“อย่า เสี่ยวเจิ้งหนีไปกันเถอะ”
แต่เสี่ยวเจิ้งหาสนใจคำพูดของจงหลินไม่ มือสังหารชะงักมือยกมืออีกข้างขึ้นกุมศรีษะที่มีเลือดไหลอาบเพราะก้อนหินก้อนไม่เล็กนักจากฝีมือการปาหินของเสี่ยวเจิ้ง คราวนี้จงหลินจึงช่วยปาก้อนหินเข้าใส่มือสังหารจนหนีกระเจิดกระเจิง
เสี่ยวเจิ้งวิ่งเข้าไปพยุงร่างสูงที่กำลังจะล้มลง ชิงกวานอ๋องปรายตามองเสี่ยวเจิ้งก่อนที่สติจะดับวูบลงไป
“ท่านอา ชิงกวานอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง”
อู๋อินเฉิงก้าวขายาวๆด้วยความเร่งรีบยังจวนชิงกวานอ๋อง ร่างสูงวัยกลางคนนอน บนแท่นนอน มีหมอหลวงกำลังตรวจดูอาการบาดเจ็บ นางกำนัลและองค์รักษ์ต่างรายล้อม
“ฝ่าบาท”
ขยับกายลงจากแท่นนอนแต่อู่อินเฉิงพยุงไว้เสียก่อน
“ท่านอาไม่ต้องลำบากท่านกำลัง บาดเจ็บ”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท กวานชิงอ๋องบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยไม่ได้สาหัสอะไรคมกระบี่ไม่ถูกจุดสำคัญ”
“ใครกันช่างทำเรื่องร้ายแรงเพียงนี้”น้ำเสียงขุ่นเคือง
“การเดินมาเพื่องานราชพิธีบวงสรวงบรรพบุรษในครั้งนี้ ข้าชิงกวานอ๋องคิดไว้แล้วว่าต้องมีผู้ปองร้าย”
“ท่านอาหลานสัญญาจะสืบสวนตามหาคนที่ …ลอบทำร้ายท่านอาให้จงได้”
“ในครั้งนี้หากไม่ได้เสี่ยวเจิ้ง และจงหลินมาช่วยไว้ ข้าชิงกวานอ๋องคงกลายเป็นผี”
“คงต้องปูนบำเน็จให้คนผู้นั้น”
“ข้าชิงกวานอ๋องไร้ผู้สืบสกุลหามีบุตรชายคงจะต้องสู่ขอนางมาเป็นสะใภ้ ตอนนี้จึงทำได้เพียงนำนางมาเลี้ยงดูในตำแหน่งบุตรีบุญธรรม”
อู๋อินเฉิงยิ้ม บางๆ
“ดียิ่งแล้วท่านอาจะได้มีคนคอยดูแล แต่ทว่าคงต้องสืบหาชาติกำเนิดกันเสียหน่อยเกรงว่าจะเป็นคนที่ตั้งใจเข้ามาเพื่อหาผลประโยชน์เพราะท่านอาเป็นถึงชิงกวานอ๋อง”
ชิงกวานอ๋อง ยิ้ม
“เด็กคนนี้ ในสายตาชิงกวานอ๋องคงไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เพราะนางไม่ลังเลที่จะช่วยคนใกล้ตายเช่นข้า”
"ท่านแม่ ต้องเรียกเสี่ยวเจิ้งว่าคุณหนูได้แล้วท่านอ๋องหายจากอาการบาดเจ็บ ท่านอ๋องจะจัดงานเปิดตัวบุตรีบุญธรรม"ป้าจงอ้าปากค้าง
"เป็นวาสนาของเจ้าแล้ว สวรรค์คงเห็นใจเจ้าลำบากมาไม่น้อยดีแล้วต่อไปข้ากับหลินลี่จึงวางใจ"
จงหลินพยักหน้ากุมมือเสี่ยวเจิ้งที่ส่ายหน้าไปมา ส่งภาษามือให้เข้าใจว่าหากทั้งจงหลินและป้าจงไม่อยู่ที่นี่ด้วยกัน เสี่ยงเจิ้งก็ไม่อยู่
จงหลิน จับให้เสี่ยวเจิ้งนั่งลงแปรงผมให้ช้าๆ
“ดูนี่ ดูใบหน้างดงามของเจ้าก่อนเเสี่ยวเจิ้ง ทุกอย่างเป็นเพราะสวรรค์กำหนดไว้แล้ว ว่าเจ้าจะต้องเป็นบุตรีบุญธรรมของท่านอ๋อง”
“พวกเจ้าก็อยู่ด้วยกันเสียที่นี่ คอยดูแลเสี่ยวเจิ้ง นางอาภัพพูดไม่ได้บางทีพวกเจ้าอาจเข้าใจที่นางพูดแล้วส่งต่อมายังข้า”
องครักษ์ข้างกายหยวนกังเข็นรถเข็นที่ชิงกวานอ๋องนั่งบนนั้นเข้ามาในห้อง เสี่ยวเจิ้ง จงหลินและป้าจงต่างย่อกายลงตรงหน้าอย่างอ่อนช้อย
“เสี่ยวเจิ้ง ข้าไม่ส่งสาวใช้ให้เจ้าเพราะกลัวว่าเจ้าจะอึดอัด ให้แม่นางจงแม่ลูกคอยดูแลเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าก็คงต้องการเช่นนี้ พรุ่งนี้ให้ช่างตัดอาภรณ์ชุดใหม่ให้พวกเจ้าเข้ามาวัดตัวในจวนอ๋อง และให้ร้านเครื่องประดับนำเครื่องประดับมาเยอะหน่อยให้พวกเจ้าเลือก”
“ขอบคุณท่านอ๋อง”
จงหลินเอ่ยปากแทนคนทั้งหมด ที่ย่อกายลงพร้อมกันอีกครั้ง
“เฮ้อ สมบัติมากมายของข้าเวลาใกล้จะตายไปก็กลับติดตัวไปไม่ได้ แม้มีสมบัติมากมายจะจ้างคนคุ้มกันก็ไม่มีใครมาทันเวลา มีเพียงเจ้าเสี่ยวเจิ้งที่มือเปล่าช่วยข้าไว้ยามยาก หากจะพูดไป ข้ากับเจ้าคงมีวาสนาเกื้อกูลกันมาก่อน”
เสี่ยวเจิ้งยิ้มส่งสัญญาณมือแสดงความขอบคุณ“หยวนกังรับคำสั่ง ต่อไปคุณหนูให้เรียกคุณหนูเจิ้งเหม่ยอิง และเชื่อฟังคำสั่งคุณหนูเหมือนดังคำสั่งของข้า”"น้อมรับคำสั่งท่านอ๋อง”หยวนกังประสานมือ หันไปสบตากับเสี่ยวเจิ้งยิ้มๆ“อีกไม่มีกี่วันเมื่อข้าหายดีจึงจัดงานรับขวัญเจ้าดีไหม เพื่อประกาศออกไปทั่วเขตวังหลวงว่าชิงกวานอ๋องรับบุตรีบุญธรรม ที่งดงามเพียบพร้อม”เสี่ยวเจิ้งโบกมือห้ามว่าไม่ควรจัดงาน"ไม่ได้ ข้าชิงกวานอ๋องไร้ภรรยาและลูกได้เจ้าคอยเกื้อกูล เจ้าช่วยชีวิตข้าข้ามอบทุกอย่างให้เจ้าจึงสมควรแล้วต่อไปอย่าถือเป็นบุญคุณเพราะนี่คือข้าที่ต้องตอบแทนเจ้าที่ช่วยชีวิตข้า"จงหลินดึงเสี่ยงเจิ้งให้ย่อกายลงพร้อมกันอู่อินเฉิงก้าวขายาวๆ ป้อคุนก้าวตามแทบไม่ทัน"ฝ่าบาท ช้าหน่อยพ่ะย่ะค่ะ""ส่งคนตามสืบที่มาที่ไปของเสี่ยวเจิ้งคนนั้นให้เร็วที่สุด ก่อนที่ท่านอาจะยกย่องนางในตำแหน่งใดๆ ""ฝ่าบาท ท่านอ๋องไม่มีภรรยาและลูกรับนางเป็นลูกบุญธรรมก็เหมาะสมยิ่งแล้ว""ท่านอาเป็นน้องคนเล็กของเสด็จพ่อ ยังหนุ่มแน่นอีกทั้งยังไม่มีภรรยาเป็นคนอ่อนโยนมีไมตรี แล้วยังรูปงามเป็นหนึ่งเจ้าคิดว่าหญิงยากไร้ที่เข้ามาเพื่อต้องการแค่เพียงที่พั
หยวนกังเงยหน้าขึ้นช้าๆ แม้ไม่กล้าจ้องมองใบหน้างดงามเต็มตา รีบก้มหน้าหลบตาเสีย ทว่ากลับรู้สึกว่าบุรุษใดใต้หล้าหากได้พบพาน คงยากที่จะไม่ตกตะลึงในความงดงามสดใสของเสี่ยวเจิ้ง อีกทั้งยากจะลืมเลือน ถอนหายใจ ท่านอ๋องของเขาเองก็เพิ่งสามสิบกว่า ไม่แน่ว่ามีหญิงงามสดใสเช่นนี้ในจวนบางทีอาจจะเปลี่ยนใจด้านชาได้ไม่ยาก“ไปกันได้แล้วท่านองครักษ์”จงหลินอมยิ้มเมื่อเห็นว่าหยวนกัง ก้มหน้าไม่กล้ามองใบหน้างดงามของเสี่ยวเจิ้ง ที่แม้แต่จงหลินเองยังรู้สึกว่าเสี่ยวเจิ้งในวันนี้ ไม่เหมือนเสี่ยวเจิ้งที่แบกหลัวเดินตามจงหลินทำงานแลกเงินแล้วแต่จะมีคนเมตตา“เชิญคุณหนู”หยวนกังผายมือเดินนำไปที่ห้องด้านนอกก่อนจะปิดประตู ปล่อยให้เสี่ยวเจิ้งและจงหลินอยู่ข้างในเพียงลำพังกับช่างวัดตัวและสาวใช้ในจวนที่ยืนถือพับผ้าเนื้อดีมากมายตรงหน้า จงหลินวิ่งหยิบพับผ้าขึ้นมาดูด้วยความตื่นเต้นผ้าเนื้อดีที่ไม่เคยอาจเอื้อมบัดนี้กลับมาให้หยิบจับตามใจ“เสี่ยวเจิ้งดูสิ ดูนี่ นี่ นี่ นี่”วิ่งวนพับผ้าสีหน้าตื่นตาตื่นใจเสี่ยวเจิ้งยิ้มบางๆ“เจ้าไม่เลือก ข้าเลือกสีที่เหมาะกับเจ้าเอง ดูรึมีแต่ผ้าเนื้อดี หากสวมใส่บนร่างกายของเจ้าบวกกับใบหน้างดงามของ
“ข้าน้อยยังไม่อาจบอกได้ แต่ทว่าหากท่านอ๋องพักฟื้นให้ดี ไม่ออกแรงในตอนนี้อีกทั้งดูแลตัวเองให้มาก และจะต้องให้ข้าน้อยทำการรักษาให้ก่อน ระหว่างนี้และห้ามออกแรงบริเวณข้อเท้าหรือห้ามเดินนั่นเอง จนกว่าจะรักษาให้หายได้ จึงค่อยกลับมาฝึกเดินอีกครั้ง”ชิงกวานอ๋องนิ่งงันดังถูกสาป“ตะ ตะแต่ไม่ได้บอกว่าจะเดินไม่ได้ แต่ท่านอ๋องจะต้องรักษาตัวนานหน่อยก็เท่านั้น”ยิ้มเศร้าๆ“ไม่เป็นไร ส่งท่านหมอเถิด”“ท่านอ๋อง ข้าน้อยจะหายาดี มารักษาท่านอ๋องจนได้”รับปากทมั่นเหมาะชิงกวานอ๋องผู้นี้เมตาทุกคน จะมีกี่คนที่เกลียดชัง“ขอบใจเจ้ายิ่ง”หมอหลวงก้มหน้าด้วยความหนักใจ เข้าใจดีว่าชิงกวานอ๋องเป็น แม่ทัพผู้เกรียงไกรอีกทั้งยังเป็นคนที่ฝ่าบาทวางใจที่สุดหากจะแบกรับคำว่าเดินไม่ได้หรือพิการจะต้องทนทุกข์เพียงใดกันจงหลินกับเสี่ยวเจิ้ง เดินเข้ามายืนด้านหลังของชิงกวานอ๋อง“ จงหลินคารวะท่านอ๋อง”ใบหน้าเศร้าหันมายิ้มกว้าง จ้องมองเสี่ยวเจิ้งที่เปลี่ยนไปด้วยความตกตะลึงแววตาพึงพอใจ ใบหน้างดงามอ่อนหวานทว่าสดใสกว่าครั้งแรกที่เขาเห็น ใบหน้าขะมุกขะมอมนั้นหายไปผิวขาวกระจ่างใส ที่สำคัญคือแววตาสดใสนั้น ยิ้มบางๆ“ เจ้า แต่งกายแบบนี้ดูดีขึ้
“ไม่มีอะไรน่าห่วงฝ่าบาททรงกังวลมากไปแล้ว สองวันมานี่ชิงกวานอยู่สบายกินอิ่มนอนหลับ”อู่อินเฉิงเหลือบตามองเครื่องเสวยบนโต๊ะที่มากมายก่ายกอง“ตั้งใจจะมาเสวยร่วมกันกับท่านอา อินเฉิงมาช้าไปเสียแล้วใช่ไหม”หยวนกังยกถาดชาเข้ามาพร้อมกับขนมขบเคี้ยว“ข้าเพิ่งจะอิ่มไปเมื่อครู่”“วันนี้ ท่านอ๋องทรงเสวยร่วมกันกับคุณหนูเจิ้ง”ชิงกวานอ๋องขมวดคิ้ว เมื่อเห็นรอยยิ้มหยันผุดขึ้นที่ใบหน้าของอินเฉิงก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าปกติ“คุณหนูเจิ้งท่านอาจะไม่แนะนำนางหน่อยหรือไร”“หากเป็นพระบัญชาชิงกวานก็ไม่อาจขัดพระบัญชา แต่หากว่าไม่มีบัญชาก็คงต้องรอให้ถึงวันที่ชิงกวานจะเลี้ยงต้อนรับนางอย่างเป็นทางการ เพราะชิงกวานเพิ่งจะให้นางกลับไปที่ห้องของนางเมื่อครู่”ป้อคุนประสานมือถอยออกจากตรงนั้นไปในทันที“ไม่มีความจำเป็นถึงเพียงนั้น ท่านอาเองพักผ่อนเสียเถิด หลานแค่เพียงแวะมาก็เท่านั้นห่วงอาการบาดเจ็บของท่านอา อินเฉิงกำชับหมอหลวงให้หาทางรักษาให้ดีที่สุด และอีกอย่างงานที่ท่านอารับผิดชอบอยู่ ต่อจากนี้คงต้องให้ชินอ๋องดูแลแทนไปก่อนจนกว่าท่านอาจะหายหรือดีขึ้นกว่านี้”ชิงกวานอ๋อง ยิ้มน้อยๆ“ชินอ๋อง อืม ไม่เลวควรจะมีหน้าที่รับ
"ฝ่าบาท… คงไม่มีโอกาสแล้วพ่ะย่ะค่ะ""หมายถึงเรื่องที่ท่านอามีใจให้หญิงใบ้คนนั้นนะหรือ""ข้าน้อยเห็นว่า เป็นธรรมดาที่ท่านอ๋องจะจิตใจไหวเอนเพราะ เพราะนางงดงามที่สุด (กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น) งดงามเกินกว่าจะคาดถึง""หญิงทั่วไปเช่นนางใบ้ ไม่ได้มีฐานะสูงส่งจะงดงามได้แค่ไหนกัน""ฝ่าบาท ป้อคุนพบหน้าเจิ้งเหม่ยอิงแล้วพูดได้เพียงว่าในตอนนี้นางคือหญิงงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าแห่งนี้""ไม่ใช่สำหรับข้า นางก็เพียงหญิงงามที่ตั้งใจมาล่อลวงท่านอาให้ไขว่เขว้ก็เท่านั้น ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้จริงอย่างที่เจ้าว่า แต่หาใช่เพราะความงามของนางหากแต่ท่านอาในตอนนี้หลงใหลนางเกินกว่าที่ข้าจะกล้าขัดใจ เรายังต้องอาศัยท่านอาในหลายเรื่อง รอให้เหล่าขุนนางวางใจในตัวข้าเสียก่อนที่ผ่านมาทุกอย่างต้องผ่านชิงกวานอ๋องเพียงผู้เดียว เพราะเสด็จพ่อทรงฝากฝังข้ากับแคว้นเหว่ยไว้กับท่านอา”“ฝ่าบาทคงต้องพูดเรื่องนี้กับท่านอ๋อง”“ท่านอายินดีสละทุกอย่างขอเพียงมีนางข้างกาย ข้ากลัวว่าข้าพูดเจาะจงท่านอายิ่งจะขุ่นเคือง”“แล้วฝ่าบาทจะทำเช่นไรต่อจากนี้”“ทำให้นางมัวหมองจนท่านอา ..ไม่อาจจะยกย่องนางได้”ป้อคุนหน้าถอดสี หญิงใบ้อ่อนต่อโลกเพียงคนเดียวอู่อ
อู่อินเฉิงควบม้าด้วยความเร็วมุ่งตรงยังตำหนักฤดูหนาวที่ห่างไกลจากวังหลวงนับ ร้อยลี้“ชือหรูไปไหน ทำไมไม่มากับเกี้ยว”จงหลินตั้งข้อสังเกต เสี่ยวเจิ้งเปิดผ้าม่านมองหาชือหรูแต่ก็ไม่เห็นส่งภาษามือเหมือนจะบอกว่าชือหรูคงล่วงหน้าไปก่อนแล้ว จงหลินพยักหน้าเข้าใจแต่ก็อดที่จะกังวลไม่ได้ ในเมื่อวันนี้หยวนกังไม่ได้ออกมาด้วยคนหามเกี้ยว พาเกี้ยวลัดเลาะไปตามชายป่าก่อนจะถึงย่านร้านตลาดบุรุษที่สวมอาภรณ์สีดำมีผ้าปิดบังใบหน้าเข้าล้อมเกี้ยวไว้คนหามเกี้ยวต่างวางเกี้ยวรอดูท่าที“หยุดเกี้ยว”คนหามเกี้ยวรู้แล้วว่าคนทั้งหมดไม่ได้มาดีแน่ ชักกระบี่ออกมาป้องกันตัว แต่ทว่าบุรษนับสิบมีหรือจะเกรงกลัว ต่างคนต่างห่ำหั่นฟาดฟัน คนหามเกี้ยวล้วนบาดเจ็บร้องโอดโอยด้วยกำลังคนและฝีมือด้อยกว่า“ส่งของมีค่ามาให้หมด”จงหลินกำมือเสี่ยวเจิ้งไว้แน่น“หนี”เสี่ยวเจิ้งเหลือบตามองช่องหน้าต่างตรงผ้าม่าน รีบพุ่งตัวออกไปจากเกี้ยวแต่ช้าไปเสียแล้ว บุรุษผู้หนึ่งขวางหน้าไว้ กระชากร่างเล็กของจงหลินติดมือไป“ฮ่าาาา มี สาวงามด้วยข้าขอคนนี้ เฮ้ยข้าเอาอีกคนหนึ่งละกัน”จงหลิน ก้มลงกัดไปบนท่อนแขนของบุรุษผู้นั้นที่มือไวเท่าความคิดสะบัดมือเข้าใส่ใบหน
“แต่ไม่ใช่ข้าข้าไม่มีทางหลงใหลเจ้าแน่”วางร่างบางลงบนแท่นหินที่เขาเพิ่งลุกขึ้นเมื่อครู่ มองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าหญิงใบ้เช่นไรจึงมีใบหน้างดงามเพียงนี้ หรืออาจเพราะนางเสแสร้งให้ชิงกวานอ๋องหลงใหลนางเพื่อแผนการบางอย่างเห็นได้ชัดว่า นางใช้ชีวิตปกติกับชิงกวานอ๋องเขาได้ยินว่านางฟังออกทว่าไม่ยอมเปล่งเสียง เป็นไปได้มากว่าแสร้งทำเพื่อให้ชิงกวานสงสารใช้กระบวยทำจากผลฝักแห้ง ผ่าครึ่งตักน้ำในอ่างหิน สาดเข้าใส่ใบหน้าของเสี่ยวเจิ้งอย่างแรง“แค่กๆๆๆ แอ่กๆๆๆๆ ปล่อย…” ด้วยความตกใจและยังคิดว่าถูกจับตัวไว้จากบุรษผู้อำพรางตัว เสี่ยวเจิ้งจึงเผลอพูดออกมาเป็นคำพูดชัดเจน อินเฉิงยิ้มหยันสาดน้ำเข้าใส่ใบหน้าอีกครั้งเสี่ยวเจิ้งลืมตามอง ใบหน้าหล่อเหลาที่จำได้ขึ้นใจว่าคือฮ่องเต้แคว้นเหว่ยที่เคยดูแคลนเสี่ยวเจิ้งกับจงหลินในวันนั้น ก็ผละถอยห่างด้วยความกลัว“เสแสร้งยิ่งนัก”เสี่ยวเจิ้งผุดลุกขึ้น อาภรณ์สีขาวเปียกปอนหนาวสั่น ผ้าแพรบางเบาแนบเนื้อเนียนมองเห็นเนื้อหนังและอกอวบอิ่มชัดเจน แม้จะหนาวแค่ไหนก็ฝืนใจรีบวิ่งออกจากตรงนั้น แต่อินเฉิงคว้ามือบางกระชากสุดแรงจนร่างเล็กชนเข้ากับแท่นหินจุกแอ่ก“จะไปไหน เจ้าต้องอยู่ที่นี่
เสี่ยวเจิ้งถลาเข้ายื้ออินเฉิงไว้พยายามส่งภาษามืออธิบายว่าเสี่ยวเจิ้งไม่ได้ต้องการจะมาเป็นชายาท่านอ๋อง อินเฉิงแกะมือเล็กออกผลักให้ล้มลงไปกองกับพื้น“เจ้าคงเห็นว่า ข้าสูงส่งกว่าท่านอา แต่รู้ไว้ข้าเป็นฮ่องเต้ไม่กินของเหลือเดนจากคนอื่นไม่ต้องมายั่วยวนถูกเนื้อต้องตัวข้า อีกอย่างนู่นครัวไปเตรียมเครื่องเสวยก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้าเพราะความหิว”ตวาดเสียงดังลั่น ไร้เหตุผล เสี่ยวเจิ้งทรุดลงไปกองกับพื้นก้มหน้านิ่งหยิบอาภรณ์มาสวมก้าวเดินเข้าห้องครัวไปอย่างยอมจำนน แต่ในใจเล่ากำลังคิดหาทางที่จะหนีไปจากที่นี่เสียก่อไฟหุงข้าวในหม้อดินด้วยไฟอ่อนๆ ก้าวเดินไปยังห้องเก็บเสบียงที่อยู่ติดกันกับครัวกว้างภายใน ห้องเก็บเสบียง ที่หนาวเหน็บเสี่ยวเจิ้งยกมือกอดอก ที่มองเห็นในตอนนี้คือ นกเป็ดน้ำที่ถูกเก็บไว้ โดยการนำมาหมักเครื่องพะโล้กันเน่าเหม็นให้เครื่องพะโล้แทรกซึมเข้าไปในเนื้อ เสี่ยวเจิ้งหั่นช่วงอกออกมาจากราวแขวนเดินถือเนื้อนกเป็ดออกมา ก้มลงขุดเหง้าขิงจากใต้ต้นดอกเหมยที่ขึ้นเป็นกอ ได้ขิงอ่อนแก่อย่างละครึ่งมองสำรวจไปทั่วบริเวณ“หิวแล้ว ข้าหิวแล้วเจ้าทำอะไรอยู่หญิงใบไร้ศักดิ์ ชักช้าเสียจริง”เสี่ยวเจิ้งสะดุ้งโหยงเ
"แต่ฝ่าบาทหมดหนทางแล้วท่านอ๋องจะต้องไม่เป็นอะไรหยวนกังก็จะพาท่านอ่องหนีออกมาเช่นกันตามที่ตกลงกันไว้ตอนนี้แค่เพียงช่วยให้ฝ่าบาทหนีออกมาก่อน ท่านอ๋องขวางพวกมันไว้เพื่อให้ฝ่าบาทหนีอกมาฝ่าบาทอย่าทำให้ความตั้งใจของท่านอ๋องเสียเปล่า""แต่ท่านอาบาดเจ็บไม่น้อยข้าจะไปช่วยท่านอา เจ้าขลาดเขลาเพียงนั้นเชียวหรือป้อคุน"ป้อคุนทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น"ฝ่าบาท หนีก่อนก่อนเถอะขอรับ ความปลอดภัยของฝ่าบาทสำคัญที่สุดท่านอ๋องทรงเข้าใจข้อนี้ดีจึงพยายามที่จะกันทหารพวกนั้นเพื่อให้ฝ่าบาทหนีไปหากว่าฝ่าบาทยังเป็นว่าสิ่งที่ป้อคุนหยวนกังและท่านอ๋องทำไปทั้งหมดนั้นขลาดเขลาป้อคุนจะขอให้ฝ่าบาททรงสังหารป้อคุนเสียไม่เช่นนั้นป้อคุนก็ไม่อาจปล่อยให้ฝ่าบาท กลับไปที่ด่านปงเปียง"อู่อินเฉิงทรุดกายลงปล่อยกระบี่ลงข้างกาย"ข้าไม่อาจปล่อยท่านอาไว้ที่นั่นป้อคุนเข้าใจไหมท่านอาเป้นเหมือนบิดาเป็นเป็นพี่น้องและเป็นเหมือนคนที่หวังดีกับข้าเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้""ฝ่าบาท ท่านอ๋องจะดีใจหากทว่าฝ่าบาทปลอดภัยและด้วยความภักดีของหยวนกังจะไม่มีทางให้ท่านอ๋องต้องตาย"อู่อินเฉิงพยักหน้า"กันเถอะไปรอที่ด่านชายแดนแคว้นใต้"สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ท่านอาเราทั้งหมดลงเรือลำเดียวกันแล้วข้าไม่อาจดูดายปล่อยให้ท่านอาและพวกเขาต้องเผชิญศึกเพียงลำพัง เช่นนั้นจึงขอยืนยันคำเดิมว่าจะอยู่ที่นี่แต่สัญญาว่าหากเราทั้งหมดไม่อาจต้านทัพของอิงฉางได้ข้าจะเร้นกายไปยังที่ปลอดภัยพร้อมกันนั้นท่านอาเองก็สำคัญไม่น้อยการกอบกู้บัลลังก์ของเฉิงอู่ต้องกาศัยท่านอา เช่นนั้นหากเราทั้งหมดไม่อาจต่อกรก็ควรจะหนีไปเสียแต่ในตอนนี้ก็ต้องลองยืนหยัดให้ถึงที่สุดก่อน”ชิงกวานอ๋องถอนหายใจปฏิเสธไม่ได้ว่าที่อินเฉิงพูดมาทุกอย่างล้วนสำคัญเขาเองจากประสบการณ์ที่ผ่านมารู้ดีว่าด่านปงเปียงมีกำลังเพียงหยิบมือไม่อาจต่อกรกับทหารของอินฉางฮ่องเต้ได้แม้จะมีฝีมือดีแค่ไหนก้ไม่อาจต่อกรกับทหารจำนวนมากราวกับมดปลวกได้“ฝ่าบาทอย่าลืมคำมั่นนี้หากว่าไม่อาจต่อกรฝ่าบาทจะต้องหนีไปเสียอย่าได้ห่วงใครไม่ว่าจะใครหรือแม้กระทั่งชิงกวานอ๋อง”อู่อิงเฉิงยิ้มน้อยๆ“อิงเฉิงสัญญาจะไม่ทำให้ท่านอาจต้องเป้นกังวล“ดี เช่นนั้นร่วมรบเคียงข้างสร้างขวัญกำลังใจ ป้อคุนหยวนกังอารักขาฝ่าบาทจนถึงที่สุดหากไม่ไหวสิ่งเดียวที่ต้องทำแบบไม่ต้องคิดคือพาฝ่าบาทเร้นกายไปเสียแล้วพบกันที่จุดนัดพบข้ามผ่านด่านชายแดนแคว้นใต้”สี่แรงร่วมใจฟ
“เช่นนั้นหยงเจิ้งกลับไปที่นั่น เสด็จพ่อกับฮองเฮาตั้งใจออกผนวช จึงขาดคนคอยดูแล”“จะดีไหมหากให้ป้อคุนไปคอยดูที่นั่น พร้อมกับหยวนกัง”“ข้าตั้งใจประทานงานแต่งงานให้กับป้อคุนและซือหรูเสียเพราะสองคนรอเวลานี้มานาน”หยงเจิ้งพูดยิ้มๆ“ดีเลย เช่นนั้นส่งข่าวให้เจียเกอช่วยดูแลพวกเขา ระหว่างนี้คนทั้งหมดภักดียิ่งนักไม่มีสิ่งใดให้หนักใจ ฝ่าบาทหยงเจิ้งจึงจะออกผนวชได้อย่างหมดห่วงเสียที”“ที่นี่คงเงียบเหงาหากไม่มีป้อคุนหยวนกังและซือหรู”“ชิงกวานน้อย ขอตามไปที่วังหลวงแคว้นใต้กับท่านอาทั้งสอง ข้าเองก็ไม่อาจขัดเพราะหยวนกังกับป้อคุนดูแลชิงกวานน้อยอีกทั้งยังฝึกปรือวรยุทธ์ให้จนเชี่ยวชาญ”“คงจะต้องคิดถึงทุกคน”อินเฉิงกอดรวบร่างอุ้ยอ้ายไว้ในอ้อมแขน“มีข้าอยู่เจ้าจะไม่ต้องเหงา”“ฝ่าบาทเอาแต่ใจใครกันจะลืมได้ เมื่อคราวอยู่ที่ตำหนักฤดูหนาวก็เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน”“เช่นนั้นอย่างไรเล่าเจ้าจึงตั้งครรภ์ข้าจึงไม่ต้องรอนาน หากไม่ไปที่ตำหนักฤดูหนาวรำลึกความหลังกันเจ้าจะตั้งครรภ์หรือไร ข้าเองตามใจชิงกวานน้อยที่อยากจะมีน้อง”หยงเจิ้งยิ้มเขินอาย ใบหน้าแดงระเรื่อ อู่อินเฉิงกอดไว้แน่น“ข้ารักเจ้ามีเจ้าคนเดียวตลอดไปข้าสัญญาและจะไม
อินเฉิงลุกขึ้นพิงแท่นบรรทมเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่างมองเห็นชัดเจนแจ่มใส ทั้งสองตารอยยิ้มเป็นสุข ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของหยงเจิ้งที่หลับใหลไปกับอ้อมกอดของเขา ความสุขที่มาถึงยามที่ผ่านความทุกข์ระทม จึงนับว่าเป็นความสุขที่แท้จริงสายลมพัดผ่าน ชิงกวานอ๋องวิ่งหลบซุกตัวยังโขดหิน หยวนกังเกาหัวแกรกๆ ป้อคุนวิ่งตาม หันหน้าหันหลังไม่พบ อ๋องน้อยว่าแอบหลบอยู่ตรงไหนหยวนกังส่ายหน้าไปมา ลูบเคราวยาว“เราสองคนคงจะแก่ไปแล้วจึงไม่อาจหาท่านอ๋องน้อยพบ”“เชิญท่านเพียงลำพังเลยหยวนกัง ข้ายังไม่อยากจะแก่ท่านอ๋องน้อยวิ่งหลบรวดเร็วเหมือนชิงกวานอ๋องที่พลิกพลิ้วยิ่งกว่าใคร อีกหน่อยหากฝึกปรือวิชากระบี่คงหาตัวจับยาก”หยวนกังอมยิ้ม“ข้า ได้ยินว่าท่านอ๋องน้อยทรงขออนุญาตฝ่าบาทฝึกวิชากระบี่ เราสองคนคงต้องลับคมกันหน่อยเพื่อรอวันถวายการฝึกสอน”“ฮ่าาา เหมือนจริงๆ ช่างเหมือนท่านอ๋องชิงกวานเสียจริง มุ่งมั่นยิ่งนัก เราสองคนคงต้อง ทุ่มเทฝึกสอนกันให้มากหน่อย”ป้อคุนเอ่ยขึ้นดังๆ“หยวนกัง…ป้อคุน…..”ชิงกวานน้อยวิ่งออกจากที่ซ่อน กระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของหยวนกัง“ฮ่าาาาท่านอ๋องในที่สุดก็ยอมออกมา”ป้อคุนอมยิ้ม“ก็ข้าได้ยินว่า ท่านอาทั้ง
ดวงตาพร่ามัวกลอกกลิ้งไปมาทั้งซ้ายและขวา เสียงอ้อแอ้ขององค์ชายน้อยดังแว่วมา แต่ไกล“ชิงกวานน้อยของแม่ เจ้าจะรีบตื่นแต่เช้าทำไมกันเสด็จพ่อยังคงหลับใหล”เสียงหวานของหยงเจิ้งทำเอาอินเฉิงยิ้มกว้างยกมือขึ้นคลำที่ดวงตาทั้งสองข้างสูดลมหายใจลึกๆ“เสี่ยวเจิ้ง”หยงเจิ้งขยับกายหันมา มองร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาลืมตาอยู่บนแท่นบรรทม รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นที่ใบหน้างาม“ฝ่าบาท ท่านฟื้นแล้ว”ดวงตาซ้ายขวากลอกกลิ้งไปมา มองเห็นใบหน้างามเด่นชัด“ข้านอนไปนานแค่ไหน เสี่ยวเจิ้งกับองค์ชายน้อยถึงได้มาอยู่ข้างกายข้าได้”“องค์ชายน้อยชิงกวาน”อุ้มร่างเล็กที่ส่งเสียงอ้อแอ้ปลุกยามเช้ามาใกล้ๆ อินเฉิงรับเอาร่างเล็กจิ๋วไว้ในอ้อมแขน“ชิงกวาน ชื่อนี้เหมาะกับเจ้าเสียจริง เจ้า เป็นคนที่ทำให้ พ่อกับแม่ได้มีวันนี้วันที่เราพร้อมหน้า”หยงเจิ้งปาดน้ำตาที่เอ่อล้นขอบตา อินเฉิงดึงมือหยงเจิ้งให้นั่งลงข้างๆ เขาจูบซับน้ำตาให้เบาๆ“ท่านอาไม่อยากเห็นน้ำตาเจ้าหยงเจิ้งของข้า ดวงตานี้ของท่านอาอยากเห็นรอยยิ้มของเจ้า มิใช่หยาดน้ำตา”หยงเจิ้งยิ้มทั้งน้ำตา“มีวันนี้ได้เพราะท่านอ๋อง ข้าหยงเจิ้งเช่นไรจะกล้าขัดคำสั่ง”ยิ้มกว้างสดใส อินเฉิงกอดรวบร่าง
“ข้า อัปลักษณ์เพียงนี้ เป็นท่านอาที่จะต้องดูแลหยงเจิ้งต่อไป เป็นท่านอาอินเฉิงจึงวางใจ”หมอหลวงวิ่งถือหลวมยาเข้ามา อินเฉิง ขยับกายให้หมอหลวงตรวจดูอาการของ ชิงกวานอ๋อง“ฝ่าบาท ชิงกวานอ๋องไร้ความสามารถไม่อาจดูแลนาง ฝ่าบาทจึงคู่ควรที่สุด”หมอหลวงลุกขึ้นยืนประสานมือตรงหน้าอินเฉิงพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอินเฉิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา หยวนกังเบือนหน้าหนีปาดน้ำตาที่ไหลริน“ท่านอา เราไปพักที่ตำหนักให้ท่านหมอ จัดเทียบยาดีไหม”น้ำเสียงอ่อนโยน“หยวนกังตามอาจารย์ให้ข้าทีข้าอยากจะพักเสียหน่อย ฝ่าบาทพยุงชิงกวานไปเถิด ให้หยวนกังตามอาจารย์”หยวนกังยิ้มกว้าง เหมือนจะเริ่มมีความหวังว่าอาจารย์กับวิชาแพทย์เถื่อนจะสามารถช่วยชีวิตท่านอ๋องได้“หยวนกังรีบไปแล้วท่านอ๋องอดทนหน่อย”วิ่งออกจากท้องพระโรงกระโดดขึ้นหลังม้าควบออกไปราวกับลูกดอกพุ่งเข้าสู่เป้าอินเฉิงพยุงชิงกวานอ๋องหมอหลวงตรวจดูอาการของป้อคุนอย่างเร่งรีบบนแท่นบรรทม ร่างสูงองอาจนอนเหยียดยาวใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้กลับซีดขาว แต่แววตายังอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกครั้งที่อินเฉิงเคยเห็น เลือดสดๆ ยังไหลซึมออกจากบาดแผล“ท่านอาอดทนหน่อย อาจารย์ปู่กำลังมา”“เพื่อฝ่าบาทต่างหาก
อินฉางดวงตาเหลือกลานเมื่อเห็นว่า หมิงเยว่ล้มลงคว่ำหน้าลงกับพื้นเลือดอาบไปทั่วร่างบาง ตรงเข้าหอบเอาร่างบางที่หายใจรวยริน“ม่ายยยยไม่นะหมิงเยว่ต้องไม่ใช่เจ้าต้องไม่ใช่เจ้าหมิงเยว่ขะขะข้าขอโทษ หมิงเยว่ ข้าไม่ให้เจ้าตายไม่หมิงเยว่ อย่าทำแบบนี้หมิงเยว่”ทว่าร่างโชกเลือดหาได้ขยับเขยื่อนเคลื่อนไหวไม่ยังคงนิ่งงัน ดวงตาอาบไปด้วยหยาดน้ำตา สิ้นลมหายใจโดยไม่ได้ร่ำลา“หมิงเยว่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”อินฉางอุ้มร่างโชกเลือดไว้ในอ้อมแขนดวงตาแดงก่ำ“อินฉิง ท่านจะต้องรับผิดชอบ ปาถั่วรับบัญชาข้า ฆ่าอู่อินเฉิงกับป้อคุนแล้วสับร่างเป็นชิ้นๆ ”ปาถั่วก้มหน้าประสานมืออินฉางเดินโซเซพาร่างไร้วิญญาณของหมิงเยว่ออกจากท้องพระโรง“ยิง”ปาถั่วสั่งพลธนูทว่ายังไม่ทันได้เหนี่ยวคันธนู พลธนูทั้งหลายต่างล้มลงไปกองกับพื้นองครักษ์หลายนายต่างวิ่งถือกระบี่เข้ามาล้อมชิงกวานอ๋องที่ในมือกำกระบี่ ฟาดฟันสังหารมือยิงธนูจนบาดเจ็บล้มตาย“ฝ่าบาท”พยุง อินเฉิงที่ถูกลูกดอกปักเข้าที่ขาข้างขวา“ท่านอา มาทันเวลาพอดี”“อย่าเพิ่งพูดอะไร ฝ่าบาทจงรีบเปิดประตูให้คนของเรา ชิงกวานจะหันเหความสนใจของคนพวกนี้ ป้อคุนยังไหวหรือไม่”ป้อคุนที่ไม่อาจขยับกาย“ชิงกวา
ทัพของอู่อินเฉิง ดาหน้าที่ประตูวังหลวงแคว้นเหว่ย พลธนูเหนี่ยวคันธนูสุดแรงรอเพียงคำสั่งให้ยิงอยู่บนป้อมปราการสูงบนประตูวังทั้งสี่ด้าน“ยิง”ป้อคุนทะยานเข้ามาขวางอู่อินเฉิงที่ตกเป็นเป้าของธนูใช้กระบี่ในมือกวัดแกว่งคุ้มภัย อู่อินเฉิงเองก็กำกระบี่ในมือกวัดแกว่งปัดป้อง เหล่าทหารโห่ร้องหาได้สะทกสะท้านต่อความเจ็บความตายตรงหน้า“บุกเข้าไปในวังหลวงจับตัวอู่อินฉางมาคุกเข่าตรงหน้าฝ่าบาท”ป้อตี้ออกคำสั่ง ดังลั่น หทารกล้าทั้งหลายต่างพุ่งตัวเข้าไปยังประตูวัง ออกแรงดันประตู ให้เปิดอ้าออกเพื่อให้กองทัพเข้าไปภายในห่างจากวังหลวงสิบลี้“ท่านอ๋องเปลวไฟ ลุกไหม้อยู่ที่วังหลวงเกรงว่าตอนนี้ทัพของฝ่าบาทคงถึงที่นั่นแล้ว”หยวนกังเอ่ยปากด้วยสีหน้ากังวล“เร่งเดินทางอารักขาฝ่าบาท ข้าไม่อาจวางใจอู่อินฉางหาใช่ผู้ที่ซื่อตรงไม่จะต้องซ่อนกลโกงไว้รอฝ่าบาทเป็นแน่”ชิงกวานอ๋องควบม้าเร็วรี่ยังกลุ่มควันที่ลอยวนบนท้องฟ้าอินฉางนั่ ไขว่ห้างอยู่บนบัลลังก์มังกรในท้องพระโรง ในมือมีจอกสุรารสเลิศ ข้างกายเป็นหมิงเยว่ ที่นั่งก้มหน้ามองมือตัวเอง กับปาถั่วที่กุมกระบี่ข้างเอวไว้แน่นเสียงโห่ร้องใกล้เข้ามา อินเฉิงก้าวขายาวๆยังหน้าบัลลั
“ข้าหากจะต้องตายเพราะการณ์นี้ ก็คงจะต้องยอมเพราะเลือกข้างผิดเดิม อู่อินเฉิงไม่จะไม่เคยใส่ใจ กองทัพแต่ทว่าชิงกวานอ๋องกับผูกใจ เหล่าทหารกล้าบทเรียนครั้งนี้ ไม่อาจแก้ไขแม้ตอนนี้จะมีที่มั่นและกำลังคนแต่หากชิงกวานอ๋อง เอ่ยปากไม่แน่ว่าเหล่าทาหรพวกนี้จะย้ายข้างหรือไม่”“ข้าน้อยได้ยินมาว่า ชิงกวานอ๋องในครั้งนี้ไม่ได้ มาด้วยมีเพียงอู่อินเฉิงเท่านั้น”ปาถั่วขมวดคิ้ว“บางทีนี่อาจเป็นแผนการตลบหลังไม่อาจวางใจ”ถอนหายใจยาวตำหนักชิงหนิงกง“ฮองเฮาอู่อินเฉิงยกทัพกลับมาที่วังหลวง คงจะถึงวังหลวงในอีกไม่ช้า”หมิงเยว่ ลุกขึ้นจากแท่นนอนสีหน้าแสดงความดีใจ“เขากลับมาแล้วเขาไม่ได้ทอดทิ้งข้าเขายังรักข้าอย่างน้อยก็กลับมาทวงบัลลังก์และคงจะมารับข้าเป็นฮองเฮาของเขาเหมือนเคย”ตงฟางหัวถอนหายใจ หมิงเยว่หลายเดือนที่ผ่านมา สติหลุดลอย พูดจาเลื่อนเปื้อนติดอยู่ในความเพ้อฝันเสียมากกว่าความจริง“ฮองเฮา ไม่แน่ว่าอู่อินเฉิงจะกลับมาหาฮองเฮา”“เขาต้องมาในเมื่อในใจเขามีข้าเพียงคนเดียว เขาทำทุกอย่างเพื่อข้า ข้ารู้แล้วข้าเองก็จะทำทุกอย่างเพื่อเขาเช่นกันเขาจะได้ไม่ต้องลำบากทวงคืนบัลลังก์”ดวงตาเป็นประกายสดใสตงฟางหัวถอนหายใจ“ฮองเฮา