Share

นอนร่วมห้อง

last update Last Updated: 2024-11-25 08:03:25

เสี่ยวเจิ้งถลาเข้ายื้ออินเฉิงไว้พยายามส่งภาษามืออธิบายว่าเสี่ยวเจิ้งไม่ได้ต้องการจะมาเป็นชายาท่านอ๋อง อินเฉิงแกะมือเล็กออกผลักให้ล้มลงไปกองกับพื้น

“เจ้าคงเห็นว่า ข้าสูงส่งกว่าท่านอา แต่รู้ไว้ข้าเป็นฮ่องเต้ไม่กินของเหลือเดนจากคนอื่นไม่ต้องมายั่วยวนถูกเนื้อต้องตัวข้า อีกอย่างนู่นครัวไปเตรียมเครื่องเสวยก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้าเพราะความหิว”

ตวาดเสียงดังลั่น ไร้เหตุผล เสี่ยวเจิ้งทรุดลงไปกองกับพื้นก้มหน้านิ่งหยิบอาภรณ์มาสวมก้าวเดินเข้าห้องครัวไปอย่างยอมจำนน แต่ในใจเล่ากำลังคิดหาทางที่จะหนีไปจากที่นี่เสีย

ก่อไฟหุงข้าวในหม้อดินด้วยไฟอ่อนๆ ก้าวเดินไปยังห้องเก็บเสบียงที่อยู่ติดกันกับครัวกว้าง

ภายใน ห้องเก็บเสบียง ที่หนาวเหน็บเสี่ยวเจิ้งยกมือกอดอก ที่มองเห็นในตอนนี้คือ นกเป็ดน้ำที่ถูกเก็บไว้ โดยการนำมาหมักเครื่องพะโล้กันเน่าเหม็นให้เครื่องพะโล้แทรกซึมเข้าไปในเนื้อ เสี่ยวเจิ้งหั่นช่วงอกออกมาจากราวแขวนเดินถือเนื้อนกเป็ดออกมา ก้มลงขุดเหง้าขิงจากใต้ต้นดอกเหมยที่ขึ้นเป็นกอ ได้ขิงอ่อนแก่อย่างละครึ่งมองสำรวจไปทั่วบริเวณ

“หิวแล้ว ข้าหิวแล้วเจ้าทำอะไรอยู่หญิงใบไร้ศักดิ์ ชักช้าเสียจริง”

เสี่ยวเจิ้งสะดุ้งโหยง

เสียงโวยวายจากด้านใน เสี่ยวเจิ้งเดินเข้าไปในครัวล้างหัวขิง หันเป็นเส้นบางๆ ส่วนเนื้อนกเป็ดพะโล้หั่นเป็นชั้นบางๆเช่นกัน ออกไปถอนต้นกระเทียมที่งอกเองมาล้างน้ำหั่นเป็นท่อนไว้ ใส่น้ำมันในกระทะเจียวกระเทียมพอหอมใส่เนื้อนกเป็ด ขิง และปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว โรยด้วยต้นกระเทียมหั่นท่อนคนสองสามทีตักขึ้นมาใส่จาน เปิดหม้อข้าวที่ไอร้อนลอยอ้อยอิ่ง กลิ่นข้าวหอมฉุย ยกไปวางตรงหน้า อินเฉิงที่นั่งเหยียดยาวยกมือกอดอกเหมือนที่เคยทำประจำในวังหลวง

“คงจะเคยทำแบบนี้มาบ่อยๆ หน้าที่สาวใช้ เหมาะกับเจ้าเสียจริง”

ยกตะเกียบคีบเนื้อนกใส่ปากเคี้ยวงับๆด้วยความหิวหรือบางทีอาจลืมคิดไปว่ายังไม่ทันทดสอบพิษ รสชาติของอาหารในปากทำเอาอินเฉิงนิ่งงันเพราะสิ่งที่กินเข้าไปรสชาติดีกว่าเครื่องเสวยในวังหลวงเสียอีก ข้าวสาลีหุงร้อนๆ ถูกพุ้ยเข้าใส่ตามไปติดๆ เผลอดูดตะเกียบด้วยความอร่อย

“อือ อือ”

เสี่ยวเจิ้งส่งเสียงและภาษามือเหมือนจะบอกว่ายังไม่ได้ทดสอบพิษ

“เจ้า แสร้งห่วงใยข้าหรือว่าตั้งใจ ล่อหลอกข้าว่าเจ้าเป็นคนซื่อๆ จึงเตือนให้ข้าทดสอบพิษ”

“.......”

ส่ายหน้าไปมาหันหลังเสีย อินเฉิงรั้งไหล่บาง ส่งเนื้อนกเป็ดพะโล้เข้าไปในปากของเสี่ยวเจิ้งทันทีเสี่ยวเจิ้งหุบปากแน่น

“อ้าปาก อ้าปากเดี๋ยวนี้ หากมันมีพิษเราสองคนจะได้ตายพร้อมกัน”

เสี่ยวเจิ้งกัดริมฝีปากแน่น

“เจ้าลองดีกับข้าหรือ”

ส่งท่อนเนื้อนกเป็ดเข้าปากคาบไว้ก่อนจะกดริมฝีปากป้อนเนื้อนกเป็ดเข้าไปในปากของเสี่ยวเจิ้งทันทีแบบไม่ต้องรีรอหรือทันระวังตัว

“ปล่อย”

เสี่ยวเจิ้งผลักอกกว้าง ยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปาก ยกชายเสื้อขึ้นเช็ดริมฝีปากอีกทีจนเป็นรอยแดง อินเฉิงยิ้มหยัน

"แค่นี้ก็ทดสอบพิษได้แล้ว"

เสี่ยวเจิ้งบ้วนเนื้อนกออกมายกมือเช็ดปากซ้ำๆ

“จะบอกให้นะข้าไม่อ่อนโยนเหมือนท่านอา ไม่หล่อเหลาเท่าท่านอาและอีกอย่างข้าไม่มีความอดทนเท่าท่านอา คราวหลังอย่าขัดคำสั่งข้า”

เสี่ยวเจิ้ง ไปที่หน้าต่างรินน้ำในเหยือกล้างปากของตัวเองเหมือนกับรังเกียจเสียเต็มที

“รังเกียจข้านักหรือ  ฮ่าาารังเกียจข้าเพียงใดเจ้าก็หนีข้าไม่พ้น”

เสี่ยวเจิ้งส่งภาษามือว่า จะต้องหนีให้ได้สักวัน และจะไปให้ไกลๆ

“ฮ่าาาา ข้านี่ชอบเจ้าจริงๆ ช่างมีความพยายามยิ่งนักดูรึว่าจะหนีอย่างไร ข้าปล่อยเจ้าเป็นอิสระแล้วจะหนีก็หนีไปได้เลย”

 เสี่ยวเจิ้งยิ้มบางๆ ส่งภาษามือบอกว่าเสี่ยวเจิ้งเองก็ไม่มีทางยอมแพ้

“ นั่นก็แล้วแต่เจ้าแต่ที่แน่ๆ ท่านอาจะต้องขอบคุณข้าในเมื่อครั้งนี้ หญิงใบ้ที่แสร้งว่าพูดไม่ได้เมื่อมาอยู่กับข้า นางกลับเอ่ยปากออกมาได้ อย่างน้อยก็คำว่าปล่อย เช่นนั้นข้าควรจะกระตุนให้เจ้าพูดบ่อยๆ ดีไหม"

ดึงร่างบางมาแนบอกก้มลงบดริมฝีปากกับปากบาง ไม่สนใจว่าอีกคนจะยกมือขึ้นปัดป้อง ดันร่างเล็กออกห่างเสี่ยวเจิ้งยังคงเช็ดปากจนแดงระเรื่อล้างน้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก อินเฉิงหัวเราะชอบใจที่เห็นท่าทีรังเกียจที่นางมีต่อเขา

“ไปจัดแท่นนอนให้ข้า วันนี้ข้าเหนื่อยมาทั้งวันเพื่อจัดการกับเจ้า ฉะนั้นข้าจำต้องพักผ่อนเสียหน่อย เจ้าเร่งไปจัดเตรียมแท่นนอนแล้วค่อยมากิน อย่าให้ข้าโมโหอีกแล้วบอกไว้ก่อนอินเฉิงไม่นิยมนอนเพียงลำพังเจ้า จำต้องเข้าไปนอนร่วมห้อง”เสี่ยวเจิ้งยกมือขึ้นกอดตัวเองไว้แน่นด้วยความตื่นกลัว อินเฉิงยิ้ม

“ทำทีเหมือนข้าเป็นเสือเป็นหมีข้าใบหน้าหล่อเหลาเพียงนี้ แม้จะน้อยกว่าท่านอาแต่ก็ไม่เป็นรองใคร บางทีเจอบทสวาทข้าเขาไปอาจติดใจจนลืมท่านอาไปเลยก็ได้”

เสี่ยวเจิ้งยกมือขึ้นอุดหูเสีย ถึงอย่างนั้นเสียงหัวเราะเย้ยหยันก็ดังให้ได้ยินชัดเจน

จัดแท่นนอนเสร็จแล้วกินข้าวเสร็จแล้วก็จำต้องเดินมาที่ห้องเดียวกับอินเฉิง เพราะต้องการเลี่ยงปัญหา แต่ในใจคิดหาทางหนีทีหลังตลอดเวลา

แสงจันทร์ส่องลอดบานหน้าต่าง ท้องฟ้าสว่างสดใสราวกับกลางวันแสงดาวระยิบระยับมองเห็นชัดเจน หากไม่ถูกจับตัวมาและต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับอินเฉิง เสี่ยวเจิ้งคงนั่งมองดวงดาวอย่างเป็นสุข

“มานอน มานอนได้แล้ว”

เสี่ยวเจิ้งส่ายหน้า เดินไปนั่งข้างฝาห้องชันเข่ายกมือขึ้นกอดรอบหัวเข่าระวังตัวอย่างที่สุด

“ข้าจะหลับได้ต้องมีคนคอยปรนนิบัติที่นี่ไร้ซึ่งขันที เจ้าจะต้องมาบีบนวดจนกว่าข้าจะหลับ” 

เสี่ยวเจิ้งส่ายหน้าไปมากระชับอ้อมแขนที่กอดเข่าให้แน่นขึ้น

ริมฝีปากราวกับอิสตรีของอินเฉิงเปิดปากหาว 

“เร็วเข้าข้าง่วงแล้ว มาส่งข้าเข้านอน”

 เสี่ยวเจิ้งหลับตากลมโตลงเสีย แสร้งทำเป็นไม่สนใจอีกคนที่นอนหงายอยู่บนแท่นนอน

Related chapters

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   ดูแลนางด้วยตัวเอง

    “ได้ยินไหมข้าง่วงแล้ว”ส่งภาษามือบอกว่าถ้าง่วงก็หลับไปจะให้นวดทำไม(เสี่ยวเจิ้งไม่ธรรมดาขี้เถียง)“เจ้านี่ นอกจากจะแสร้งว่าพูดไม่ได้แล้วเจ้า ยังแสร้งว่าโง่งมไม่รู้ว่าการที่ข้าเรียกเจ้ามานวดให้มันหมายความว่าอย่างไร จะมาหรือไม่หากไม่ยอมมาข้าจะไปอุ้มมาเดี๋ยวนี้”ตวาดลั่นหุบเขา เสี่ยวเจิ้งพยุงตัวลุกขึ้น ปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัว อีกทั้งยังรู้สึกว่า ตัวร้อนเพราะพิษไข้ กอดอกก้าวเดินไปยังแท่นนอนก่อนที่ร่างบางจะร่วงพล่อยลงกับพื้นสติดับวูบไปทันที“อย่าเสแสร้งลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”ส่ายหน้าไปมา“บอกให้ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้” เอื้อมมือคว้าแขนบางต้้งใจดึงให้ลุกขึ้น แต่สัมผัสแรกที่อินเฉิงรับรู้คือผิวเนื้อที่ร้อนผะผ่าว ขมวดคิ้วก่อนจะสปริงตัวลงจากแท่นนอน ยกมือขึ้นอังที่หน้าผาก ยกมือกลับในทันทีความร้อนจากหน้าผากเนียนริมฝีปากแดงระเรื่อเผยอขึ้นเล็กน้อย อินเฉิงส่ายหน้ามาไม่ไล่ความคิดไม่ถูกกาลเทศะในหัวแม้แต่ยามนี้ริมฝีปากนางยังน่าจูบ หอบเอาร่างบางวางบนแท่นนอน“อ่อนแอเสียจริง แค่เพียงราดน้ำไม่กี่ทีก็ตัวร้อนเสียได้ แล้วข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าเล่า”เดินออกไปที่หน้าต่างจุดพลุไฟขึ้นทันที เพียงไม่กี่อึดใจป้อคุนก็ขึ้นมาบนเขา“ฝ

    Last Updated : 2024-11-27
  • สนมใบ้ไร้ศักด์   รอยยิ้มเศร้าๆของพวกเจ้าทุกคน

    เดินเข้าไปในครัวเปิดกาดินเผามีขิงทุบอยู่ข้างในเสี่ยวเจิ้ง รินน้ำใส่เข้าไปในกาดินเผาอีกครั้ง นั่งกอดอกผิงไฟด้วยความหนาวยามค่ำคืน รินน้ำขิงยกมือขึ้นกุมที่ถ้วยด้วยความหนาว อยู่ๆหยาดน้ำตาก็ไหลรินป่านนี้จงหลินกับป้าจงจะเป็นอย่างไรบ้าง คงเป็นห่วงเสี่ยวเจิ้งไม่น้อย แล้วท่านอ๋องเล่าจะเป็นอย่างไรจะตามหาเสี่ยวเจิ้งหรือเปล่า คิดถึงแววตาเศร้าสร้อยกับท่าทีอ่อนโยนของท่านอ๋อง เสี่ยวเจิ้งเผลอยิ้มก่อนจะเอนกายพิงพนังดินหลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม ท่านอ๋องจะต้องมาช่วยท่านอ๋องจะต้องหาส่งคนค้นหาเสี่ยวเจิ้งจวนอ๋องหยวนกัง ยกถ้วยข้าวตรงหน้าชิงกวานอ๋องที่นั่งบนรถเข็นมีผ้าห่มคลุมท่อนขาไว้กันหนาวอีกชั้น“ท่านอ๋องเสวยเสียหน่อย” ชิงกวานอ๋องสายตาเหม่อลอยมือใหญ่ ยกขึ้นทุบไปที่หน้าขาแรงๆ หยวนกังรีบยื้อไว้“ท่านอ๋องได้โปรด อย่าทำแบบนี้” หยวนกังมีสีหน้าห่วงใย“ชินอ๋องปากแข็งไม่ยอมพูดเรื่องที่ลักพาตัวเสี่ยวเจิ้ง ข้าอยากจะฆ่าเขาเสียจริง หากไม่ติดว่าข้า แม้แต่ลุกขึ้นยืนยังทำไม่ได้”แววตาตัดพ้อต่อโชคชะตา“ท่านอ๋องอย่าได้โทษตัวเอง”“ข้าโดดเดี่ยวมานานแสนนานพอพบกับเสี่ยวเจิ้ง เหมือนกำลังจะมีสิ่งดีดีเกิดขึ้น แต่ ทำไมกันสวรรค

    Last Updated : 2024-11-27
  • สนมใบ้ไร้ศักด์   ต้องมีคนอดข้าวกันบ้างล่ะ

    ชิงกวานอ๋องนั่งมองดวงจันทราบนขอบฟ้าไกลป่านนี้ยังไม่นอน“ท่านอ๋อง”หยวนกังยกกาใส่น้ำชาร้อนๆ มารินตรงหน้าชิงกวานอ๋อง“หากเสี่ยวเจิ้งเป็นอันตรายข้าคงไม่ให้อภัยตัวเอง”“ความจริงแล้ว เรื่องนี้อาจมีเงื่อนงำ”“หมายความว่าอย่างไร”“มีเรื่องแปลกที่ฝ่าบาทไม่ยอมให้ผู้ใดติดตามไปประพาสป่าครั้งนี้ บางคนพูดว่าฝ่าบาทถึงกลับส่งองครักษ์ที่ติดตามทั้งหมดไปยังด่านกวงเหมิน ส่วนฝ่าบาทกับป้อคุนเร้นกายหายไป”“เจ้าจะบอกอะไรข้า”“หากว่าเป็นฝ่าบาทที่ทำเรื่องนี้ เพราะตั้งใจจะรั้งท่านอ๋องไว้”“รั้งข้าไว้ ข้ารับนางมาเป็นบุตรบุญธรรม ข้าไม่ได้หนีหายไปไหนกับเสี่ยวเจิ้ง”ชิงกวานอ๋องนึกทบทวนคำพูดของตัวเองไปมา คำพูดที่ฝืนใจ ความจริงความรู้สึกดีๆ และหัวใจเขาพองโตเมื่อเสี่ยวเจิ้งยิ้ม นั่นคือความรู้สึกใดกันแน่“เป็นฝ่าบาทที่หวาดระแวง แต่เดิมฝ่าบาทต้องพึ่งพาท่านอ๋องทุกอย่างมาบัดนี้เมื่อคุณหนูเข้ามาฝ่าบาทจึงคิดว่า คิดว่าท่านอ๋องจะละทิ้งทุุกอย่างเพื่อ..คุณหนู”“หากเป็นอินเฉิง เจ้าคิดว่าข้ายังจะกล้า ต่อกรกับเขาหรือ”“ท่านอ๋องหมายความว่า”“หากเป็นอินเฉิง ที่ต้องการเสี่ยวเจิ้งไว้ข้างกาย อ๋องต่ำต้อยเช่นข้าจะมีหน้าไปขัดขวางทั้งสองไ

    Last Updated : 2024-11-27
  • สนมใบ้ไร้ศักด์   เจ้าเป็นคนของข้าแล้ว

    วางบางเล็กบนแท่นนอน เสี่ยวเจิ้งยังตัวร้อนระอุ ขยับตัวเบาๆ“หนาว ท่านแม่ลูกหนาวเหลือเกิน ท่านแม่อย่าทิ้งลูกไป”ไขว่คว้ากอดรัดไม่รู้ว่าคนที่กำลังกอดรัดอยู่นั่นใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตาคมจับจ้องที่ริมฝีปากที่ขยับขึ้นลง กลิ่นกายยามชิดใกล้ยิ่งทำให้ ใจของอินเฉิงบัดนี้เต้นรัวเร็วเหมือนหนุ่มน้อยที่เริ่มรักภาพความทรงจำ ที่อยู่ท่ามกลางหิมะขาวโพลน ถูกปล่อยทิ้งไว้กลางป่าห่างไกลไร้ผู้คนเสียงหมาจิ้งจอกเห่าหอน และเสียงหมีส่งเสียงคำราม เสียงสรรพสัตว์ที่ออกหากินยามค่ำคืน ซุกมือไว้ในอ้อมกอดของตัวเองร่างเล็กระจ้อยซุกกายอยู่ในโพรงไม้ใหญ่ ทั้งกลัวทั้งหิวและเหน็บหนาวเด็กหญิงวัยสามขวบ ร้องไห้จนตาบวมแต่ไม่อาจช่วยอะไรได้ ร้องเรียกให้คนช่วยทั้งวิ่งวนหาทางออกฝูงหมาจิ้งจอกวิ่งตามไล่ล่าเหมือนต้องการจะขย้ำเสียให้ตายลงไป พร้อมกับเสียงเห่าหอนเรียกพวกของหมาจิ้งจอกที่ดังขึ้นรอบๆ ตัว สติกำลังจะหลุดลอยร่างกาย ไม่อาจขยับเขยื่อน ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือมารดาที่เดินเข้ามาโอบกอดไว้ ฟงหยงเจิ้งกอดรอบเอวของมารดา หวังความอบอุ่น น้ำตาไหลรินซุกใบหน้าลงบนอกอุ่นของมารดา“ท่านแม่ ท่านมาช่วยหยงเจิ้งแล้ว”อินเฉิงพยายามปลดมือบางที่กอดรั

    Last Updated : 2024-11-29
  • สนมใบ้ไร้ศักด์   นางมารหน้าเศร้า1

    ชิงกวานอ๋องหยิบปิ่นปักผมทำจากหยกเนื้อดี ที่สั่งทำเป็นพิเศษเพื่อจะมอบให้กับเสี่ยวเจิ้งในวันสำคัญเลี้ยงต้อนรับนางในตำแหน่งบุตรีบุญธรรม แม้การให้ปิ่นปักผมจะดูไม่เหมาะนักทว่าเขากลับรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่คู่ควรแล้ว มือบางซีดขาวเหมือนหญิงสาว เปิดกล่องไม้ตั้งใจวางปิ่นปักผมไว้ที่เดิม แต่“เคร้งงงง”ปิ่นปักผมร่วงลงพื้น กระทบกับพื้นห้องแตกกระจายเป็นชิ้นๆ ชิงกวานอ๋องสีหน้าเจ็บซ้ำ ก่อนจะหัวเราะเย้ยหยันให้กับตัวเอง“สวรรค์เพียงแค่ส่งเจ้ามา พานพบหาได้ส่งเจ้ามาเคียงข้างข้า หยวนกัง หยวนกัง”หยวนกังวิ่งเข้ามาในห้องจ้องมองพื้นที่มีเศษปิ่นปักผมแตกกระจาย ไม่แม้แต่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากก้มลงเก็บไว้ในกล่องไม้ ตามเดิม“ข้าน้อยจะให้ช่างทำขึ้นมาใหม่ให้ดีกว่าเดิม”“ไม่ต้องแล้ว เดินทางไปที่สำนักกงซุน บอกกล่าวกับอาจารย์ให้มารักษาอาการบาดเจ็บให้ข้า ข้าเบื่อที่จะต้องนั่งแบบนี้เต็มทีแล้ว”“ท่านอ๋องแต่นั่นย่อมอันตรายยิ่งอาจารย์ของท่านอ๋อง ..มีเพียงวิชาแพทย์เถื่อน จะช่วยท่านอ๋องได้หรือ”“ข้าไม่อาจรออีกต่อไป ไม่ว่าวิธีไหนก็จะต้องเสี่ยงดูสักครั้ง”หยวนกังถอนหายใจสีหน้าเศร้าสร้อยก้าวขาออกจากห้องไปร่างบางขยับกายลุกจากแท่นน

    Last Updated : 2024-11-29
  • สนมใบ้ไร้ศักด์   นางมารหน้าเศร้า2

    “ฝะฝ่าบาท จะทำเช่นไร”“ข้าก็คงต้องกลับวังหลวง” ป้อคุน พยักหน้าไปทางร่างเล็กที่ซุกตัวบนแท่นนอนหันหลังไม่สนใจคำพูดของคนทั้งสอง“ทิ้งนางไว้ที่นี่ คอยดูไม่ให้นางหนีไปไม่นานข้าจะกลับมา….”น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ รู้สึกใจหายเหมือนดวงใจหลุดลอยหายไป“ป้อคุนน้อมบัญชาฝ่าบาท”“อย่าให้นางหนีไปแค่นั้นพอ”เสี่ยวเจิ้งยกมือขึ้นอุดหูด้วยคำพูดที่เหมือนเสี่ยวเจิ้งเป็นนักโทษรอการประหาร ยิ่งทำให้รู้สึกว่า อินเฉิงเห็นเสี่ยวเจิ้งเป็นแค่สิ่งของหามีชีวิตจิตไม่“ฝ่าบาทจะออกเดินทางเลยหรือไม่”“คงต้องออกเดินทางในทันทีฮองเฮายามป่วยไข้ต้องมีข้าข้างกายเสมอ ตอนนี้นางคงกำลังรู้สึกน้อยใจที่ข้าทิ้งนางมาแบบนี้ หรืออาจเป็นเพราะข้ามาประพาสป่า ทิ้งนางจึงทำให้นางล้มป่วย”ป้อคุนพยักหน้าขึ้นลง“ป้อคุนจะเตรียมม้า” อินเฉิงพยักหน้าเมื่อป้อคุนประสานมือจากไป อินเฉิงสาวเท้ามายืนที่แท่นนอน ทรุดกายลงเอื้อมมือจับที่ท่อนแขนของเสี่ยวเจิ้งให้หันกลับมาแต่อีกคนกลับแสร้งทำเป็นนอนหลับ“ข้าจะกลับวังหลวง อีกไม่กี่วันจะกลับมา เจ้าอยู่ที่นี่จนกว่าข้าจะกลับ”เสี่ยวเจิ้งผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงส่งภาษามือปล่อยข้าไปเสียรับรองว่าข้าไม่ถือโทษเรื่องที่เก

    Last Updated : 2024-11-29
  • สนมใบ้ไร้ศักด์   ยามขึ้นยามลง

    “ขะขะข้าน้อยพบเด็กหญิงคนนี้เมื่อ15ปีก่อนจำได้แม่นยำเพราะนางกัดข้าน้อยจนเป็นแผลลึกที่แขนข้างซ้าย” เปิดรอยแผลเป็นให้ดู“แล้วนางไปไหนเสีย”“คะคือว่าตอนนั้นข้าน้อยบังเอิญพบนาง เดินอยู่ไม่ไกลจากชายแดนแคว้นใต้เห็นว่าเป็นเด็กหน้าตาน่าเอ็นดูคงจะขายได้ราคา จึงได้พยายามจับตัวนาง แต่ทว่าเด็กคนนั้นยอมตายไม่ยอมให้จับ ไม่ว่าข้าน้อยจะตีหรือขู่นางก็หาทางหนี สุดท้ายก็หนีออกจาก..กรงที่ขังแล้วข้าน้อยจับนางตั้งใจจะลงโทษจึงถูกนางกัดเข้าที่แขนอย่างแรงแล้วนางก็หนีไปห่างจากนี่ไปไม่ถึงสิบลี้ เพราะข้าน้อยกำลังจะส่งเด็กๆยังบ้าน ขุนนางในวังหลวงแคว้นเหว่ย”“นางหนีไปคนเดียวหรือ”“ขอรับใต้เท้าข้าน้อยยังแช่งให้นางไปตายเสียเพราะป่าแถบนั้นหมาจิ้งจอกชุกชุมยิ่งนัก”เจียเกอถอนหายใจตวัดกระบี่เก็บเข้าฝัก“เจ้าไปเสีย แล้วจำคำสัญญาไว้คราวหน้าหากข้าผ่านมาทางนี้อีกแล้วยังเห็นเจ้าค้าขายเด็กอีกข้าจะฆ่าเจ้าเสีย”พ่อค้าทาสร่างท้วมประสานมือ รีบวิ่งหายไปในทันที“องค์หญิงท่านยังจะมีชีวิตอยู่อีกหรือ ที่นี่มีแต่ป่าเขา”ถอนหายใจยาวเดินไปตามทิศที่ชายร่างท้วมบอกมาจวนอ๋อง“อาจารย์ขาของข้ามีโอกาสกลับมาเดินได้อีกครั้งไหม”“ท่านอ๋อง เรื่องน

    Last Updated : 2024-12-01
  • สนมใบ้ไร้ศักด์   เผลอ

    บางอย่างกำลังแล่นเข้ามาในหัว สับสนวุ่นวายไม่รู้ว่าคือความรู้สึกใดกันแน่“ฝ่าบาท เสด็จเพียงลำพังหรือไร หมิงเยว่ไม่เห็นท่านองครักษ์ป้อคุน”“ข้าเร่งเดินทางจึงให้ ป้อคุนดูแลกระโจมประพาสป่าให้ทหารช่วยเก็บกวาดแล้วจึงค่อยตามมาทีหลัง”“หมิงเยว่ห่วงความปลอดภัย ฝ่าบาทยิ่งนัก เดินทางเพียงลำพัง”“เป็นเพราะฝ่าบาทห่วงฮองเฮาที่ทรงป่วยไข้เป็นประจำจึงเร่งเดินทาง หรือไม่แน่บางทีอาจ มีสิ่งใดที่ให้ป้อคุนดูแลอยู่”อินฉางก้าวขาเข้ามาแบบถือวิสาสะ“อินฉาง เองก็เข้าออกตำหนักชิงหนิงกงดั่งตำหนักตัวเอง”อินฉางหน้าเจื่อนก่อนจะยิ้มมุมปาก“ฝ่าบาทไม่อยู่ ฮองเฮาทรงประชวรเป็นอินฉางที่แวะเวียนเยี่ยมเยือน ฝ่าบาทจะคิดเล็กคิดน้อยทำไมเราสองคนก็เป็นพี่น้องร่วมสายโลหิต ภรรยาของท่านก็เหมือน… ก็เป็นพี่สะใภ้ข้า”หมิงเยว่ขยับกายด้วยความรู้สึกอึดอัดอินเฉิงยิ้ม“ที่ผ่านมา เรื่องราวในราชสำนักมีสิ่งใดติดขัดหรือไม่”เปลี่ยนเรื่องพูดเสีย“ ฝ่าบาทไม่อยู่ทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่ท่านอาชิงกวานอ๋องเดินทางเข้ามาในวังหลวงทั้งๆ ที่ต้องใช้รถเข็นให้คนเข็นมาดังคนพิการ น่าขายหน้ายิ่งนัก บาดเจ็บดังคนพิการเพียงนั้นควรจะอยู่ที่จวนอ๋อง ยังกล้าเข้ามาให้

    Last Updated : 2024-12-01

Latest chapter

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   ตอนพิเศษ

    "แต่ฝ่าบาทหมดหนทางแล้วท่านอ๋องจะต้องไม่เป็นอะไรหยวนกังก็จะพาท่านอ่องหนีออกมาเช่นกันตามที่ตกลงกันไว้ตอนนี้แค่เพียงช่วยให้ฝ่าบาทหนีออกมาก่อน ท่านอ๋องขวางพวกมันไว้เพื่อให้ฝ่าบาทหนีอกมาฝ่าบาทอย่าทำให้ความตั้งใจของท่านอ๋องเสียเปล่า""แต่ท่านอาบาดเจ็บไม่น้อยข้าจะไปช่วยท่านอา เจ้าขลาดเขลาเพียงนั้นเชียวหรือป้อคุน"ป้อคุนทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น"ฝ่าบาท หนีก่อนก่อนเถอะขอรับ ความปลอดภัยของฝ่าบาทสำคัญที่สุดท่านอ๋องทรงเข้าใจข้อนี้ดีจึงพยายามที่จะกันทหารพวกนั้นเพื่อให้ฝ่าบาทหนีไปหากว่าฝ่าบาทยังเป็นว่าสิ่งที่ป้อคุนหยวนกังและท่านอ๋องทำไปทั้งหมดนั้นขลาดเขลาป้อคุนจะขอให้ฝ่าบาททรงสังหารป้อคุนเสียไม่เช่นนั้นป้อคุนก็ไม่อาจปล่อยให้ฝ่าบาท กลับไปที่ด่านปงเปียง"อู่อินเฉิงทรุดกายลงปล่อยกระบี่ลงข้างกาย"ข้าไม่อาจปล่อยท่านอาไว้ที่นั่นป้อคุนเข้าใจไหมท่านอาเป้นเหมือนบิดาเป็นเป็นพี่น้องและเป็นเหมือนคนที่หวังดีกับข้าเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้""ฝ่าบาท ท่านอ๋องจะดีใจหากทว่าฝ่าบาทปลอดภัยและด้วยความภักดีของหยวนกังจะไม่มีทางให้ท่านอ๋องต้องตาย"อู่อินเฉิงพยักหน้า"กันเถอะไปรอที่ด่านชายแดนแคว้นใต้"สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   ตอนพิเศษ

    “ท่านอาเราทั้งหมดลงเรือลำเดียวกันแล้วข้าไม่อาจดูดายปล่อยให้ท่านอาและพวกเขาต้องเผชิญศึกเพียงลำพัง เช่นนั้นจึงขอยืนยันคำเดิมว่าจะอยู่ที่นี่แต่สัญญาว่าหากเราทั้งหมดไม่อาจต้านทัพของอิงฉางได้ข้าจะเร้นกายไปยังที่ปลอดภัยพร้อมกันนั้นท่านอาเองก็สำคัญไม่น้อยการกอบกู้บัลลังก์ของเฉิงอู่ต้องกาศัยท่านอา เช่นนั้นหากเราทั้งหมดไม่อาจต่อกรก็ควรจะหนีไปเสียแต่ในตอนนี้ก็ต้องลองยืนหยัดให้ถึงที่สุดก่อน”ชิงกวานอ๋องถอนหายใจปฏิเสธไม่ได้ว่าที่อินเฉิงพูดมาทุกอย่างล้วนสำคัญเขาเองจากประสบการณ์ที่ผ่านมารู้ดีว่าด่านปงเปียงมีกำลังเพียงหยิบมือไม่อาจต่อกรกับทหารของอินฉางฮ่องเต้ได้แม้จะมีฝีมือดีแค่ไหนก้ไม่อาจต่อกรกับทหารจำนวนมากราวกับมดปลวกได้“ฝ่าบาทอย่าลืมคำมั่นนี้หากว่าไม่อาจต่อกรฝ่าบาทจะต้องหนีไปเสียอย่าได้ห่วงใครไม่ว่าจะใครหรือแม้กระทั่งชิงกวานอ๋อง”อู่อิงเฉิงยิ้มน้อยๆ“อิงเฉิงสัญญาจะไม่ทำให้ท่านอาจต้องเป้นกังวล“ดี เช่นนั้นร่วมรบเคียงข้างสร้างขวัญกำลังใจ ป้อคุนหยวนกังอารักขาฝ่าบาทจนถึงที่สุดหากไม่ไหวสิ่งเดียวที่ต้องทำแบบไม่ต้องคิดคือพาฝ่าบาทเร้นกายไปเสียแล้วพบกันที่จุดนัดพบข้ามผ่านด่านชายแดนแคว้นใต้”สี่แรงร่วมใจฟ

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   ตอนพิเศษ

    “เช่นนั้นหยงเจิ้งกลับไปที่นั่น เสด็จพ่อกับฮองเฮาตั้งใจออกผนวช จึงขาดคนคอยดูแล”“จะดีไหมหากให้ป้อคุนไปคอยดูที่นั่น พร้อมกับหยวนกัง”“ข้าตั้งใจประทานงานแต่งงานให้กับป้อคุนและซือหรูเสียเพราะสองคนรอเวลานี้มานาน”หยงเจิ้งพูดยิ้มๆ“ดีเลย เช่นนั้นส่งข่าวให้เจียเกอช่วยดูแลพวกเขา ระหว่างนี้คนทั้งหมดภักดียิ่งนักไม่มีสิ่งใดให้หนักใจ ฝ่าบาทหยงเจิ้งจึงจะออกผนวชได้อย่างหมดห่วงเสียที”“ที่นี่คงเงียบเหงาหากไม่มีป้อคุนหยวนกังและซือหรู”“ชิงกวานน้อย ขอตามไปที่วังหลวงแคว้นใต้กับท่านอาทั้งสอง ข้าเองก็ไม่อาจขัดเพราะหยวนกังกับป้อคุนดูแลชิงกวานน้อยอีกทั้งยังฝึกปรือวรยุทธ์ให้จนเชี่ยวชาญ”“คงจะต้องคิดถึงทุกคน”อินเฉิงกอดรวบร่างอุ้ยอ้ายไว้ในอ้อมแขน“มีข้าอยู่เจ้าจะไม่ต้องเหงา”“ฝ่าบาทเอาแต่ใจใครกันจะลืมได้ เมื่อคราวอยู่ที่ตำหนักฤดูหนาวก็เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน”“เช่นนั้นอย่างไรเล่าเจ้าจึงตั้งครรภ์ข้าจึงไม่ต้องรอนาน หากไม่ไปที่ตำหนักฤดูหนาวรำลึกความหลังกันเจ้าจะตั้งครรภ์หรือไร ข้าเองตามใจชิงกวานน้อยที่อยากจะมีน้อง”หยงเจิ้งยิ้มเขินอาย ใบหน้าแดงระเรื่อ อู่อินเฉิงกอดไว้แน่น“ข้ารักเจ้ามีเจ้าคนเดียวตลอดไปข้าสัญญาและจะไม

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   จบ

    อินเฉิงลุกขึ้นพิงแท่นบรรทมเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่างมองเห็นชัดเจนแจ่มใส ทั้งสองตารอยยิ้มเป็นสุข ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของหยงเจิ้งที่หลับใหลไปกับอ้อมกอดของเขา ความสุขที่มาถึงยามที่ผ่านความทุกข์ระทม จึงนับว่าเป็นความสุขที่แท้จริงสายลมพัดผ่าน ชิงกวานอ๋องวิ่งหลบซุกตัวยังโขดหิน หยวนกังเกาหัวแกรกๆ ป้อคุนวิ่งตาม หันหน้าหันหลังไม่พบ อ๋องน้อยว่าแอบหลบอยู่ตรงไหนหยวนกังส่ายหน้าไปมา ลูบเคราวยาว“เราสองคนคงจะแก่ไปแล้วจึงไม่อาจหาท่านอ๋องน้อยพบ”“เชิญท่านเพียงลำพังเลยหยวนกัง ข้ายังไม่อยากจะแก่ท่านอ๋องน้อยวิ่งหลบรวดเร็วเหมือนชิงกวานอ๋องที่พลิกพลิ้วยิ่งกว่าใคร อีกหน่อยหากฝึกปรือวิชากระบี่คงหาตัวจับยาก”หยวนกังอมยิ้ม“ข้า ได้ยินว่าท่านอ๋องน้อยทรงขออนุญาตฝ่าบาทฝึกวิชากระบี่ เราสองคนคงต้องลับคมกันหน่อยเพื่อรอวันถวายการฝึกสอน”“ฮ่าาา เหมือนจริงๆ ช่างเหมือนท่านอ๋องชิงกวานเสียจริง มุ่งมั่นยิ่งนัก เราสองคนคงต้อง ทุ่มเทฝึกสอนกันให้มากหน่อย”ป้อคุนเอ่ยขึ้นดังๆ“หยวนกัง…ป้อคุน…..”ชิงกวานน้อยวิ่งออกจากที่ซ่อน กระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของหยวนกัง“ฮ่าาาาท่านอ๋องในที่สุดก็ยอมออกมา”ป้อคุนอมยิ้ม“ก็ข้าได้ยินว่า ท่านอาทั้ง

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   จบบริบูรณ์

    ดวงตาพร่ามัวกลอกกลิ้งไปมาทั้งซ้ายและขวา เสียงอ้อแอ้ขององค์ชายน้อยดังแว่วมา แต่ไกล“ชิงกวานน้อยของแม่ เจ้าจะรีบตื่นแต่เช้าทำไมกันเสด็จพ่อยังคงหลับใหล”เสียงหวานของหยงเจิ้งทำเอาอินเฉิงยิ้มกว้างยกมือขึ้นคลำที่ดวงตาทั้งสองข้างสูดลมหายใจลึกๆ“เสี่ยวเจิ้ง”หยงเจิ้งขยับกายหันมา มองร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาลืมตาอยู่บนแท่นบรรทม รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นที่ใบหน้างาม“ฝ่าบาท ท่านฟื้นแล้ว”ดวงตาซ้ายขวากลอกกลิ้งไปมา มองเห็นใบหน้างามเด่นชัด“ข้านอนไปนานแค่ไหน เสี่ยวเจิ้งกับองค์ชายน้อยถึงได้มาอยู่ข้างกายข้าได้”“องค์ชายน้อยชิงกวาน”อุ้มร่างเล็กที่ส่งเสียงอ้อแอ้ปลุกยามเช้ามาใกล้ๆ อินเฉิงรับเอาร่างเล็กจิ๋วไว้ในอ้อมแขน“ชิงกวาน ชื่อนี้เหมาะกับเจ้าเสียจริง เจ้า เป็นคนที่ทำให้ พ่อกับแม่ได้มีวันนี้วันที่เราพร้อมหน้า”หยงเจิ้งปาดน้ำตาที่เอ่อล้นขอบตา อินเฉิงดึงมือหยงเจิ้งให้นั่งลงข้างๆ เขาจูบซับน้ำตาให้เบาๆ“ท่านอาไม่อยากเห็นน้ำตาเจ้าหยงเจิ้งของข้า ดวงตานี้ของท่านอาอยากเห็นรอยยิ้มของเจ้า มิใช่หยาดน้ำตา”หยงเจิ้งยิ้มทั้งน้ำตา“มีวันนี้ได้เพราะท่านอ๋อง ข้าหยงเจิ้งเช่นไรจะกล้าขัดคำสั่ง”ยิ้มกว้างสดใส อินเฉิงกอดรวบร่าง

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   เพื่อเจ้า

    “ข้า อัปลักษณ์เพียงนี้ เป็นท่านอาที่จะต้องดูแลหยงเจิ้งต่อไป เป็นท่านอาอินเฉิงจึงวางใจ”หมอหลวงวิ่งถือหลวมยาเข้ามา อินเฉิง ขยับกายให้หมอหลวงตรวจดูอาการของ ชิงกวานอ๋อง“ฝ่าบาท ชิงกวานอ๋องไร้ความสามารถไม่อาจดูแลนาง ฝ่าบาทจึงคู่ควรที่สุด”หมอหลวงลุกขึ้นยืนประสานมือตรงหน้าอินเฉิงพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอินเฉิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา หยวนกังเบือนหน้าหนีปาดน้ำตาที่ไหลริน“ท่านอา เราไปพักที่ตำหนักให้ท่านหมอ จัดเทียบยาดีไหม”น้ำเสียงอ่อนโยน“หยวนกังตามอาจารย์ให้ข้าทีข้าอยากจะพักเสียหน่อย ฝ่าบาทพยุงชิงกวานไปเถิด ให้หยวนกังตามอาจารย์”หยวนกังยิ้มกว้าง เหมือนจะเริ่มมีความหวังว่าอาจารย์กับวิชาแพทย์เถื่อนจะสามารถช่วยชีวิตท่านอ๋องได้“หยวนกังรีบไปแล้วท่านอ๋องอดทนหน่อย”วิ่งออกจากท้องพระโรงกระโดดขึ้นหลังม้าควบออกไปราวกับลูกดอกพุ่งเข้าสู่เป้าอินเฉิงพยุงชิงกวานอ๋องหมอหลวงตรวจดูอาการของป้อคุนอย่างเร่งรีบบนแท่นบรรทม ร่างสูงองอาจนอนเหยียดยาวใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้กลับซีดขาว แต่แววตายังอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกครั้งที่อินเฉิงเคยเห็น เลือดสดๆ ยังไหลซึมออกจากบาดแผล“ท่านอาอดทนหน่อย อาจารย์ปู่กำลังมา”“เพื่อฝ่าบาทต่างหาก

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   ชิงกวานอ๋อง2

    อินฉางดวงตาเหลือกลานเมื่อเห็นว่า หมิงเยว่ล้มลงคว่ำหน้าลงกับพื้นเลือดอาบไปทั่วร่างบาง ตรงเข้าหอบเอาร่างบางที่หายใจรวยริน“ม่ายยยยไม่นะหมิงเยว่ต้องไม่ใช่เจ้าต้องไม่ใช่เจ้าหมิงเยว่ขะขะข้าขอโทษ หมิงเยว่ ข้าไม่ให้เจ้าตายไม่หมิงเยว่ อย่าทำแบบนี้หมิงเยว่”ทว่าร่างโชกเลือดหาได้ขยับเขยื่อนเคลื่อนไหวไม่ยังคงนิ่งงัน ดวงตาอาบไปด้วยหยาดน้ำตา สิ้นลมหายใจโดยไม่ได้ร่ำลา“หมิงเยว่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”อินฉางอุ้มร่างโชกเลือดไว้ในอ้อมแขนดวงตาแดงก่ำ“อินฉิง ท่านจะต้องรับผิดชอบ ปาถั่วรับบัญชาข้า ฆ่าอู่อินเฉิงกับป้อคุนแล้วสับร่างเป็นชิ้นๆ ”ปาถั่วก้มหน้าประสานมืออินฉางเดินโซเซพาร่างไร้วิญญาณของหมิงเยว่ออกจากท้องพระโรง“ยิง”ปาถั่วสั่งพลธนูทว่ายังไม่ทันได้เหนี่ยวคันธนู พลธนูทั้งหลายต่างล้มลงไปกองกับพื้นองครักษ์หลายนายต่างวิ่งถือกระบี่เข้ามาล้อมชิงกวานอ๋องที่ในมือกำกระบี่ ฟาดฟันสังหารมือยิงธนูจนบาดเจ็บล้มตาย“ฝ่าบาท”พยุง อินเฉิงที่ถูกลูกดอกปักเข้าที่ขาข้างขวา“ท่านอา มาทันเวลาพอดี”“อย่าเพิ่งพูดอะไร ฝ่าบาทจงรีบเปิดประตูให้คนของเรา ชิงกวานจะหันเหความสนใจของคนพวกนี้ ป้อคุนยังไหวหรือไม่”ป้อคุนที่ไม่อาจขยับกาย“ชิงกวา

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   ชิงกวานอ๋อง

    ทัพของอู่อินเฉิง ดาหน้าที่ประตูวังหลวงแคว้นเหว่ย พลธนูเหนี่ยวคันธนูสุดแรงรอเพียงคำสั่งให้ยิงอยู่บนป้อมปราการสูงบนประตูวังทั้งสี่ด้าน“ยิง”ป้อคุนทะยานเข้ามาขวางอู่อินเฉิงที่ตกเป็นเป้าของธนูใช้กระบี่ในมือกวัดแกว่งคุ้มภัย อู่อินเฉิงเองก็กำกระบี่ในมือกวัดแกว่งปัดป้อง เหล่าทหารโห่ร้องหาได้สะทกสะท้านต่อความเจ็บความตายตรงหน้า“บุกเข้าไปในวังหลวงจับตัวอู่อินฉางมาคุกเข่าตรงหน้าฝ่าบาท”ป้อตี้ออกคำสั่ง ดังลั่น หทารกล้าทั้งหลายต่างพุ่งตัวเข้าไปยังประตูวัง ออกแรงดันประตู ให้เปิดอ้าออกเพื่อให้กองทัพเข้าไปภายในห่างจากวังหลวงสิบลี้“ท่านอ๋องเปลวไฟ ลุกไหม้อยู่ที่วังหลวงเกรงว่าตอนนี้ทัพของฝ่าบาทคงถึงที่นั่นแล้ว”หยวนกังเอ่ยปากด้วยสีหน้ากังวล“เร่งเดินทางอารักขาฝ่าบาท ข้าไม่อาจวางใจอู่อินฉางหาใช่ผู้ที่ซื่อตรงไม่จะต้องซ่อนกลโกงไว้รอฝ่าบาทเป็นแน่”ชิงกวานอ๋องควบม้าเร็วรี่ยังกลุ่มควันที่ลอยวนบนท้องฟ้าอินฉางนั่ ไขว่ห้างอยู่บนบัลลังก์มังกรในท้องพระโรง ในมือมีจอกสุรารสเลิศ ข้างกายเป็นหมิงเยว่ ที่นั่งก้มหน้ามองมือตัวเอง กับปาถั่วที่กุมกระบี่ข้างเอวไว้แน่นเสียงโห่ร้องใกล้เข้ามา อินเฉิงก้าวขายาวๆยังหน้าบัลลั

  • สนมใบ้ไร้ศักด์   ปลดข้าออกจากพันธนาการเสียที

    “ข้าหากจะต้องตายเพราะการณ์นี้ ก็คงจะต้องยอมเพราะเลือกข้างผิดเดิม อู่อินเฉิงไม่จะไม่เคยใส่ใจ กองทัพแต่ทว่าชิงกวานอ๋องกับผูกใจ เหล่าทหารกล้าบทเรียนครั้งนี้ ไม่อาจแก้ไขแม้ตอนนี้จะมีที่มั่นและกำลังคนแต่หากชิงกวานอ๋อง เอ่ยปากไม่แน่ว่าเหล่าทาหรพวกนี้จะย้ายข้างหรือไม่”“ข้าน้อยได้ยินมาว่า ชิงกวานอ๋องในครั้งนี้ไม่ได้ มาด้วยมีเพียงอู่อินเฉิงเท่านั้น”ปาถั่วขมวดคิ้ว“บางทีนี่อาจเป็นแผนการตลบหลังไม่อาจวางใจ”ถอนหายใจยาวตำหนักชิงหนิงกง“ฮองเฮาอู่อินเฉิงยกทัพกลับมาที่วังหลวง คงจะถึงวังหลวงในอีกไม่ช้า”หมิงเยว่ ลุกขึ้นจากแท่นนอนสีหน้าแสดงความดีใจ“เขากลับมาแล้วเขาไม่ได้ทอดทิ้งข้าเขายังรักข้าอย่างน้อยก็กลับมาทวงบัลลังก์และคงจะมารับข้าเป็นฮองเฮาของเขาเหมือนเคย”ตงฟางหัวถอนหายใจ หมิงเยว่หลายเดือนที่ผ่านมา สติหลุดลอย พูดจาเลื่อนเปื้อนติดอยู่ในความเพ้อฝันเสียมากกว่าความจริง“ฮองเฮา ไม่แน่ว่าอู่อินเฉิงจะกลับมาหาฮองเฮา”“เขาต้องมาในเมื่อในใจเขามีข้าเพียงคนเดียว เขาทำทุกอย่างเพื่อข้า ข้ารู้แล้วข้าเองก็จะทำทุกอย่างเพื่อเขาเช่นกันเขาจะได้ไม่ต้องลำบากทวงคืนบัลลังก์”ดวงตาเป็นประกายสดใสตงฟางหัวถอนหายใจ“ฮองเฮา

DMCA.com Protection Status