แล้วยังรูปงามเป็นหนึ่งเจ้าคิดว่าหญิงยากไร้ที่เข้ามาเพื่อต้องการแค่เพียงที่พั

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   แค่หญิงใบ้คนหนึ่ง

    หยวนกังเงยหน้าขึ้นช้าๆ แม้ไม่กล้าจ้องมองใบหน้างดงามเต็มตา รีบก้มหน้าหลบตาเสีย ทว่ากลับรู้สึกว่าบุรุษใดใต้หล้าหากได้พบพาน คงยากที่จะไม่ตกตะลึงในความงดงามสดใสของเสี่ยวเจิ้ง อีกทั้งยากจะลืมเลือน ถอนหายใจ ท่านอ๋องของเขาเองก็เพิ่งสามสิบกว่า ไม่แน่ว่ามีหญิงงามสดใสเช่นนี้ในจวนบางทีอาจจะเปลี่ยนใจด้านชาได้ไม่ยาก“ไปกันได้แล้วท่านองครักษ์”จงหลินอมยิ้มเมื่อเห็นว่าหยวนกัง ก้มหน้าไม่กล้ามองใบหน้างดงามของเสี่ยวเจิ้ง ที่แม้แต่จงหลินเองยังรู้สึกว่าเสี่ยวเจิ้งในวันนี้ ไม่เหมือนเสี่ยวเจิ้งที่แบกหลัวเดินตามจงหลินทำงานแลกเงินแล้วแต่จะมีคนเมตตา“เชิญคุณหนู”หยวนกังผายมือเดินนำไปที่ห้องด้านนอกก่อนจะปิดประตู ปล่อยให้เสี่ยวเจิ้งและจงหลินอยู่ข้างในเพียงลำพังกับช่างวัดตัวและสาวใช้ในจวนที่ยืนถือพับผ้าเนื้อดีมากมายตรงหน้า จงหลินวิ่งหยิบพับผ้าขึ้นมาดูด้วยความตื่นเต้นผ้าเนื้อดีที่ไม่เคยอาจเอื้อมบัดนี้กลับมาให้หยิบจับตามใจ“เสี่ยวเจิ้งดูสิ ดูนี่ นี่ นี่ นี่”วิ่งวนพับผ้าสีหน้าตื่นตาตื่นใจเสี่ยวเจิ้งยิ้มบางๆ“เจ้าไม่เลือก ข้าเลือกสีที่เหมาะกับเจ้าเอง ดูรึมีแต่ผ้าเนื้อดี หากสวมใส่บนร่างกายของเจ้าบวกกับใบหน้างดงามของ

บทล่าสุด

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   แค่หญิงใบ้คนหนึ่ง

    หยวนกังเงยหน้าขึ้นช้าๆ แม้ไม่กล้าจ้องมองใบหน้างดงามเต็มตา รีบก้มหน้าหลบตาเสีย ทว่ากลับรู้สึกว่าบุรุษใดใต้หล้าหากได้พบพาน คงยากที่จะไม่ตกตะลึงในความงดงามสดใสของเสี่ยวเจิ้ง อีกทั้งยากจะลืมเลือน ถอนหายใจ ท่านอ๋องของเขาเองก็เพิ่งสามสิบกว่า ไม่แน่ว่ามีหญิงงามสดใสเช่นนี้ในจวนบางทีอาจจะเปลี่ยนใจด้านชาได้ไม่ยาก“ไปกันได้แล้วท่านองครักษ์”จงหลินอมยิ้มเมื่อเห็นว่าหยวนกัง ก้มหน้าไม่กล้ามองใบหน้างดงามของเสี่ยวเจิ้ง ที่แม้แต่จงหลินเองยังรู้สึกว่าเสี่ยวเจิ้งในวันนี้ ไม่เหมือนเสี่ยวเจิ้งที่แบกหลัวเดินตามจงหลินทำงานแลกเงินแล้วแต่จะมีคนเมตตา“เชิญคุณหนู”หยวนกังผายมือเดินนำไปที่ห้องด้านนอกก่อนจะปิดประตู ปล่อยให้เสี่ยวเจิ้งและจงหลินอยู่ข้างในเพียงลำพังกับช่างวัดตัวและสาวใช้ในจวนที่ยืนถือพับผ้าเนื้อดีมากมายตรงหน้า จงหลินวิ่งหยิบพับผ้าขึ้นมาดูด้วยความตื่นเต้นผ้าเนื้อดีที่ไม่เคยอาจเอื้อมบัดนี้กลับมาให้หยิบจับตามใจ“เสี่ยวเจิ้งดูสิ ดูนี่ นี่ นี่ นี่”วิ่งวนพับผ้าสีหน้าตื่นตาตื่นใจเสี่ยวเจิ้งยิ้มบางๆ“เจ้าไม่เลือก ข้าเลือกสีที่เหมาะกับเจ้าเอง ดูรึมีแต่ผ้าเนื้อดี หากสวมใส่บนร่างกายของเจ้าบวกกับใบหน้างดงามของ

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   จงชัง

    เสี่ยวเจิ้งยิ้มส่งสัญญาณมือแสดงความขอบคุณ“หยวนกังรับคำสั่ง ต่อไปคุณหนูให้เรียกคุณหนูเจิ้งเหม่ยอิง และเชื่อฟังคำสั่งคุณหนูเหมือนดังคำสั่งของข้า”"น้อมรับคำสั่งท่านอ๋อง”หยวนกังประสานมือ หันไปสบตากับเสี่ยวเจิ้งยิ้มๆ“อีกไม่มีกี่วันเมื่อข้าหายดีจึงจัดงานรับขวัญเจ้าดีไหม เพื่อประกาศออกไปทั่วเขตวังหลวงว่าชิงกวานอ๋องรับบุตรีบุญธรรม ที่งดงามเพียบพร้อม”เสี่ยวเจิ้งโบกมือห้ามว่าไม่ควรจัดงาน"ไม่ได้ ข้าชิงกวานอ๋องไร้ภรรยาและลูกได้เจ้าคอยเกื้อกูล เจ้าช่วยชีวิตข้าข้ามอบทุกอย่างให้เจ้าจึงสมควรแล้วต่อไปอย่าถือเป็นบุญคุณเพราะนี่คือข้าที่ต้องตอบแทนเจ้าที่ช่วยชีวิตข้า"จงหลินดึงเสี่ยงเจิ้งให้ย่อกายลงพร้อมกันอู่อินเฉิงก้าวขายาวๆ ป้อคุนก้าวตามแทบไม่ทัน"ฝ่าบาท ช้าหน่อยพ่ะย่ะค่ะ""ส่งคนตามสืบที่มาที่ไปของเสี่ยวเจิ้งคนนั้นให้เร็วที่สุด ก่อนที่ท่านอาจะยกย่องนางในตำแหน่งใดๆ ""ฝ่าบาท ท่านอ๋องไม่มีภรรยาและลูกรับนางเป็นลูกบุญธรรมก็เหมาะสมยิ่งแล้ว""ท่านอาเป็นน้องคนเล็กของเสด็จพ่อ ยังหนุ่มแน่นอีกทั้งยังไม่มีภรรยาเป็นคนอ่อนโยนมีไมตรี แล้วยังรูปงามเป็นหนึ่งเจ้าคิดว่าหญิงยากไร้ที่เข้ามาเพื่อต้องการแค่เพียงที่พั

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   ต่อแต่นี้

    “อย่า เสี่ยวเจิ้งหนีไปกันเถอะ”แต่เสี่ยวเจิ้งหาสนใจคำพูดของจงหลินไม่ มือสังหารชะงักมือยกมืออีกข้างขึ้นกุมศรีษะที่มีเลือดไหลอาบเพราะก้อนหินก้อนไม่เล็กนักจากฝีมือการปาหินของเสี่ยวเจิ้ง คราวนี้จงหลินจึงช่วยปาก้อนหินเข้าใส่มือสังหารจนหนีกระเจิดกระเจิงเสี่ยวเจิ้งวิ่งเข้าไปพยุงร่างสูงที่กำลังจะล้มลง ชิงกวานอ๋องปรายตามองเสี่ยวเจิ้งก่อนที่สติจะดับวูบลงไป“ท่านอา ชิงกวานอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง”อู๋อินเฉิงก้าวขายาวๆด้วยความเร่งรีบยังจวนชิงกวานอ๋อง ร่างสูงวัยกลางคนนอน บนแท่นนอน มีหมอหลวงกำลังตรวจดูอาการบาดเจ็บ นางกำนัลและองค์รักษ์ต่างรายล้อม“ฝ่าบาท”ขยับกายลงจากแท่นนอนแต่อู่อินเฉิงพยุงไว้เสียก่อน“ท่านอาไม่ต้องลำบากท่านกำลัง บาดเจ็บ”“ขอบพระทัยฝ่าบาท กวานชิงอ๋องบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยไม่ได้สาหัสอะไรคมกระบี่ไม่ถูกจุดสำคัญ”“ใครกันช่างทำเรื่องร้ายแรงเพียงนี้”น้ำเสียงขุ่นเคือง“การเดินมาเพื่องานราชพิธีบวงสรวงบรรพบุรษในครั้งนี้ ข้าชิงกวานอ๋องคิดไว้แล้วว่าต้องมีผู้ปองร้าย”“ท่านอาหลานสัญญาจะสืบสวนตามหาคนที่ …ลอบทำร้ายท่านอาให้จงได้”“ในครั้งนี้หากไม่ได้เสี่ยวเจิ้ง และจงหลินมาช่วยไว้ ข้าชิงกวานอ๋องคงกลายเ

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   นางใบ้

    “กินเสร็จค่อยเดินทางกลับบ้านข้าว่าเราสองคนควรจะแวะที่ตลาดเสียหน่อย เลือกซื้อเครื่องสำอางหรือว่าเครื่องประดับกันดีไหม ข้าขอท่านแม่ว่าได้เงินค่าจ้างงวดนี้ข้ากับเจ้าเราสองคนจะแวะเที่ยวตลาดเสียหน่อย”เสี่ยวเจิ้งส่ายหน้าโบกมือ“เจ้าก็เป็นแบบนี้เราสองคน18ปีแล้วควรจะงดงามและใช้ชีวิตเยี่ยงหญิงสาวได้แล้ว เสี่ยวเจิ้งงงง เราสองคนผ่านวัยเด็กมาแล้ว ข้าอยากจะเห็นว่าเสี่ยวเจิ้งของเราหากอาบน้ำอาบท่าแต่งกายให้งดงามเสียหน่อยจะเป็นอย่างไรหนอ” เสี่ยวเจิ้งก้มหน้า จะเถียงว่าเก็บไว้ใช้ยามที่แก่ชราจะดีไหม หาได้สนใจวัยสาวที่กำลังจะผ่านเข้ามาไม่“น้าาา เจ้าต้องลองเปลี่ยนตัวเอง ข้าห่วงที่สุดก็เจ้านั่นแหละเสี่ยวเจิ้งใจดีเหลือเกิน คนผู้คนล้วนจ้องรังแกและเอาเปรียบเจ้า” เสี่ยวเจิ้งพุ้ยข้าวใส่ปาก ตาเฒ่าในห้องเครื่องคนเมื่อเช้าเดินเข้ามาข้างในวางก้อนเงินให้กับ เสี่ยวเจิ้งและจงหลินคนละก้อน“นายท่านทำไมมันน้อยแบบนี้”“พวกเจ้ามาช้า แล้วอีกอย่างนี่ข้าวนี่กับของที่พวกเจ้ากินไป ข้าก็หักออกจากค่าแรง ทำงานไม่ถึงวันก็เอาไปแค่นี้พอ”จงหลินลุกขึ้นยืน เท้าสะเอวผลักตาเฒ่าหงายหลัง“จะมากไปแล้วนะ กว่าจะได้กินก็เลยยามอู่ทำงานไม่ห

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   ลำบาก

    “ตื่นสินางใบ้ เอาแต่นอนอยู่ได้ วันนี้มีงานสำคัญ เจ้าจะต้องรีบไปช่วยทำอาหารในวัง”เสี่ยวเจิ้งลุกพลวดจากแท่นนอนที่ทำจากไม้ไผ่หญิงอ้วนร่างท้วมนามจงหลานหรือป้าจงตวาดดังลั่น“เสี่ยวเจิ้งนี่ต้องเป็นเจ้าที่ต้องนำไป”ยกหลัวใส่บนแผ่นหลังเล็ก แล้วยัดทุกอย่างเท่าที่จะยัดได้ลงไป“อือ อือ”อยากจะบอกว่าหนักแต่เปล่งเสียงได้เพียงเท่านั้น“อย่าโวยวาย”ป้าจงดุ เสี่ยวเจิ้งได้เพียงก้มหน้ามองพื้นจงหลินรีบแบ่งของบนหลัวของเสี่ยวเจิ้งมาไว้บนหลัวของตัวเองบ้าง“ท่านแม่ ใจร้ายกับเสี่ยวเจิ้งจริงๆ เฮ้อเสี่ยวเจิ้งถ้าเจ้า.. ไม่เป็นใบ้คงจะดีกว่านี้ ใบหน้าเจ้าก็หาได้ขี้ริ้วไม่ ไป๊ไปกันเถิด”จูงมือเสี่ยวเจิ้งที่รักเหมือนน้องสาวเสี่ยวเจิ้งยิ้มโบกมือให้จงหลินเห็นว่าไม่เป็นไร เดินตามทางไปพร้อมกันเพื่อเข้าสู่วังหลวง “ฮ่องเต้เสด็จจจจ ฮองเฮาเสด็จจจจจ”ร่างสูงเกินบุรุษอื่นที่เด่นสง่ามองเห็นในระยะไกล เสี่ยวเจิ้งยืนนิ่งนี่หรือคือฮ่องเต้ ที่ได้ยินคนเล่าขานว่าเป็นฮ่องเต้รูปงามที่สุดในเจ็ดคราบสมุทรจงหลินกระตุกแขนเสื้อกลัวว่าเสี่ยวเจิ้งจะไม่ได้ยินคำขานของขันที ดึงร่างเล็กกว่าของเสี่ยวเจิ้งหลบเข้าข้างทาง กดศรีษะให้ก้มจนไม่เห็

DMCA.com Protection Status